ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ ขุนคลังนักวิชาการ

ผู้ทรงอิทธิพลด้านเศรษฐกิจประเทศ ต้องมอบให้บุคคลที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะเป็นหน่วยงานรัฐที่ทั้งสามารถขับเคลื่อนหรือเป็นอุปสรรคฉุดรั้งประเทศ และภาระหน้าที่นี้จึงทำให้ “ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์” กลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในปี 2550

“ฉลองภพ” เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลที่มีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์เป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ลาออกจากตำแหน่ง เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ท่ามกลางความคาดหวังจากประชาชนที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งเยียวยาบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ หลังชะงักงันมาตั้งแต่เกิดวิกฤตการเมือง และรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2550

จากภาพลักษณ์นักวิชาการของ “ฉลองภพ” เพราะฝังตัวอยู่ในสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอมากกว่า 20 ปี เป็นผู้อยู่ข้างเวทีคอยวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรัฐบาลชุดต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้บางคนคาดหวังว่า “ฉลองภพ” จะบริหารงานการคลังได้ดีอย่างที่เคยเสนอแนะ แต่นักธุรกิจบางคนก็บอกแค่ว่าไม่ขอคาดหวัง เพราะนี่คือโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่โลกของทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์อย่างที่เคยคุ้นเคย

แต่ถึงอย่างไรความเคลื่อนไหวด้านนโยบายเศรษฐกิจของประเทศทุกคนยังต้องฟังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

หลังเข้ารับตำแหน่งขุนคลังเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 “ฉลองภพ” เจอภาระใหญ่ที่คอยทดสอบฝีมืออดีตนักวิชาการผู้นี้ คือการแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อรับตำแหน่งโดยทันทีค่าเงินบาทก็ปรับตัวแข็งค่าสูงสุดในรอบ 7 ปี และจนบัดนี้การแข็งค่าของบาทก็ยังคงเป็นปัญหาสำหรับผู้ส่งออก การพิจารณาการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่เหมาะสมอย่างรถไฟฟ้า การพยายามหาสูตรกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน การกระตุ้นการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมไปถึงล่าสุดการใช้มาตรการทางภาษีสรรพสามิตพิเศษสำหรับการผลิตรถยนต์ที่รักษาสิ่งแวดล้อม หรืออีโคคาร์

จนมาถึงการจุดพลุด้วยความพยายามตอบสนองความต้องการของชาวบ้านในการหาวิธีการที่เหมาะสมสำหรับการเสี่ยงโชคกับสลากกินแบ่งพิเศษ 2 ตัว และ 3 ตัว ทดแทน “หวยบนดิน” ที่ถูกยกเลิก และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลชุดที่แล้วว่าได้ดำเนินการโดยมิชอบ

และหวยพิเศษตามแผนของคลังยุคนี้ “ฉลองภพ” ก็พร้อมผลักดันให้มีรางวัลแจ็กพอต เพื่อจูงใจผู้ซื้อ

แต่มาตรการทั้งหมดนั้นยังคงต้องใช้เวลา จนเวลาผ่านไปเกือบ 3 เดือนยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่าจะเดินไปอย่างไร หลายมาตรการยังเป็นเพียงนโยบายผ่านการคิดและพูด แต่ไม่ได้นำมาใช้ เช่น มาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งไม่ต่างกับการจุดพลุให้แสงสว่างผู้ประกอบการแล้ววูบดับไป

“พากันเซ็ง” สำหรับนักธุรกิจที่มองไม่เห็นความคืบหน้าในการบริหารงานการคลังของประเทศ แต่หลายคนก็ดีใจเพียงแค่ว่าไม่ทำอะไรให้เสียหายไปมากกว่าเดิม และรอเวลาจนถึงเลือกตั้งใหม่ก็เพียงพอแล้ว

อย่างไรก็ตาม “ฉลองภพ” ยังคงมีความมุ่งมั่นรับผิดชอบงานในตำแหน่งอย่างเต็มที่ โดยตัวอย่างหนึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ชนิดทุ่มเทอย่างหนัก อันเป็นที่รู้กันในหมู่ข้าราชการคือรัฐมนตรีฉลองภพมาทำงานตั้งแต่เช้า โดยเฉลี่ยถึงกระทรวงก่อน 7 โมงเช้า และกลับดึกมากบางครั้งล่วงเลยไปจนถึง 5 ทุ่ม

สำหรับ “ฉลองภพ” แล้ว ความเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย มีภาพลักษณ์ความใสสะอาด เป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มนักวิชาการด้วยกัน แม้จะเป็นครั้งแรกกับตำแหน่งรัฐมนตรีบริหารประเทศ แต่ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรัฐบาลชุดปัจจุบัน

Profile

Name : ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์
Born : 10 เมษายน 2493
Education :
พ.ศ.2515 ปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
พ.ศ.2517 ปริญญาโท เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
พ.ศ.2521 ปริญญาเอก เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
Career Highlights :
พ.ศ. 2520 – 2522 อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (เบิร์คเลย์)
พ.ศ. 2522 – 2528 นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
พ.ศ. 2528 – 2529 นักวิจัยฝ่ายการวิจัยนโยบายเศรษฐกิจส่วนรวม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
พ.ศ. 2530 – 2538 ผอ.ฝ่ายการวิจัยทรัพยากรมนุษย์และพัฒนาสังคม สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
พ.ศ. 2539 – 2550 ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
7 มี.ค. 2550 รัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง กระทรงการคลัง