การท่องเที่ยว – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 28 Aug 2025 13:21:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘เวียตเจ็ท’ ตั้งเป้าเพิ่มการจ้างงานในไทยกว่า 5,000 ตำแหน่ง https://positioningmag.com/1535732 Thu, 28 Aug 2025 13:20:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1535732 สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เดินหน้าขยายเส้นทางบินใหม่ต่อเนื่อง โดยเส้นทางระหว่างประเทศโฟกัสไปที่อินเดีย, เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งจะเปิดภายในปี 2568 ขณะที่ในประเทศเตรียมเปิดเส้นทางกรุงเทพ-นครศรีธรรมราช ตั้งเป้าเพิ่มการจ้างงานในไทยกว่า 5,000 ตำแหน่ง

 

วรเนติ หล้าพระบาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 สายการบินเวียตเจ็ทไทยแลนด์ ตั้งเป้ามีจำนวนผู้โดยสารและรายได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 6.7-6.8 ล้านคน ส่วนรายได้ตั้งเป้าไว้ 1.5 หมื่นล้านบาท

 

สำหรับเหตุผลที่ตั้งเป้าหมายของการดำเนินการในปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังไม่มีเครื่องบินใหม่เพิ่มเข้ามา ซึ่งเป็นปัญหาที่สายการบินทั่วโลกเผชิญเหมือนกัน ประกอบกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะ ‘นักท่องเที่ยวจีน’ ที่หายไป 30-40%

 

อย่างไรก็ตาม ทางเวียตเจ็ทไทยแลนด์ เตรียมรับมอบเครื่องใหม่ โบอิ้ง 737-8 เพิ่มอีก 50 ลำ จากปัจจุบันมีเครื่องบินแอร์บัส 14 ลำ (เดิมเวียตเจ็ทไทยแลนด์มีเครื่องบินแอร์บัส 18 ลำ แต่ช่วงกลางปี 2568 ได้ทยอยคืนไปแล้ว 4 ลำ”

 

ทั้งนี้เครื่องบินใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาจะทยอยรับมอบตั้งแต่ปีนี้ จำนวน 9 ลำ โดยรับมอบในเดือนตุลาคม 1 ลำ, เดือนพฤศจิกายน 4 ลำ และเดือนธันวาคม 4 ลำ จากนั้น ในปี 2569 จะรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 13 ลำ และรับมอบเครื่องบินใหม่ครบ 50 ลำ ภายในปี 2571

 

การเพิ่มเครื่องบินดังกล่าว เพื่อเตรียมเปิดเส้นทางบินใหม่ครอบคลุมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแผนการขยายฝูงบินทั้งในระยะสั้นและกลาง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับเวียตเจ็ทไทยแลนด์ในตลาดโลว์คอสต์ที่รุนแรง และสร้างความพร้อมให้ไทยก้าวสู่การเป็นฮับการบินในภูมิภาค

 

ที่สำคัญยังตั้งเป้าจะเพิ่มการจ้างงานในไทยกว่า 4,000- 5,000 ตำแหน่ง ครอบคลุมนักบิน พนักงานต้อนรับ พนักงานภาคพื้นดิน และฝ่ายวิศวกรรม

 

“เรามีเป้าหมายต้องการเชื่อมต่อเมืองหลัก–เมืองรองในไทยกับเมืองสำคัญทั่วเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และเวียดนาม โดยเฉพาะอินเดียที่เป็นตลาดใหญ่ ซึ่งเราคาดหวังจะนำมาทดแทนตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่หายไป และต้องใช้เวลากว่าจะฟื้นกลับมา”

 

สำหรับเส้นทางบินใหม่ที่เวียตเจ็ทไทยแลนด์จะเปิดในปีนี้ ได้แก่

เส้นทางกรุงเทพ -โซล (อินชอน) เริ่ม 1 ตุลาคม 2568

เส้นทางกรุงเทพ-โอซาก้า (คันไซ) เริ่ม 1 ธันวาคม 2568

เส้นทางกรุงเทพ-โตเกียว (นาริตะ) เริ่ม 15 ธันวาคม 2568

เส้นทางกรุงเทพ-โกลกาตา เริ่ม 16 พฤศจิกายน 2568

เส้นทางกรุงเทพ-อาเมดาบัด เริ่ม 4 ธันวาคม 2568

เส้นทางกรุงเทพ-นครศรีธรรมราช ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2568

]]>
1535732
ท่องเที่ยวเกาหลี ชู TravelTech ดึง ‘คนไทย’ กลับไปเที่ยวเพิ่ม https://positioningmag.com/1533335 Tue, 12 Aug 2025 05:28:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1533335 จากเคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับท็อปในใจคนไทย แต่ตอนนี้ ‘เกาหลี’ มีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือนในแต่ละปี  ลดลงชัดเจนจากหลายปัจจัยทั้งสภาพเศรษฐกิจ การแข่งขันด้านการท่องเที่ยว และ ‘ปัญหาการเข้าประเทศ’ ซึ่งประเด็นหลังเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุด  

 

องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี หรือ KTO ได้เผยถึงภาพรวมคนไทยไปท่องเที่ยวเกาหลีเริ่มลดลงตั้งแต่ ช่วงเกิดการระบาดของโควิด โดยปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิดมีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือนเกาหลี 527,000 คน,      ปี 2567 อยู่ที่ 322,000 คน ส่วนในปี 2568  ช่วงครึ่งปีแรกมีนักท่องเที่ยวไทยไปเกาหลีกว่า 180,000 คน และเมื่อจบทั้งปีตั้งเป้าไว้ที่ 360,000 คน

 

จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ไทยติดใน Top 5 นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนเกาหลีมากที่สุด แต่ปัจจุบันตกมาอยู่อันดับ 11 

 

สำหรับสาเหตุของการลดลงทาง KTO บอกว่า มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ‘สภาพเศรษฐกิจ’ ที่มีผลให้กำลังซื้อของคนไทยลดลง, ‘การแข่งขันด้านท่องเที่ยว’ ส่วน ‘ปัญหาการเข้าประเทศ’ ก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่มีเปอร์เซ็นต์ไม่สูง เมื่อเทียบกับสัดส่วนนักท่องเที่ยวไทยทั้งหมด

 

นอกจากจำนวนแล้ว หลังจากการระบาดของโควิด-19 ยังเห็นเทรนด์พฤติกรรมของคนไทยที่ไปเที่ยวเกาหลีเปลี่ยนไป นั่นคือ จากเคยนิยมเดินทางกับ ‘กรุ๊ปทัวร์’ มาเป็น ‘เดินทางด้วยตัวเอง’ (individual traveler / FIT) โดยจะวางแผนล่วงหน้าและใช้แพลตฟอร์มจองออนไลน์-เปรียบเทียบราคา

 

รวมถึงเน้นไปท่องเที่ยวเฉพาะด้าน เช่น Medical Wellness, K-beauty, คลินิกศัลยกรรม ฯลฯ , เน้นเที่ยวเชิงลึกในย่านใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวกระแสหลัก, สื่อสารผ่านแอปแปลภาษาและ ใช้ eSIM สำหรับเพิ่มความสะดวก

 

ชู TravelTech ดึงคนไทยกลับไปเที่ยวเพิ่มขึ้น

 

สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวไทยให้ความสำคัญกับการใช้ดิจิทัลเข้ามาใช้วางแผน และเพิ่มความสะดวกสบายเมื่อต้องเดินทางมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้การท่องเที่ยวเกาหลีจะชูเรื่อง TravelTech เข้ามาผลักดันให้คนไทยกลับไปเที่ยวเกาหลีให้มากขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวเกาหลีในไทยไปพร้อมกันด้วย

‘ยัง คยองซู’ รองประธานบริหาร สายงานอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี (KTO) กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ใช่แค่ฐานตลาด แต่คือพาร์ทเนอร์ระดับภูมิภาคที่พร้อมเติบโตไปด้วยกัน เนื่องจากธุรกิจไทยมีความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการ ขณะที่เกาหลีมีจุดแข็งด้านนวัตกรรม หากสามารถเชื่อมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้เราเป็นผู้เล่นกลุ่มแรก ๆ ที่ได้เปรียบในตลาดท่องเที่ยวยุคใหม่ ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้ให้การสนับสนุนกลุ่มสตาร์ทอัพศักยภาพสูงเหล่านี้ผ่านทาง KTSC หรือ ‘ศูนย์ส่งเสริมสตาร์ทอัพการท่องเที่ยวเกาหลี’

 

สำหรับ KTSC ในไทย ได้เปิดดำเนินงานเมื่อปี 2567 เป็นแห่งที่ 3 ต่อจาก ‘สิงคโปร์’ และ ‘โตเกียว’ ทำหน้าที่เชื่อมสตาร์ทอัพเกาหลีกับธุรกิจไทย ตั้งแต่การวิจัยตลาด ทดลองใช้เทคโนโลยี (PoC) ปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับผู้บริโภคไทย ไปจนถึงอำนวยความสะดวกด้านกฎหมายและการตั้งธุรกิจในไทย

 

ปัจจุบันมี 12 บริษัทเข้าร่วม โดย 2 ราย จดทะเบียนบริษัทในไทยเรียบร้อยแล้ว ได้แก่ Lala Station ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มไลฟ์คอมเมิร์ซบน OTA ที่รองรับการแปลภาษาแบบเรียลไทม์หลายภาษา ด้วยระบบ SaaS ได้ร่วมทุนกับเครือสหพัฒน์ ในไทย และ Seoul Unniedeul  แพลตฟอร์มทัวร์คอมเมิร์ซที่ผสมผสานประสบการณ์ K-Beauty และสไตล์แฟชั่น

 

“หากการท่องเที่ยวต้องการอยู่รอดในเศรษฐกิจปัจจุบัน ต้องเปลี่ยนเกมด้วยการยกระดับระบบรองรับการเดินทาง ไม่ใช่เพียงเพิ่มงบโฆษณาหรือทำโปรโมชั่น ไทยจึงไม่ใช่ตลาดปลายทาง แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่พร้อมทดลอง ปรับตัว และเติบโตไปด้วยกันในสนามที่ยังเปิดกว้าง”

 

เปิดอินไซต์นักท่องเที่ยวไทยไปเกาหลี

 

สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเยือนเกาหลี ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น และคู่รัก โดยค่าใช้จ่ายประมาณการจะอยู่ที่ 30,000 – 50,000 บาทต่อคน มีวันพักเฉลี่ยอย่างน้อย 5 วัน

 

ส่วนจุดหมายยอดนิยม ได้แก่

 

– โซล: ช้อปปิ้ง / คลินิกความงาม (กังนัม), คาเฟ่-สตรีทแฟชั่น, พิพิธภัณฑ์ K-culture

– ปูซาน: ริมทะเล / ทัวร์ศิลปะและวัฒนธรรม

– คยองกี–อินชอน: สวนสนุก / สกีรีสอร์ท / โรงเรียนสอนภาษา

– เชจู: Wellness retreat, farm stay, กิจกรรมกลางแจ้ง

– เมืองรอง เช่น แทกู คยองจู : โปรแกรมเรียนทำอาหาร หรือเรียนภาษา / เทศกาลกินไก่กับเบียร์ ในฤดูร้อน

– ซอลลานัมโด จังหวัดทางตอนใต้ ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ทั้งทะเล ภูเขา และพื้นที่ชุ่มน้ำ หมาะกับการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ–วัฒนธรรม–Wellness จึงเริ่มได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวไทยสาย Slow Travel และ FIT

]]>
1533335
คนไทยเที่ยวเก่ง ดัน Gother เติบโต 300% ใน 7 เดือน ตั้งเป้า TOP3 แพลตฟอร์มท่องเที่ยวของไทยในปี 70 https://positioningmag.com/1525897 Thu, 12 Jun 2025 12:48:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1525897 อนุพงษ์ เกรียงไกรลิปิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซชั่น จำกัด หรือ Gother แพลตฟอร์มบริการการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า หลังเปิดตัวในปี 2567 แพลตฟอร์มได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ โดยในเวลาเพียง 7 เดือน Gother เติบโต 300%

จากข้อมูล พบว่า เทรนด์การท่องเที่ยวของคนไทยรุ่นใหม่ ค่อนข้างหลากหลาย โดยมีจุดหมายปลายทางยอดนิยม ดังนี้

ในประเทศ : เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต

ต่างประเทศ : ญี่ปุ่น จีน และเวียดนาม

จากอินไซด์ดังกล่าว บริษัทฯ เดินหน้า 3 กลยุทธ์ ขยายฐานลูกค้า ได้แก่

1.พัฒนาช่องทางการให้บริการที่หลากหลาย ทั้งบนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน Gother รวมถึงแพลตฟอร์มโมบายแบงก์กิ้งชั้นนำอย่าง K PLUS, Krungthai NEXT และแอปฯ เป๋าตัง ที่ยังมาพร้อมระบบชำระเงินที่สะดวกและปลอดภัย ช่วยให้สามารถจองทริปและชำระเงินได้เสร็จสิ้นบนแพลตฟอร์มเดียว

2.การใช้เทคโนโลยีพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ผ่านการใช้ AI ช่วยวิเคราะห์และแนะนำประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เหมาะกับรูปแบบการเดินทางของแต่ละบุคคลภายในปี 2568

3.การขยายเครือข่ายพันธมิตร ทั้งโรงแรม สายการบิน และผู้ให้บริการท่องเที่ยวในและต่างประเทศ เพิ่มความหลากหลายของบริการ ครอบคลุมตั้งแต่ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม กิจกรรมท่องเที่ยว บริการรถเช่า ไปจนถึงแพ็กเกจทัวร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนักเดินทางที่หลากหลาย ควบคู่ไปกับราคาที่เข้าถึงได้ ตลอดจนโปรโมชัน ข้อเสนอพิเศษ พร้อมส่วนลดที่ดึดดูดใจนักท่องเที่ยว

อนุพงษ์ เกรียงไกรลิปิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซชั่น จำกัด หรือ Gother

โกเธอร์ตั้งเป้าหมายสร้างยอดจอง 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 และจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศไทย

สำหรับโกเธอร์ (Gother) เป็นแพลตฟอร์มบริการการท่องเที่ยว ภายใต้การบริหารของ บริษัท เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุน (JV) ระหว่าง

  • บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล (บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย)
  • กรุงไทย เวนเจอร์ส (บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกรุงไทย)
]]>
1525897
‘เกียวโต’ เล็งขึ้นภาษีค่าที่พักสูงสุด 2,200 บาท/คน/คืน หลังเจอปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง https://positioningmag.com/1506461 Wed, 15 Jan 2025 04:28:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1506461 ‘ทางการเกียวโต’ ได้ประกาศแผนเตรียมจะปรับขึ้นภาษีค่าที่พัก ซึ่งเป็นความพยายามในการบรรเทาปัญหาจากมีนักท่องเที่ยวแห่เข้ามามาท่องเที่ยวจนล้นเมือง เพื่อบริหารจัดการทรัพยากร และรักษาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยคาดว่า จะประกาศใช้ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2569

 

ความจริงแล้วเมืองเกียวโตได้เริ่มเก็บภาษีแขกที่มาพักในโรงแรม เกสต์เฮาส์ ไปจนที่พักอื่น ๆ แบบรายบุคคลมาตั้งแต่เมื่อปี 2561 โดยอัตราปัจจุบันแบ่งออกเป็น

 

ที่พักราคา ไม่เกิน 20,000 เยน หรือ 4,440 บาทต่อคืน จะเสียภาษี 200 เยน หรือราว 44 บาทต่อคนต่อคืน

ที่พักราคา 20,000 – 49,999 เยน หรือราว 4,440 – 11,000 บาทต่อคืน จะเสียภาษี 500 เยน หรือราว 110 บาทต่อคนต่อคืน

ที่พักราคา 50,000 เยน หรือราว 11,000 บาทขึ้นไปต่อคืน จะเสียภาษี 1,000 เยน หรือราว 220 บาทต่อคนต่อคืน

 

สำหรับอัตราใหม่ที่จะเตรียมจะปรับขึ้นนั้น แบ่งเป็น

 

ที่พักราคา 20,000 – 50,000 เยน หรือราว 4,440 – 11,000 บาทต่อคืน จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นในอัตรา 1,000 เยน หรือราว ๆ 220 บาทต่อคนต่อคืน

ที่พักราคาสูงกว่า 100,000 เยน หรือราว 22,023 บาท ต่อคืน จะถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 10 เท่า ที่ 10,000 เยน หรือราว 2,202 บาทต่อคนต่อคืน

 

ตามแผนทางการเมืองเกียวโต จะยื่นขอแก้ไขกฎหมายภาษีนี้ต่อสภาเมืองที่จะเปิดประชุมในเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากได้รับการอนุมัติ จะเริ่มมีการประกาศขึ้นภาษีที่พักอัตราใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ของปี 2569

 

ทั้งนี้เกียวโต เป็นอดีตเมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ ทั้งความงดงามทางวัฒนธรรม วัดโบราณอันเก่าแก่และการแสดงเกอิชาที่มีชื่อเสียง แต่การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากได้ส่งผลกระทบและสร้างปัญหาความอึดอัดให้กับคนในท้องถิ่น ซึ่งการปรับขึ้นภาษีค่าที่พักใหม่นี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาปัญหาดังกล่าวแล้ว ทางการเมืองเกียวโตยังคาดว่า จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเมืองกว่า 10,000 ล้านเยนต่อปี

 

ที่มา

 

https://www3.nhk.or.jp/nhkworld/en/news/20250109_02/

https://english.kyodonews.net/news/2025/01/b88d3bb64968-kyoto-eyes-raising-city-lodging-tax-to-up-to-10000-yen-per-night.html#google_vignette

]]>
1506461
คนไทยกระเป๋าแบน 56% ลดงบเที่ยวต่างประเทศ ส่วนกลุ่มฐานะดีเที่ยวเพิ่ม ใช้จ่าย ตปท. ขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท/วัน https://positioningmag.com/1502449 Mon, 09 Dec 2024 07:26:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1502449 คนไทย ยุคกระเป๋าแบน 50% ขอเที่ยวลดลง กว่า 46% ลดเที่ยวในประเทศ ส่วน 56% พับแผนเที่ยว ตปท. สวนทางกลุ่มฐานะดีแนวโน้มเที่ยวเพิ่ม ด้านงบเที่ยวในประเทศไม่เกิน 3 พันบาท/วัน งบลุยต่างประเทศขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท/วัน วัยทำงาน-LGBTQIA+ จ่ายสูงสุด

ปัจจุบันผู้บริโภคไทย เผชิญแรงกดดันด้านกำลังซื้อ จากเศรษฐกิจไทยปี 2567 ที่เติบโตแบบชะลอตัว โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวในกรอบ 2.7% จากปีก่อนขยายตัว 1.9% ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย (ณ ไตรมาส 2/67) แตะระดับ 89.6% ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายหลายด้าน รวมไปถึง “ภาคการท่องเที่ยว”

SCB EIC รายงานผลสำรวจแนวโน้มการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวของคนไทย พบว่า ปี 2567 ประมาณการรายได้ท่องเที่ยวจากคนไทยอยู่ที่ 9.9 แสนล้านบาท ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิดที่อยู่ประมาณ 1.08 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปัญหาค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้ในปี 2568 แนวโน้มการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวของชาวไทยราว 50% คาดว่าจะลดลง และเป็นไปในทิศทางเดียวกับการใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ “โดยเฉพาะการท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะลดลงมากกว่าการท่องเที่ยวในประเทศ”

  • ผู้เลิกใช้จ่าย/ใช้จ่ายลดลงในการท่องเที่ยวภายในประเทศ (46%)
  • ผู้เลิกใช้จ่าย/ใช้จ่ายลดลงในการท่องเที่ยวต่างประเทศ (56%)
  • ผู้ใช้จ่ายเท่าเดิมและมากขึ้น เพื่อท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ (32%)

นอกจากนี้ สถานะการเงินยังเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการท่องเที่ยว

  • ผู้ที่คาดว่ารายได้จะลดลงมากในปีหน้ากว่า 38% จะเลิกใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในประเทศ
  • ผู้ที่คาดว่ารายได้จะเพิ่มมากในปีหน้ากว่า 57% จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

งบใช้จ่ายในทริปท่องเที่ยว

การใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศจะอยู่ที่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อวัน ส่วนการใช้จ่ายเฉลี่ย สำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศจะอยู่ที่ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อคนต่อวัน

นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQIA+ และกลุ่มวัยทำงานเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่างประเทศสูงกว่ากลุ่มอื่น ๆ”

วิธีปรับตัวของนักท่องเที่ยวไทยช่วงกระเป๋าแบน?

  • 54% ลดความถี่ในการท่องเที่ยว
  • 49% ช้อปปิ้งสินค้าน้อยลง
  • 49% เลือกที่พักราคาประหยัดลง
  • 44% ชะลอแผนการท่องเที่ยว

โดยกลุ่มผู้ที่เผชิญภาวะรายได้ไม่พอจ่ายจะมีการปรับพฤติกรรมการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ส่วนผู้มีปัญหาทางการเงินบ่อยครั้งจะเลือกชะลอแผนการท่องเที่ยวมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ส่วนผู้มีปัญหาเป็นบางครั้งจะเลือกลดความถี่ในการท่องเที่ยวแทน

ช่วงอายุที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อการปรับตัวที่แตกต่างกันด้วย

  • กลุ่มวัยรุ่น/วัยเริ่มทำงาน กับกลุ่มผู้สูงวัย จะพยายามคงแผนท่องเที่ยวเดิมแต่จะเลือกปรับพฤติกรรมการเที่ยวแทน
  • กลุ่มวัยรุ่น/วัยเริ่มทำงาน จะยอมลดความสะดวกสบายในระหว่างท่องเที่ยวด้วยการลดค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ ทั้งการเลือกที่พักราคาสบายกระเป๋าและการประหยัดค่าอาหาร
  • กลุ่มผู้สูงวัย จะเลือกปรับตัวด้วยการเปลี่ยนแผนมาเที่ยวในประเทศมากขึ้นหรือใช้บริการกรุ๊ปทัวร์เพื่อลดค่าใช้จ่าย
  • กลุ่มวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภาระค่าใช้จ่ายสูงจะเลือกชะลอแผนการท่องเที่ยวออกไปมากกว่ากลุ่มอื่น ๆ
]]>
1502449
“ชาวอเมริกัน” ใช้จ่ายในไทยผ่านบัตรวีซ่าสูงที่สุด ส่วนใหญ่จ่ายค่าที่พัก-ช้อปปิ้ง https://positioningmag.com/1500207 Thu, 21 Nov 2024 08:23:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1500207 วีซ่า ผู้ให้บริการการชำระเงินดิจิทัล เผยถึงเทรนด์การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น่าสนใจในครึ่งปีแรกของปี 2567 ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าที่ออกโดยสถาบันการเงินในต่างประเทศ ณ ร้านค้าในประเทศไทยของวีซ่า ตั้งแต่ มกราคม – มิถุนายน 2567 พบว่า นักเดินทางต่างชาติที่มาเยือนประเทศไทยและมียอดการใช้จ่ายมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น

การวิเคราะห์เชิงลึกของข้อมูลการใช้จ่ายในร้านค้าของนักท่องเที่ยวจากประเทศ 5 อันดับแรก การใช้จ่ายหลักอยู่ในหมวดหมู่โรงแรมที่พัก, สินค้าค้าปลีก, ร้านอาหาร, ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับ และกิจกรรมด้านสุขภาพ

ซึ่งนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาจัดสรรเงินมากกว่า 1 ใน 4 ของค่าใช้จ่ายของพวกเขาไว้เป็นค่าที่พัก และเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับด้านสุขภาพอีกกว่า 10%

ส่วนการช้อปปิ้งเป็นเรื่องที่นักท่องเที่ยวชาวจีน และสิงคโปร์ให้ความสำคัญ โดยค่าใช้จ่ายด้านสินค้าค้าปลีกคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 25% และ 18% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของนักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ประเทศนี้

นักเดินทางชาวญี่ปุ่น ถือได้ว่าให้ความสำคัญกับการรับประทานอาหารมากกว่านักเดินทางชาติอื่น โดยมีค่าใช้จ่ายที่ร้านอาหารถึง 22% ในขณะที่นักเดินทางจากสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายด้านที่พักมากถึง 37% ของยอดใช้จ่ายทั้งหมด

จากการวิเคราะห์ของวีซ่า ยังพบว่า 5 จังหวัดแรกที่มียอดการใช้จ่ายสูงสุดโดยนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต สมุทรปราการ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี โดยในจังหวัดเหล่านี้ สุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดที่มีการใช้จ่ายในจังหวัดเติบโตสูงที่สุดถึง 30% ซึ่งคาดว่าเป็นการกระตุ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในเกาะสมุย

]]>
1500207
“จีน” ขยายนโยบายฟรีวีซ่าอีก 9 ประเทศ มีผลบังคับใช้ถึง 31 ธ.ค. 2025 https://positioningmag.com/1498239 Sat, 09 Nov 2024 02:59:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498239 “จีน” ออกประกาศ ขยายนโยบายฟรีวีซ่า (visa-free) ให้พลเมืองของอีก 9 ประเทศ สามารถเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเยี่ยมชม

โดยผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาจาก 8 ประเทศในยุโรป ได้แก่

  • สโลวาเกีย
  • นอร์เวย์
  • ฟินแลนด์
  • เดนมาร์ก
  • ไอซ์แลนด์
  • อันดอร์รา
  • โมนาโก
  • ลิกเตนสไตน์

รวมถึง “ผู้ถือหนังสือเกาหลีใต้” ก็สามารถเยี่ยมชมเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือพักผ่อนที่ประเทศจีน ได้นานถึง 15 วันโดยไม่ต้องใช้วีซ่า โดยการยกเว้นวีซ่าจะมีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2025

ซึ่งเกาหลีใต้ถือเป็นตลาดแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญของจีนอีกตลาดหนึ่ง โดยในปี 2019 มีชาวเกาหลีใต้ประมาณ 4.3 ล้านคนเดินทางมาเยือนประเทศจีน แต่ในปี 2023 จีนมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้น้อยกว่า 1.3 ล้านคน ตามรายงานของ The Korea Times กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลี

การประกาศขยายโครงการปลอดวีซ่า ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทท่องเที่ยวของจีนและเกาหลีใต้เพิ่มขึ้น หุ้นของ Trip.com มีการเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% ในขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำอย่าง Jin Air หุ้นเพิ่มขึ้นเกือบ 4%

เห็นได้ชัดว่าจีนมีความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการการท่องเที่ยวขาเข้าที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด ที่ในปี 2019 ประเทศจีนต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณ 49.1 ล้านคน โดยมีชาวต่างชาติประมาณ 17.25 ล้านคน ตามรายงานของสํานักข่าวซินหัว

นโยบายการยกเว้นวีซ่าของจีน จึงเป็นเครื่องมือที่ดีในการดึงดูดชาวต่างชาติให้มาเยี่ยมเยียนและกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 8.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 49% จากปี 2023 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 4.9 ล้านคน 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จีน ยังคงพยายามปรับปรุงการบริการให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงปัญหาการชําระเงินที่ชาวต่างชาติต้องเผชิญภายในจีน ตัวอย่างเช่น รัฐบาลกําหนดให้สถานที่ท่องเที่ยวที่สําคัญยอมรับบัตรเครดิตและเงินสดจากต่างประเทศได้

และจีนยังพยายามฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบินให้กลับสู่ภาวะก่อนเกิดโรคระบาด โดยสายการบินจีนกําลังเพิ่มเที่ยวบินไปยังยุโรปในช่วงฤดูหนาวนี้ เนื่องจากสายการบินชั้นนําระดับโลกหลายๆ สาย ได้ยกเลิกเที่ยวบินมายังจีน เนื่องจากข้อจํากัดในการบินผ่านน่านฟ้าของรัสเซียและความต้องการของนักท่องเที่ยวยุโรปที่ต่ำลง

ที่มา : CNBC 

 

]]>
1498239
ผลสำรวจเผยชาวจีนอยากท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ยังไม่ได้จองตั๋วในปีนี้มากถึง 40% มองประเทศไทยทำแคมเปญการตลาดได้ดี https://positioningmag.com/1471162 Thu, 25 Apr 2024 10:55:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471162 Dragon Trail Research ได้เปิดเผยผลสำรวจชาวจีนเกี่ยวกับมุมมองการท่องเที่ยวในเดือนเมษายนว่า ชาวจีนมากถึง 40% มีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการจองตั๋วแต่อย่างใด ขณะที่ผู้จองตั๋วและมีการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศมีเพียงแค่ 5% เท่านั้น ขณะเดียวกันก็มองว่าประเทศไทยนั้นทำการตลาดแคมเปญได้ประทับใจ

Dragon Trail Research สำรวจชาวจีนมากถึง 1,015 ราย เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งเมืองใหญ่และเมืองรองทั่วประเทศ และสอบถามโดยตั้งคำถามว่ามีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2024 นี้หรือไม่ พบว่า 40% มีแผนที่จะท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่ยังไม่มีการจองตั๋วแต่อย่างใด รองลงมาคือไม่แน่ใจว่าปีนี้จะได้ท่องเที่ยวต่างประเทศหรือไม่ 27% ขณะที่ 18% ได้มีการจองตั๋วทริปต่างประเทศแล้ว 10% นั้นไม่มีแผนออกนอกประเทศจีน ที่เหลืออีก 5% ได้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

ในเรื่องของความปลอดภัยในแต่ละประเทศ สำหรับประเทศไทย ชาวจีนที่ได้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ 39% ไม่แน่ใจในเรื่องความปลอดภัยของประเทศไทย 34% มองว่าไม่ปลอดภัย ที่เหลืออีก 24% เชื่อมั่นว่าปลอดภัย

ประเทศไทยในมุมมองของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามของบริษัทที่ปรึกษาดังกล่าวถือว่าปลอดภัยต่ำกว่าหลายประเทศ เช่น อียิปต์ เม็กซิโก ด้วยซ้ำ แม้ว่าผลสำรวจในเดือนเมษานี้แสดงให้เห็นว่าชาวจีนเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นในความปลอดภัยของประเทศไทยก็ตาม

ขณะที่แผนการเดินทางนอกเหนือจากทวีปเอเชียของชาวจีนที่ตอบแบบสอบถามดังกล่าวนั้นลดลงเหลือ 60% จากเดิมมากถึง 75% ในปี 2023 ที่ผ่านมา โดยทวีปยุโรปยังเป็นเป้าหมายหลักของชาวจีน

ข้อมูลจาก Dragon Trail Research

สิ่งที่ดึงดูดให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศนั้น ในแบบสอบถามมีคำตอบ เช่น วิวทิวทัศน์ที่หลากหลาย วัฒนธรรมที่แตกต่าง ผู้คนของแต่ละท้องถิ่น และอาหารแปลกใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กับชาวจีนนั้นกว้างไกลมากขึ้น

ค่าใช้จ่ายในการใช้จ่ายประเทศนั้น ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 10,000 ถึง 30,000 หยวนต่อทริป ชาวจีนส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถาม 73% มองถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารการกินในต่างแดนเป็นหลัก รองลงมาคือสินค้าของประเทศนั้นๆ ขณะที่สินค้าประเภทเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นสัดส่วนรองลงมา

แพลตฟอร์มที่ชาวจีนไว้หาข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวส่วนใหญ่คือ Xiaohongshu โดย Dragon Trail Research แนะนำให้แบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทำแคมเปญการตลาดผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นหลักในปี 2024 นี้

นอกจากนี้ในผลสำรวจของ Dragon Trail Research ยังชี้ว่าการทำการตลาดของประเทศไทย ที่เกี่ยวกับด้านท่องเที่ยวนั้นสามารถสร้างความประทับใจให้กับชาวจีนได้ โดยประเทศมีอันดับรองลงมาคือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มัลดีฟ เป็นต้น

]]>
1471162
“พิมาลัย” เกาะลันตา วอนรัฐเร่งดึง “ไฟลท์บินตรง” จากต่างประเทศลง “กระบี่” เสริมการท่องเที่ยว https://positioningmag.com/1452219 Thu, 16 Nov 2023 11:44:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452219 “พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา” รีสอร์ทสัญชาติไทยบนเกาะลันตา อัปเดตสถานการณ์การท่องเที่ยวใน “กระบี่” ตลาดลองสเตย์จากยุโรป-สหรัฐฯ ฟื้นแล้ว แต่โซนเอเชียยังเงียบเพราะขาด “ไฟลท์บินตรง” จากแหล่งนักท่องเที่ยวหลัก เช่น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ วอนรัฐเร่งผลักดันปี 2567

“ก่อนโควิด-19 กระบี่เคยได้เปรียบในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน เพราะเรามีไฟลท์บินตรงจากจีนมาวันละ 5-6 เที่ยวบิน แต่หลังโควิด-19 ตอนนี้ยังเงียบมาก ไม่มีเที่ยวบินตรงจากจีนเลย” ชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่น 2 และเจ้าของร่วมของ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา เปิดใจถึงข้อกังวลในธุรกิจท่องเที่ยวของกระบี่วันนี้

พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา นั้นเป็นรีสอร์ทระดับลักชัวรีบนเกาะลันตา จ.กระบี่ มีที่พักทั้งหมด 121 ห้อง กลุ่มลูกค้าหลักของรีสอร์ท 90% เป็นชาวต่างชาติ มีเพียง 10% เท่านั้นที่เป็นชาวไทย

พิมาลัย กระบี่
พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา เกาะลันตา

แม้ว่าอัตราเข้าพักของพิมาลัยในปี 2566 จะฟื้นแล้ว คาดว่ารวมทั้งปีอัตราเข้าพักจะไปแตะ 65% แต่ชรินทิพย์มองเป้าว่าปี 2567 สามารถดันอัตราเข้าพักของรีสอร์ทไปถึง 72% ได้ หากการท่องเที่ยวกระบี่ฟื้นได้มากกว่านี้จากการทำตลาดโซนเอเชีย โดยเฉพาะกลุ่มหลัก คือ จีน อินเดีย และเกาหลีใต้

ปัจจุบันกลุ่มนักท่องเที่ยว Top 5 ของพิมาลัยคือ อังกฤษ เยอรมัน สวิส อเมริกัน และจีน

โดยกลุ่มชาติตะวันตกเป็นกลุ่มที่มักจะมาพักแบบลองสเตย์ 7-10 คืนต่อครั้ง และนิยมมาในช่วงไฮซีซันเดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน

สลับกันกับกลุ่มเอเชียที่จะมาพักระยะสั้นด้วยระยะทางบินใกล้กว่า จะพัก 2-3 คืนต่อครั้ง และมักมาในช่วงโลว์ซีซันเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม

ชรินทิพย์ ตียาภรณ์ ทายาทรุ่น 2 และเจ้าของร่วมของ พิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปา

ชรินทิพย์กล่าวว่า ในกลุ่มชาติตะวันตกถือว่าตลาดฟื้นได้พอสมควร และกำลังจะมีไฟลท์บินตรงจากประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวียและประเทศโปแลนด์เข้ามาที่สนามบินกระบี่ แต่ในตลาดเอเชียนั้นยังเงียบมากเพราะมีไฟลท์บินตรงเข้ามาน้อย ที่มีขณะนี้จะมาจากสิงคโปร์และมาเลเซีย

เป็นที่สังเกตว่า “สนามบินกระบี่” เป็น 1 ใน 3 สนามบินที่อยู่ระหว่างกระบวนการถ่ายโอนจากกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ไปให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) เป็นผู้บริหาร จึงเป็นไปได้ที่ทำให้ช่วงที่ผ่านมาไม่มี ‘เจ้าภาพ’ ในการทำการตลาด เจรจาดึงไฟลท์บินตรงเข้าสู่สนามบินอย่างเคย

จัดโปรฯ ลดค่าห้อง – ดึงนทท. “ออสซี่” ทดแทน

ชรินทิพย์กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาพิมาลัย รีสอร์ท แอนด์ สปาจึงต้องมีการพลิกแพลงกลยุทธ์ ผ่านการจัดโปรโมชันลดค่าห้องหรือพักยาวขึ้นได้ค่าห้องถูกลง เพื่อดึงให้กลุ่มตะวันตกที่มักพักลองสเตย์เลือกพักยาวกว่าเดิม

บรรยากาศห้องพัก

อัตราเฉลี่ยราคาห้อง (ADR) จึงลดลงเหลือ 7,300 บาทต่อคืน จากก่อนโควิด-19 เคยไปแตะสูงสุด 8,000 บาทต่อคืน แต่ชรินทิพย์มองว่าช่วงนี้ควรเน้นการดึงแขกให้พักยาวมากกว่า เพราะยิ่งอยู่ยาวยิ่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะการใช้จ่ายภายในรีสอร์ท เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม สปา แพ็กเกจทัวร์ มากขึ้น

อีกส่วนหนึ่งคือการหาตลาดใหม่ ล่าสุดเป็น “ออสเตรเลีย” ที่พิมาลัยประสานเอเจนซีและนำเสนอที่พัก ซึ่งได้รับผลตอบรับดีเกินคาด เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ช่วยกระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพิงลูกค้ากลุ่มยุโรป

พิมาลัย กระบี่
The Heritage โซนใหม่ที่จะเป็นบาร์วิวทะเล

รวมถึงพิมาลัยเองจะอัปเกรดจุดขายใหม่ ๆ ปลายปี 2566 นี้เตรียมพบกับ “The Heritage” บาร์และร้านขนมไทยที่หวังปั้นเป็น “จุดหมายที่ต้องมาเยือน” บนเกาะลันตา เพราะจะตั้งอยู่ในทำเลที่มองเห็นวิวทะเลรอบร้านได้อย่างงดงาม

และในปี 2567 เตรียมออกแพ็กเกจทัวร์ชุมชน “ตกปลากับชาวประมงเกาะปอ” และนำปลาที่จับได้มาทำอาหารในรีสอร์ท ส่งเสริมเรื่องประสบการณ์ท้องถิ่น (Local Experience) ที่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่นิยม รวมถึงช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น

กระบี่

รีสอร์ททะเลไทยต้องแข่งกับ “บาหลี-เวียดนาม”

มองในแง่การแข่งขันของรีสอร์ทในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ของไทยหลังโควิด-19 ชรินทิพย์มองว่า หากเป็นตลาดลักชัวรี ไทยจะต้องแข่งขันกับกลุ่มรีสอร์ทชายทะเลระดับท็อปของโลก เช่น มัลดีฟส์ หมู่เกาะมอริเชียส กรีซ

แต่ถ้าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่อ่อนไหวด้าน “ราคา” จะต้องแข่งขันกับ “บาหลี” และ “เวียดนาม” เพราะราคาที่พักรีสอร์ทถูกกว่าไทย 10-20%

“ในแง่คุณภาพที่พัก บาหลีหรือเวียดนามแข่งขันกับเราได้ แต่เราจะต้องชูเรื่องฮอสพิทาลิตี้สไตล์ไทยที่เราโดดเด่นกว่ามาก ในด้านการบริการ คนไทยมีความจริงใจมากกว่า และมีความรู้ด้านมารยาทสูงกว่า” ชรินทิพย์กล่าวถึงจุดแข็งที่ทำให้ลูกค้าเลือกมาประเทศไทย และหลายคนประทับใจจนมาพักซ้ำ ซึ่งท่องเที่ยวไทยต้องชูจุดนี้ให้มากขึ้น

]]>
1452219
CEO ของ Boeing เผย “ปัญหาใหญ่เวลานี้คือเรื่อง Supply Chain ทำให้การผลิตเครื่องบินไม่ทันความต้องการ” https://positioningmag.com/1446194 Fri, 29 Sep 2023 07:21:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446194 ผู้บริหารสูงสุดของ Boeing ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทว่าความต้องการเครื่องบินยังมีสูงมากจากความต้องการที่อัดอั้นมานาน ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยว การเดินทาง ที่ยังเติบโต แต่บริษัทเองก็พบปัญหาเรื่อง Supply Chain ที่ทำให้การผลิตเครื่องบินไม่ทันด้วย

Dave Calhoun CEO ของ Boeing ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ CNBC ว่า โดยมองถึงความต้องการของเครื่องบินนั้นกลับมา จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ยังกลับมาเติบโตได้ อย่างไรก็ดีเขาพบว่าปัญหาที่ทุกคนต้องเจอคือเรื่อง ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติ ส่งผลต่อการผลิตกับบริษัท

เขาชี้ว่ายอดการสั่งซื้อรวมถึงความต้องการเครื่องบินของบริษัทนั้นแข็งแกร่งเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตการทำงานของเขาขณะเดียวกันเขาก็ยังกล่าวว่าความต้องการที่อัดอั้นมานาน (Pent Up Demand) นั้นกำลังกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การท่องเที่ยว

หัวเรือใหญ่ของ Boeing ได้กล่าวว่า “ปัญหาที่เราทุกคนกำลังต่อสู้อยู่คือ Supply Chain จะฟื้นคืนความยืดหยุ่นที่เคยมีมาก่อนการแพร่ระบาดของโควิดได้อย่างไร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้”

ตัวเลขในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Boeing สามารถส่งมอบเครื่องบินได้เพียง 35 ลำ ลดลงจากเดือนกรกฎาคมซึ่งอยู่ที่ 43 ลำ โดยบริษัทได้ให้เหตุผลถึงเรื่อง Supply Chain ทำให้บริษัทไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้มากไปกว่านี้

สอดคล้องกับมุมมองของ CEO บริษัทให้เช่าเครื่องบินรายใหญ่อย่าง Aercap ที่กล่าวในเดือนสิงหาคมโดยมองว่าความต้องการเครื่องบินยังสูง แต่ปัญหาคือผู้ผลิตเครื่องบินซึ่งรวมถึง Boeing ไม่สามารถส่งมอบเครื่องบินได้ทันกับความต้องการ และสายการบินอาจต้องใช้เครื่องบินรุ่นเก่าไปอีกสักระยะ

ความกังวลเรื่องของเครื่องบินที่ประกอบในประเทศจีนอย่าง Comac C919 ที่อาจกลายเป็นคู่แข่ง CEO ของ Boeing มองว่าเครื่องบินรุ่นดังกล่าวต้องใช้เวลาอีกยาวนานกว่าจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของบริษัท และถ้ามองว่าเครื่องบินจากจีนขึ้นมาเป็นคู่แข่งจริงๆ เขาก็มองว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายด้วยซ้ำ เนื่องจากความต้องการท่องเที่ยวยังสูงไปจนถึงปี 2050

เมื่อ CEO ของ Boeing ได้ถูกถามเกี่ยวกับความกลัวที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เขากล่าวว่าความกังวลเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในอุตสาหกรรมการบิน ขณะที่เรื่องความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์รอบๆ ประเทศจีน เขาหวังว่าเรื่องดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายลงเล็กน้อย และมองว่าอุตสาหกรรมการบินในจีนจะกลับมาได้

]]>
1446194