ธนชาต – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 17 May 2021 09:53:07 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ก้าวต่อไปของทีเอ็มบีและธนชาต เมื่อรวมกันเป็น ‘ttb’กับเป้าหมายสร้างชีวิตการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย https://positioningmag.com/1331937 Mon, 17 May 2021 11:30:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1331937

เหลือเวลาอีกเเค่หนึ่งเดือนกว่าๆ ดีลประวัติศาสตร์เเห่งวงการเเบงก์เมืองไทยที่หลายคนจับตามอง อย่างการรวมกิจการของ 2 ธนาคารใหญ่ ‘ทีเอ็มบี’ และ ‘ธนชาต’ สู่การเป็น

‘ทีเอ็มบีธนชาต’ หรือ ttb กำลังจะเสร็จสมบูรณ์เเบบ 100% ครบสูตร ‘One Dream, One Team, One Goal’ ในต้นเดือนกรกฎาคมนี้

การเดินทางครั้งสำคัญของ ttb กับเป้าหมายใหญ่ที่หวังจะช่วยให้คนไทยมี ‘Financial Well-being’ ชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น จะมีทิศทางต่อไปอย่างไร เเผนธุรกิจเเละกลยุทธ์การเข้าถึงลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เเละการเปลี่ยนเเปลงที่จะเกิดขึ้น ลูกค้าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง วันนี้ Positioning จะพามาหาคำตอบกัน

ภารกิจใหญ่ของการรวมธนาคารครั้งนี้ ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 เป็นการรวมจุดแข็งของสองธนาคารมาไว้ที่เดียว

เมื่อรวมกันแล้วจะทำให้ธนาคารใหม่ มีขนาดธุรกิจเพิ่มขึ้น ‘เท่าตัว’ โดยมีสินทรัพย์รวมกันเกือบ 2 ล้านล้านบาท ขึ้นเเท่นเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ อันดับ 6 ของไทย มีพนักงานรวมกันมากกว่า 15,000 คน

“เราไม่ต้องการเป็นเเค่ธนาคารใหม่ เเต่จะสร้างรากฐานองค์กรใหม่ให้มีความเป็นหนึ่งเดียว สู่เป้าหมายเดียวกันคือ การช่วยให้คนไทยมีสุขภาพการเงินที่เเข็งเเรงในระยะยาว นำเสนอโซลูชั่นต่างๆ เพื่อตอบโจทย์คนไทยในทุกช่วงชีวิต” ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) กล่าว

รีเเบรนด์ให้ทันสมัย การ ‘เชื่อมต่อ’ คือหัวใจสำคัญ

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเราคงได้เห็น ‘ภาพลักษณ์ใหม่’ ของ ttb ออกมาให้ตื่นตาตื่นใจกันเเล้ว ทั้งช่องทางการสื่อสารทางออฟไลน์เเละออนไลน์

จุดเล็กๆ เเต่น่าสนใจคือ เป็นครั้งเเรกของสถาบันการเงินไทยที่เลือกใช้ ชื่อโลโก้ใหม่ เป็นอักษรพิมพ์เล็ก ประกอบด้วยอักษร t ตัวแรกคือ TMB (ทีเอ็มบี) t ตัวที่สองคือ Thanachart (ธนชาต) และอักษร b มาจากคำว่า Bank (ธนาคาร)

ความหมายของโลโก้ของ ttb สื่อให้เห็นความตั้งใจของธนาคารที่จะใกล้ชิดและเข้าใจผู้คน ซึ่งการเชื่อมประสานกันของตัวอักษรทั้งสามตัว ยังมีความหมายถึง ‘การเชื่อมต่อ’ ของสองธนาคารเพื่อส่งมอบประสบการณ์ทางการเงินที่จะช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทย


ส่วนโทนสีของเเบรนด์ จะมี ‘สีฟ้าเเละสีส้ม’ ซึ่งเป็นสีเดิมของทีเอ็มบีและธนชาต ที่สะท้อนถึงการทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เป็นธนาคารที่ทุกคนเข้าใจได้ง่าย ไม่ใช่เรื่องยากหรือเป็นเรื่องที่ไกลตัว

พร้อมมีการเฉดสีใหม่ อย่างสีฟ้าเฉดใหม่ ‘Confident Blue’ ที่หมายถึงการเปี่ยมไปด้วยพลัง ความคิดสร้างสรรค์ เเละสีส้ม ‘Refreshing Orange’ หมายถึง ความสดใส มีชีวิตชีวา โดยสะท้อนให้เห็นถึง ความก้าวหน้า ความอบอุ่น และความกระตือรือร้นที่จะบริการลูกค้า

รวมไปถึงเพิ่มสีน้ำเงิน ‘Trusted Navy’ สื่อถึงความมั่นคง น่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพ สามารถเป็นที่พึ่งพาให้แก่ทุกคน เหมือนที่เป็นตลอดมา และเพิ่มสีขาว ‘Honest White’ คือ การเป็นตัวแทนของความโปร่งใส การเปิดเผยและซื่อสัตย์ ที่เป็นหลักการที่ธนาคารยึดมั่นอยู่เสมอ โดยจะทยอยเปลี่ยนโฉมสาขา และ ATM เป็นแบรนด์ ttb ทั่วประเทศไทย

กลยุทธ์สู่ Main Bank : ขยายฐานลูกค้า – รุกดิจิทัล – เสริม

สกิลพนักงาน

ในปีนี้ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ได้ลำดับความสำคัญทางธุรกิจที่จะเร่งดำเนินการไว้ 3 เรื่อง ได้เเก่

1) ขยายฐานลูกค้า ที่เลือกใช้ ttb เป็น ’ธนาคารหลัก’ (Main Bank) ผ่านกลยุทธ์ Financial Well-being solution พัฒนาโซลูชั่นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกช่วงชีวิต ผ่าน 4 เสาหลัก คือ

  • ฉลาดออมฉลาดใช้ (Mindful spending & start saving)
  • รอบรู้เรื่องกู้ยืม (Healthy borrowing)
  • ลงทุนเพื่ออนาคต (Investing for future)
  • มีความคุ้มครองที่อุ่นใจ (Sufficient protection)

2) สร้างศักยภาพด้าน ‘Digital-first operating model’ บนโมบายแบงก์กิ้งแพลตฟอร์ม ที่เป็นมิตรและรู้ใจตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละคน แต่ละช่วงชีวิต มอบประสบการณ์ที่ดีกว่า สอดคล้องกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของลูกค้า และมีความคล่องตัวที่สูงขึ้นในการขับเคลื่อนนวัตกรรม

3) สร้างศักยภาพบุคลากร (People development) ให้สอดรับกับยุคดิจิทัล

“ธนาคารไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะเทคโนโลยี แต่จะให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์และให้ความช่วยเหลือเป็นที่ปรึกษาทางการเงินผ่านพนักงานของธนาคาร โดยใช้ดิจิทัลเป็นเครื่องมือที่มาช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้า”

โดยพนักงานทั้งหมด จะได้รับการพัฒนายกระดับทักษะเดิมให้ดีขึ้น (Up-skill) และสร้างทักษะใหม่ที่จำเป็นในการทำงาน (Re-skill) ที่เหมาะสม เพื่อสนับสนุนทิศทางของธนาคารที่จะสร้าง Humanized digital หรือ รูปแบบการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่เป็นมิตรและรู้ใจ

สำหรับการ ออกแบบ ‘โซลูชันทางการเงิน’ นั้นจะเน้นให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงชีวิต โดยยกตัวอย่างโซลูชันที่เหมาะสมกับลูกค้า 4 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มลูกค้าที่เพิ่งเริ่มทำงาน

เป็นวัยที่ต้องการก่อร่างสร้างตัว เพื่อหา ‘ล้านแรก’ ในชีวิต ttb จะเสนอโซลูชันด้านฉลาดออม ฉลาดใช้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง พร้อมรับสิทธิประโยชน์รอบด้าน รวมถึงประกันอุบัติเหตุฟรี ที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงหากเกิดอุบัติเหตุผ่านบัญชี all free และ ออมอย่างมีวินัยเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินผ่านบัญชี no fixed

กลุ่มลูกค้าที่เริ่มสร้างครอบครัว

วัยนี้จะเป็นเสาหลักของบ้าน ที่ต้องการชีวิตอิสระในวันข้างหน้า ธนาคารจะเสนอโซลูชันเกี่ยวกับสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ต้องการมีบ้าน มีรถ ที่ใหญ่ขึ้นสำหรับการสร้างครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น พร้อมทั้งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้คนกลุ่มนี้มีระเบียบวินัยในการผ่อนชำระ พร้อมโซลูชันการรวบหนี้ด้วยทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อให้ จัดการปลอดหนี้ได้เร็วที่สุด สามารถเริ่มต้นเก็บออม และลงทุนเพื่ออนาคตได้ต่อไป      

กลุ่มลูกค้าที่ประสบความสำเร็จจากหน้าที่การงาน

กลุ่มนี้ต้องการมีชีวิตที่มั่นคงและเกษียณอย่างไร้กังวล ธนาคารจึงจะเน้นการให้ความรู้ด้านการลงทุน จัดทัพตามความเสี่ยง ต่อยอดความมั่งคั่ง ผ่านผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย และ ttb smart port พอร์ตการลงทุน ที่ตอบทุกโจทย์การลงทุนครบวงจร โดยมืออาชีพ

กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่ง

วัยนี้กำลังจะเตรียมเข้าสู่วัยเกษียณ เเละอยากใช้ชีวิตได้ตามใจ ‘สุขภาพเป็นหนึ่ง ลูกหลานสบาย’ ธนาคารพร้อมส่งมอบโซลูชันด้านประกันชีวิตและการลงทุนที่มอบความอุ่นใจ ในการรักษาความมั่งคั่ง พร้อมดูแลสุขภาพ และวางแผนส่งต่อมรดกให้กับทายาท


ttb DRIVE ต้องเป็นให้ได้มากกว่า ‘สินเชื่อรถยนต์’

วิกฤตโควิด-19 สะเทือนทุกหย่อมหญ้า ในปีที่ผ่านมา ttb ให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งรายย่อยและธุรกิจไปกว่า 750,000 ราย และในช่วงเวลานี้ ได้เตรียมมาตรการอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

‘สินเชื่อรถยนต์’ ก็เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ตัวชูโรงของ ttb โดยธนาคารได้ช่วยเหลือลูกค้าและคู่ค้าผ่านโครงการ “ตั้งหลัก” ซึ่งช่วยลูกค้าผ่อนหนักเป็นเบาได้กว่า 600,000 ราย และมอบประกันคุ้มครองโควิด-19 ให้แก่บริษัทคู่ค้าทั้งรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วกว่า 3,000 รายทั่วประเทศตลอดปีที่ผ่านมา

ส่วนความเคลื่อนไหวต่อไปในปีนี้ ธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของธนาคาร จะนำเสนอออกมาภายใต้แบรนด์ ‘ttb DRIVE’ ด้วยความตั้งใจที่จะเป็น “มากกว่าสินเชื่อรถ… เพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น”

โดย ttb DRIVE พร้อมช่วยลูกค้าเคลียร์ทุกอุปสรรคทางการเงิน รวมหนี้ ลดภาระ เพิ่มสภาพคล่องด้วย “รถแลกเงินเคลียร์หนี้” และมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าที่รักษาวินัยทางการเงินเป็นอย่างดีผ่านโครงการ “จ่ายดีมีคืน” อีกทั้งยังช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินเชื่อได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยโปรแกรม auto-approve ผนวกกับ scoring model พร้อมเจ้าหน้าที่ ttb DRIVE agent ให้บริการครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ได้เปิดตัว “DRIVE Connect Platform” ทำตลาดออนไลน์ผ่านทาง Facebook ให้กับกลุ่ม ดีลเลอร์รถมือสอง และยังมีระบบ “Cross-area Booking” สามารถรองรับการซื้อขายรถยนต์ใหม่และรถยนต์ใช้แล้วผ่านช่องทางออนไลน์ ลดข้อจำกัดด้านพื้นที่ให้แก่คู่ค้า

พร้อมยกระดับศักยภาพทีมงาน ttb DRIVE เพื่อการทำงานในยุคดิจิทัล ผ่าน DRIVE Academy  เพื่อสร้างบริการที่ดีให้กับลูกค้าและคู่ค้าทุกราย

หนุนเงินทุน เสริมดิจิทัลขับเคลื่อน SMEs – ธุรกิจใหญ่

การเติบโตของธุรกิจรายย่อยไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ เป็นหัวใจหลักของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ttb จึงวางเเผนออกสร้างโซลูชันการเงิน เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นของลูกค้าธุรกิจ ดังต่อไปนี้

มอบแหล่งเงินทุนที่เหมาะสมและเพียงพอ

เน้นการสนับสนุน SMEs ที่อยู่ในซัพพลายเชนของธุรกิจขนาดใหญ่ให้ได้รับวงเงินที่เพียงพอบนเงื่อนไขที่เหมาะสมผ่าน “สินเชื่อเพื่อเครือข่ายธุรกิจ ทีทีบี (ttb supply chain solutions)” และช่วยเสริมสภาพคล่องในภาวะวิกฤตด้วยโครงการช่วยเหลือลูกค้าเอสเอ็มอี (Special Loan) และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ (Asset warehousing) ที่สอดคล้องนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย

ช่วยบริหารธุรกิจ ด้วย ttb business one

มอบโซลูชันและบริการที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารธุรกิจ ด้วย “ธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจ ทีทีบี บิสซิเนสวัน (ttb business one)” ที่เป็นมากกว่าเครื่องมือการทำธุรกรรมออนไลน์

ช่วยให้ทำธุรกรรมได้ครบตั้งแต่เรื่องสินเชื่อ จนถึงธุรกรรมต่างประเทศ มีรายงานครบถ้วน เรียกดูง่าย และนำไปต่อยอดทำรายงานเชิงวิเคราะห์ได้ สามารถเชื่อมต่อกับระบบของพันธมิตรและลูกค้า เช่น ERP POS และอีกหนึ่งดิจิทัลโซลูชันที่ช่วยลดเรื่องการใช้เงินสดและเอกสารอย่างเต็มรูปแบบก็คือ “ระบบบริหารการเรียกเก็บเงิน ทีทีบี (ttb digital invoice management)”

“เป็นการนำโซลูชันของธนาคารมาเชื่อมต่อกับระบบการเรียกเก็บเงินของลูกค้าธุรกิจ ลดการใช้เงินสดและเอกสาร ลดเวลาดำเนินการ และค่าใช้จ่ายเรื่องคน”

มอบชีวิตทางการเงินที่ดีให้แก่พนักงานและคู่ค้า

มีบริการที่น่าสนใจอย่าง “การจ่ายเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน ทีทีบี เพย์โรลพลัส (ttb payroll plus)” รวมไปถึงบริการและผลิตภัณฑ์ด้านการบริหารความเสี่ยงและด้านประกัน อย่างเช่น “ประกันสินเชื่อธุรกิจ ทีทีบี วันไลฟ์ (ttb one life business insurance)” เป็นต้น


ttb ยุคใหม่…ลูกค้าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ?

สำหรับในช่วงเวลานี้ลูกค้าทีเอ็มบีเเละธนชาต สามารถใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ได้ ‘เช่นเดิม’ และยังสามารถใช้ช่องทางของ ttb ได้อีกด้วย

ลูกค้าทีเอ็มบีเดิม สามารถใช้ผลิตภัณฑ์และบริการได้เหมือนเดิมภายใต้แบรนด์ใหม่ โดยธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการทยอยเปลี่ยนช่องทางบริการจาก ทีเอ็มบี เป็น ttb

ลูกค้าธนชาตเดิม หลังการรวมระบบในเดือนก.ค.สำเร็จ ผลิตภัณฑ์และบริการเดิมจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด รวมไปถึง ‘สิทธิประโยชน์’ ที่เพิ่มขึ้น

โดยลูกค้าธนชาตจะได้รับจดหมายแจ้งรายละเอียด ซึ่งจะมี ‘QR Code’ ให้สแกนเข้าไปดูข้อมูลเฉพาะของแต่ละบุคคล อย่างเลขที่บัญชีเงินฝากและเลขที่สัญญาสินเชื่อ เพื่อไว้ใช้ทำธุรกรรมตั้งเเต่วันจันทร์ที่ 5 ก.ค. เป็นต้นไป

“จดหมายนี้จะทยอยส่งออกไปหาลูกค้าตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป เพื่อให้ลูกค้าเตรียมตัวล่วงหน้า”

หากได้รับจดหมายเรียบร้อยเเล้ว ลูกค้าสามารถสเเกน ‘ดาวน์โหลดไฟล์ pdf’  เพื่อเก็บรายละเอียดผลิตภัณฑ์เเละบริการของตัวเองไว้ใช้อ้างอิงได้ หรือสามารถตรวจสอบข้อมูล หรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ผ่านแอป touch ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. เป็นต้นไป

กรณีที่ผ่านไปซักพักเเต่ยังไม่ได้รับจดหมาย ลูกค้าธนชาตสามารถติดต่อไปยัง ttb contact center โทร.1428 หรือติดต่อที่สาขา ttb ได้ทั่วประเทศ

 “ธนาคารขอให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะนำไปสู่การยกระดับประสบการณ์ทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน”

การเดินทางของ 2 ธนาคารใหญ่ที่มีอายุยาวนานหลายทศวรรษ สู่การรวมพลังกันเป็น ‘หนึ่งเดียว’ ก้าวไปพร้อมๆ กับฐานลูกค้ามากกว่า 10 ล้านรายในครั้งนี้ จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ เข้ามาช่วยสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยได้อย่างไรอีกบ้าง…ต้องติดตาม

]]>
1331937
เผยโฉมโลโก้ธนาคารใหม่ ‘ttb’ ทหารไทยธนชาต เปลี่ยนคอลเซ็นเตอร์เป็น 1428 https://positioningmag.com/1330936 Fri, 07 May 2021 06:35:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330936
หลังธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต ประกาศควบรวมกิจการ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘ทหารไทยธนชาต’ หรือ ‘ทีเอ็มบีธนชาต’ มาวันนี้ถึงเวลาเผยโฉมโลโก้ใหม่ เป็น ‘ttb’ ผ่านช่องทางทั้งโซเชียลมีเดีย สาขา ตู้เอทีเอ็ม แอปพลิเคชัน และสื่อการตลาดต่างๆ ทั่วประเทศ ตามกลยุทธ์การ ‘รีเเบรนด์ดิ้ง’ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้ลูกค้า

 

สำหรับชื่อย่อคือ ‘ttb’ (ทีทีบี) นั้นสื่อความหมายถึงการรวมพลังของสองธนาคารเป็นหนึ่งเดียว โดยอักษร t สีน้ำเงินตัวแรกมาจาก TMB (ทหารไทย) และ t สีส้มตัวที่สองมาจาก Thanachart (ธนชาต) ส่วนอักษร b สีกรมท่ามาจากคำว่า Bank (ธนาคาร) โดยจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จดทะเบียนจาก TMB เป็น TTB ต่อไป

ในช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า ttbbankofficial ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ยูทูบ ส่วนไลน์จะใช้ TTB Bank และเว็บไซต์ทางการใช้ชื่อว่า ttbbank.com

นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนหมายเลขคอนแทกต์เซ็นเตอร์ (Contact Center) จากหมายเลข 1558 และ 1770 ให้เป็นหมายเลขเดียวคือ ‘1428’ ส่วนเลขทะเบียนนิติบุคคล เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร และหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐาน 0-2299-1111 และที่อยู่สำนักงานใหญ่นั้น ‘ไม่มีการเปลี่ยนแปลง’

โดยลูกค้า TMB เเละธนชาต สามารถใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ได้เช่นเดิมภายใต้แบรนด์ใหม่ โดยเลขที่บัญชีและรหัสสาขายังคงเดิม ส่วนลูกค้าของธนาคารธนชาต จะแจ้งรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงล่วงหน้า รวมทั้งขั้นตอนที่แนะนำให้ลูกค้าปฏิบัติเพื่อความต่อเนื่องในการใช้บริการของทีเอ็มบีธนชาตต่อไป

คาดว่าทั้งสองธนาคารจะควบรวมกิจการ ‘เสร็จสมบูรณ์’ ได้ในเดือนกรกฎาคมนี้ เตรียมเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ในไทย เเละดำเนินงานร่วมกัน ตามโมเดล “ONE GOAL”

ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2563 ทีเอ็มบีธนชาต มีสินทรัพย์รวมกันราว 1.8 ล้านล้านบาท เงินให้สินเชื่อ 1.39 ล้านล้านบาท เงินฝาก 1.37 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้ารวมกันประมาณ 10 ล้านราย

สำหรับการ ‘โอนย้ายพนักงาน’ กว่า 11,000 คน จากธนชาตไป ttb นั้น ได้มีการทยอยโอนย้ายมาต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเมื่อพนักงานจากธนชาต มารวมกันกับพนักงานของ TMB ที่มีอยู่ราว 8,000 คน จะทำให้มีจำนวนพนักงานในธนาคารใหม่ทั้งสิ้นราว 19,000 คน

อ่านเพิ่มเติม :  ภารกิจ “TMB – ธนชาต” ย้ำควบรวมเสร็จในก.ค. 64 ตั้งเป้าปีนี้มีสาขาร่วม 100 แห่ง

]]>
1330936
TMB–ธนชาต เตรียมเปลี่ยน ‘ชื่อใหม่’ หลังควบรวมกิจการ เป็นธนาคาร ‘ทหารไทยธนชาต’ ใช้ชื่อย่อว่า TTB https://positioningmag.com/1320986 Thu, 25 Feb 2021 10:20:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320986  ‘ชื่อใหม่’ ของ “TMB–ธนชาต” หลังควบรวมกิจการ เตรียมเปลี่ยนเป็นธนาคาร ‘ทหารไทยธนชาต’ ใช้ชื่อย่อว่า TTB

ก่อนหน้านี้ หลายคนสงสัยว่าภายหลัง 2 ธนาคารใหญ่อย่างทหารไทย (TMB) และธนชาต ควบรวมกิจการกันเสร็จเเล้วนั้น จะมีการตั้ง ‘ชื่อใหม่’ ว่าอะไร

ล่าสุด TMB แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อธนาคารเป็นธนาคาร ‘ทหารไทยธนชาต’ (TMBThanachart Bank) เป็นไปตามกลยุทธ์การ ‘รีเเบรนด์ดิ้ง’ ของธนาคาร โดยมีแผนจะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก TMB เป็น ‘TTB’ ต่อไป

TMB เเละธนชาต กำลังจะก้าวสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ในไทย เเละจะมีฐานลูกค้าขยายใหญ่ขึ้น แตะระดับ 10 ล้านราย หลังประกาศดีลควบรวมมูลค่า 1.4 แสนล้าน ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 2562 ที่ผ่านมา โดยเริ่มดำเนินการร่วมกัน ตามโมเดล “ONE GOAL” พร้อมตั้งเป้าจะรวมสองธนาคารเป็นหนึ่งเดียวให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2564

สำหรับการ ‘โอนย้ายพนักงาน’ กว่า 11,000 คน จากธนชาตไปธนาคารใหม่นั้น มีการทยอยโอนย้ายเป็นระยะ โดยหากพนักงานจากธนชาต มารวมกันกับพนักงาน TMB ที่มีอยู่ราว 8,000 คน จะทำให้มีจำนวนพนักงานในธนาคารใหม่ทั้งสิ้นราว 19,000 คน
.
อ่านเพิ่มเติม : ภารกิจ “TMB – ธนชาต” ย้ำควบรวมเสร็จในก.ค. 64 ตั้งเป้าปีนี้มีสาขาร่วม 100 แห่ง

 

]]>
1320986
อัปเดตภารกิจ “ทีเอ็มบี – ธนชาต” ย้ำควบรวมเสร็จในก.ค. 64 ตั้งเป้าปีนี้มีสาขาร่วม 100 แห่ง https://positioningmag.com/1291881 Mon, 10 Aug 2020 09:31:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1291881 ภารกิจใหญ่ของทีเอ็มบีธนชาตที่กำลังจะก้าวสู่การเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ อันดับ 6 ในไทย หลังประกาศดีลควบรวมมูลค่า 1.4 แสนล้าน ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา เเละเริ่มดำเนินการร่วมกัน ตามโมเดล “ONE GOAL” มาเป็นเวลา 6 เดือนวันนี้เราจะมาอัปเดตความคืบหน้าของดีลนี้กัน

หลังผ่านช่วงวิกฤต COVID-19 ที่กระทบธุรกิจทุกภาคส่วน ล่าสุดธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต ยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามเเผนเดิม ตามเป้าหมายที่จะรวมสองธนาคารเป็นหนึ่งเดียว ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคม ปี 2564 

สำหรับการดำเนินงานช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น ความคืบหน้าล่าสุดของ ทีเอ็มบีธนชาต ในด้านการให้บริการลูกค้าได้เน้นไปที่การเชื่อมโยงการให้บริการในช่องทางบริการอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น

  • ลูกค้าชำระบิลสินเชื่อรถยนต์ ประกันรถยนต์ สินเชื่อบ้าน สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด ของธนาคารธนชาต สามารถทำรายการดังกล่าวได้ผ่านโมบายล์แอปพลิเคชัน TOUCH และตู้ ATM ของทีเอ็มบี (ยกเว้นสินเชื่อบ้าน และประกันรถยนต์) ได้เรียบร้อยแล้ว และในส่วนของลูกค้าทีเอ็มบี สามารถใช้บริการกดเงินไม่ใช้บัตรผ่าน TOUCH เพื่อรับเงินสดจากเครื่อง ATM ของธนชาตได้เช่นกัน

  • ลูกค้าทั้งสองธนาคารสามารถทำรายการ ฝาก ถอน และโอน ได้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม ผ่าน ATM/ADM ทั้งของทีเอ็มบีและธนชาต กว่า 4,900 เครื่องทั่วประเทศ  เหมือนตู้ของธนาคารเดียวกัน
  • บริการสาขา ธนาคารได้เปิดตัว สาขาที่ให้บริการร่วม (Co-Location) ระหว่างทีเอ็มบี และธนชาต ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เเละสิ้นปี 2563 ตั้งเป้าหมายอยู่ที่ประมาณ 100 สาขา แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ ราว 60 สาขา และต่างจังหวัดอีก 30 สาขา โดยพนักงานทีเอ็มบีสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ทั้งสินเชื่อรถยนต์ใหม่รถใช้แล้วและรถแลกเงินของธนชาตให้กับลูกค้าได้

ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย หรือ ทีเอ็มบี กล่าวว่า การรวมกิจการของธนาคารทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ภายใต้ One Dream, One Team, One Goal เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยคาดว่ากระบวนการรวมกิจการทั้งสองธนาคาร จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 

เมื่อภารกิจการรวมธนาคารของเราสำเร็จเรียบร้อยทุกด้าน ธนาคารใหม่ที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ขึ้น แตะระดับ 10 ล้านราย ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่น ทั้งในระดับประเทศและระดับอาเซียนให้ดีขึ้น รวมทั้งสามารถสร้างสรรค์สินค้าและบริการด้านการเงินใหม่ๆ ให้ลูกค้าได้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น” 

สำหรับการ โอนย้ายพนักงาน กว่า 11,000 คนจากธนชาตไปธนาคารใหม่นั้น ทางทรัพยากรบุคคลกลางได้เริ่มดำเนินการสื่อสารและจะเริ่มดำเนินการโอนการจ้างพนักงาน มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และมีการทยอยโอนย้ายเป็นระยะ ตามเป้าหมายที่วางไว้ เเม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทั้งนี้ หากมาพนักงานจากธนชาตมารวมกันกับพนักงานทีเอ็มบี ที่มีอยู่ราว 8,000 คน จะทำให้มีพนักงานในธนาคารใหม่ทั้งสิ้นราว 19,000 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้เช่นกัน

อ่านต่อ : เปิดเเผนโอนย้ายพนักงานกว่า 11,000 คน ในการควบรวมทีเอ็มบีธนชาต

โดยผู้บริหารของธนาคารใหม่ได้ย้ายมาทำงานร่วมกันทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี และตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา มีการโอนย้ายพนักงานบางส่วนแล้ว เช่น กลุ่มผู้บริหารระดับสูง พนักงานระดับหัวหน้างาน และพนักงานส่วนปฏิบัติการ  

สำหรับทีเอ็มบี” มีจุดเด่นในการระดมเงินฝาก, Deposit Franchise และรูปแบบการให้บริการด้านการเงินที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิม (Traditional Bank) ส่วน “ธนชาต” เป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด โดยเมื่อกระบวนการรวมกิจการเสร็จสิ้น คาดว่าธนาคารใหม่นี้จะมีสินทรัพย์รวมเกือบ 2 ล้านล้านบาท 

ล่าสุด (25 ก.พ.2564) TMB แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเห็นสมควรเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อธนาคารเป็นธนาคาร ‘ทหารไทยธนชาต’ (TMBThanachart Bank) เป็นไปตามกลยุทธ์การ ‘รีเเบรนด์ดิ้ง’ ของธนาคารโดยธนาคารมีแผนจะเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก TMB เป็น ‘TTB’ ต่อไป

 

]]>
1291881
อีสท์สปริงควบรวม บลจ.ธนชาต ขึ้นเป็น บลจ.ใหญ่อันดับ 4 ในตลาด ครองส่วนแบ่ง 12% https://positioningmag.com/1264273 Thu, 13 Feb 2020 09:00:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1264273 อีสท์สปริงควบรวม บลจ.ธนชาต ผ่านการเข้าถือหุ้น 50.1% เปลี่ยนชื่อเป็น “Thanachart Fund Eastspring” ทำให้อีสท์สปริงขึ้นเป็น บลจ.ขนาดใหญ่อันดับ 4 ของไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 12% ระยะถัดไปเตรียมควบรวมบริษัทนี้เข้ากับ TMBAM Eastspring ด้าน “พรูเด็นเชียล” บริษัทแม่ ยืนยันให้ความสำคัญตลาดไทย ต้องการปักหลักระยะยาว

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนท์ บริษัทจัดการการลงทุนภายใต้ กลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล แถลงความคืบหน้าการเข้าซื้อหุ้นในกิจการ บลจ.ธนชาต ตามแผนงานสำเร็จลุล่วงแล้ว โดยบริษัทเข้าซื้อหุ้นรวม 50.1% มูลค่ารวมประมาณ 4,208 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจากธนาคารธนชาตจำกัด (มหาชน) 25.1% และจากธนาคารออมสิน 25.0% และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Thanachart Fund Eastspring

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนกันยายนปี 2561 อีสท์สปริง อินเวสท์เมนท์ ได้เข้าซื้อหุ้น 65% ใน บลจ.ทหารไทย และเปลี่ยนชื่อเป็น TMBAM Eastspring ทำให้เมื่อควบรวม บลจ.ธนชาตเข้ามาในครั้งนี้ จะทำให้อีสท์สปริง อินเวสท์เมนท์ เป็นบริษัทที่มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ (AUM) 6.68 แสนล้านบาท ซึ่งคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 12% หรือใหญ่เป็นอันดับ 4 ของตลาด

“นิค นิแคนดรู” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย กล่าวถึงการควบรวมเหล่านี้ว่า เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่ต้องการรวมความเข้มแข็งของ บลจ.ทั้ง 2 ฝั่งมาสร้างการเติบโตและการบริการใหม่ๆ ช่วยให้บริษัทขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียได้ดีขึ้น

โดยปัจจุบันอีสท์สปริง อินเวสท์เมนท์มีการลงทุนในทวีปเอเชียทั้งหมด 11 ประเทศ บริษัทยังกล่าวด้วยว่า ใน 7 ประเทศของเอเชียที่ลงทุนอยู่ ตนเป็นผู้นำในธุรกิจจัดการการลงทุนอยู่ขณะนี้

ด้าน “ปิติ ตัณฑเกษม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี กล่าวว่า เป้าประสงค์ของธนาคารคือต้องการให้การจัดการลงทุนเป็นสิ่งที่คนไทยชนชั้นกลางเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีผลิตภัณฑ์หลากหลายขึ้น นั่นทำให้ธนาคารมีการเปิด open architecture และใช้เทคโนโลยี Smart Port ช่วยจัดพอร์ตลงทุน ส่วนการร่วมทุนกับอีสท์สปริงจะทำให้ธนาคารมีตัวเลือกการลงทุนทั่วโลกเพื่อนำมาใช้จัดพอร์ตกองทุน

“ธุรกิจนี้ ความสำคัญคือขนาด เพราะต้นทุนต่อหน่วยจะถูกลง และเราต้องการให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายและหลากหลาย” ปิติกล่าว ถึงเหตุผลของการควบรวมกับอีสท์สปริง “ปกติกฎหมายไทยเปิดกว้างให้คนไทยไปลงทุนต่างประเทศได้ แต่คนไทยทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินล้านจะนำเงินออกไปลงทุนได้อย่างไร? เราจึงมองว่าความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์ให้คนไทยที่มีเงินหลักแสนหรือหลักหมื่นได้โอกาสลงทุนมากขึ้น ในภาวะที่ดอกเบี้ยต่ำเช่นนี้”

“ปิติ ตัณฑเกษม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี

สำหรับการควบรวม Thanachart Fund Eastspring กับ TMBAM Eastspring เป็นบริษัทเดียวนั้น จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปตามแผนที่วางไว้แล้ว แต่ขณะนี้ทั้งสองบริษัทจะทำงานร่วมกันในรูปแบบพันธมิตร

โดยบริษัทมีการเตรียมการแล้วผ่านการจัดตั้งทีมงานดูแลการควบรวมกิจการ 10 คน ตั้งกลุ่มผู้บริหารอาวุโสร่วมทั้งสองบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของสองบริษัทเป็นบุคคลเดียวกัน เพื่อให้การควบรวมทุน คน สำนักงาน เป็นไปโดยเรียบร้อย ไม่กระทบต่อลูกค้า

ด้านความกังวลถึงสถานการณ์ตลาดที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนในประเทศไทยรวมถึงภูมิภาคเอเชียระยะนี้ ทั้งประเด็นอัตราดอกเบี้ยต่ำและไวรัสโคโรนามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จะทำให้พรูเด็นเชียลชะลอการลงทุนออกไปหรือไม่ พรูเด็นเชียลยืนยันว่า แผนการลงทุนใน Thanachart Fund Eastspring กับ TMBAM Eastspring ถือเป็นการลงทุน “ขนาดใหญ่” ของบริษัทแม่ และบริษัทมีความตั้งใจอย่างยิ่งในการทำงานและต้องการปักหลักระยะยาว

“พรูเด็นเชียลเราเริ่มการทำงานจากประกันชีวิตและประกันสุขภาพ การอุบัติของไวรัส COVID-19 ยิ่งทำให้คนตระหนักถึงชีวิตและสุขภาพ การปกป้องตนเอง และการลงทุนมากขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นเราไม่คิดจะชะลอการลงทุนในภูมิภาค แต่จะยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้มากขึ้นด้วย” นิคกล่าวย้ำ

]]>
1264273
เปิดเเผนโอนย้ายพนักงานกว่า 11,000 คน ในการควบรวม “ทีเอ็มบี – ธนชาต” https://positioningmag.com/1262244 Tue, 28 Jan 2020 13:32:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1262244 เปิดวิสัยทัศน์ “ทีเอ็มบี-ธนชาต” ยกโมเดล “ONE GOAL” เพิ่มฐานลูกค้าเป็น 10 ล้านราย ควบสาขาทับซ้อน ทยอยโอนย้ายพนักงานกว่า 1.1 หมื่นคน ก่อนเดดไลน์กระบวนการควบรวมเบ็ดเสร็จไม่เกิน 1 ก.ค. 2564 รอตั้งชื่อเเบงก์ใหม่ภายใน 18 เดือนจากนี้ 

เดินหน้าผนึกองค์กรต่อเนื่อง หลัง “ทีเอ็มบี-ธนชาต” ประกาศดีลควบรวม 2 ธนาคารใหญ่ของไทยที่มีมูลค่า 1.4 แสนล้าน ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 2019 ที่ผ่านมา

สำหรับการโอนย้ายพนักงานกว่า 11,000 คนจากธนชาตไปธนาคารใหม่นั้น ทางทรัพยากรบุคคลกลางได้เริ่มดำเนินการสื่อสารและจะเริ่มดำเนินการโอนการจ้างพนักงานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป และจะมีการทยอยโอนย้ายเป็นระยะ

โดยจะเริ่มที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูง (C-Suite Level) ก่อน จากนั้นจะเป็นพนักงานระดับหัวหน้างาน (Top Management Level) ซึ่งทั้งสองธนาคารได้ร่วมกิจกรรม Team Building กันตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ปัจจุบันได้โอนย้ายระดับผู้บริหารสูงสุดเรียบร้อยแล้ว โดย 3 เดือนหลังจากนี้จะเป็นการทยอยโอนผู้บริหารระดับกลางลงมา ซึ่งการโอนย้ายพนักงานจะดำเนินการเป็นระยะ เพื่อมารวมกันกับพนักงานทีเอ็มบีที่มีอยู่ราว 8,000 คน ซึ่งจะทำให้มีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 19,000 คน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 2564

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทีเอ็มบี เปิดเผยว่า การดำเนินการจับมือทางธุรกิจรวมกิจการของทั้งสองธนาคารมีความคืบหน้าไปมาก ในปีนี้ก็จะเดินหน้ากลยุทธ์ ONE DREAM, ONE TEAM, ONE GOAL เพื่อลูกค้าของทั้งสองธนาคาร เป้าหมายจึงไม่ใช่ “หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง แต่ผลลัพธ์ต้องเท่ากับสาม” บริหารและพนักงานทุกคนจะต้องเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ซึ่งกันและกัน

“พนักงานทุกคนจะต้องได้รับสวัสดิการเท่าเทียม ซึ่งจะให้สวัสดิการตามอายุงาน ไม่ใช่ตำแหน่ง รวมถึงสวัสดิการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่สมทบให้มากกว่าระบบ”

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทีเอ็มบี

วิจิตรา ธรรมโพธิทอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านทรัพยากรบุคคล ทีเอ็มบี และผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการทรัพยากรบุคคลกลาง ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ทางธนาคารได้ให้เงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) ในอัตราที่สูงกว่าตลาดเพื่อให้พนักงานสามารถเก็บออมได้เพียงพอไว้ใช้ยามเกษียณ

ส่วนสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลนั้น ธนาคารจัดแผนตรวจสุขภาพโดยคำนึงถึงวัยและอายุของแต่ละคนเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าความจำเป็นของการตรวจขึ้นอยู่กับอายุร่างกาย ไม่ใช่ตำแหน่งหรืออายุงาน โดยยังคงเปิดโอกาสให้พนักงานได้เลือกแผนสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่เหมาะสมกับตนเอง นอกจากนี้ยังมีสวัสดิการเงินกู้สำหรับพนักงานที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์การกู้ยืมของธนาคารด้วย

เพิ่มฐานลูกค้าเป็น 10 ล้านราย

อนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย กล่าวว่า การรวมสองธนาคารจะทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านราย โดยสิ่งสำคัญที่ธนาคารต้องทำคือการนำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้เป็นอาวุธสำคัญในการนำเสนอโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม

“ในบรรดาช่องทางบริการทั้งหลาย พนักงานสาขาทั้งหมดคือหน้าบ้านและถือเป็นด่านแรกที่จะพบกับลูกค้า จึงจำเป็นที่จะต้องมีทักษะในการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและมีคุณภาพที่สุด โดยเราจะมีการอบรมอย่างเข้มข้นและโค้ชชิ่งอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างให้พนักงานสาขากลายเป็นที่ปรึกษาที่มีคุณภาพ”

สำหรับ “ทีเอ็มบี” มีจุดเด่นในการระดมเงินฝาก, Deposit Franchise และรูปแบบการให้บริการด้านการเงินที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิม (Traditional Bank) ส่วน “ธนชาต” เป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด

อ่านเพิ่มเติม : ผ่าดีล ควบรวม “TMB” – “ธนชาต” มูลค่า 1.4 แสนล้าน อาจต้องลดสาขา แต่ไม่ลดคน

เปิด Co-Location ควบสาขาทับซ้อน 

ด้านประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า เป้าหมายหลักของธนาคารในตอนนี้คือ การรวมเป็นหนึ่งเดียวภายในกรกฎาคม 2564 โดยคำนึงถึงประสบการณ์ของลูกค้าที่ได้รับบริการเป็นหลัก ว่าต้องไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

โดยธนาคารมีแผนที่จะเริ่มทยอยนำเสนอผลิตภัณฑ์ของแต่ละธนาคารให้ลูกค้าของอีกธนาคารได้รู้จักและทดลองใช้ และกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเริ่มเปิดให้บริการ Co-Location/ Co-Brand Branch ที่เป็นสาขาร่วมระหว่างสองธนาคาร เเละเป็นสาขาที่อยู่ในพื้นที่ใกล้กัน โดยในปีแรกจะเริ่มทำ 90-100 แห่ง จากจำนวนสาขาที่มีอยู่ปัจจุบันจำนวน 900 แห่ง ทำให้จะเหลือ 800 แห่ง ซึ่งยืนยันว่าจะไม่กระทบลูกค้าและพนักงาน

ขณะที่ในเดือนมีนาคม ลูกค้าทั้งสองธนาคารจะได้ใช้บริการ ATM/ ADM จำนวนกว่า 4,700 เครื่อง ฟรีค่าธรรมเนียมฝาก ถอน โอน ลูกค้าทีเอ็มบี ทัช สามารถทำรายการกดเงินไม่ใช้บัตรจากเครื่องของธนชาตได้ และบิลสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิตของธนชาต ก็สามารถชำระได้ที่เครื่องของทีเอ็มบี

ทั้งนี้ เมื่อกระบวนการรวมกิจการเสร็จสิ้น ธนาคารใหม่นี้จะมีสินทรัพย์รวมเกือบ ล้านล้านบาท นับเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ ในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย 

 

]]>
1262244
ทีเอ็มบี จับมือ บลจ. ธนชาต พันธมิตรรายที่ 11 เสริมทัพความเป็นผู้นำด้านกองทุน เสนอขาย 4 กองทุนเด่นโค้งสุดท้ายปลายปี https://positioningmag.com/1256701 Thu, 12 Dec 2019 05:05:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1256701 ทีเอ็มบี หรือ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำจุดยืนและกลยุทธ์การให้บริการด้านกองทุนแบบ Open Architecture ด้วยการเพิ่มพันธมิตรรายที่ 11 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด (บลจ.ธนชาต) นำเสนอ 4 กองทุน T-LowBeta T-PrimeLowBeta T-LowBetaLTFD และ T-LowBetaRMF ที่เป็นกองทุนเด่นของ บลจ.ธนชาต เน้นการลงทุนหุ้นไทยที่มีความผันผวนของเงินลงทุนน้อยกว่า SET Index มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับลูกค้าผู้สนใจการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในโค้งสุดท้ายปลายปี

นางมารี แรมลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด หรือ บลจ.ธนชาตได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรรายล่าสุดที่ช่วยตอกย้ำให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยบลจ.ธนชาต เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนแบบ Active Fund ทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนมาอย่างยาวนาน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าดัชนีชี้วัดให้กับผู้ลงทุน รวมทั้งสร้างสรรค์รูปแบบกองทุนที่แตกต่างเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ เช่น กองทุนที่ลงทุนในหุ้นผันผวนต่ำ (Low Beta Stocks) ที่มีผลงานโดดเด่นจนได้รับการยอมรับ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามีตัวเลือกในการลงทุนได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ทีเอ็มบีได้เริ่มจำหน่ายกองทุนของบลจ.ธนชาตตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยกองทุนที่เราคัดเลือกเข้ามาเป็นกองหุ้นไทย คือ T-LowBeta และ T-PrimeLowBeta โดยทั้งสองกองทุนเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นมีความผันผวนของเงินลงทุนน้อยกว่า SET Index มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนการลงทุนในระยะยาวที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ซึ่งเหมาะกับสภาวะตลาดในปัจจุบันที่มีแนวโน้มจะมีความผันผวนสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้เรายังได้นำกองทุน T-LowBetaLTFD และ T-LowBetaRMF เข้ามาเป็นทางเลือกเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ต้องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีในช่วงโค้งสุดท้ายนี้อีกด้วย

บริการ Open Architecture ของธนาคารได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องเพราะสามารถเลือกซื้อกองทุนที่มีผลงานดีมีหลากหลายนโยบายการลงทุนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ชั้นนำกว่า 11 บลจ. ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด

ทีเอ็มบี มีความมุ่งมั่นที่จะคัดสรรกองทุนดีๆ จากพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ โดยพิจารณาปัจจัยทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพมาให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนอยู่ตลอดเวลา พร้อมเพิ่มทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าลงทุนได้อย่างเสรีมากขึ้นและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีและไปถึงเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ได้เร็วยิ่งขึ้น

]]>
1256701
คอนเฟิร์มไม่ปลดคน! “ทีเอ็มบี-ธนชาต” ควบรวมทรัพย์สิน 2 ล้านล้าน ฐานลูกค้า 10 ล้านคน กลางปี 64 เหลือแบงก์เดียว https://positioningmag.com/1241915 Fri, 09 Aug 2019 09:54:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1241915 ประกาศปิดดีลควบรวมกิจการของ 2 ธนาคารทีเอ็มบีและธนชาตเป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นดีลประวัติศาสตร์ในกิจการธนาคารใหญ่ที่สุดในประเทศไทยรวมมูลค่าทรัพย์สินทั้ง 2 แบงก์มูลค่า 2 ล้านล้าน ขึ้นอันดับ 6 ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย

มาดูรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของดีลควบรวม 2 ธนาคาร “ทหารไทย (TMB) และ ธนชาต”

โครงสร้างถือหุ้นใหม่

สำหรับสัดส่วนผู้ถือหุ้น ของทั้ง 2 ธนาคารปัจจุบัน ธนชาต ถือหุ้นโดย บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) 51.01% สโกเทียแบงก์ (BNS) 48.99% ส่วน ทีเอ็มบี ถือหุ้นโดย กระทรวงการคลัง 25.92% ING 25.02% อื่นๆ 49.06%

เมื่อรวมกิจการ 2 ธนาคาร “ทีเอ็มบีธนชาต” สัดส่วนการถือหุ้นใหม่ ING 21.3% ทุนธนชาต 20.4% กระทรวงการคลัง 18.4% สโกเทียแบงก์ (BNS) 5.6% ผู้ถือหุ้นรายย่อย 34.3%

มูลค่าทรัพย์สิน 2 ล้านล้าน

ศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร ทุนธนชาต (TCAP) กล่าวว่าการรวมกิจการของ 2 แบงก์เป็นความสมัครใจของทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อควบรวมแล้วจะเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่จากเดิมขึ้น “เท่าตัว” มีสินทรัพย์รวมกันเกือบ 2 ล้านล้านบาท

รวมฐานลูกค้า 2 ธนาคาร 10 ล้านคน มีความทับซ้อนกันไม่ถึง 10% มีความเชี่ยวชาญคนละด้าน “ธนชาต” เก่งเรื่องปล่อยสินเชื่อรายย่อย ส่วน “ทีเอ็มบี” เก่งเรื่องหาเงินฝาก หลังจากรวมกันจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เพิ่มขึ้น

ผู้ถือหุ้นใหญ่ใส่เงินเท่าไหร่

จุมพล ริมสาคร รองปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ถือหุ้นทีเอ็มบี กล่าวว่ากระทรวงการคลัง จะลงทุนเพิ่มราว 11,000 ล้านบาท ในธนาคาร “ทีเอ็มบีธนชาต” อีกทั้งมีสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากการจัดสรรสิทธิที่พึงมีในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายเดิมไม่ใช้สิทธิเต็มจำนวนเพื่อคงสถานะในผู้ถือหุ้นหลัก

ส่วน ING ผู้ถือหุ้นทีเอ็มบี จะลงทุนเพิ่มอีก 12,500 ล้านบาท ในธนาคารใหม่ทีเอ็มบีธนชาต วางเป้าหมายเป็น

ในฝั่งของทุนธนาชาต (TCAP) จะได้รับเงินสดจากการขายหุ้นธนาคารธนชาตและบริษัทลูก 80,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินไปปรับโครงสร้างธุรกิจ 14,000 ล้านบาท และจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของทีเอ็ม จำนวน 44,000 ล้านบาท และซื้อหุ้นของบริษัทย่อยและเงินลงทุนอื่นๆ จากสโกเทียแบงก์ จำนวน 12,000 ล้านบาท

คาดว่า TCAP จะมีเงินสดเหลือจากทำธุรกรรมต่างๆ เหล่านี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ลงทุนส่วนอื่นๆ ต่อไป

กลางปี 2564 เหลือแบงก์เดียว

ในส่วนของทีเอ็มบี ที่จะต้องดำเนินการภายหลังจากเงื่อนไขบังคับก่อนตามสัญญาซื้อขายหุ้นระหว่างทีเอ็มบี ทุนธนชาต และสโกเทียแบงก์ สำเร็จ รวมทั้ง TCAP และธนาคารธนชาต ปรับโครงสร้างแล้วเสร็จ ขั้นตอนสำคัญคือ เดือน ก.ย. ทีเอ็มบีจะจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติรายการที่เกี่ยวข้องกับการรวมกิจการ รวมถึงการเพิ่มทุนในการจัดหาเงินทุนเข้าเสนอซื้อหุ้นสามัญของธนาคารธนชาตจากผู้ถือหุ้นทุกราย

ทีเอ็มบี จะจัดหาเงินทุนรวม 130,000 ล้านบาท ส่วนแรกจากการออกหุ้นเพิ่มทุน (Equity Fund Raising) คาดว่าจะระดมทุนจากการออกหุ้นเพิ่มจำนวน 42,500 ล้านบาท ส่วนที่สองเป็นการออกและเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ บุคคลภายนอก จำนวน 6,400 ล้านบาท และผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารธนชาตทุกราย จำนวน 57,600 ล้านบาท คาดว่ากระบวนการแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 2562

โดยการควบรวม 2 ธนาคาร ให้เหลือ “แบงก์เดียว” คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในกลางปี 2564 โดยระหว่างนี้ลูกค้าของทั้ง 2 ธนาคารยังสามารถใช้บริการทั้ง 2 แห่งได้ตามปกติ

สำหรับชื่อของธนาคารใหม่จากการควบรวม “ทีเอ็มบีธนชาต” ยังไม่สรุป แต่จะเป็นชื่อที่ผสมทั้ง 2 แบรนด์ที่ลูกค้ารู้จักอยู่แล้วเข้าด้วยกัน

คอนเฟิร์มไม่ปลดพนักงาน 19,000 คน

ปัจจุบันธนาคารทีเอ็มบีและธนชาต มีสาขารวมกัน 900 สาขา มีพนักงานรวมกัน 19,000 คน

ประพันธ์ อนุพงษ์องอาจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต ยืนยันว่า จะไม่มีการปลดพนักงานของทั้ง 2 ธนาคาร เพราะต้องรองรับฐานลูกค้า 10 ล้านคน หากเปรียบเทียบกับไซส์ของธนาคารที่มีลูกค้า 10 ล้านคน “ทีเอ็มบีธนชาต” มีบุคลากรน้อยกว่า 20 – 30% ถือเป็นองค์กรที่ Lean อยู่แล้ว

การควบรวมจะมีการลดสาขาที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกันบ้างส่วน และต้นทุนด้านไอที การทำตลาดและโฆษณา

]]>
1241915
ผ่าดีล ควบรวม “TMB” – “ธนชาต” มูลค่า 1.4 แสนล้าน อาจต้องลดสาขา แต่ไม่ลดคน https://positioningmag.com/1216701 Wed, 27 Feb 2019 07:47:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1216701 หลังจากเมื่อคืน (26 กุมภาพันธ์ตกเป็นข่าวครึกโครมเรื่องที่ “TMB” และ “ธนชาต” จะมีการควบรวมอย่างเป็นทางการเช้าวันนี้ (27 กุมภาพันธ์ทั้งคู่ได้จูงมือกันออกมาแถลงข่าวร่วมกันพร้อมกับผู้ถือหุ้นหลักของทั้ง 2 ธนาคาร ได้แก่ ผู้บริหารจากกระทรวงการคลัง, ING Groep N.V. (ING) และ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP)

ท่ามกลางการแข่งขันในอุตสาหกรรมการเงินที่รุนแรงมากขึ้นทุกวันธนาคาร ไม่ได้แข่งกับธนาคารด้วยกันอีกต่อไป แต่คู่แข่งที่ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีกลับเป็นฟินเทค (FinTech)” ทั้ง “TMB” และธนชาต บอกว่าการควบรวมกันในครั้งนี้จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันดีขึ้นในทุกด้าน ทั้งเงินทุนมากเพียงพอและช่องทางการให้บริการที่เพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว

โจทย์การแข่งขันเปลี่ยนไป การมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นจะสร้างความได้เปรียบทางด้านการแข่งขัน

เพราะ “TMB” มีจุดเด่นในการระดมเงินฝาก, Deposit Franchise และรูปแบบการให้บริการด้านการเงินที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิม (Traditional Bank) ส่วนธนชาตเป็นผู้เชี่ยวชาญการให้บริการสินเชื่อรายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อรถยนต์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด

หลังการควบรวมจะทำให้มีมูลค่าธุรกรรม 1.4 แสนล้านบาท สินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่หกในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย

เมื่อแยกย่อยลงไป จะพบว่าสินเชื่อรถยนต์ ก็จะยังเป็นเบอร์ 1 ในตลาด, สินเชื่อบ้าน ขยับขึ้นมาเป็นเบอร์4, สินเชื่อ SME” ขึ้นมาเบอร์ 5 และจำนวนผู้ใช้โมบายแบงกิ้งเกือบ 4 ล้านราย

วันนี้ธนชาตมีจำนวนสาขา 512 สาขา พนักงาน 12,000 คน ฐานโมบายแบงกิ้ง 1 ล้านราย ส่วน TMB มีจำนวนสาขา 400 สาขาต้นๆ พนักงาน 8,000 คน ฐานผู้ใช้โมบายแบงกิ้ง 1 ล้านราย

เมื่อพิจารณาการปรับตัวของธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่นๆ จะพบว่ามีการปิดสาขาและลดจำนวนคน เพราะลูกค้าได้ย้ายการทำธุรกรรมไปสู่ช่องทางดิจิทัลหมดแล้ว เช่นเดียวกับธนาคารทั้งคู่ที่บอกว่า ภายหลังการควบรวมอาจจะมีบางสาขาที่ต้องถูกนำมารวมกัน

ส่วนพนักงานที่มีรวมกันกว่า 20,000 คน ยังยืนยัน ณ วันนี้ ไม่ได้มีแผนลดจำนวนคน แต่จะปรับพนักงานที่ไม่ได้อยู่หน้าสาขาไปทำอย่างอื่น เช่น ย้ายไปสู่โมบายแบงกิ้ง หรือปรับเพิ่มทักษะอย่างอื่นเพื่อขายผลิตภัณฑ์การเงิน เป็นต้น

ส่วนโครงสร้างการบริหาร ใครขึ้นมาเป็น CEO ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน วันนี้ทั้ง 2 ธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจไปตามปรกติ ส่วนที่ว่าจะมีการเปลี่ยน “ชื่อใหม่” (Rebranding) คาดว่าชื่อจะออกมาหลังการควบรวมกิจการ อาจจะใช้เวลาหลักเดือน หรือยาวไปถึง 1 ปีก็เป็นไปได้

แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น หลังจากนี้จะต้องเข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบสถานะการเงิน (Due Diligence) คาดใช้เวลาราว 2-3 เดือน และเตรียมการเจรจาตกลงเกี่ยวกับสัญญาหลัก (Definitive Agreement) และดำเนินการปรับโครงสร้างทางธุรกิจ โดยจะเสนอขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยและเงินลงทุนอื่น

โดย TMB จะเป็นฝ่ายดำเนินการจัดหาเงินทุนมูลค่าประมาณ 1.30-1.40 แสนล้านบาททั้งนี้ ประมาณ 70% ของเงินทุนที่ต้องจัดหาทั้งหมดนั้นจะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุน และส่วนที่เหลือจะดำเนินการจัดหาด้วยการออกตราสารหนี้

ในส่วนของการออกหุ้นเพิ่มทุนนั้น จะแบ่งสรรเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ โดยหุ้นเพิ่มทุนส่วนแรกมูลค่าประมาณ 50,000-55,000 ล้านบาท จะเป็นการออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ TCAP และ Bank of Nova Scotia (BNS) ในเบื้องต้นคาดว่าหุ้นเพิ่มทุนของ TMB จะมีมูลค่าเท่ากับ 1.1 เท่าของมูลค่าทางบัญชีที่ปรับปรุงล่าสุดภายหลังจากการเพิ่มทุน และกระบวนการต่างๆ ที่จะมีการกำหนดไว้ต่อไปในสัญญาหลัก

สำหรับหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลือประมาณ 40,000-45,000 ล้านบาทนั้น TMB จะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบันของธนาคาร โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหลักในปัจจุบันของธนาคาร รวมทั้งอาจจะมีการออกหุ้นเพื่อเสนอขายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นปัจจุบันรายอื่นๆ หรือนักลงทุนรายใหม่ในวงจำกัดอีกด้วย

คาดว่ากระบวนการทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2562 โดยหลังจากนี้ทางกระทวงการคลัง, ING Groep N.V. (ING) และ บมจ.ทุนธนชาต (TCAP) จะเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือไม่น้อยกว่า 20%.


ข่าวเกี่ยวเนื่อง

ไม่ต้องลือแล้ว! “TMB” ประกาศควบรวม “ธนชาต” เป็นทางการ ขึ้นอันดับ 6 แบงก์ไทย เตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่เร็วๆ นี้

]]>
1216701
ไม่ต้องลือแล้ว! “TMB” ประกาศควบรวม “ธนชาต” เป็นทางการ ขึ้นอันดับ 6 แบงก์ไทย เตรียมเปลี่ยนชื่อใหม่เร็วๆ นี้ https://positioningmag.com/1216545 Tue, 26 Feb 2019 13:37:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1216545 แม้ก่อนหน้านี้ TMB หรือธนาคารทหารไทย จะส่งจดหมายแจง ตลาดหลักทรัพย์ฯ” เรื่องการควบรวมกิจการ แต่ในที่สุดข่าวลือก็ไม่ได้เป็นข่าวลืออีกต่อไป เพราะล่าสุด “TMB” ประกาศควบรวมกับธนชาตอย่างเป็นทางการแล้ว

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 ธนาคารทหารไทย ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Non-binding Memorandum of Understanding) กับธนาคารธนชาตจำกัด (มหาชน), ING Groep N.V., บริษัททุนธนชาตจำกัด (มหาชน) และ The Bank of Nova Scotia จำกัด (มหาชน)

ภายหลังการรวมกิจการ จะมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท ฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านคน และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่หกในอุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์ไทย โดยหลักๆ จะก่อให้เกิดประโยชน์ใน 3 ด้านคือ

1. ประโยชน์ด้านงบดุล : การรวมกิจการจะทำให้มูลค่าของกิจการเพิ่มขึ้นจากการมีงบดุลที่เหมาะสม (Balance Sheet Optimization) ผ่านการใช้สินทรัพย์และการจัดหาเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีโอกาสได้รับอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่สูงขึ้น และต้นทุนในการจัดหาเงินทุนที่ลดลง

2. ประโยชน์ด้านต้นทุน : การรวมกิจการจะทำให้ได้ประโยชน์จากขนาดกิจการที่ใหญ่ขึ้น (Scale) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการรวมกันของหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญ เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีสารสนเทศ และการตลาด

3. ประโยชน์ด้านรายได้ : การรวมกิจการจะทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ อีกทั้งการดำเนินงานร่วมกัน จะทำให้มีประสิทธิภาพในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้กับลูกค้าได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึงความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ

คาดว่าธุรกรรมนี้จะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 130,000-140,000 ล้านบาท โดยได้เตรียมการระดมทุนทั้งการออกตราสารหนี้และการออกหุ้นเพิ่มทุน โดยเงินทุนจากการออกหุ้นเพิ่มทุนคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70 ของมูลค่าธุรกรรม

สำหรับในส่วนการออกหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 50,000 -55,000 ล้านบาทให้แก่ทุนธนชาต และ BNS และอีก 40,000 – 45,000 ล้านบาท จะออกจำหน่ายแก่ผู้ถือหุ้นรายเดิมของ TMB

หลังจากนี้ได้เตรียมเปลี่ยน ชื่อใหม่ (Rebranding) คาดว่าชื่อจะออกมาหลังการควบรวมกิจการ ส่วนพนักงานก็จะจัดการตามความเหมาะสมต่อไป โดยธุรกรรมทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562

ในวันพรุ่งนี้ (27 กุมภาพันธ์ 2562) ทั้ง 2 ธนาคารได้เตรียมแถลงข่าวร่วมกันอย่างเป็นทางการด้วย.


ข่าวเกี่ยวเนื่อง

ทีเอ็มบี ยังไม่เคาะควบรวมธนชาต

]]>
1216545