แม้ที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่า จะมีการใช้แมชชีน เลิร์นนิ่งแบ่งลูกค้าตามพฤติกรรมการได้มากกว่า 11 ประเภท แต่กลุ่มลูกค้าที่บริษัทต้องการจะมัดใจเพื่อให้อยู่กับแบรนด์ไปนาน ๆ นั้นหนีไม่พ้น Gen Z (12-26 ปี) ที่จะกลายมาเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ในอนาคต นี่จึงเป็นอีกโจทย์ของ รัฐ ตระกูลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด
แน่นอนว่าการจะจับกลุ่ม Gen Z ก็ต้องสื่อสารไปให้ตรงใจกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าก็ได้หยิบเอา ความกังวล ของวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อดีต หรือ อนาคต มาใช้เพื่อสื่อสารให้คนหันมาโฟกัสกับปัจจุบันหรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนเกิดเป็นแคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน ที่ต้องการจะเตือนสติและชวนให้ทุกคนมาอยู่กับบาร์บีคิวพลาซ่า
“ความกังวลในอดีตหรืออนาคต โดยเฉพาะใน Gen Z ที่ต้องเครียดเรื่องเรียน เรื่องอนาคต ซึ่งมันทำให้ความสุขในชีวิตหายไป และเรามองว่าแบรนด์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เป็นกระบอกเสียง แต่ต้องเป็นสะพานเชื่อมให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย” รัฐ ตระกูลไทย อธิบาย
สำหรับแคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน จะแบ่งกิจกรรมเป็น 3 ส่วน ได้แก่
นอกจากนี้ ยังมีการโปรโมตผ่านสื่อ Out of Home อย่าง รถตุ๊ก ตุ๊ก โดยจะติดข้อความต่าง ๆ เพื่อกระจายการรับรู้ถึงแคมเปญในวงกว้างและที่ขาดไม่ได้คือ โปรโมชัน ฮีลใจวัยรุ่น 299 บาท เริ่มตั้งแต่ 2 มีนาคม ถึง 2 เมษายน
“เรามองว่าตอนนี้สื่อมันมีอะไรให้เราเล่นมาก เพราะตอนนี้ผู้บริโภคมีทัชพอยต์เยอะขึ้น เราต้องเข้าให้ถึงทุกทัชพอยต์ แต่ต้องถูกเวลาอย่างการใช้ตุ๊ก ๆ มาโปรโมตช่วยให้คนเข้าถึง เราก็มองว่าคนออกมาใช้ชีวิตข้างนอกกันเยอะแล้ว”
รัฐ อธิบายว่า แคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สร้างแบรนด์เลิฟ ที่ไม่ได้แค่สื่อสารทางเดียว แต่ สร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในหลากหลายด้าน ซึ่งจะช่วยสร้าง ความไว้วางใจ (Trust) ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ เพื่อให้เกิด แบรนด์เลิฟ ใน Gen Z
“สิ่งที่เราต้องการคือ การเป็นแบรนด์ที่คนรัก เห็นบาร์บีก้อนเห็นแบรนด์เราแล้วยิ้ม ต้องการให้แบรนด์เป็นเพื่อนเขา เป็นสถานที่ที่ทำให้ทุกคนมาเจอกันแล้วมีความสุขร่วมกัน ซึ่งแคมเปญนี้จะสื่อสารกับคน Gen Z ได้ดีที่สุด”
นอกจากแคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน บริษัทก็ต้องการที่จะผลักดัน บาร์บีก้อนให้เป็นมากกว่ามาสคอต แต่ต้องการให้เป็นเหมือนคนหนึ่งคน ที่จะเป็นเพื่อนกับลูกค้า
รัฐ มองว่า ที่ผ่านมาแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าถือเป็น Top of Mind ในตลาด โดยสิ่งที่แบรนด์ทำได้ดีคือ การเป็นกระบอกเสียงให้ผู้บริโภคให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจของแคมเปญต่าง ๆ เช่น การโหวตเลือกโปรโมชัน แต่แคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน จะเป็นสเต็ปในการทำมาร์เก็ตติ้งของแบรนด์ เพราะปัจจุบันที่ตลาดแข่งขันสูง แบรนด์เองก็ต้องพยายามยึดจุดที่แบรนด์ทำได้ดี
“คนบอกว่าวันนี้อยากกินหมูกระทะ อีกวันอยากกินบาร์บีก้อน แสดงให้เห็นว่าเรามียูนีคเซลลิ่งพอยต์ที่ต่างจาก เราเองก็ต้องพยายามยึดจุดที่เราทำได้ดี”
เป้าหมายของแบรนด์ในปีนี้คือการเพิ่ม Members จากประมาณ 2.1 ล้านรายเป็น 3 ล้านรายภายในสิ้นปี ซึ่งการทำการตลาดจากนี้จะต้องเป็น Personalize นอกจากนี้จะเน้นที่การเพิ่มยอดขาย Same Store ทั้ง 146 สาขา และมองหาโอกาสใหม่ ๆ จาก Gon Express ส่วนการเปิดสาขาใหม่ ๆ กำลังมองโอกาสจากพื้นที่นอกห้างฯ
]]>Positioning สำรวจข้อมูลจากโพลของ LINE ประเทศไทย ที่เผยแพร่บนแอปพลิเคชัน LINE เปิดให้ผู้ใช้ร่วมโหวตหัวข้อ “ร้านอาหารร้านแรกที่คุณจะไปกินหลังคลายล็อกดาวน์ คือ!?!” แต่ละคนสามารถโหวตได้ไม่เกิน 3 หัวข้อ โดยมีผู้ร่วมโหวตแล้ว 38,000 คน หลังจากเริ่มเปิดโหวตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 มีผลโหวตดังนี้
เห็นได้ว่าแม้จะมีผู้ใช้ 27.5% ที่ยังหวั่นเกรงการไปร้านอาหาร หลังจากภาครัฐคลายล็อกดาวน์ให้ร้านอาหารสามารถเปิดได้ภายใต้ข้อบังคับทางสาธารณสุข เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 64 แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ 72.5% พร้อมที่จะไปนั่งทานในร้านอาหารแล้ว
ที่น่าสนใจคือ กลุ่มหมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง ซึ่งเป็นร้านลักษณะที่ลูกค้าจะได้ประสบการณ์การทำอาหารด้วยตนเอง กลุ่มนี้มีลูกค้าโหยหาที่จะไปถึง 37.9% เป็นไปได้ว่าเกิดจากปกติแล้วร้านลักษณะนี้ค่อนข้างลำบากที่จะสั่งเดลิเวอรี่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้า “คิดถึง” อย่างมาก
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือผู้ใช้ 12.8% ระบุว่า ต้องการไปร้านอาหารใดก็ได้ที่คนไม่เยอะ สะท้อนให้เห็นว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ใส่ใจเรื่องการเว้นระยะห่างภายในร้าน ซึ่งทำให้ร้านอาหารที่ต้องการดึงลูกค้าในช่วงนี้ อาจจะจับจุดนี้มาเป็นประเด็นโปรโมตได้
]]>บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เก็บข้อมูลเพื่อสะท้อนกิจกรรมที่ ชาวโซเชียลอยากทำมากที่สุด การล็อกดาวน์อย่างต่อเนื่อง จากคีย์เวิร์ดคำว่า ‘อยาก’ จากกว่า 150 กิจกรรม ในช่วงวันที่ 1 มิถุนายน – 11 สิงหาคม 2564 พบว่า มักมีการพูดถึงการอยากทำกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงเวลา 10.00-24.00 น. โดยช่องทางที่มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ Twitter (64%) ตามด้วย Facebook (29%) และช่องทางอื่น ๆ (7%) โดย 10 อันดับกิจกรรมที่ชาวโซเชียลอยากทำมากที่สุดเรียงตามเอ็นเกจเมนต์ มีดังต่อไปนี้
การเดินทางที่ไกลที่สุดตอนนี้อาจจะเป็นจากบ้านถึงซูเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอย หลายคนทริปล่ม ทริปถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ไม่มีทีท่าว่าจะได้ออกไปไหนเลย การไปเที่ยวเลยเป็นกิจกรรมอันดับต้นๆ ที่หลายคนบ่นถึง โดยสถานที่ที่ชาวโซเชียลอยากไปมากที่สุด คือ ทะเล ส่วน 3 อันดับจังหวัดที่ชาวโซเชียลอยากไปมากที่สุด ได้แก่ เชียงใหม่, ภูเก็ต, นครราชสีมา และ 3 อันดับประเทศที่ชาวโซเชียลอยากไปมากที่สุด ได้แก่ เกาหลี, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา
“อยากกินหมูกระทะกะเธอ ติดตรงโควิด ไปไหนไม่ได้เลย” กลายเป็นไวรัลที่ดังชั่วข้ามคืนกับเพลง ‘อยากกินหมูกระทะกะเธอ – เทที & คลีโพ’ เพลงนี้ทำให้ชาวโซเชียลคิดถึงการรวมกลุ่มรับประทานหมูกระทะ ปิ้งย่าง ชาบู มากขึ้นไปอีก
บรรยากาศช่วงหน้าฝน บวกกับการนั่งทำงานหรือเรียนออนไลน์ที่บ้านอาจทำให้ชาวโซเชียลหลายคนง่วง รวมถึงมีหลายคนที่ต้องการนอนเพื่อหนีปัญหา และอยากให้ช่วงเวลาเลวร้ายต่างๆ นั้นผ่านไปไวๆ ล็อกดาวน์ครั้งนี้เลยอาจทำให้สภาพจิตใจของใครหลายคนแย่ลง
ครั้งสุดท้ายที่ดูหนังในโรงภาพยนตร์คือเมื่อไหร่กันนะ? หลายคนคิดถึงบรรยากาศการรับประทานป๊อปคอร์นและน้ำอัดลมระหว่างชมภาพยนตร์ หลายคนซื้อโปรเจคเตอร์จอใหญ่จุใจมาเพิ่มอรรถรสในการชมภาพยนตร์ที่บ้านให้ดียิ่งขึ้น ยังไงตอนนี้คงต้องสตรีมมิ่งดูภาพยนตร์-ซีรีส์วนไปครับ!
วางกล้องเหงา ๆ ไว้ที่มุมห้องมานาน อยากออกไปข้างนอกเพื่อถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจแล้ว! หลายคนอยากออกไปถ่ายรูปเล่นกับเพื่อน ถ่ายรูปรับปริญญา ถ่ายรูปใหม่ ๆ เพื่อไปลงโซเชียล แต่ทำได้แค่ลงรูปที่สต็อกไว้จากสองปีที่แล้ว
ถ้าจบโควิด สายปาร์ตี้คงไปเปิดฟลอร์แดนซ์สะบัดอยู่ที่ไหนสักแห่ง บางคนก็อยากไปนั่งชิล จิบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับเพื่อน ตอนนี้แอลกอฮอล์เดียวที่รู้จักคือแอลกอฮอล์ล้างมือ!
‘คิดถึงการไปคอนเสิร์ต’ ‘คิดถึงบรรยากาศร้องเพลงติดขอบเวที’ ‘คิดถึงการเล่นสดของศิลปิน’ หลายคนนั่งย้อนดูคลิปการแสดงดนตรีสด หลายคนซื้อบัตรเข้าชมเทศกาลดนตรีออนไลน์ ‘ดนตรีบำบัด’ จึงเป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการในตอนนี้
เวิร์คฟรอมโฮม อาจ ‘ไม่ได้เวิร์ค’ สำหรับทุกคน หลายคนจึงอยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ ไปเจอเพื่อนร่วมงานและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแบบตัวเป็นๆ หรือรวมกลุ่มกันพักรับประทานอาหารกลางวัน
นักเรียน นักศึกษา ครูและผู้ปกครองหลายคนเบื่อกับการเรียนออนไลน์ เด็ก ๆ อยากไปเจอเพื่อน ครูอยากทำการสอนที่เน้นกิจกรรมและให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ผู้ปกครองเองก็อาจจะเหนื่อยกับการดูแลการเรียนการสอนลูกพร้อมกับทำงานไปด้วย
ร้านตัดผมและร้านเสริมสวยต้องปิดตัวลงชั่วคราวตามมาตรการคุมเข้ม COVID-19 ทำให้ตอนนี้หลายคนผมยาวจนกลายเป็นราพันเซลกันไปหมด
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ เช่น อยากปั่นจักรยาน, อยากเดินห้าง, อยากทำสวย, อยากสัก, อยากเลี้ยงสัตว์ ที่มีจำนวนการพูดถึงเกิน 100,000 เอ็นเกจเมนต์ จะสังเกตเห็นได้ว่าส่วนมากเป็นกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ที่บ้านทั้งนั้น หลายคนจึงแก้ปัญหาด้วยการโพสต์รูปเก่าแก้คิดถึง หรือแม้กระทั่งนั่งทำลิสต์กิจกรรมที่อยากทำและสถานที่ที่อยากไปหลังโควิดยาวเป็นหางว่าว ยังไงไวซ์ไซท์ก็หวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววันนะครับ
]]>เมื่อนักท่องเที่ยวยังคงไม่กลับมาง่ายๆ ในเร็ววัน โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ต้องรอความคืบหน้าการฉีดวัคซีน โรงเเรมเเละร้านอาหารต่างๆ ต้องหันมาใช้กลยุทธ์การตลาดที่หลากหลาย
‘โนโวเทล สุขุมวิท 20’ เป็นอีกหนึ่งโรงเเรมหรูย่านกลางใจเมือง ที่ออกเเคมเปญดึงดูดลูกค้าได้อย่างน่าสนใจ นั่นก็คือ ‘หมูกระทะออนเดอะรูฟ’ เชิญชวนสาวกปิ้งย่างสตรีทฟู้ด มานั่งฟินกินหมูย่างในบรรยากาศสุดหรู ดื่มด่ำวิวพระอาทิตย์ตกบน ‘Sky on 20’ รูฟท็อปบาร์ชื่อดังที่เป็นจุดขายของโรงเเรม
สำหรับชุดเมนู ‘หมูกระทะออนเดอะรูฟ’ มาพร้อมกับเนื้อหมู ไก่ เนื้อ ซีฟู้ด ผักสด เต้าหู้ ไข่ไก่ เห็ด วุ้นเส้น ผักสดและอื่น ๆ ตามเเบบฉบับหมูกระทะสไตล์ไทย มีน้ำจิ้มให้เลือก 3 แบบคือ น้ำจิ้มสุกี้ น้ำจิ้มแจ่ว เเละน้ำจิ้มหมูกระทะ ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะของเชฟโนโวเทล จัดมาในราคาชุดละ 999 บาท สำหรับ 2 ท่าน รวมน้ำดื่ม เปิดให้บริการวันพุธ–อาทิตย์ โดยลูกค้าต้องทำการจองโต๊ะก่อน เพราะที่นั่งมีจำนวนจำกัด
ก่อนหน้านี้ โรงแรมหรูอย่าง ‘โฟร์ซีซั่น รีสอร์ต เกาะสมุย’ ก็ได้เสนอเมนูพิเศษเป็น ‘หมูกระทะ’ เช่นเดียวกัน โดยเลือกได้ทั้งเนื้อหมู เนื้อวัวแองกัส กุ้งกุลาดำ หรือจะเป็นเนื้อไก่ปลอดสาร นั่งปิ้งย่างท่ามกลางบรรยากาศริมทะเลสวยๆ มีราคาเริ่มต้นที่ 1,900-2,500 บาท สร้างเสียงฮือฮาในโลกออนไลน์ได้อย่างมากที่พบเห็นเมนูหมูกระทะในโรงแรมระดับห้าดาว
โดยมีชาวเน็ตมากดไลก์โพสต์โปรโมตของโรงเเรมกว่า 1 หมื่นครั้ง เเชร์ไปมากกว่า 4 พันเเชร์ เเละมีผู้มา
เเสดงความคิดเห็นถึง 2 พันคอมเมนต์
นับว่าเป็นการสร้างกิมมิกใหม่ๆ ให้ร้านอาหารของโรงเเรมกลับมาคึกคัก ด้วยการเปลี่ยนบรรยากาศจากหมูกระทะบ้านๆ ตามร้านทั่วไป ให้เป็น ‘หมูกระทะลอยฟ้า’ ได้ใจสายกิน–เที่ยว เเละสายโซเชียลที่ได้ถ่ายรูปเมนูเก๋ ๆ ในบรรยากาศหรู ๆ ได้ดีทีเดียว อีกทั้งยังเป็นการโปรโมตโรงเเรมบนโลกออนไลน์ไปในตัวด้วย
ด้านร้านปิ้งย่าง–ชาบูชื่อดังอย่าง ‘เพนกวิน อีท ชาบู’ (Penguin Eat Shabu) ที่มักจะผุดไอเดียใหม่ๆ มา
สร้างสีสันให้วงการร้านอาหารอยู่เสมอ ล่าสุดประกาศเปิดให้ลูกค้าจองโต๊ะรับประทานอาหารที่เป็นเมนูของทางร้าน บนพื้นที่ดาดฟ้าของร้าน ChubbyPapaya เพื่อให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำบรรยากาศสวยๆ ของ ‘วัดภูเขาทอง’ ยามพระอาทิตย์ใกล้ตก เเละมองเห็นไฟสีทองเหลืองสวยในเวลาพลบค่ำ
โดยจะเปิดให้บริการเพียงวันละ 2 รอบ (เวลา 17.00-19.00 น. และ 19.00-21.00 น.) รอบละ 2 โต๊ะ จำกัดจำนวนลูกค้าโต๊ะละ 4 คน ราคา 2,500 บาท (เฉลี่ยคนละ 625 บาท) เปิดให้จองล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 1-28 ก.พ. (หยุดวันพุธ)
นับเป็นการจับมือกันระหว่างร้านอาหาร ทั้งฝ่ายนำเสนอเมนูเเละฝ่ายสถานที่ เพื่อฝ่าฟันวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยการปรับตัวของร้านปิ้งย่าง–ชาบู ต้องยอมรับว่าเผชิญกับอุปสรรคมาแล้วมากมายหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงการเเพร่ระบาดของ COVID-19 รอบเเรก ตลอดปีที่ผ่านมา
โดยหลายร้านได้ปรับตัวสู้ด้วยการหันมาส่ง ‘เดลิเวอรี่’ ถึงบ้าน พร้อมออกกลยุทธ์เด็ด อย่างการ ‘สั่งชาบูแถมหม้อ’ ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับธุรกิจอาหารในเมืองไทยอย่างมาก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ‘เพิ่มยอดขาย’ ที่มาช่วยต่อลมหายใจให้ธุรกิจ ในช่วงที่ร้านยังให้บริการหน้าร้านไม่ได้เต็มที่
เป็นกลยุทธ์การตลาดของเหล่าร้านปิ้งย่าง-ชาบู ที่งัดหมัดเด็ดเอาใจผู้บริโภคจนเกิดกระเเส “สุกี้ฟรีหม้อ” เเก้ Pain Point คนอยากกินเเต่ไม่มีอุปกรณ์ ที่เเม้จะดูเป็นการเพิ่มต้นทุน เเต่ร้านกำลังต้องการรายได้ให้พอหมุนเงินไปได้
นอกจากนั้นยังเป็นการ “ยิงนกหลายตัว” เพราะเมื่อลูกค้ามีหม้อที่บ้านเเล้ว ก็มีเเนวโน้มที่จะ “สั่งซ้ำ” มากินอีกบ่อยๆ เป็นการรักษาความผูกพันกับแบรนด์ไว้ต่อยอดเมื่อผ่านพ้น COVID-19 พวกเขาเหล่านั้นก็จะกลับมาทานที่ร้านอีก
ขณะเดียวกันเหล่าร้านขนมก็ ‘ปิ๊งไอเดีย’ ออกเเพ็กเกจรวมวัตถุดิบเเบบ DIY จัดส่งเดลิเวอรี่ให้ถึงบ้าน ให้ลูกค้าสามารถทำขนมเบื้อง โตเกียว เเพนเค้ก ไปจนถึงบัวลอย ได้เองเเบบง่ายๆ ใช้เวลานิดเดียวเเถมเเก้เหงาช่วงล็อกดาวน์ได้ด้วย
เป็นช่องทางการขายใหม่ๆ ของทางร้าน ที่เเม้ว่าจะผ่านพ้นโรคระบาดไปแล้ว เเต่ “เซตพร้อมทำ DIY” เเบบนี้ก็น่าจะขายต่อไปได้อีกยาว
เเต่การเเพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ในไทย ตั้งเเต่ช่วงต้นปี 2021 ที่ผ่านมา ถือว่ามีความเเตกต่างจากการระบาดรอบเเรกพอสมควร เพราะธุรกิจร้านอาหารเเละโรงเเรม ยังสามารถเปิดบริการให้ลูกค้าเข้าไปรับประทานได้ตามปกติ เพียงเเต่ต้องมีมาตรการความปลอดภัยเพิ่มเติม
เหล่านี้จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องสรรหาไอเดียใหม่ๆ ที่มักมาในทาง ‘ชมวิวสวย’ หรือการให้บรรยากาศดีๆ ผสมกับเมนูอาหารที่คนไทยนิยม ราคาไม่เเพงมาก เพื่อให้ผู้คนเลือกจะเดินทางออกมาทานข้าวนอกบ้านกันมากขึ้นนั่นเอง
นับเป็นกลยุทธ์หารายได้ใหม่ ที่นอกเหนือจากการลดราคาห้องพัก เเจกเเถมสินค้าหรือการจัดโปรโมชันบุพเฟ่ต์ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี ประธานสมาคมโรงแรมไทย เผยมุมมองภาพรวมธุรกิจโรงแรมในวิกฤต COVID-19 กับ MGR Online ว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะในแง่ของการสูญเสียจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
จากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น ประเมินว่า โรงแรมในไทยจะปลดพนักงานไม่น้อยกว่า 35-50% เพราะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการชดเชยต่างๆ ช่วงเวลาที่ไม่มีนักท่องเที่ยวซึ่งกลายมาเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดของกลุ่มโรงแรมราวๆ 24% ต่อรายได้รวม คาดว่ากลุ่มโรงแรมจะไม่เพิ่มจำนวนพนักงานกลับสู่ระดับในปี 2562 แม้สถานการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ เพราะมีทางเลือกในการจ้างบุคคลภายนอกและพนักงาน part-time
อย่างไรก็ตาม มองว่าในอนาคตกลุ่มธุรกิจโรงแรมจะมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ หากเริ่มเปิดประเทศให้กรุ๊ปทัวร์เข้ามาแล้ว จะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอิสระที่กลับมาเป็นกลุ่มแรกๆ เเละกลุ่ม MICE จะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายที่จะกลับเข้ามา
ความเสี่ยงที่ต้องจับตามองคือ ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก และขนาดย่อม อาจจะต้องปิดกิจการไปก่อน เพราะสายป่านสั้น ตามด้วยรายใหญ่ซึ่งก็คงไม่รอดง่ายๆ เพราะต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก แม้จะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากคนไทย เเต่การใช้จ่ายของคนไทยไม่สามารถชดเชยส่วนต่างได้
“พนักงานของโรงแรมต้องสลับกันมาทำงาน และรับเงินเดือนไม่เต็มเดือน อีกทั้งยังไม่มี service charge เเละต้องปรับกลยุทธ์การบริการ เป็นร้านอาหารแบบเดลิเวอรี หรือทำข้าวกล่องขาย เพื่อให้โรงแรมอยู่ได้และพนักงานมีงานทำ”
]]>
แต่เชื่อแน่ว่า หลายคนคงได้จัดเมนูมะม่วงน้ำปลาหวานล้างปากหลังอาหาร หรือไม่ก็กุ้งย่างจิ้มน้ำจิ้มแซ่บๆ กันไปแล้ว
อิทธิฤทธิ์ “ออเจ้า” นี่ช่างแรงนัก อย่าได้เอ่ยอะไรออกมาจากปาก มีอันต้องฮิตติดแฮชแท็คกันเลยทีเดียว
แค่ออกอากาศสัปดาห์ที่สาม จากกระแสระดับประเทศ ก็ขยายสู่ระดับโลก ด้วยการคว้าแฮชแท็กอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ไปครอง จาก #บุพเพสันนิวาส
สงสารอย่างเดียวก็คือ “รอมแพง” เจ้าของบทประพันธ์ที่ต้องเจออาการเหมือนได้ลาภแต่ต้องฟาดเคราะห์ ถูกเผยแพร่บทประพันธ์เสียหมดเปลือกจนถึงขั้นต้องฟ้องร้องกัน เฮ้อ… นี่มันอาการไม่ต่างจากถูกหวย 30 ล้านเลยนะ แต่แบบว่า ปล้นกันซึ่ง ๆ หน้า เลยได้อายกันไปทั้งบางกันเลยล่ะออเจ้า
แต่ที่แน่ๆ งานนี้ทำให้หลายคนสงสัยไม่ได้ว่า บาร์บีคิวพลาซ่า เจ้าของมาสคอตมังกรบาร์บีก้อน จะมาร่วมเขียนบทโทรทัศน์ Tei-in หมูกระทะเข้าไปในบทของออเจ้าการะเกดหรือเปล่า เพราะหลังฉากออกเจ้าเกิดไอเดียจะกินหมูกระทะ จนเป็นเหตุให้ต้องออกไปสั่งทำกระทะแล้วนั้น
ระหว่างพักโฆษณาของ เสิร์ฟความนัวอีกครั้ง “สุขนัว” ของบาร์บีคิวพลาซ่า ซึ่งเผยแพร่ในยูทูบเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ก็แทรกเข้ามาได้จังหวะพอดี ซึ่งเป็นโฆษณาสำหรับโปรโมชั่น สำหรับเมนูทั้งย่าง ทั้งซด พร้อมซุปสไตล์จิ้มจุ่ม กับน้ำจิ้มแจ่ว น้ำครบเครื่องในราคา 599 บาทในช่วงนี้ถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ 6 มีนาคม – 15 เมษายน 2561 ที่บาร์บีคิวพลาซ่า เฉพาะสาขากระทะทองเท่านั้น
ส่วนในแฟนเพจบาร์บีคิวพลาซ่า ก็ไม่รอช้าโพสต์ภาพพี่ก้อนใส่ชุดย้อนยุค ด้านหลังเป็นเรือนไทย ยืนถือกระทะ พร้อมกับแคปชั่นว่า “ที่ไหนรับส่งของข้ามมิติมั้ยครับ อยากส่งกระทะไปให้ออกเจ้าการะเกด” กลายเป็น “ไวรัล” เรียกได้ทั้ง ไลค์ เม้นท์ แชร์ ไปเต็มๆ
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด บอกถึงที่มาว่า เป็นส่วนหนึ่งของการวางแนวทางให้บาร์บีคิวพลาซ่า เป็นแบรนดเลิฟ ให้มีความเป็นมนุษย์สูง โดยมี “บาร์บีก้อน” เป็นตัวแทนของแบรนด์ ที่เปรียบเสมือนเป็นคน พูดคุยกับลูกค้า รู้ว่ากระแสไหนมา และเป็นกระแสบวก ก็จะเข้าไปอยู่ร่วมในหตุการณ์ ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญที่ทุกคนต้องมองเห็นร่วมกันก่อน
ดังนั้นเมื่อละครเรื่องนี้อยู่ในกระแสความสนใจ และมีเหตุการณ์ที่เชือมโยงกับแบรนด์อย่างกรณีหมูกระทะในละครที่ออนแอร์ไปเมื่อคืน ทีมงานที่รับผิดชอบในเรื่องออนไลน์ จึงคิดและทำได้ทันที ไม่ต้องรอขออนุมัติ เพราะคีย์ซักเซสที่สำคัญการทำเรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้งคือ “ความเร็ว” “เก่งไม่กลัว แต่กลัวช้า” เป็นเรื่องจริง ดังนั้นแบรนด์ต้องดูจังหวะ และฉวยโอกาสได้ก่อน รวมทั้ง “ข้อความ”เองต้องมีความคมและกลมกล่อมจึงจะสำเร็จ
“ก่อนหน้านี้ เราก็พาบาร์บีก้อนไปอยู่ในหลายเหตุการณ์ที่เป็นเรียลไทม์มาร์เก็ตติ้งมาแล้ว อย่างเรื่องนี้ ต้องให้เครดิตทีมงาน ที่เขาเข้าใจแนวทางแล้วก็ทำได้เลย กระแสออนไลน์ต้องเร็ว”
ต่อจากนี้ จะมีการออกโปรโมชั่นออกมาโดยเร็ว เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาได้รับประโยชน์ต่อเนื่อง จากการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ หลังจากได้ในเรื่องความสนุกมาแล้ว
ไม่ใช่แค่ บาร์บีคิวพลาซ่า แต่สินค้าอีกหลายประเภทต่างๆ พากันกลยุทธ์ “เรียลไทม์ มาร์เก็ตติ้ง” เกาะกระแสความดังของแม่นางการะเกดกันถ้วนหน้า
อิทธิฤทธิ์ “มะม่วง น้ำปลาหวาน” เมนูสุดแซ่บในละคร ที่ออเจ้าการะเกด ปิ๊งไอเดีย ทำให้คนในเรือนรับประทาน ระหว่างนั้นแอดมินเพจเซเว่น ไม่รอช้า จัดให้ทันควันระหว่างละครออนแอร์ โชว์ภาพดูสด”บุพเพสันนิวาส” พร้อมถาดมะม่วงน้ำปลาหวาน จัดต่อด้วยข้อความว่า “ไม่กงไม่กลับแล้วบ้าน กลับไม่ทัน #ออเจ้า แวะดูกันที่เซเว่นเลยละกัน เห็นบอกจะทำมะม่วงน้ำปลาหวาน แอดนี่เปี้ยวปากรีบจัดก่อนเลยจ้าดีนะ #ออเจ้า ไม่อยากกินข้าวผัดกระเพรา
เรียกเสียงตอบรับจากลูกเพจ รีบแวะไปเซเว่นหาซื้อมะม่วงน้ำปลาหวาน บางรายบอกว่าไปไม่ทัน ของหมดแล้ว
ในไลน์ ออฟฟิสเชียลของประกันภัยค่ายฝรั่งอย่าง AIA ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งภาพทั้งหมูกระทะบนเตาร้อนๆ พร้อมระบุแคลลอรี่ 375 แคล และมะม่วงน้ำปลาหวาน 150 แคล พร้อมข้อความว่า “เมนูสุดโปรดของออเจ้า ก่อนทานเช็คแคลกันสักนิดนะขอรับ
สายการบินอย่างแอร์เอเชีย ยังส่งข้อความในไลน์ว่า “ออเจ้า อย่ามัวชม้อยชายตา รีบมาจับจอง Big Sale กันนะเจ้าคะ“
ในขณะที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต เกาะกระแสละครเรื่องนี้มาตลอด ปล่อยโฆษณาในทวิตเตอร์ ออกมาหลายชิ้น
แม้แต่ เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อย่าง shopee ก็ยังเกาะกระแสออเจ้าด้วยคนแก้ลำด้วยการไม่ต้องให้ลูกค้าไปช้อปที่ไหน แต่ให้มาสั่งซื้ออนไลนได้ทันที “ออเจ้า ไม่ต้องทะเวนหาที่ไหน ชม้อยชายตามาทางนี้ SHOPEE มีทุกอย่าง”
นอกจากนี้ บรรดาเมนูอาหารสุดฮิตในละคร ยังครอบคลุมไปถึง กุ้งเผาตัวใหญ่สดๆ จับที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมน้ำจิ้มซีฟู๊ดสุดแซ่บ ที่ออเจ้าการะเกดจัดให้รับประทานกันทั้งเรือน จนทำให้ในโลกโซเชียลเพรียกหา เมนูนี้กันพร้อมพรั่ง บางรายถึงกับบอกว่า วันหยุดนี้ต้องจัดให้ได้
ใน 4 ตอนแรกกระแส ”บุพเพสันนิวาส” สร้างกระแสคนแห่ไปเที่ยววัดไชยวัฒนาราม ที่อยุธยาในเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาคนคนล้นแน่นวัดมาแล้ว สัปดาห์นี้มาดูว่า อิทธิฤทธิ์ของแม่นางการะเกด จะลามไปถึงบรรดาร้านกุ้งเผา ที่ขึ้นชื่อของเมืองอยุธยาให้แน่นขนัดตามไปอีกหรือไม่
อ่อ การได้เห็นโฆษณาหมูกระทะแบรนด์ดังในจอทีวีแบบนี้ ต้องบอกเลยนะว่า เป็นปรากฏการณ์ที่หายไปนาน ถ้าไม่บอกว่าเป็นเพราะออเจ้า แล้วจะให้บอกว่าเป็นเพราะอะไร ก็เดี๋ยวนี้คิวโฆษณา ก็ไม่ได้แน่นเหมือนเมื่อก่อนแล้วปะเจ้าคะ
ก่อนบุพสันนิวาสออนแอร์ ช่อง3 สามารถขายโฆษณาล่วงหน้าไปได้เพียง 70% ของเวลาโฆษณาทั้งหมด เพราะเอเจนซี่ยังไม่แน่ใจในละครชุดใหม่ว่าจะปังแค่ไหน เพราะละครล็อตก่อนหน้านี้ก็แป๊กไปหลายเรื่อง ขนาดละคร”เสน่ห์นางงิ้ว” ของค่ายแอคอาร์ต เจนเนอเรชั่น การันตีโดย พงพัฒน์ วชิรบรรจง ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างสูงจาก”นาคี” ในปี 2559 แต่”เสน่ห์นางงิ้ว” กลับได้เรตติ้งต่ำที่สุดของช่องในปีนี้ ด้วยเรตติ้งเฉลี่ยเพียง 2.08 เท่านั้น
แต่เมื่อบุพเพสันนิวาส ออกอากาศเพียงตอนแรก กระแสก็มา ทำให้โฆษณาติดต่อเข้ามา จนทำให้สัปดาห์นี้แน่นเอียด ทุกเบรก ทุกจอ
นอกจากนี้ ยังมีสถิติยอดคนดูสดทางออนไลน์ ที่เวป Ch3thailand.com พร้อมๆกัน มีสถิติถึง 500,000 คนทำให้ยอดผู้เข้าเวปช่อง 3 จากข้อมูลของ Truehits เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ติดอันดับสูงสุดอันดับ 7 มียอดคนเข้าเวปถึง 561,103 ราย มากที่สุดในบรรดาช่องทีวีดิจิทัลด้วยกัน
ส่วนในเว็บ เมลโลของช่อง 3 ก็เริ่มมีโฆษณาเข้า สถิติคนดู ”บุพเพฯ” ตอนล่าสุดเป็นล้านวิวแล้ว และยอดคนเข้าดูในตอนที่ 1–4 ก็อยู่ในระดับ 6-8 ล้านวิว
เมื่อ”นาคี”คือละครผลงานสร้างชื่อของช่อง 3 ในปี 2559 ที่สร้างเรตติ้งเฉลี่ย 10.902 โดยที่ตอนจบได้สูงสุด 17.291 แต่ใน 4 ตอนแรกของ ”บุพเพฯ” แม้ว่าจะแรงมาก แต่ยังไม่เกินหน้า ”นาคี“ แต่ปรากฏว่าตอนที่ 5 ออกอากาศไปเมื่อวาน (7 มีนาคม 2561) เรตติ้งแรงแซง ”นาคี” ไปเรียบร้อย โดยเจ้าแม่”นาคี”ได้เรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศ ในตอนที่ 5 ไปที่ 10.173 ในขณะที่ “บุพเพสันนิวาส” ได้ไปถึง 11.354
โดยแยกเป็นเรตติ้งในพื้นที่กรุงเทพฯ 14.171 และต่างจังหวัดอยู่ที่ 9.694 ชนะทุกรายการทุกช่องในวันเดียวกันทั้งหมด
เมื่อเทียบกับละครเรื่องอื่นๆในช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 7 มีนาคม “บุพเพสันนิวาส” ชนะทั้งละครบู๊ “มือปราบเหยี่ยวดำ” ช่อง 7 ที่ได้เรตติ้งเฉลี่ย 5.513 , รายการ I can see your voice ช่องเวิร์คพอยท์ ที่เรตติ้งตกต่ำกว่า 2 มาอยู่ที่ 1.992 และละครเพลงลูกทุ่ง “ดาวจรัสฟ้า”ช่องวัน ที่มาในจังหวะไม่ดี ออกอากาศตอนแรกได้เรตติ้งไปเพียง 1.795.
]]>