ห้างเซ็นทรัล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 08 Dec 2021 18:46:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 พลิกโฉม “โรบินสันขอนแก่น” สู่ “ห้างเซ็นทรัล” ชิพท์แบรนด์ในเครือ จับโลเคชั่นทำเลทอง https://positioningmag.com/1365835 Wed, 08 Dec 2021 09:15:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1365835 ห้างเซ็นทรัลเดินหน้าชิพท์แบรนด์ในเครือ ปรับโฉม “โรบินสัน” เป็น “ห้างเซ็นทรัล” ล่าสุดปรับโรบินสันขอนแก่น เป็นห้างเซ็นทรัล ถือเป็นศูนย์ที่ 3 ที่มีการเปลี่ยนแบรนด์ เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา

ใช้แบรนด์ “เซ็นทรัล” จับทำเลทอง

หลังจากที่เมื่อต้นปี 2563 ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยได้รวมธุรกิจค้าปลีกอยู่ในบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และเปิด IPO ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมถึงได้เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ ROBINS หรือห้างโรบินสัน เท่ากับว่าได้ควบรวมโรบินสันอยู่ภายใต้ CRC อย่างเป็นทางการ

ทำให้ CRC มีแบรนด์กลุ่มห้างสรรพสินค้าในเครือทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และโรบินสัน ซึ่งทาง CRC ก็ได้ทำการจัดพอร์ตใหม่ พร้อมกับกลยุทธ์การเปลี่ยนแบรนด์ โรบินสัน ให้เป็นเซ็นทรัล พิจารณาจากทำเลที่ตั้ง กลุ่มลูกค้าที่อาศัยในโซนนั้น

CRC ได้ประเดิมเปลี่ยน “โรบินสัน เมกาบางนา” เป็น “ห้างเซ็นทรัล เมกาบางนา” แห่งแรก เมื่อช่วงเดือนก.ค. 2563 หลังจากเปิดให้บริการมา 8 ปี เพื่อจับโซนทำเลศักยภาพย่านบางนา-ตราด เป็นทำเลทองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงด้วย

แต่เดิมโรบินสัน เมกาบางนามีพื้นที่รวม 13,000 ตารางเมตร ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจ มีหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ๆ รายล้อม 18 โครงการ และมีที่พักอาศัยอยู่กว่า 70,000 ครัวเรือน มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นประตูสู่ภาคตะวันออก โดยกลุ่มที่อาศัยอยู่ย่านนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง

CENTRAL KHON KEAN

เท่ากับว่า CRC มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการใช้แบรนด์ “เซ็นทรัล” บุกทำเลทอง ทำเลศักยภาพ หรือหัวเมืองใหญ่ๆ ส่วนแบรนด์ “โรบินสัน” เจาะทำเลภูมิภาค เป็นการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้สอดรับกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจทั้งระบบ ทั้งระดับจังหวัด และชุมชนโดยรอบ

หลังจากนั้นก็ได้ปรับโฉม “โรบินสันอุดรธานี” เป็นห้างเซ็นทรัลเป็นแห่งที่ 2 ในปีที่แล้วเช่นกัน ตอนนี้ยังไม่มีเปลี่ยนจากห้างเซ็นทรัลเป็นโรบินสัน

“ห้างเซ็นทรัลขอนแก่น” ทรานส์ฟอร์มแห่งที่ 3

ในปีนี้ทาง CRC ได้ปรับโฉมโรบินสัน เป็นห้างเซ็นทรัลอีก 1 สาขา เป็นคิวของ “โรบินสันขอนแก่น” ได้เปิดให้บริการ “ห้างเซ็นทรัลขอนแก่น” CENTRAL KHON KEAN อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 64

โอลิวิเยร์ บรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้า ในเครือเซ็นทรัลรีเทล กล่าวว่า 

ห้างโรบินสันขอนแก่น เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2552 เป็นห้างที่อยู่เคียงข้างลูกค้าชาวขอนแก่น และจังหวัดใกล้เคียง สอดรับกับไลฟ์สไตล์ และพฤติกรรมลูกค้าทั้งยังรองรับกำลังซื้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ด้วยการพลิกโฉม “โรบินสันขอนแก่น เปลี่ยนเป็น ห้างเซ็นทรัลขอนแก่น” ซึ่งเป็นห้างเซ็นทรัล สาขาที่ 25 และลำดับที่ ของภาคอีสาน เตรียมพร้อมต้อนรับลูกค้าท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว”

CENTRAL KHON KEAN

การปรับโฉมในครั้งนี้มีการดีไซน์ด้วยการดึงเสน่ห์ของวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคอีสาน ผ่านการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Isan Playground” สนามช้อปปิ้งสุดสนุกของภาคอีสาน บนพื้นที่กว่า 15,508 ตร.ม. ตกแต่งภายในด้วยการนำวัสดุธรรมชาติมาใช้ พร้อมๆ กับส่งเสริมสินค้าจากท้องถิ่นอีสาน

อาทิ กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์พื้นเมืองบ้านดินทรายอ่อน ที่ออกแบบผ้าทอ ผ้าไหมมัดหมี่ และผ้าฝ้าย รวมทั้งวัสดุอื่นๆ อย่าง ผ้าทอลาย เชือกถัก หวายสาน และโครงไม้ไผ่ ผสานกับสีสันสดใสที่ได้แรงบันดาลใจจากลวดลายผ้าทอพื้นบ้าน สร้างมู้ดบรรยากาศ ออกแบบดีไซน์แต่ละชั้น ให้เดินช้อปเพลินไม่รู้จบราวกับอยู่ในสวนสนุก

พร้อมทั้งมีไฮไลต์บริเวณโถงกลาง ของชั้น 1 ที่ออกแบบเป็นศาลาไม้ไผ่สาน พร้อมนำต้นคูน ต้นไม้ประจำจังหวัดขอนแก่น ขนาด 4 x 4 เมตร ตั้งตระง่านกลางห้าง ชูความสวยงามเป็นแลนด์มาร์กแห่งภาคอีสานที่มีเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นของจังหวัด

ขอนแก่น จังหวัดศักยภาพ

การเปิดห้างเซ็นทรัลขอนแก่นครั้งนี้ ยังสอดรับกับความพร้อมของศักยภาพจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของภาค มีความโดดเด่นหลายด้าน ทั้งเป็นเมืองด้านการศึกษา มีแหล่งท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์

เป็นศูนย์กลาง Medical hub เป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ และในอนาคตจะมีรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟทางคู่ในจังหวัดขอนแก่นที่มีการวางแผนสร้างรถไฟรางเบา และยังมีเป้าหมายสู่การเป็นเมืองแห่งการประชุมและสัมมนา (MICE CITY)

CENTRAL KHON KEAN

ภายใน 3 ปี จึงจะทำให้มีผู้เดินทางมาที่จังหวัดขอนแก่นมากขึ้น ทาง CRC จึงเล็งเห็นโอกาสในการต่อยอดอุตสาหกรรมค้าปลีกและการท่องเที่ยวไทย ที่จะสามารถเชื่อมโยงและกระจายวงกว้างออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไปได้อีก

]]>
1365835
“ห้างเซ็นทรัล” อิมพอร์ต “Augustinus Bader” จากเยอรมนี เติมพอร์ตบิวตี้แบรนด์แรก! https://positioningmag.com/1341464 Fri, 09 Jul 2021 07:19:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341464 ตลาดบิวตี้ยังเติบโตท่ามกลางวิกฤต ห้างเซ็นทรัลมองเห็นโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงสบโอกาสนำเข้าแบรนด์ “Augustinus Bader” สกินแคร์จากเยอรมนี เติมพอร์ตบิวตี้เป็นแบรนด์แรกในเครือ

รู้จัก Augustinus Bader

Augustinus Bader (ออกัสตินัส บาเดอร์) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับเพรสทีจจากประเทศเยอรมนี ซึ่งความพิเศษของแบรนด์นี้อยู่ที่ต้นกำเนิดของการคิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาจากผลงานการวิจัยด้านสเต็มเซลล์กว่า 30 ปีของ ดร.ออกัสตินัส บาเดอร์ ที่ได้คิดค้นเทคโนโลยีความงามอัจฉริยะเพื่อกระตุ้นการสร้างใหม่ของเซลล์ผิวหนัง และแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ

กลุ่มสินค้าจะมีตั้งแต่บำรุงผวหน้า บำรุงผิวกาย บำรุงมือ มีราคาตั้งแต่ 1,200-8,800 บาท

การันตีผลลัพธ์ด้วยรางวัลผลิตภัณฑ์อันดับ 1 จากนิตยสารชั้นนำทั่วโลกกว่า 40 รางวัล ภายใน 37 เดือน และกระแสตอบรับจากผู้มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิคตอเรีย เบคแฮม, เดมี มัวร์, ไดแอน ครูเกอร์ และอีกมากมาย มียอดขายทั่วโลกที่เติบโตขึ้นถึง 3 เท่า หรือกว่า 70 ล้านดอลลาร์ในช่วงปีที่แล้ว

ทำไมห้างเซ็นทรัลต้องนำเข้ามา?

ก่อนจะกล่าวถึงแบรนด์นี้ ต้องเกริ่นไปถึงก่อนหน้านี้กลุ่มเซ็นทรัลรีเทล ได้เปิดตัว KIS BEAUTY STORE” (คิส บิวตี้ สโตร์) เป็นมัลติแบรนด์สโตร์เมื่อเดือนกันยายน 2562 ปัจจุบันมีทั้งหมด 12 สาขา 

ในตอนนั้นเซ็นทรัล รีเทลมองเห็นเทรนด์การเติบโตของตลาดบิวตี้ ความสวยความงามที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เติบโตขึ้นทุกปี และปัจจุบันผู้บริโภคก็ดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่จัดกัดแค่สาวๆ แต่ผู้ชายก็ดูแลตัวเองให้ดูดีตลอด และยังดูแลตัวเองเร็วขึ้น วัยรุ่นก็มองหาสกินแคร์ เครื่องสำอางกันแล้ว

โดยปกติทางห้างเซ็นทรัล เป็นอีกหนึ่งหน่วยธุรกิจในเครือเซ็นทรัล รีเทลจะมีแผนก “Beauty Galerie” (บิวตี้ แกเลอรี) อยู่แล้ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแผนกที่สร้างรายได้สูง และแข็งแกร่งมาก แผนกนี้จะประกอบไปด้วยเคาท์เตอร์แบรนด์ชื่อดังต่างๆ จากต่างประเทศ

ลูกค้ากลุ่มนี้จะมีลอยัลตี้สูง เพราะมั่นใจว่าซื้อของแท้จากเคาท์เตอร์ ทางเซ็นทรัล รีเทลเคยเปิดเผยข้อมูลว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของแผนกนี้เป็นกลุ่มอายุ 30-45 ปี และ 45 ปีขึ้นไป มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 4,000 บาท/บิล

ทางเซ็นทรัล รีเทลเองก็มีข้อมูลการจับจ่ายของลูกค้าอยู่เสมอ มองเห็นว่าตลาดบิวตี้แข็งแกร่งมาก จึงได้เปิดตัวร้าน KIS BEAUTY STORE วางจุดยืนเป็นมัลติแบรนด์สโตร์ เรียกว่าท้าชนกับร้านบิวตี้สโตร์อื่นๆ อย่างจัง

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดมัลติแบรนด์สโตร์มีการเติบโตอย่างมาก มีเจ้าใหญ่ๆ ที่แข็งแกร่ง และเจ้าใหม่เข้ามาต่อเนื่อง ได้แก่ Eveandboy, Beautium, SEPHORA และ HEJ Street Beauty รวมไปถึงร้าน Health & Beauty Store อย่าง Watsons, Tsuruha, Matsumoto Kiyoshi และ Boots อีกด้วย

ข้อดีของการมีร้านมัลติสโตร์เป็นของตัวเอง สามารถเลือกแบรนด์ที่มีศักยภาพสูงเข้ามาไว้ในร้าน รวมถึงปรับตามพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ ร้านนี้จับกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-30 ปี เรียกว่าขยายฐานลูกค้าจากแผนกบิวตี้เดิม

เมื่อมีร้านเป็นของตัวเองแล้ว ห้างเซ็นทรัลก็เดินหน้าเติมพอร์ตบิวตี้ของตัวเองมากขึ้น ล่าสุดได้นำเข้าแบรนด์ Augustinus Bader ถือว่าเป็นแบรนด์บิวตี้แบรนด์แรกในเครือของห้างเซ็นทรัล ด้วยเหตุผลที่ใกล้เคียงกับกับตอนเปิดร้าน KIS BEAUTY STORE นั่นเอง แต่เปิดเป็นช้อปในแผนกบิวตี้ ไม่ได้ขายในร้าน KIS

ทางเซ็นทรัลเองมีช่องทางการขาย ยิ่งตอนนี้มีหลายหลายช่องทางเป็นออมนิชาแนล เมื่อมีแบรนด์ในเครือเป็นของตัวเอง ย่อมมีรายได้ที่มากขึ้น

ประเดิมห้างเซ็นทรัลชิดลมแห่งแรก

Augustinus Bader ได้เปิดตัวช้อปอย่างเป็นทางการที่ห้างเซ็นทรัลชิดลมเป็นสาขาแรกในไทย สามารถซื้อผ่านทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ มีการตั้งเป้าว่าขึ้นขึ้นแท่นท็อป 10 แบรนด์ยอดนิยมให้ได้ ที่สำคัญคือห้างเซ็นทรัลเป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยอีกด้วย

นันทวัลย์ เหล่าสินชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายบริหารสินค้า บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า

“ห้างเซ็นทรัลไม่เคยหยุดนิ่งในการเลือกเฟ้นสินค้าระดับโลกที่มีคุณภาพมาให้ลูกค้าได้เลือกช้อปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแผนกเครื่องสำอางและความงาม ลูกค้าที่เข้ามาจับจ่ายภายในห้างเซ็นทรัลจะได้พบกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งจากแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว และแบรนด์ที่คัดสรรมาใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะเราเล็งเห็นศักยภาพของการขยายตลาดเครื่องสำอางค์ที่ยังเติบโตได้อีก และวันนี้ห้างเซ็นทรัลพร้อมที่จะแนะนำ Augustinus Bader แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพจากประเทศเยอรมนีให้ลูกค้าได้รู้จักกัน”

ห้างเซ็นทรัล ได้เริ่มจำหน่าย Augustinus Bader ที่แผนก Beauty Galerie ชั้น 1 สาขาชิดลม เป็นแห่งแรก เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และยังมีแผนที่จะขยายไปในสาขาหลักอย่าง ลาดพร้าว และปิ่นเกล้า ภายในปีนี้

]]>
1341464
ไขรหัส Midnight Sale ยังมีมนต์ขลังแค่ไหน? ในยุคที่ใครๆ ก็ช้อปออนไลน์ https://positioningmag.com/1325288 Fri, 26 Mar 2021 16:01:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1325288 ใครเป็นนักช้อปตัวยงคงจะคุ้นเคยกับแคมเปญยักษ์ใหญ่อย่าง Midnight Sale เป็นการขยายช่วงเวลาช้อปปิ้งในศูนย์การค้าถึงเที่ยงคืน แต่คำถามที่ตามมาก็คือ ในยุคนี้ยังมีคนรอคอยกับแคมเปญ Midnight Sale อีกหรือไม่ ในเมื่อใครๆ ก็ช้อปออนไลน์ได้ แถมยังมีดีลลดราคาอยู่ตลอด ไปร่วมหาคำตอบกัน 

เปิดตำนาน 32 ปี Central Midnight Sale

ถ้ายุคนี้มีวันคนโสด หรือ 11.11 เป็นวันชาติของการช้อปปิ้งออนไลน์ แคมเปญ Midnight Sale ก็ถือว่าเป็นวันชาติของการช้อปในห้างสรรพสินค้าเช่นกัน ต้องบอกว่าในยุคก่อนหน้านี้ Midnight Sale ถือว่าสร้างสีสัน และกระตุ้นการจับจ่ายของขาช้อปได้อย่างดี เพราะทำให้ผู้บริโภคสามารถช้อปกระหน่ำได้ถึงเที่ยงคืน

Midnight Sale ได้เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อปี 2531 ตอนนั้น “ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล” เป็นผู้บุกเบิกรายแรก เริ่มต้นที่สาขา “หัวหมาก” ไอเดียหลักของผู้บริหารในยุคนั้นที่ว่า เห็นลูกค้าบางคนติดงาน ทำให้ไม่สามารถช้อปปิ้งในช่วงเวลาทำการของห้างฯ ได้ จึงคิดว่าทำไมไม่เปิดห้างฯ ถึงเที่ยงคืน เพื่อให้ลูกค้าได้ช้อปกับโปรโมชันแรงๆ

Central Midnight Sale

กลายเป็นว่าเซ็นทรัลได้ทำ Midnight Sale มาเรื่อยๆ ขยายไปกับทุกสาขา จนเป็นแคมเปญ “ซิกเนเจอร์” ที่ต้องทำทุกปี และทุกไตรมาส ถึงตอนนี้ก็เดินทางมา 32 ปีเข้าแล้ว รวมถึงผู้เล่นค้าปลีกในตลาดก็มีแคมเปญ Midnight Sale ด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการขาย และสร้างสีสันในตลาด

ถ้าย้อนกลับไป 10 ปีก่อน เมื่อมี Midnight Sale ทีไหร่ ภายในห้างฯ จะคึกคักอย่างมาก บางคนไม่ต้องรอว่าห้างฯ ปิดแค่ 4 ทุ่ม แต่ยังเดินช้อปปิ้งได้ต่อ บางคนใส่ชุดนอนมาเดินช้อปก็ยังมี

แต่การมาของอีคอมเมิร์ซ หรือช้อปปิ้งออนไลน์ ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการค้าปลีกอย่างมาก เพราะหลายคนเลือกที่จะช้อปออนไลน์มากขึ้น มีการลดราคาอยู่ตลอด สะดวกสบายไม่ต้องออกจากบ้าน

คำถามที่ตามมาก็คือ Midnight Sale ยังเป็นแคมเปญที่ขาช้อปรอคอยอยู่หรือไม่ ในเมื่อใครๆ ก็ช้อปออนไลน์ทั้งนั้น

รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด

รวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ให้คำตอบว่า

“ตอนนี้ Midnight Sale ยังเป็นแคมเปญที่ลูกค้าตั้งตารอคอยอยู่ แคมเปญนี้เป็นซิกเนเจอร์ของเซ็นทรัลที่จัดมาอย่างต่อเนื่อง จริงๆ การช้อปออนไน์ไม่ได้แทนที่หมด ยังมีบางอย่างที่ออนไลน์ให้ไม่ได้ ลูกค้ายังอยากมาเดินห้างฯ เอง อยากได้ของในทันที และมีสิทธิพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย”

ปัจจุบันรวิศราได้เข้ามาดูแลธุรกิจกลุ่มห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลอย่างเต็มตัว รวมยูนิตห้างเซ็นทรัล และโรบินสัน ก่อนหน้านี้เธอร่วมงานกับ JD Central ทำให้มีประสบการณ์ในเรื่องอีคอมเมิร์ซ

ไม่มีแผ่ว… อัพยอดขายไม่ต่ำกว่าพันล้านตลอด!

จากคำถามที่ว่า Midnight Sale ยังมีมนต์ขลังแค่ไหน? คำตอบก็คือยังเป็นแคมเปญชูโรงที่กระตุ้นยอดขายได้ถล่มทลายได้จริงๆ

โดยปกติแล้วเซ็นทรัลจะจัด Midnight Sale ปีละ 4 ครั้ง ทุกๆ ไตรมาส เริ่มต้นตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม, มิถุนายน, สิงหาคม และพฤศจิกายน แต่ละครั้งมีระยะเวลารวม 12-14 วัน โดยที่ช่วงที่ขายดีที่สุดจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม และพฤศจิกายน เป็นเพราะส่วนใหญ่อยู่ในช่วงเทศกาล

ครั้งล่าสุดที่เซ็นทรัลเพิ่งจัด Midnight Sale ไปเมื่อวันที่ 26 พ.ย.-7 ธ.ค. 2563 ก็สามารถสร้างรายได้ที่ดี แม้จะยังอยู่กับการแพร่ระบาดของ COVID-19 อยู่ มีทราฟฟิกผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 23% มียอดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 28% และยอดขายเพิ่มขึ้น 50%

รวิศราบอกว่า การจัดแคมเปญ Midnight Sale ในแต่ละครั้ง จะสามารถกระตุ้นยอดขายได้เฉลี่ย 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเติบโตสูงกว่าที่ตั้งเป้าเสมอ

5 กลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุดสำหรับแคมเปญนี้คือ สุขภาพ และความงาม, ของใช้ในบ้าน, ชุดชั้นใน, รองเท้า และเครื่องประดับ และเสื้อผ้าผู้ชาย เห็นได้ชัดว่าขาช้อปที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแคมเปญนี้ก็คือกลุ่มสาวๆ นั่นเอง

มิดไนท์มีอะไรที่ออนไลน์ก็ให้ไม่ได้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสงครามของช้อปปิ้งออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซมีให้เห็นมากขึ้น จากเดิมจะมีแค่เทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 และ 12.12 กลายเป็นว่าตอนนี้มี Double Day แทบทุกเดือน อีกทั้งยังมีดีลโปรโมชันลดราคารออีกเพียบ เรียกว่าล่อตาล่อใจนักช้อปได้ทุกวัน

หลายคนมองว่าผู้บริโภคคงหันไปช้อปออนไลน์กันหมดแล้ว มีอะไรจูงใจมากกว่า แต่รวิศรามองอีกมุมหนึ่ง จริงๆ แล้วช้อปออนไลน์ไม่สามารถเติมเต็มทุกอย่างได้ ยังมีหลายอย่างที่มีในช้อปในสโตร์แต่ไม่มีบนออนไลน์

“จริงๆ ช้อปในร้านออฟไลน์ได้ความคุ้มค่ากว่า มีสิทธิประโยชน์หลายต่อทั้งแคชแบ็กคูปอง, โปรโมชันออนท็อปบัตรเครดิต, สะสมแต้ม The 1 ผู้บริโภคยังรอแคมเปญใหญ่ๆ อยู่เสมอ ช้อปออนไลน์ไม่สามารถแทนที่ออฟไลน์ได้ เพราะคนยังต้องการ Physical Touch จับต้องดูของ และบางคนก็อยากได้ของทันทีไม่ต้องรอ”

รวิศราบอกถึง “ตัวแปร” สำคัญ ที่ยังทำให้ Midnight Sale มีมนต์ขลังอยู่ ก็คือ ระบบ CRM นั่นเอง ทางเซ็นทรัลมีการทำดาต้า และแบ่งกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน เพื่อเวลาสื่อสาร และทำโปรโมชันได้ตรงกลุ่ม และมีการเชิญลูกค้าที่เป็น Top Spending มาช้อปก่อนใครเพื่อนด้วย

พ่วงออนไลน์ครั้งแรก

หลังจากครั้งล่าสุดที่เซ็นทรัลได้จัด Midnight Sale ไปเมื่อปลายเดือนพ.ย. ที่ผ่านมา ก็เริ่มเห็นสัญญาณการจับจ่ายที่ดีขึ้น เพราะหลายคนอัดอั้น หรือเก็บกดจากสถานการณ์ต่างๆ มานาน จึงได้เห็นตัวเลขการเติบโตค่อนข้างดี

ในปีนี้แม้ว่าต้นปีจะต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสในระลอกใหม่ ทำเอาอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยถึงกับหล่นวูบ รวมถึงกำลังซื้อก็น้อยลง แต่เซ็นทรัลก็ยังต้องอัดแคมเปญใหญ่อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และสร้างบรรยากาศว่ามาห้างฯ ก็ปลอดภัย

Photo : Pixabay

Midnight Sale ที่จัดขึ้นในครั้งนี้อยู่ระหว่างวันที่ 26 มี.ค.-6 เม.ย. 64 นอกจากจะเปิดห้างฯ ถึงเที่ยงคืนแล้ว ปีนี้ยังเล่นใหญ่ด้วยการรวมการช้อปทุกช่องทาง เป็น Omni Channel ตั้งแต่ห้างเซ็นทรัล 24 สาขา, แอปพลิเคชัน Central App, เว็บไซต์ Central Online, 1425 Personal Shopper, Chat & Shop และ Facebook เท่ากับว่าปีนี้ช้อปได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังเที่ยงคืนก็ยังช้อปได้

อัดโปรแรง สินค้าใหม่ลดสูงสุด 30%, สินค้าปกติลดสูงสุด 70% และลด/รับเพิ่มสูงสุด 31% จาก The 1 และบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ในแอปพลิเคชันมีเก็บโค้ดส่วนลดตามช่วงเวลา และยังมีทำแฟลชดีลล้อกับเทศกาลช้อปปิ้ง 4.4 ด้วย

จากข้อมูลต่างๆ จึงรวมเป็นคำตอบได้ว่า Midnight Sale ยังคงเป็ญแคมเปญใหญ่ของวงการค้าปลีกในไทย และเป็นภาพจำของเซ็นทรัลที่บุกเบิกรายแรก กลุ่มลูกค้าที่ช้อปมาแต่ไหนแต่ไร ก็ยังคงช้อปต่อไป โลกออนไลน์ไม่สามารถทดแทนได้ ซึ่งกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง ไม่ได้มองที่ราคาถูกเพียงอย่าเดียว แต่ต้องมีสิทธิประโยชน์เพียบด้วย

สำหรับกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าของกลุ่มเซ็นทรัลในปี 2562 มีรายได้รวม 60,000 ล้านบาท รวมห้างเซ็นทรัล และโรบินสัน ส่วนตัวเลขของปี 2563 มีการลดลงเป็นธรรมดา เพราะมีการปิดห้างฯ ไปหลายเดือน ในปีนี้มีการตั้งเป้าว่าจะต้องมีรายได้กลับไปเท่าปี 2562 ให้ได้

ปัจจุบันห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลมีทั้งหมด 24 สาขา และโรบินสัน 49 สาขา ในปีนี้มีแผนรีโนเวตห้างเซ็นทรัล 7 สาขา ได้แก่ สาขาชิดลม, พระราม 2, ลาดพร้าว, พัทยา, พระราม 3 ส่วนเมกาบางนา และอุดรธานี ได้ปรับจากโรบินสันเป็นห้างเซ็นทรัล ส่วนโรบินสันมีรีโนเวต 6 สาขา ได้แก่ สาขารังสิต, อุบลราชธานี, ศรีสมาน, ขอนแก่น, ฉะเชิงเทรา และศรีราชา มีเปิดสาขาใหม่ 2 สาขา ได้แก่ สาขาอยุธยา และบ้านฉาง

]]>
1325288
ช้อปแบบมิติใหม่! “Central at Bumrungrad” เหมือนยกห้างเซ็นทรัลไปที่ “บำรุงราษฎร์” https://positioningmag.com/1298143 Mon, 21 Sep 2020 14:57:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1298143 ครั้งแรกของวงการรีเทล “ห้างเซ็นทรัล” จับมือ “โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เปิดบริการ “Central at Bumrungrad” (เซ็นทรัล แอท บำรุงราษฎร์) ให้ได้ช้อปปิ้งแบบมิติใหม่ผ่านบริการพิเศษ สินค้ามาส่งถึงที่โรงพยาบาล

ช้อปปิ้งได้ แม้ห้อยสายน้ำเกลือ!

เรียกว่าเป็นการจับมือเป็นพันธมิตรกันแบบข้ามสายพันธุ์ที่ช็อกวงการอยู่ไม่น้อย เมื่อห้างค้าปลีกอย่าง “ห้างเซ็นทรัล” จับมือกับโรงพยาบาลสุดไฮเอนด์อย่าง “บำรุงราษฎร์” งานนี้คงบอกได้แค่ว่า ต้องมีอะไรแปลกใหม่ให้เห็นแน่นอน

บริการนี้มีชื่อว่า Central at Bumrungrad เป็นการสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบใหม่ จากปกติที่ช้อปปิ้งอยู่บ้านก็ได้ หรืออยู่ที่ทำงาน แต่นี่คือช้อปปิ้งที่โรงพยาบาล! ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย หรือญาติผู้ป่วยก็ได้ช้อปปิ้งเพื่อปลอบประโลมจิตใจได้ หรือจะซื้อของเยี่ยมผู้ป่วยก็ยังได้ เหมือนยกห้างมาไว้ที่โรงพยาบาล

เซ็นทรัล บำรุงราษฎร์

โดยบริการนี้สามารถสั่งสินค้าผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ Central Chat & Shop ติดต่อผ่านแชตบอกผู้ช่วยส่วนตัวที่ไลน์ @centralofficial และ Central Call & Shop โทรผ่าน เบอร์ 1425 เมื่อโทรปุ๊บ จะจัดสั่งของทันที รับของได้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เป็นบริการส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ และจัดส่งสินค้าภายในวันเดียว เมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนเวลา 18.00 น.

ปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เผยว่า

“เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกค้าในปัจจุบัน ห้างเซ็นทรัลจึงได้จับมือกับโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดตัวบริการ Central at Bumrungrad ยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าของโรงพยาบาล ให้สามารถเลือกซื้อสินค้าระหว่างเข้ารับบริการที่โรงพยาบาล หรือซื้อของเยี่ยม เพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้าเหมือนยกห้างเซ็นทรัลมาไว้ที่โรงพยาบาล โดยเชื่อว่าความร่วมมือกันในครั้งนี้จะเพิ่มประสบการณ์การบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้าของทั้งสองฝ่าย”

บำรุงราษฎร์ เพิ่มบริการเอาใจคนไทย

ทางด้านของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เอง ที่หลังจากเปิดวิกฤต COVID-19 ทำให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติไม่สามารถบินมารักษาพยาบาลได้ ทำให้ทางโรงพยาบาลต้องปรับแผนเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนไทย

จึงได้เห็นกลยุทธ์ทั้งการดัมพ์ราคาค่าห้อง ลดเเลกเเจกเเถมโปรเเกรมตรวจสุขภาพ ไปจนถึงเสนอเเพ็กเกจผ่าตัดราคาพิเศษ เพื่อทดเเทนรายได้ที่ขาดไปในปีนี้ รวมไปถึงการประกาศเป็นพันธมิตรกับผู้เล่นอื่นๆ ทั้งในและนอกวงการ เพื่อเสริมธุรกิจใหม่

อย่างโครงการ “รักษ” ศูนย์เวลเนส รีทรีต รีสอร์ต พื้นที่ 200 ไร่บนคุ้งบางกระเจ้า จ.สมุทรปราการ เป็นพันธมิตรร่วมกับมั่นคงเคหะการ และไมเนอร์ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท

เซ็นทรัล บำรุงราษฎร์

ทางด้าน เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ผู้อำนวยการด้านบริหาร (CEO) โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ บอกว่า

“ผู้ที่มาใช้บริการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีสัดส่วน คนไทย 50% และต่างชาติ 50% โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยชาวต่างชาติจะเป็นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ซึ่งผู้ป่วยต่างชาติ นอกจากจะเดินทางเข้ามาเพื่อการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว ยังมีความประสงค์ที่จะท่องเที่ยวเพื่อพักฟื้นหรือใช้เวลาพักผ่อนพร้อมครอบครัว ซึ่งนับเป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (medical tourism) ของประเทศอีกด้วย”

สำหรับการจับมือกันครั้งนี้ของบำรุงราษฎร์และห้างเซ็นทรัล มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นการจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มลูกค้าโรงพยาบาลที่ต้องการซื้อของเยี่ยม หรือข้าวของเครื่องใช้จำเป็น รวมไปถึงการสร้างสีสันในวงการค้าปลีก เพิ่มช่องทางใหม่ๆ ไม่ได้จำกัดแค่สโตร์ หรือออนไลน์เพียงอย่างเดียว

]]>
1298143
พลิกโฉมโรบินสัน สู่ “ห้างเซ็นทรัล เมกาบางนา” ยึดทำเลทองบางนา-ตราด สวอปแบรนด์ในเครือ https://positioningmag.com/1284100 Thu, 18 Jun 2020 07:57:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284100 “ห้างเซ็นทรัล” ควัก 50 ล้านบาท พลิกโฉมโรบินสันเป็นห้างเซ็นทรัลเมกาบางนา ยึดทำเลทองย่านบางนา-ตราด พร้อมเปิดให้บริการ 2 ก.ค. 63 เตรียมปรับโฉมใหญ่ เพิ่มพื้นที่ปลายปีหน้า

จัดพอร์ตรีเทลของ CRC สวอปแบรนด์ในเครือ

ใครที่อาศัยอยู่ทางฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ย่านบางนา ศรีนครินทร์ ต้องคุ้นเคยกับศูนย์การค้า “เมกาบางนา” เป็นอย่างดี ด้วยไซส์ของศูนย์ที่มีขนาดใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกแทบจะครบ แถมยังมี IKEA เป็นแม็กเน็ต ทำให้เมกา บางนาเป็นอีกหนึ่งเดสติเนชั่นของคนละแวกนั้นได้

เมกาบางนาเปิดให้บริการได้ 8 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 2555 บริหารงานโดย บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท อิคาโน่ รีเทล เอเชีย จำกัด และบริษัท เอส.พี.เอส. โกลเบิลเทรด จำกัด

ภายในนอกจากจะมี IKEA ที่เป็นพาร์ตเนอร์รายใหญ่แล้ว ยังมี “โรบินสัน” เป็นในส่วนของห้างสรรพสินค้า ที่เปิดพร้อมกับเมกาบางนาตั้งแต่เดย์วัน

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยได้รวมธุรกิจค้าปลีกอยู่ในบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC และเปิด IPO ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมถึงได้เสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของ ROBINS หรือห้างโรบินสัน เท่ากับว่าได้ควบรวมโรบินสันอยู่ภายใต้ CRC อย่างเป็นทางการ

ปัจจุบันภายใต้ CRC มีกลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ ห้างเซ็นทรัล 23 สาขา และโรบินสัน 51 สาขา เท่ากับว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้กลุ่มเซ็นทรัล และ CRC ได้ทำการจัดพอร์ตฟอลิโอของตัวเองได้ง่ายขึ้น สามารถปรับสาขาของทั้ง 2 ได้ เพื่อให้เข้ากับสภาพตลาดและทำเล

ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ได้บอกถึงข้อดีของการควบรวมโรบินสันเข้ามาอยู่ใน CRC ว่า

“ทำให้ที่ผ่านมาได้กลับมารีวิวพอร์ตฟอลิโอในกลุ่มมากขึ้น ทำให้มีการปรับพื้นที่ให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า ตอบโจทย์ทั้งเรื่องการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตรงใจลูกค้า มีการแชร์ประสบการณ์ของกันและกันของธุรกิจในเครือมากขึ้น”

ใช้แบรนด์ “เซ็นทรัล” จับหัวหาดทำเลทอง

ทำให้ล่าสุดกลุ่ม CRC ได้ตัดสินใจเปลี่ยน “โรบินสัน เมกาบางนา” เป็น “ห้างเซ็นทรัล เมกาบางนา” เพื่อจับโซนทำเลศักยภาพย่านบางนา-ตราด เป็นทำเลทองที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูงด้วย

โรบินสัน เมกาบางนามีพื้นที่รวม 13,000 ตารางเมตร ทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านเศรษฐกิจ มีหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ๆ รายล้อม 18 โครงการ และมีที่พักอาศัยอยู่กว่า 70,000 ครัวเรือน มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นประตูสู่ภาคตะวันออก โดยกลุ่มที่อาศัยอยู่ย่านนั้นส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง

จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ได้ตัดสินใจโละชื่อโรบินสัน เปลี่ยนมาใช้ชื่อห้างเซ็นทรัลที่เป็นแบรนด์แม่ของกลุ่มเซ็นทรัล

ในเฟสแรกจะใช้งบลงทุน 50 ล้านบาทในการปรับโฉมแบบไมเนอร์ (Minor renovation) จะเปิดให้บริการในวันที่ 2 ก.ค.นี้ และจะมีการรีโนเวตครั้งใหญ่ในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2564 ตอนนั้นจะมีการขยายพื้นที่เพิ่มด้วย

การปรับโฉมครั้งนี้มีการยกทัพแบรนดืใหม่เข้ามาอีก 400 แบรนด์ ทำให้มีแบรนด์รวมกว่า 1,000 แบรนด์ เน้นที่สินค้าสำหรับกลุ่มครอบครัว และคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก มีการคาดการณ์ว่าหลังจากรีโนเวต จะมียอดขายเพิ่มขึ้น 20%

ในอนาคตทั้งโรบินสัน และห้างเซ็นทรัลจะมีแผนที่ปรับเปลี่ยนแบรนด์อีก 3 สาขา โดยที่ประเดิมเปลี่ยนโรบินสันเป็นห้างเซ็นทรัลที่เมกาบางนาสาขาแรก ส่วนอีก 2 สาขายังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา มีทั้งเปลี่ยนจากโรบินสันเป็นเซ็นทรัล และเปลี่ยนจากห้างเซ็นทรัลเป็นโรบินสัน ขึ้นอยู่กับโลเคชั่น และกลุ่มเป้าหมาย

โรบินสันเจาะทำเลภูมิภาค

ปัจจุบันโรบินสันมีห้างสรรพสินค้ารวมทั้งหมด 51 สาขา ครอบคลุม 36 จังหวัด มีพื้นที่รวม 583,300 ตารางเมตร มีทั้งฟอร์แมตโรบินสัน และโรบินสัน ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์

สำหรับโรบินสัน เมกาบางนาเปิดให้บริการมา 8 ปี มีการเติบโตเป็น 2 หลักโดยตลอด มียอดขายอยู่ในอันดับ Top 8 ของโรบินสันมาโดยตลอด

วุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) บอกว่า

“ตอนนี้จุดยืนของโรบินสันจะแข็งแรงในส่วนของภูมิภาค มีขนาดของห้างฯ ที่ยืดหยุ่นกว่า ขนาดเล็กกว่า จะแตกต่างจากห้างเซ็นทรัลทั้งในเรื่องของขนาด และกลุ่มลูกค้า สาขาเมกาบางนามีพื้นที่ใหญ่ รวมถึงกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มครอบครัว คนรุ่นใหม่ เหมากับห้างเซ็นทรัลมากกว่า”

ในขณะที่จุดยืนของห้างเซ็นทรัลจะจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางไปถึงระดับบน กลุ่มคนทำงาน คนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มท่องเที่ยว ทำให้แยกเซ็กเมนต์ และมีความแตกต่างกันชัดเจน

โดยการใช้จ่ายของลูกค้าในโรบินสันจะน้อยกว่าห้างเซ็นทรัลราว 20-30% สินค้าขายดีจะเป็นกลุ่มของใช้ในบ้าน และเครื่องสำอาง สินค้าสำหรับครอบครัว

สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการรีเทล แต่เรียกว่าเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป มองกลุ่มลูกค้า และโลเคชั่นเป็นหลัก การที่ CRC มีทำเลทองและมีศักยภาพอย่างเส้นบางนา-ตราด การเปลี่ยนเอาแบรนด์แม่อย่างห้างเซ็นทรัลมาคงจะตอบโจทย์อยู่ไม่น้อย

]]>
1284100
“ห้างเซ็นทรัล” เปิด 26 มาตรการ เตรียมความพร้อมเปิดให้บริการ 23 สาขาทั่วประเทศอีกครั้ง https://positioningmag.com/1277949 Mon, 11 May 2020 10:52:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1277949 ห้างเซ็นทรัล 23 สาขาทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมเปิดบริการอีกครั้ง ในกรณีที่รัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ครอบคลุม 5 หัวข้อหลัก 26 มาตรการเข้มด้านสุขอนามัย

หลังจากที่ทาง CPN หรือเซ็นทรัลพัฒนาได้เปิดมาตรการรองรับความปลอดภัย เพื่อเตรียมพร้อมการเปิดให้บริการศูนย์การค้าแล้ว ทางห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลก็เปิดมาตรการรองรับด้วยเช่นกัน พบว่ามีรูปแบบไม่แตกต่างกันมากนัก

โดยมีข้อกำหนดครอบคลุมใน 5 หัวข้อหลัก 26 มาตรการเข้มด้านสุขอนามัย เพื่อเตรียมความพร้อมจะเปิดให้บริการทั้ง 23 สาขาทั่วประเทศอีกครั้ง

ปลอดภัยสูงสุด (Central is…Safe)

  • พนักงานต้องสวมหน้ากากอนามัย และเฟซชิลด์ (Face Shield) ตลอดเวลา ขณะปฏิบัติงาน และทำความสะอาดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ ทั้งก่อนและหลังบริการ
  • ตรวจวัดอุณหภูมิพนักงานทุกคน ทุก 3 ชั่วโมง

  • ควบคุมดูแลระบบระบายอากาศหมุนเวียน (Air Change) มากกว่า 10 เท่า เป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งยังเพิ่มระบบฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UVC ในระบบปรับอากาศตลอดเวลา
  • มีระบบติดตาม (Tracking) ข้อมูลลูกค้าที่มาใช้บริการ รวมถึงพนักงานที่เข้ามาปฏิบัติงานที่ห้างสรรพสินค้า

เคร่งครัด คัดกรอง (Central is…Screening)

  • ให้บริการตรวจวัดอุณหภูมิ และบริการเจลแอลกอฮอล์ ก่อนเข้าห้างฯ ให้กับลูกค้า พนักงาน ทั้งหน้าร้านและสำนักงาน รวมถึงพนักงานร้านเช่า ตลอดจนผู้มาติดต่องาน หากพบว่ามีอุณหภูมิเกิน 37.5 องศาเซลเซียส จะไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ และแนะนำให้ไปพบแพทย์ทันที
  • ลูกค้า พนักงานหน้าร้าน และสำนักงาน รวมถึงพนักงานร้านเช่า และผู้มาติดต่องาน ต้องสวมหน้ากากอนามัยก่อนเข้าห้างฯ หากไม่ได้เตรียมมา จะแนะนำให้ซื้อที่จุดคัดกรอง ซึ่งมีการตั้งโต๊ะจำหน่าย

  • คัดกรองความเสี่ยงของพนักงานทุกคนก่อนกลับเข้ามาปฏิบัติงาน โดยให้พนักงานทำแบบประเมินตนเอง (Self-Assessment) ผ่านลิงก์ หรือคิวอาร์โค้ดที่บริษัทฯ กำหนด หากพบความเสี่ยง พนักงานจะต้องปฏิบัติตามแนวทางการกักตัว (Self-Quarantine) มีการติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอย่างน้อย 14 วัน รวมทั้งหมั่นตรวจสอบอาการตนเองสม่ำเสมอ

สะอาด ปลอดภัย ไร้กังวล (Central is…Clean)

  • สินค้าที่จำเป็นต้องสัมผัสกับลูกค้าโดยตรง อาทิ ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ เสื้อผ้า รองเท้า หรือแผนกเครื่องครัว ต้องนำสินค้าที่ลองหรือสัมผัสแล้ว ไปฆ่าเชื้อโรค รวมทั้งทำความสะอาดภายในห้องลองด้วยการฆ่าเชื้อโรคทุกครั้งหลังใช้บริการ
  • ปูผ้าหุ้มพรม บริเวณประตูทางเข้า-ออก ห้างฯ พร้อมพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และเปลี่ยนผ้าวันละ 2 รอบ หรือบ่อยครั้งตามความเหมาะสมของแต่ละสาขา

  • ติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วย UVC แบบอัตโนมัติที่ราวบันไดเลื่อน ห้างเซ็นทรัล (บางสาขา)
  • จัดให้มีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ อาทิ ทางเข้าห้างฯ จุดประชาสัมพันธ์ เคาน์เตอร์แคชเชียร์ และในลิฟต์ทุกตัว รวมทั้งตรวจจุดติดตั้งเครื่องเจลแอลกอฮอล์ ทุก 2 ชั่วโมง เพื่อเติมไม่ให้ขาด
  • ทำความสะอาดห้องน้ำทุก 30 นาที และติดตั้งเครื่องจ่ายเจลแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อโรคบนฝาสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ
    ทำความสะอาดตามรอบความถี่ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งทำความสะอาด Deep Cleaning ทั่วพื้นที่ขาย และห้องให้บริการต่างๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค เครื่องอบโอโซน และเครื่อง UVC เคลื่อนที่ หลังปิดทำการในแต่ละวัน
    ทำความสะอาดในจุดที่ลูกค้าสัมผัสมากด้วยนํ้ายาฆ่าเชื้อโรคทุกครึ่งชั่วโมง อาทิ ราวบันไดเลื่อน ที่จับประตู และปุ่มกดลิฟต์
  • ทำความสะอาดบัตรจอดรถและบัตรศูนย์อาหาร ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ก่อนและหลังการใช้งานทุกครั้ง

เว้นห่าง อย่างห่วงใย (Central is…Distancing)

  • จำกัดจำนวนคนเข้าห้างฯ ไม่เกิน 1 คน ต่อ 5 ตร.ม. โดยมีระบบในการนับที่เคร่งครัด
  • กำหนดจุดเว้นระยะห่าง ทุกประตูทางเข้า-ออก และทุกจุดให้บริการ อาทิ เคาน์เตอร์แคชเชียร์ เคาน์เตอร์บริการลูกค้า จุดเข้าคิวห้องน้ำ จุดแลกซื้อ จุดรอลิฟต์ บันไดเลื่อน ร้านและศูนย์อาหาร
  • มีการจัดที่นั่งเว้นระยะห่าง ณ พื้นที่ห้องบริการ และที่นั่งคอยในพื้นที่ขาย บริเวณเคาน์เตอร์ รวมถึงจุดบริการอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับภาชนะต่างๆ ในห้องเลาจน์ อาทิ แก้วน้ำ และช้อน เปลี่ยนเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง

  • จัดให้มีพื้นที่ติดต่อของบุคคลภายนอก และพนักงานรับส่งอาหาร โดยจัดทำป้าย และสติกเกอร์การเว้นระยะห่าง รวมทั้งทำความสะอาดตามรอบที่กำหนด
  • มีเจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำ เพื่อให้ลูกค้าเว้นระยะห่างที่ปลอดภัยระหว่างกัน ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข
    กำหนดทางเข้า-ออกของลูกค้า โดยใช้คนละข้างของประตู
  • ทำฉากกั้นใส (Window Shield) ที่เคาน์เตอร์บริการลูกค้า และบนโต๊ะรับประทานอาหาร (Table Shield) ในร้านและศูนย์อาหาร
  • ทำป้ายรณรงค์การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 พร้อมข้อควรปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ อาทิ การใช้ห้องน้ำ การใช้ลิฟต์ และการใช้บันไดเลื่อนที่ปลอดภัย

ลดเสี่ยงจากสัมผัส (Central is…A Touchless Experience)

  • ส่งเสริมการชำระเงินผ่านโมบายแบงกิ้ง หรืออีเพย์เมนต์ แทนการชำระเงินสด
  • กรณีลูกค้าชำระเงินสด ทั้งธนบัตรและเหรียญที่ได้รับจะแยกไว้เพื่อนำไปฆ่าเชื้อโรคโดยการอบโอโซน และเงินที่ทอนให้ลูกค้าจะมีการใส่แผ่นรองเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง
  • ติดตั้งแป้นเปิดประตูด้วยเท้าที่ประตูห้องน้ำ และห้องบริการต่างๆ เพื่อเลี่ยงการสัมผัสประตู

]]>
1277949
ปิดตำนานห้าง ZEN เปลี่ยนชื่อ CENTRAL@centralwOrld ปรับโฉมเพิ่มไลฟ์สไตล์ https://positioningmag.com/1255327 Thu, 28 Nov 2019 13:05:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1255327 ห้างเซ็นทรัลตัดสินใจโละแบรนด์ ZEN แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น CENTRAL@centralwOrld หลังจากใช้มา 30 ปี พลิกโฉมเป็นห้างไลฟ์สไตล์ พร้อมดึงญาญ่าเป็นพรีเซ็นเตอร์

ทำเลทอง ขอใช้แบรนด์แม่เซ็นทรัล

เชื่อว่าหลายคนต้องเกิดความสับสนอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับรูปแบบ หรือโครงการของห้างสรรพสินค้าในเครือของกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีหลายแบรนด์ทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ZEN และโรบินสัน ถึงแม้จะมีการบริหารที่แยกส่วนกัน แต่ก็ถือว่าอยู่ชายคาของอาณาจักรเซ็นทรัลเหมือนกัน

โดยที่ห้าง ZEN เป็นหนึ่งเดียวที่อยู่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถือว่าอยู่ในยูนิตของห้างสรรพสินค้า หรือ Department Store รวมกับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ZEN ได้เปิดให้บริการมา 30 ปีแล้ว

แต่ปีนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งทางห้างเซ็นทรัลได้ทำการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น CENTRAL@centralwOrld มีการปรับภาพรวมทั้งหมดทั้งชื่อ แบรนดิ้ง การตกแต่งภายใน และคอนเซ็ปต์

เหตุผลที่ทางเซ็นทรัลได้เปลี่ยนชื่อนั้น ณัฐธีรา จิราธิวัฒน์ บุญศรี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ได้เล่าว่า

ด้วยความที่ ZEN อยู่ในศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ซึ่งเป็นโลเคชั่นทองอยู่สี่แยกราชประสงค์ จึงต้องการใช้แบรนด์แม่หรือแบรนด์เซ็นทรัลมาไว้ในส่วนของห้างสรรพสินค้า จะมีการรีโนเวตใหม่ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกค้า

ทุ่มพันล้าน ปรับโฉมครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่มาช้อปปิ้ง

การปรับโฉมใหม่ครั้งนี้ห้างเซ็นทรัลได้ใช้งบลงทุน 1,000 ล้านบาท ในพื้นที่รวม 50,000 ตารางเมตร ทำการรีโนเวตใหม่ปรับคอนเซ็ปต์ให้มีไลฟ์สไตล์มากขึ้น

ห้าง ZEN มีการเติบโตสูงตลอดทุกปี แต่ครั้งนี้ได้ปรับให้เป็นไลฟ์สไตล์ขึ้น ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะ เพราะพฤติกรรมของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลง การมาห้างสรรพสินค้าไม่ได้ต้องการมาช้อปปิ้งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการมาแฮงเอาท์ มาเจอเพื่อนๆ ทานอาหาร ทำธุระต่างๆ จึงต้องอยากปรับให้เป็นไลฟ์สไตล์ ให้ลูกค้ามาใช้เวลามากที่สุด การซื้อของอย่างเดียวไม่พอ ต้องให้เป็นบ้านหลังที่สองด้วย

โดยปกติแล้วห้าง ZEN เป็นห้างสรรพสินค้าที่สร้างรายได้ติดอันดับ Top 3 ของกลุ่มเซ็นทรัล รองจากเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลลาดพร้าว หลังจากทำการรีโนเวตแล้วมีการตั้งเป้าการเติบโตที่ 20%

โดยที่วางกลุ่มเป้าหมายเป้นคนไทย 60% และชาวต่างชาติ 40%

เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้ว่าห้าง ZEN ได้เปลี่ยนชื่อเป็น CENTRAL@centralwOrld ได้มีการใช้ “ญาญ่า อุรัสยา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ของแคมเปญนี้ เพื่อบอกว่าห้าง ZEN ได้เปลี่ยนชื่อแล้ว

]]>
1255327
ผิดคาด! เซ็นทรัล ถอนตัวประมูลดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์-รอยัลออคิด-บางกอกแอร์เวย์ส ชิงดำ https://positioningmag.com/1231089 Wed, 22 May 2019 12:02:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1231089 ผิดคาด เมื่อกลุ่มเซ็นทรัลถอนตัวกะทันหันไม่ยื่นซองประมูลดิวตี้ฟรีสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งๆ ที่พยายามผลักดันเรื่องนี้มาตลอด

จากการที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้เปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลจำหน่ายสินค้าปลอดอากร หรือ ดิวตี้ฟรี สนามบินสุวรรณภูมิ กำหนดให้ยื่นซองในวันนี้ (22 พ.ค. 62)

จากจำนวนเอกชนซื้อซอง 5 ราย ผลปรากฏว่ามีเอกชน 3 ราย เข้ายื่นซองประมูล คือ

1. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด

2. บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ROH ร่วมกับผู้ร่วมทุน 3 ราย คือ บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ป จำกัด และ WDFG UK LIMITED ผู้ประกอบธุรกิจดิวตี้ฟรีในประเทศอังกฤษ

3. บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ บริษัท โฮเต็ล ล็อตเต้ จำกัด ดิวตี้ฟรีจากประเทศเกาหลีใต้

ส่วนเอกชนอีก 2 ราย ไม่ได้มายื่นซอง คือ บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ร่วมมือกับบริษัท ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ จำกัด ธุรกิจดิวตี้ฟรีประเทศสิงคโปร์ และ 2. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้ยื่นชื่อพันธมิตรร่วมทุน

หลังจากนี้ ทอท.จะเปิดซองเทคนิคในวันที่ 27 พฤษภาคม ให้เสนอราคาในวันที่ 31 พฤษภาคม และวันที่ 12 มิ.ย. เสนอให้บอร์ด ทอท.อนุมัติในวันที่ 19 มิ.ย. และลงนามผู้ชนะประมูล ประมาณ ก.ค. หรือ มิ.ย.

ไมเนอร์ตก เหลือ 2 ราย ! “คิงเพาเวอร์ – เซ็นทรัล” ผ่านเกณฑ์ ชิงดำพื้นที่รีเทล สุวรรณภูมิ

สำหรับการเปิดประมูลโครงการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ (รีเทล) สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมีเอกชนซื้อซองไป 4 ราย ได้แก่ 1. บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด 2. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ 4. บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ซึ่งไม่มีรายใดแจ้งเรื่องการร่วมลงทุน (Joint venture) 

ทอท.กำหนดให้ผู้เข้าประมูลโครงการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ (รีเทล) สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 13.00 – 15.00 น ปรากฏว่ามีผู้ยื่นซอง ประมูลจำนวน 3 ราย ได้แก่ คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ, เซ็นทรัลพัฒนา และไมเนอร์

หลังจากตรวจสอบคุณสมบัติ พบว่ามีผู้ผ่าน 2 รายคือคิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ และเซ็นทรัลพัฒนา

ส่วนบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เชั่นแนล ได้ยื่นประมูล โดยใช้ผลงานของบริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ซึ่งถือว่าไม่ตรงกับเงื่อนไขใน TOR ข้อ 3.5 ที่ระบุให้ผู้ยื่นซองต้องเป็นผู้ซื้อซองด้วยดังนั้น

แม้ว่าจะเป็นการใช้ผลงานของบริษัทลูกแต่เนื่องจาก บริษัท ไมเนอร์ฟู้ดกรุ๊ป ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซอง อีกทั้งไม่ได้แจ้งเรื่องการ Joint venture กันต่อย่างใด จึงถือว่าเป็นคนละนิติบุคคล และทำให้ไมเนอร์ฯ ไม่ผ่านคุณสมบัติ ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติได้ชี้แจง และไมเนอร์ฯเข้าใจในข้อผิดพลาดดังกล่าว วิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอทกล่าว

โดยผู้ผ่านคุณสมบัติ 2 ราย คือ คิงเพาเวอร์ และเซ็นทรัล จะต้องนำเสนอผลงานในวันที่ 29 .และเปิดซองราคาในวันที่ 31 .ช่วงบ่าย โดย ทอท.จะสรุปการประมูลดิวตี้ฟรีและกิจกรรมเชิงพาณิชย์ เสนอต่อคณะกรรมการรายได้ ทอทในวันที่ 12 มิ.. จากนั้นจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอทวันที่ 19 มิ.. อนุมัติ คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาไม่เกินกลางเดือน ส.. 2562

โครงการให้สิทธิ์ประกอบกิจการระยะเวลา 10 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 28 .. 2563 – 31 มี.. 2574 

ลุ้น ดิวตี้ฟรี ภูมิภาค ยื่นซอง 4 มิ.ย.

ส่วนโครงการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) สนามบินภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ มีผู้ซื้อซองไป 4 ราย ได้แก่ คิงเพาเวอร์, บางกอกแอร์เวย์ส, โรงแรมรอยัลออคิด, เซ็นทรัล ซึ่งล่าสุดได้แจ้งเรื่องการร่วมลงทุน หรือ Joint venture มาแล้ว โดยมีคิงเพาเวอร์รายเดียวที่ไม่เสนอรายชื่อ Joint venture ดังนี้

  1. บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ไม่เสนอรายชื่อ JV / Consortium
  2. บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) JV ประกอบด้วย
    • บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
    • บริษัท โฮเต็ล ล็อตเต้ จำกัด
    • บริษัท บางกอกแอร์เวย์สโฮลดิ้ง จำกัด
  3. บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) JV ประกอบด้วย
    • บริษัทโรงแรมรอยัลออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
    • บริษัท เอ็มไพร์ เอเชีย กรุ๊ป จำกัด
    • WDFG UK LIMITED
  4. บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด Consortium ประกอบด้วย
    • บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด
    • บริษัท ดีเอฟเอส เวนเจอร์ สิงคโปร์ จำกัด

โดยจะมีการยื่นซองในวันที่ 4 มิ.ย. นำเสนอผลงาน วันที่ 5 – 6 มิ.ย. เปิดซองราคาวันที่ 10 มิ.ย. เพื่อนำเสนอบอร์ด ทอท. ในวันที่ 19 มิ.ย. เช่นกัน.

Source

]]>
1231089
แรงนักช้อปไม่มีหมด!! “Central | ZEN Shop on Top” ลดแล้ว ลดเพิ่มอีก!! https://positioningmag.com/1230804 Tue, 21 May 2019 06:35:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1230804

ห้างเซ็นทรัลอัดโปรฯ แรงเอาใจขาช้อปดีดขั้นสุด ในรายการ “Central | ZEN Shop on Top” (เซ็นทรัล เซน ช้อป ออน ท็อป) เคาท์เตอร์ปกติลดสูงสุด 30% พร้อมลดเพิ่มสูงสุด 10% เมื่อช้อปตามเงื่อนไขและลด/รับเพิ่มสูงสุด 32% จากเดอะวันและบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ จัดเต็ม!! ทุกชั้น ทุกแผนก ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายทุกสไตล์ ของใช้ภายในบ้าน เครื่องประดับ สินค้าเครื่องนอน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมาย ระหว่างวันที่ 27 พ.ค. – 5 มิ.ย. 62 ที่ห้างเซ็นทรัลทุกสาขาและเซน รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊ก www.facebook.com/CentralDepartmentStore/

]]>
1230804
แฟนคลับยุคนี้ ป้ายผ้า ป้ายไฟ ยังไม่พอ พลังนุช ส่ง “เป๊ก ผลิตโชค” ขึ้นจอ LED ในห้างเซ็นทรัล 19 สาขา https://positioningmag.com/1155514 Fri, 02 Feb 2018 10:51:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155514 เป็นแฟนคลับยุคนี้ไม่ง่าย จะมานั่งเฉย ๆ รอแฟนเซอร์วิสมันธรรมดาไป อยากให้ไอดอลคนโปรดเขารู้ มันต้องแสดงออกว่าเหล่านุชแบบเรานี้พร้อมทุ่มแค่ไหน

ปรากฏการณ์จัดหนักของเหล่าแฟนคลับนักร้องไอดอลที่เกิดขึ้นล่าสุดต้องยกให้กับทีมโปรเจกต์ผู้สร้าง “Palit Project Team” ที่ออกมาอัพเดตกิจกรรมเพื่อ เป๊กผลิตโชค ในโครงการ This is love project ล้อกับ นี่แหละความรัก (This is love) เพลงใหม่ของผลิตโชค ที่ออกมาหวานรับวาเลนไทน์ปีนี้ ซึ่งจี๊ดใจเหล่านุชแฟนคลับ ที่พร้อมฟังและคอยติดตามความเคลื่อนไหวในการเปิดตัวสู่ตลาดอย่างใกล้ชิดก่อนใคร

อธิบายกันก่อน เผื่อยังมีคนไม่เข้า คำว่า “นุช” ที่พูดถึง ในความหมายของผลิตโชคที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าคืออะไร คุณหลวง อีกฉายาของผลิตโชคตอบไว้แบบนี้

อัพเดตล่าสุดจากเหล่านุชที่ทำให้ผลิตโชค หรืออดีตหน้ากากจิงโจ้ ซึ่งเป็นผลงานที่เพิ่มปริมาณแฟนคลับอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ PFC (Peck Palitchoke Fanclub) โดยในกลุ่มนี้เป็นแฟนคลับที่ตามมาเป็น PFC เพราะหน้ากากจิงโจ้มากถึง 90% ส่วนที่เหลือเป็นแฟนคลับที่อยู่มานานตั้งแต่สมัยแรก ๆ แต่จะเก่าถึงยุคแฟนรายการดิสนีย์การ์ตูนเช้า ๆ วันหยุดทางช่อง 7 สีด้วยไหมต้องตามถามกันเอาเอง

พวกเขาเหล่านี้รวมตัวกันภายใต้ชื่อ Palit Project Team ทุ่มทำสิ่งที่สร้างมูลค่าทางการตลาดตอบแทนให้กับไอดอลของเขา ชนิดที่คาดหวังที่จะช่วยเพิ่มความนิยมและอาจจะส่งผลให้เกิดการขยายฐานแฟนของผลิตโชคเพิ่มขึ้น นั่นคือการลงขัน เพื่อผลิตและซื้อสื่อบนจอ LED ในห้างสรรพสินค้าสินค้าเซ็นทรัลจำนวน 19 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อจัดฉายเรื่องราวของผลิตโชคที่พวกเขาช่วยกันจัดทำขึ้น ในรูปแบบวิดีโอความยาว 30 วินาที

โดยจะจัดฉาย 3-4 รอบต่อชั่วโมงในทุก ๆ 20 นาที โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการร่วมฉลองเทศกาลวาเลนไทน์ด้วยกันกับผลิตโชค และเป็นการแสดงความรักของ PFC (Peck Palitchoke Fanclub) ที่ใช้ชื่อหวานเข้ากับเทศกาลว่า “This is love”

นุชทุ่มขนาดนี้ เพราะผลิตฯ เองก็ทุ่มไม่เบาเช่นกัน

PFC มีทั้งที่เป็นแฟนคลับเก่าที่ยังคิดติดตามผลิตโชคมานานตั้งแต่สมัยแรก ๆ กับแฟนคลับที่ตามมาเพราะหน้ากากจิงโจ้ จากรายการหน้ากากนักร้องซีซั่น 2 เพราะติดใจเสียงร้องของหน้ากากจิงโจ้และเพลงที่เลือกมาร้องด้วยแรงจูงใจจากรายการทำให้ไปสืบค้นตามดูคนที่ต้องสงสัยว่าเป็นหน้ากากจิงโจ้อย่างผลิตโชคคอยดูเฟซบุ๊กไลฟ์จับสังเกตจากงานอีเวนต์และคอนเสิร์ตต่างๆ สุดท้ายจึงไม่พ้นตกอยู่ในบ่วงนุชของผลิตโชคในที่สุด

เมื่อกลายเป็นแฟนคลับก็จะเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมนัดรวมตัวเมื่อพูดคุยสนิทกันมากขึ้นก็เริ่มมีโปรเจกต์ตามมา แต่แฟนคลับยุคใหม่แม้จะทุ่มและรักศิลปินมากจะมีกติกาของตัวเอง เพราะไม่อยากให้สิ่งที่ทำสร้างผลกระทบในแง่ลบกับศิลปินที่รัก ดังนั้นเมื่อมีโครงการอะไรก็จะมีการแจ้งผู้จัดการส่วนตัว หรือต้นสังกัดของผลิตโชค อย่าง White Music ให้รับทราบพร้อมกับถามให้แน่ใจว่าโอเคไหมที่จะให้ทำ

เพราะฉะนั้นโปรเจกต์ล่าสุดที่เกิดขึ้น ทั้ง White Music และผู้จัดการส่วนตัว ไม่ค้านแน่นอน เพราะเป็นผลดีต่อเป๊ก ผลิตโชค” โดยตรง เพียงแค่อาจจะเป็นห่วงกลุ่มแฟนว่าจะต้องเสียเงินเกินไปไหม ซึ่งในกลุ่ม PFC ก็มีการบริหารจัดการลงทุนเก็บเงินเพื่อกิจกรรมต่างๆ เป็นประจำอยู่แล้ว

เหตุผลที่เหล่านุชยอมทุ่มเพื่อ “เป๊ก ผลิตโชคนอกจากอธิบายง่าย ๆ ว่าเพราะนี่แหละความรักแต่ต้นเหตุแห่งรักจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่เริ่มจากการบริหารแฟนเซอร์วิส ของผลิตโชค ที่ให้ใจกับแฟนคลับอย่างต่อเนื่อง

โดยเหตุผลหนึ่งที่แฟนคลับพูดเป็นเสียงเดียวไม่ว่าเป๊ก ผลิตโชค จะมีชื่อเสียงดังขึ้นแค่ไหน แต่เขายังทำตัวห่วงใยแฟนคลับเหมือนเดิม และรับได้ว่าแม้จะมีการจัดระเบียบดูแลแฟนคลับเข้มขึ้นก็เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่มีคนรักเพิ่มขึ้น แล้วนั่นก็ยังเป็นความภูมิใจของเหล่าแฟนคลับที่ไอดอลที่ตนชื่นชอบยังเป็นที่นิยมด้วยเช่นกัน

ส่วนการทุ่มทุนโปรโมตซิงเกิลล่าสุดในห้างเซ็นทรัล ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้บรรดานุชก็เคยลงขันร่วมกันโปรโมต “โทษที่เอาแต่ใจ” ซิงเกิลแรกของเป๊ก ผลิตโชค ขึ้นจอ LED บนห้างเอ็มควอเทียร์ จนกระหึ่มมาแล้ว

เป๊ก ผลิตโชค เคยแสดงความทุ่มเทให้กับแฟนคลับถึงขั้นที่เคยยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงถึง 2 แสนบาทสำหรับเพลงที่จะเลือกมาร้องให้แฟนคลับฟังผ่านการไลฟ์ในเฟซบุ๊ก นี่คือแฟนเซอร์วิสอีกรูปแบบจากผลิตโชคยอมทำเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟน ๆ แบบไร้ข้อจำกัด

ความรู้สึกที่ผลิตโชคทำให้แฟนคลับรู้สึกว่า เขาไม่ใช่แค่บริหารแฟนเซอร์วิส แต่สิ่งที่ทำไปเพราะรักแฟนคลับของเขาจริง ๆ ทำให้เขาได้รับผลตอบรับจากแฟนคลับแบบทุ่มเท เหมือนการทำ This is love project ในครั้งนี้ และนับจากหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ ผลงานที่แฟนคลับทำในโปรเจกต์นี้ก็เริ่มเคลื่อนไหว พร้อมกับมีเหล่านุชในพื้นที่ต่าง ๆ รายงานผลเข้ามาผ่านทวิตเตอร์ของ Palitproject อย่างต่อเนื่องไม่แพ้การรายงานสดเลยทีเดียว

เรียกว่างานนี้หวานขนาดที่ศิลปินคนไหนยังมีฐานแฟนคลับไม่ปึ้กพอแบบผลิตโชค ต้องอิจฉาตาร้อนกันเลยทีเดียว.

]]>
1155514