บอนชอน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 24 Mar 2025 05:50:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘บอนชอน’ จะสู้กับ KFC เจ้าตลาดไก่ทอดที่แข็งแกร่งได้อย่างไร? https://positioningmag.com/1515833 Mon, 24 Mar 2025 04:35:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1515833 แม้ ‘บอนชอน’ จะเป็นเบอร์ 1 ของไก่ทอดเกาหลี แต่ในบ้านเราตลาดไก่ทอดก็มีความหลากหลายและมีการแข่งขันดุเดือด แถม KFC ผู้เล่นรายใหญ่และรายหลักยังครองความเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนานแบบไม่มีใครล้มได้ แล้วบอนชอนจะสู้ศึกนี้อย่างไร ?

 

ย้อนกลับไปในปี 2545 บอนชอนได้ถือกำเนิดขึ้น ณ ประเทศเกาหลีใต้ โดยมี ‘จินดุ๊กเซ’ (Jin Duk Seh) เป็นผู้ก่อตั้ง สำหรับในไทยร้านดังร้านนี้ได้เข้ามาเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2554 ปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของ ‘เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)’ มีจำนวนสาขาทั้งหมด 122 แห่ง

 

‘อนุพนธ์ นิธิยานันท์’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ดส์ฯ เล่าว่า เมื่อปีที่ผ่านมาบอนชอนได้ประกาศยกเลิกเซอร์วิสชาร์จ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเข้ามาใช้บริการได้ง่ายขึ้น รวมถึงโฟกัสการสร้างเติบโตในระยะยาว ด้วยการกลับมาดูพื้นฐานเรื่อง ‘คุณภาพ’ ผ่านการทำแคมเปญแจ้งเกิด ‘ไก่ใหม่’ ที่อัปเกรดเนื้อไก่ให้อร่อยยิ่งขึ้น ทั้งความนุ่มและมีรสชาติเข้มข้นกว่าเดิม เปิดตัวไปเมื่อ พ.ย.2567

 

 

นอกจากนี้ ยังได้ขยาย ‘ตลาดใหม่ ๆ ’ โดยกลางปีที่ผ่านมาเริ่มขยายสาขาสู่ต่างจังหวัด ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทาย เพราะแม้ช่วงแรกจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี แต่เมื่อผ่านไปสักระยะกระแสเริ่มลดลง จนทางแบรนด์ต้องกลับมาวางกลยุทธ์ใหม่และพบว่า ด้วยชื่อเมนูของบอนชอนเป็นการทับศัพท์ภาษาเกาหลี ทำให้ลูกค้าในต่างจังหวัดอาจไม่เข้าใจ

 

 

การแก้โจทย์นี้ บอนชอนได้เปลี่ยนชื่อเมนูมาใช้คำไทย เช่น ‘บูเดจิเก’ เป็น ‘หม้อไฟเกาหลี’ ฯลฯ ขณะเดียวกันได้เพิ่มความหลากหลายของเมนูให้เข้าถึงคนในต่างจังหวัดมากกว่าไก่ทอด เช่น เปิดตัวเมนูปิ้งย่าง รวมถึงเลือกถ่ายภาพเมนูใหม่ จัดวางส่วนประกอบของอาหารให้เห็นชัดเจน เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกถึงความคุ้มค่าและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

จากกลยุทธ์ข้างต้น ส่งผลให้ไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา บอนชอนมียอดขายเติบโต 7% จำนวนลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น 11% ส่วนไตรมาสแรกของปีนี้ ยอดขายโต 10% ลูกค้าเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งเป็นการเติบโตที่อนุพนธ์บอกว่า ‘ดีและน่าพอใจ’ เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันของตลาดที่รุนแรงในปัจจุบัน

 

ส่วนปี 2568 บอนชอนจะสร้างการเติบโตต่ออย่างไร?

 

แม้ปีนี้ต้นทุนจะมีการพุ่งสูงขึ้นทั้งค่าวัตถุดิบ และค่าแรง แต่บอนชอนยัง ‘ไม่มีนโยบายขึ้นราคา’ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่เอื้ออำนวย ส่วนการสร้างโมเมนตัมของการเติบโตในปี 2568 นอกจากจะสานต่อกลยุทธ์ปีที่ผ่านมา หลัก ๆ จะมาจากหลายกลยุทธ์ ประกอบด้วย

 

1.การนำเสนอ Innovation เพื่อสร้างความตื่นเต้นและความหลากหลายให้กับลูกค้า เนื่องจากลูกค้าหลักของบอนชอน เป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่ชอบความแปลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การใช้จุดยืน Korean Inspiration ไปคอลแลบกับแบรนด์เกาหลีที่ไม่จำกัดเฉพาะแค่ ‘ของกิน’ เท่านั้น ยังจะข้าม category สู่หมวดสินค้าอื่น ๆ รวมถึงจะจับมือกับแบรนด์ภายใต้ไมเนอร์ กรุ๊ป อาจเห็นความร่วมมือระหว่าง ‘ไก่ทอดกับพิซซ่า’ หรือ ‘ไก่ทอดกับไอศกรีมซันเดย์’ ฯลฯ

 

การเปิดตัวเมนูใหม่ตามเทรนด์ที่มาแรง อย่างที่ผ่านมาค้นพบว่า ลูกค้าปัจจุบันนิยมเข้ามานั่งทานคนเดียว ซึ่งเห็นความสำเร็จของเดอะ พิซซ่า คอมพานี จากเมนู ‘พิซซ่าไบท์’ ทำให้บอนชอนมีการนำเสนอเมนูสำหรับทานคนเดียวแบบง่าย ๆ เพื่อเป็นอีกอาวุธในการดึงคนที่ชอบทานข้าวคนเดียว อาทิ ‘รามยอน’ บะหมี่กึ่งสไตล์เกาหลี โดยบอนชอนในไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่มีเมนูนี้

 

2.เดินหน้าลอยัลตี้ โปรแกรม ตอนนี้บอนชอนมีสมาชิกอยู่ราว 1 ล้านคน มีอัตราแอคทีฟ 20% และมีการใช้จ่ายมากกว่ากลุ่มลูกค้าทั่วไปถึง 3 เท่า เพราะมีเมนูและสิทธิพิเศษแนะนำให้สมาชิกอยู่ตลอด

 

3.การเร่งขยายสาขา ตามแผนในปีนี้จะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 20 สาขา โดยโฟกัสการขยายไปในต่างจังหวัดผ่านรูปแบบของแฟรนไชส์ให้มากขึ้น จากเดิมมีอยู่ 4 สาขา

 

4.การนำเสนอโมเดลใหม่ ๆ ภายใต้หลักการ ‘เลือกโมเดลให้ถูกกับอินไซต์และความชอบของลูกค้า’ คาดว่า จะได้เห็นโมเดลใหม่ของบอนชอนช่วงครึ่งหลังของปีนี้

 

5.การให้ความสำคัญกับบริการเดลิเวอรี่ ทั้งในส่วนที่ดำเนินการเองและความร่วมมือกับผู้ให้บริการเดลิเวอรี่      ต่าง ๆ  

 

ความท้าทายที่ต้องเผชิญ

 

สำหรับความท้าทาย แน่นอนหนีไม่พ้น ‘การแข่งขันรุนแรง’ เพราะตลาดไก่ทอดมีผู้เล่นหลากหลาย และมีผู้เล่นรายหลักที่อยู่ในตลาดมายาวนานแถมครองความเป็นผู้นำไม่มีใครล้มได้

 

แต่หากโฟกัสในเซกเมนต์ไก่ทอดเกาหลี บอนชอนก็ถือเป็นเบอร์ 1 ของตลาด ด้วยจำนวนสาขา 122 สาขา ส่วนคู่แข่งรายอื่น ได้แก่ BHC มี 12 สาขา, ชุงแมนชิกเค้น 11 สาขา, โซชอน 6 สาขา, อูราดะ 4 สาขา และเพลีคานา 1 สาขา

การแข่งขันในเซกเมนต์ไก่ทอดเกาหลี ผู้บริหารไมเนอร์ ฟู้ดส์ กรุ๊ปฯ บอกว่า เริ่มเห็น category ใหม่จับกลุ่มพรีเมียม เช่น อูราดะและเพลีคานา ส่วนบอนชอน, ชุงแมนชิกเค้นและโซชอนอยู่ในกลุ่มแมส ขณะเดียวกันก็เห็นหลายรายออกจากตลาด ส่วนแบรนด์จีนยังไม่เห็นเข้ามาในตลาดนี้

 

“ตอนนี้รายใหญ่ที่มีสายป่านยาวเหมือนไมเนอร์เข้ามามากขึ้น เราเองเวลคัมทุกการแข่งขัน เพราะมองเป็นเรื่องที่ดี ความท้าทายถัดมา เป็นเรื่องต้นทุนขายรวมถึงค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องเจอ และบอนชอนยืนยัน ยังไม่มีแนวโน้มปรับราคา เพราะภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่เอื้ออำนวย”

]]>
1515833
“Beautrium x Bonchon” คอลแลปข้ามขั้ว ส่งลิปทินต์ “ซอสไก่เกาหลี” จับกระแส “K-Beauty” https://positioningmag.com/1481965 Tue, 09 Jul 2024 07:53:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1481965 “Beautrium x Bonchon” จับมือข้ามขั้วอุตสาหกรรมสร้างผลิตภัณฑ์คอลแลป “Korean Spicy Chicken Tint Oil” ทำการตลาดเรียกเสียงฮือฮาด้วยผลิตภัณฑ์แหวกแนวที่จะเป็นของแถมแบบ Limited Edition ให้กับลูกค้าร้านบิวเทรี่ยม

ตัวผลิตภัณฑ์เป็นลิปสติกแบบเหลวที่ใช้แรงบันดาลใจจาก “ซอสไก่เกาหลี” ของบอนชอน ออกมาเป็น “ลิปทินท์” สีแดงขุ่นเหมือนซอส ทาแล้วทิ้งสเตนบนปากเหมือนเพิ่งรับประทานไก่บอนชอน (Bonchon) แต่ให้กลิ่นหอมหวานเหมือนลิปสติกปกติ พร้อมด้วยสารบำรุงริมฝีปาก

Korean Spicy Chicken Tint Oil เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีวางจำหน่าย แต่จะมอบให้กับลูกค้าร้านบิวเทรี่ยมที่ช้อปในสาขา Siam Square Flagship Store ครบ 999 บาท (มีจำนวนจำกัด) เท่านั้น

Beautrium x Bonchon
Korean Spicy Chicken Tint Oil จะมาในกล่องแพ็กเกจไก่ทอดของจริงของบอนชอน!

“อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด เปิดเบื้องหลังการจับมือคอลแลประหว่างวงการ “อาหาร” กับ “บิวตี้” ครั้งนี้ เกิดจากแคมเปญการตลาดของบิวเทรี่ยมเองที่มีแคมเปญใหญ่แห่งปี “Beautrium K-Beauty Fest” พุ่งเป้าตลาดเครื่องสำอางและความงามแบบเกาหลี นำแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีจัดโปรโมชันมากมายในร้าน

ทำให้บริษัทต้องการจะสร้างแรงกระเพื่อมเพิ่มขึ้นในกลุ่ม K-Beauty จึงใช้กลยุทธ์การตลาด “คอลแลป” สินค้าซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและผู้บริโภคให้ความสนใจสูง โดยเลือกอุตสาหกรรมอาหารเพื่อความแปลกแหวกแนว จึงออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ลิปที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหาร

ส่วนสาเหตุที่เลือกผนึกกำลังกับ “บอนชอน” เพราะมองว่าเป็นแบรนด์ร้านอาหารเกาหลีที่อยู่มานานในประเทศไทย มีฐานลูกค้าใกล้เคียงกันคือเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ และบอนชอนใช้สีแดงเป็นสีหลักเหมือนบิวเทรี่ยม ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ไปด้วยกันได้

อติโรจน์กล่าวด้วยว่า กระแส K-Beauty ยังคงเป็นที่นิยมในไทย เฉพาะยอดขายของบิวเทรี่ยมนั้นเมื่อปี 2566 สินค้าบิวตี้ของเกาหลีทำยอดขายเติบโตถึง 200% จากปีก่อนหน้า และคาดว่าปี 2567 น่าจะโตต่อเนื่องอีก 150% เพราะทางร้านมีการจัดแคมเปญการตลาดและมีการนำเข้าแบรนด์เครื่องสำอางเกาหลีใหม่ๆ เข้ามาอีกจำนวนมาก

ตลาดเครื่องสำอางนำเข้าในไทยนั้น “เครื่องสำอางเกาหลี” ถือเป็นเครื่องสำอางจากต่างประเทศอันดับ 3 ที่มีการนำเข้า โดยข้อมูลจากสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เมื่อปี 2566 ตลาดเครื่องสำอาง สบู่ และสกินแคร์ 5 อันดับแรกที่ประเทศไทยนำเข้ามามูลค่าสูงสุด ได้แก่ 1.ฝรั่งเศส (สัดส่วน 18.6%) 2.จีน (สัดส่วน 16.1%) 3.เกาหลีใต้ (สัดส่วน 12.1%) 4.สหรัฐอเมริกา (สัดส่วน 9.4%) และ 5.อินโดนีเซีย (สัดส่วน 8.7%)

]]>
1481965
ยุคแห่งการโคแบรนด์ “มาชิตะ x บอนชอน” จับสาหร่ายมารวมร่างกับไก่เกาหลี https://positioningmag.com/1272654 Fri, 10 Apr 2020 08:35:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1272654 “สาหร่ายมาชิตะ” ยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ Collaboration ผนึกพันธมิตรร้านอาหารแบรนด์ดัง ล่าสุดได้รับมือกับ “บอนชอน” ร้านไก่ทอดสไตล์เกาหลี ออกรสชาติใหม่สร้างสีสันให้ตลาด

ตลาดสาหร่ายดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีการเติบโตเท่าที่ควร อีกทั้งยังเจอพิษเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหวเท่าที่ควร เมื่อดูตัวเลขตลาดสาหร่าย ปี 2019 (ตั้งแต่ พ.ย. 61- ต.ค. 62 ) มีมูลค่า 2,978 ล้านบาท เติบโต -0.9% การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ จึงเป็นกลยุทธ์ที่จะกระตุ้นตลาดได้

โดยปกติแล้วผู้เล่นในตลาดสาหร่ายมีการเดินเกมด้วยกลยุทธ์ K-pop กันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเถ้าแก่น้อย และมาชิตะ แต่ในช่วงหลังมาชิตะได้เริ่มหากลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สร้างความแตกต่างในตลาดได้มากขึ้น

มาชิตะเริ่มใช้กลยุทธ์การ Collaboration หรือโคแบรนด์กับพาร์ตเนอร์อื่นๆ นอกเหนืออุตสาหกรรม ก่อนหน้านี้โคแบรนด์ร่วมกับ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ในการพัฒนาสาหร่ายรสชาติน้ำจิ้มบาร์บีคิว พลาซ่า เป็นการแลกเปลี่ยนฐานลูกค้ากัน และเป็นการขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้มากขึ้นด้วย

ล่าสุดมาชิตะได้เดินเกมจับมือกับร้านอาหารเพิ่มเติม เปิดแคมเปญ “มาชิตะ x ร้านดัง อร่อยปัง ยกกำลังสอง” ได้ทำการโคแบรนด์กับ “บอนชอน ชิคเก้น” (BonChon Chicken) นำรสไก่ทอดซอยการ์ลิคลงซองมาชิตะเป็นครั้งแรก

ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มการตลาดแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า

“นอกจากเรื่องสินค้าของมาชิตะที่เป็นสูตร 0% ผงชูรส (No Msg) แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การทำการตลาดด้วยแนวคิดใหม่ๆ เพื่อให้ตัวสินค้าและแบรนด์เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยให้ความสำคัญกับการทำตลาดร่วมมือกับพันธมิตร นำจุดแข็งความอร่อยของทั้ง 2 ฝ่าย มาสร้างความสำเร็จด้านการเติบโตร่วมกัน แคมเปญนี้ สร้างสีสันแปลกใหม่ให้กับตลาดสาหร่ายอีกระลอกต้อนรับในช่วงซัมเมอร์ วางเป้าหมายผลักดันกลุ่มสาหร่ายอบเติบโต 40%”

เหตุผลที่ทางมาชิตะเลือกจับมือกับบอนชอนนั้น เพื่อต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น เพราะบอนชอน ชิคเก้นมีฐานแฟนคลับจำนวนมากที่ชื่นชอบไก่ทอด ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน และกลุ่มครอบครัว โดยการร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้เกิดการ Cross ของฐานกลุ่มเป้าหมาย

ช่องการการจำหน่ายในครั้งนี้มีทั้งร้านสะดวกซื้อ, Food Delivery และในร้านของบอนชอน เป็นการขยายหน้าร้านให้มากขึ้น เพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้นเช่นกัน โดยรสชาติใหม่นี้จะมีจำหน่ายแค่ช่วงซัมเมอร์เป้นเวลา 3 เดือนเท่านั้น

]]>
1272654
“ไมเนอร์” ปิดดีล “บอนชอน” 2,483 ล้านบาท รับสิทธิ์เจ้าของแฟรนไชส์แต่เพียงผู้เดียว https://positioningmag.com/1267057 Thu, 05 Mar 2020 06:14:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1267057 หลังจากมีข่าวที่ไมเนอร์ประกาศเข้าลงทุนในร้านไก่ทอดบอนชอนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ป่านมา ตอนนี้บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ประกาศเข้าลงทุนในบริษัท Spoonful Pte. Ltd. ในประเทศสิงคโปร์ (“Spoonful SG”) และ บริษัท สพูนฟูล (ประเทศไทย) จำกัด (“Spoonful TH”) สัดส่วน 70% ในโดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นจำนวน 2,483 ล้านบาทอย่างเต็มรูปแบบแล้ว

Spoonful SG เป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ของบอนชอนในประเทศไทย ส่วน Spoonful TH เป็นผู้ดำเนินการร้านอาหารบอนชอนที่จะขยายต่อไปในอนาคตในประเทศไทย โดยการเข้าลงทุนในครั้งนี้ ส่งผลให้ MINT เป็นผู้ดำเนินการร้านอาหารบอนชอนในประเทศไทย และเป็นเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์ในระยะยาวแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงสิทธิในการให้แฟรนไชส์ต่อ

การเข้าลงทุนในครั้งนี้ ไมเนอร์ได้เห็นในศักยภาพการเติบโตของตลาดไก่ทอด และคอนเซ็ปต์แบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ของบอนชอน ใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของไมเนอร์ดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่มีอยู่และในอนาคต เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่แข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป

โดยที่ไมเนอร์มีแผนที่จะขยายสาขาบอนชอนอีกมากกว่า 150 แห่งทั่วประเทศไทยภายในสิ้นปี 2567 (มีการเติบโตของจำนวนร้านอาหารเฉลี่ยต่อปีใน 5 ปีมากกว่า 25%) โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัด เพราะปัจจุบันบอนชอนมีร้านอาหารเพียง 2 สาขานอกกรุงเทพฯ

พอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ ฟู้ด กล่าวว่า “การลงทุนในสิทธิแฟรนไชส์หลักของแบรนด์บอนชอนในประเทศไทยครั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำถึงกลยุทธ์ของบริษัทในการเพิ่มแบรนด์ในเครือร้านอาหาร และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย และด้วยการดำเนินงานในประเทศไทยมาเกือบ 10 ปี บอนชอนได้นำมาซึ่งฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนไทยรุ่นใหม่ (กลุ่ม Millennials และ Generation Z) ซึ่งมีความภักดีสูงที่บริษัทจะสามารถจะต่อยอดได้” 

]]>
1267057
ไมเนอร์ปิดดีลเข้าซื้อกิจการ “บอนชอน” 100% มูลค่า 2,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1254010 Mon, 18 Nov 2019 11:31:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254010 บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประกาศเข้าลงทุนในบริษัท ชิคเก้น ไทม์ จำกัด ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจร้านอาหารชื่อดังภายใต้แบรนด์ไก่บอนชอนกว่า 40 สาขาในประเทศไทย

เป็นการลงทุนในสัดส่วน 100% ด้วยเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท ทำให้ไมเนอร์ ฟู้ดเป็นจะผู้ดำเนินการร้านบอนชอนที่มีอยู่เดิมทั้งหมดในประเทศไทย

ถึงแม้ว่าการลงทุนดังกล่าวจะไม่รวมสิทธิแฟรนไชส์ในการเปิดสาขาใหม่ แต่ MINT อยู่ในระหว่างการเจรจากับเจ้าของสิทธิแฟรนไชส์หลัก ในการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้ MINT มีสิทธิในการขยายสาขาบอนชอนทั่วประเทศต่อไป

แบรนด์บอนชอน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 ในประเทศเกาหลี และในปัจจุบันเป็นแบรนด์ร้านอาหารเกาหลีและไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก โดยแบรนด์บอนชอนได้สร้างความแตกต่างด้วยไก่ทอดสไตล์เกาหลี ที่มีซอสอันเป็นเอกลักษณ์

ทำให้บอนชอนขยายสาขาอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม 9 ประเทศ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา บาห์เรน คูเวต ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ กัมพูชา เวียดนาม พม่า และไทย

เครือร้านอาหารบอนชอนในประเทศไทยจะสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทในทันที ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถเติบโตได้เร็วขึ้น เราเชื่อว่าประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มทางธุรกิจที่ดีในระยะยาวจากการเติบโตของชนชั้นกลางและรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการของ MINT กล่าว 

นายพอล เคนนี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไมเนอร์ ฟู้ด กล่าวเพิ่มเติมว่าเราใช้เวลาในการค้นหาแบรนด์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยเสริมสร้างเครือร้านอาหารของเรา และเรามีความยินดีเป็นอย่างมากที่ค้นพบร้านอาหารที่มีคอนเซปต์ที่ไม่เหมือนใครในครั้งนี้ ไก่เป็นหนึ่งในเนื้อสัตว์ที่คนไทยให้ความนิยมมากที่สุด และตลาดไก่ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก ทั้งนี้ บอนชอนมีความเหมาะสมเป็นอย่างมากกับแบรนด์ที่เรามีอยู่ในการเป็นร้านอาหารแบบนั่งทาน และในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับกลุ่มแบรนด์ของเรา อีกทั้ง การลงทุนเชิงกลยุทธ์ในครั้งนี้จะช่วยยกระดับไมเนอร์ ฟู้ด โดยเป็นการต่อยอดประสบการณ์อันยาวนานของเรา ในฐานะนผู้นำในการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร

โดยบอนชอนสาขาแรกในประเทศไทยเปิดให้บริการในปี 2554 และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่นั้นมา

]]>
1254010