การบินไทย – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 04 Sep 2025 03:19:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘การบินไทย – YouTrip’ เผยครึ่งปีแรก ‘นักท่องเที่ยวไทย’ ไปต่างประเทศเพิ่ม 45% เน้นเที่ยวใน ‘เอเชีย’ เพราะประหยัด https://positioningmag.com/1536595 Wed, 03 Sep 2025 11:36:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1536595 ดูเหมือนคนไทยหลายคนจะยัง ฮีลใจ ด้วยการ ท่องเที่ยวต่างประเทศ แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่สู้ดีนัก แต่ก็ปรับตัวโดยการเน้นปลายทางที่ คุ้มค่า มากขึ้น โดยทาง การบินไทย กับ YouTrip ได้มาร่วมกับเผยอินไซต์ของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงครึ่งปีแรกว่ามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ครึ่งปีแรกคนไทยเที่ยวนอกเพิ่มขึ้น +45%

จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย เผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกคนไทยเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้น +45% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดย 1 ใน 4 ไปมากกว่า 1 ครั้ง และปลายทางที่คนไทยไปมากที่สุดคือประเทศในทวีปเอเชียแปซิฟิก คิดเป็นสัดส่วนถึง 75% ตามด้วย ยุโรป (17.5%), อเมริกาเหนือ (4%) และตะวันออกกลาง (2.5%)

ขณะที่ประเทศปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ยังคงเป็น ญี่ปุ่น แต่เทรนด์ที่เห็นคือ คนไทยเที่ยวเมืองรองมากขึ้น เช่น ฟุกุโอกะ, โอกินาว่า เพราะ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเมืองใหญ่ อีกประเทศที่มาแรงก็คือ จีน (+180%) โดยเมืองที่มีการไปท่องเที่ยวมากที่สุด ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, กวางโจว, เฉิงตู ส่วนหนึ่งที่ประเทศจีนได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกก็คือ ฟรีวีซ่า ทำให้เดินทางสะดวก และ ถูก

“ซึ่งส่วนหนึ่งที่คนไทยนิยมท่องเที่ยวในเอเชียมากกว่า เพราะเดินทางไม่นาน และค่าใช้จ่ายถูกกว่า สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยยังอยากเที่ยว แต่เขาเที่ยวแบบชาญฉลาดมากขึ้น คือ หั่นเที่ยว ไม่หั่นทริป เน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก ถ้าให้ประสบการณ์คล้าย ๆ กันแต่ถูกกว่า เขาก็อยากจะไปลอง”

จีนและประเทศเพื่อนบ้านกำลังมาแรง

สอดคล้องกับข้อมูลจาก การบินไทย ที่พบว่า ในช่วงครึ่งปีแรก โตเกียว ยังคงครองแชมป์ปลายทางอันดับ 1 แต่ สิงคโปร์ และเซี่ยงไฮ้ ขยับขึ้นมาเป็นที่ 2 และ 3 แทนที่ฮ่องกง และโอซาก้า ส่วนโซล เกาหลีใต้ หล่นจากที่ 5 ไปเป็นที่ 6

ที่น่าสนใจคือ เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยเพิ่มขึ้นกว่า +100% ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับไทย โดยเฉพาะในด้านพระพุทธศาสนา รวมถึงยังมีความร่มรื่น อาหารอร่อย และใช้เวลาบินเพียง 2-3 ชั่วโมง ด้าน เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนก็มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า +80% เช่นกัน โดยในปี 2568 

“เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยตอนนี้คือ ไปแบบปุบปับ ดังนั้น ประเทศในแถบเอเชียจึงเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะจีน สิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยเฉพาะจีนที่ค่าใช้จ่ายถูก มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมความทันสมัย” กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าว

กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

ช้อปปิ้ง ยังเป็นพฤติกรรมจับจ่ายอันดับ 1

การ ซื้อของหรูและของสะสม เป็นพฤติกรรมอันดับ 1 ของคนไทย เช่น ของแบรนด์เนม และ pop mart ตามด้วยการใช้เงินไปกับ ประสบการณ์ เพื่อแบ่งปันเรื่องราวหรือประสบการณ์ในการท่องเที่ยว ลงบนโซเชียล สุดท้าย อาหารการกิน โดยคนไทย ไม่ได้กินพิเศษทุกมื้อ แต่สามารถทานอาหารข้างทาง ฟาสต์ฟู้ด หรือร้านสะดวกซื้อได้ เพื่อใช้เงินกับการช้อปปิ้งและประสบการณ์

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังใช้เทคโนโลยีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่าที่สุด โดยเริ่มมีการ ใช้ AI เป็นตัวช่วยในการวางแผนทริป และพบว่า การ แลกเปลี่ยนเงินล่วงหน้า เพิ่มขึ้น +25% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพื่อให้ได้เรทที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังใช้สมาร์ทโฟนช่วยจัดการทุกเรื่องเกี่ยวกับทริป เช่น Cashless

“คนไทยท่องเที่ยวเพื่อให้รางวัลตัวเอง แต่บัดเจ็ตก็มีส่วนคนไทยใช้จ่ายอย่างชาญฉลาดมากขึ้น วางแผนมากขึ้น ไม่ได้เอาถูกสุด แต่ต้องคุ้มค่า และสะดวก” 

จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย

อีกเทรนด์ที่เห็นคือ นักท่องเที่ยวไทยเน้น ท่องเที่ยวตามรสนิยมมากขึ้น ไม่ได้ท่องเที่ยวตามแลนด์มาร์กดัง ๆ อีกต่อไป เช่น ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ทำให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น  

“ตอนนี้ เมอร์ไลออน (Merlion) ของสิงคโปร์อาจไม่ใช่แลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องไปอีกต่อไป แต่คนเริ่มไปเที่ยวตามสิ่งที่อยากไป ไม่จำเป็นต้องไปสถานที่แมส ๆ เพราะคนไทยใช้โซเชียลเป็นหน้าต่างในการแสดง  สเตตัส การเลือกเที่ยวจึงสำคัญกับคนไทยมาก”

]]>
1536595
เปิดแผนปี 68 ‘บางกอกแอร์เวย์ส’ ตั้งเป้าขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน https://positioningmag.com/1516583 Sat, 29 Mar 2025 09:13:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516583 เปิดแผนปี 2568 ของ ‘บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)’ หรือ ‘สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส’ กับการตั้งเป้ารายได้เติบโต 8-9% และมีจำนวนผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน หนึ่งในการสร้างการเติบโต ดังกล่าว คือ การเตรียมจับมือกับเชนโรงแรมใหญ่ทำแคมเปญตามรอยซีรีส์ White Lotus Season 3 หลังจากช่วยให้ยอดขายเส้นทางสมุยโตขึ้น 14%

‘พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ’ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมการบินว่าหลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมการบินก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่มีอุปสงค์การเดินทางทางอากาศเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก

แนวโน้มนี้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งในปี 2567 มีรายได้รวม 26,041 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวม 20,638 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิ 3,798 ล้านบาท ผลกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2567 เป็นจำนวน 5,454 ล้านบาท อัตราการทำกำไร (EBITDA Margin) อยู่ที่ 28% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทในปี 2567 ที่ 2.53 เท่า

สำหรับเป้าหมายดำเนินงานในปี 2568 ตั้งเป้ารายได้โต 8-9% และคาดการณ์จำนวนเที่ยวบิน 48,077 เที่ยวบิน, อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยเท่ากับ 82%, ขนส่งผู้โดยสาร 4.7 ล้านคน และราคาบัตรโดยสารเฉลี่ยประมาณ 4,200 บาทต่อที่นั่ง

การสร้างการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย หนึ่งในนั้น คือ การมุ่งเน้นตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะการต่อยอดการขายเส้นทาง ‘สมุย’ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด และมาแรงขึ้นจากกระแสซีรีส์ White Lotus Season 3 โดยมีการสำรองที่นั่งล่วงหน้าในช่วงเดือนมีนาคม – กันยายน 2568 เพิ่มขึ้น 14%

การขยายดังกล่าวจะเป็นความร่วมมือกับเชนโรงแรมใหญ่ อาทิ โฟร์ ซีซั่น, อนันตรา ฯลฯ ทำแคมเปญจับกลุ่มลูกค้าที่ตามรอยซีรีส์ โฟกัสนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย

การเน้นตลาดที่เติบโตสูง เช่น คาซัคสถาน ซาอุดีอาระเบีย ตลาดที่มีฟรีวีซ่า เช่น อินเดีย และจีน ขยายการเชื่อมต่อตรงผ่านระบบกลุ่ม API/NDC/Direct Connect ให้มากขึ้น เพราะเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับสายการบินในยุคดิจิทัล ที่สามารถตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก เริ่มจากสายการบินแควนตัสบนระบบ QDP และพันธมิตรอื่นเพื่อขยายความร่วมมือต่อไป เช่น สายการบิน Thai Airways, British Airways, Lufthansa Group, Emirates, Etihad, Eva Air 

การขยายเส้นทางการบิน โดยวางแผนกลับมาให้บริการเส้นทาง สมุย-กัวลาลัมเปอร์ วันละ 1 เที่ยวบิน ในไตรมาส 4 เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารจากยุโรปที่เดินทางผ่านทางสนามบินกัวลาลัมเปอร์

จากปัจจุบันบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเที่ยวบินสู่ 19 จุดหมายปลายทาง แบ่งเป็น ‘ภายในประเทศ’ 11 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิและดอนเมือง) เกาะสมุย เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ตราด ลำปาง แม่ฮ่องสอน สุโขทัย หาดใหญ่ อู่ตะเภา และ ‘ต่างประเทศ’ 8 แห่ง ได้แก่ มัลดีฟส์ สิงคโปร์ เสียมเรียบ พนมเปญ หลวงพระบาง ฮ่องกง เฉิงตู ฉงชิ่ง

เดินหน้ากลยุทธ์เครือข่ายความร่วมมือกับกลุ่มพันธมิตรสายการบิน ปัจจุบันมีสายการบินพันธมิตร (Codeshare Partners) รวมทั้งสิ้นจำนวน 30 สายการบิน และมีสายการบินข้อตกลงร่วม (Interline Partners) กว่า 70 สายการบินทั่วโลก

การบริหารจัดการฝูงบินให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนเครื่องบินรวมทั้งสิ้นรวม 25 ลำ และมีแผนจะปรับฝูงบิน (Re-fleet) เครื่องบินรุ่น ATR72-600 รวมทั้งสิ้น 12  ลำ มีกำหนดทยอยส่งมอบระหว่างปี 2569 – 2571

การลงทุนโครงการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ณ ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ล่าสุดได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจและ ‘บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)’ เพื่อยกระดับความร่วมมือในการศึกษาความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันพัฒนาธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เบื้องต้นคาดการณ์เงินลงทุน 10,000 ล้านบาท และจะเห็นความชัดเจนประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้

การพัฒนาศักยภาพธุรกิจสนามบิน โดยมีแผนปรับปรุงอาคารผู้โดยสารของสนามบินสมุยที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนสนามบินตราดมีแผนขยายรันเวย์ เพื่อให้สามารถรองรับเครื่องบินแอร์บัส 320 ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ 

]]>
1516583
กางแผน ‘การบินไทย’ ชิงแชร์แตะ 35% ใน 5 ปี พร้อมเตรียมออกจากแผนฟื้นฟูภายใน Q2/68 https://positioningmag.com/1501098 Wed, 27 Nov 2024 14:15:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1501098 หลังจากประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2554 – 2564 จนการบินไทยมีส่วนทุนติดลบ 7 หมื่นล้านบาท หนี้ 1.3 แสนล้านบาท และเจ้าหนี้ 1.3 หมื่นราย จนท้ายที่สุดต้องยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 ก่อนที่ศาลล้มละลายกลางจะเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ วันที่ 20 ต.ค. 2565 ในที่สุด การบินไทยก็เตรียมออกจากแผนฯ ภายในไตรมาส 2/2568 พร้อมกับเผยแผนที่จะชิงแชร์กลับมาเป็น 35% ใน 5 ปี

ธุรกิจการบินยังสดใส

รายได้รวมของสายการบินทั่วโลกในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 119% ของรายได้รวมก่อน COVID-19 หรือ 996,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตขึ้น 9.7% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสาร และผลตอบแทนต่อผู้โดยสาร

ที่น่าสนใจคือ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นผู้นำในการเติบโต โดยในเดือนกันยายน 2567 ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีส่วนล่าคัญต่อการเดิบโตของ ปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสาร (Revenue Passenger-Kilometer: RPK) ทั่วโลn โดยคิดเป็นสัดส่วน มากกว่าครึ่งหนึ่ง ของการเพิ่มขึ้นของการเดินทางของผู้โดยสาร (TreMfie) ในอุตสาหกรรม

โดยภายในปี 2568 คาดว่าจำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั่วโลกจะเติบโต 2.1 เท่า คิดเป็นจำนวน 8,600 ล้านคน และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการเติบโตนี้ โดยระหว่างปี 2566-2586 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยที่ 5.3% ต่อปี ซึ่งถือว่าเติบโตสูงที่สุด แปลว่าการเติบโตยังมีแน่นอน และไทยถือเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคที่มีการเติบโตมากที่สุด

ให้บริการแบบเครือข่าย และเน้นขายตรง

เพื่อจะฉกฉวยโอกาสดังกล่าว ชาย เอี่ยมศิริ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงแผนของ การบินไทย ในการสร้างการเติบโต โดยมีเป้าหมาย เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 35% ภายใน 5 ปี (2572) จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดที่ 26% ขณะที่เคยทำได้สูงสุดในปี 2556 ที่มีส่วนแบ่งตลาด 42%

เริ่มจากการเป็น Network Airline โดยเน้นการเชื่อมต่อเที่ยวบินจากไทยไปภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารทั่วโลก จากที่ในอดีต การบินไทยจะเน้นที่การขายตั๋วแบบ จุดต่อจุด 

ในส่วนของ ช่องทางจัดจำหน่าย ก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะช่วยให้บริษัททำ กำไร ได้ดีขึ้น โดยบริษัทมีแผนจะปรับปรุงช่องทางจัดจำหน่ายโดยจะเน้น ขายตรง มากขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนการขายตั๋วตรงอยู่ที่ 33% เพิ่มขึ้น +8% โดยในปีหน้าจะปรับปรุงเว็บไซต์ และ ปรับปรุงแอปพลิเคชันใหม่ ให้เป็นโมบายแพลตฟอร์มจากที่ผ่านมาเป็นกึ่งเว็บเบส โดยวางเป้าเพิ่มสัดส่วนเป็น 35% ในปีหน้า

ชาย เอี่ยมศิริ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

เพิ่มฝูงบิน พร้อมลดประเภทเครื่องบิน

อีกส่วนที่ขาดไม่ได้ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดก็คือ การเพิ่มฝูงบินเพื่อเพิ่มคาปาซิตี้ จากปัจจุบันการบินไทยมีฝูงบิน 77 ลำ เพิ่มเป็น 143 ลำ ภายในปี 2576 โดยที่ ประเภทของเครื่องบิน ต้องลดลงเหลือ 4 ประเภท เพื่อให้บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากที่ก่อนฟื้นฟูกิจการ บริษัทมีเครื่องบินถึง 8 ประเภท

โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้เจรจาและเข้าทำข้อตทลงทับ Boeing และ GE Aerospace เพื่อจัดหาเครืองบินลําใหม่จํานวน 45 ลำ พร้อมกับสิทธิในการจัดหาเพิ่มอีก 35 ลํา

โปร่งใสในการซื้อ และหาราคาที่คุ้มสุด

สำหรับการจัดซื้อเครื่องบิน การบินไทยตั้งเป้าจัดซื้อ 150 ลำภายในปี 2576 ซึ่งกระบวนการจัดซื้อจากนี้จะ ดีลตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น โดยได้ออกเอกสารยื่นเสนอราคา (REP) รวมถึงเจรจาต่อราคาโดยตรงกับผู้ผลิตเครื่องบินทั้งหมด อีกทั้งจะคำนวณราคาในมุม Total Cost ไม่ว่าจะเป็นราคาเครื่อง ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เพื่อหาราคาคุ้มที่สุด

“ตอนเป็นรัฐวิสาหกิจ เราใช้เวลา 3-4 ปี กว่าจะจัดซื้อเครื่องบิน ซึ่งระยะเวลาที่นานทำให้เราพลาดที่จะได้เทคโนโลยีล่าสุด แต่ตอนนี้เราใช้ระยะเวลาเพียง 9 เดือนในการเซ็นสัญญา”

ลดต้นทุนให้แข่งขันได้

ส่วนต้นทุนอื่น ๆ บริษัทจะใช้เกณฑ์วัดของอุตสาหกรรมคือ ต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (Cost per Available Seat Kilometer : CASK) เป็นตัวชี้วัด โดยในช่วงแรกของการฟื้นฟูธุรกิจ สิ่งที่การบินไทยปรับปรุงมากที่สุดคือ ค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร โดยลดจาก 30,000 คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 23% จนเหลือ 14,000 คน ขณะที่ปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นเป็น 17,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น Font line โดยเป้าหมายระยะยาวบริษัทต้องลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรให้เหลือ 13% จากปัจจุบันทำได้เหลือประมาณ 10%

“อะไรที่ใช้คนซ้ำ ๆ เราก็ใช้ระบบออโตเมชั่น ให้คนไปทำงานอื่น ๆ แทน หรือการเช็กอินเราใช้ระบบได้หมด ความเสี่ยงลดลง ประสิทธิภาพดีขึ้น”

Photo : THAI Catering

เดินหน้าออกแผนฟื้นฟูในกลางปีหน้า

หลังจากที่ประสบความสำเร็จในกระบวนการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยมีเจ้าหนี้แสดงเจตนาแปลงหนี้เป็นทุนเพิ่มเติมเป็นจำนวนมากในระหว่างวันที่ 19 – 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้มีเจ้าหนี้จำนวนมากแสดงเจตนารวมกันเกินกว่า 3 เท่าของจำนวนหุ้นที่มีรองรับตามแผนฟื้นฟูกิจการ

ล่าสุด การบินไทยได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 9,822.5 ล้านหุ้น  มูลค่าไม่เกิน 44,004.7 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของการบินไทยก่อนการปรับโครงสร้างทุน และพนักงานของการบินไทย ตามลำดับ ในราคา 4.48 บาทต่อหุ้น โดยสามารถจองซื้อและชำระเงินระหว่างวันที่ 6 – 12 ธันวาคม 2567

โดยกระบวนการปรับโครงสร้างทุนเพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นบวก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 จากนั้น การบินไทยจะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ ตามเงื่อนไขในแผนฟื้นฟูกิจการ และยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ เพื่อนำหุ้น THAI กลับมาเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ภายในไตรมาส 2/68

สำหรับ 9 เดือนแรกของปี 2567 การบินไทยมีจำนวนผู้โดยสารกว่า 11.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 14.7% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนของปี 2566 นอกจากนี้ ยังมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (ASK) 47,778 ล้าน ASK เพิ่มขึ้น 19.2% และในส่วนของกำไร (ขาดทุน) อยู่ที่ 24,191 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 29,330 ล้านบาท และ EBITDA อยู่ที่ 33,742 ล้านบาท ในขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 37,590 ล้านบาท

]]>
1501098
การบินไทยประกาศซื้อเครื่องบินจาก Boeing จำนวน 45 ลำ ให้เหตุผลทดแทนเครื่องรุ่นเก่า ดึงส่วนแบ่งการตลาดกลับมา https://positioningmag.com/1462744 Thu, 15 Feb 2024 01:33:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462744 ‘การบินไทย’ สายการบินแห่งชาติได้ประกาศซื้อเครื่องบินจาก Boeing จำนวน 45 ลำ โดยเป็นรุ่นลำตัวกว้าง นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ของเครื่องบินมาใช้ผู้ผลิตอย่าง GE Aerospace แทน Rolls-Royce โดยให้เหตุผลเพื่อทดแทนเครื่องบินรุ่นเก่า ดึงส่วนแบ่งการตลาดกลับมา แต่ไม่กระทบต่อการชำระหนี้ของสายการบิน

การบินไทยประกาศการซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่จาก Boeing เป็นจำนวน 45 ลำ โดยเป็นเครื่องบินแบบลำตัวกว้าง โดยสายการบินแห่งชาติได้ให้เหตุผลถึงการการดึงส่วนแบ่งทางการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังยืนยันว่าในการจัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่นั้นไม่กระทบกับการชำระหนี้

สำหรับการจัดหาเครื่องบิน 45 ลำดังกล่าว บริษัทได้เซ็นสัญญากับทาง Boeing ผู้ผลิตเครื่องบินจากสหรัฐอเมริกา รวมถึง GE Aerospace ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องยนต์ไอพ่นจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถ้าหากมีการซื้อขายเครื่องบินแล้วเสร็จนั้นจะทำให้การบินไทยมีเครื่องบินประจำฝูงบิน 96 ลำ ซึ่งยังต่ำกว่าตัวเลขในปี 2013 ที่การบินไทยมีฝูงบิน 100 ลำ

ก่อนหน้านี้การบินไทยใช้เครื่องยนต์จาก Rolls-Royce ผู้ผลิตเครื่องยนต์ไอพ่นจากอังกฤษเป็นหลัก แต่ในรายงานของสำนักข่าว Bloomberg ได้ชี้ว่า ราคาเครื่องยนต์ไอพ่นจากผู้ผลิตรายดังกล่าวมีราคารวมถึงค่าบำรุงซ่อมแซมที่สูง จึงทำให้การบินไทยได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เจ็ตจาก GE Aerospace แทน

การบินไทยได้ให้เหตุผลถึงการซื้อเครื่องบินชุดใหม่เพื่อที่จะลดข้อจำกัดด้านฝูงบินของบริษัททั้งในเชิงปริมาณและประสิทธิภาพของเครื่องบินในฝูงบิน ซึ่งส่งผลทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทที่ลดลงอย่างต่อเนื่อในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทที่สนามบินสุวรรณภูมิมีสัดส่วนลดลงจาก 51.3% ในปี 2013 เหลือแค่ 27% ในปี 2023

สายการบินแห่งชาติยังได้ชี้ว่าถ้าหากไม่มีการจัดหาเครื่องบินรุ่นใหม่แล้ว ภายในปี 2033 การบินไทยจะเหลือเครื่องบินที่ประจำฝูงบินแค่ 51 ลำเท่านั้น ซึ่งจะส่งผลต่อการหารายได้ของสายการบินทำให้เม็ดเงินที่ได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้สินได้

แผนการเงินที่จะนำมาชำระค่าเครื่องบินและเครื่องยนต์นั้น การบินไทยได้เตรียมความพร้อมทางการเงินและคาดการณ์สภาพคล่องในอนาคตว่ามีจำนวนเพียงพอต่อการชำระค่าเครื่องบินและเครื่องยนต์ ยังรวมถึงการพิจารณาแหล่งเงินทุนและเลือกวิธีการจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การเงิน สภาพคล่องของการบินไทย รวมถึงความคุ้มค่าทางการเงิน ซึ่งการบินไทยเปิดกว้างพิจารณารูปแบบการเช่าดำเนินการและเช่าซื้อเครื่องบินในสัดส่วนที่เหมาะสม และการจัดหาเครื่องบินในครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทฯ ตามแผนฟื้นฟูกิจการแต่อย่างใด

เครื่องบินรุ่นใหม่ของการบินไทยที่ได้สั่งซื้อจาก Boeing จะได้รับมอบในปี 2027 และในปี 2033 และรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสัญญาดังกล่าวจะมีการเปิดเผยในงาน Singapore Airshow ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์

]]>
1462744
การบินไทยกำไร 4 ไตรมาสติดต่อกันแล้ว ล่าสุดโกยกำไรไปถึง 1,538 ล้านบาท https://positioningmag.com/1451362 Fri, 10 Nov 2023 06:59:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1451362 หลังจากที่การบินไทยต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ล่าสุดสายการบินแห่งชาติรายนี้ได้รายงานผลประกอบการล่าสุดในไตรมาส 3 ของปี 2023 มีกำไร 1,538 ล้านบาท ทำให้การบินไทยมีกำไรติดต่อกันถึง 4 ไตรมาสแล้ว

บมจ. การบินไทย ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ในไตรมาส 3 สายการบินแห่งชาติรายนี้ยังทำกำไรได้มากถึง 1,538 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากรายได้จากค่าโดยสารเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะเชื้อเพลิงที่ลดลง

รายได้รวมของการบินไทยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 37,008 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 12.6% ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เติบโตก็คือรายได้จากค่าโดยสารที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารอยู่ที่ 77.3% ดีกว่าปี 2022 เล็กน้อย ขณะที่รายได้จากกิจการอื่น ๆ เช่น ครัวการบิน ฯลฯ เติบโต รวมถึงรายได้จากดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้น

ค่าใช้จ่ายในของการบินไทยในไตรมาส 3 อยู่ที่ 29,289 ล้านบาท ได้ข้อดีจากราคาน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง อย่างไรก็ดีสายการบินมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมา 7.6% ขณะที่ค่าซ่อมบำรุงอากาศยานนั้นลดลง

การบินไทยยังได้รายงานกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) หักลบกับค่าเช่าเครื่องบินแล้ว ในไตรมาส 3 นี้มีกระแสเงินสดมากถึง 8,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 37.5%

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ขายสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักในประเทศอินโดนีเซีย สำนักงานขายที่ประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงการขายเครื่องบิน Boeing รุ่น 747-400 จำนวน 2 ลำ และ Airbus A340-600 จำนวน 1 ลำ

นอกจากนี้การบินไทยยังรายงานถึงการรับโอนเครื่องบินจากสายการบินไทยสมายล์ เนื่องจากบริษัทกำลังปรับปรุงโครงสร้างภายในกลุ่มธุรกิจการบินไทย และทำการบินแทนไทยสมายล์ในเส้นทางบินต่างประเทศ เช่น เกาสง ปีนัง มุมไบ ฯลฯ และคาดว่าการโอนเครื่องบินจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ของปี 2024

การรายงานกำไรในไตรมาส 3 ของการบินไทยนั้น ทำให้สายการบินแห่งชาติรายนี้มีกำไรติดต่อกัน 4 ไตรมาสแล้ว

หลังจากนี้การบินไทยเตรียมเพิ่มเที่ยวบินไปยังประเทศจีน รวมถึงเส้นทางอื่น ๆ ทำให้การบินไทยมีเส้นทางบิน 51 เส้นทาง และสายการบินยังเตรียมปรับโครงสร้างโดยจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลดความซ้ำซ้อน บริหารจัดการด้านธุรกิจ รวมถึงพิจารณาการลงทุนจัดตั้งศูนย์ซ่อมอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภาด้วย

]]>
1451362
เกือบเต็มลำ! ผู้โดยสาร “การบินไทย” เส้นทางเข้า-ออก “จีน” เด้งแตะ 90% หลังเปิด “ฟรีวีซ่า” https://positioningmag.com/1446401 Mon, 02 Oct 2023 09:40:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1446401 “การบินไทย” เผยอัตราผู้โดยสารบนเที่ยวบินระหว่างประเทศจีนกับไทยสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ หลังรัฐบาลเปิด “ฟรีวีซ่า” ให้กับนักท่องเที่ยว “จีน” โดยพบว่าอัตราผู้โดยสารขึ้นไปแตะ 90% ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เตรียมเพิ่มจำนวนเที่ยวบินไปกลับจีนรองรับดีมานด์

“กรกฎ ชาตะสิงห์” ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เที่ยวบินระหว่างประเทศจีนกับไทยมีอัตราผู้โดยสารต่อเที่ยวขึ้นไปมากกว่า 90% ตั้งแต่ที่รัฐบาลประกาศนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยวจีน

“เราเห็นการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของจำนวนชาวจีนที่เดินทางมาไทย” กรกฎกล่าว

ประเทศไทยกำลังตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพื่อช่วยฟื้นกำลังซื้อในประเทศ โดยรัฐบาลเริ่มออกนโยบายและเปิดโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ที่จะช่วยรองรับนักท่องเที่ยว

ขณะที่การบินไทยนั้นเตรียมแผนให้สอดคล้องกับดีมานด์จากชาวจีนแล้วเช่นกัน โดยเมื่อเดือนก่อนเพิ่งประกาศเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างไทย-จีนขึ้นเป็น 56 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากเดิม 49 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และจะเริ่มเพิ่มจำนวนไฟลท์ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2566 ปัจจุบันการบินไทยมีเที่ยวบินเข้าสู่ 5 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว คุนหมิง และเฉิงตู

สำหรับนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ให้กับชาวจีนนั้น เริ่มตั้งแต่ 25 กันยายน 2566 ไปจนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 รัฐบาลไทยเลือกกำหนดนโยบายนี้ในช่วงดังกล่าว เพื่อหวังจะดึงนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลวันหยุดสำคัญๆ ตั้งแต่วันชาติจีนในเดือนตุลาคม เทศกาลปีใหม่ช่วงสิ้นปี และเทศกาลตรุษจีนช่วงเดือนมกราคม

กรกฎกล่าวว่า ช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 มีผู้โดยสารบนไฟลท์การบินไทยที่เข้าออกประเทศจีนในสัดส่วนเพียง 50% ของที่เคยมีในช่วงก่อนเกิดโควิด-19

สายการบินยังมีความมั่นใจต่อการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมายังประเทศไทยในระยะยาว แต่ยังคงชั่งน้ำหนักอยู่ว่าการบินไทยควรจะเพิ่มจำนวนไฟลท์บินเข้าออกจีนขึ้นไปสูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 หรือไม่

“เรากำลังประเมินอยู่ว่าจำนวนผู้โดยสารจีนจะเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะกลับไปเพิ่มจำนวนเที่ยวได้เท่ากับเมื่อปี 2562” กรกฎกล่าว

ข่าวการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเพิ่มโครงสร้างพื้นฐานใหม่ขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยว โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน ประเทศไทยเริ่มเปิดใช้อาคาร “SAT-1” อาคารผู้โดยสารหลังใหม่ในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนไปกว่า 35,000 ล้านบาท

อาคาร SAT-1 จะช่วยรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้สูงสุด 15 ล้านคนต่อปี ปัจจุบันมีสายการบิน 2 สายแรกที่เข้าไปใช้บริการ คือ AirAsia X และ VietJet

“เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวในงานพิธีเปิดใช้อาคาร SAT-1 เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า รัฐบาลนี้กำลังผลักดันการท่องเที่ยว เพราะเป็นเครื่องยนต์ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาของประเทศได้ “การท่องเที่ยวสามารถสร้างงานและสร้างรายได้ให้กับคนไทยได้อย่างรวดเร็ว” เศรษฐากล่าว

Source

]]>
1446401
การบินไทยปี 2022 ขาดทุนเหลือแค่ 252 ล้านบาท อาจออกจากแผนฟื้นฟูได้ไวกว่าที่คาด https://positioningmag.com/1420675 Fri, 24 Feb 2023 08:55:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1420675 หลังจากที่การบินไทยได้เข้าสู่โหมดฟื้นฟูกิจการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ล่าสุดผลประกอบการในปี 2022 นี้สายการบินแห่งชาติขาดทุนเหลือแค่ 252 ล้านบาท ขณะเดียวกันผู้บริหารมองว่าบริษัทจะสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ไวกว่าที่คาดในตอนแรก จากผลของ EBITDA ที่เป็นบวก

บมจ. การบินไทย แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงผลการดำเนินงานในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยสายการบินแห่งชาติรายนี้ขาดทุนเหลือแค่ 252 ล้านบาทเท่านั้น โดยผู้บริหารมองว่าสามารถออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ภายในปี 2024 ขณะที่หุ้นของการบินไทยจะกลับมาซื้อขายได้ในปี 2025

รายได้รวมของการบินไทยในปี 2022 อยู่ที่ 105,041 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 342% (เนื่องจากฐานรายได้ในปี 2021 ที่ต่ำ) ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เติบโตก็คือคือรายได้จากค่าโดยสารที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ รายได้จากค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้จากหน่วยธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบิน

ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมของสายการบินอยู่ที่ 97,244 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสายการบินที่เพิ่มมากขึ้นตามปริมาณเที่ยวบิน

อย่างไรก็ดี ถ้าหากมาดูกำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) แล้วนั้นการบินไทยมี EBITDA ในปี 2022 ถึง 7,797 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่เป็นบวก ขณะเดียวกันผู้จัดการออนไลน์รายงานว่ากระแสเงินสดสะสมของการบินไทยนั้นสูงถึง 35,000 ล้านบาทแล้ว

ในปี 2022 ที่ผ่านมาการบินไทยมีจำนวนผู้โดยสารมากถึง 9.01 ล้านราย เครื่องบินประจำการอยู่ที่ 86 ลำ ลดลงจากปีที่ผ่านมา 1 ลำ ขณะที่อัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ยต่อลำอยู่ที่ 10.4 ชั่วโมงต่อวันต่อลำ ทางด้านอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) อยู่ที่ 67.9%

นอกจากนี้ผู้บริหารยังคาดการณ์ว่าการบินไทยเตรียมที่จะออกจากแผนฟื้นฟูได้ภายในปี 2024 และคาดว่าหุ้นของการบินไทยจะกลับเข้ามาซื้อขายได้อีกครั้งภายในปี 2025 ส่วนกรณีของสายการบินไทยสมายล์นั้นกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาข้อดีข้อเสียในการรวมสายการบินรายนี้เข้ามา

]]>
1420675
การบินไทยไม่ขายเครื่องบินบางรุ่นแล้ว เตรียมนำกลับมาใช้งาน หลังเที่ยวบินเพิ่มสูงขึ้น https://positioningmag.com/1407563 Thu, 10 Nov 2022 05:29:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1407563 การบินไทยเปลี่ยนแผนที่จะไม่ขายเครื่องบินบางรุ่นแล้ว โดยจะนำเครื่องบินกลับมาให้บริการในช่วงปี 2023-2024 สาเหตุสำคัญมาจากตลาดขายและเช่าเครื่องบินมีความต้องการเครื่องบินรุ่นใหม่สูงมาก ขณะเดียวกันสายการบินแห่งชาติรายนี้คาดว่ารายได้จะกลับมาเกือบเท่าก่อนช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงปลายปี 2023

ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg เกี่ยวกับแผนธุรกิจของการบินไทย โดยล่าสุดสายการบินแห่งชาติรายนี้เตรียมที่จะยกเลิกการนำเครื่องบินออกขายต่อในบางรุ่น และนำเครื่องบินกลับมาให้บริการอีกครั้ง

เขากล่าวว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินทำให้เครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดตอนนี้หาได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการหาเครื่องบินใหม่จากบริษัทเช่าเครื่องบิน ส่งผลทำให้การบินไทยต้องยกเลิกการนำเครื่องบินบางรุ่นเพื่อนำไปขายต่อในท้องตลาด

เครื่องบินที่จะยกเลิกการขายต่อได้แก่ Airbus A330 จำนวน 3 ลำและ Boeing 777-200ER จำนวน 2 ลำ และจะนำเครื่องบินที่ยกเลิกการขายต่อกลับมาใช้งานอีกครั้งภายในช่วงปี 2023 นอกจากนี้ยังเตรียมนำเครื่องบินรุ่นยักษ์อย่าง Airbus A380 กลับมาใช้งานในช่วงปี 2024 อีกด้วย

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2 ล่าสุดนั้น รายได้รวมของการบินไทยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 21,562 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 282% (เนื่องจากฐานรายได้ในปี 2021 ที่ต่ำ) ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เติบโตในไตรมาส 2 คือรายได้จากค่าโดยสารที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศของรัฐบาลไทย และยังรวมถึงรายได้จากค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดีสายการบินมีผลประกอบการขาดทุนอยู่ที่ 3,213 ล้านบาท

ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทได้รายงานว่ามีเครื่องบินใช้งานอยู่ที่ 91 ลำ อัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 9.8 ชั่วโมงต่อลำต่อวัน

ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของการบินไทยยังคาดว่ารายได้ของการบินไทยในปี 2022 นี้จะอยู่ที่ราวๆ 60% ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจะกลับมาที่ราวๆ 90% ในช่วงปลายปี 2023 แม้ว่าจำนวนฝูงบินของการบินไทยจะลดลง ซึ่งปัจจัยบวกสำคัญคือราคาค่าโดยสารที่เพิ่มสูงขึ้น

]]>
1407563
การบินไทยโชว์งบไตรมาส 2/65 รายได้เติบโตเพิ่มขึ้น แต่กลับมาขาดทุนอีกรอบ https://positioningmag.com/1396134 Mon, 15 Aug 2022 07:42:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396134 การบินไทยรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ของปี 2022 รายได้กลับมาเติบโตมากขึ้น จากปัจจัยการเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี สายการบินยังรายงานการขาดทุนมากถึง 3,213 ล้านบาท ในไตรมาส 3 สายการบินแห่งชาติรายนี้เตรียมเพิ่มเที่ยวบินเพื่อหารายได้อย่างต่อเนื่อง

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 ของปี 2022 นั้นสายการบินแห่งชาติรายนี้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าในปี 2021 ขณะเดียวกันก็ยังมีผลการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) เป็นบวก อย่างไรก็ดี ถ้าหากหักลบกับต้นทุนหรือปัจจัยอื่นๆ แล้วนั้นสายการบินรายงานว่ามีผลขาดทุนไปทั้งสิ้น 3,213 ล้านบาท

โดยรายได้รวมของการบินไทยในไตรมาส 2 อยู่ที่ 21,562 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 282% (เนื่องจากฐานรายได้ในปี 2021 ที่ต่ำ) ปัจจัยหลักที่ทำให้รายได้เติบโตในไตรมาส 2 คือรายได้จากค่าโดยสารที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศของรัฐบาลไทย และยังรวมถึงรายได้จากค่าขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมของสายการบินอยู่ที่ 22,825 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญมาจากราคาน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ถ้าหากมาดู EBITDA แล้วนั้นในไตรมาส 2 การบินไทยมี EBITDA ถึง 1,988 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่เป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่การเข้าฟื้นฟูกิจการ

ตัวเลขต่างๆ ที่น่าสนใจในไตรมาส 2 ของการบินไทย

  • การบินไทยมีเครื่องบินที่ใช้งานอยู่ 91 ลำ
  • จำนวนผู้โดยสารในไตรมาส 2 อยู่ที่ 2.01 ล้านคน
  • อัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) อยู่ที่ 60.3%
  • อัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 9.8 ชั่วโมงต่อลำต่อวัน

ขณะที่มุมมองในอุตสาหกรรมการบินนั้น การบินไทยมองว่าการบินในเส้นทางระยะไกลจะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2023 และกลับเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงปลายปี 2024 ซึ่งในไตรมาส 3 นั้นการบินไทยเตรียมจะเพิ่มเท่ียวบินในเส้นทางสำคัญ เช่น ประเทศญี่ปุ่น เบลเยียม เดนมาร์ก สิงคโปร์ ซาอุดีอาระเบีย เพื่อที่จะเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้มากขึ้น

]]>
1396134
Forbes จัดอันดับบริษัท “นายจ้าง” ที่ดีที่สุดในโลก ปี 2021 “การบินไทย” ติดโผ https://positioningmag.com/1356400 Thu, 14 Oct 2021 04:45:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356400 นิตยสาร Forbes จัดอันดับ 750 บริษัท “นายจ้าง” ที่ดีที่สุดในโลก ปี 2021 แชมป์ตกเป็นของ “Samsung” จากเกาหลีใต้ ส่วนประเทศที่มีบริษัทนายจ้างที่ดีที่สุดจำนวนมาก ได้แก่ สหรัฐฯ เยอรมนี และจีน ประเทศไทยไม่น้อยหน้ามี 5 บริษัทติดอันดับ “การบินไทย” ติดโผในอันดับที่ 318

Forbes ร่วมกับ Statista สำรวจความคิดเห็นพนักงานทั้งแบบประจำและพาร์ตไทม์จำนวน 150,000 คนจาก 58 ประเทศ ที่ทำงานอยู่ในบริษัทระดับนานาชาติ

โดยผู้ได้รับการสำรวจจะถูกสอบถามว่า ต้องการแนะนำให้เพื่อนหรือครอบครัวเข้ามาร่วมงานในบริษัทเดียวกันหรือไม่ รวมถึงให้คะแนนบริษัทของตนในแง่มุมต่างๆ เช่น ภาพลักษณ์องค์กร, อิทธิพลต่อเศรษฐกิจ, การพัฒนาความสามารถพนักงาน, ความเท่าเทียมทางเพศ และความรับผิดชอบต่อสังคม โดย 750 บริษัทที่ได้รับคะแนนมากที่สุดจะเข้ามาอยู่ในการจัดอันดับนี้

10 อันดับแรกบริษัท “นายจ้าง” ที่ดีที่สุดในโลก ปี 2021 มีดังนี้

อันดับ 1 Samsung Electronics – ธุรกิจหลากหลาย – เกาหลีใต้
อันดับ 2 IBM – เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี – สหรัฐฯ
อันดับ 3 Microsoft – ไอที อินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ – สหรัฐฯ
อันดับ 4 Amazon – ไอที อินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ – สหรัฐฯ
อันดับ 5 Apple – เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี – สหรัฐฯ
อันดับ 6 Alphabet – ไอที อินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ – สหรัฐฯ
อันดับ 7 Dell Technologies – เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี – สหรัฐฯ
อันดับ 8 Huawei – บริการด้านโทรคมนาคม ซัพพลายเออร์เคเบิล – จีน
อันดับ 9 Adobe – ไอที อินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ – สหรัฐฯ
อันดับ 10 BMW Group – ยานยนต์ – เยอรมนี

IBM ครองอันดับ 2 ของโลกและดีที่สุดในสหรัฐฯ สำหรับการเป็น “นายจ้าง” ที่พนักงานชื่นชอบ (Photo by Spencer Platt/Getty Images)

ปีนี้สัญชาติบริษัทที่เข้ามาติดโผมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 236 บริษัท เยอรมนี 91 บริษัท และจีน 57 บริษัท บริษัทเยอรมันนอกจาก BMW Group แล้ว มีบริษัทอื่นๆ ที่ดีที่สุดสำหรับพนักงาน เช่น Adidas, Siemens, Dr.Oetker (จำหน่ายสินค้ากลุ่มแป้งทำขนมเบเกอรี) ส่วนบริษัทจีนที่ติดโผนอกจาก Huawei เช่น Tencent Holdings, JD.com, China Life Insurance (บริษัทประกัน)

ด้านบริษัท “ไทย” นั้นมีติดอันดับ 5 แห่ง ดังนี้

อันดับ 315 ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ – เซมิคอนดักเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยี
อันดับ 318 การบินไทย – คมนาคมและโลจิสติกส์
อันดับ 497 กลุ่มมิตรผล – วัตถุดิบอาหาร
อันดับ 585 กลุ่ม ปตท. – เชื้อเพลิง เคมีภัณฑ์
อันดับ 642 ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล – ท่องเที่ยวและพักผ่อน

ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส์ เป็นบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ ปัจจุบันมีโรงงานในไทย จีน สหรัฐฯ และกัมพูชา มีพนักงานกว่า 10,000 คน

Forbes รายงานถึงสถานการณ์การจ้างงานในรอบปีที่ผ่านมาว่ามีความท้าทายต่อนายจ้างอย่างมาก เพราะการระบาดของ COVID-19 ทำให้นายจ้างต้องปรับการทำงานเป็นแบบออนไลน์หรือไฮบริดมากขึ้น ต้องมีมาตรการใหม่ๆ ในการดูแลพนักงาน โดยเฉพาะในสหรัฐฯ พบว่าลูกจ้างมีอัตราลาออกสูงขึ้น ทำให้บริษัทต้องหาแรงจูงใจและแข่งขันกันเพื่อดึงพนักงาน ส่วนใหญ่มักจะเสนอสิทธิประโยชน์ส่งเสริมการศึกษา

Source

]]>
1356400