เครือข่ายไทยรักไทย สู้นอกกติกา

หลังคืนวันที่ 30 พฤษภาคมที่พรรคไทยรักไทยมีอันถูกยุบไป ลดสถานะจาก “พรรค” กลายเป็น “กลุ่ม” เกิดกระแสความผิดหวังและไม่พอใจตั้งแต่บรรดาแกนนำกลุ่มไทยรักไทย ลงไปถึงอดีตสมาชิกพรรคและแฟนๆ ที่เป็นประชาชนรากหญ้าบางส่วน

แม้คำพิพากษาของตุลาการรัฐธรรมนูญจะต้องถือเป็นเด็ดขาด แต่เรื่องของกระแสความรู้สึกนั้นห้ามกันยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้ากลุ่มกล่าว Speech ปลุกระดมออกอากาศสดอย่างร้อนแรงจนหลายช่องตัดสัญญาณกันแทบไม่ทัน

กระแสความไม่พอใจนั้นได้ถูกผ่องถ่ายมาแสดงออกใน “ม็อบ PTV” ที่ก่อตั้งและนัดชุมนุมกันมาหลายหน แต่ไม่เคยมีคนมากเท่าคืนวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายนมาก่อน ซึ่งทางแกนนำอ้างว่ามีถึงราว 5 หมื่นคน จากที่ปกติก่อนนี้มีครั้งละไม่กี่พันเท่านั้น

กลยุทธ์ “แยกกันเดิน รวมกันตี คมช.” ที่ใช้มานานจึงเห็นผลชัดเจนที่สุดในช่วงนี้ จากที่พรรคการเมืองทุกพรรคติดประกาศ คปค. ฉบับที่ 15 ห้ามจัดกิจกรรมใดๆ แต่กลุ่มม็อบ PTV ที่แกนนำเต็มไปด้วยอดีตคนไทยรักไทยยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างโดดเด่น

และในครั้งนี้ม็อบพีทีวีได้ Re-positioning ขยายหากลุ่มอื่นๆ มาร่วม Synergy กัน พร้อมประกาศเปลี่ยนชื่อกลุ่มให้ฟังดูกว้างขึ้นเป็น “แนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร” หรือ นปตร.

ยุทธศาสตร์ Synergy ใหม่นี้คือ”แสวงจุดร่วม สำรวมจุดต่าง” ซึ่งแกนนำได้แถลงในวันที่ 2 มิถุนายนว่าได้ชักชวนกลุ่มต่างๆ หลากหลายที่มี “จุดร่วม” ต่อต้าน คมช. ด้วยกัน มาร่วมกิจกรรมชุมนุมโดยไม่สนใจ”จุดต่าง” ว่ากลุ่มนั้นจะสนับสนุนอดีตนายกฯทักษิณหรือไม่ โดยรวมไว้ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ พิราบขาว กลุ่มนักศึกษาจากรามคำแหง จุฬาฯ และอีกหลากหลายรวมถึง 22 กลุ่ม

ตัวอย่างที่โดดเด่นเห็นจะเป็น “กลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก” หรือ กปก. ที่สมาชิกทุกคนเป็นนิสิตจุฬาฯ แค่ชื่อก็บ่งบอกชัดว่าเป็นเสริมกำลังหนุ่มสาวรุ่นใหม่ให้กับม็อบได้ชัดเจน ซึ่งนอกจากท้องสนามหลวงแล้ว ทางกลุ่มก็จัด “กิจกรรมต้านรัฐประหาร” ที่ศาลาพระเกี้ยวในจุฬาฯ เป็นระยะๆ ไปควบคู่กันด้วย

ส่วนบนเวทีนั้น จากเดิมที่มีแต่แกนนำพีทีวี อดีตไทยรักไทย อย่าง วีระ มุสิกพงศ์, จตุพร พรหมพันธ์, จักรภพ เพ็ญแข ก็ปรับเปลี่ยนเพิ่มรายใหม่ๆ มาร่วม เช่น สุรชัย แซ่ด่าน อดีตสมาชิกรุ่นใหญ่คนสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยผู้โด่งดังในอดีต มาใช้ลีลาปราศรัยดุเดือดตรึงผู้ชมให้ตั้งหน้าตั้งตาฟัง สลับฉากกับคอนเสิร์ตดนตรีแนวเพื่อชีวิตไม่ให้คนดูเหนื่อยล้าเคร่งเครียดเกินไป

ก่อนนี้ม็อบพีทีวีเน้นพูดถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ทำตัวเป็นสื่อโฆษณาหน้าที่ Remind ให้ประชาชนไม่ลืมโปรดักส์ทักษิณที่ยังไม่สามารถบินกลับมาและต้องห่างหายหน้าจากทุกสื่อไปยาวนาน แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น “ม็อบ นปตร.” ก็ได้หันมาเน้นโจมตีรัฐบาล คมช. และประธานองคมนตรี พลเอกเปรม แบบเน้นๆ เต็มๆ

จำนวนผู้ร่วมชุมนุมที่ก้าวกระโดด ทำให้ คมช. ถึงกับขอความร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือทุกเจ้า ส่ง SMS ไปถึงลูกค้าแทบทุกรายผ่านชื่อผู้ส่งว่า CNS (Committee of National Security) หรือ คมช. ว่าขอให้ทุกคนช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย และยิงตัววิ่งใต้จอทีวีขอให้ทุกคนพิจารณาให้ดีก่อนไปร่วมชุมนุม

พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ประธาน คมช. ถึงกับเปรยออกสื่อว่าอาจจะยกเลิกประกาศ คปค. ฉบับที่ 27 ที่ตัดสิทธิกรรมการพรรคที่ถูกยุบ 5 ปี เพื่อความสมานฉันท์ แต่ด้วยกระแสต้านจากหลายฝ่ายทำให้แนวคิดนี้ตกไป ส่วนพลเอกสะพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. คนสำคัญในคณะ คมช. ถึงกับแต่งกายนอกเครื่องแบบไปกับ ทส. ไม่กี่คน เข้าสังเกตการณ์การชุมนุมที่ท้องสนามหลวงด้วยตัวเอง

ความเคลื่อนไหวของ “บิ๊ก” ทั้งสอง แสดงชัดว่าการชุมนุมใหญ่คืนสุดสัปดาห์ 2 – 3 มิถุนายนที่ท้องสนามหลวงนั้นอยู่ในระดับที่ต้องจับตามองและต้องรับมืออย่างเต็มที่แล้ว

นอกจากการเปิดกว้างสร้างแนวร่วมใหม่ๆ แล้ว ม็อบพีทีวียังเดินตามรอยม็อบพันธมิตรฯ เมื่อปีก่อนอีกอย่างคือนัดชุมนุมทุกเย็นต่อเนื่องยาวนาน และไฮไลต์สำคัญจะอยู่ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 24 มิถุนายนนี้ เพราะเป็นวันครบรอบ 75 ปีของการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยในสมัยรัชกาลที่7 จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ระบอบรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง

“วันนั้นผมจะเปิดเผยเบื้องลึก เบื้องหน้า เบื้องหลังของ คมช. ที่เปรียบเหมือนบ๋อย ที่ทำงานให้กับคนกลุ่มหนึ่ง เราจะฉายไฟที่บ๋อย การเปิดเผยข้อมูลก็จะเสี่ยงอันตรายขึ้นทุกทีในระบบกฎหมาย ซึ่งจะถือว่าเป็นการท้าทายระบบขุนนางมากขึ้น” เป็นคำประกาศกร้าวเขย่ากฎหมายโดยจักรภพ เพ็ญแข แกนนำม็อบ

ก่อนจะถึงวันนั้น ปฏิบัติการท้าทายทุกกฎหมายและทุกสถาบันก็เริ่มชัดเจนแล้ว เมื่อ 4 มิถุนา หลังยุบพรรคห้าวัน ม็อบแนวร่วมฯ นปตร. ราว 20 คน ไปชุมนุมหน้าศาลรัฐธรรมนูญชูป้ายผ้า “9 ตุลาการเถื่อน” พร้อมกล่าวปราศรัยและให้สัมภาษณ์สื่อโจมตีศาลฯ ว่ามีที่มาไม่ชอบธรรม และตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยโดยไม่ถูกหลักกฎหมาย ซึ่งทางฝ่ายศาลฯ ก็ยังเพียงแค่ตักเตือนแต่ยังไม่ฟ้องหมิ่นฯ แต่อย่างใด

ไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อหรือเพิ่มแนวร่วมอย่างไร แต่ในที่สุด ม็อบเหล่านี้คือตัวแทนของ “เครือข่ายอดีตพรรคไทยรักไทย” ที่ใช้เกมการต่อสู้นอกกติกา