สงกรานต์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 12 Apr 2024 03:19:12 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ผลสำรวจพบ Gen Z 45.6% ขออยู่บ้านมากกว่าออกไปข้างนอก โดย 38.8% อยากใช้เวลานอนดูซีรีส์ https://positioningmag.com/1469941 Thu, 11 Apr 2024 09:39:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469941 Meta ร่วมกับ The Standard Life สำรวจพฤติกรรมและความชอบของชาว Gen Z ไทย ระหว่างช่วงอายุ 22 – 27 ปีในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง มาลองมาดูกันว่าคน Gen Z ใช้เวลาช่วง สงกรานต์ อย่างไรกันบ้างในปี 2024

ผลการสำรวจจาก The Standard Life ชี้ให้เห็นว่า 45.6% ของคน Gen Z นิยมอยู่บ้าน สบาย ๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ และหากิจกรรมทำในบ้านมากกว่าออกไปฉลองข้างนอก โดย 38.8% อยากใช้เวลานั่ง ดูซีรีส์เรื่องโปรด หรือติดต่อกับเพื่อน ๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย

แม้ Gen Z ส่วนใหญ่จะอยากอยู่บ้านเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังอยากออกไปสนุกให้เต็มที่ ได้แก่ 29.1% อยากไปเที่ยวต่างประเทศ หรือต่างจังหวัด และอีก 26.2% ขอฉลองสงกรานต์สักวันเดียวก็ยังดี เช่น ออกไปเล่นน้ำกับเพื่อน เป็นต้น

อย่าไงไรก็ตาม Gen Z ยังให้ความสำคัญกับครอบครัวก็ในวันหยุดสงกรานต์ เห็นได้จาก 44.7% ที่ต้องการจะ ใช้เวลากับครอบครัว และญาติพี่น้องในช่วงหยุดยาวนี้

Instagram ถือเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษสำหรับติดตามความเป็นไปของเพื่อนและคนรอบข้าง หาที่กินที่เที่ยว และสนุกกับบรรยากาศเทศกาลผ่านการแชร์ประสบการณ์ของคนอื่น โดย Gen Z มีความสนใจ ติดตามคอนเทนต์รีวิวร้านดัง ดีลเด็ด มากพอ ๆ กับ Stories ของเพื่อน ๆ หรือคนที่ชอบ พอ ๆ กัน

โดย คอนเทนต์บรรยากาศสงกรานต์ เป็นสิ่งที่พวกเขาสนใจ โดย 35.9% ของผู้ตอบแบบสอบถามอยากจะกดหัวใจให้กับโพสต์ดังกล่าว ด้านคอนเทนต์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศก็มีคนที่ชื่นชอบถึง 32% นอกจากนี้ 50.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขาเพลิดเพลินกับการโพสต์เรื่องราวลงบน Stories และอีก 21.4% ตั้งใจจะแชร์ช่วงเวลาดี ๆ ของเทศกาลสงกรานต์ใน Close Friends หรือส่งข้อความ Direct Messages

ในส่วนของสิ่งที่ Gen Z จะโพสต์บน Instagram พบว่า 30.1% อยากแชร์ช่วงเวลาอันมีค่ากับครอบครัว เป็นอันดับแรก ตามมาด้วยการทำ กิจกรรมแปลกใหม่ ที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำ 25.2% คอนเทนต์ท่องเที่ยว 23.3% และการเล่นน้ำในสงกรานต์ที่ 21.4%

นอกจากนี้ชาว Gen Z ก็ยังใช้ Facebook แชร์เรื่องราว และติดตามข่าวสารช่วงวันหยุด โดย 50.5% ตั้งใจจะส่งต่อ Stories ที่โพสต์ใน Instagram ไปยัง Facebook อีก 38.8% คิดว่าพวกเขาควรจะเลือกโพสต์รูปปัง ๆ บน Facebook มากกว่า

อีกสิ่งที่ Gen Z ขาดไม่ได้ คือการเสพมีม (Memes) โดยพวกเขามักจะพูดคุยกันทาง Facebook Messenger โดยแชร์ภาพตลก ๆ หรือสิ่งที่สนใจให้กัน โดยเทศกาลสงกรานต์นี้คน Gen Z 31.1% อยากจะเห็นภาพมีมหรือคอนเทนต์ที่ชอบบนแชตกับเพื่อน 27.2% อยากติดตามเรื่องราวที่อยู่บนฟีดของชาวแก๊งและครอบครัว และอีก 25.2% เผยว่าพวกเขาสนใจข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แฮงเอาท์ใหม่ ๆ มากขึ้น

]]>
1469941
TikTok จับมือพันธมิตร ส่งแคมเปญ #สงกรานต์2567 ชวนผู้ใช้ทำคลิป ลุ้นรับของรางวัล https://positioningmag.com/1469010 Thu, 04 Apr 2024 02:25:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469010 ติ๊กต็อก (TikTok) จับมือกับพันธมิตรหลายภาคส่วน เปิดตัวแคมเปญ #สงกรานต์2567 โดยชูเรื่องเทศกาลสำคัญของไทยนั้นเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน นอกจากนี้ยังชักชวนให้ผู้ใช้งานทำคลิป และติดแฮชแท็ก เพื่อที่จะลุ้นรับของรางวัล

วชิราภรณ์ โอฬาร Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย ได้กล่าวว่า TikTok รู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลที่มีชีวิตชีวานี้อีกครั้ง ตลอดปีที่ผ่านมา เราได้เห็นเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อผ่านคอนเทนต์มากมายที่ไม่เพียงแต่นำเสนอความสนุกสนานและรื่นเริงตามฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังเน้นย้ำถึงมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของประเทศไทยอีกด้วย

Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย ยังได้กล่าวเสริมว่า ปีนี้เราได้ต่อยอดการเฉลิมฉลองเทศกาลสงกรานต์ไปสู่อีกขั้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และเชื่อมต่อกับผู้อื่น สามารถจะช่วยเผยแพร่บรรยากาศช่วงสงกรานต์ในวงกว้าง และกลายเป็นประสบการณ์อันน่าจดจำสำหรับทุกคน

สำหรับเทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย ถือเป็นเทศกาลสำคัญทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทุกมุมโลก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นรายการในบัญชีตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ โดย UNESCO เมื่อเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา

วชิราภรณ์ โอฬาร – Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย / ภาพจากบริษัท

วชิราภรณ์ ยังได้กล่าวเสริมว่าแคมเปญสงกรานต์ของ TikTok ในปีนี้ถือว่ายิ่งใหญ่ เนื่องจากได้จับมือกับพันธมิตร ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สยามพารากอน และแบรนด์ดังอีกหลายแบรนด์

นอกจากนี้ TikTok ยังเชิญชวนให้ผู้ใช้งานทำคลิป และติดแฮชแท็ก เพื่อที่จะรับของรางวัลจากพันธมิตรต่างๆ โดยแฮชแท็กอย่างเป็นทางการของ TikTok ในปีนี้ประกอบไปด้วย #สงกรานต์2567 #สไตล์สงกรานต์บ้านเรา #แฟชั่นสงกรานต์บ้านเรา #เที่ยวกันสงกรานต์บ้านเรา #อิ่มกันสงกรานต์บ้านเรา #งามกันสงกรานต์บ้านเรา #เรียนกันสงกรานต์บ้านเรา #ดูกันสงกรานต์บ้านเรา #สงกรานต์กีฬาบ้านเรา #เล่นเกมบ้านเรา #SMEสงกรานต์บ้านเรา #TikTokLiveSongkran รวมถึง #TTSSongkran2024

นอกจากเชิญชวนให้ทำคลิปในช่วงวันสงกรานต์แล้วนั้น TikTok เองยังมีการจัดประกวดนางสงกรานต์ในปีนี้ โดยมีเหล่าครีเอเตอร์ชื่อดังหลายคนได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว นอกจากนี้วชิราภรณ์ ได้กล่าวเสริมว่าจะมีการยกงานสงกรานต์จากแพลตฟอร์มออนไลน์มาไว้ที่สยามพารากอนเป็นครั้งแรก เปิดพื้นที่ให้ทุกคนมาร่วมเฉลิมฉลองและแบ่งปันช่วงเวลาดีๆ อีกด้วย

ในปี 2023 ที่ผ่านมานั้น TikTok มีแคมเปญติดแฮชแท็ก #TikTokสงกรานต์ทั่วไทย ซึ่งพบว่ามีจำนวนวิดีโอ 603,452 โพสต์ และยอดการรับชม 1,262,319,641 ครั้ง โดยสำหรับในปีนี้ Content Team Lead ของ TikTok ประเทศไทย คาดว่าจะมีจำนวนวิดีโอรวมถึงยอดการรับชมสูงขึ้นกว่าเดิม

]]>
1469010
“เซ็นทรัลพัฒนา” เตรียมจัด THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 ดันสงกรานต์ไทย เป็น Soft Power ระดับโลก https://positioningmag.com/1427069 Tue, 11 Apr 2023 13:00:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1427069

เซ็นทรัลพัฒนา เดินหน้าสร้างแรงกระเพื่อมของ “สงกรานต์” หนึ่งใน Festival แห่งปีของประเทศไทย ให้ดังไกลระดับโลก เตรียมจัดงาน “THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023” กระตุ้นการท่องเที่ยวแบบเต็มคาราเบล ดันสงกรานต์ไทยเป็น Soft Power ขึ้นแท่น Festival ระดับโลก ปั้น Festival Landmark ในเมืองหลัก-เมืองรองผ่านศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ด้วยกลยุทธ์ 2 มิติ ผสาน Culture แบบไทยๆ กับ Entertainment คึกคัก คาดทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 20-30% ทั่วประเทศ

ประเทศไทยขึ้นชื่อว่าเป็นเดสนิเนชั่นอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งในแง่ของการมาเที่ยวพักผ่อน หรือการมาเกษียณอายุอยู่ที่ประเทศไทย แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลกก็คือ “เทศกาลสงกรานต์” นักท่องเที่ยวหลายคนพร้อมใจกันมาร่วมสนุกสนานสาดน้ำคลายร้อนกับเทศกาลสงกรานต์

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีแลนด์มาร์กใหญ่ๆ ในประเทศไทย ล้วนมีการจัดงานสงกรานต์กันอย่างคึกคัก เรียกว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยแลนด์มาร์กที่สำคัญของไทยที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “เซ็นทรัลเวิล์ด” งานนี้ถึงเวลาปั้นสงกรานต์ให้เป็น Soft Power ระดับโลกต่อไป

ในปีนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้จับมือร่วมกับพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐ โดยกระทรวงวัฒนธรรม, กรมส่งเสริมวัฒนธรรมและพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด, บริษัท ไทยเบฟมาร์เก็ตติ้ง จํากัด, บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จํากัด, บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จํากัด เตรียมจัดงาน THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 สงกรานต์มหาบันเทิง ภายใต้แนวคิด “สนุก สืบสาน ส่งต่อ และรักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย” พร้อมผลักดันสงกรานต์ไทยขึ้นแท่น Festival ระดับโลก เป็น Magnet ดึงดูดทั้งคนไทย-ต่างชาติเที่ยวไทยตลอดเดือนเมษายน

หลังจากผ่านช่วงของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ปีนี้ได้กลับมาจัดงานแบบยิ่งใหญ่ จัดเต็มรูปแบบด้วยกิจกรรมมากมายที่ผสานวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์ และเอ็นเตอร์เทนเมนท์แบ่งกิจกรรม เป็น 6 ไฮไลต์มหาบันเทิง ตอบโจทย์ทุกเจเนอเรชั่นโดยงาน THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 สงกรานต์มหาบันเทิงทั่วไทย จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7-16 เม.ย.2566 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 38 สาขาทั่วประเทศ

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“เซ็นทรัลพัฒนา มีกลยุทธ์ในการจัดงานด้วยการตั้งเป้าหมายระดับโลก ที่ผ่านมาเราเป็นผู้ริเริ่มปั้นให้งาน Countdown ไทยประสบความสำเร็จจนได้รับการจัดให้อยู่ในลิสต์งาน Countdown ระดับโลก และทำให้เซ็นทรัลเวิลด์เป็น Time Square of Asia มาแล้ว ครั้งนี้ถึงเวลาที่สงกรานต์ปีใหม่ไทยจะเป็นหนึ่งในลิสต์เทศกาลระดับโลก เหมือน Chinese New Year ที่ผู้คนทั่วโลกต่างฉลองพร้อมกัน ซึ่งสงกรานต์ไทยเต็มไปด้วย Element ที่แตกต่าง ทั้งการสรงน้ำพระ การละเล่นส่งเสริมเอกลัษณ์ไทย ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติมามีประสบการณ์กับวัฒนธรรมไทย มีความสนุก ทั้งเล่นน้ำ คอนเสิร์ต วัฒนธรรมการกิน เป็นช่วงเวลาอบอุ่นของครอบครัว

โดยมี 3 จุดแข็งหลัก ที่พร้อมผลักดันให้สงกรานต์ไทยไปสู่ระดับโลกได้คือ

1) สร้าง Big impact ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก เราไม่ได้สร้าง Impact แค่จุดเดียว แต่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ทั่วประเทศทั้งในระดับโลกไปจนถึงระดับท้องถิ่นด้วย Location ใน 38 สาขาทั่วไทย ตั้งแต่ระดับ Global ที่เซ็นทรัลเวิลด์กับการจัดเทศกาลดนตรีระดับโลกถึง 2 งานใหญ่ ในสาขา Tourist malls เมืองท่องเที่ยวหลัก อย่าง อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ไปจนถึง Local tourism ในเมืองรอง โปรโมทการท่องเที่ยวท้องถิ่น ช่วยกระจายรายได้ทั่วประเทศพร้อมการสร้าง International Awareness ผ่าน Tourist Platform ทั่วโลก อาทิ Klook และ WechatPay

2) Music Festival Phenomenon กับงาน “SUPERFLUID CentralwOrld x 4nologue” เทศกาลดนตรีระดับโลกท่ามกลางสายน้ำสุดยิ่งใหญ่ พบกองทัพศิลปินระดับโลก แสง สี เสียง แบบจัดเต็มจัดต่อเนื่อง 14 – 16 เม.ย. 66 พบศิลปินดังทั้ง T POP และ K POP  อาทิ 8TURN บอยแบนด์มาแรงจากเกาหลี และ G Circuit สุดยอดธีมปาร์ตี้ระดับโลก รวม DJ ดังที่ทุกคนรอคอยกับ 4 ธีม Super Exclusive กับผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลก 13-16 เมษายน 2566 ที่ Centara Grand Convention Center, CentralPattana X Spicy Disc สร้างซัมเมอร์ Vibe ด้วยเพลง “สาดความสุข” ที่แต่งขึ้นพิเศษ โดยศิลปินดัง “ว่าน- ธนกฤต” และสร้าง Thailand’s Songkran Music Festival ในสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ตกับงาน Big Island Water Fun 2023 EDM concert และเซ็นทรัล พัทยาในงาน Central Pattaya Songkran Festival และวันไหล Festival เป็นต้น

3) Culture & Entertainment Co-creation ชู 6 ไฮไลต์ สงกรานต์มหาบันเทิงที่ตอบโจทย์ทั้งวัฒนธรรม และความบันเทิงที่เซ็นทรัลทั่วประเทศ ปั้น Songkran Entertainment ทั่วไทยดังไกลระดับโลกและรวมการแสดงหาชมยาก อาทิ หนังใหญ่วัดขนอน ที่เซ็นทรัล พระราม 3 ซึ่งได้รับรางวัล Asia/Pacific Cultural Centre for UNESCO


ชู 6 ไฮไลต์ สงกรานต์มหาบันเทิงทั่วไทย ตอบโจทย์ ALLGEN ENJOY

  1. ดนตรีมหาบันเทิงระดับโลก ปักหมุด Songkran Entertainment ทั่วไทย ด้วยเทศกาลดนตรีระดับโลกท่ามกลางสายน้ำ ชูไฮไลต์ที่ centralwOrld และ Tourist Malls ในเมืองท่องเที่ยว อาทิ เซ็นทรัล ภูเก็ต , พัทยา, เชียงใหม่, เชียงใหม่ แอร์พอร์ต, ระยอง, อยุธยา, หาดใหญ่, โคราช, อุดรฯ

  1. สุขมหาบันเทิงครบจบในที่เดียว ร่วมสืบสาน culture สงกรานต์ของไทย และกิจกรรมเสริมสิริมงคล อาทิ สักการะและสรงน้ำพระพุทธรูป รับน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดดัง
  2. ไทยมหาบันเทิง พบกับศิลปะการแสดงนาฏศิลป์พื้นถิ่นไทย และนิทรรศการร่วมอนุรักษ์ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว และชูอัตลักษณ์ความเป็นไทย อาทิ เซ็นทรัล พระราม 3 พาคุณสืบสาน อนุรักษ์ งานศิลป์ “หนังใหญ่วัดขนอน” ชมการแสดงเรื่อง รามเกียรติ์ ตอน ศึกทศกัณฐ์ ครั้งที่ 5 (ยกรบ), เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ชมการแสดงโขน ชุดพิเศษบ้านนราศิลป์ นางเลิ้งที่หาชมยาก, สนุกกับ Swing Dance กับวง Stumbling Swingout, เซ็นทรัล อุดร ประกวด ส้มตำ ลีลามหาบันเทิง และเซ็นทรัล ศาลายา โขนจิ๋ว รร. สาธิต มศว.ประสานมิตร
  3. อร่อยมหาบันเทิง ฉลองสงกรานต์และวันครอบครัวกับอาหารร้านดังของแต่ละพื้นที่มากมาย ในคอนเซ็ปต์ “ตลาดไทยมหาบันเทิง” ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทุกสาขา
  4. เที่ยวมหาบันเทิง กิจกรรมพิเศษ เที่ยวสนุกได้ทั้งครอบครัว อาทิ เซ็นทรัล สุราษฎร์ธนี งาน Surat Summer Kite การแสดงว่าวนานาชาติ เเชมป์โลก 50 ตัว, เซ็นทรัล อยุธยา มีขบวนนางสงกรานต์บนรถแห่ตุ๊กตุ๊กหน้ากบ รอบเมือง

  1. ช้อปมหาบันเทิง พบโปรโมชั่นใหญ่รางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.7 ล้านบาท* สมาชิก The 1 ช้อปครบรับสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลใหญ่รถยนต์ New Nissan KICKS e-POWER รุ่น V, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า MONOWHEEL, ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ภายในประเทศ* NOK AIR, คูปองเงินสดจาก SUPERSPORTS และรางวัลอื่นๆ รวม 60 รางวัล Top Spenders 10 ท่านแรก รับแพคเกจที่พักสุดหรู SILAVADEE KOH SAMUI , ช้อปครบรับสิทธิ์แลกซื้อ Summer Bag, สมาชิก The 1 Exclusive รับคะแนนสูงสุด X4 เท่า, สมาชิก The 1 รับคะแนน X3 เท่า และโปรโมชั่นบัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 10%* ไม่ต้องแลกคะแนน หรือแลกรับเครดิตเงินคืนหรือบัตรของขวัญ สูงสุด 20%* หรือผ่อน 0%* กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

สามารถชมคลิปมหาบันเทิง  https://youtu.be/Jcu3VVCTZp0 และเช็คพิกัด “สงกรานต์มหาบันเทิง” http://bit.ly/3LYj5Bs

ร่วมกันสืบสานประเพณีไทย กับเทศกาลสงกรานต์ไปกับเซ็นทรัลพัฒนา เป็นการผสาน Culture และ Entertainment ได้อย่างลงตัว สามารถปั้นสงกรานต์ให้เป็น Festival ระดับโลกได้จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้รู้จักประเทศไทยมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มหาศาลอีกด้วย

]]>
1427069
‘Airbnb’ เผยเทรนด์ท่องเที่ยวหลัง 2023 เน้น “ปักหลักยาว ไปเป็นครอบครัว ชอบสัมผัสธรรมชาติ” https://positioningmag.com/1424624 Thu, 23 Mar 2023 10:40:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1424624 แน่นอนว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่คลี่คลายลง กิจกรรรมแรก ๆ ที่คนทั่วโลกต้องการทำก็คือ ท่องเที่ยว แต่แน่นอนว่าพฤติกรรมการท่องเที่ยวก็ปรับเปลี่ยนไป โดย Airbnb ก็ได้มาแชร์ถึงเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2023 ขณะที่ไทยเองก็ถือเป็นหมุดหมายอันดับต้น ๆ ของโลก

ไทย Top 5 ปลายทางของ Airbnb

นายอมันพรีท บาจาจ ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย ฮ่องกง และไต้หวัน ของ Airbnb กล่าวว่า ในปี 2022 การท่องเที่ยวในแถบอเมริกาและยุโรปมีการฟื้นตัวมากกว่าฝั่งเอเชีย เนื่องจากมาตรการด้านโควิดที่ผ่อนคลายมากกว่า แต่ในปี 2023 การท่องเที่ยวของภูมิภาคเอเชียมีการฟื้นตัวมากขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศของจีน ขณะที่ไทยเองก็ถือเป็นหนึ่งในปลายทางสำคัญ

โดยปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวถึง 11.15 ล้านคน โดย กรุงเทพฯ ถือเป็นปลายทางอันดับ 1 ที่มีการจองที่พักมากที่สุดของแพลตฟอร์ม ตามด้วย ภูเก็ต, พัทยา, เชียงใหม่ และเกาะสมุย โดยประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยมากที่สุดของแพลตฟอร์ม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ยุโรป, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และจีน

สำหรับในปี 2023 นี้ ไทยยังคงติด Top 5 ปลายทางยอดนิยมบน Airbnb คาดว่าภาพรวมทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยประมาณ 25-30 ล้านคน โดย นักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มขับเคลื่อนหลัก เพราะตั้งแต่ที่จีนเปิดประเทศ ไทยเป็นปลายทางที่นักท่องเที่ยวจีนค้นหาที่พักมากที่สุด และกรุงเทพฯ ถือเป็นปลายทางอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก

สงกรานต์ยอดค้นหาพุ่ง 310%

สำหรับช่วงเทศกาล สงกรานต์ การค้นหาที่พักในช่วงเทศกาลดังกล่าวเติบโตขึ้น 310% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดย 5 ปลายทางที่ถูกค้นหามากที่สุด ได้แก่

  • กรุงเทพฯ
  • พัทยา
  • เชียงใหม่
  • กระบี่
  • ภูเก็ต

โดยนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางในช่วงสงกรานต์มากที่สุด ได้แก่ ออสเตรเลีย, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี และฝรั่งเศส ส่วนประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ สิงคโปร์, เกาหลีใต้, จีน และมาเลเซีย

เทรนด์ใหม่เน้นพักยาวเที่ยวเป็นกลุ่ม

สำหรับเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2023 จะเป็นการเดินทางแบบกลุ่มมากขึ้น เฉพาะประเทศไทยเติบโตขึ้นถึง 300% เนื่องจากผู้คนต้องการเดินทางมาเพื่อสานสัมพันธ์กับเพื่อน คนรัก และครอบครัว นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแบบ Family Travel ทั่วโลกก็เติบโตขึ้นถึง 60% นอกจากนี้ อีกเทรนด์ที่เห็นคือ การนำ สัตว์เลี้ยง ไปท่องเที่ยวด้วย โดยปัจจุบันมีโฮสต์ที่รองรับการเข้าพักของนักท่องเที่ยวที่มีสัตว์กว่า 2,800 โฮสต์

ขณะที่ระยะเวลาในการเข้าก็เติบโตขึ้น โดยการพักในไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 5 คืน และการเข้าพักระยะยาวมากกว่า 28 วัน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า เนื่องจากคนสามารถทำงานและท่องเที่ยวด้วยการทำงานทางไกลได้ ทำให้การท่องเที่ยวเป็นแบบอยู่ยาว (Long Stay) มากขึ้น นอกจากนี้ ปลายทางที่นักท่องเที่ยวสนใจหมุดหมายท่องเที่ยวใหม่ ๆ เน้นสัมผัสธรรมชาติและเสน่ห์ของคนพื้นเมือง

“ที่คนจีนเลือกไทยเป็นประเทศแรก ๆ ที่เขาอยากมาเที่ยวเพราะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีจำนวนมาก และเขาก็มีความสนใจที่จะเรียนรู้และสัมผัสกับภูมิปัญญาท้องถิ่น”

เกาหลีใต้ปลายทางฮิตของคนไทย

กลับกัน สำหรับคนไทยเองก็มีความต้องการเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้น โดยจุดหมาย 5 อันดับที่คนไทยค้นหามากที่สุดของ Airbnb ในปี 2022 ได้แก่ เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น โดยเมืองที่นักท่องเที่ยวไทยจองที่พักที่สุด ได้แก่ โซล, ลอนดอน, ปารีส, เมลเบิร์น และนิวยอร์ก

สำหรับ Airbnb ปัจจุบันมีโฮสต์ 6.6 ล้านแห่ง รวมนักท่องเที่ยวกว่า 4.4 พันล้านราย โดยทางแพลตฟอร์มไม่สามารถเปิดเผยว่าจำนวนนักท่องเที่ยวบนแพลตฟอร์มและจำนวนโฮสต์เติบโตเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน

]]>
1424624
บูมอีสาน! “ยูดี ทาวน์” อัดงบ 40 ล้านจัดสงกรานต์ “EDM” ปี’66 กรุยทางดึงจีนสายมูเที่ยว “อุดร” https://positioningmag.com/1422060 Tue, 07 Mar 2023 07:32:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422060 สายแดนซ์เตรียมพร้อม “ยูดี ทาวน์” เตรียมจัดใหญ่ UDON SONGKRAN FESTIVAL 2023 จัดปาร์ตี้ดนตรี “EDM” รับช่วง “สงกรานต์” ใหญ่ที่สุดที่เคยจัดในภาคอีสาน คาดการณ์ปี’66 ท่องเที่ยว “อุดร” ฟื้นตัวได้เท่าก่อนโควิด-19 ลุ้นดึงนักท่องเที่ยวจีน “สายมู” ทัวร์ริมโขง-ไหว้พระขอพร

“ยูดี ทาวน์” ศูนย์การค้าท้องถิ่นแห่งอุดรธานี เตรียมกลับมาจัดเทศกาลสงกรานต์ครั้งใหม่ใหญ่กว่าเดิมในงาน UDON SONGKRAN FESTIVAL 2023 ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายน 2566 บนพื้นที่ลานเดอะแลนด์ ขนาด 12,000 ตร.ม. พร้อมอุโมงค์น้ำขนาดยักษ์

ไฮไลต์งานนี้คือเทศกาลดนตรี EDM Party ที่จะจัด 4 คืนต่อเนื่อง (13-16 เม.ย. 66 เวลา 17:00-24:00 น.) พร้อมเชิญศิลปิน-ดีเจทั้งในไทยและต่างประเทศกว่า 40 ราย เปิดรายชื่อดีเจระดับโลกที่จะมาแสดงในงาน เช่น Mike William จากเนเธอร์แลนด์, Gammer จากสหราชอาณาจักร, Bonka จากโคลัมเบีย ส่วนของไทยจะมีวงหมอลำอินเตอร์ฯ Paradise Bangkok ร่วมแสดง

ยูดี ทาวน์
ยูดี ทาวน์ อุดรธานี

 

ปาร์ตี้ EDM ต้อนรับชาวอีสานกลับบ้าน-เศรษฐีชาวลาว

“อภิชา วีรชาติยานุกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด รุ่นสองของกลุ่มยูดี ทาวน์ กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่าเป็นการกลับมาในรอบ 3 ปี โดยงานดนตรี EDM ทางยูดี ทาวน์มีการจัดครั้งแรกเมื่อปี 2559 เริ่มจากงานขนาดเล็ก ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นทุกปีจนถึงปี 2562 ที่จัดครั้งสุดท้ายก่อนต้องหยุดจัดอีเวนต์ใหญ่เพราะโควิด-19

งานครั้งนี้ใช้งบลงทุนไป 30-40 ล้านบาท จัดใหญ่กว่าเมื่อปี 2562 ถึง 2 เท่า และคาดว่าจะมีทราฟฟิกเฉพาะในงานนี้รวม 5 วัน 100,000 คน หรือเฉลี่ยวันละ 20,000 คน

ตัวอย่าง headliner งาน

ราคาตั๋วในงานจะมีตั้งแต่ระดับสูงสุด VVIP First Class ราคาเหมา 4 วัน 100,000 บาทต่อโต๊ะ 6 ท่าน ซึ่งจะได้สิทธิ Private Dry Zone ทางเข้าส่วนตัว ห้องน้ำส่วนตัว แพ็กเกจเครื่องดื่ม ฯลฯ ไปจนถึงตั๋วโซน GA ผู้ชมทั่วไป ราคา 400 บาทต่อวันต่อคน

อภิชากล่าวว่า บริษัทคาดหวังรายได้ขั้นต่ำ 30 ล้านบาทจากงานนี้ และหากขายตั๋วได้เต็มอัตราน่าจะทำรายได้ได้ถึง 100 ล้านบาท

“เป้าหมายของงานนี้จะเป็นคนวัย 20 ปีขึ้นไป ตอบโจทย์ชาวอุดรและชาวอีสานที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านจากการไปทำงานที่กรุงเทพฯ และคนอีสานก็ต้องการเทศกาล EDM แบบนี้เหมือนกัน รวมไปถึงชาวลาวที่มีกำลังซื้อสูง สนใจเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์” อภิชากล่าว

ยูดี ทาวน์ สงกรานต์
งานสงกรานต์ที่ยูดี ทาวน์ รอบปี 2562

งานครั้งนี้ยังมีการจัดพื้นที่ให้กับกลุ่ม VVIP แพ็กเกจทั้งหมดประมาณ 20% ของพื้นที่ เพิ่มขึ้นจากครั้งล่าสุดในปี 2562 ที่กันไว้ 10% ของพื้นที่ เพราะจากงานครั้งก่อนพบว่า แพ็กเกจระดับนี้ขายหมดเร็วมาก ไม่เหลือพอที่จะขายหน้างาน สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อและต้องการโต๊ะแบบ VVIP เพื่อสะท้อนไลฟ์สไตล์ของตน

อีเวนต์ใหญ่รับสงกรานต์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวในช่วงหลังโควิด-19 ของยูดี ทาวน์ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน เริ่มสั่งอาหารและสินค้าทางเดลิเวอรีมากขึ้น ทำให้ทราฟฟิกเข้าศูนย์ฯ ลดลงเหลือ 8,000 คนต่อวัน จากก่อนโควิด-19 มีลูกค้าเฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน

แม้ยอดขายของร้านค้าเช่าจะไม่ต่ำลงเพราะลูกค้าเพียงหันมาซื้อผ่านเดลิเวอรี แต่ศูนย์ฯ จะต้องปรับมามีอีเวนต์มากขึ้น และมีการตกแต่งใหม่บ่อยขึ้นเพื่อดึงให้คนมาใช้ชีวิต ถ่ายรูป มีความบันเทิงนอกบ้าน โดยอภิชากล่าวว่าจากนี้ยูดี ทาวน์จะมีอีเวนต์ใหญ่ทุกๆ 2 เดือน และมีพันธมิตรสำคัญคือ “ไทยเบฟเวอเรจ” และ “เป๊ปซี่” ที่จะสร้างสีสันผ่านคอนเสิร์ตหมุนเวียนเข้ามาต่อเนื่อง

 

ท่องเที่ยวฟื้นปีนี้ หวังปีหน้าดึง “จีน” ทัวร์ทำบุญ

ด้าน “ธนกร วีรชาติยานุกูล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด รุ่นหนึ่งผู้ก่อตั้งศูนย์ฯ เปิดภาพรวมการท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรธานี จากสถิติผู้โดยสารเข้าออกทางเครื่องบินเมื่อปี 2565 มีผู้โดยสาร 1.77 ล้านคน ปี 2566 นี้เป็นไปได้ว่าจะมีผู้โดยสารทางเครื่องบินกลับไปเท่าปี 2562 คืออยู่ที่ 2.8 ล้านคนต่อปี เนื่องจากเที่ยวบินเข้าออกอุดรธานีเพิ่มขึ้นเกือบจะเท่ากับปีก่อนโควิด-19 แล้ว

(จากซ้าย) อภิชา วีรชาติยานุกูล, ภาสกร วีรชาติยานุกูล, ธนกร วีรชาติยานุกูล

ธนกรกล่าวถึงจุดยุทธศาสตร์ของอุดรธานีว่า เป็นจังหวัดศูนย์กลางการเดินทางไปหนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม หนองคาย เวียงจันทน์ ได้สะดวก และมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเชิงธรรมชาติ/วัฒนธรรม เช่น ทะเลบัวแดง บ้านเชียง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวสายธรรมะ ไหว้พระทำบุญ อุดรธานีและทัวร์ภาคอีสานมีความโดดเด่นมาก เชื่อว่าจะเป็นจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง

นอกจากนักท่องเที่ยวไทยแล้ว ภาคอีสานยังคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเพิ่มขึ้นในอนาคต หลังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เริ่มโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวริมโขง ตั้งแต่หนองคาย อุดรธานี ไล่ไปจนถึงนครพนม และชาวจีนเริ่มแสดงความสนใจ เนื่องจากชาวจีนบางกลุ่มก็มีความเชื่อในทางวัตถุมงคล การไหว้พระทำบุญ เช่นเดียวกับคนไทย เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการทำการตลาด อาจจะยังไม่เห็นชัดเจนในปีนี้ แต่ปี 2567 น่าจะเห็นชาวจีนเที่ยวอีสานมากขึ้น

 

โรงแรมเติบโต วางแผนเปิดแห่งที่สองเพิ่ม

“ภาสกร วีรชาติยานุกูล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาทิพย์ 456 จำกัด รุ่นสองที่เข้ามาช่วยบริหารงานโรงแรมโมโค (MOCO) และศูนย์ประชุมนานาชาติมลฑาทิพย์ กล่าวว่า โรงแรมโมโคซึ่งเป็นบูทีคระดับ 4 ดาว ขนาด 68 ห้อง หลังเปิดมาเกือบ 2 ปี ปัจจุบันมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 60% และคาดว่าปีนี้น่าจะขยับเป็น 70-80% ได้ หลังการท่องเที่ยวฟื้นตัว เที่ยวบินกลับมาเปิดบินเต็มที่

ส่วนศูนย์ประชุมฯ มลฑาทิพย์ก็เริ่มกลับมาคึกคัก มีงานอีเวนต์ แต่งงาน จัดประชุม ทุกวัน ขณะนี้อยู่ระหว่างกระตุ้นตลาดเพิ่ม

ธนกรกล่าวต่อถึงแผนอนาคตของกลุ่มยูดี ทาวน์ ยังเหลือที่ดินอีก 2 แปลง แปลงละ 4 ไร่ รวมถึงที่ดินใกล้เคียงกับโรงแรมโมโคที่สามารถปรับการใช้งานได้ ที่ดินเหล่านี้กำลังวางแผนว่าอาจจะเปิดเป็นโรงแรมระดับกลาง ราคาห้องพักคืนละ 1,500-2,000 บาท คาดว่าจะก่อสร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น 2 อาคาร รวม 140 ห้อง ใช้งบลงทุนราว 200 ล้านบาท แต่จังหวะการลงทุนอาจใช้เวลาอีก 2-3 ปีในการตัดสินใจ

]]>
1422060
3 ปีติดไม่ได้เล่นน้ำ! แล้ว ‘สงกรานต์’ ปีนี้ชาวเน็ตอยากทำอะไรมากสุดไปดูกัน https://positioningmag.com/1381228 Mon, 11 Apr 2022 09:05:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381228 เข้าสู่ปีที่ 3 ของการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทุกวงการ โดยเฉพาะงานเทศกาลต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก สำหรับประเทศไทยเองก็มีเทศกาล สงกรานต์ หรือวัน ปีใหม่ไทย ที่จัดขึ้นทุกวันที่ 13-16 เมษายนของทุกปี ซึ่งปีนี้นับเป็นปีที่ 3 แล้วกิจกรรมในเทศกาลนี้ไม่ได้จัดอย่างเต็มที่เหมือนที่เคยผ่านมา แม้ในปีนี้รัฐบาลจะไม่ได้มีการห้ามเดินทางก็ตาม แต่กิจกรรมอย่างการ เล่นน้ำ ก็ยังไม่สามารถทำได้

บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกมาวิเคราะห์ข้อมูลการพูดถึงเทศกาลสงกรานต์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและวางแผนกลับบ้านของประชาชน โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 5 เมษายน 2565 ผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE พบว่ามีการพูดถึงบนโซเชียลทั้งหมด 26,490 ข้อความ และมีเอ็นเกจเมนต์ที่เกิดขึ้นราว ๆ 3,260,000 เอ็นเกจเมนต์ ส่วนใหญ่ข้อความจะเกิดขึ้นบน Facebook (64%) ตามมาด้วย Twitter (12%), Instagram (6%) และ อื่น ๆ (18%)

จากข้อมูลพบว่า ส่วนใหญ่มีการวางแผนกลับบ้านและอยากรีบให้ถึงสงกรานต์ราว ๆ 5,282 ข้อความ มีข้อความเกี่ยวกับวางแผนท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ 4,963 ข้อความ เมื่อลองเจาะลึกลงไปอีกพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่สนใจไปเที่ยวทะเล 2,117 ข้อความ โดยทะเล ภูเก็ต ได้มีการพูดถึงมากกว่า พัทยา พอสมควร

อันดับของสถานที่ที่คนอยากไปรองลงมา คือ เชียงใหม่ โดยมีการพูดถึง​​ทั้งหมด 1,835 ข้อความ เหตุผลหนึ่งที่เชียงใหม่กลายเป็นตัวเลือกอันดับ 3 ของชาวโซเชียล เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยมีอากาศที่เย็นลงจนเทียบเท่ากับช่วงหน้าหนาว ทำให้หลายคนคาดหวังว่าอากาศจะดีไปจนถึงช่วงสงกรานต์

นอกจากการท่องเที่ยวในประเทศยังพบว่า มีหลายคนอยากที่จะใช้เวลาช่วงสงกรานต์ไปเที่ยวต่างประเทศประมาณ 1,992 ข้อความ โดยประเทศที่มีการพูดถึงมากที่สุด คือ เกาหลี เป็นจำนวน 846 ข้อความ และอีกหนึ่งประเทศที่ใครหลายคนคิดถึงนั่นก็คือ ญี่ปุ่น 754 ข้อความ

นอกจากการพูดถึงของประชาชนว่าสงกรานต์นี้วางแผนจะไปเที่ยวที่ไหน ทางบริษัทหรือกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเองก็มีการเคลื่อนไหวเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน เห็นได้จากการโปรโมต และการทำโปรโมชันบนโซเชียล สังเกตได้จาก Hashtag Cloud บน ZOCIAL EYE ที่ส่วนใหญ่จะเป็น Hashtag จากบริษัททัวร์ โรงแรม และธุรกิจในแวดวงท่องเที่ยว

อีกมุมหนึ่งก็มีคนที่พูดถึงว่าสงกรานต์ไม่อยากไปเที่ยวไหน อยากอยู่บ้าน อยากใช้เวลาวันหยุดอยู่กับครอบครัว ราว ๆ 845 ข้อความ ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่ที่ทุกคนพูดถึงกันบนโลกโซเชียล คือ กลัวติดโควิด ไม่อยากใช้เงินกับการไปเที่ยว และอยากใช้เวลาทำกิจกรรมกับครอบครัวที่บ้านมากกว่า

ในส่วนของคนที่ไม่ได้กลับบ้านนั้น เหตุผลหลัก ๆ คือ กลัวที่จะไปคลุกคลีกับคนหมู่มากในการเดินทาง ไม่อยากเสียเวลากับรถติด กลัวว่ากลับบ้านไปแล้วจะเอาเชื้อไปแพร่ให้คนที่บ้าน รวมถึง มีหน้าที่การงานที่ต้องทำในช่วงของวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีการพูดถึงอยู่ราว ๆ 228 ข้อความ

หากเทียบกับปีที่ผ่านมาที่กิจกรรมหลาย ๆ ถูกจำกัดทำให้ได้เห็น #สงกรานต์ทิพย์ แต่มาเทียบกับปีนี้กลับไม่มีแฮกแท็กดังกล่าว เนื่องจากปีนี้สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ ส่งผลให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ค่อนข้างดี ผู้บริโภคเน้นไปท่องเที่ยวมากกว่าอยู่บ้าน จะเห็นว่าจังหวัดที่เป็นเมืองท่องเที่ยวก็เริ่มมีการพูดถึงและมีคนวางแผนไปเที่ยวกันมากขึ้น รวมถึงต่างประเทศเริ่มมีการปรับมาตรการให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ง่ายขึ้นทำให้มีตัวเลือกในการท่องเที่ยวมากขึ้นไปอีก

]]>
1381228
FMCG เตรียมตัว! อีเวนต์-งานสังสรรค์ช่วง “เทศกาลเฉลิมฉลอง” ในเอเชีย โอกาสบูสต์ยอดขาย https://positioningmag.com/1365809 Wed, 08 Dec 2021 08:18:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365809 ข้อมูลจาก Kantar สำรวจข้อมูลย้อนหลังในเอเชียช่วง “เทศกาลเฉลิมฉลอง” ของประเทศต่างๆ ได้แก่ คริสต์มาส ตรุษจีน รอมฎอน และสงกรานต์ พบว่า ยอดขายสินค้า FMCG จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 13% โดยปลายปีนี้จนถึงปีหน้า เชื่อว่าอัตราการฉีดวัคซีนที่ดีขึ้นในหลายประเทศ จะทำให้การจัดงานสังสรรค์ทำได้เต็มที่ขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสินค้าดีขึ้นตามไปด้วย

Kantar เปิดข้อมูลย้อนหลังปี 2564 เทียบการใช้จ่ายสินค้า FMCG ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน และของใช้ส่วนตัว ระหว่างช่วง “เทศกาลเฉลิมฉลอง” กับช่วงที่ “ไม่ใช่เทศกาล” โดยสำรวจใน 8 เขตการปกครอง คือ เวียดนาม (เฉพาะในเขตเมือง) จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย

จากข้อมูลพบว่า การใช้จ่ายกับสินค้า FMCG ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองรอบปี 2564 จะเติบโตสูงกว่าปกติเฉลี่ย 13%

อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ใช้จ่ายหนักจะเป็นประเทศที่ฉลอง “ตรุษจีน” คือ เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และมาเลเซีย ส่วนเทศกาลอื่นๆ ในรอบปีที่ผ่านมาไม่ได้มีการใช้จ่ายสูงขึ้นมากซึ่งอาจเกิดจากเป็นช่วงที่มีการระบาดรอบใหม่เกิดขึ้นในภูมิภาคพอดี

รวมถึงประเทศไทยเราด้วย เมื่อวัดในช่วงสงกรานต์ 2564 แล้ว การใช้จ่ายจะเท่าๆ กับช่วงปกติที่ไม่มีเทศกาล แต่อาจเกิดจากสงกรานต์รอบที่ผ่านมา ไทยยังมีการล็อกดาวน์ต่อเนื่องเป็นปีที่สองทำให้จัดงานสังสรรค์ไม่ได้ แต่ก็มีสินค้าบางกลุ่มย่อยที่ขายดีขึ้นกว่าปกติ คือ “เครื่องดื่ม” และ “อาหารสำเร็จรูป” ซึ่งน่าจะเกิดจากการซื้อสินค้ากักตุนไว้ในช่วงล็อกดาวน์พอดี

 

อัตราฉีดวัคซีนดี กลับมาฉลองเต็มที่

Kantar มองว่า อัตราการฉีดวัคซีนที่เกินกว่า 50% แล้วในหลายๆ ประเทศแถบเอเชีย จะทำให้ผู้บริโภคกล้าเข้าร่วมงานอีเวนต์ จัดงานฉลอง งานสังสรรค์กันมากขึ้นในช่วงเทศกาล รวมถึงประเทศไทยที่ ณ วันที่ 4 ธ.ค. 2564 มีผู้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว 60.8% ของประชากร (ยกเว้นประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่ประชากรยังได้รับวัคซีนครบไม่ถึง 50%)

เมื่อวัดจากการฉลองตรุษจีน 2564 เป็นช่วงที่ยังไม่มีการระบาดรอบใหม่ในภูมิภาค เห็นได้ว่าในประเทศที่ฉลองตรุษจีนมียอดขายสินค้า FMCG ดีขึ้น และ Kantar คาดการณ์ว่าในปี 2565 น่าจะยิ่งดีขึ้นไปอีก เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนดังกล่าว

 

จับตากลุ่ม “เครื่องดื่ม” มาแรงช่วงสงกรานต์

เจาะตลาดประเทศไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ “มาร์ติน ชอย” Strategic Insights Director, Kantar ประเทศไทย กล่าวว่า ปกติแล้วสงกรานต์คือช่วงที่ร้อนที่สุดของปี ทำให้กลุ่ม “เครื่องดื่ม” มักจะเป็นสินค้าขายดีอยู่แล้ว และน่าจะยิ่งเติบโตในปี 2565 เมื่อลูกค้าซื้อแบบแพ็กใหญ่สำหรับการสังสรรค์

จะเห็นได้ว่าช่วงสงกรานต์ครั้งที่ผ่านมา เครื่องดื่มและอาหารสำเร็จรูปขายดีกว่าปกติ

สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องสำหรับตลาดไทยคือ ปีนี้ร้านของชำได้เปรียบมากในแง่ช่องทางการขาย FMCG เพราะได้แรงสนับสนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ ทำให้มีลูกค้าหน้าใหม่เดินเข้าร้านของชำในเขตเมืองมากขึ้น และลูกค้าเก่าในเขตต่างจังหวัดซื้อสินค้าในร้านของชำเยอะขึ้น

ชอยคาดว่า ปีหน้าจะเกิดการแย่งลูกค้ากันมากขึ้น ระหว่างโมเดิร์นเทรดที่ต้องการจะดึงลูกค้ากลับคืนมาหลังหมดโครงการรัฐกับร้านของชำที่จะดึงลูกค้าให้อยู่กับตัวเองต่อไป อาจจะได้เห็นการลดราคาอย่างหนักในกลุ่มเครื่องดื่มในช่วงเทศกาลฉลองนี้เอง

]]>
1365809
10 กิจกรรมที่ชาวโซเชียล ‘อยากทำ’ ช่วงสงกรานต์แต่ต้อง ‘ทำทิพย์’ เพราะโควิด https://positioningmag.com/1327685 Mon, 12 Apr 2021 05:42:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327685 ปัจจุบันสถานการณ์ COVID-19 ได้กลับมาแพร่ระบาดอีกระลอก และที่หลายคนน่าจะเศร้าที่สุดก็คือ แพลนที่จะทำช่วง ‘หยุดยาวสงกรานต์’ ที่มีอันต้อง ‘ทำทิพย์’ แทน ซึ่งไวซ์ไซท์ได้ทำการเก็บข้อมูลโซเชียลจำนวนกว่า 5.5 ล้าน Engagement ผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ในช่วงวันที่ 1-20 มีนาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดการระบาดระลอกใหม่ ดังนั้นมาดูกันว่ามีกิจกรรมอะไรที่หลายคนเคยตั้งใจไว้ว่าจะทำในช่วงวันหยุดยาวนี้กัน

ท่องเที่ยว 2,258,873 engagement

คนเริ่มวางแผนท่องเที่ยวหลังจากรัฐฯ ประกาศนโยบายหยุดยาว  6 วัน ตั้งแต่วันที่ 10-15 เม.​ย. 2564 โดยสถานที่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด คือ ทะลภาคใต้ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ แต่ด้วยเศรษฐกิจปัจจุบันชาวโซเชียลเลยเลือกประหยัดงบประมาณเลือกเที่ยวทะเลพัทยา บางแสน เกาะล้าน หัวหินชะอำ ไปก่อน

เล่นน้ำ 854,329 engagement

จากสงกรานต์ทิพย์เมื่อปี ‘63 ที่ทางภาครัฐฯ ประกาศงดจัดงานเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศจนเกิด #สงกรานต์ทิพย์ ทำให้ในปีนี้ชาวโซเชียลยังคงพูดถึงการเล่นน้ำในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นจำนวนมาก โดยยังคงคำนึงถึงความปลอดภัย และตระหนักในการปฏิบัติตามมาตรการของทางรัฐฯ เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19

ภาพจาก Shutterstock

นอน 807,683 engagement

ชาวโซเชียลส่วนหนึ่งเลือกใช้วันหยุดยาวไปกับการนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ดูหนัง ดูซีรีส์ Netflix ส่วนหนึ่งเป็นการชาร์ตแบตให้ตัวเอง และประหยัดค่าใช้จ่ายไปในตัว แน่นอนว่าแพลนนี้สามารถทำได้ 100% โดยไม่ต้องทำทิพย์ หรือบางคนที่ไม่อยากทำก็ต้องทำ

กลับภูมิลำเนา 749,579 engagement

จากที่ไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ในช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ปี ‘63 การได้ใช้วันหยุดยาวเพื่อกลับภูมิลำเนา ไปเยี่ยมครอบครัว พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นเรื่องที่ชาวโซเชียลพูดถึงอย่างล้นหลาม และชื่นชมนโยบายของทางรัฐฯ ที่ทำให้หลายคนได้มีโอกาสใช้เวลาในวันหยุดยาวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

รดน้ำดำหัว 619,263 engagement

ออกไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัว ขอพรให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตเพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ในวันปีใหม่ไทย

ภาพจาก Shutterstock

ทำบุญ 479,082 engagement

เข้าวัดทำบุญ ขอพร ปล่อยนกปล่อยปลา

ทำความสะอาดบ้านรับปีใหม่ไทย 280,741 engagement

ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ เพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ในวันปีใหม่ไทย

ออกกำลังกาย 246,786 engagement

หลังจากอ้างว่าทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกายมาอย่างยาวนาน ชาวโซเชียลส่วนหนึ่งเลือกใช้วันหยุดยาวออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ และถือโอกาสฟิตหุ่นให้เฟิร์มพร้อมไปทะเลในช่วงซัมเมอร์นี้

ทาสหมา ทาสแมว 137,462 engagement

อยู่บ้านไปยาว ๆ เล่นกับหมา เล่นกับแมว คอยปรนนิบัติรับใช้ให้สมเป็นทาสหมา ทาสแมว

ทำสวย 102,875 engagement

ดูแลตัวเองให้เต็มที่ ทั้ง ทำผม ทำหน้า ทำสปา ทำเล็บ หรือศัลยกรรมเพื่อจะได้ใช้ช่วงเวลาวันหยุดยาวในการพักฟื้น

อ่านจบมาถึงตรงนี้คงมีหลายกิจกรรมที่ตรงใจใครหลาย ๆ คน และหลายกิจกรรมก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะการให้ความร่วมมือต่อมาตรการต่าง ๆ อย่างเคร่งครัดจะทำให้พวกเราผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกันอีกครั้ง และหวังว่าพวกเราทุกคนจะสามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขโดยเร็วที่สุด

]]>
1327685
เจาะลึกเม็ดเงินโฆษณาหลังมี ‘วัคซีน’ สื่อไหนฟื้น สื่อไหนยังน่าห่วง https://positioningmag.com/1323826 Wed, 17 Mar 2021 13:24:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1323826 ในปี 2020 ที่มีวิกฤตการระบาดของ COVID-19 ทำให้หลากอุตสาหกรรมต้องชะงักการใช้เงิน ส่งผลให้ ‘เม็ดเงินโฆษณา’ ติดลบไปถึง -18.3% แต่ในปี 2021 ที่ได้ ‘วัคซีน’ มาจุดประกายความหวัง มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ ก็ได้ออกมาคาดการณ์ถึงแนวโน้มเม็ดเงินโฆษณาในปีนี้ รวมถึงเจาะลึกปัจจัยบวกและปัจจัยลบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น

ปีนี้บวกแต่ต้องรอ 3 ปีฟื้นถึงจุดเดิม

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด กล่าวว่า หลังผ่านจุดต่ำสุดของวิกฤต COVID-19 ที่ทำให้เม็ดเงินโฆษณาติดลบไปถึง -18.3% มีมูลค่า 73,720 ล้านบาท แต่ในปี 2021 เริ่มเห็นสัญญาณต่าง ๆ ที่ดีขึ้น อาทิ การกระจายวัคซีนให้กับประชาชนที่แม้จะต้องใช้เวลานานกว่า 1 ปีก็ตาม โดยคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาปี 2021 เติบโตอย่างน้อย 5-10% มีมูลค่า 79,600 ล้านบาท คาดว่าไตรมาส 3-4 จะเป็นช่วงที่มีเม็ดเงินมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม การที่เม็ดเงินโฆษณาจะกลับไปเท่ากับปี 2019 หรือแตะ 90,000 ล้านบาทนั้นอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปี เนื่องจาก ‘ท่องเที่ยว’ ยังไม่ฟื้นเร็ว ๆ นี้ รวมถึงอัตราการว่างงานที่สูง และกำลังซื้อที่หายไป นอกจากนี้ยังมี ‘การเมือง’ ที่เป็นปัจจัยรองลงมาอีก และการจะไปถึงระดับ 1 แสนล้านบาทอาจไม่ได้เห็นอีกแล้ว

“โควิดระลอกสองทำตลาดช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ติดลบ -7.8% แต่มีสัญญาณการทำแคมเปญทางการตลาดที่ดีในช่วงเดือนมีนาคมเชื่อว่าจบเดือนจะมีแคมเปญราว 1,300 แคมเปญเติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แม้ว่าจะมีการระบาดที่บางแคอีกครั้งก็ตาม แต่ประชาชนไม่ตื่นตระหนกเหมือน 2 ครั้งก่อน”

รถยนต์ น้ำดื่ม อาหารเสริม โทรคมนาคม อีคอมเมิร์ซ ดันเม็ดเงิน

กลุ่มยานยนต์ประเภทรถยนต์ : กลุ่มตลาดรถยนต์จะกลับมาใช้เม็ดเงินอีกครั้งจากที่ตกไปมากกว่า 20% เนื่องจากมี ‘ผู้เล่นรายใหม่จากจีน’ รวมถึงกระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นตัวผลักดันให้เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มนี้กลับมาคึกคักในปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 15% มีเม็ดเงิน 6,000 ล้านบาท

เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งก์ : เครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งก์ อาทิ น้ำดื่มผสมวิตามินเป็นกลุ่มที่เติบโตตั้งแต่ปีที่ผ่านมาเพราะพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีคู่แข่งเข้ามาต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมี ‘กัญชง’ ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดอีก

อาหารเสริมสุขภาพและความงาม : การเติบโตในกลุ่มอาหารเสริมเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยม อีกทั้งยังใช้เม็ดเงินโฆษณาทางทีวีโดยเฉพาะตลาดโฮมช้อปปิ้งในอัตราสูง

สื่อสารโทรคมนาคมและอุปกรณ์สื่อสาร : เนื่องจากการมาของ 5G อย่างเต็มรูปแบบ เชื่อว่าจะทำให้ตลาดคึกคัก คาดว่าเติบโต 10% คิดเป็นเม็ดเงิน 4,500 ล้านบาท

อีมาร์เก็ตเพลส : อีคอมเมิร์ซที่กลายเป็นพฤติกรรมการช้อปปิ้งของคนไทยไปแล้ว ดังนั้นผู้เล่นในตลาดอย่าง Shopee, Lazada, JD Central จะยังคงโหมทำตลาดต่อเนื่อง

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการ บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด

ทีวี ออนไลน์ Out Of Home ยังใหญ่สุด

ในส่วนของประเภทสื่อที่ใหญ่สุด ได้แก่

ทีวี คาดว่ามีสัดส่วน 50.3% มีมูลค่า 40,000 ล้านบาท (-14%)

ออนไลน์ มีสัดส่วน 31.3% มีมูลค่า 21,767 ล้านบาท (+25.5%)

Out Of Home มีสัดส่วน 10% มูลค่า 9,883 ล้านบาท (+4%)

“ปีที่ผ่านมาสื่อนอกบ้านได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ แต่ปีนี้สถานการณ์ดีขึ้นจึงปรับตัวดีขึ้น ส่วนตลาดออนไลน์การใช้งานอินฟลูเอนเซอร์เติบโตมากที่สุด โดยเป็นเทรนด์ที่คาดว่าจะยิ่งเติบโตต่อเนื่อง แต่เม็ดเงินคงไปเทียบกับแพลตฟอร์มอย่าง Facebook และ Google ไม่ได้”

ที่น่าสนใจคือ ทีวี เนื่องจากช่องดิจิทัลทีวีเกิดใหม่ อาทิ ช่อง Work point, Mono29 และ One 31 ที่เรตติ้งดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เม็ดเงินไหลจากช่องหลักอย่างช่อง 3, ช่อง 7 ไปมากขึ้น เติบโตถึง 21% นอกจากนี้ ที่น่าจับตาคือ การกลับมาของ ‘สรยุทธ สุทัศนะจินดา’ ที่กระแสของมวลชนเป็นบวก เชื่อว่าเหล่ามาร์เก็ตเตอร์ก็มองบวก แต่โลกของมีเดียที่เปลี่ยนไปก็ต้องดูว่าจะสามารถดึงคนกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม คงไม่มีแรงกระเพื่อมถึงขนาดดึงเม็ดเงินมาลงทีวีเพิ่มขึ้น แต่อาจจะมีผลต่อรายการข่าวทีวีที่ทำให้แข่งขันกันมากขึ้น

โรงหนังน่าห่วง ส่วนคลับเฮาส์ยังไม่กระทบตลาด

ต้องยอมรับว่ากระแส ‘คลับเฮาส์’ ในไทยมาแรงมาก แต่ยังไม่มีผลกระทบกับอุตสาหกรรมโฆษณา เพราะออดิโอแชทยังไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมโดยรวมไทย แค่ตอบโจทย์แค่กลุ่มคนย่อย ๆ ซึ่งถ้าเทียบกับ ‘พอดแคสต์’ นั้นตอบโจทย์มากกว่า ขณะที่สื่อ ‘วิทยุ’ กลายเป็นเซ็กเมนต์มีเดีย คือ ใช้ได้ผลกับผู้บริโภคบางกลุ่มที่ยังฟัง

อย่างไรก็ตาม ‘โรงภาพยนตร์’ ถือเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง เพราะปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกดูหนังก็คือ ‘หน้าหนัง’ ถ้าหนังดีก็ดึงคนกลับไปได้ แต่ปัจจุบันกำลังซื้อก็ไม่ดี รวมถึงการมาของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคทำให้ชินกับการอยู่บ้าน ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์คงไม่ฟื้นแล้ว

สุดท้าย คงไม่สามารถระบุได้ว่าแบรนด์ใช้สื่อไหนมากที่สุด เพราะไม่เน้นสื่อไหนพิเศษขอแค่ดึงไปสู่ ‘ยอดขาย’ มากกว่าสื่อที่นำไปสู่การสร้างแบรนด์หรืออแวร์เนส และคงไม่สามารถระบุได้ว่าสื่อไหนจะสามารถนำไปสู่ยอดขายได้ดีที่สุด เพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีความสามารถต่างกันและแต่ละสื่อก็สามารถนำเสนอได้หลากหลายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

]]>
1323826
ขอดเกล็ด “Insights in Songkran” ไม่พลาดจับลูกค้าให้อยู่หมัดบน Facebook และ Instagram https://positioningmag.com/1224755 Fri, 12 Apr 2019 04:29:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1224755 เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนใช้จ่ายและท่องเที่ยวมากที่สุดในรอบปี โดยมีข้อมูลระบุว่า คนไทยได้เดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนทั้งหมด 3.1 ล้านครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว และมียอดใช้จ่ายมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นถึง 20.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

ที่สำคัญความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการใช้จ่ายภายในประเทศ มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ข้อมูลจากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ระบุว่า เพิ่มขึ้น 81% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นผลจากการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภค ที่เป็นชนชั้นกลางและกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง

Mobile Insights in Today’s Connected Songkran

ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่แบรนด์ไม่ควรพลาดในการเข้าถึงผู้บริโภคโดย Facebook IQ เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดที่มีชื่อว่า “Mobile Insights in Today’s Connected Songkran” ซึ่งนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวก

ข้อมูลเหล่านี้ถูกวิเคราะห์จากพฤติกรรมการใช้งาน Facebook และ Instagram โดยในทุกๆ เดือน คนไทยจำนวน 52 ล้านคนใช้งาน Facebook ผ่านโทรศัพท์มือถือ และ 60% ของนักช้อปที่ใช้โทรศัพท์มือถือเป็นหลัก คือกลุ่มมิลเลนเนียลที่มีอายุระหว่าง 18-34 ปี

ที่มาของรูป : Pixabay/StockSnap

ในขณะเดียวกัน Instagram มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 1 พันล้านคนต่อเดือนทั่วโลก (80% ของผู้ใช้อยู่นอกสหรัฐฯ) และมีอัตราผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ใช้กลุ่มนี้ให้ความสนใจที่ค่อนข้างสูง ต่อเนื้อหาประเภทความงามและแฟชั่น

จากการศึกษาพบว่าแม้จะอยู่ใช้ช่วงของการพักผ่อนแต่ผู้ใช้ก็ไม่ได้หยุดใช้งานด้วยโดยหัวข้อที่ผู้ใช้ Fcaebook นิยมพูดถึงคือ มิตรภาพ, ความรัก, การท่องเที่ยว และ ครอบครัว ส่วน ความรักการท่องเที่ยวอาหาร และ มิตรภาพ” เป็นหัวข้อที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในโพสต์ และการแสดงความคิดเห็นบน Instagram

อำนาจซื้ออยู่ที่ผู้หญิง และมือถือ

ชวดี วงศ์พยัต หัวหน้าฝ่ายธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม Facebook ประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า กลุ่มผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 25-34 ปี คือกลุ่มผู้ใช้งานหลักที่กล่าวถึงหัวข้อยอดนิยมบน Facebook และ Instagram ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีจำนวนสูงกว่ากลุ่มผู้ใช้งานผู้ชายในช่วงอายุเดียวกัน

โดยโอกาสที่จะเข้าถึงผู้บริโภคมีอยู่มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งโทรศัพท์มือถือ เพราะ 61% ใช้โทรศัพท์มือถือในการหาข้อมูล ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการค้นหาร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง ที่นำเสนอสินค้าและดีลที่ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น 54% บอกว่า ช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ดียิ่งขึ้นเมื่ออยู่หน้าร้าน

ผลการศึกษายังระบุอีกว่า 39% ของผู้บริโภค ค้นพบแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากการรับชมวิดีโอบนโทรศัพท์มือถือ โดยข้อมูลดังกล่าวได้ถูกอ้างอิงมาจากผลการศึกษาของนีลเส็นในหัวข้อว่าคุณค่าของวิดีโอที่จัดทำขึ้นในปี 2017 ซึ่งได้ทำการสำรวจผู้บริโภคที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี จำนวน 22,000 คนใน 10 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย

เข้าผู้บริโภคทั้งก่อนและหลังเทศกาลสงกรานต์

ไม่ว่าเทศกาลอะไรก็ตาม แบรนด์สามารถสร้างการเข้าถึงทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ จากการศึกษาพบว่า 80% ของผู้ใช้ Instagram ได้ติดตามบัญชีผู้ใช้ที่เป็นธุรกิจหรือแบรนด์ ดังนั้นแบรนด์สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ ตั้งแต่ช่วงที่คนไทยเริ่มโพสต์เกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ก่อนที่เทศกาลจะมาถึง

โดย 55% ของการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ จะเกิดขึ้นในสัปดาห์ก่อนสงกรานต์ (เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเทศกาลทั้งหมด) หัวข้อเกี่ยวกับแฟชั่น ความงาม และเครื่องสำอาง เป็นบทสนทนาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในช่วงก่อนเทศกาล เนื่องจากผู้คนกำลังเตรียมตัวซื้อของเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดี และรู้สึกดีในช่วงการฉลองเทศกาล

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์บางประเภท มียอดขายเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงก่อนและหลังเทศกาลสงกรานต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหลังเทศกาล ที่แม้ว่าเทศกาลจะได้จบลงไปแล้ว แบรนด์ยังคงสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการซื้อสินค้าในบางประเภทจะเติบโตสูงขึ้นในช่วงหลังเทศกาล เช่น ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น และสินค้าเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

39% ของการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั้งหมด จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หลังเทศกาลปีใหม่ไทย เมื่อผู้คนเดินทางกลับมาถึงบ้าน และหันมาสนใจกับการซื้อของขวัญและสินค้าลดราคาแทน บน Instagram การใช้จ่ายของผู้บริโภคจะกลับมาอีกครั้ง หลังจากเทศกาลจบลงทันที ซึ่งเป็นอีกช่วงเวลาที่ดีสำหรับแบรนด์ในการสื่อสารโปรโมชั่นหรืออีเวนต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังเทศกาล

4 เคล็ดลับยิงโฆษณาให้โดนใจผู้บริโภคช่วงสงกรานต์

1.การช้อปปิ้งออนไลน์จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุดในช่วงสองสัปดาห์ก่อนเทศกาลสงกรานต์ โดยแบรนด์สามารถแสดงผลิตภัณฑ์ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และกำหนดเป้าหมายที่เจาะจงไปยังกลุ่มผู้ซื้อที่มีความสนใจในการซื้อสินค้า

2.การช้อปปิ้งในนาทีสุดท้าย ในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนเทศกาล คนไทยจะตามล่าหาดีลที่ดีที่สุด โดยเฉพาะที่หน้าร้าน ธุรกิจสามารถกระตุ้นการเยี่ยมชมหน้าร้านผ่านการใช้โฆษณาแบบ Offer Ads และ Local Awareness Ads ได้

3.การเฉลิมฉลองและปาร์ตี้ ในขณะที่ผู้คนกำลังฉลองเทศกาลด้วยการสาดน้ำ มื้ออาหารที่อร่อย และใช้เวลากับครอบครัว พวกเขายังได้แชร์ช่วงเวลาเหล่านั้นผ่าน Facebook และ Instagram แบรนด์ควรสร้างการรับรู้ด้วยการส่งข้อความแห่งการเฉลิมฉลอง เช่น โฆษณาในรูปแบบวิดีโอ และการนำเสนอบริการเสริมหรือข้อเสนอในระยะเวลาที่จำกัด เป็นต้น

4.การกลับมาช้อปปิ้งในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ คนไทยจะเริ่มกลับมาช้อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์อีกครั้งหลังเทศกาล แบรนด์สามารถกำหนดเป้าหมายไปยังกลุ่มคนที่เคยแสดงความสนใจในผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ก่อนหน้านี้ด้วย Dynamic Ads

]]>
1224755