วันวาเลนไทน์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 14 Feb 2022 06:34:44 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ส่อง 3 กิจกรรมเหล่า ‘คนโสด’ ช่วงวัน ‘วาเลนไทน์’ ที่ปีนี้ยังไงต้องไม่นก! https://positioningmag.com/1373803 Mon, 14 Feb 2022 02:53:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373803 ‘วันวาเลนไทน์’ เป็นอีกหนึ่งเทศกาลที่ผู้คนต่างให้ความสนใจและออกมาแสดงความรักต่อกันในหลากหลายรูปแบบ ฝั่งคู่รักก็ออกมาโพสต์รูปคู่หวานชื่นพร้อมควงคู่กันออกเดต บางคนถูกเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน หรือแม้แต่คนโสดเองก็ออกมาแสดงความคิดเห็นกันว่าเป็นวันทำร้ายจิตใจ ในฝั่งแบรนด์เอง กุมภาพันธ์ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนที่จะสามารถกระตุ้นยอดขายได้ หลายธุรกิจออกมาสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดมาเอาใจทั้ง คู่รักและคนโสด จึงทำให้เกิดกระแสมากมายบนโลกโซเชียล

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้ทำการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 10 มกราคม – 10 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อวิเคราะห์ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ โดยทั้งคนมีคู่ และคนโสดได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากถึง 21,271,853 เอ็นเกจเมนต์ ซึ่งในบทความนี้เราต้องการโฟกัสไปที่ ‘คนโสด’ เราจึงได้ทำการสรุป 3 กิจกรรมยอดฮิต! ของ #วาเลนไทน์คนโสด ในช่วงเทศกาลแห่งความรัก โดยเรียงลำดับตามเอ็นเกจเมนต์ ดังนี้

ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้สมหวังเรื่องความรัก (659,596 เอ็นเกจเมนต์)

เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมซึ่งเป็นเหมือนที่พึ่งทางใจของคนโสด และในยุคโควิดแบบนี้ เราจึงได้เห็นการคลั่งรักสายมูสุดเก๋ล้อไปกับกระแส Metaverse อย่างการ “ไหว้พระตรีมูรติขอพรในโลกเสมือนจริงผ่านร่างอวตาร” ที่จัดขึ้นโดยเซ็นทรัล นอกจากออนไลน์แล้วชาวโซเชียลมีการไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จาก 5 สถานที่ยอดฮิต คือ

1. พระตรีมูรติ ลานเซ็นทรัลเวิลด์

2. พระแม่อุมาเทวี วัดแขก สีลม

3. พระแม่ลักษมี ศูนย์การค้าเกษร

4. ศาลเจ้าแม่ประดู่ ตลาดเก่าเยาวราช

5. ศาลแม่นาคพระโขนง วัดมหาบุศย์

ไม่เพียงแต่การขอพรไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ การดูดวงก็เป็นของคู่กับคนไทยที่เหล่าคนโสดสายมูแห่กันไปเช็กดวงชะตา คู่แท้จะมาตอนไหน อยู่กับราศีไหนจะส่งเสริมกันคบกันแล้วรักปัง นับว่าเป็นอีก 1 กิจกรรมที่ชาวโซเชียลให้ความสนใจไม่น้อยจนถูกแซววัน “ชาวพุทธ ขอพรเทพฮินดู ในวันสำคัญของชาวคริสต์” ไปซะงั้น

ภาพจาก Facebook CentralwOrld

ไม่ขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอใช้เทคโนโลยีแก้หาคู่ (302,077 เอ็นเกจเมนต์)

หนุ่มโสด สาวโสด ขอหาคู่ต่อไม่รอแล้วนะ! เพราะในโลกออนไลน์ การหาคู่ง่ายนั้นขึ้นเพียงแค่หนึ่ง Swipe ผ่านแอปฯ หาคู่ยอดฮิตในดวงใจของชาวโซเชียล 5 อันดับ ได้แก่

1. Tinder

2. Bamble

3. Kooup

4. Happn

5. Omi

โดยนับว่าเป็นอีกปีที่แอปฯหาคู่สร้างสรรค์กิจกรรมแปลกใหม่เอาใจคนโสดอย่าง “Tinder x พระตีมูรติ” แจกชุดไหว้ขอพร แค่โชว์แอปฯ Tinder ที่หน้าลานเซ็นทรัลเวิลด์ คนขอพรเยอะก็เกรงว่าเทพคงจะมีคิวยาว เอาเป็นว่าโหลดแอปฯ หาคู่น่าจะเร็วกว่า เรียกว่าขอพรปุ๊ป เข้าแอปฯ ปั๊ป ปัดสองสามทีก็น่าจะ Match ได้แล้ว เหมาะกับคนยุคใหม่ที่ไม่ยอมเสียเวลารออะไรนาน ๆ

ใช้เงินแก้ปัญหา เช่า-ซื้อ ไปเลย! (99,354 เอ็นเกจเมนต์)

เหล่าคนโสดคงจะเบื่อกับคำถามจากพ่อแม่ ญาติ เพื่อน หรือแม้แต่คนรู้จักว่า “เมื่อไรจะมีแฟน” ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพราะเทรนด์การเช่าแฟนทิพย์กำลังมา เช่น เป็นแฟนเฉย ๆ 500 บาท, เป็นแฟน+ขึ้นสเตตัส+รูปคู่ 2,500 บาท หรือเหมาทั้งวัน 8,500 บาท รวมถึงยังมีการเช่าแฟนทิพย์ในรูปแบบการคุยกับบอทที่ทำให้คนโสดเสียอาการได้ไม่ต่างกับคุยกับคนจริงๆ สำหรับคนโสดที่เพียงแค่อยากหาแค่คนคุยแก้เหงาในช่วงวันวาเลนไทน์ที่แสนน่าเบื่อก็นับว่าเป็นไอเดียบรรเจิดให้ได้ทำคอนเทนต์ อวดแฟน (ทิพย์) กันบนโลกโซเชียล

นอกจากประเด็นกิจกรรมที่คนโสดอยากทำและพูดถึงในช่วงวันวาเลนไทน์แล้ว คนมีคู่ก็พากันแสดงความรักแบบไม่แผ่ว! ทั้งโพสต์รูปคู่ หาของขวัญ หรือหาสถานที่ออกเดต ซึ่งในยุคโควิดหลายคู่แสดงความรักด้วยการห่างกัน หรือบางคู่ให้ของขวัญเป็นหน้ากากอนามัย หลายคนเฝ้าภาวนาขอให้โควิดหมดไปเร็ว ๆ เพื่อให้เทศกาลวันวาเลนไทน์กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ใครที่ยังไม่มีคู่ก็ขอให้พบคู่แท้ในปีนี้นะ ส่วนใครที่มีแล้วก็ขอให้รักหวานชื่นยิ่ง ๆ ขึ้นไปเลยจ้า

]]>
1373803
ที่มา (และการตลาด) ของ 3 สินค้าแห่ง “ความรัก” และ “วาเลนไทน์” https://positioningmag.com/1373654 Fri, 11 Feb 2022 09:58:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373654 “วาเลนไทน์” วันแห่ง “ความรัก” เวียนมาอีกปี กระตุ้นเศรษฐกิจการจับจ่ายซื้อของขวัญให้กับคนรัก โดย 3 สัญลักษณ์แห่งความรักที่นิยมมอบเป็นของขวัญมากที่สุดในโลกสากลคือ ดอกกุหลาบ, ช็อกโกแลต และ แหวนเพชร ทว่า สิ่งของเหล่านี้บางอย่างไม่ได้เป็นธรรมเนียมความเชื่อแต่โบราณ แต่เป็นสินค้าแห่งรักที่ประดิษฐ์ขึ้นผ่าน “การตลาด”

เดือนแห่ง “ความรัก” ทุกอย่างรอบตัวกลายเป็นสีแดงและสีชมพู กระตุ้นให้ผู้บริโภคใช้โอกาสนี้แสดงความรักให้แก่กัน โดยมี 3 ของขวัญสัญลักษณ์แห่ง “วาเลนไทน์” ที่มักจะมอบให้กัน แต่ของขวัญเหล่านี้บางอย่างมีจุดเริ่มต้นเป็นประดิษฐกรรมทางการตลาดที่ส่งผ่านมาหลายสิบปีหรือนับร้อยปี จนสังคมซึมซับและกลายเป็นธรรมเนียมไปในที่สุด

1.ดอกกุหลาบ

ดอกกุหลาบนับได้ว่าเป็นท่ามาตรฐานของการแสดงความรักในธรรมเนียมสากล และยังสามารถแปลความได้หลากหลายผ่านภาษาดอกไม้ เพราะกุหลาบแต่ละสีก็มีความหมายในตัวเองต่างกัน เช่น กุหลาบแดง หมายถึง ฉันรักเธอ แต่หากเป็นกุหลาบเหลือง จะหมายถึงความรักฉันเพื่อน

ทำไมดอกกุหลาบกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งรัก? ที่จริงแล้วการมอบดอกไม้ให้กันเพื่อแสดงความชอบพอมีปรากฏให้เห็นตั้งแต่สมัยกรีก และมีตำนานเกี่ยวกับดอกกุหลาบในตำนานเทพกรีก โดยกล่าวกันว่า ดอกกุหลาบแดงเกิดขึ้นเพราะเทพีอะโฟรไดต์ เทพีแห่งความรัก ถูกหนามแหลมของกุหลาบขาวตำจนหลั่งเลือดหยดลงไปจนกุหลาบกลายเป็นสีแดง

แต่ดอกกุหลาบมาฮิตจริงๆ ก็ในสมัยศตวรรษที่ 18 จากผู้นำเทรนด์คือ “เลดี้แมรี่ เวิร์ตลีย์ มอนทากู” ภรรยาท่านทูตอังกฤษประจำตุรกี เธอได้เรียนรู้ธรรมเนียมการตีความดอกไม้และสิ่งของรอบตัวเป็นสัญลักษณ์ความหมายต่างๆ ของตุรกี และเกิดไอเดียขึ้นว่าการตีความแบบนี้จะช่วยให้ผู้หญิงสื่อความหมายในใจได้แบบอ้อมๆ ผ่านการส่งของขวัญ ท่ามกลางสภาวะสังคมที่ไม่อนุญาตให้สตรีแสดงออกจนเกินงาม

ความรัก
กุหลาบกลายเป็นสัญลักษณ์แห่ง “ความรัก” มาจนปัจจุบัน (ภาพถ่ายโดย Irina Iriser จาก Pexels)

เลดี้มอนทากูเขียนจดหมายหลายฉบับอธิบายการตีความเหล่านี้ส่งกลับบ้านที่อังกฤษ แม้ต่อมาเราจะค้นพบว่าเธอเข้าใจผิด เพราะการแทนสัญลักษณ์สิ่งของสื่อความหมายของตุรกีเป็นการเล่นคำพ้องเสียงเท่านั้น แต่ในยุคนั้นจดหมายของเธอก็ถูกรวมตีพิมพ์และเกิดแพร่หลายขึ้นมา มีผู้รวบรวมและตีพิมพ์หนังสือแปลความ “ภาษาดอกไม้” อีกมาก จนการใช้ดอกไม้รวมถึง “ดอกกุหลาบ” สื่อรักฝังรากลึกในสังคมสำเร็จในช่วงศตวรรษที่ 19 หรืออีกราวร้อยปีต่อมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดอกกุหลาบจะฮิตมากว่า 200 ปี แต่ในช่วง 3-4 ปีมานี้เริ่มมีกระแสที่อาจจะทำให้ความนิยมเสื่อมลง เพราะคนรุ่นใหม่เริ่มมองว่า ดอกกุหลาบออกจะ ‘เฝือ’ เกินไป ใครๆ ก็ให้กัน ทำให้ต้องการดอกไม้อื่นที่แสดงตัวตนได้มากกว่า หรือบางรายอาจจะเลือกของขวัญอย่างอื่นที่อยู่ได้นานกว่า และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมจากยาฆ่าแมลงแบบธุรกิจไม้ตัดดอกด้วย

 

2.ช็อกโกแลต

วาเลนไทน์
(Photo: Shutterstock)

สำหรับสัญลักษณ์ความรักและวาเลนไทน์ชิ้นนี้นับว่าเป็นประดิษฐกรรมอันชาญฉลาดของผู้ผลิตช็อกโกแลต ในปี 1861 เป็นยุคที่ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษคลั่งไคล้ความรักโรแมนติก การส่งการ์ดและของขวัญเป็นที่นิยม และเริ่มมีการฉลองวาเลนไทน์ในเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ทศวรรษ 1840s

ประจวบเหมาะกับที่ “ริชาร์ด แคดบิวรี” สมาชิกตระกูลผู้ผลิตช็อกโกแลตในอังกฤษ คิดค้นวิธีสกัดโกโก้บัตเตอร์ได้ปริมาณมากขึ้น จนมีอุปทานโกโก้บัตเตอร์เหลือขาย เขาจึงมองหาวิธีผลิตสินค้าให้ได้ยอดขายมากขึ้น

วาเลนไทน์
ช็อกโกแลตในกล่องสวยงามสำหรับมอบให้ในวัน “วาเลนไทน์” ยังคงได้รับแรงบันดาลใจมาจนปัจจุบัน (Photo: Shutterstock)

แคดบิวรีออกไอเดียเชื่อมโยงช็อกโกแลตกับการส่งของขวัญแห่งความรักเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยการผลิตช็อกโกแลตจัดตกแต่งในกล่องสวยงามที่ออกแบบเป็นพิเศษ เช่น กล่องรูปหัวใจประดับด้วยรูปคิวปิด กล่องเหล่านี้กลายเป็นของขวัญที่ยืนยาวกว่าช็อกโกแลตสำหรับรับประทาน คู่รักมักเก็บกล่องที่ได้ไว้ใส่สิ่งของแทนรักต่างๆ เช่น จดหมายรัก

ไอเดียการตลาดของแคดบิวรีจึงเป็นที่นิยมเรื่อยมา และแพร่หลายไปถึงสหรัฐอเมริกาที่มีบริษัทอื่นๆ รับไอเดียช็อกโกแลตในกล่องรูปหัวใจไปใช้เช่นกัน จนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เริ่มเสื่อมความนิยมเนื่องจาก “น้ำตาล” ที่ใช้ผลิตช็อกโกแลตเป็นของมีราคาหาซื้อยาก แต่หลังจากเศรษฐกิจฟื้น ช็อกโกแลตก็กลับมาเป็นสัญลักษณ์อีกครั้ง

 

3.แหวนเพชร

ความรัก
(Photo: Shutterstock)

‘A diamond is forever’ เป็นสโลแกนแห่งตำนานสุดยอดการตลาดของ De Beers บริษัทผู้ครองตลาดเพชรเจ้าใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นเบื้องหลังการผลักดันให้ “แหวนเพชร” คือสิ่งที่ “ต้องมี” ในงานแต่งงาน

ราวทศวรรษ 1930-1940s แหวนเพชรไม่ใช่สิ่งที่ต้องมีในการสู่ขอเจ้าสาว มีเจ้าสาวเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่ได้รับแหวนเพชรเป็นของหมั้น และในสหรัฐฯ นั้นฝั่งเจ้าสาวมักจะต้องการสิ่งของที่จำเป็นมาสู่ขอ เช่น บ้าน รถยนต์ หรือกระทั่งเครื่องซักผ้า ส่วนแหวนเพชรนั้นถือกันว่าเป็นของล้าสมัยไปแล้ว อีกทั้งยังถือเป็นของราคาแพงสำหรับคนรวยเท่านั้น

กระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1947 บริษัท De Beers เริ่มคิดแผนการตลาดที่จะทำให้เพชรกลับมาเป็นที่นิยม เป็นสิ่งที่คนต้องขวนขวายหามา โดยการนำเสนอเรื่องราวของ “เพชร” กับ “ความรัก” ให้เพชรเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงแห่งรัก เหมือนกับเพชรที่แข็งแกร่งและทำลายได้ยาก จึงเหมาะกับการเป็นแหวนหมั้นหรือแหวนแต่งงาน โดยมีก๊อบปี้ไรเตอร์ “ฟรานเซส เกียร์ตี้” จากเอเจนซี่ N.W. Ayer คิดสโลแกน ‘A diamond is forever’ ให้

มาริลีน มอนโร ในเรื่อง Gentlemen Prefer Blondes สวมชุดสีชมพูพร้อมเครื่องเพชรเต็มกาย ถือเป็นหนึ่งในภาพจำไอคอนิกของเธอ (Photo: Wikimedia Commons)

De Beers ทำการตลาดคอนเซ็ปต์นี้ผ่านสื่อโฆษณาหลากหลาย รวมถึงผ่าน “ภาพยนตร์ฮอลลีวูด” ที่ถือเป็นแรงส่งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่อง “Gentlemen Prefer Blondes” ที่มี “มาริลีน มอนโร” นำแสดง ตัวเอกในเรื่องเป็นหญิง ‘นักตกทอง’ ที่ต้องการแต่งงานกับคนรวย ในเรื่องเธอร้องเพลงดังที่จะกลายเป็นตำนานอย่าง “Diamonds are a Girl’s Best Friend” ความโด่งดังของหนังเรื่องนี้ในปี 1953 ส่งให้ “เพชร” เป็นป๊อปคัลเจอร์ใหม่ของยุค

นอกจากหนังเรื่องนี้ De Beers และเอเจนซี่ N.W.Ayer ยังจ่ายเงินล็อบบี้ให้ผู้ผลิตและโฆษณาภาพยนตร์ฮอลลีวูดใช้เพชรเป็นเครื่องประดับ และถ่ายทำออกหน้าจอให้มากที่สุดและสวยเห็นชัดที่สุดที่ทำได้ เมื่อผู้บริโภคเห็นดารานักแสดงสวมใส่เพชรมากเข้า ความรู้สึกที่ดีต่อ “เพชร” ก็ก่อตัวแน่นหนาขึ้น ประกอบกับแคมเปญกระตุ้นการใช้ “แหวนเพชร” แสดงความรัก ยิ่งส่งให้การโฆษณาประสบความสำเร็จ

แค่เพียงปี 1959 การให้แหวนเพชรขอหมั้นก็พุ่งขึ้นเป็น 80% และในปี 1979 ยอดขายเพชรของ De Beers ในสหรัฐฯ ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2,100 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นเกือบ 100 เท่าจากที่เคยทำได้เพียง 23 ล้านเหรียญในช่วง 40 ปีก่อนหน้า!

เรียกว่านอกจาก ‘A diamond is forever’ แล้ว สุดยอดการตลาดที่บ่มเพาะอย่างต่อเนื่องก็จะขายได้นิรันดร์เช่นกัน

ที่มา: Time, Reader’s Digest, History.com, Smithsonian Magazine, New York Post, The Eye of Jewelry

]]>
1373654
‘วันวาเลนไทน์’ ยังขลังช่วยดันยอดขาย ‘ช็อกโกแลต’ โต 4.7% https://positioningmag.com/1319414 Mon, 15 Feb 2021 12:12:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319414 เพราะสถานการณ์ COVID-19 ทำให้คู่รักบางคู่ชะลอที่จะพากันไปดินเนอร์ในวันวาเวนไทน์ แต่ถึงจะออกไปหวานกันไม่ได้ ‘ช็อกโกแลต’ ยังคงเป็นของขวัญยอดนิยมที่ขาดไม่ได้เพื่อแสดงถึงความรัก ไม่ใช่แค่กับคู่รักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงครอบครัวและเพื่อนสนิทอีกด้วย

จากข้อมูลที่เปิดเผยโดย National Confectioner’s Association พบว่าสำหรับชาวอเมริกัน 86% วางแผนที่จะซื้อช็อกโกแลตหรือขนมสำหรับวันวาเลนไทน์ของปีนี้ และจากการสำรวจของ National Retail Federation และ Prosper Insights & Analytics พบว่าการใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์นี้คาดว่าจะลดลงเล็กน้อย โดยผู้บริโภคใช้จ่ายโดยเฉลี่ยที่ 165 ดอลลาร์ (ราว 5,000 บาท) สำหรับของขวัญและงานเฉลิมฉลองในปีนี้ ลดลง 32 ดอลลาร์จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากคนส่วนใหญ่อยู่บ้าน

แม้ยอดการใช้จ่ายซื้อของในวันวาเลนไทน์จะลดลง ต่ยอดขายช็อกโกแลตโดยเฉพาะสินค้าพรีเมียมเติบโตขึ้น จากข้อมูลของ Phil DeConto รองประธานฝ่ายการจัดการหมวดหมู่และข้อมูลเชิงลึกผู้บริโภคของ Ferrero ระบุว่า การบริโภคช็อกโกแลตทั้งหมดในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.7% และช็อกโกแลตพรีเมียมเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในวันวาเลนไทน์

“มันอาจจะดูแตกต่างเล็กน้อยในปี 2021 เมื่อเทียบกับปีอื่น ๆ แต่แน่นอนว่าการรับรู้ถึงเพื่อนยังคงมีความหมายอย่างมากในฤดูกาลนี้” Phil DeConto กล่าว

ภาพจาก Facebook Ferro Rocher

Ferrero นั้นเจ้าของแบรนด์เช่น Kinder, Nutella และ Butterfinger แต่ยังมีผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมเช่น Ferrero’s Golden Gallery ด้วยแบรนด์ขนมที่มีความหลากหลายเหล่านี้ ทำให้ Ferrero จึงสามารถดึงดูดผู้บริโภคจำนวนมากในช่วงวันหยุด นอกเหนือจากความสัมพันธ์แบบโรแมนติกแบบเดิม ๆ เช่น ผู้ปกครองอาจทำให้เด็ก ๆ ประหลาดใจด้วยกล่องช็อกโกแลตรูปทรงแปลกใหม่ ในขณะที่กระเป๋าแบบต่าง ๆ ตามธีมอาจใช้สำหรับการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์กับเพื่อน ๆ

นอกจากนี้ ช็อกโกแลตเฮเซลนัท ‘Nutella’ ของ Ferrero ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคปรุงอาหารเช้าที่บ้านเป็นหลัก DeConto ระบุว่า ผู้คนกำลังซื้อ Nutella ขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น

“ผู้คนออกทริปน้อยลง แต่เมื่อออกไปข้างนอกพวกเขาก็ต้องทำให้การเดินทางเหล่านั้นมีค่า และสองวิธีที่เราเห็นคือ ปริมาณโดยรวมต่อคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น และขนาดของสินค้าที่คนซื้อเพิ่มขึ้น”

Source

]]>
1319414
สงสัยจะพาล! พบ 48% ของโพสต์เกี่ยวกับ ‘วันวาเลนไทน์’ มาจาก ‘คนโสด’ https://positioningmag.com/1319234 Sun, 14 Feb 2021 09:24:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1319234 และแล้วก็มาถึง #valentine วันทำร้ายจิตใจ #คนโสด เป็นเรื่องปกติที่บรรดาคน #มีคู่ จะโชว์ความหวานให้คนโสดต้องตาร้อนบ้างอะไรบ้าง ‘ไวซ์ไซท์’ บริษัทด้านการเก็บข้อมูลโซเชียลมีเดียได้ทำการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ช่วงวันที่ 1-10 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อจับตาชาวโซเชียลในช่วงเทศกาลวันแห่งความรักว่าคนโสดกับคนมีคู่จะมีประเด็นอะไรให้พูดถึงบนโซเชียลบ้าง

โดยจากข้อมูลพบว่ามีจำนวนเอ็นเกจเมนต์จากประเด็นต่าง ๆ ที่ถูกพูดถึงบนโซเชียลเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์เกิดขึ้นจากคนมีคู่ 56% ขณะที่คนโสดอยู่ที่ 44% เรียกได้ว่า ‘เกือบครึ่ง’ เลยทีเดียว ดังนั้น วันวาเลนไทน์ไม่ใช่แค่วันแห่งความรักของเหล่าคนมีคู่เท่านั้น แต่คนโสดเองก็มีหลากหลายประเด็นน่าสนใจเช่นกัน โดยจากข้อมูลพบว่ากิจกรรมของคนมีคู่ไม่ได้แตกต่างออกไปจากทุกปี ไม่ว่าจะเป็นการออกเดท ทานอาหาร ล่องเรือ ดินเนอร์หรู หรือการหาของขวัญที่ถูกใจเพื่อมอบให้คนรัก โดยของขวัญที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลเรียงตามจำนวนเอ็นเกจเมนต์ 5 อันดับแรก ดังนี้

  1. ดอกกุหลาบ 988,241 เอ็นเกจเมนต์
  2. เงิน 503,948 เอ็นเกจเมนต์
  3. เครื่องประดับ 467,196 เอ็นเกจเมนต์
  4. ทอง 463,607 เอ็นเกจเมนต์
  5. กระเป๋าแบรนด์เนม 387,881 เอ็นเกจเมนต์

ขณะเดียวกันเหล่า ‘คนโสด’ ที่ต้องสตรอง และข้ามผ่านเทศกาลวันแห่งความรักไปให้รอด! กำลังพูดถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้ทุกวินาทีในวันวาเลนไทน์ปีนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วที่สุด! ถึงจำนวน 2,982,850 เอ็นเกจเมนต์ โดย 10 อันดับแรกของกิจกรรมที่ได้รับการถูกพูดถึงมากที่สุดบนโซเชียลเรียงตามจำนวนเอ็นเกจเมนต์ ได้แก่

  1. นอนข้ามวัน, นอนวันที่ 13 แล้วไปตื่นเช้าวันที่ 15 เลย! 1,481,156 เอ็นเกจเมนต์
  2. อยู่กับครอบครัว, วันนี้รักครอบครัว 470,464 เอ็นเกจเมนต์
  3. ทำงานอย่างบ้าคลั่ง, เอางานมาอีก 279,100 เอ็นเกจเมนต์
  4. ทำบุญ, ไหว้พระตรีฯ ปีหน้าจะไม่โสด 178,178 เอ็นเกจเมนต์
  5. ปาร์ตี้รวมตัวคนโสด 149,858 เอ็นเกจเมนต์
  6. ซักผ้า ดูดฝุ่น ถูบ้าน อะไรที่งดทำวันตรุษจีนเอามารวมกันวันนี้ให้หมด 107,562 เอ็นเกจเมนต์
  7. แต่งตัวสวย สวยกว่าคนมีคู่ สวยให้เขาทะเลาะกัน 90,344 เอ็นเกจเมนต์
  8. ออกไปทานข้าวคนเดียวอย่างสตรอง 87,562 เอ็นเกจเมนต์
  9. ช้อปปิ้ง ใช้เงินแก้ปัญหา 42,542 เอ็นเกจเมนต์
  10. ฟังเพลงให้หมด 50 เพลย์ลิสต์ 23,510 เอ็นเกจเมนต์
Asian single woman envious with love couple doing take selfie at restaurant.

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมน่ารักๆ อีกหลายกิจกรรมที่น่าสนใจของเหล่าคนโสด ไม่ว่าจะเป็นการดูซีรีส์แบบข้ามวันข้ามคืน, สั่งซื้อดอกไม้ให้ตัวเอง, เล่นกับน้องหมาน้องแมว, ออกกำลังกาย, ทำอาหาร, เข้าป่า, นั่งโง่ ๆ ที่นู่นที่นี่, ทำของขายคนมีคู่หาเงินเข้ากระเป๋าซะเลย หรือหยุดทุกความเจ็บปวดด้วยการงดเล่นโซเชียลไปเลย 1 วันให้เขารักกันให้พอ!

เรียกได้ว่า เป็นอีกสีสันน่ารัก ๆ ในวันวาเลนไทน์ของชาวโซเชียลที่ทำให้โลกสดใสไม่น้อย ขอให้ความรักที่ดีคงอยู่กับทุกคู่รัก และขอส่งกำลังใจให้คนโสดทุกคนให้พบคู่แท้เร็ว ๆ กันนะ

]]>
1319234
วาเลนไทน์ Gen X จ่ายหนักสุด! 51% ซื้อของออนไลน์ให้คนรัก “เสื้อผ้า” มาแรงกว่าดอกไม้ https://positioningmag.com/1264310 Thu, 13 Feb 2020 10:06:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1264310 ETDA สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายออนไลน์ของคนไทยช่วงวันวาเลนไทน์ปี 2563 พบประชาชน 51% เลือกซื้อสินค้าหรือบริการผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเป็นของขวัญยอดฮิต ส่วนกลุ่มที่จ่ายหนักมากที่สุดคือ “ผู้หญิง” และ “Gen X” วัย 39-54 ปี

สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “สำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านออนไลน์ของคนไทยในช่วง Valentine’s Day ปี 2563” ผ่านระบบออนไลน์ระหว่างวันที่ 30 มกราคม – 9 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งมีผู้เข้ามาตอบแบบสอบถามทั้งหมด 573 คน

จากการวิเคราะห์ผลสำรวจ พบไฮไลต์ที่น่าสนใจคือ ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าครึ่ง หรือ 51% ระบุว่า จะซื้อของขวัญหรือใช้บริการออนไลน์ ในช่วงวันวาเลนไทน์ปีนี้

โดยกลุ่มสินค้าที่จะเลือกซื้อมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ เครื่องแต่งกาย ได้แก่ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า รองลงมาคือ ดอกไม้ และสุดท้ายคือเครื่องประดับ ขณะที่บริการออนไลน์ 3 อันดับแรก ที่คู่รักระบุจะเลือกใช้มากสุด ได้แก่ รับ-ส่งสินค้าหรือพัสดุ รองลงมาคือ บริการสั่งอาหาร และสุดท้ายคือจองที่พัก โรงแรม

นอกจากนี้ ETDA ยังพบว่า ช่วงวันวาเลนไทน์นี้ คนมีคู่จะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงกว่าคนโสดถึง 45% โดยคนมีคู่จะมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 1,199 บาท ขณะที่คนโสดมียอดใช้จ่ายเฉลี่ยเพียง 828 บาท

ส่วนคนรัก Gen ไหนสายเปย์…ตัวจริงนั้น จากผลการสำรวจพบว่า

  • คนรักในกลุ่ม Gen X (อายุ 39-54 ปี) ใช้จ่ายหนักสุด มียอดการใช้จ่ายออนไลน์ เฉลี่ย 1,585 บาท โดยของขวัญที่นิยมเลือกซื้อมากที่สุดคือ เสื้อผ้า กระเป๋า
  • คนรักในกลุ่ม Baby Boomer (อายุ 55-73 ปี) มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,156 บาท ของขวัญที่นิยมเลือกซื้อมากที่สุดคือ ดอกไม้
  • คนรัก Gen Y (อายุ 19-38 ปี) มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 1,225 บาท ของขวัญที่นิยมเลือกซื้อมากที่สุด คือ เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า
  • คนรักในกลุ่ม Gen Z (อายุต่ำกว่า 19 ปี) มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 387 บาท และของขวัญที่นิยมเลือกซื้อมากที่สุด คือ เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า

ส่วนเพศไหนใช้จ่ายมากที่สุด พบว่าคือ เพศหญิง ใช้จ่ายผ่านออนไลน์เพื่อวันแห่งความรัก เฉลี่ย 1,343 บาท รองลงมาคือ เพศชาย ใช้จ่ายเฉลี่ย 916 บาท และท้ายที่สุดคือ เพศทางเลือก ใช้จ่ายเฉลี่ย 700 บาท ตามลำดับ

]]>
1264310
สวนสัตว์หัวใสให้ลูกค้าตั้งชื่อ “แมลงสาบ” ตามชื่อ “แฟนเก่า” ก่อนโยนให้นกกินรับวาเลนไทน์ https://positioningmag.com/1264164 Wed, 12 Feb 2020 17:58:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1264164 ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้หรือเปล่า? สวนสัตว์ San Antonio มีทางออกให้คุณ! ด้วยเงินเพียง 5 เหรียญสหรัฐ (ราว 156 บาท) คุณสามารถให้สวนสัตว์ตั้งชื่อแมลงสาบตามชื่อแฟนเก่า ก่อนที่สวนสัตว์จะนำแมลงสาบตัวนั้นไปให้นกกินเป็นการแก้แค้น หรือถ้าเปลี่ยนเป็นหนูก็แค่จ่ายแพงหน่อยที่ 25 เหรียญสหรัฐ (ราว 778 บาท)

แคมเปญดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ Cry Me a Cockroach เป็นกิมมิกวันวาเลนไทน์สุดโหดสำหรับคนอกหัก โดยสวนสัตว์ San Antonio รัฐเท็กซัส เปิดให้ทุกคนสามารถสั่งตั้งชื่อแมลงสาบหรือหนูได้ทั่วโลกโดยไม่จำเป็นต้องมาที่สวนสัตว์ เพราะกดจ่ายเงินและสั่งตั้งชื่อได้ผ่านหน้าเว็บไซต์

และไม่ต้องห่วงว่าคุณจะไม่ได้ดูแมลงสาบแฟนเก่าถูกกิน เพราะสวนสัตว์จะไลฟ์สตรีมมิ่ง ให้คุณดูกันจะจะตอนให้อาหาร แถมถ้าคุณกล้าแชร์โพสต์การไลฟ์สดไปบนหน้าไทม์ไลน์ Facebook ของตัวเอง สวนสัตว์ยังจะออกใบประกาศนียบัตรเชิดชูความกล้าหาญให้อีกต่างหาก

แบนเนอร์กิจกรรม Cry Me a Cockroach

สำหรับผู้ที่ห่วงใยในสวัสดิภาพสัตว์และภาพที่จะได้เห็นบนจอ สวนสัตว์ชี้แจงไว้ก่อนว่า หนูที่จะใช้เป็นอาหารงูในกิจกรรมนี้เป็นหนูแช่แข็งที่ฟาร์มหนูส่งมาให้ตามปกติ ส่วนแมลงสาบเป็นแมลงสาบสด โดยแมลงสาบ ของสวนสัตว์ ก่อนที่พวกมันจะกลายเป็นอาหารนกนั้น มันจะได้รับการดูแลอย่างดี ผ่านการตรวจสอบสวัสดิภาพความเป็นอยู่จากหน่วยงาน American Humane ตั้งแต่ปี 2017 แล้ว

แคมเปญแก้แค้นแฟนเก่านี้อนุญาตให้ร่วมกิจกรรมได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2020 เวลา 18.00 น. ตามเวลาสหรัฐอเมริกา (หรือ 6.00 น. ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ตามเวลาประเทศไทย) ก่อนที่สวนสัตว์จะเริ่มไลฟ์สตรีมบนเพจ Facebook ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์

นับเป็นความหัวใสของคนคิดแคมเปญที่ทำให้การให้อาหารสัตว์ด้วยต้นทุนเท่าเดิม สามารถเพิ่มคุณค่าขึ้นมาได้ด้วยการเล่นกับความรู้สึกของมนุษย์

Source

]]>
1264164
วาเลนไทน์นี้ฟรีทุกคน! กลยุทธ์ดึงสมาชิกของ Pornhub ให้สิทธิดูหนังแบบพรีเมียมฟรี 1 วัน https://positioningmag.com/1264116 Wed, 12 Feb 2020 14:51:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1264116 กิจกรรมการตลาดประจำปีของ Pornhub เว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ชื่อดัง เปิดให้ผู้ใช้ทดลองระบบพรีเมียมฟรี 1 วันในวันวาเลนไทน์ พร้อมเปิด pop-up store กลางนิวยอร์ก จัดอีเวนต์พบปะดาราหนังคนดัง หวังดึงสมาชิกเพิ่ม ท่ามกลางคดีฟ้องร้องการละเมิดสิทธิบุคคลในคลิปวิดีโอ

กลยุทธ์นี้ชัดเจนว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อโปรโมตระบบพรีเมียมของ Pornhub แม้เว็บไซต์จะไม่เปิดเผยว่าผลสุดท้ายมีคนสมัครสมาชิกจริงมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

“เราเป็นเว็บไซต์เพื่อสร้างอารมณ์ให้คนกว่า 120 ล้านคนต่อวันที่เข้ามาเยี่ยมชม จะมีอะไรที่สร้างอารมณ์ได้ดีกว่า Pornhub ล่ะ?” Corey Price รองประธาน Pornhub กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ขององค์กร “ดังนั้นเราจึงให้สิทธิพรีเมียมฟรี 1 วันให้กับทุกคนสำหรับเทศกาลนี้ ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาร่วมกับคนสำคัญอีกคน หรือรักตนเอง เราต้องการจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะรู้สึกถึงความรักในวันวาเลนไทน์”

สิ่งที่สมาชิกจะได้จากการเป็นสมาชิก หลักๆ คือการรับชมคลิปแบบไม่มีโฆษณา ชมคลิปแบบ Full HD สตรีมมิ่งหนังได้เร็วกว่าปกติ ฯลฯ

นอกจากนี้ ในวันวาเลนไทน์ Pornhub ยังมีฟังก์ชันพิเศษให้สมาชิกสามารถจัดทำข้อความวิดีโอแบบ personalize เองได้เพื่อส่งให้กับคนอื่นๆ ที่คุณต้องการ โดยเลือกภาพจากบรรดาดาราหนังคนดังของเว็บไซต์ที่คุณชื่นชอบมาทำเป็นวิดีโอ

เท่านั้นยังไม่พอ Pornhub ยังมี pop-up store ให้แวะไปเยี่ยมด้วย! โดยร้าน pop-up นี้จะเปิดที่นิวยอร์กระหว่างวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์นี้ ภายในร้านจะจำหน่ายของขวัญวาเลนไทน์ทั่วไปที่แปะโลโก้ Pornhub เช่น ช่อดอกไม้ แก้วน้ำ ที่สำคัญคือ ร้านจะเปิดช่วงพบปะดาราหนังคนดัง นำโดย Asa Akira

ท่ามกลางการทำการตลาดของ Pornhub ที่ยังคงดำเนินต่อไป ในมุมกลับกัน เว็บไซต์หนังผู้ใหญ่ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดในโลกต้องพบเจอข้อวิพากษ์วิจารณ์และการฟ้องร้องทางกฎหมาย เพราะความพยายามที่จะกำจัดและกลั่นกรองคลิปวิดีโอที่บุคคลในวิดีโอไม่ยินยอมให้เผยแพร่นั้นยังไม่เห็นผล

เทคโนโลยีที่ Pornhub อ้างว่าสามารถตรวจสอบคลิปวิดีโอนั้นๆ ได้ว่าเป็นคลิปที่ถูกแบนจากการร้องเรียนและจะทำให้ไม่สามารถอัพโหลดชึ้นเว็บได้อีก ปรากฏว่าเทคโนโลยีนี้ไม่สามารถกรองได้หากมีการตกแต่งคลิปเพียงเล็กน้อย เช่น ตัดคลิปจาก 5 นาทีเหลือ 30 วินาที

Source

]]>
1264116
มาอีกแล้ว! “สปริงเคิล” ออกลายพิเศษ XOXO รับวันวาเลนไทน์ ขวดเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ! https://positioningmag.com/1263745 Sun, 09 Feb 2020 20:31:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1263745 สปริงเคิล แบรนด์น้ำดื่มเจ้าเล็กใช้ความคิดสร้างสรรค์นำการขายอีกครั้ง โดยรอบนี้เป็นขวดพิเศษรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ ออกแบบลาย XOXO บนขวดใส มีกิมมิกเก๋ๆ ที่รอยจูบบนขวดสามารถเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ!

ดีไซน์ขวดลายใหม่ของสปริงเคิลเป็นตัวอักษร XOXO ที่แปลว่า “กอดและจูบ” พร้อมด้วยรูปรอยจูบด้านล่าง ที่น่าสนใจคือตรงรอยจูบนี้สามารถเปลี่ยนสีได้ตามอุณหภูมิ หากตัวขวดหรือน้ำในขวดอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาจะเปลี่ยนเป็นสีชมพู แต่ถ้าอุณหภูมิสูงกว่านั้นจะเป็นสีขาวธรรมดา

ขวดรุ่น XOXO จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ – 14 ก.พ. 63 เฉพาะในเซเว่น อีเลฟเว่นทั่วประเทศ (ยกเว้นภาคใต้) จำหน่ายราคา 7 บาทตามปกติ

สปริงเคิล XOXO

สปริงเคิล เป็นแบรนด์น้ำดื่มที่ผลิตโดย บริษัท เอ็ม วอเตอร์ จำกัด บริษัทน้ำดื่มรายเล็กที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ถึง 1% โดยเน้นการขายน้ำถังจัดส่งตามบ้าน ออฟฟิศ โรงงานมากกว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีส่วนแบ่งการตลาดไม่มากแต่เป็นแบรนด์ที่สร้างชื่อจากการใช้งานดีไซน์เป็นตัวนำ เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนขวด PET เป็น “ขวดลายเพชร” ที่ได้รับรางวัลการออกแบบระดับโลกจาก Red Dot Design Award

หลังจากนั้นสปริงเคิลใช้ขวดลายเพชรเป็นฐานต่อยอดไปสู่กิมมิกดีไซน์อื่นๆ เช่น ขวดน้ำสีทึบ หรือเซตก่อนหน้านี้เป็นขวดลาย Star Wars เป็นกลยุทธ์การใช้ความคิดสร้างสรรค์สร้างความต่างในตลาดน้ำดื่ม นอกจากการใช้สงครามราคาหรือพรีเซ็นเตอร์อย่างที่เราเห็นกันในกลุ่มแบรนด์ใหญ่

]]>
1263745
ผู้ผลิตช็อกโกแลตดัง GODIVA ใช้การตลาดมุมกลับ ปล่อยแคมเปญ หนุนสาวญี่ปุ่น เลิกให้ “ช็อกโกแลตมารยาท” วันวาเลนไทน์ https://positioningmag.com/1156816 Wed, 14 Feb 2018 04:11:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1156816 GODIVA ผู้ผลิตช็อกโกแลตชื่อดังจากเบลเยียม เชิญชวนชาวญี่ปุ่น เลิกมอบ “ช็อกโกแลตมารยาท” ในวันแห่งความรัก โดยได้รับเสียงสนับสนุนจากสาวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่ไม่อยากเสียเงินทองเพื่อมอบช็อกโกแลตให้กับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย

ในวันวาเลนไทน์ สาวๆ ชาวญี่ปุ่นนิยมมอบช็อกโกแลตให้กับชายหนุ่ม ไม่ใช่เพียงแค่ชายหนุ่มคนรักหรือคนที่หมายปอง แต่ยังรวมถึงเพื่อนร่วมงานและเจ้านายผู้ชายด้วย ช็อกโกแลตที่มอบให้กับเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย เพื่อเป็นการขอบคุณหรือสร้างสัมพันธ์ที่ดี เรียกกันว่า “กิริช็อกโก”

GODIVA สร้างความแปลกใจให้กับบรรดาคนรักช็อกโกแลต ด้วยการซื้อพื้นที่เต็มหน้าของ “นิฮงเคไซชินบุน” หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น โดยลงข้อความจากประธานบริษัท Godiva Japan เรียกร้องให้ชาวญี่ปุ่นยกเลิกธรรมเนียมการมอบ “ช็อกโกแลตมารยาท” หรือ “กิริ ช็อกโก” ในวันวาเลนไทน์ ที่มีใจความว่า

สาวๆ หลายคนบอกว่าเกลียดวันวาเลนไทน์ หลายคนโล่งใจถ้าวันวาเลนไทน์ตรงกับวันสุดสัปดาห์ เพราะลำบากใจที่จะต้องซื้อ “กิริ ช็อกโก” ที่ต้องเสียทั้งพลังสมองและเงินทอง แต่ก็ยากที่จะทำตัวแปลกแยก จึงกระอักกระอ่วนต่อธรรมเนียมที่ทำกันทุกปี

GODIVA ขอพูดจากประสบการณ์ว่า เป็นการโอเคที่จะมอบช็อกโกแลตให้กับใครสักคนด้วยความรู้สึกที่แท้จริง แต่ไม่ควรที่จะมอบเพียงแค่เพื่อมารยาท

วันวาเลนไทน์ควรเป็นวันที่บอกความในใจที่แท้จริงกับใครสักคน ไม่ใช่วันที่ต้องทำบางอย่างเป็นพิเศษเพื่อให้การทำงานร่วมกันราบรื่น และเหล่าผู้ชาย โดยเฉพาะท่านผู้นำองค์กรก็ควรจะแจ้งกับสาวๆ ในบริษัทว่า “ไม่ต้องบังคับตัวเองที่จะมอบซ็อกโกแลตมารยาทให้กับคนอื่น”

GODIVA ต้องการให้ผู้คนมีความสุขกับการบอกความรู้สึก และสุขสันต์วันวาเลนไทน์มากกว่าที่เคยบอกว่า “ฉันรักคุณ” หรือ “ขอบคุณจากใจ” ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เรื่องของมารยาท นับจากนี้เราต้องการจะสืบสานความรู้สึกที่จริงใจที่มาหัวใจของเรา

โฆษณาของ GODIVA โดนใจสาวๆ ชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก ที่บอกว่า พวกเธอต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อ “กิริ ช็อกโก” ให้กับผู้ชายที่เป็นแค่เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย สถิติที่รวบรวมโดยสมาคมแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นพบว่า ตลาดช็อกโกแลตวันวาเลนไทน์ในแต่ละปีมีมูลค่าสูงกว่า 130,000 ล้านเยน หรือกว่า 40,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นช็อกโกแลตที่มอบให้กันระหว่างเพื่อนร่วมงาน มากกว่ามอบให้คู่รัก

โฆษณาของ GODIVA ยังถูกมองว่าเป็นแผนการตลาดมุมกลับ “ยืมมีดฆ่าคู่แข่ง” เพราะคงไม่มีสาวรายใจลงทุนซื้อซ็อกโกแลตราคาแพงเพื่อมอบเป็น “กิริ ช็อกโก” แต่หากเลิกธรรมเนียมมารยาทนี้ได้ สาวๆ ก็จะมีงบประมาณเหลือที่จะซื้อซ็อกโกแลตหรูหราอย่าง GODIVA เพื่อมอบให้คนรักนั่นเอง

แต่ด้านบริษัทผู้ผลิตขนมสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง “ยูระคุ” ที่ผลิตช็อกโกแลตเฉพาะสำหรับวันวาเลนไทน์มานานกว่า 15 ปี บอกว่า การมอบ “กิริช็อกโก” เป็นเรื่องส่วนบุคคล และทางบริษัทยังคงสนับสนุนให้สาวๆ ใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงน้ำใจต่อเพื่อนร่วมงานหนุ่ม โดยช็อกโกแลต Black Thunder ของ “ยูระคุ” จำหน่ายได้มากกว่า 110 ล้านชิ้นต่อปี

ธรรมเนียมการมอบ “ช็อกโกแลตมารยาท” ที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นมาเองนี้ แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงแผนการตลาดที่ของผู้ผลิตขนมหวาน ที่อ้างว่าสาวๆ ชาวญี่ปุ่นควรมีโอกาสจะบอกความในใจต่อชายหนุ่มที่พึงใจ แต่ต่อมาได้ขยายวงเป็นการมอบเพื่อ “มารยาท” ซึ่งไม่เพียงทำให้สาวๆ ต้องเสียเงินทอง เสียเวลาเท่านั้น แต่เพื่อนร่วมงานชายหนุ่มก็ต้องมอบของตอบแทนในวัน “ไวท์เดย์” คือวันที่ 14 มีนาคม ด้วย

สนับสนุนข่าวโดย : mgronline.com/japan/detail/9610000014481

]]>
1156816
รายได้กับความรัก https://positioningmag.com/1154539 Thu, 25 Jan 2018 23:15:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1154539 บทความโดย : อิษณาติ วุฒิธนากุล

เห็นช่วงนี้ข่าวดาราคู่หนึ่งที่เลิกกันเพราะสินสอด 70-80 ล้านกำลังดัง และอีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ – เดือนแห่งความรักกันแล้ว เลยอยากขอนอกเรื่องธุรกิจมาพูดเรื่องเกี่ยวกับความรักให้เข้ากับบรรยากาศวันวาเลนไทน์กับข่าวช่วงนี้กับเขาบ้างดีกว่า จริงๆ สิ่งที่จะเขียนไม่เชิงเป็นรายได้กับความรักสักเท่าไหร่ น่าจะใกล้เคียงกับรายได้กับการสร้างครอบครัวซะมากกว่าครับ

หากพูดว่าการแต่งงานสร้างครอบครัวมีผลกับเศรษฐกิจโดยตรงก็คงไม่ผิดนัก เพราะถ้าไม่แต่งงาน ก็ไม่มีลูก เมื่อไม่มีลูกจำนวนประชากรก็จะลดลง เมื่อประชากรลดน้อยลง แรงงานและผลผลิตก็ลดลงตาม การบริโภคก็ต่ำลง ภาษีที่รัฐบาลเก็บได้ก็ลดลง แน่นอนครับเศรษฐกิจจึงมีความเสี่ยงที่จะหดตัวลงเช่นกัน ดังนั้นไม่น่าแปลกใจนะครับว่าทำไมรัฐบาลในหลายๆประเทศ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือกระทั่งไทยเราเอง ถึงพยายามกระตุ้นให้ประชาชนมีลูกกันมากขึ้น

แต่ถ้าเราดูข้อมูลจะพบกว่านโยบายที่กระตุ้นให้คนมีลูกส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นะครับ อัตราเกิดในหลายประเทศก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้น (ยกเว้นบางประเทศเช่น ฝรั่งเศส โดยมีที่มีสิ่งที่เรียกว่าแพคซ์ PACS ซึ่งทำให้อัตราเกิดเป็นบวกขึ้นมาได้อีกครั้ง โดย PACS เป็นสัญญารูปแบบหนึ่งที่ไม่ใช่การแต่งงานแต่ได้ผลประโยชน์หลายอย่างคล้ายการแต่งงาน และมีความยุ่งยากซับซ้อนน้อยกว่าเยอะมากหากอยากเลิกสัญญานี้)

คำถามคือทำไมในปัจุบันหลายคนถึงเลือกที่จะไม่แต่งงาน ไม่มีลูกกันล่ะครับ? จริงๆ ถ้าให้ทายเหตุผลก็คงเดากันไม่ยาก เพราะชื่อบทความก็บอกไว้อยู่แล้วนะครับว่าคือรายได้

หลายท่านอาจคิดว่ารายได้ไม่ใช่ปัจจัยทั้งหมดที่ทำให้หลายคนในปัจจุบันเลือกที่จะไม่แต่งงานมีครอบครัว งั้นจริงๆ แล้วรายได้สำคัญแค่ไหนกับการมีบุตร มีครอบครัวครับ? ถ้าเราดูตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่นที่เรียกได้ว่านำเราอยู่ในหลายๆ ด้าน รวมถึงอัตราการเกิดที่ต่ำก็คงไม่ปฏิเสธกันไม่ได้นะครับว่ายังไงก็แล้วแต่ รายได้ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ขนาดผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหลายๆ คนเลือกที่จะไม่มีลูก หรือเลือกที่จะมีจำนวนบุตรน้อยกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ในตอนแรก

Source: the “14th Japanese National Fertility Survey (Survey on Married Couples),” National Institute of Population and Social Security Research (2010)

เราถอยหลังกันมาสักนิดนะครับ ก่อนจะมองเรื่องมีบุตร เรามามองเรื่องการแต่งงานกันก่อนดีกว่าครับ ว่าทำไมหลายคนถึงไม่แต่งงานหรือไม่สามารถแต่งงานได้ จริงๆ แล้วผลสำรวจด้านล่างมันค่อนข้างโหดร้ายกับผู้ชายอย่างเราๆ เอามากๆ นะครับ เพราะมันชี้ชัดว่ารายได้ของเราแทบจะแปรผันตรงกับโนวแน้มที่เราจะได้แต่งงาน เรียกว่าผลกระทบมันชัดเจนมากจนทำให้ต้องนึกถึงประโยคที่คนชอบพูดกันว่า “No money, no honey” คงไม่ใช่แค่คำพูด เพราะชีวิตจริงก็ดูเหมือนจะป็นแบบนี้จริงๆ…

Source: Toshihiko, M. (2016, December 28). 正視に耐えない残酷な現実(男性の年収と未婚率).
Retrieved from http://president.jp/articles/-/20926?page=2

ในปี 2012 ผู้ชายญี่ปุ่นช่วงอายุ 40 ปีราว 30% ไม่ได้แต่งงานนะครับ ซึ่งถ้าเอาจำนวนคนที่ไม่ได้แต่งงานมาแบ่งดูตามรายได้จะพบว่า เกือบ 60% ของคนที่ไม่ได้แต่งงานคือกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำที่สุดของคนช่วงอายุนี้ ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1 ล้านเยนหรือ 3 แสนบาทต่อปี (เพื่อความง่ายเอาอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ที่ 100 เยน = 30 บาทนะครับ) จริงอยู่ว่ารายได้ต่อเดือนของคนกลุ่มนี้อยู่ที่ 25,000 บาท ซึ่งอาจจะเพียงพอสำหรับบ้านเรา แต่ในญี่ปุ่นแล้วนี่เรียกว่าแทบจะใช้ชีวิตปกติไม่ได้เลยนะครับ อย่าลืมนะครับว่า Cost of living หรือค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นสูงกว่าไทยอยู่ที่ราวๆ 68% (Source: numbeo.com)

หากรายได้ 1 ล้านเยนต่อปีไม่เพียงพอกับการที่จะหาเจ้าสาวให้กับตัวเอง แล้วรายได้เท่าไหร่ถึงเพียงพอครับ? แน่นอนครับว่าคำถามนี้คงต้องให้ทางฝั่งผู้หญิงเป็นคนตอบ

Source: Yasuda, M. (2013), Marriage and Childbirth in 2013. Retrieved from: http://www.myilw.co.jp/research/report/pdf/myilw_report_2013_02.pdf

ซึ่งผลสำรวจในปี 2013 พบว่าเกือบ 90% ของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นในช่วงวัย 30 ต้องการแต่งงานกับชายที่มีรายได้อย่างน้อย ย้ำนะครับว่าอย่างน้อย 3 ล้านเยนหรือราว 9 แสนบาทต่อปีขึ้นไป แต่จริงๆ แล้วเกือบ 70% ต้องการแต่งงานกับชายที่มีรายได้มากกว่า 4 ล้านเยนหรือราว 1.2 ล้านบาทต่อปีขึ้นไปนะครับ คิดง่ายๆ คือชายที่จะแต่งงานด้วยต้องมีรายได้อย่างน้อยเดือนละ 1 แสนบาทขึ้นไป

ปัญหาคือมีผู้ชายในวัยช่วงนั้นแค่ครึ่งเดียวที่มีรายได้มากกว่าสามล้านเยนต่อปี เลยไม่น่าแปลกใจนะครับว่าทำไมพอล่วงเข้าวัยช่วงอายุ 40 แล้วถึงยังมีผู้ชายญี่ปุ่นถึง 1 ใน 3 ที่ไม่แต่งาน เอ…หรือจะพูดว่าไม่สามารถแต่งงานได้ดีครับ ใครเคยบอกว่าเกิดเป็นผู้ชายนั้นแสนง่ายครับ จริงๆ แล้วอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนที่หลายๆ ท่านเคยคิดแล้วก็ได้นะครับ

ว่าแต่ของไทยเราหละครับ คุณผู้หญิงคิดว่าคนที่จะแต่งงานด้วยต้องมีรายได้ต่อปี ต่อเดือน สักเท่าไหร่ดีครับ? ถ้ามาตราฐานหญิงไทยเราคล้ายกับผู้หญิงชาวญี่ปุ่น โดยถ้าเทียบกับค่าครองชีพและคิดเลขแบบง่ายๆ ก็จะแปลว่าชายไทยที่หญิงไทยเราอยากแต่งงานด้วยจะต้องมีรายได้ราวๆ 6 หมื่นบาทต่อเดือน (เอาโบนัสรวมหมดนะครับ)

จริงๆ แล้วจำนวนนี้ถือว่าค่อนข้างสูงเลยนะครับถ้าเทียบกับรายได้คนไทยในปัจจุบัน เพราะผลสำรวจจากสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2015 บอกว่า กทม. เป็นจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อครัวเรือนสูงที่สุดแต่ก็ยังอยู่ที่ 45,572 บาทต่อเดือน

ต่อให้เงินเดือนจำนวนนี้เป็นของคุณผู้ชายในครัวเรือนเพียงคนเดียว (โดยหลายครัวเรือนทั้งสามีภรรยาจะมีรายได้ทั้งคู่) ก็ยังน้อยกว่าน้อยกว่าจำนวนเงิน 6 หมื่นบาทอยู่พอสมควร เอ….ถ้างั้นคุณผู้หญิงว่าผู้ชายที่อยากแต่งงานด้วยควรมีรายได้ต่อเดือนสักเท่าไหร่ดีครับ? (ไม่เอายิ่งมาก ยิ่งดีนะครับ )

จริงๆ แล้วนะครับ ไม่ว่าจะเท่าไหร่บทสรุปก็ง่ายๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ คือผู้ชายอย่างเราหากต้องการแต่งงานมีครอบครัวก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากจะก้มหน้าก้มตาทำงานเก็บเงินกันต่อไป ท่องไว้ครับว่า “No money, no honey!” นะครับ ^^”

]]>
1154539