ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 16 Sep 2020 07:07:18 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 รพ.ไฮเอนด์ เเก้เกม ผู้ป่วยต่างชาติหาย “บํารุงราษฎร์” พลิกจับ “คนไทย” ดัมพ์ราคา-จัด 1 เเถม 1 https://positioningmag.com/1297032 Tue, 15 Sep 2020 14:21:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1297032 เเม้ว่าแนวโน้มของธุรกิจสถานพยาบาล จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วแบบ V-Shape เมื่อคลายมาตรการล็อกดาวน์ สอดคล้องกับสัญญาณเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

เเต่ทว่าโรงพยาบาลเอกชนที่เคยพึ่งพารายได้จากผู้ป่วยต่างชาติหรือที่เรียกว่าพึ่งพา Medical Tourism จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย เมื่อรายได้หลักที่เคยมีหดหายไปอย่างมาก เเละยังไม่อาจเปิดประเทศเป็นปกติได้ในเร็ววัน

จากข้อมูลของ TMB Analytics ระบุถึงโครงสร้างรายได้ของโรงพยาบาลเอกชนในไทยว่า มีรายได้จาก Medical Tourism คิดเป็น 8% ของรายได้โรงพยาบาลเอกชนทั้งหมด ดังนั้นรายได้จากผู้ป่วยต่างประเทศในปีนี้จะยังไม่ฟื้นตัวดีนักเพราะคาดว่าไทยจะยังคงดำเนินการมาตรการล็อคดาวน์ต่างประเทศ เเละคัดกรองผู้เดินทางจากต่างประเทศต่อไป

การปรับกลยุทธ์ใหม่ เเก้เกมในวิกฤต COVID-19 ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” (BH) ที่เคยมุ่งเจาะลูกค้าระดับไฮเอนด์เเละชาวต่างชาติ เเต่ตอนนี้ต้องหันมาจับตลาดคนไทย ทั้งการดัมพ์ราคาค่าห้อง ลดเเลกเเจกเเถมโปรเเกรมตรวจสุขภาพ ไปจนถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อทดเเทนรายได้ที่ขาดไปในปีนี้ เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจไม่น้อย

หันมาเจาะ “คนไทย” อัดโปรลดเเลกเเจกเเถม 

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ ยอมรับว่า วิกฤตโรคระบาด ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยตรง เพราะผู้ป่วยชาวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยในช่วงเดือนเมษายน ถือว่าหนักที่สุด

ที่ผ่านมา BH ให้การรักษาผู้ป่วยทั้งชาวไทยเเละต่างชาติกว่า 1.1 ล้านรายต่อปี โดยคิดเป็นสัดส่วนผู้ป่วยไทยและต่างชาติอย่างละ 50 % ขณะที่สัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากผู้ป่วยชาวต่างชาติถึง 66% ส่วนผู้ป่วยคนไทยอยู่ที่ราว 34% เนื่องจากชาวต่างชาติจะเข้ามาทำการรักษาเคสหนักเช่นการผ่าตัดหัวใจ รักษาโรคร้ายเเรงซึ่งจะที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า

ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์

โดยฐานลูกค้าชาวต่างชาติของ BH หลักๆ มาจากกลุ่มประเทศอาเซียน CLMV รองลงมาเป็น แถบตะวันออกกลาง เเละประเทศในยุโรป ซึ่งไทยยังถือว่ามีข้อได้เปรียบในเรื่องคุณภาพของโรงพยาบาล ความชำนาญการของแพทย์ รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่ประหยัดกว่าสหรัฐฯ ประมาณ 40-75% หรือสิงคโปร์ ประมาณ 30%

อย่างไรก็ตาม จากปัญหาผู้ป่วยต่างชาติไม่สามารถเดินทางมารักษาในไทยได้ในสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังระบาดทั่วโลก รพ.บำรุงราษฎร์ จึงต้องหันมาปรับกลยุทธ์ใหม่ เพื่อพยุงรายได้ที่หายไป ด้วยการหันมาจับตลาดคนไทยมากขึ้น เเละไม่ใช่เเค่เจาะลูกค้ารายได้สูงเท่านั้น เเต่ยังต้องขยายไปสู่คนที่มีรายได้ปานกลางมากขึ้น

โดยมีการจัดโปรโมชันพิเศษต่างๆ เช่น การลดราคาค่าห้องลงถึง 50% ในเดือนพ.. การจัดเเพ็กเกจตรวจสุขภาพเเบบซื้อ 1 เเถม 1” รวมถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อดึงดูดลูกค้าชาวไทย

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดบริการ Homecare Services ที่มีชื่อว่า Bumrungrad @ Home Service Center เพื่อให้บริการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยและครอบครัวถึงบ้าน และบริการ “60 Second Service” เพื่อให้บริการขั้นพื้นฐาน เช่น ฉีดวัคซีนและรับยา เเบบรวดเร็วเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal

Photo : facebook /bumrungrad

จากเเคมเปญเเละโปรโมชันต่างๆ ที่เราได้ทำไป ตอนนี้รายได้เริ่มกลับมาทดเเทนส่วนที่หายไปจากชาวต่างชาติได้บ้างเเล้ว คาดว่าในช่วงไตรมาส 3 จะดีขึ้น เเละจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ได้

BH รายงานรายได้ในไตรมาส 2/2020 มีกำไรสุทธิเพียง 44 ล้านบาท ลดลงถึง 93.9% จากไตรมาส 2/2019 ที่มีกำไรสุทธิ 725 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากกิจการโรงพยาบาลจำนวน 6,531 ล้านบาท ลดลง 27.1% หลักๆ เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้ผู้ป่วยชาวไทย 7.8% และต่างชาติ 36.4% ขณะที่ในปี 2019 BH เคยมีรายได้ 1.87 หมื่นล้านบาท และทำกำไร 3.74 พันล้านบาท

ขยายโอกาสธุรกิจใหม่ ดัน Wellness Tourism

อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจของบำรุงราษฎร์ในช่วงนี้ คือการหันมาผลักดันธุรกิจ Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จับมือกับพันธมิตรค่ายอสังหาฯ อย่างมั่นคงเคหะการกับยักษ์โรงเเรมอย่างไมเนอร์

เปิดตัวโครงการรักษ” (อ่านว่า รักษะ) ศูนย์เวลเนส รีทรีต 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโซนที่ถูกเรียกว่าเป็นปอดเเห่งใหม่ของกรุงเทพฯประเดิมราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 60,000 บาท จับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพเวลเนสทั่วโลก

ลักษณะความร่วมมือครั้งนี้ มั่นคงฯ จะเป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนโครงการ 100% แต่ทำสัญญากับ รพ.บำรุงราษฎร์ ให้ผู้บริหารด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ระหว่างกันประมาณ 50 : 50 แต่ในกำไรส่วนที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ได้จากบริการทางการแพทย์จะแบ่งคืนให้กับมั่นคงฯ 15% ส่วนสัญญากับ ไมเนอร์ เป็นการจ้างบริหารงานบริการโรงแรมและอาหาร

อ่านเพิ่มเติม : คิกออฟ! “รักษศูนย์เวลเนส จาก 3 บิ๊กเนมมั่นคงบำรุงราษฎร์ไมเนอร์มูลค่า 2,000 ล้านบาท

เดิมทีโครงการรักษตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติจากทั่วโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้ายังบินเข้ามาไม่ได้ ทำให้ปีแรกที่จะเปิดบริการเต็มปีคือปี 2021 น่าจะมีอัตราเข้าพักเพียง 30% ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ว่าปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60%

วิลล่าที่พักในรักษ เวลเนส รีทรีต

อย่างไรก็ตาม มั่นคงเคหะการ เชื่อว่าระยะยาวเวลเนสจะยังได้รับความนิยม ในปี 2022 อัตราเข้าพักคาดว่าจะขึ้นมาเป็น 50% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่รับมือ COVID-19 ได้ดีในช่วงนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับโครงการในภายหลัง เพราะทำให้ต่างชาติเชื่อถือในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

ผู้บริหาร รพ. บำรุงราษฎร์ มองว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และรัฐบาลประกาศชัดเจนว่าจะส่งเสริมอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง COVID-19 “นี่จะเป็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ของเราในอนาคต เพราะวิกฤตโรคระบาด ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลในไทยและต่างประเทศเปลี่ยนไป”

โดยประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง จากการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทย ติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น อุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโต “ดับเบิลดิจิต” ต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสที่มีสูงมาก

ทั้งนี้ จากการประชุมศูนย์กลางด้านการแพทย์ ปี 2561 ระบุว่า มีผู้ป่วยต่างชาติมาใช้บริการในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ประมาณ 3.4 ล้านครั้ง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 1.4 แสนล้านบาท และไทยยังมีสถานบริการสุขภาพผ่านมาตรฐานคุณภาพสถานพยาบาลระดับสากล JCI ถึง 68 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน

ปรับรับผู้ป่วยต่างชาติ “เช่าเหมาลำ” จับตาเริ่มกลับมา ต.ค.นี้ 

บรรดาโรงพยาบาลเอกชน ต่างคาดหวังว่ารายได้จะกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หากมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวที่มาพำนักระยะยาวมากขึ้น

BH เริ่มรับผู้ป่วยต่างชาติในกรณีพิเศษเเล้วในช่วงไตรมาส 3 โดยมีผู้ป่วยราว 20-30 คนเดินทางโดยเครื่องบินเเบบเช่าเหมาลำจากเมียนมา เพื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยเฉพาะ ซึ่งจะต้องผ่านการคัดกรองโรคเเละกักตัว 14 วันภายในโรงพยาบาลตามข้อกำหนดของรัฐ โดยคาดว่าจะมีผู้ป่วยต่างชาติ ล็อตอื่นๆ ตามมาอีกต่อเนื่อง

เเละก็เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยล่าสุดวันที่ 15 .. คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทย ประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) โดยกำหนดเงื่อนไขว่านักท่องเที่ยวดังกล่าวจะต้องเป็นบุคคลต่างด้าวพำนักระยะยาว (Long Stay) ภายในประเทศไทย เเละต้องยอมรับการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่ประกาศใช้ภายในประเทศไทย พร้อมตกลงยินยอมกักตัวในห้องพักจำนวน 14 วัน

โดยต้องมีหลักฐานสถานที่พักอาศัยระยะยาวภายในไทย เช่น หลักฐานการชำระเงินค่าโรงแรมที่พัก หรือโรงพยาบาลที่พัก หลักฐานสำเนาโฉนดหรือการชำระเงินดาวน์ห้องชุดประเภทคอนโดมิเนียม และค่าธรรมเนียมลงตราวีซ่า 2,000 บาท

ครั้งแรกจะอนุญาตให้พักได้ 90 วัน เเละขยายได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน รวม 270 วันหรือ 9 เดือน โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2564 ทั้งนี้ จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ตั้งเเต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ครั้งละ 100 คน จำนวน 1,200 คนต่อเดือน โดยมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะสามารถนำเงินเข้าประเทศได้กว่า 1,200 ล้านบาทต่อเดือน

นี่จึงเป็นอีกโอกาสสำคัญที่ “โรงพยาบาลเอกชน” ที่พึ่งพารายได้จากชาวต่างชาติ จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เเม้จะไม่รุ่งเท่าช่วงก่อนวิกฤต COVID-19 ก็ตาม 

 

]]>
1297032
คิกออฟ! “รักษ” ศูนย์เวลเนส จาก 3 บิ๊กเนม “มั่นคง-บำรุงราษฎร์-ไมเนอร์” มูลค่า 2,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1296408 Fri, 11 Sep 2020 03:41:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1296408 มั่นคงเคหะการ พัฒนาโครงการ “รักษ” (อ่านว่า รัก-ษะ) ศูนย์เวลเนส รีทรีต 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ ดึงพันธมิตรศูนย์ VitalLife รพ.บำรุงราษฎร์ บริหารด้านการแพทย์ และไมเนอร์ดูแลด้านการบริการและอาหาร ราคาแพ็กเกจเริ่มต้น 60,000 บาท จับกลุ่มลูกค้าที่สนใจด้านสุขภาพ-เวลเนสทั่วโลก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ทำให้อัตราเข้าพักช่วงปีแรกน่าจะลดลงครึ่งหนึ่งจากที่เคยคาดการณ์ไว้

“วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเปิดบริการโครงการ “รักษ” ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ในเดือนธันวาคม 2563 มูลค่าลงทุนโครงการนี้เฉพาะเฟสแรก 2,000 ล้านบาท

ลักษณะโครงการ “รักษ” จะเป็นเวลเนส รีทรีต รีสอร์ต ดูแลสุขภาพเชิงป้องกันพร้อมกับการพักผ่อน ตั้งอยู่บนที่ดินรวม 200 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ แบ่งเฟสการพัฒนา เฟสแรก 60 ไร่ ภายในประกอบด้วยวิลล่า 60 หลัง (ช่วงเปิดตัวมีบริการก่อน 27 หลัง) พื้นที่ศูนย์สุขภาพต่างๆ แวดล้อมด้วยทะเลสาบและต้นไม้ ส่วนเฟสต่อไปยังอยู่ระหว่างพิจารณาการลงทุน

บริเวณโครงการรักษ (RAKxa) บนคุ้งบางกระเจ้า ริมแม่น้ำเจ้าพระยา (หมายเหตุ : กรอบรอบพื้นที่ดินไม่ได้ขีดเส้นตามความเป็นจริง เป็นเพียงการคาดคะเนโดยประมาณเท่านั้น)

วรสิทธิ์กล่าวว่า ลักษณะความร่วมมือครั้งนี้ มั่นคงฯ เป็นผู้ถือหุ้นและลงทุนโครงการ 100% แต่ทำสัญญากับพันธมิตร 2 รายเข้ามาช่วยบริหารโครงการ คือ รพ.บำรุงราษฎร์ เป็นผู้บริหารด้านการแพทย์ แบ่งรายได้ระหว่างกันประมาณ 50 : 50 แต่ในกำไรส่วนที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ได้จากบริการทางการแพทย์จะแบ่งคืนให้กับมั่นคงฯ 15% ส่วนสัญญากับ ไมเนอร์ เป็นการจ้างบริหารงานบริการโรงแรมและอาหาร

 

ชูจุดเด่นโปรแกรมที่ออกแบบจาก “พันธุกรรม” รายบุคคล

ภายในพื้นที่โครงการรักษ นอกจากมีการ์เดนวิลล่า พูลวิลล่า และเพรสซินเดนเชียลวิลล่า ตกแต่งด้วยเครื่องประดับจากจิม ทอมป์สันสำหรับเป็นที่พักสำหรับผู้เข้ารับการรักษาแล้ว จะมีศูนย์สุขภาพในด้านต่างๆ จาก รพ.บำรุงราษฎร์ มาตั้งในพื้นที่พร้อมบุคลากรทางการแพทย์ ได้แก่

  • VitalLife’s Scientific Wellness Clinic : ศูนย์วิเคราะห์สุขภาพด้วยเทคโนโลยีแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพรายบุคคลให้ตรงกับพันธุกรรม ฮอร์โมน และวิถีชีวิตของบุคคลนั้นๆ
  • RAKxa Jai – Holistic Wellness Centre : ศูนย์ผสานศาสตร์การบำบัดหลายแขนง เช่น แพทย์แผนจีน แพทย์แผนไทย ธาราบำบัด อบไอน้ำ ฯลฯ
  • RAKxa Gaya – Medical Gym : ศูนย์ออกกำลังกายเชิงการแพทย์ มีนักกายภาพบำบัดและนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้คำแนะนำ แก้ไขปัญหาหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ฝึกกล้ามเนื้อ เส้นประสาท
  • RAKxa Wellness Cuisine : เชฟและนักโภชนาการจาก VitalLife ปรุงอาหารที่เหมาะกับผู้รับการรักษา ใช้อาหารที่ทราบถึงแหล่งที่มาแบบ Farm-to-Table ปลอดสารพิษ และดีต่อสุขภาพ
วิลล่าที่พักในรักษ เวลเนส รีทรีต

จากฟังก์ชันที่มีทั้งหมดในโครงการรักษ “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ กล่าวว่า โครงการนี้จะมีจุดเด่นที่เป็นเวลเนส รีทรีทแบบมี ‘Scientific Base’ ออกแบบโปรแกรมผ่านการวิเคราะห์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์และเจาะลึกถึงระดับพันธุกรรมของแต่ละบุคคล ค้นหาประวัติโอกาสเป็นโรคใดบ้าง เช่น มะเร็ง เบาหวาน

ประกอบกับศูนย์ VitalLife ของ รพ.บำรุงราษฎร์เปิดมานานย่างเข้าปีที่ 20 และเป็นศูนย์เวชศาสตร์เชิงป้องกันแห่งแรกของเอเชีย ทำให้สร้างความน่าเชื่อถือได้ในระดับสากล

ด้าน “วิลเลียม อี. ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทรับบริหารโรงแรมมากกว่า 500 แห่งอยู่ใน 60 ประเทศทั่วโลก โดยที่โครงการรักษคือแห่งแรกที่บริษัทรับบริหารในลักษณะเวลเนส รีทรีต เชื่อว่าฐานลูกค้าที่ไมเนอร์มีอยู่ทั้งหมดจะสานต่อให้เข้ามาใช้บริการที่นี่ได้

สำหรับค่าใช้จ่ายแพ็กเกจ “ดุษฎี ตันเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บมจ.มั่นคงเคะหะการ กล่าวว่า ราคาเริ่มต้นที่ 60,000 บาท เป็นแพ็กเกจตรวจสุขภาพพร้อมที่พัก 1 คืน ส่วนแพ็กเกจรักษาบำบัดจะมีตั้งแต่ 3-14 คืน ขึ้นอยู่กับว่าเป็นโปรแกรมอะไร เช่น โปรแกรมดูแลสุขภาวะทางเดินอาหาร โปรแกรมเสริมภูมิคุ้มกัน โปรแกรมควบคุมน้ำหนัก โปรแกรมผ่อนคลายความเครียด ราคาแพ็กเกจบำบัดเริ่มต้น 180,000 บาทต่อ 3 คืน

ตารางโปรแกรมในโครงการรักษ

ทั้งหมดหลังจากจบคอร์สแล้วแพทย์จะมีการติดตามต่อเนื่องหลังลูกค้ากลับออกจากรีทรีต และภายในโครงการจะไม่มีการเปิดให้พักผ่อนทั่วไป แขกที่เข้าพักจะต้องสมัครแพ็กเกจโปรแกรมใดโปรแกรมหนึ่ง

นอกจากแพ็กเกจรายครั้งแล้ว รักษจะมีระบบสมาชิกรายปีด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวไทยซึ่งสามารถแวะมาได้บ่อยครั้งกว่า ราคาสมาชิกเริ่มต้น 500,000 บาทต่อคนต่อปี

 

ตั้งเป้ากลุ่มต่างชาติ แต่ปีแรกยังติดปัญหา COVID-19

วรสิทธิ์กล่าวว่า โครงการนี้เดิมตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างชาติจากทั่วโลก แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ทำให้ลูกค้ายังบินเข้ามาไม่ได้ ทำให้ปีแรกที่จะเปิดบริการเต็มปีคือปี 2564 น่าจะมีอัตราเข้าพักเพียง 30% ต่ำกว่าที่เคยคาดไว้ว่าปีแรกจะมีอัตราเข้าพัก 60%

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าระยะยาวเวลเนสจะยังได้รับความนิยม ในปี 2565 อัตราเข้าพักคาดว่าจะขึ้นมาเป็น 50% และเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ชื่อเสียงของประเทศไทยที่รับมือ COVID-19 ได้ดีในช่วงนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับโครงการในภายหลัง เพราะทำให้ต่างชาติเชื่อถือในระบบสาธารณสุขของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

วรสิทธิ์มองว่า โครงการนี้จะเป็นส่วนสำคัญในผลประกอบการบริษัท โดยหวังว่าจะทำกำไรคิดเป็นสัดส่วน 15% ในกำไรรวมของบริษัทประจำปี 2564 ส่วนอีก 85% ที่เหลือนั้น 35% มาจากค่าเช่าคลังสินค้าและสนามกอล์ฟ ส่วนอีก 50% มาจากรายได้การขายที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นธุรกิจหลักของมั่นคงฯ มาตั้งแต่ช่วงก่อนเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร

(จากซ้าย) “วรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน), “ภญ.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์” ผู้อำนวยการด้านบริหาร รพ.บำรุงราษฎร์ และ “วิลเลียม ไฮเน็ค” ประธานกรรมการ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

 

ธุรกิจเวลเนสเติบโต “ดับเบิลดิจิต”

ราคาที่แม้จะสูงขนาดนี้ แต่มีลูกค้ารอรับบริการอยู่ทั่วโลก และประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่กำลังมาแรง โดยการจัดอันดับของ Global Wellness Institute รายงานว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของไทยติดอันดับ 13 ของโลก ทำรายได้มากกว่า 9,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนตลาดโลกนั้น ภญ.อาทิรัตน์กล่าวว่าอุตสาหกรรมด้านเวลเนสเติบโตดับเบิลดิจิตต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี สะท้อนโอกาสที่มีสูงมาก

หากมองคู่แข่งเฉพาะในไทย ดุษฎีมองว่าโครงการรักษจะใช้จุดเด่นเรื่องการมีแพทย์แผนปัจจุบัน มีวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยเป็นแกน โดยมีศูนย์ของโรงพยาบาลและแพทย์ผู้รักษาประจำในโครงการ จะต่างจากโครงการเวลเนส รีทรีตอื่นๆ ที่เคยมีมาซึ่งมักจะใช้การบำบัดแบบแพทย์ทางเลือกเป็นหลัก หรือเป็นเวลเนสเพื่อฟื้นฟูในเชิงจิตใจมากกว่าร่างกาย และไม่ได้มีแพทย์ประจำ

ดังนั้น เชื่อว่าโครงการรักษจะขึ้นแท่นเป็นจุดหมายระดับ World Class ของนักท่องเที่ยวที่สนใจสุขภาพ และเป็นธุรกิจ “ไข่ทองคำ” เพราะลูกค้ากลุ่มนี้มักจะกลับมาบำบัดในสถานที่เดิมอย่างต่อเนื่องด้วย

]]>
1296408