พฤกษา – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 04 Nov 2025 12:22:04 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ขายออนไลน์บูมจัด ผุดไอเดีย ‘ปลูกโรงงานพร้อมบ้าน’ https://positioningmag.com/1545433 Tue, 04 Nov 2025 08:47:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545433 ยุคนี้หันไปทางไหนก็มีแต่แม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ โดยปัจจุบันคาดว่า ไทยมีผู้ขายมากกว่า 3 ล้านราย จาก 3 แพลตฟอร์มใหญ่ อาทิ Shoppee Lazada และ Tiktok (อ้างอิงข้อมูลจากงาน Priceza Thailand’s E-Commerce 2025)

ช้อปออนไลน์ไทยทะลุ 1.07 ล้านล้านบาท ดัน ธุรกิจแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์โต

ขณะที่ มูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทย ที่ขยายตัวตามยอดขายออนไลน์

  • ปี 2563 (ช่วงโควิด) มีมูลค่า 3.7 แสนล้านบาท เติบโต 68% (YoY)
  • ปี 2567 มีมูลค่า 1 ล้านล้านบาท เติบโต 9% (YoY)
  • ปี 2568 (คาดการณ์) มีมูลค่า 1.07 ล้านล้านบาท เติบโต 7% (YoY)
  • ปี 2573 (ประมาณการณ์ช่วง 5 ปี ข้างหน้า) มีมูลค่า 2 ล้านล้านบาท

จากความนิยมของช้อปสินค้าออนไลน์ของคนไทย ส่งผลให้ ”ธุรกิจแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์“ รุ่งเรือง จากบุคคลธรรมดา ได้จดทะเบียนตั้งนิติบุคคล นำไปสู่การขยาย ”บ้าน + โรงงาน“ สำหรับผลิตและแพ็กสินค้าขาย!

คาดการณ์ตลาดอีคอมเมิร์ซ ปี 2568 – 2573 อ้างอิงข้อมูลงานสัมมนา Priceza Thailand’s E-Commerce 2025

“สร้างบ้านพร้อมโรงงาน” โมเดลที่อยู่อาศัยยุคใหม่

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น จำกัด (IHC) ในเครือพฤกษาฯ กล่าวว่า ธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2568 มีมูลค่า 130,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีรายใหญ่ครองตลาดไม่ถึง 10% หรือราว 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ IHC เห็นโอกาสการเติบโต จึงรุกธุรกิจภายใต้แบรนด์ Plantnery by PRUKSA เจาะกลุ่ม B2C ในบ้านระดับกลาง-บน ราคา 3-20 ล้านบาท ที่มีกำลังซื้อ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ

ขณะที่เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจ คือ ลูกค้ายุคใหม่ ในสัดส่วนกว่า 30% ติดต่อขอรับคำปรึกษาสร้างบ้านโมเดลใหม่ คือ “บ้าน + โรงงาน ในพื้นที่เดียวกัน”

ส่วนใหญ่ผู้สนใจโมเดลใหม่นี้ ทำธุรกิจขายของออนไลน์ ที่ต้องการสร้างที่อยู่อาศัย พร้อมกับพื้นที่โรงงานสำหรับผลิตสินค้า หรือแวร์เฮ้าส์สำหรับแพ็กสินค้าส่งลูกค้า

ทำเลที่น่าสนใจมักจะอยู่ในเขต กทม. อาทิ สาทร พัฒนาการ หากมีการสร้าง อาจต้องมีการยื่นขออนุญาตเพิ่มเติมจากทางภาครัฐ (กรณีไม่ใช่ผังเมืองสีม่วง/สีแดง)

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น จำกัด (IHC) ในเครือพฤกษาฯ

“จุดเด่นของ Plantnery by PRUKSA คือ การทำราคารับสร้างบ้านได้หลายเซกเมนต์ตั้งแต่ 10,000 – 40,000 บาท/ตร.ม. แต่ถ้าเทียบในกลุ่มระดับสินค้าเดียวกัน ราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 10% ด้วยความแข็งแกร่งจากซัพพลายเชนและพาร์ตเนอร์คู่ค้า”

โดยบ้านแนวราบ การันตีสร้างเสร็จภายใน 6 เดือน ไม่มีทิ้งงาน และคุมงบประมาณได้ จากประสบการณ์สร้างบ้านมากกว่า 2 แสนหลังของพฤกษาฯ

เบื้องต้น บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตรายได้ประจำ (Recurring Income) จากธุรกิจรับสร้างบ้าน ให้เติบโตต่อเนื่อง ดังนี้

  • ปี 2568 รายได้ 400 ล้านบาท (ปีแรกที่เริ่มธุรกิจ)
  • ปี 2569 รายได้ 1,000 ล้านบาท
  • ปี 2573 รายได้ 2,500 ล้านบาท
  • ปี 2578 รายได้ 5,000 ล้านบาท
ตัวอย่างโชว์เคสแบบบ้านของ IHC จากประสบการณ์สร้างบ้านกว่า 2 แสนหลังของ บมจ.พฤกษา

ลุยรับเหมาก่อสร้าง IHC อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า iPlern ตั้งเป้า 3 ปีเข้าตลาดหุ้น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เปิดเกมรุก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ผ่านแบรนด์ IHC โดยรับเหมาก่อสร้างให้กับดีเวลลอปเปอร์รายเล็ก-กลาง ที่ต้องการสร้างโครงการที่อยู่อาศัย อะพาร์ตเมนต์ โรงงาน หรือคลังสินค้า แต่ไม่มีทีมก่อสร้าง

รวมถึงลุย ธุรกิจอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า ผ่านแบรนด์ iPlern (ไอเพลิน) ตอบรับเทรนด์ซื้อมากกว่าเช่าของคนยุคใหม่ โดยมีทั้งหมด 3 ระดับราคา

  • ทำเลนิคมอุตสาหกรรม อาทิ ลำลูกกา บ่อวิน ราคาเช่าเริ่มต้น 2,000-3,000 บาท/เดือน
  • ทำเลสถานศึกษา อาทิ ม.เกษตรศาสตร์ ม.กรุงเทพ ราคา 4,000-5,000 บาท/เดือน
  • ทำเลกลางเมือง ราคา 8,000-10,000 บาท/เดือน

บริษัทฯ คาดว่าปี 2568 IHC จะมีรายได้ 5,000 ล้านบาท และในอีก 3 ปีข้างหน้าราวปี 2571 เราตั้งเป้ารายได้ 7,000-8,000 ล้านบาท และเตรียมสปินออฟนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

โรงงานพรีคาสต์ของพฤกษา หนึ่งในแรงหนุนในการรับก่อสร้างบ้าน อะพาร์ตเมนต์ คอนโด ของ IHC
]]>
1545433
พฤกษา ลุย “อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า” เริ่ม 2 พันบาท/เดือน เจาะแหล่งงาน-Gen Z https://positioningmag.com/1545300 Mon, 03 Nov 2025 11:00:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1545300 ปี 2568 จากเมกะเทรนด์คนรุ่นใหม่นิยม ‘เช่า’ มากกว่า ‘ซื้อ’ อย่างต่อเนื่อง “พฤกษา” ผู้เล่นใหญ่ในตลาดที่อยู่อาศัย จึงแตกไลน์ธุรกิจ ‘อะพาร์ตเมนต์ให้เช่า’ ผ่านบริษัท อินโน โฮม คอนสรัคชั่น จำกัด (IHC)

“ปิยะ ประยงค์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น จำกัด (IHC) ในเครือพฤกษาฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ตลาดอะพาร์ตเมนต์ให้เช่า มีจำนวน 745,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าราว 27,000 ล้านบาท เติบโต 3% ต่อปี

จากอานิสงส์ Gen Z ทั้งกลุ่มวัยเริ่มทำงาน (First Jobber) และกลุ่มนักศึกษา ส่งผลให้อัตราการปล่อยเช่า (Occupancy Rate) สูงถึง 90% IHC เห็นโอกาสจึงเข้ามารุกธุรกิจ ผ่านแบรนด์ iPlern (ไอเพลิน)

ทั้งนี้ ได้นำที่ดินเก่าของพฤกษาที่เดิมจะใช้พัฒนาทาวน์เฮ้าส์และคอนโดมาปัดฝุ่น ทำโครงการอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าในทำเลศักยภาพสูง เช่น ย่านแหล่งงานอย่างนิคมอุตสาหกรรม, แหล่งสถานศึกษาอย่างรังสิต เป็นต้น

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน โฮม คอนสตรัคชั่น จำกัด (IHC) ในเครือพฤกษาฯ

เบื้องต้น ปี 2568 ใช้งบลงทุนราว 100 ล้านบาท เปิด 5 โครงการไอเพลิน ทำเลรังสิต ลำลูกกา และบ่อวิน คิดเป็นรายได้ประจำจากการปล่อยเช่า 1 ล้านบาท

โดยปี 2569 ลงทุนเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท เปิดอะพาร์ตเมนต์เพิ่ม 100 แห่ง ก่อนที่ปี 2572 จะเปิดให้ครบ 316 แห่ง และมีรายได้ประจำจากค่าเช่า 640 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ (Asset) ราว 6,300 ล้านบาท จากนั้นจึงขาย Asset ดังกล่าวเข้ากอง REIT นำเงินมาขยายธุรกิจต่อ

“ปีหน้ารุกหนักเปิดเพิ่มถึง 100 แห่ง เน้นแถบมหาวิทยาลัยทั่วไทย อาทิ ม.กรุงเทพ ม.เกษตรศาสตร์”

สำหรับ อะพาร์ตเมนต์ไอเพลิน มองทาร์เก็ต 3 กลุ่มหลัก คือ นักศึกษา (40%), พนักงานโรงงาน (35%) และกลุ่ม First Jobber (25%)

ส่วนราคาจะแตกต่างไปตามแต่ละทำเล (ขนาดห้องเริ่มต้น 21 ตร.ม.)

  • ทำเลรอบมหาวิทยาลัย ค่าเช่า 4,000-5,000 บาท/เดือน ถูกกว่าคอนโดที่มีค่าเช่า 7,000-10,000 บาท/เดือน
  • ทำเลนิคมอุตสาหกรรมและโรงงาน ค่าเช่าเริ่มต้น 2,000-3,000 บาท/เดือน
  • ทำเลกลางเมือง ค่าเช่า 8,000-10,000 บาท/เดือน

IHC วางทาร์เก็ต เจาะกำลังซื้อต่ำกว่าคอนโด เพื่อไม่ให้ราคาไปแข่งกันโดยตรง โดยเฉพาะกับแบรนด์คอนโดเรือธงของเราอย่างพลัมคอนโดที่มีราคาปล่อยเช่าราว 7,000-8,000 บาท/เดือน

นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทฯ เตรียมขยายโมเดลอะพาร์ตเมนต์ + คอนโดมิเนียม ในทำเลเดียวกัน (แต่แยกตึกกัน) ผ่านแบรนด์ ‘เพลิน’ โดยคอนโดจะเป็นระดับ Affortdable ราคาเริ่มต้น 600,000 – 700,000 บาท

“พอร์ตฯ อะพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่ามีอัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return : IRR) 13-15% ต่อเงินลงทุน ส่วนยีลด์อยู่ที่ 8-10% ต่อปี”

]]>
1545300
“พฤกษา” ปล่อยแคมเปญแรง “พฤกษา มหาดีล” มอบดีลใหญ่ จองเพียง 499 บาท – แจกทองทุกหลังรวม 5 ล้าน – ส่วนลดบ้านรวม 200 ล้าน – ของแถมสูงสุด 15 รายการ – รับ iPhone 17 ฟรี ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด 30 ต.ค. – 2 พ.ย.นี้ https://positioningmag.com/1544398 Tue, 28 Oct 2025 09:28:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1544398

“พฤกษา” ประกาศปลุกดีมานด์ปลายปี ส่งแคมเปญ “พฤกษา มหาดีล” คิกออฟครั้งแรกอย่างยิ่งใหญ่ ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 ณ  ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5  ระหว่าง 30 ต.ค. – 2 พ.ย.นี้ ยกทัพบ้านและคอนโดคุณภาพกว่า 100 ทำเลทั่วไทย จัดดีลใหญ่ แรงสุด คุ้มสุด จองเริ่มเพียง 499 บาท  แจกทองทุกหลัง รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท ส่วนลดบ้านและคอนโดรวมกว่า 200 ล้านบาท  มอบของแถมเพิ่มสูงสุด 15 รายการ  

นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“พฤกษาเดินหน้าปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ด้วยแคมเปญ ‘พฤกษา มหาดีล’ ที่รวมบ้านและคอนโดมิเนียมคุณภาพกว่า 100 โครงการทั่วประเทศ มอบข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปี ทั้งส่วนลดสูงสุดรวมกว่า 200 ล้านบาท และของแถมพิเศษอีกมากมาย เพื่อให้ลูกค้าได้มาเป็นเจ้าของบ้านคุณภาพจากพฤกษาในราคาที่ดีที่สุด และคุ้มค่าที่สุดในช่วงเวลานี้  การจัดแคมเปญครั้งนี้เป็นการตอกย้ำจุดยืนของพฤกษาในการส่งมอบการอยู่อาศัยที่ ‘อยู่ดี ทั้งชีวิต’ ตามแนวคิด Lifetime Well-Living ผ่านบ้านที่ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิต พร้อมมอบความสุขและโอกาสให้ลูกค้าเป็นเจ้าของบ้านในฝันได้จริงภายในปีนี้”

แคมเปญ “พฤกษา มหาดีล” แจกใหญ่ มอบความพิเศษแบบจัดเต็ม จองเริ่มเพียง 499 บาท มอบ ทองคำทุกหลัง มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท ส่วนลดบ้านและคอนโดรวม 200 กว่าล้านบาท มีบ้านยูนิตพิเศษ ส่วนลดสูงสุดถึง 4.9 ล้านบาท และ ของแถมสูงสุด 15 รายการ อาทิ ฟรี ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าจดจำนอง ค่าประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟฟ้า ค่าบริการสาธารณะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และจัดสวน เป็นต้น (รายละเอียดต่างกันในแต่ละโครงการ กรุณาสอบถามเพิ่มเติม) นอกจากนี้ ลูกค้า 100 สิทธิ์แรกที่จองและโอนตั้งแต่ 30 ตุลาคม ถึง 28 พฤศจิกายน 2568 จะได้รับ iPhone 17 ความจุ 256 GB มูลค่า 29,900 บาท ฟรี แคมเปญนี้จะเปิดตัวในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 48 ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม–2 พฤศจิกายน  2568 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ลูกค้าจึงสามารถเลือกสรรที่อยู่อาศัย และยูนิตราคาพิเศษที่รวบรวมเฉพาะในงานนี้เท่านั้น” นายธีระ กล่าว

ตัวอย่างยูนิตพิเศษ จากโครงการไฮไลท์ ในงาน อาทิ

  • พาทิโอ กรุงเทพกรีฑา – วงแหวน พรีเมียมทาวน์โฮม 5 ชั้น หน้ากว้าง 10 เมตร ดีไซน์โมเดิร์น พื้นที่ใช้สอยกว้างเทียบเท่าบ้านเดี่ยว เหมาะกับครอบครัวรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่ใช้ชีวิตครบครัน ราคาปกติ 14.8 ล้านบาท ลดพิเศษเหลือเพียง 9.9 ล้านบาท

  • ภัสสร ศรีนครินทร์ – เทพารักษ์ บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ สุนทรียแห่งการออกแบบ Timeless Luxury Style บนทำเลสุดพรีเมี่ยม ติดถนนเทพารักษ์ โครงการใหม่ เปิดตัวในงาน ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท

  • เดอะ คอนเนค บิซทาวน์ @ รังสิต อเวนิว อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ฟังก์ชั่นใหญ่ หน้ากว้าง 5 ม.  ติดถนนรังสิต-นครนายก ราคาปกติ 4.59 ล้านบาท  ลดพิเศษเหลือเพียง 3.99 ล้านบาท
  • เดอะ ไพรเวซี่ พาร์ค เตาปูน คอนโดมิเนียม พร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้า 3 สาย ตอบโจทย์คนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายในทุกมิติ ราคาปกติ 4.27 ล้านบาท ลดพิเศษเหลือเพียง 3.99 ล้านบาท

แคมเปญนี้คือดีลที่แรง และคุ้มค่าที่สุดอีกครั้งหนึ่งในการซื้อบ้านกับพฤกษา นอกจากนี้ ผู้ที่มางานมหกรรมบ้านและคอนโด ภายในงาน จะได้พบกับกิจกรรมสุดพิเศษ เล่นเกม ลุ้นของรางวัล แล้วพบกันวันที่ 30 ต.ค. – 2 พ.ย.นี้  ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 5 ชั้น LG บูธ 304-307  ผู้สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.pruksa.com/p/mahadeal , Line Official: @PRUKSA, เฟซบุ๊ก Pruksa Family Club หรือโทร.1739

#พฤกษา #Pruksa #พฤกษามหาดีล #มหกรรมบ้านและคอนโด #ดีลสุดคุ้ม #LifetimeWell-Living

]]>
1544398
“อินโน พรีคาสท์” เบนเข็มเจาะ non-residences รับมือตลาดที่อยู่อาศัยซบยาว 2 ปี https://positioningmag.com/1529467 Wed, 09 Jul 2025 09:28:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1529467 “ทรงศักดิ์ ปิยะวรรณรัตน์” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ในเครือพฤกษาฯ เปิดเผยว่า ตลาดที่อยู่อาศัย คาดชะลอตัว 2 ปี (พ.ศ. 2568 – 2569) จากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวดี และประเมินว่าตลาดจะเริ่มผงกหัวขึ้นมาภายในปี 2570

ส่งผลให้ปัจจุบันผู้ประกอบการอสังหา “ชะลอการสต๊อกสินค้า” จากเดิมจะพัฒนาบ้านรองรับความต้องการล่วงหน้า 5 ปี ก็เหลือสต๊อกล่วงหน้าเพียง 2 ปี เพราะซัพพลายในตลาดยังมีอยู่ จึงต้องเร่งระบายสินค้าเดิมก่อน

“ปัจจุบันบริษัทฯ มีแบ็กล็อกอยู่ในมือ 4,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ใน 3-5 ปี ซึ่งเป็นสัญญาจ้างผลิตพรีคาสท์สำหรับบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งเริ่มเห็นแนวโน้มลูกค้าขอเลื่อนการผลิตและส่งมอบสินค้าออกไป ซึ่งเราเข้าใจและไม่ได้เร่งรัดลูกค้าโดยเฉพาะในภาวะตลาดเช่นนี้”

โรงงานพรีคาสท์ ของ อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษาฯ
โรงงานพรีคาสท์ ของ อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษาฯ

ทั้งนี้ “ธุรกิจพรีคาสท์” ซึ่งมีลูกค้าหลักเป็น กลุ่มที่อยู่อาศัย (Residences) ราว 80% ต้องหันไปขยายการรับงานคอนกรีตสำเร็จรูป ป้อนใน กลุ่มธุรกิจไม่ใช่ที่อยู่อาศัย (Non-Residences) สัดส่วน 20% อาทิ ผนังและคานสำหรับกลุ่มโรงงาน, รั้วคอนกรีต, บ่อบำบัดสำเร็จรูป, เขื่อน เป็นต้น

“เราเพิ่งเริ่มรับลูกค้ากลุ่มโรงงานและเฮ้าส์ จากการเห็นโอกาสในตลาด โดยเฉพาะในทำเล EEC จึงได้เข้าไปเจรจาขายชิ้นส่วนพรีคาสท์สำเร็จรูป ให้กับผู้รับเหมาท้องถิ่น และผู้รับเหมาจีน ที่เข้ามาทำรับเหมาก่อสร้างโรงงานที่ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา”

โดยมีราคาอยู่ที่ 5,000 บาท/ตารางเมตรพื้นที่ใช้สอย ค่าก่อสร้างแบบพรีคาสท์แทบไม่ต่างจากค่าก่อสร้างแบบปกติ ห่างกันไม่ถึง 5% แต่จุดเด่นคือ ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 2 สัปดาห์ และไม่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันภาคก่อสร้างมีปัญหาการขาดแคลนแรงงานค่อนข้างมาก

จากการขยายการรับงานสู่กลุ่ม Non-Residences จะทำให้พอร์ตฯ นี้ขยับสัดส่วนขึ้นมาอยู่ที่ 30% ของรายได้ (จากเดิม 20%) ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนกลุ่ม Residences จะเหลือสัดส่วน 70% (เดิม 80%)

โรงงานพรีคาสท์ ของ อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษาฯ
โรงงานพรีคาสท์ ของ อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษาฯ

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายการทำพรีคาสท์สำหรับสระว่ายน้ำภายในปี 2568 เพิ่มเติมจากการทำผนัง เสา และคานสำเร็จรูป ซึ่งเป็นจุดแข็งทำให้ ”อินโน พรีคาสท์“ เหนือกว่าคู่แข่ง ที่อาจทำได้แค่ผนังสำเร็จรูปเท่านั้น

โดยบริษัทฯ มีศักยภาพการผลิตอยู่ที่ 5 ล้านตร.ม. ต่อปี คิดเป็นการสร้างบ้าน 1,500 หลัง/เดือน ปัจจุบันใช้ capacity อยู่ที่ 40%

อย่างไรก็ดี ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัว บริษัทฯ คาดว่า ปี 2568 จะทำรายได้ไม่ถึง 2,000 ล้านบาท จากปี 2567 มีรายได้ 2,000 ล้านบาท และปี 2566 มีรายได้ราว 2,200 ล้านบาท

โรงงานพรีคาสท์ ของ อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษาฯ
โรงงานพรีคาสท์ ของ อินโน พรีคาสท์ ในเครือพฤกษาฯ
]]>
1529467
“ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์” เจ้าพ่อตลาดทาวน์เฮ้าส์ กับภารกิจฟื้นรายได้พฤกษา ฝ่าอสังหาขาลง https://positioningmag.com/1513360 Mon, 03 Mar 2025 13:09:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513360 เปิดมุมมอง “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์” เจ้าพ่อตลาดทาวน์เฮ้าส์ ต่อมุมมองตลาดอสังหาริมทรัพย์ และภารกิจฟื้นคืนรายได้-กำไรของ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง

โดยคุณทองมา ฉายภาพ “ตลาดที่อยู่อาศัย” ต่อจากนี้ไปมีแนวโน้มเล็กลง หดตัวลงทุกปี จากเคยสูงสุดกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี เหลือเพียง 3.5 แสนล้านบาท และในอีก 5-6 ปีข้างหน้าอาจจะเหลือเพียง 2 แสนล้านบาท

ขณะที่โฟกัสภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2567 ที่ผ่านมา ก็ไม่สดใสนัก

ยอดเปิดตัวใหม่ 421,000 ล้านบาท ลดลง 27% แบ่งเป็น

  • ทาวน์เฮ้าส์ 47,000 ล้านบาท ลดลง 29%
  • บ้านเดี่ยว 251,000 ล้านบาท ลดลง 25%
  • คอนโด 122,000 ล้านบาท ลดลง 30%

ยอดขาย (พรีเซล) 313,000 ล้านบาท ลดลง 20% แบ่งเป็น

  • ทาวน์เฮ้าส์ 43,000 ล้านบาท ลดลง 30%
  • บ้านเดี่ยว 140,000 ล้านบาท ลดลง 13%
  • คอนโด 127,000 ล้านบาท ลดลง 23%

ขณะที่พอร์ตฯ พฤกษาที่ผ่านมา เป็นกลุ่มทาวน์เฮ้าส์เป็นหลักซึ่งได้รับผลกระทบจากตลาดเต็ม ๆ

ทำให้ผลประกอบการปี 2567 ของพฤกษา ทำรายได้ประมาณ 21,000 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเหลือ 456 ล้านบาท จากเคยแตะระดับพันล้าน

จากปัจจัยความท้าทายในข้างต้น ทำให้ คีย์แมนพฤกษา ไม่จำกัดตัวเองอยู่แค่ธุรกิจที่อยู่อาศัยอีกต่อไป แต่ยังเฟ้นหาโอกาสเติบโตใหม่ ๆ อยู่เสมอ

  • ธุรกิจเฮลท์แคร์ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ คุณทองมา ปลุกปั้นเมื่อครั้งเป็นซีอีโอ ช่วง 5-6 ปีก่อน และทำรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้วางแผนขยาย รพ. เพิ่มอีก 3 แห่ง ใจกลางเมือง คือ วิมุต ทองหล่อ สุขุมวิท 54 และปิ่นเกล้า โดยคาดว่าปีนี้จะทำรายได้แตะ 2,600 ล้านบาท รวมถึงตั้งเป้าพอร์ตฯ ธุรกิจ รพ. ขึ้นมาเป็น 50% เท่า ๆ กับพอร์ตฯ อสังหา!
  • ธุรกิจแวร์เฮ้าส์ (คลังสินค้า) เป็นอีกหนึ่งแนวทางการสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่พฤกษาหมายตา โดยได้ลงทุนโครงการโอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปี 2569 น่าจะสร้างน่านน้ำใหม่ที่น่าสนใจให้กับบริษัทฯ
  • ธุรกิจรับก่อสร้างและพรีคาสต์ ซึ่งพฤกษาได้ทำมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ความพิเศษ คือ จากเดิมจะรับทำเฉพาะในโครงการตัวเอง แต่ขณะนี้ขยายรับงานนอกเพิ่มเป็น 30% โดยตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้ถึง 5,400 ล้านบาท แต่พฤกษาจะรับรู้รายได้ส่วนนี้ จากส่วนแบ่งกำไร

“ผมคงเข้ามาทำหน้าที่ดูแลพฤกษาอีก 2-3 ปี ส่วนการทำให้กำไรกลับมา 1,000 ล้านบาทไม่น่าเป็นเรื่องยาก เพราะเคยทำได้ ไม่น่ามีปัญหา ปีนี้ก็ต้องพยายามมากขึ้นด้วยการบริหารเรื่องการขายและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จะมีส่วนทำให้อัตรากำไรสูงขึ้นได้”

]]>
1513360
“พฤกษา” หันซบเฮลท์แคร์ เบนเข็มเน้นบ้านแพง ขายบ้านแบบ Leasehold ราคา 30 ล้านบาท จับนักลงทุนจีน https://positioningmag.com/1513226 Mon, 03 Mar 2025 08:13:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1513226 ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ มีแนวโน้ม “หดตัวลง“ ทุกปี

  • จากช่วง 5-6 ปีก่อน มีมูลค่า 5 แสนล้านบาท
  • ปัจจุบัน มีมูลค่าเหลือ 3 แสนล้านบาท
  • ในอนาคตคาดมูลค่าเหลือ 2-2.5 แสนล้านบาท
”ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์“ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH)
”ทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์“ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH)

ขณะที่ผลประกอบการปี 2567 ของพฤกษา มีรายได้รวม 20,996 ล้านบาท ลดลง 19.7% และกำไรสุทธิ 456 ล้านบาท ลดลง 79.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY)

ปัจจัยหลักมาจากเศรษฐกิจชะลอตัว และการปฏิเสธสินเชื่อแบงก์ยังคงสูง กดดันให้ตลาดอสังหาปีก่อน ให้ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรมมียอดขายเหลือ 313,000 ล้านบาท ลดลง 20% (YoY) โดยกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ดิ่งสุด 30% คอนโดหดตัว 23% และบ้านเดี่ยวลดลง 13%

“ตลาดอสังหาเล็กลงทุกปี เรามองหาโอกาสการเติบโตใหม่ต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจเฮลท์แคร์ ที่วางเป้าบาลานซ์พอร์ตรายได้ขึ้นมาเป็น 50% (เดิม 30%) ตลอดจนธุรกิจรับก่อสร้าง และแวร์เฮ้าส์โปรเจกต์ “โอเมก้า” ที่มีงบลงทุนทั้งโครงการราว 9,000 ล้านบาท แต่ก็ยังคงรักษาระดับการเติบโตของธุรกิจอสังหาให้เป็นไปตามภาพรวมตลาด”

ภาพรวมตลาดอสังหาปี 2024

เบื้องต้น ปี 2568 วางเป้ารายได้รวมทุกธุรกิจไว้ 23,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ธุรกิจอสังหา 18,700 ล้านบาท เติบโต 8% (YoY) และธุรกิจเฮลท์แคร์ 2,600 ล้านบาท เติบโต 19% (YoY)

พร้อมวางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 8,500 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเพิ่ม 5,000 ล้านบาท และลงทุน 3 โรงพยาบาลใหม่ 3,500 ล้านบาท

นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตส จำกัด
นายธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตส จำกัด

ธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตส จำกัด กล่าวว่า ปี 2568 พฤกษาวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่า 23,400 ล้านบาท จากปี 2567 เปิดตัว 16 โครงการ มูลค่า 18,200 ล้านบาท

โดยปีนี้ จะเน้นโครงการบ้านเดี่ยวพรีเมียมมากขึ้น อาทิ แบรนด์ The Palm, The Reserve โดยมีสัดส่วนสินค้าราคามากกว่า 7 ล้านบาท ราว 50% และเป็นทำเลในเมืองมากขึ้น

“ปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 19,800 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการ JV 3,200 ล้านบาท ส่วนยอดโอนฯ วางไว้ 18,700 ล้านบาท และยอดโอนโครงการ JV 1,600 ล้านบาท (รับรู้จากกำไรการลงทุน)“

โครงการ The Palm พัฒนาการ
โครงการ The Palm พัฒนาการ

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนทำโครงการแนวราบเจาะลูกค้าต่างชาติมากขึ้น ในรูปแบบสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) เช่า 30 ปี ต่อได้อีก 30 ปี

ซึ่งที่ผ่านมามีลูกค้าต่างชาติให้ความสนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน โดยปี 2567 นำร่องโครงการ The Palm และ Patio และทำรายได้ส่วนนี้ไปราว ๆ 500 ล้านบาท

โดยส่วนใหญ่ลูกค้าเป็น นักลงทุนจีนที่ทำงานในไทย สนใจบ้านหรูราคา 30 ล้านบาท ใกล้โซนพัฒนาการ ที่เชื่อมต่อไปยังสนามบิน หรือกระทั่งโซนโรงงานได้ง่าย

“ปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ส่วนลีสต์โฮล จำนวน 1,000 ล้านบาท”

รวมทั้งมีแผนลีนองค์กรให้คล่องตัวขึ้น ผ่านการขายที่ดินมูลค่าสูงที่ไม่ได้มีการพัฒนาโครงการ โดยที่ดินที่ราคาสูงที่สุดที่เตรียมขาย อาทิ ที่ดินย่านเลิดสิน ที่ดินย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นต้น

นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต
นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต

นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต เปิดเผยว่า ปี 2568 วิมุต เตรียมเงินลงทุน  ราว ๆ 3,500 ล้านบาท ทำ 3 โรงพยาบาลใหม่ ได้แก่

  1. รพ.วิมุต ทองหล่อ (อยู่ระหว่างการหาผู้รับเหมา) เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางเกี่ยวกับกระดูกและข้อ
  2. รพ.วิมุต สุขุมวิท อยู่ตรงสุขุมวิท 54 (อยู่ระหว่างออกแบบ)
  3. รพ.วิมุต ปิ่นเกล้า (อยู่ระหว่างออกแบบ)

“การขยาย รพ. แต่ละแห่งจะแบ่งเป็น 3 เฟสใหญ่ งบลงทุน 2,000 ล้านบาท ต่อการขยายจำนวน 100 เตียง ซึ่งจะค่อย ๆ ขยายไปเพื่อดูดีมานด์ลูกค้า“

รพ.วิมุต พหลโยธิน
รพ.วิมุต พหลโยธิน

ส่งผลให้ภายใน 3 ปีข้างหน้า วิมุตจะมีจำนวนเตียงเพิ่มเป็น 600-700 เตียง จากปัจจุบันมีเตียง (ถ้าขยายเต็มศักยภาพ) อยู่ที่ 450 เตียง แบ่งเป็น รพ.วิมุต พหลโยธิน 235 เตียง, รพ.วิมุต เทพธารินทร์ 130 เตียง และ รพ.ผู้สูงอายุ 50 เตียง (เปิดตัวในปีนี้) ย่านวัชรพล โดยปีนี้ วิมุตตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท

”การขยายตัวเข้าไปในย่านกลางเมืองเป็นกลยุทธ์ในการขยายลูกค้าต่างประเทศด้วย จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 7% ของพอร์ตฯ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ชาวต่างชาติมักเข้าทำศัลยกรรม และการรักษาพยาบาลทั่วไป (กลุ่ม Expat)”

]]>
1513226
ล้วงปม พฤกษา เขย่าโครงสร้างผู้บริหาร ตั้ง “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” นั่งประธานบอร์ด https://positioningmag.com/1505379 Mon, 06 Jan 2025 05:04:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1505379 ไขปม “พฤกษา” เขย่าโครงสร้างผู้บริหาร ตั้ง “รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส” นั่งประธานบอร์ด “แมนพงศ์ เสนาณรงค์” นั่งกรรมการอิสระ ควบประธานคณะกรรมการลงทุน 

ดึง 2 มือปืนรับจ้าง นั่งบริหารงาน

หลัง “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์“ ผู้ก่อตั้ง และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) หวนคืนตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ไปเมื่อท้ายปี 2567 ไปหมาด ๆ

พฤกษา ก็ปรับโครงสร้างผู้บริหารอีกระลอก ตามสไตล์ทองมา “คิดเร็ว ทำเร็ว” โดยได้แต่งตั้ง 2 ผู้บริหารใหม่ ประสบการณ์โชกโชน ได้แก่

1.รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ตำแหน่ง ประธานกรรมการบริษัท แทน ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ซึ่งเกษียณอายุครบ 72 ปี ตามข้อกำหนดในกฎบัตรคณะกรรมการบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

รุ่งโรจน์ สำเร็จการศึกษา MBA จาก Harvard Business School และเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี (ปี พ.ศ. 2559 – พ.ศ. 2566) และพาบริษัทฝ่าวิกฤตหลายระลอก โดยเฉพาะด่านหินอย่างโควิด รวมไปถึงการดัน SCG Packaging เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และการเดินหน้าโครงการในเวียดนาม

สะท้อนว่า “รุ่งโรจน์” มีความเชี่ยวชาญการบริหารจัดการธุรกิจเศรษฐกิจ และการลงทุนในองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ การต่างประเทศ การบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการในภาวะวิกฤติ และการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ

2.แมนพงศ์ เสนาณรงค์ ตำแหน่ง กรรมการอิสระรวมทั้งแต่งตั้งเป็น ประธานคณะกรรมการลงทุน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

สำหรับ “แมนพงศ์” สำเร็จการศึกษา MBA ด้าน Finance and Quantitative จาก Cleveland State University ประเทศสหรัฐอเมริกา

รวมถึงเป็นอดีตรองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีความรู้ด้านการจัดการโครงสร้างทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ และการวางกลยุทธ์ธุรกิจ

และมีประสบการณ์การทำงานด้านการบริหารวาณิชธนกิจ และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินให้กับบริษัทเอกชน และสถาบันการเงิน

ทำไมพฤกษาปรับโครงสร้าง?

ในการการแต่งตั้งผู้บริหารครั้งนี้ พฤกษา มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน จากปัจจุบันมี 2 กลุ่มหลัก คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจเฮลท์แคร์

ที่แม้ปัจจุบันจะผ่านพ้นวิกฤตโควิดไปแล้ว แต่ผลกระทบยังลากยาวมาถึงขณะนี้ ในแง่การเติบโตเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคชะลอตัว

พฤกษา มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่ ราว ๆ 70% ในกลุ่มล่างและกลุ่มกลาง ซึ่งจะได้รับปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโดยตรง สะท้อนจากผลประกอบการพฤกษาที่ปรับลดลง

โดยช่วง 9 เดือน (ม.ค. – ก.ย.) ปี 2567 ทำรายได้รวม 15,607 ล้านบาท ลดลง 21.55% (YoY) และกำไรสุทธิ 752 ล้านบาท ลดลง 63.85% (YoY)

ทั้งนี้ ด้านรายได้ตกมาเป็นลำดับที่ 5 ของกลุ่มอสังหา และกำไรสุทธิอยู่ที่อันดับ 10 ของกลุ่มอสังหา “จากช่วงพีก ๆ เคยติด Top 3”

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาพฤกษา พยายามปรับแผนหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านเศรษฐกิจ บาลานซ์พอร์ตที่อยู่อาศัยเน้นบ้านระดับบนมากขึ้น โดยกลุ่มบน (ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป) มีสัดส่วน 30% กลุ่มกลาง (ราคา 3-10 ล้านบาท) สัดส่วน 40% และกลุ่มล่าง (ต่ำกว่า 3 ล้านบาท) สัดส่วน 30%

คงต้องรอดูว่าแผนการจัดทัพครั้งนี้ จะทำให้พฤกษากลับมาผงาดอีกครั้งได้หรือไม่!

]]>
1505379
จุดเปลี่ยน! ซีอีโอพฤกษา จากมือปืนรับจ้าง สู่ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” เจ้าของตำนาน บุกเบิกบริษัท https://positioningmag.com/1503932 Wed, 18 Dec 2024 06:26:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1503932 ล้วงลึกปม พฤกษา ดึง ”ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์“ เจ้าของตำนานเจ้าพ่อทาวน์เฮ้าส์ กลับขึ้นตำแหน่งซีอีโอ ส่งท้ายปี 67

การกลับมาของ “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์“ ผู้ก่อตั้ง และผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง กลับมานั่งตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในองค์กรอีกระลอก

หลังก่อนหน้านี้เมื่อปี 2565 บอสใหญ่ประกาศวางมือ และเร่งแผนเตรียมความพร้อมองค์กร สืบทอดตำแหน่งให้กับ “มืออาชีพ” ตัวจริง

โดยเขาเลือกส่งไม้ต่อให้แก่ อุเทน โลหชิตพิทักษ์ ที่แม้ไม่ใช่ลูกหม้อพฤกษา แต่มีประวัติโชกโชนในวงการอสังหาริมทรัพย์ จากเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นมือลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มารับตำแหน่งซีอีโอกลุ่มฯ

อุเทน โลหชิตพิทักษ์

เจาะลึกการบริหารของอุเทน มุ่งเน้นขยายพอร์ตฯ สร้างรายได้ประจำ ผ่านการลงทุนธุรกิจใหม่ อาทิ การลงทุน ”สตาร์ทอัพ“ ที่ใช้งบลงทุนสูงถึง 3,500 ล้านบาท

และการลงทุน กลุ่มอีคอมเมิร์ซ“ ซึ่งดูเหมือนจะช้าไปสักนิดสำหรับการเข้ามาลงเล่นในตลาดที่มีรายใหญ่ห้ำหั่นกันอย่างเต็มกำลัง

โดยรายได้ในส่วนนี้ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 ทำได้เพียง 1,077 ล้านบาท ลดลง 32.1% (YoY)

ซ้ำร้ายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งโปรดักส์พฤกษาที่ผ่านมา มีกลุ่มกลาง-ล่างเป็นฐานใหญ่

สะท้อนจากรายได้ธุรกิจอสังหาของพฤกษาฯ ในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 อยู่ที่ 12,930 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 16,985 ล้านบาท หากจำแนกแยกประเภทที่อยู่อาศัย พบว่า “ลดลงทุกกลุ่ม” ยกเว้นกลุ่มการขายที่ดิน

  • กลุ่มทาวน์เฮ้าส์ รายได้ 4,412 ล้านบาท ลดลง 33% (YoY)
  • กลุ่มบ้านเดี่ยว รายได้ 3,360 ล้านบาท ลดลง 21% (YoY)
  • กลุ่มคอนโดมิเนียม รายได้ 2,744 ล้านบาท ลดลง 54.4% (YoY)
  • รายได้ขายที่ดิน รายได้ 2,413 ล้านบาท เติบโต 1,749% (YoY)

ส่วนธุรกิจที่แนวโน้มบวกสุด คือ กลุ่มโรงพยาบาล ที่ทำรายได้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ไปได้ 1,600 ล้านบาท โต 20% (YoY) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ถูกปลุกปั้นตั้งแต่ยุค “ทองมา” และค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และตามเทรนด์สุขภาพ

ส่งผลให้ผลประกอบการ “พฤกษา” ในยุค “อุเทน” ไม่เข้าเป้า และเติบโตขึ้นเท่าใดนัก

  • ช่วง 9 เดือนแรก ปี 2567 รายได้รวม 15,607 ล้านบาท ลดลง 21.6% (YoY) และกำไรสุทธิ 752 ล้านบาท ลดลง 63% (YoY)
  • ปี 2566 รายได้รวม 26,132 ล้านบาท ลดลง 8% (YoY) และกำไรสุทธิ 2,205 ล้านบาท ลดลง 20% (YoY)
  • ปี 2565 รายได้รวม 28,640 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.74% และกำไรสุทธิ 2,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17%

อย่างไรก็ดี “อุเทน โลหชิตพิทักษ์” ไม่ใช่มืออาชีพคนแรกที่เข้ามาบริหารพฤกษา ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2556 ก็เคยคว้า “นายเลอศักดิ์ จุลเทศ” อดีตบิ๊กแบงก์ออมสิน เข้ามาดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ ทำหน้าที่บริหารองค์ในภาพรวม ก่อนจะหมดสัญญากันไป

ต่อมาจึงดึงนักการตลาดมือทองระดับเอเชีย “สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์” อดีตซีอีโอ ยูนิลีเวอร์กรุ๊ป เข้ารับตำแหน่งรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการบริษัท บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็น นักปั้นบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ให้พฤกษาในยุคนั้น

เลอศักดิ์ จุลเทศ (ซ้าย) และ สุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ (ขวา) อดีตผู้บริหารพฤกษา

ก่อนที่สุพัตราจะประกาศลาออก และ “ปิยะ ประยงค์” ลูกหม้อพฤกษาที่อยู่ตั้งแต่บุกเบิกบริษัทฯ เข้ามารับตำแหน่งคุมงานส่วนที่อยู่อาศัยทั้งหมดแทน

คงต้องรอดูว่า แผนนำ “ทองมา” ผู้ก่อตั้ง และสร้างตำนานความยิ่งใหญ่ให้กับพฤกษา กลับมาคุมบังเหียนเอง จะทำให้พฤกษาเติบโต และก้าวไปในทิศทางไหน!

]]>
1503932
พาชม “คอนโดอารมณ์ทาวน์เฮาส์” ที่อยู่อาศัยฉีกแนวใหม่ในโครงการ “บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น – ซ.เวิร์คพอยท์” https://positioningmag.com/1475471 Tue, 28 May 2024 15:01:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1475471 ราคาที่ดินที่แพงขึ้นทุกวันในกรุงเทพฯ ทำให้การหา “ทาวน์เฮาส์” มือหนึ่งในราคาล้านต้นๆ นั้นหาได้ยากมาก ทำให้ “พฤกษา” คิดหาทางออกเพื่อแก้โจทย์ “บ้านแพง” ด้วยโปรดักส์แนวคิดใหม่ “คอนโดอารมณ์ทาวน์เฮาส์” ลูกผสมของสองรูปแบบที่อยู่อาศัย พื้นที่ใช้สอยกว้างกว่าคอนโดฯ แต่ทำราคาต่ำกว่าทาวน์เฮาส์ในทำเลเดียวกัน 30% ! ประเดิมโครงการแรกที่ “บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น ซ.เวิร์คพอยท์”

Positioning มีโอกาสไปเยี่ยมชมโครงการ “บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น – ซ.เวิร์คพอยท์” ของค่ายพฤกษา ซึ่งเป็นโครงการทดลองที่น่าสนใจ เพราะพยายามจะแก้โจทย์ที่ดินแพง บ้านแพง ทำโปรดักส์แนวใหม่ออกมาเพื่อให้แพ็กเกจราคาอยู่ในช่วงที่คนไทยจับต้องได้ง่ายขึ้นคือกลุ่มราคา “ล้านต้นๆ” ขณะเดียวกันก็ยังได้พื้นที่ใช้สอยกว้างพอที่จะอยู่เป็นครอบครัวขนาดเล็กได้

โครงการนี้ทางพฤกษาคาดว่าน่าจะเป็น “ครั้งแรกในไทย” แต่เป็นแนวคิดเดียวกับที่เคยมีแล้วในประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ สองประเทศที่ประสบปัญหาที่ดินแพงมาก่อนเมืองไทย โครงการ “คอนโดอารมณ์ทาวน์เฮาส์” จะเป็นอย่างไร เราจะพาไปเจาะลึกกันต่อด้านล่าง

 

“คอนโดฯ” ที่หน้าตาเหมือน “ทาวน์เฮาส์”

การจะแก้โจทย์นี้ต้องย้อนไปดูกฎหมายจัดสรรที่ดินของไทย เนื่องจากกฎหมายไทยกำหนดให้ “ทาวน์เฮาส์” ต้องมีขนาดที่ดินไม่ต่ำกว่า 16 ตารางวา ทำให้การลดขนาดทาวน์เฮาส์จนเหลือเล็กจิ๋วเพื่อทำราคานั้นเป็นไปไม่ได้

ทางออกของพฤกษาจึงเป็นการสร้าง “คอนโดฯ” ที่หน้าตาเหมือนทาวน์เฮาส์แทน

บ้านกรีนเฮ้าส์
ด้านหน้าทางเข้าห้องชุดแต่ละยูนิตจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน

เมื่อมองไปเผินๆ จึงทำให้โครงการบ้านกรีนเฮ้าส์หน้าตาเหมือนกับทาวน์เฮาส์ เพราะเป็นบ้านแถวเรียงเข้าไปในแนวลึก หันหน้าเข้าหากัน และแต่ละยูนิตมีชั้น 1 กับชั้น 2 ทุกครอบครัวจะได้อยู่ติดผืนดินทั้งหมด

แบบบ้านนั้นเท่ากันทั้งหมดคือเป็น ห้องชุดพื้นที่ใช้สอย 53 ตารางเมตร เป็นห้องชุด 2 ชั้น หน้ากว้าง 5 เมตร ลึก 6.5 เมตร ฟังก์ชันมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น-ห้องทานอาหาร และ 1 ห้องครัว

บ้านกรีนเฮ้าส์
เข้าไปด้านในจะให้อารมณ์ทาวน์เฮาส์ มีโซนนั่งเล่น ทานข้าว และมีบันไดขึ้นชั้น 2

ที่ต่างจากทาวน์เฮาส์คือ ไม่มีรั้ว ไม่มีระยะร่นหน้าบ้านไว้สำหรับจอดรถ ประตูเข้าบ้านเป็นกระจกบานเลื่อน ไม่มีบริเวณซักล้างหลังบ้าน จึงไม่มีทางออกหลังบ้านเช่นกัน

ส่วนในบ้านให้อารมณ์ทาวน์เฮาส์จริง เพราะเปิดเข้ามาจะพบกับโซนห้องนั่งเล่น ถัดไปเป็นโต๊ะทานอาหาร แต่ห้องครัวจะมาอยู่ฝั่งหน้าบ้านแทน สามารถเปิดบานเกล็ดระบายอากาศระหว่างทำครัวได้

ห้องครัวจะอยู่ฝั่งหน้าบ้าน ติดทางเดินด้านนอก
บ้านกรีนเฮ้าส์
ห้องนอนมาสเตอร์บนชั้น 2 สังเกตว่าระยะมองเห็นจะใกล้กับฝั่งตรงข้ามบ้านพอสมควร

ขณะที่บนชั้น 2 จะเป็นห้องนอน 2 ห้อง ห้องมาสเตอร์วางเตียงควีนไซส์ได้ ห้องเล็กเหมาะเป็นห้องเด็กวางเตียง 3.5 ฟุต ห้องน้ำของบ้านหลังนี้จะไม่มีแยกโซนเปียก-แห้ง แต่อาจจะติดม่านกันน้ำทีหลัง

ห้องนอนรอง วางเตียง 3.5 ฟุตได้

 

ใช้ที่จอดรถรวมและส่วนกลางเหมือน “คอนโดฯ”

จุดสำคัญมากของโครงการบ้านกรีนเฮ้าส์คือใช้ระบบพื้นที่ส่วนกลางแบบเดียวกับคอนโดฯ นั่นหมายความว่า “ที่จอดรถ” ถูกนำไปรวมกันที่ลานจอดรถส่วนกลาง ทุกยูนิตจะได้สิทธิจอดรถ 1 คัน (*ที่จอดรถพอดีจำนวนยูนิต สัดส่วน 100%)

ที่จอดรถ จะอยู่แยกออกมาเป็นลานจอดรวม มีสิทธิจอดยูนิตละ 1 คัน

ส่วนหน้าบ้านจะเห็นว่าถนนไม่ใช่ถนนรถวิ่ง แต่เป็นทางเดินกว้างประมาณ 4 เมตร ทางเดินตรงนี้ถือว่าเป็น “พื้นที่ส่วนกลาง” ที่นิติบุคคลจะคอยดูแลกฎและความสะอาดให้ โดยห้ามไม่ให้นำรถทุกชนิดเข้ามา (รวมถึงมอเตอร์ไซค์และจักรยาน) เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย

สังเกตว่าทางเดินนี้มีการปลูกต้นไม้ไว้ตรงกลาง และมีกระบะปลูกต้นไม้หน้าบ้านทุกหลัง ซึ่งถือเป็นส่วนกลางเช่นกัน โดยนิติบุคคลจะสนับสนุนการปลูกพืชผักสวนครัว เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้สอยประโยชน์ร่วมกัน เก็บพืชผักไปทำอาหารได้

ตรงกลางระหว่างแถวห้องชุด จะเป็นทางเดินคนเท่านั้น ห้ามรถทุกชนิดเข้า

นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยจะใช้แนวคิดเดียวกับคอนโดฯ คือกรณีไรเดอร์ส่งอาหารหรือขนส่งพัสดุ จะต้องจอดส่งไว้ด้านหน้าประตูรั้วโครงการ ไม่สามารถเข้าไปส่งถึงหน้าบ้านได้ เสมือนคอนโดฯ ทั่วไปที่ต้องฝากไว้กับห้องนิติบุคคลหรือจุดที่จัดไว้เฉพาะ

ทางเข้าโครงการ กรณีไรเดอร์มาส่งอาหารหรือพัสดุต้องฝากไว้ที่ป้อมนิติบุคคลด้านซ้ายมือ

 

ลดราคาได้ต่ำกว่าทาวน์เฮาส์ปกติ 30%

รวมทั้งโครงการ “บ้านกรีนเฮ้าส์ รังสิต สเตชั่น – ซ.เวิร์คพอยท์” เฟสแรกมี 48 ยูนิต ราคาเริ่ม 1.39 ล้านบาทต่อยูนิต

หากเทียบกับโครงการทาวน์เฮาส์ปกติที่อยู่ติดกันของพฤกษาคือ “พฤกษาวิลล์ รังสิต สเตชั่น – ซ.เวิร์คพอยท์” ซึ่งปัจจุบันขายในราคาเริ่ม 2 ล้านบาท เท่ากับโมเดลแบบบ้านกรีนเฮ้าส์สามารถลดราคาลงมาได้ 30%

บ้านกรีนเฮ้าส์

ทางเซลส์ดูแลโครงการของพฤกษาให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นหลังจากเปิดขายได้รับการตอบรับดี มียอดจองไปแล้ว 40 ยูนิต ส่วนใหญ่แล้วเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อาศัยอยู่ 2 คน และมองว่าที่อยู่อาศัยลักษณะนี้ตอบโจทย์กว่าทาวน์เฮาส์เพราะพื้นที่ใช้สอยกำลังพอดี ใช้เวลาทำความสะอาดน้อยลง แต่ก็ยังกว้างพอที่จะมีสเปซในการใช้ชีวิต

ขณะนี้พฤกษายังไม่มีแผนจะขยายไปยังทำเลอื่น แต่ในทำเลเดียวกันนี้ยังมีพื้นที่ที่จะขยายเฟส 2-3 ได้อีกประมาณ 80 ยูนิต หากผลตอบรับเฟสแรกขายหมด

ถือเป็นโมเดลโครงการที่อยู่อาศัยโปรดักส์ใหม่ที่ทำให้ราคาลดลงจากทาวน์เฮาส์ปกติ แต่ยังได้พื้นที่ใช้สอยกว้างพอสมควรสำหรับคน 2-3 คน เหลือเพียงใช้เวลาศึกษาเมื่อลูกบ้านเริ่มย้ายเข้าอยู่จริงว่าวิธีอยู่อาศัยแบบนี้คนไทยจะเข้าใจหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นไปด้วยดี เราอาจจะได้เห็นโมเดลแบบนี้แพร่หลายมากขึ้นก็เป็นได้

]]>
1475471
ส่องโมเดล “ถนนหอการค้าไทย” จาก “เพอร์เฟค” ตัดถนนเปลี่ยนทำเล ดึง 8 อสังหาฯ ชื่อดังร่วมสร้างเมืองใหม่ https://positioningmag.com/1475036 Fri, 24 May 2024 12:17:09 +0000 https://positioningmag.com/?p=1475036 “เพอร์เฟค” โชว์เคสโมเดลธุรกิจบน “ถนนหอการค้าไทย” ถนนส่วนบุคคลความยาว 4 กิโลเมตรที่บริษัทลงทุนตัดและดูแลเองเพื่อ “พลิกทำเล” จากที่ดินตาบอดสู่ย่านที่อยู่อาศัย 1,300 ไร่ พร้อมดึงอสังหาฯ ชื่อดังรวม 8 ค่ายซื้อที่ดินจับมือลงทุนสร้างเมืองใหม่ไปด้วยกัน

“ถนนหอการค้าไทย” จ.นนทบุรี เป็นถนนใหม่ที่เพิ่งตัดเสร็จเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถนนเส้นนี้มีความยาว 4 กิโลเมตร เชื่อมต่อจากฝั่งถนนชัยพฤกษ์ ทะลุไปออกถนนทางหลวง 345 และเป็นถนนขนาดใหญ่ 6 เลนพร้อมเกาะกลางปลูกต้นไม้ตกแต่ง

ปัจจุบันสองข้างทางถนนเรียงรายด้วยหมู่บ้านสารพัดแบรนด์ เพราะเจ้าของถนนและที่ดินรอบข้างคือ “บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” เป็นผู้เก็บสะสมที่ดิน ลงทุนตัดถนนเอง และดูแลบำรุงรักษาถนน เพื่อพลิกทำเลมาเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย

ถนนหอการค้าไทย
แผนที่ที่ดิน 1,300 ไร่ของเพอร์เฟคและพันธมิตรที่มาร่วมลงทุนซื้อที่ดิน-พัฒนาโครงการ

“วงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต” กรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดเผยว่า บริษัทเริ่มเข้ามาทยอยซื้อที่ดินในย่านนี้มาเกิน 10 ปีแล้ว หลังจากเล็งทำเลแล้วมองว่าที่ดินย่านถนนรัตนาธิเบศร์และถนนแจ้งวัฒนะกำลังจะ ‘เต็ม’ ในไม่ช้า ทำให้เชื่อว่าความเจริญจะขยายข้ามแม่น้ำมาทางสะพานพระราม 4 เข้าสู่ถนนชัยพฤกษ์

ทำให้เพอร์เฟคซุ่มลงทุนซื้อที่ดินตาบอดที่ลึกเข้าไปจากถนนชัยพฤกษ์ซึ่งสมัยนั้นยังเป็นทุ่งนา เมื่อเก็บที่ดินได้รวมกว่า 1,300 ไร่ บริษัทจึงทุ่มทุน 400 ล้านบาทเพื่อตัด “ถนนหอการค้าไทย” พลิกทำเลจากที่ดินตาบอดให้กลายเป็นทำเลที่เข้าออกถนนใหญ่ได้ถึง 2 ทาง โดยถนนนี้สร้างเสร็จปี 2557 และเป็นจุดเริ่มต้นในการชักชวนเพื่อนร่วมวงการมาลงทุน

 

ช่วยกันลงทุนเพื่อให้ทำเล ‘เกิด’ เร็ว

สไตล์การลงทุนของเพอร์เฟคมักจะชอบเก็บที่ดินแปลงใหญ่และแบ่งขายให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าอื่น ไม่ได้ลงทุนเองทั้งหมด แปลงนี้ก็เช่นกัน ปัจจุบันมีอสังหาฯ ทั้งหมด 8 ค่ายที่มาลงทุนหรือจับจองที่ดินอยู่บนถนนหอการค้าไทย ได้แก่ เพอร์เฟค, ฮ่องกงแลนด์, เอสซี แอสเสทฯ, แสนสิริ, พฤกษา, เอพี, พราว เรียล เอสเตท และเซ็นทรัลพัฒนา

พื้นที่นี้มีการพัฒนาโครงการไปแล้ว 920 ไร่ รวมทุกค่าย 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท และทางเพอร์เฟคมีการประเมินว่าถ้าทุกค่ายพัฒนาที่ดินในมือจนครบ 1,300 ไร่ จะมีมูลค่าโครงการบนพื้นที่นี้รวมกว่า 50,000 ล้านบาท และจะทำให้มีครอบครัวเข้ามาอาศัยในบริเวณนี้กว่า 4,600 หลังคาเรือน!

ถนนหอการค้าไทย
จำแนกที่ดินในพื้นที่ถนนหอการค้าไทย

วงศกรณ์อธิบายว่า ที่ตัดสินใจปล่อยขายให้อสังหาฯ เจ้าอื่นด้วย เพราะการมีหลายบริษัทมาพัฒนาโครงการพร้อมกัน จะทำให้ทำเล ‘เกิด’ เร็วกว่ามีบริษัทเดียว ด้วยการช่วยกันโปรโมตทำการตลาดจะทำให้คนรู้จักถนนหอการค้าไทยเร็วขึ้น และลูกค้าก็จะมีทางเลือกมากขึ้น มีบ้านหลายแบบ หลายราคา

ถนนเส้นนี้มีบ้านที่ยังอยู่ระหว่างขายให้เลือกหลายโครงการ เช่น โครงการ “แกรนด์ พลีโน่ แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์” ของค่ายเอพี ซึ่งเป็นบ้านแฝดที่เพิ่งเปิดตัว ราคาเริ่ม 6.09 ล้านบาท ขยับขึ้นมาเป็นบ้านเดี่ยว “เดอะ ปาล์ม แจ้งวัฒนะ-ชัยพฤกษ์” ของค่ายพฤกษา ราคาเริ่ม 8.99 ล้านบาท หรือจะเป็น “บางกอก บูเลอวาร์ด แจ้งวัฒนะ-ราชพฤกษ์” ของค่ายเอสซี แอสเสทฯ ราคาเริ่ม 9.99 ล้านบาท รวมถึงมีระดับคฤหาสน์ในโครงการ “เลค เลเจนด์ แจ้งวัฒนะ” โครงการร่วมทุนของเพอร์เฟคกับฮ่องกงแลนด์ ที่ทำราคาสูงสุดหลังละ 130 ล้านบาท

ส่วนพันธมิตรใหม่ที่เพิ่งเข้ามาอย่าง “พราว เรียล เอสเตท” และ “เซ็นทรัลพัฒนา” จะเข้ามาพัฒนาโครงการแนวราบเช่นกัน แต่ยังอยู่ระหว่างออกแบบว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทใดในระดับราคาไหน

 

“SISB” เพิ่มให้เมืองครบเครื่อง หวังหาพาร์ทเนอร์ทำ “คอมมูนิตี้ มอลล์”

นอกจากการดึงที่อยู่อาศัยหลากหลายแบรนด์แล้ว ชุมชนบนถนนหอการค้าไทยยังมีการดึง “โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ (SISB) นนทบุรี” เข้ามาอยู่บนถนนเส้นนี้ด้วย ซึ่งทำให้มีตัวเลือกด้านการศึกษาให้กับบุตรหลาน

ถนนหอการค้าไทย
ถนนหอการค้าไทย

ส่วนพื้นที่รีเทลนั้น บริเวณรอบๆ ถนนหอการค้าไทยมีการเปิดศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2557 ไม่ว่าจะเป็น “เดอะ คริสตัล พีทีที ชัยพฤกษ์” “โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์” หรือ “โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์”

แต่ภายบนถนนหอการค้าไทยเองยังไม่มีคอมมูนิตี้ มอลล์ จะมีเฉพาะโลตัสและอาคารพาณิชย์ ซึ่งทางวงศกรณ์กล่าวว่าบริษัทยังมีพื้นที่ที่กันไว้สำหรับพัฒนาคอมมูนิตี้ มอลล์ได้ อยู่ระหว่างเจรจาหาพันธมิตรที่สนใจลงทุน

สรุปรวมที่ดินบนถนนหอการค้าไทยยังเหลือแปลงที่ดินว่างอีก 386 ไร่จาก 1,300 ไร่ (*ไม่รวมแปลงของ ม.หอการค้าไทยที่มี 215 ไร่) ทั้งหมดนี้กระจายอยู่ในมือพันธมิตรทั้ง 8 บริษัท โดยวงศกรณ์คาดว่าน่าจะใช้เวลาอีก 5 ปีกว่าที่จะพัฒนาหมด และจะทำให้ชุมชนนี้สมบูรณ์และคึกคักยิ่งกว่าวันนี้

]]>
1475036