ธุรกิจของเล่น – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 13 Dec 2023 12:22:24 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Hasbro’ บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่เตรียม ‘ปลดพนักงาน’ เพิ่มอีก 900 ตำแหน่ง เหตุรายได้หด เพราะผู้บริโภคเน้นซื้อของจำเป็น https://positioningmag.com/1455558 Wed, 13 Dec 2023 12:06:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455558 ช่วงโควิดระบาด ของเล่น อาจจะเป็นตลาดที่ได้รับอานิสงส์ในด้านบวก เพราะผู้บริโภคโดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่อยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ผู้ปกครองต้องหาของเล่นชิ้นใหม่ ๆ ให้ลูก ๆ เล่นแก้เหงา แต่พอการระบาดคลี่คลาย สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ ของเล่นก็กลายเป็นของฟุ่มเฟือยท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจ

ฮาสโบร (Hasbro) เปิดเผยว่า บริษัทจะปลดพนักงานประจำเพิ่มอีก 900 ตําแหน่งทั่วโลก หลังจากที่เคยประกาศไปช่วงเดือนมกราคมว่าจะลดพนักงานลง 15% หรือประมาณ 1,000 ตำแหน่ง เนื่องจากยอดขายที่อ่อนแอลง รวมแล้วบริษัทจะเลิกจ้างงานถึง 1,900 ตำแหน่ง หรือราว 29% ของพนักงานทั้งหมด 

โดยนับตั้งแต่ที่บริษัทเคยประกาศลดพนักงานในช่วงต้นปี ปัจจุบันบริษัทลดจำนวนพนักงานไปแล้วประมาณ 800 ตำแหน่ง จากจำนวนพนักงานทั้งหมดราว 6,490 คนทั่วโลก (ตัวเลข ณ สิ้นปี 2022) และจากข่าวการลดคนอีกระลอกของบริษัท ทำให้หุ้นของบริษัทลดลงประมาณ 6%

ทั้งนี้ ฮาสโบรคาดว่า การลดจำนวนพนักงานคาดว่าจะช่วยประหยัดต้นทุน run-rate ประจําปีขั้นต้นได้ประมาณ 350-400 ล้านดอลลาร์ ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ 250-300 ล้านดอลลาร์

“กระแสลมแรงในตลาดมันรุนแรงและต่อเนื่องมากกว่าที่วางแผนไว้ ผู้บริโภคทั่วโลกพยายามดิ้นรนเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทําให้พวกเขาต้องลดการใช้จ่ายตามดุลยพินิจรวมถึงของเล่นและให้ความสําคัญกับการซื้อสิ่งจําเป็นมากขึ้น และแนวโน้มจะยังคงอยู่ถึงปี 2024” คริส ค็อกส์ ซีอีโอ ฮาสโบร กล่าว

ไม่ใช่แค่ฮาสโบร แต่บริษัทของเล่นคู่แข่งอย่าง Mattel ผู้ผลิต ตุ๊กตาบาร์บี้ ก็ออกมาเพื่อเตือนถึงช่วงเทศกาลวันหยุดที่อ่อนแอ และบ่งชี้ว่าผู้บริโภคกําลังประหยัด 

Source

]]>
1455558
ฮิตจัดๆ! “POP MART” เซ็นทรัลเวิลด์ ขึ้นแท่นสาขา “ขายดีที่สุดในโลก” คนไทยกระเป๋าหนักรักการสะสม https://positioningmag.com/1453735 Tue, 28 Nov 2023 09:51:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453735 “POP MART” ร้านอาร์ตทอยชื่อดังจากจีนมาปักหมุดในไทยที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ได้ 2 เดือนกว่า ยอดขายพุ่งระดับปรากฏการณ์เพราะสามารถปั้นยอดขึ้นไปอยู่ “อันดับ 1” กลายเป็นสาขาที่ขายดีที่สุดในโลก จากกำลังซื้อคนไทยกระเป๋าหนัก เดินหน้าสาขา 2 ต่อที่ Terminal 21 อโศก” และเตรียมเปิดป๊อปอัปสโตร์ใหม่ที่ “สยามเซ็นเตอร์” ตามด้วย “Robo Shop” ใหม่ที่ “EMSPHERE” เร็วๆ นี้

ไม่ใช่แค่กระแสฮิตแค่วันเดียว เพราะ “POP MART” ยังคงขายดีต่อเนื่องหลังจากมาเปิดตัวในไทยเมื่อ 2 เดือนก่อน โดย “ศิริพร แผลงจันทึก” Country Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยข้อมูลว่า ยอดขายของสาขาแรกที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ถือว่าเหนือความคาดหมาย

แม้ไม่สามารถบอกตัวเลขเฉพาะเจาะจงได้ แต่เป็นสาขาที่ “ขายดีที่สุดในโลก” ไปแล้ว!

โดย POP MART มีหน้าร้านขายอยู่ในประเทศต้นกำเนิดคือ “จีน” และอีก 23 ประเทศทั่วโลก แต่สาขาไทยสามารถทำยอดแซงหน้าแม้แต่ในจีนไปได้

POP MART
“ศิริพร แผลงจันทึก” Country Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

“2 เดือนแรกที่เปิด เราทำยอดขายได้เกินเป้าไป 4-5 เท่า เรียกว่าเติมสต็อกเท่าไหร่ก็ไม่พอ” ศิริพรกล่าว “อาจจะเป็นเพราะเป็นสาขาเปิดใหม่ด้วย ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น”

ยอดขายที่ได้นี้ นอกจากสาขาแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ POP MART ยังมีการตั้ง “Robo Shop” เป็นตู้ขายสินค้าอาร์ตทอยไปอีก 2 จุดด้วยที่ “แฟชั่นไอส์แลนด์” และ “สยามเซ็นเตอร์” ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีทั้ง 2 แห่ง

 

คนไทยกระเป๋าหนัก “ไซส์ 1000%” ขายเกลี้ยง

ศิริพรกล่าวว่า จากโปรไฟล์ลูกค้าที่พบในช่วง 2 เดือนแรก ลูกค้าหลักจะเป็นคนไทย ชาวต่างชาติยังเข้ามาไม่มาก แต่คาดว่าในช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว น่าจะมีลูกค้าต่างชาติมากขึ้น

ทำให้ยอดขายที่ได้นี้นับว่ามาจากกำลังซื้อคนไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อสูงที่นิยมซื้ออาร์ตทอยประเภท “MEGA ไซส์ 1000%” ของเล่นขนาดใหญ่พิเศษ ราคาชิ้นละประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป และเป็นของที่มีจำนวนจำกัดมากในโลก เช่น ผลิตเพียง 999 ตัว สินค้าประเภทนี้มักจะหมดตั้งแต่วันแรกที่วางขาย

POP MART
อาร์ตทอย MEGA 1000% และ 400% กลุ่มไซส์ใหญ่พิเศษ

ส่วนสินค้ากล่องสุ่ม (blind box) ราคา 300-400 บาทก็ขายดีเช่นกัน และพบว่าคนไทยเป็นนักสะสมมากกว่าที่คาด มีความสนใจศิลปินหลากหลายมาก

จากยอดขายที่ดีมาก ทำให้หลังจากนี้ POP MART ไทยจะได้รับโควต้าการจัดสรรสินค้า (allocation) กลุ่ม MEGA ไซส์ 1000% เข้ามามากขึ้น และบริษัทจะเพิ่ม SKUs ของกล่องสุ่มในการจำหน่ายมากขึ้น

 

เนื้อหอม! แบรนด์เข้าหาขอ “คอลแลป”

ด้านการสร้างรายได้อีกส่วนหนึ่งของ POP MART นั่นคือการ “คอลแลป” แบรนด์ต่างๆ ศิริพรกล่าวว่า ขณะนี้มีแบรนด์หลายรายเข้ามาติดต่อสร้างโปรเจกต์ร่วมกันแล้ว มีทั้งแบรนด์สากลที่ต้องการทำตลาดเฉพาะในไทย และแบรนด์ไทยเองก็สนใจเช่นกัน

การคอลแลปแบรนด์ทำได้หลากหลาย ยกตัวอย่างเคสที่ผ่านมา เช่น  “Dimoo x KFC” สร้างสรรค์อาร์ตทอยคอลเลกชันพิเศษให้กับร้านฟาสต์ฟู้ดในจีน, “Crybaby x Crocs” สร้างคอลเลกชันตุ๊กตาที่ไว้ประดับรองเท้า Crocs โดยเฉพาะ หรือ “POP MART x Uniqlo” นำคาแรกเตอร์ของร้านไปไว้บนเสื้อของ Uniqlo โปรเจกต์นี้ในไทยก็มีขายเช่นกันโดยเป็นเสื้อลายคาแรกเตอร์ Molly

ตัวอย่างโปรเจกต์คอลแลปแบรนด์ “Crybaby x Crocs” (Photo: POP MART)

 

สาขา 2 เปิดต่อที่ “Terminal 21 อโศก”

ตามแผนของ POP MART จะขยายสาขา 20 สาขาในไทย และมีตู้ Robo Shop 50 จุด ภายใน 5 ปีข้างหน้า

แม้มาเพียง 2 เดือนแต่ปังมาก บริษัทจึงรีบขยายสาขา 2 ต่อที่ “Terminal 21 อโศก” ชั้น M โดยเป็นร้านขนาด 145 ตร.ม. (เล็กกว่าเซ็นทรัลเวิลด์เล็กน้อย) เปิดวันแรก 29 พฤศจิกายน 2566

POP MART
POP MART สาขา 2 ในไทยที่ Terminal 21 อโศก

รวมถึง 7 ธันวาคมนี้ จะเปิดป๊อปอัปสโตร์ใหม่ต้อนรับเทศกาลเฉลิมฉลองที่ “สยามเซ็นเตอร์” ตามด้วยเร็วๆ นี้ จะเปิด Robo Shop แห่งใหม่ที่ “EMSPHERE” ศูนย์การค้าที่กำลังจะเปิดตัวของเดอะมอลล์ กรุ๊ป

จากความฮิตที่คาดไม่ถึงจนมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในงานวันเปิดสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ทำให้สาขา 2 มีการจัดระบบใหม่ให้ลงทะเบียน “Online Booking” มาก่อนในช่วง 5 วันแรกที่เปิดสาขา โดยระบบจะเปิดรับเพียง 600 คนต่อวัน ซึ่งศิริพรกล่าวว่ามีลูกค้าลงทะเบียนเต็มโควต้า 2 วันแรกเรียบร้อยแล้ว

สาขา Terminal 21 อโศกก็จะมีอาร์ตทอย “ลิมิเต็ด อิดิชั่น” มาขายในวันเปิดตัวเช่นกัน ได้แก่

  • MEGA SPACE MOLLY Disney 100th Celebration 400% และ 1000% เปิดตัวครั้งแรกที่นี่ ที่ประเทศไทย
  • BABY MOLLY GREY ขนาดพิเศษ ที่ปกติจะขายในงาน Art Toys Show เท่านั้น
  • MOLLY Toy Musem Figure คาแรกเตอร์ MOLLY ในธีมพิเศษสวมชุดสูท
  • LABUBU Hedgehog Figure คอลเลกชั่นพิเศษที่ไปเปิดตัวใน 2023 Singapore POP Toy Show จะมาขายที่นี่ด้วย
  • Disney 100th Celebration Bell Series ซีรีส์ฉลองครบ 100 ปี “ดิสนีย์” ที่คาแรกเตอร์ดิสนีย์จะมาอยู่ในระฆังสำหรับนำไปประดับต้นคริสต์มาส
ตัวอย่างสินค้าจาก Disney 100th Celebration Bell Series

ใครสนใจคงต้องรีบลงทะเบียน ยังเหลือสล็อตวันที่ 1-3 ธันวาคมนี้ให้จับจองเป็นคนแรกๆ ที่ได้เข้าไปเลือกซื้ออาร์ตทอย

]]>
1453735
“เลโก้” ประกาศ “ลดอคติทางเพศ” หลังวิจัยพบ “เด็กผู้หญิง” ถูกกีดกันจากของเล่นบางอย่าง https://positioningmag.com/1356879 Fri, 15 Oct 2021 11:35:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1356879 ทำไมผู้หญิงต้องเล่นแต่ตุ๊กตา? “เลโก้” ประกาศแผนลบล้าง “อคติทางเพศ” ออกจากสินค้าของเล่นของบริษัท หลังผลวิจัยพบว่า “เด็กผู้หญิง” ถูกกีดกันจากของเล่นบางอย่าง เพราะทัศนคติที่ไม่เท่าเทียมกันและการตีกรอบจนเสียความคิดสร้างสรรค์ไป

บริษัทสัญชาติเดนมาร์ก “เลโก้” ประกาศว่า จากนี้บริษัทจะสร้างความมั่นใจว่าของเล่นและการตลาดของแบรนด์จะ “ปราศจากอคติทางเพศและการวางภาพจำที่เป็นอันตราย” แม้ว่าจะไม่ได้ให้แนวทางอย่างชัดเจนว่าจะทำอย่างไร

การปฏิญาณตนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากแบรนด์สนับสนุนการวิจัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของเด็กและผู้ปกครองเกือบ 7,000 คนใน 7 ประเทศ โดยสอบถามมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับอาชีพ กิจกรรมนอกเวลาเรียน และของเล่น

งานวิจัยนี้พบว่า 76% ของผู้ปกครองจะสนับสนุนให้ “ลูกชาย” เล่นตัวต่อเลโก้ แต่มีเพียง 24% ที่จะสนับสนุนให้ “ลูกสาว” เล่นเลโก้เหมือนกัน

เลโก้ เด็กผู้หญิง
(Photo : Lego)

รายงานฉบับนี้ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ปกครองมีแนวโน้มสนับสนุนให้เด็กผู้หญิงเล่นแต่งตัวตุ๊กตามากกว่าเด็กผู้ชายเกือบ 5 เท่า และเด็กผู้หญิงได้รับการสนับสนุนมากกว่าเด็กผู้ชายเกือบ 4 เท่าถ้าเป็นกิจกรรมประเภทการเต้น การทำอาหาร และการอบขนม

ในทางกลับกัน ผู้ปกครองมีโอกาสสูงกว่ามากที่จะสนับสนุนให้เด็กผู้ชายเล่นเกมฝึกการโค้ดดิ้ง หรือเล่นกีฬา

เลโก้ประกาศในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “สังคมนี้มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องสร้างมุมมองใหม่ สร้างคำพูดและการกระทำใหม่ เพื่อสนับสนุนการมีความคิดสร้างสรรค์ของเด็กทุกคน”

เด็กผู้หญิงก็เล่นหุ่นยนต์ได้ หรือเด็กผู้ชายอาจจะชอบทำขนมก็ได้

“การละเล่นที่เสริมความคิดสร้างสรรค์มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น สร้างความมั่นใจ สร้างความคิดนอกกรอบ สร้างทักษะการเข้าสังคม โดยสิ่งเหล่านี้เด็กๆ ทุกคนสัมผัสได้ แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังคงสัมผัสกับประสบการณ์ “สเตอริโอไทป์” ที่มีมานาน ซึ่งคอยแปะป้ายว่ากิจกรรมไหนเหมาะกับเพศใดเท่านั้น” จูเลีย โกลด์มิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด Lego Group กล่าวในแถลงการณ์

นอกจากเรื่องการเล่นและกิจกรรม นักวิจัยพบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่มักจะจินตนาการถึง “เพศชาย” เมื่อขอให้ลองนึกถึงคนที่ประกอบอาชีพบางอย่าง ไม่ว่าพวกเขาจะมีลูกสาวหรือไม่มีก็ตาม

อคติทางเพศเหล่านี้เด่นชัดมากเมื่อพูดถึงอาชีพอย่าง “วิศวกร” ซึ่งผู้ปกครองถึง 89% จะนึกถึงอาชีพนี้ว่าเป็นของเพศชายในทันที รวมไปถึงอาชีพอย่าง “นักกีฬา” และ “นักวิทยาศาสตร์” ก็เช่นกัน มีแนวโน้มสูงกว่าถึง 5 เท่าที่คนจะนึกถึงอาชีพเหล่านี้ว่าเป็นของผู้ชาย

มาฮิรุ ซูสุกิ เด็กหญิงวัย 11 ปีชาวญี่ปุ่น อีกหนึ่งคนที่จะอยู่ในหนังสั้นของเลโก้ โดยเธอเป็นเด็กนักเรียนผู้ก่อตั้งวงมาร์ชชิ่งแบนด์ขึ้นมาด้วยตนเอง

ในแง่การตลาด เลโก้ต้องการเปิดแคมเปญเพื่อ “เปิดกว้างต่อทุกเพศ” ในชื่อแคมเปญ “Ready for Girls” เน้นการเฉลิมฉลองให้กับความคิดสร้างสรรค์ของเพศหญิง โดยเป็นหนังสั้นหลายตอนเกี่ยวกับความสำเร็จของเด็กผู้หญิงและวัยรุ่นหญิง เช่น ฟาติมา อัลคาอาบี ซึ่งเป็น “นวัตกรที่อายุน้อยที่สุด” ของ UAE หรือ เชลซี แฟร์ เด็กผู้หญิงวัย 11 ปีผู้ก่อตั้งโครงการการกุศลระดมทุนส่งอุปกรณ์ศิลปะให้กับเยาวชนด้อยโอกาสในสหรัฐอเมริกา

“เรารู้ดีว่าเรามีบทบาทที่ต้องทำในการสร้างความถูกต้อง แคมเปญนี้จะเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นของเราเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงประเด็นนี้ และเราจะสร้างความมั่นใจว่าการเล่นตัวต่อเลโก้จะต้องโอบรับทุกเพศให้มากที่สุด” โกลด์มินกล่าว

เลโก้เคยเป็นแบรนด์ที่ถูกโจมตีหนักมากว่าเป็นของเล่นที่ตอกย้ำเรื่องอคติทางเพศ เมื่อปี 2011 ตัวต่อชุด “เลโก้ เฟรนด์ส” ถูกวิจารณ์เพราะสร้างตัวต่อเป็นโต๊ะเครื่องแป้งและชุดทำขนมคัพเค้กสีชมพูเพื่อเจาะกลุ่มเด็กผู้หญิง แต่ในหลายปีมานี้ เลโก้พลิกแบรนด์ได้สำเร็จ ล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมแบรนด์เพิ่งจะออกตัวต่อชุด “Everyone is Awesome” ซึ่งเป็นเซตตัวต่อสีรุ้งสำหรับ LGBTQ+

Source

]]>
1356879
เลโก้ ปรับตัวอย่างไรให้อยู่รอด ท่ามกลางกระแสตลาดของเล่นหดตัว https://positioningmag.com/1200342 Thu, 29 Nov 2018 11:15:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1200342 ท่ามกลางความระส่ำระสายของ “วงการของเล่น” ทั่วโลก หลังจากข่าวช็อกวงการที่เกิดขึ้นกลางปีก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้มละลายของ ‘ทอยส์ “อาร์” อัส’ บริษัทค้าปลีกของเล่นเด็กรายใหญ่ของสหรัฐฯ

คำถามที่ตามมาคือ “ของเล่น” ตายแล้วจริงหรือ? เพราะหลายคนเชื่อว่าต้นตอของปัญหาเกิดจากยุคดิจิทัลทำให้เด็กรุ่นใหม่หันไปเล่มเกมคอมพิวเตอร์มากกว่าหันมาจับของเล่นที่เป็นชิ้นเป็นอัน จนแม้แต่ยักษ์ในวงการก็ “อยู่ไม่ได้”

เลโก้ของเล่นตัวต่อพลาสติกระดับพรีเมียมอายุ 60 กว่าปี มีจำหน่ายใน 130 ประเทศทั่วโลกยืนยัน “ของเล่น” ยังไม่ตาย และสามารถเติบโตได้ เพียงแต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสาร ที่ต้องหันไปหาสื่อออนไลน์ และช่องทางจัดจัดหน่ายที่ต้องขยายไปหาอีคอมเมิร์ซด้วย

เลโก้ที่อเมริกาและยุโรปเริ่มเติบโตได้น้อยลงจากผลกระทบหลายๆ อย่าง เลโก้จึงปรับแผนและเบนเข็มมารุกตลาดในกลุ่ม “เอเชียแปซิฟิก” มากขึ้น ด้วยในกลุ่มประเทศเหล่านี้เลโก้ยังเข้าถึงเด็กได้น้อยกว่าตลาดหลัก ที่สำคัญในอนาคตเด็กกว่า “ครึ่งโลก” จะอยู่ที่นี่

ไทย” เป็นหนึ่งในประเทศที่เลโก้กำลังให้ความสนใจไม่แพ้ประเทศร่วมทวีปอื่นๆ ที่เข้าไปทำตลาดอยู่ ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เนื่องด้วยในเมืองไทยเลโก้ยังสามารถเข้าถึงเด็กไม่ถึง 10% น้อยกว่าประเทศในยุโรปที่มียอดขายสูงสุดถึง 5 เท่า

เลโก้จึงเชื่อว่าตลาดยังมีโอกาส แม้ปีนี้ตลาดของเล่นเพื่อเสริมทักษะสำหรับเด็กมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งเลโก้มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 20-25% จะเติบโตประมาณ 1-2% เท่านั้น น้อยกว่าช่วง 5 ปีมานี้ที่เติบโตรวมกว่า 10-15%

ที่ผ่านมาเลโก้ทำตลาดในเมืองไทยผ่านการจัดจำหน่ายของ “ดีเคเอสเอชเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายมานาน 20 ปี โดยยอดขายหลัก 65% มาจากจุดจำหน่ายที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ อีก 15% เป็น Specialty Store เช่นร้าน ‘ทอยส์ “อาร์” อัส’ ที่เหลือเป็นร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตเช่น บิ๊กซี และโลตัส, ร้านขายของเล่นทั่วไป และ “อีคอมเมิร์ซ” ช่องทางล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อปีก่อนบนลาซาด้า ซึ่งเลโก้หวังให้ตัวเองเป็นออมนิชาแนล ที่เข้าถึงลูกค้าในทุกช่องทาง

กลยุทธ์การตลาดของเลโก้ เน้นสร้างให้ลูกค้ามีประสบการณ์กับสินค้าจึงได้ปรับพื้นที่สำหรับทดลองสินค้าให้มากขึ้นในจุดห้างสรรพสินค้า เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเด็กที่เป็นฐานลูกค้าหลักได้มีส่วนร่วมกับสินค้า

ล่าสุดเลโก้ได้ควงแขน DKSH ลงขัน 50 ล้านบาท เปิด “เลโก้ ช็อป” แห่งแรกในประเทศไทย โดยทั่วโลกมีทั้งหมด 250 สาขา เฉพาะเอเชียมีประมาณ 50 สาขา เลโก้เชื่อว่าช่วยให้แบรนด์มีความเข้มแข็งขึ้นในเอเชียซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงเติบโต เพราะคนชั้นกลางเพิ่มขึ้น

อัทสึชิ ฮาเซกาว่า ผู้จัดการทั่วไปตลาดกำลังพัฒนาเอเชีย บริษัทเลโก้ กรุ๊ป จำกัด บอกว่า

แม้หลายคนจะบอกว่า เด็กในไทยเกิดน้อยลง อนาคตต้องกระทบกับเลโก้แน่นอน แต่เราก็เชื่อว่า เด็ก 1 คนไม่ได้มีของเล่นแค่ชิ้นเดียวในชีวิต คนในครอบครัวก็พร้อมที่จะซื้อของเล่นให้เด็กอยู่แล้ว นอกจากนี้คนเดินห้างน้อยลงเราก็ไม่กังวล การเปิดเลโก้ ช็อปจะดึงคนเข้ามาเพิ่มแน่นอน”

เลโก้ ช็อปสาขาแรกตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เน้นกลุ่มลูกค้าครอบครัวและนักท่องเที่ยว นอกจากจะมีจุดขาย The PAB Wall หรือ Pick A Brick Wall กำแพงที่บรรจุชิ้นส่วน ให้ลูกค้าสามารถเลือกหยิบชิ้นส่วนเลโก้ที่มีรูปทรงและสีสันต่างกัน ใส่ในกระป๋องใสที่เตรียมไว้เพื่อนำไปชำระเงิน

ยังวางสินค้าชุดเอ็กซ์คลูซีฟทั้ง “เลโก้ครีเอเตอร์” และ “เลโก้ไอเดีย” กว่า 32 แบบ เช่น ยานอาวกาศในสตาร์วอร์ หรือ ดิสนีย์ ซึ่งเป็นชุดยอดนิยม มาวางขายในราคาไม่ต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน และวางจำหน่ายในช่วงเวลาเดียวกับตลาดอเมริกาและยุโรป หรือช้าเกิน 2 อาทิตย์ ทำให้ต่อไปสาวกไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อหิ้วสินค้าเข้าประเทศอีกต่อไป

เพื่อเป็นการตัดตอน “วงจรนักหิ้ว” ซึ่งเลโก้ยอมรับยอดขายบางส่วนได้รับผลกระทบจากกลุ่มนี้อยู่บ้าง และราคาที่เมืองไทยค่อนข้างสูงเพราะสินค้าทั้งหมดนำเข้าจากจีนและยุโรป และราคาฮ่องกงถูกกว่ามากถึง 60% และบางชุดไม่มีวางขายในไทย แต่เลโก้ยังไม่ได้วางแผนปรับราคาให้ถูกลง เพราะภาษีนำเข้าไม่เหมือนกัน

คาดว่าจะมียอดเข้าชม 4 แสนคนในปีแรก และทำยอดขายในปีแรก 100 ล้านบาท ภายใน 5 ปี.

]]>
1200342
เปิดตำนาน การต่อสู้ “บันได” Ep2 สปอนเซอร์รายการทีวีอนิเมะ สู่ของเล่นจากซีรีส์ยอดฮิต https://positioningmag.com/1190000 Thu, 27 Sep 2018 09:36:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1190000 ใครที่ชื่นชอบ กันดั้ม ไม่น่าพลาดที่มาของ บันได (BANDAI) ธุรกิจขายของเล่นรายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งเพจ Power-up mag ได้นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ของธุรกิจ กว่าจะมายิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ 

Bandai Ep.2

ก่อนจะเดินหน้ากันต่อไปขอย้อนกลับไปในช่วงยุค 50 สักเล็กน้อย คุณนาโอฮารุ ผู้ก่อตั้ง จริงจังกับงานนี้มาก เขาเปิดฝ่ายพัฒนาสินค้าใหม่ สร้างโกดัง ทำการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศตั้งแต่ช่วงนี้แล้ว และในช่วงนี้แหละที่เขาออกโลโก้แรกของบริษัท ในนาม BC (หมายถึง Bandai Company ตามชื่อญี่ปุ่นในตอนนั้นคือ Bandai-Ya) และมีการออกโฆษณาทางทีวีที่มีเนื้อหาว่าเครื่องหมาย BC เครื่องหมายที่รับประกันคุณภาพ

เมื่อพูดถึงทีวี ก็นำเราไปสู่ก้าวต่อไปของบันได ที่จะกลายเป็นแนวทางการผลิตสินค้าของบริษัทต่อมาจนปัจจุบัน นั่นก็คือสินค้าที่อิงกับเหล่าตัวละคร เพราะถ้าเป็นแค่รถธรรมดาทั่วๆ ไป มันก็ไม่มีความโดดเด่น หรือสตอรี่ของตัวเอง แต่ถ้าเป็นรถของตัวละครมันก็จะแตกต่าง และตัวละครนั้นๆ ก็มีเรื่องราว มีสื่ออื่นๆ ที่จะช่วยโปรโมตขายสินค้าด้วย

ของเล่นสังกะสี อะตอม รุ่นดั้งดิมของบันได

บันไดเริ่มเข้ามาผูกพันกับ คาแร็กเตอร์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของทีวีอนิเมะของญี่ปุ่น ด้วยการเป็นสปอนเซอร์รายการ แลกกับเวลาโฆษณาสินค้าที่ผลิตจากทีวีอนิเมะซีรีส์แรกของญี่ปุ่นอย่างอะตอม เจ้าหนูปรมาณู” ของปรมาจารย์นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่นอย่างโอซามุ เท็ตสึกะ ที่ออกฉายในปี 1963

ก่อนที่จะไปประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการเป็นผู้อุปถัมภ์หลักของทีวีซีรีส์ แนวฮีโร่แปลงร่างอมตะอีกชุดอย่างอุลตร้าแมนที่เอย์ยิ สึบุราญ่า ผู้สร้างสัตว์ประหลาดอมตะอย่าง “ก็อตซิล่า” สร้างออกฉายทางทีวี (หลังจากผลิตหนังสัตว์ประหลาดแต่ไม่มีฮีโร่มาพักใหญ่) และก็ผูกพันกับทางสึบุราญ่าโปรดักชั่น ผู้ผลิตซีรีส์นี้มาตั้งแต่นั้น และบันไดก็พบว่าการออกของเล่นที่ผูกกับรายการทีวีสำหรับเด็กนี่แหละที่เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผลที่สุด

ของเล่น “ฟลิปเปอร์”จากบันได

หนึ่งในสินค้าจากคาแร็กเตอร์ที่โด่งดังมากในช่วงแรกๆ นี้คือของเล่นที่สร้างมาจากซีรีส์ยอดฮิตจากอเมริกายุค 60 เรื่อง Flipper ที่เคยมาฉายในเมืองไทยในชื่อโลมาเพื่อนรัก ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กชายกับปลาโลมาแสนรู้ ของเล่นชุดนี้ไปได้รางวัลในงานแสดงสินค้าที่นิวยอร์กด้วย มันคือปลาไขลานที่ว่ายน้ำได้ บันไดผลิตสินค้าออกมาหลายอย่างด้วยกัน 

ของเล่นสำหรับเล่นในน้ำนี้ถือว่าเป็นหมวดหมู่ที่ทำรายได้ดีมากในช่วงยุคโชวะ เพราะช่วงนั้นบ้านในญี่ปุ่นยังมีห้องอาบน้ำใช้กันน้อย ประชาชนแม้แต่ในโตเกียวก็ยังพึ่งพาโรงอาบน้ำทำให้ที่นั่นเหมือนสนามเด็กเล่นของเด็กๆ ที่มาอาบน้ำกับครอบครัว

Crazy Foam ของบันได

เมื่อเด็กๆ มาชุมนุมกันก็ไม่แปลกที่จะมีการเอาของเล่นมาเล่นมาอวดกัน นั่นนำไปสู่ของเล่นอีกชุดที่ขายดีของบันไดคือ Crazy Foam อันนี้เป็นโฟมอาบน้ำที่มีจำหน่ายในอเมริกาด้วย เป็นโฟมอาบน้ำที่ข้นเหนียวคล้ายครีมโกนหนวดมาในบรรจุภัณฑ์ลายต่างๆ สามารถทำยอดขายได้ถีง 2.4 ล้านชิ้นในเวลาเพียง 3 เดือน

ชุดรถแข่งของบันได

สินค้าของบันไดที่ได้รับความนิยมในยุค 60 นี้ก็มี ขุดรถแข่งบังคับ ที่เป็นรางแข่งเอารถวางแล้วมีรีโมตบังคับ ที่เด็กรุ่นเก่าๆ (แปลว่าคนแก่ๆคงจะพอนึกออก.

ที่มา : https://www.facebook.com/pages/category/Magazine/Power-Up-Mag-279183085751638/


อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง

]]>
1190000
เปิดตำนาน การต่อสู้ “บันได” บิ๊กธุรกิจของเล่นรายใหญ่ในญี่ปุ่น https://positioningmag.com/1189769 Wed, 26 Sep 2018 07:05:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1189769 ใครที่ชื่นชอบ กันดั้ม ไม่น่าพลาดที่มาของบันได (BANDAI) ธุรกิจขายของเล่นรายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งเพจ Power-up mag ได้นำเสนอเรื่องราวการต่อสู้ของธุรกิจ กว่าจะมายิ่งใหญ่ได้ถึงเพียงนี้ 

Ep1

ยามาชินะ นาโอฮารุ ผู้ก่อตั้งบันได

เรื่องราวของบันไดเริ่มขึ้นเมื่อทหารผ่านศึกผู้เสียตาไปข้างหนึ่งเพราะสงคราม ชื่อ นาโอฮารุ ยามาชินะ เขาเป็นลูกชายของพ่อค้าข้าวในจังวัดคานาซาว่า ที่มาช่วยงานขายส่งผ้าให้พี่เขย เขารู้สึกว่าธุรกิจนี้คงจะไม่รุ่ง และได้ข้อมูลจากเพื่อนบ้านว่าธุรกิจของเล่นดูจะมีอนาคตดี เพราะช่วงหลังสงครามโลกในญี่ปุ่นมีเด็กเยอะแต่ไม่ค่อยมีของเล่น จึงขอทุนจากพี่เขยไปเริ่มธุรกิจจัดจำหน่ายของเล่นที่โตเกียว เมื่อปี 1947 และมันก็ดีจริง เพราะถึงเดือนกรกฎาคม ปี 1950 เขาก็ขอซื้อกิจการที่ก่อตั้งด้วยเงินที่ยืมมาจากพี่เขย มาก่อตั้งเป็นบริษัทของเล่นของตัวเองได้ และเปลี่ยนชื่อเป็น “Bandai-Ya” (ที่ต่อมาจะถูกตัดสั้นเหลือแค่ ”บันได” ในปี 1961) ที่เอามาจากคำในภาษาจีนที่ว่า “สิ่งที่จะคงอยู่ชั่วนิรันดร์”

คำอธิบายวิธีเล่นริธึ่มบอล สินค้าชิ้นแรดใต้แบรนด์บันได

ก้าวต่อไปของนาโอฮารุหลังจากที่บันไดเป็นของเขาแล้วอย่างเต็มตัวคือการ ”ผลิตสินค้าของตัวไม่ใช่แค่จัดจำหน่าย” บันไดออกสินค้าตัวแรกเป็นลูกบอลที่มีกระดิ่งอยู่ข้างใน มีชื่อว่า “ริธึ่มบอล” แต่มีปัญหาเรื่องสินค้าเสียเป็นจำนวนมาก เพราะกระบวนการผลิตนั้นยาก แต่ด้วยคุณภาพที่ดีจึงช่วยทำให้ชื่อบันไดเริ่มเป็นที่รู้จัก ก่อนที่จะเพิ่มสินค้าพวกรถและเครื่องบินโลหะตามมาอีก ซึ่งสินค้าในไลน์นี้ก็มีการส่งออกไปขายยังต่างประเทศด้วย และรถเหล็กในชุด “รถยนต์ของโลก” นี่แหละที่เป็นสินค้าฮิตในยุคแรกของบันได

เมื่อเข้าสู่ยุค 60 บันไดจะเริ่มการผลิตสินค้าในแนวทางใหม่ ที่บันไดจะยึดเป็นแนวทางผลิตสินค้ามาจนปัจจุบัน การผลิตสินค้าจาก ”คาแร็กเตอร์”

เครื่องบินเหล็ก B-26 สินค้าฮิทชิ้นแรกๆ ของบันได
รถเหล็ก โตโยเป็ท คราวน์ หนึ่งในสินค้าชุด Car of The World
สำนักงานบันไดในปี 1951

ที่มา : https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=770684933268115&id=279183085751638&__tn__=K-R

]]>
1189769