พอดคาสต์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 27 Sep 2023 06:05:52 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “Spotify” เปิดฟีเจอร์ใหม่ใช้ AI เลียนเสียงนักจัด “พอดคาสต์” เพื่อแปลงรายการเป็นภาษาอื่น https://positioningmag.com/1445638 Tue, 26 Sep 2023 12:21:49 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445638 สตรีมมิ่งเจ้าดัง “Spotify” ประกาศเปิดใช้ฟีเจอร์ใหม่ ใช้ AI เลียนเสียงพิธีกรรายการ “พอดคาสต์” เพื่อใช้เสียงสังเคราะห์ของพิธีกรในการแปลรายการเป็นภาษาอื่น ทำให้เข้าถึงผู้ฟังได้กว้างขึ้น โดยจะเริ่มจากการแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาสเปน เยอรมัน และฝรั่งเศส

Spotify ระบุว่า ฟีเจอร์นี้ใช้เทคโนโลยีของ OpenAI (บริษัทเจ้าของ ChatGPT) ซึ่งสามารถ “เลียนเสียง” ได้ผ่านการฟังผู้พูดเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้ Spotify เลือกนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับการแปลพอดคาสต์ พร้อมกับเลียนเสียงของนักจัดพอดคาสต์ด้วย เพื่อให้ผู้ฟังยังสัมผัสได้ถึงลักษณะเฉพาะและธรรมชาติของพิธีกรรายการ

เบื้องต้นบริษัทจะทดลองฟีเจอร์นี้กับนักจัดพอดคาสต์จำนวนหนึ่ง เช่น Dax Shepard, Monica Padman, Lex Fridman,  Steven Bartlett และ Bill Simmons และจะมีการแปลทั้งตอนที่จัดไปแล้วและตอนใหม่

Spotify แจ้งว่า จะมีการแปลพอดคาสต์ภาษาอังกฤษเหล่านี้เป็นภาษาสเปน เยอรมัน และฝรั่งเศส โดยเลือก 3 ภาษานี้เพราะเป็นภาษาที่มีคนฟังพอดคาสต์มากที่สุด หากไม่นับภาษาอังกฤษ

ฟีเจอร์ฟังพอดคาสต์เวอร์ชันแปลและเลียนเสียงโดย AI จะเปิดฟังได้ทั้งสมาชิกที่ใช้งานฟรีและชำระเงิน

Spotify ขอสงวนไม่แจ้งมูลค่าการลงทุนกับฟีเจอร์นี้ แต่โปรเจกต์นี้จะเป็นโปรเจกต์ใหญ่ จะมีการนำไปใช้บริการนักจัดพอดคาสต์ทั่วโลก

ที่มา: CNBC

 

เพิ่มเติม:
Dax Shepard และ Monica Padman จัดรายการพอดคาสต์ชื่อ Armchair Expert เป็นรายการสัมภาษณ์คนดัง นักข่าว และนักวิชาการ
Lex Fridman เริ่มต้นจัดรายการพอดคาสต์เกี่ยวกับ AI ก่อนจะผันตัวมาทำรายการสัมภาษณ์คนดังทุกแขนง ตั้งแต่นักร้อง นักการเมือง จนถึงนักธุรกิจ
Steven Bartlett ผู้ประกอบการที่ผันตัวมาทำพอดคาสต์รายการชื่อ The Diary of a CEO สัมภาษณ์นักธุรกิจ ในปี 2021 รายการนี้เป็นพอดคาสต์เกี่ยวกับธุรกิจที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในทวีปยุโรป
Bill Simmons เจ้าของเว็บไซต์ The Ringer รายการพอดคาสต์ของเขาเติบโตมาจากการพูดคุยเกี่ยวกับวงการกีฬา

]]>
1445638
ปรับโครงสร้างอีก! “Spotify” เลย์ออฟพนักงานเพิ่ม 200 คนในแผนก “พอดคาสต์” https://positioningmag.com/1433253 Tue, 06 Jun 2023 11:53:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1433253 เพียงไม่กี่เดือนหลัง Spotify ประกาศปรับโครงสร้างเลย์ออฟพนักงานไปในรอบก่อน รอบนี้จะมีการปลดพนักงานอีกครั้งจำนวน 200 คน โดยปลดเฉพาะในแผนก “พอดคาสต์”

Sahar Elhabashi หัวหน้าแผนกพอดคาสต์ของ Spotify ส่งแจ้งเตือนภายในบริษัทว่า บริษัทกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลให้ต้องปลดพนักงาน 2% ของบริษัท หรือคิดเป็นจำนวน 200 ตำแหน่ง โดยขณะที่มีการแจ้งเตือนนี้ พนักงานที่ได้รับผลกระทบจะได้รับจดหมายแจ้งให้ติดต่อแผนกบุคคลเรียบร้อยแล้ว

“เรากำลังพยายามขยายความเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตพอดคาสต์ชั้นนำทั่วโลก โดยจะมีการดูแลพัฒนาแต่ละรายการและครีเอเตอร์แต่ละคนอย่างใกล้ชิด โครงสร้างพื้นฐานเช่นนี้จะทำให้เราสนับสนุนชุมชนครีเอเตอร์ได้ดีขึ้น” Elhabashi เขียนในแจ้งเตือน

“อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นจะต้องมีการปรับเปลี่ยน ในหลายเดือนที่ผ่านมา คณะผู้บริหารของเราทำงานร่วมกับฝ่ายบุคคลเพื่อปรับโครงสร้างองค์กรสำหรับนโยบายที่จะทำต่อจากนี้ ผลจากการปรับเปลี่ยน ทำให้เราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญอย่างยากยิ่งในการปรับทีมและลดตำแหน่งในแผนกพอดคาสต์ทั่วโลกประมาณ 200 ตำแหน่ง หรือประมาณ 2% ของจำนวนพนักงานทั้งบริษัท”

Spotify สัญญาว่าพนักงานที่ได้รับผลกระทบถูกเลย์ออฟทั้งหมด จะได้แพ็กเกจชดเชยการให้ออกที่เหมาะสม และได้รับการสนับสนุนการช่วยหางานใหม่

ย้อนไปเมื่อปี 2019 แอปพลิเคชันแห่งนี้เคยเสี่ยงครั้งใหญ่ในการลงทุนกับ “พอดคาสต์” โดยเน้นเรื่องการดึงเอ๊กซ์คลูซีฟคอนเทนต์มาลงในแอปฯ ในปีนั้นบริษัทเข้าซื้อกิจการเครือข่ายพอดคาสต์ชื่อดังคือ Parcast และ Gimlet Media โดยใช้เม็ดเงินเทกโอเวอร์ 56 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,900 ล้านบาท) และ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6,900 ล้านบาท) ตามลำดับ ถือเป็นการลงทุนที่สูงมากสำหรับ Spotify

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Spotify ดูจะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านการทำออริจินอล คอนเทนต์ที่ลงเฉพาะในแอปฯ ตนเองแล้ว โดยมีการรวบบริษัททั้ง Parcast และ Gimlet เข้ามารวมกับ Spotify Studios ไปเลย บางรายการที่เป็นที่นิยมจะยังได้รับการสนับสนุนให้ไปต่อ แต่มี 11 รายการที่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปีที่แล้ว และทำให้พนักงานแผนกพอดคาสต์ถูกเลย์ออฟไปแล้ว 5% ของแผนก

จากการประกาศเลย์ออฟ ทำให้บริษัทแย้มข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับแผนกพอดคาสต์ว่า ปัจจุบันมีผู้ฟังพอดคาสต์บน Spotify กว่า 100 ล้านคนทั่วโลก โดยมีรายการอยู่บนแอปฯ มากกว่า 5 ล้านรายการ รวมถึงรายได้จากโฆษณาบนพอดคาสต์เติบโตได้แบบ “ดับเบิลดิจิต” ในช่วงระหว่างปี 2021-2022

Elhabashi บอกว่า เป้าหมายต่อไปของแผนกพอดคาสต์คือต้องการจะสร้างคุณค่าให้กับครีเอเตอร์ (และผู้ฟัง) ได้มากขึ้น และจะต้องเริ่มจากการสร้างฐานผู้ฟังขนาดใหญ่ มีการบริโภคคอนเทนต์พอดคาสต์ให้มากที่สุดที่ทำได้ ด้วยการสร้างนวัตกรรมรูปแบบใหม่ รวมถึงทำให้ครีเอเตอร์ประสบความสำเร็จให้มากกว่านี้

Source

]]>
1433253
ในที่สุด! Twitter เปิดฟังก์ชัน “พอดคาสต์” แล้ว เปิดทางให้ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์ได้มากขึ้น https://positioningmag.com/1397795 Fri, 26 Aug 2022 13:09:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397795 Twitter ประกาศวันนี้ (26 สิงหาคม 2022) ว่าแพลตฟอร์มเริ่มเปิดระบบ “พอดคาสต์” แล้ว ฟังก์ชันนี้อยู่ในหมวดเดียวกับ Spaces ที่ใช้จัดรายการเสียงสด หลังจากนี้ครีเอเตอร์เสียงทุกคนสามารถอัดการจัดรายการสดไว้ได้ เพื่อเก็บเป็นพอดคาสต์ให้ผู้ติดตามเข้าฟังย้อนหลัง

การรีดีไซน์ใหม่บน Twitter จะแยกหมวดย่อยในฟังก์ชัน Spaces ออกเป็น 3 หมวด ได้แก่

  • Stations – แหล่งรวมรายการสดและพอดคาสต์โดยแยกตามหัวข้อต่างๆ เช่น ข่าวสาร, เพลง, กีฬา
  • Spaces Spotlight – ลิสต์รวมรายการสดหรือพอดคาสต์ที่คัดเลือกให้ว่ามีความน่าสนใจ คัดเลือกตามความสนใจของผู้ใช้และคนที่ผู้ใช้เลือกติดตาม รวมถึงรายการยอดนิยมจากทั่วโลก (ผู้ใช้สามารถกด ‘ยกนิ้วให้’ หรือกด ‘ยกนิ้วลง’ ให้กับคอนเทนต์ต่างๆ ที่แสดงได้ด้วย เพื่อให้ระบบเข้าใจว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร)
  • Upcoming Spaces – ลิสต์รวมรายการสดที่กำลังจะจัดขึ้น ตามตารางของครีเอเตอร์

การประกาศวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใด เพราะ Twitter ซุ่มทดลองระบบพอดคาสต์มาแล้วหลายเดือน อย่างไรก็ตาม การทดลองทำให้เข้าใจกันว่าแพลตฟอร์มจะเปิดปุ่มหรือฟังก์ชันเฉพาะของพอดคาสต์แยกจาก Spaces แต่สุดท้ายแล้วแพลตฟอร์มเลือกที่จะใส่เข้าไปรวมในที่เดียวกัน

“การรวมพอดคาสต์เข้าไปใน Spaces พื้นที่ที่บทสนทนาเสียงเกิดขึ้นบน Twitter เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของเราในการลงทุนอย่างต่อเนื่องกับครีเอเตอร์เสียงบนแพลตฟอร์ม” Twitter กล่าวในแถลงผ่านบล็อกโพสต์

Twitter บอกด้วยว่า จากงานวิจัยภายในของบริษัทพบว่า 45% ของคนอเมริกันที่ใช้ Twitter จะฟังพอดคาสต์เป็นประจำทุกเดือน ทำให้บริษัทเชื่อว่าแผนการเพิ่มพอดคาสต์เข้าไปจะทำให้ผู้ใช้ได้เสพคอนเทนต์ใหม่ๆ จากหัวข้อที่พวกเขาสนใจอยู่แล้วบน Twitter

ขณะนี้ระบบพอดคาสต์เริ่มทยอยเปิดตัวแล้วบนมือถือทั้งระบบ iOS และ Android สำหรับผู้ใช้แอปพลิเคชันภาษาอังกฤษก่อน ส่วนการเปิดระบบบนเดสก์ท็อปจะมาเมื่อไหร่นั้น ยังไม่มีกำหนดการ

การเริ่มก้าวเข้าสู่วงการ “พอดคาสต์” ของ Twitter นั้น สวนทางกับ Facebook ในเครือ Meta เพราะ Facebook เพิ่งจะปิดบริการพอดคาสต์ไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยระบบพอดคาสต์บน Facebook ให้บริการไม่ถึงปีดีด้วยซ้ำ รวมถึงปิดบริการฟีเจอร์คลิปเสียงสั้น Soundbites และ Audio Hub ไปด้วย เพราะ Meta ต้องการจะมุ่งเน้นกับโครงการวิดีโอคลิปสั้นเพื่อสู้กับ TikTok มากกว่า

เมื่อ Meta ถอนตัวจากวงการนี้ไปแล้ว ดังนั้น หาก Twitter สามารถปั้นพอดคาสต์บนแพลตฟอร์มของตัวเองให้ติดตลาดได้สำเร็จ แอปฯ นี้จะเป็นผู้นำเทรนด์ในกลุ่มโซเชียลมีเดียสำหรับกลุ่มครีเอเตอร์เสียง

ในขณะเดียวกัน สำนักข่าว TechCrunch ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า ที่ผ่านมาการดูแลควบคุมคอนเทนต์บน Spaces ของ Twitter นั้นทำได้ไม่ดีเลย

จากการออกมา ‘แฉ’ ของ Peiter “Mudge” Zatko อดีตหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Twitter บอกว่า ผู้บริหารบริษัทเคยบอกกับพนักงานและบอร์ดบริหารเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ว่าฟีเจอร์นี้สามารถควบคุมได้อย่างเหมาะสม ทั้งที่ความจริงแล้วเขาพบว่า “ครึ่งหนึ่งของคอนเทนต์บน Spaces ที่ถูกติดธงแดงเรื่องภาษาเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบนั้น ปรากฏว่าใช้ภาษาที่เจ้าหน้าที่บริษัทพูดไม่ได้ ทำให้ไม่มีการควบคุมคอนเทนต์เหล่านั้น”

Source

]]>
1397795
กลยุทธ์การบุก “พอดคาสต์” ของ Spotify กำลังไปผิดทางหรือเปล่า? https://positioningmag.com/1314559 Fri, 15 Jan 2021 16:35:15 +0000 https://positioningmag.com/?p=1314559 Citi เตือนการลงทุนของ Spotify ในกลุ่มคอนเทนต์ “พอดคาสต์” ว่าอาจจะกำลังไปผิดทางและไม่ได้ผลอย่างที่คิด หลังจากบริษัททุ่มทุนรวมไปมากกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อจะเป็นเจ้าตลาดพอดคาสต์ โดยเชื่อว่าคอนเทนต์กลุ่มนี้จะช่วยดึงให้สมาชิกสมัครระบบพรีเมียมเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ผ่านมาแล้วเกือบ 2 ปีก็เหมือนจะยังไม่เกิดผล

Citi ร่อนบทวิเคราะห์ให้ลูกค้านักลงทุนเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2021 ถึงกลยุทธ์ของ Spotify ที่ทุ่มลงทุนซื้อบริษัทผลิตคอนเทนต์พอดคาสต์ไปหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐมาตั้งแต่ปี 2019 ว่าอาจจะไม่ได้ผล

“แนวโน้มกำไรจากการสมัครสมาชิกประเภทพรีเมียม (ช่วงไตรมาส 3/2020) และยอดดาวน์โหลดแอปฯ (ช่วงไตรมาส 4/2020) ไม่ได้แสดงให้เห็นประโยชน์อย่างชัดเจนจากการลงทุนในพอดคาสต์ (ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อปี 2019)” บทวิเคราะห์รายงาน และบริษัทยังเคาะ “ขาย” หุ้นตัวนี้จากเดิมที่แนะนำให้ “เก็บ” ทั้งนี้ ราคาหุ้น Spotify ปรับลงมาแล้ว 3.5%

บริษัท Spotify เริ่มทุ่มซื้อกิจการ “พอดคาสต์” ในช่วงต้นปี 2019 เริ่มจากการไล่ซื้อกิจการ Gimlet Media,  Anchor และ Parcast กลุ่มนี้เป็นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตคอนเทนต์พอดคาสต์ โดยใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 396 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากนั้นเข้าซื้อบริษัท The Ringer ซึ่งทำคอนเทนต์ข่าวกีฬาและบันเทิงด้วยเม็ดเงิน 196 ล้านเหรียญ ตามด้วยการซื้อ Megaphone ในราคา 235 ล้านเหรียญ โดยบริษัทนี้จะมาเสริมทัพด้านเทคโนโลยี “โฆษณา” ในพอดคาสต์

สิริรวมการลงทุนในธุรกิจพอดคาสต์ของ Spotify พุ่งไปมากกว่า 800 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ทั้งที่ในปี 2019 บริษัทเพิ่งจะมีกำไร 107 ล้านเหรียญเท่านั้น นี่ยังไม่นับการเข้าเซ็นสัญญา ‘exclusive’ กับคนดังจำนวนมากให้มาลงพอดคาสต์ใน Spotify เพียงแห่งเดียว เช่น คิม คาร์เดเชียน เวสต์, มิเชล โอบามา, เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกน มาร์เคิล ซึ่งคาดกันว่าจะต้องใช้เงินทำสัญญาอีกหลายล้านเหรียญทีเดียว

ตัวอย่างคอนเทนต์ exclusive จาก มิเชล โอบามา อดีตสตรีหมายเลข 1 แห่งสหรัฐฯ

กลยุทธ์แต่ดั้งเดิมของ Spotify ในการกว้านซื้อธุรกิจพอดคาสต์คือ บริษัทมองว่าพอดคาสต์ ‘กำลังมา’ และถ้าบริษัทมีคอนเทนต์ระดับ exclusive แต่เพียงผู้เดียว บริษัทจะมีฐานรายได้โฆษณาที่แข็งแรงขึ้น พร้อมกับการดึงสมาชิกให้
สมัครพรีเมียมได้มากขึ้นด้วย

ครั้งนั้นนักลงทุนพอใจในกลยุทธ์ของบริษัท ทำให้หุ้นราคาพุ่งขึ้น 31.76% ในปี 2019 และยิ่งทะยานขึ้นอีก 110.4% ในปี 2020

เริ่มแรกดูเหมือนกลยุทธ์จะสำเร็จ เพราะมีรายงานจาก Voxnest พบว่า รอบ 5 เดือนแรกของปี 2020 นั้น Spotify วิ่งแซงเป็นผู้นำในตลาดพอดคาสต์ประมาณ 60 ประเทศทั่วโลก แทนที่เจ้าตลาดเดิมคือ Apple Podcasts

แต่ขณะนี้นักวิเคราะห์เริ่มร้อนรนที่จะเห็นความสำเร็จที่แท้จริง นั่นคือ “ตัวเลข” ผลประกอบการที่ดีขึ้น “จนถึงบัดนี้ เรายังไม่เห็นการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดในแง่ของจำนวนสมาชิกพรีเมียมหรือยอดดาวน์โหลดเลย” นักวิเคราะห์จาก Citi เขียนในรายงาน

“เรากังวลว่า ถ้าหากการลงทุนพอดคาสต์ไม่สามารถเปิดเส้นทางใหม่ให้ Spotify เปลี่ยนตัวเองจากการพึ่งพิงเฉพาะคอนเทนต์ดนตรี นักลงทุนตลาดหุ้นน่าจะมีการปรับการตีมูลค่าบริษัทใหม่ และนั่นจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายของ Spotify” Citi กล่าว

Source

]]>
1314559