ออโรร่า – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 30 Aug 2022 11:16:00 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ภารกิจร้านทอง “ออโรร่า” ตามหาลูกค้ากลุ่มใหม่ “ซื้อทอง” ได้ทุกโอกาส ดีไซน์ทันสมัยไม่ตกยุค https://positioningmag.com/1398273 Tue, 30 Aug 2022 11:04:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1398273 ร้านทองขึ้นห้าง “ออโรร่า” (Aurora) เปิดแคมเปญโฆษณา The New Way of Gift พร้อมลุย Pop-up Store 2 แห่ง กลางย่านวัยรุ่นและในโรงพยาบาล ส่งแรงบันดาลใจให้ลูกค้า “ซื้อทอง” เป็นของขวัญที่มีค่าได้ทุกโอกาส เน้นเจาะลูกค้ากลุ่มใหม่ ตอกย้ำจุดขายร้านทองที่มีสินค้าดีไซน์-เข้าเทรนด์สายมู เช่น พวงกุญแจ สร้อยข้อมือเสริมสิริมงคล

ห้างเพชรทอง “ออโรร่า” (Aurora) ถือเป็นหนึ่งในชื่อร้านทองคุ้นหูเพราะปัจจุบันมีถึง 255 สาขาทั่วประเทศ และเน้นการเปิดสาขาในศูนย์การค้า/ห้างสรรพสินค้า ทำให้ลูกค้าพบเห็นและเข้าถึงได้ง่าย

ชื่อของออโรร่าฟังดูเป็นชื่อฝรั่ง แต่จริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นมาจากตระกูลคนไทยเชื้อสายจีนเช่นกัน “อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) ทายาทรุ่น 3 ของออโรร่าเล่าย้อนประวัติให้ฟังว่า ครอบครัวเริ่มค้าทองตั้งแต่รุ่นอากง “นายซุ่ยฮุย” ที่หอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากเมืองจีนเมื่อปี 2483 ใช้ความรู้ด้านการทำทอง ตั้งโรงงานผลิตเครื่องประดับในลักษณะค้าส่งให้กับร้านทองในเยาวราช

จนกระทั่งมาถึงรุ่น 2 คือ “ประสิทธิ์ ศรีรุ่งธรรม” คุณพ่อของอนิพัทย์ เริ่มเปิดร้านขายทอง “ซุ่ยเซ่งเฮง” ย่านอุดมสุข เมื่อปี 2516 จุดประสงค์เดิมคือต้องการรู้ความต้องการของลูกค้ารายย่อยโดยตรง เพื่อให้การออกแบบเครื่องประดับเพื่อค้าส่งทันสมัยขึ้น แต่ปรากฏว่าร้านขายทองรายย่อยนี้ไปได้ดี จึงมีการขยายสาขา และมีการ ‘รีแบรนด์’ เป็น “ออโรร่า” เมื่อปี 2529 เพราะเป็นร้านทองรายแรกที่จะ “ขึ้นห้าง” ไปเปิดในเดอะมอลล์ รามคำแหง จึงต้องการชื่อที่มีความทันสมัย

หลังจากนั้นออโรร่าก็เป็นรายแรกอีกที่เปิดในไฮเปอร์มาร์เก็ต เช่น บิ๊กซี โลตัส และต่อมามีการขยายสินค้าจับกลุ่ม “เพชร” เพิ่มเข้ามาในปี 2555 รวมถึงเข้าสู่ตลาดออนไลน์เต็มตัวในปี 2560 ปัจจุบันสามารถซื้อทองออนไลน์ได้ทั้งทางเว็บไซต์, LINE และมาร์เกตเพลสต่างๆ

“อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน)

 

จุดขายอยู่ที่ “งานดีไซน์” และ “การรับประกัน”

อนิพัทย์กล่าวต่อว่า กลุ่มลูกค้าหลักของร้านออโรร่าจะไม่ได้เน้นผู้ซื้อแบบเก็งกำไรตามราคาทอง แต่จะเน้นผู้ซื้อเพื่อเป็นของขวัญตามโอกาส หรือซื้อเก็บเป็นทรัพย์สิน ทำให้จุดเน้นของร้านจะเป็นเรื่อง “งานดีไซน์” ปัจจุบันสินค้าสามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.โมเดิร์น โกลด์ คือ เครื่องประดับทองรูปพรรณที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ 96.5% เช่น สร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ ต่างหู

2.ดีไซน์ โกลด์ ผลิตภัณฑ์ทำจากทองคำรูปแบบอื่นๆ เช่น ทองคำแท่ง ของฝาก ของขวัญ สินค้าเสริมสิริมงคล พระเครื่อง

3.กลุ่มเครื่องประดับเพชร โดยออโรร่าเป็นพาร์ทเนอร์กับ De Beers ในการใช้เพชรแท้มีใบรับประกันเพชร

สร้อยข้อมือทองคำ

รวมถึงจุดแข็งอีกประการคือบริการหลังขาย “ออโรร่า แคร์” คือ มีการออกบัตรรับประกัน 3 ใบ ได้แก่ สินค้าเป็นทองคำแท้หรือเพชรแท้, สินค้ามีบริการหลังขาย ล้าง ซ่อม ต่อ ดูแลตลอดอายุการใช้งาน และ รับประกันจะรับซื้อคืนในราคาสูงสุด

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ลูกค้าไว้วางใจและเลือกซื้อสินค้าออโรร่า จนเมื่อปี 2564 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 10,000 ล้านบาท และไตรมาส 1 ปี 2565 ยังเติบโตได้ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า พร้อมมีแผนขยายสาขารวม 30-40 สาขาในปีนี้ แม้เทรนด์การซื้อทองจะสะดุดเล็กน้อยหลังราคาทองพุ่งขึ้น เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ออโรร่า ซื้อทอง ร้านทอง
ต่างหูประดับเพชร

อย่างไรก็ตาม หากจะเติบโตให้ได้ในระยะยาว เพียงขยายสาขาเท่านั้นอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องเริ่มมองลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะที่อายุน้อยลง เพราะปัจจุบันลูกค้าหลักของออโรร่า 30-40% คือคนวัย 35-45 ปี และรองมา 30% คือวัย 45-60 ปี

บริษัทจึงทำงานทั้งสองทาง คือทั้งการดีไซน์สินค้าที่เข้ายุคสมัย และการทำแคมเปญการตลาด The New Way of Gift ในปีนี้

 

“ซื้อทอง” ยุคนี้ไม่ได้มีแค่ทองแท่ง สร้อย แหวน กำไล

อนิพัทย์อธิบายถึงพฤติกรรมลูกค้าจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ คนที่ชอบการสวมใส่เครื่องประดับทองอยู่แล้ว ก็จะสนใจกลุ่มสินค้าโมเดิร์น โกลด์ ซื้อเป็นเครื่องประดับสวมใส่ ซึ่งร้านมีการออกแบบรูปแบบใหม่ๆ ให้ทันสมัยเสมอ

ออโรร่า ซื้อทอง ร้านทอง
สร้อยหินปี่เซียะทองคำ สินค้านวัตกรรมทอง เจาะตลาดคนที่ไม่ใส่เครื่องประดับทองแบบเดิมๆ

แต่อีกกลุ่มหนึ่งคือ กลุ่มที่ปกติไม่สวมใส่เครื่องประดับทอง เมื่อร้านจะดึงดูดกลุ่มเหล่านี้ให้สนใจซื้อก็ต้องมีงานดีไซน์ “ทองนวัตกรรม” ในกลุ่มดีไซน์ โกลด์ มาในรูปแบบเสริมสิริมงคล เช่น สร้อยข้อมือมงคล ออกแบบร่วมกับหินมงคลหรือพลอย ซึ่งเข้ากับยุคสมัย ‘มูเตลู’ ในขณะนี้ หรือสินค้า พวงกุญแจประจำนักษัตร แต่ออกแบบเป็นลายการ์ตูนบนแผ่นทอง เหมาะกับวัยรุ่นมากขึ้น ไปจนถึงของฝากของขวัญ ร้านมีการออกแบบ ทองแผ่นรูปกิมตุ้ง ดูสวยงามเหมาะเป็นของขวัญมากกว่าทองแผ่นสี่เหลี่ยมธรรมดา

สินค้าเหล่านี้อนิพัทย์มองว่าจะตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ไม่ชอบสวมใส่ทองคำได้มากขึ้น

 

กระตุ้นแรงบันดาลใจ “ของขวัญที่มีค่า”

เมื่อมีสินค้าพร้อมแล้ว ปีนี้ออโรร่าจึงมีการทำแคมเปญ The New Way of Giftพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนเลือกซื้อ “ทองคำ” เป็นของขวัญของฝากตามโอกาส โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่

ปกติคนไทยมักจะซื้อทองตามวาระมงคลต่างๆ อยู่แล้ว เช่น วันเกิด วันแต่งงาน วันพ่อ วันแม่ รับขวัญทารกเกิดใหม่ เลื่อนขั้น รับปริญญา ฯลฯ แต่จะเห็นได้ว่า โฆษณาชุดนี้เหมือนเป็นการตอกย้ำให้ไม่ลืมคุณค่าว่าทำไมคนไทย/จีนมักซื้อทองเป็นของขวัญ เพราะทองคือสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว สามารถเก็บเป็นมรดกให้ลูกหลานต่อไปได้นั่นเอง

นอกจากนี้ ออโรร่ายังสร้าง “ร้านห่อของขวัญ” Pop-up Store ขึ้น 2 แห่ง ที่ สยามสแควร์ซอย 9 (วันที่ 6-7 สิงหาคม 2565) และที่ รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (วันที่ 19-21 สิงหาคม 2565) สโตร์แห่งนี้รับ “ห่อของขวัญฟรี” ด้วยลายกระดาษห่อออโรร่า ไม่ว่าลูกค้าจะซื้อของขวัญใดมา แต่ที่ร้านก็จะมีสินค้าของออโรร่าจัดแสดงและจำหน่ายด้วยเช่นกัน

Pop-up Store ของออโรร่าที่รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

อนิพัทย์กล่าวว่าลูกค้าให้การตอบรับดี เป็นไปตามเป้าที่แบรนด์ต้องการให้คนรู้จักและนึกถึงการซื้อทองเป็นของขวัญมากขึ้น โดยเฉพาะที่รพ.พริ้นซ์ฯ ตอบโจทย์มากเพราะที่นี่จะมีลูกค้าซื้อของขวัญมารับขวัญลูกหลานที่เพิ่งเกิดใหม่ หรือซื้อฝากให้กับคุณหมอที่ดูแลกันอยู่เสมอ

ปีนี้ออโรร่า Pop-up Store จะเปิดสาขาใหม่เรื่อยๆ แต่ขณะนี้ยังไม่เปิดไลน์อัปว่าจะมีที่ใดบ้าง

ห้างเพชรทองออโรร่าภายใต้การบริหารของรุ่น 3 จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ ล่าสุดออโรร่าได้ยื่นไฟลิ่งเพื่อเปิด IPO เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้จะเข้าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเร็วๆ นี้

]]>
1398273
‘ผ่อนทองผ่านไลน์’ CLICK2GOLD น้องใหม่จากค่ายซิงเกอร์-ออโรร่า จับนิวเจนสายฟรีแลนซ์ https://positioningmag.com/1352182 Thu, 16 Sep 2021 13:10:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1352182 ทางเลือกการลงทุนยุคโควิดกับ ‘CLICK2GOLD’ ผ่อนทองผ่านเเพลตฟอร์มไลน์ นานสูงสุด 24 เดือน มุ่งจับตลาดนิวเจนสายฟรีแลนซ์ยูทูบเบอร์อินฟูลฯขยายช่องทางออนไลน์ หาลูกค้าใหม่ต่อยอดฐานเก่าซิงเกอร์ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมโตเเตะหมื่นล้านปีนี้

CLICK2GOLD เปิดตัวมาด้วยสโลเเกนผ่อนทองสะดวก รับทองสบายเป็นบริการใหม่ล่าสุดจากเอสจี แคปปิตอลบริษัทในเครือซิงเกอร์ ที่ร่วมมือกับออโรร่าเจ้าของธุรกิจค้าทองคำและเครื่องประดับเพชรรายใหญ่ เปิดให้บริการบนแพลตฟอร์มไลน์ (LINE)

ไม่มีเงินก้อน เลือก ‘ผ่อนทอง’ ช่วงโควิด

อย่างที่ทราบกันดีว่า ‘ทองรูปพรรณ’ เป็นสินค้าที่กลุ่มลูกค้าทั่วไปต้องการ เพราะเป็นเครื่องประดับที่คนไทยนิยมซื้อไว้เพื่อสวมใส่ ควบคู่กับเป็นการเก็บออมทรัพย์สินและการลงทุน

กิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด บริษัทในเครือซิงเกอร์ (SINGER) กล่าวว่า ในสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน ก็มีส่วนทำให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับการเก็บออมและการลงทุน เพื่อรับความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงกันมากขึ้น เเละหนึ่งในนั้นก็คือทองรูปพรรณที่เป็นทั้งเครื่องประดับ เก็งกำไรเเละเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันที

ด้านปัจจัยที่ส่งผลให้คนไทยหันมาผ่อนทองนั้น อนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดบริษัทออโรร่า ดีไซน์ จำกัด อธิบายไว้ว่า

หลักๆ มาจากราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เเละการซื้อทองคำด้วยเงินสดที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ๆ นั้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวที่ผู้บริโภคต้องรัดเข็มขัด คนส่วนใหญ่จึงเลือกผ่อนชำระมากกว่า มองหาการวางแผนทางการเงินที่ยืดหยุ่น ปรับ เพิ่ม ลด วงเงินในการจ่ายค่าสินค้าได้

มีน้อยจ่ายน้อย ช่วงไหนมีมากก็จะจ่ายมากขึ้นได้ เเละวิธีการผ่อนยังช่วยลดความเสี่ยงด้านราคาทองในแต่ละช่วงเวลาได้

การที่ลูกค้าสามารถซื้อทองได้ง่ายขึ้นแม้มีรายได้น้อย หรือไม่มีเงินก้อน เลือกผ่อนทองได้ตามกำลังที่เหมาะสม เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การขยายช่องทางออนไลน์ของบริษัท เพราะช่องทางขายดังกล่าวสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ตลอดเวลา ใช้งานสะดวก รวดเร็ว เพียงมีบัตรประชาชนใบเดียว ก็สามารถเลือกผ่อนทองตามขนาดและระยะเวลาการผ่อนชำระที่เหมาะสมและยืดหยุ่น ผ่านช่องทาง LINE Official: SINGERCONNECT

โดยการเปิดตัว CLICK2GOLD ผ่านเเอปพลิเคชันไลน์นั้น ก็นับเป็นการปรับบริการเพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ก็ใช้ไลน์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันอยู่เเล้ว

ทั้งนี้ จากรายงาน Global Digital Report 2021 ของ We Are Social และ Hootsuite ระบุว่า มีคนไทยมากถึง 50 ล้านคนเป็นผู้ใช้งานไลน์ เเละด้วยวิกฤตโควิด-19 ก็เป็นปัจจัยเร่งให้คนไทยกว่า 69% เข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์ ซึ่งคนไทยนิยมช้อปปิ้งออนไลน์ติดอันดับ 4 ของโลกเลยทีเดียว

จับใจนิวเจนสาย ‘ฟรีเเลนซ์’ 

สำหรับกลุ่มเป้าหมายของ CLICK2GOLD นั้น จะครอบคลุมผู้บริโภคทุกระดับ ทั้งลูกค้าปัจจุบันของซิงเกอร์ ซึ่งประกอบอาชีพ ค้าขาย เกษตรกร ลูกจ้างรายวัน และผู้ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป ปัจจุบันมีมากกว่าหนึ่งล้านราย

รวมไปถึงกลุ่มนิวเจนเนอเรชันที่เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ นักเรียน นักศึกษา กลุ่มคนคนรุ่นใหม่ประกอบอาชีพบนออนไลน์ เช่น ยูทูบเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ฯลฯ

โดยช่องว่างโอกาสธุรกิจที่จะเจาะตลาดกลุ่มนี้ได้ คือ ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้ไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถเข้าสู่ระบบสินเชื่อทั่วไป ไม่มีบัตรเครดิตหรือบัตรผ่อนสินค้าอื่นๆ หรือไม่มีใบรับรองเงินเดือน เเต่ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้เอง ก็เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการจัดสรรเงินเพื่อผ่อนชำระสินค้าได้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของทองคำ สำหรับเป็นเครื่องประดับ การเก็บออมรวมทั้งเป็นการลงทุนได้ง่ายขึ้น

ดันพอร์ตสินเชื่อซิงเกอร์โตรวมหมื่นล้าน 

บริการ CLICK2GOLD จะให้บริการ ผ่อนทองขั้นต่ำ 450 บาทต่อเดือน โดยสามารถเลือกผ่อนชำระได้นานตั้งแต่ 6 เดือน ไปจนถึงสูงสุด 24 เดือน โดยตั้งเป้ามีผู้ใช้บริการจำนวน 10,000 ราย คิดเป็นพอร์ตสินเชื่อจำนวน 100 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของเอสจี แคปปิตอลในเครือซิงเกอร์นั้น มีเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยปีละ 50% และในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีพอร์ตสินเชื่อจำนวน 8,569 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 29.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 โดยพอร์ตหลักเป็นพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (C4C) 4,636 ล้านบาท ส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อ (Hire purchase) อยู่ที่ 3,933 ล้านบาท

การเปิดให้บริการเช่าซื้อใหม่ในกลุ่มทองคำ’ จึงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ก้าวสู่ยุคใหม่ธุรกิจสินเชื่อซิงเกอร์โดยในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ามีพอร์ตสินเชื่อรวมทุกกลุ่มเเตะ 10,000 ล้านบาท

 

 

]]>
1352182
แชร์ทางรอด 4 ธุรกิจครอบครัว ยุค Disruption สยามวาลา-เสถียรสเตนเลสสตีล-ออโรร่า-ฟู้ดแพชชั่น https://positioningmag.com/1194032 Tue, 23 Oct 2018 08:00:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1194032 การจะขับเคลื่อนธุรกิจในโลกยุคนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นโลกยุค Disruption ซึ่งแนวทาง รูปแบบ และวิธีการทำธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉมได้อย่างรวดเร็ว มีโจทย์ยากหรือโจทย์ใหญ่ที่ไม่เหมือนเดิม ทั้งการที่ผู้บริโภคหรือลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การแข่งขันนอกจากคู่แข่งเดิมยังมีคู่แข่งใหม่ที่คาดไม่ถึง  รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาให้ต้องเรียนรู้และรับมืออย่างรวดเร็ว

แม้ “ธุรกิจครอบครัว” จะมีข้อดีในแง่ ความเป็นครอบครัว มีหัวเรือหรือผู้นำที่มีหัวใจของ “ความเป็นเจ้าของ” อยู่อย่าง “เต็มเปี่ยม” และย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจะนำพาธุรกิจไปข้างหน้า แต่หลายธุรกิจจำต้องก้มหน้ากัดฟันยอมรับเพราะเห็นได้ชัดถึงผลกระทบเมื่อไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทัน ขณะที่หลายธุรกิจสามารถพลิกเกมและมีโอกาสจะก้าวต่อไป

เพื่อให้เห็นรูปธรรมชัดเจน 4 ธุรกิจครอบครัวชั้นนำของไทย “ดีเอชเอ สยามวาลา-เสถียรสเตนเลสสตีล-ออโรร่า-ฟู้ดแพชชั่น” มาแบ่งปันเรื่องราวการดำเนินธุรกิจครอบครัวในงานสัมมนาซึ่งจัดขึ้นที่ SEAC (South East Asia Center) ศูนย์พัฒนาภาวะผู้นำและผู้บริหารระดับสูง เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นตัวอย่างการทำธุรกิจให้อยู่รอดในยุคนี้ที่การทำลายล้างและการสร้างโอกาสเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา

๐ “ดีเอชเอ สยามวาลา” อยู่มา 111 ปี วันนี้ต้องเตรียมรับ Gen 5

ธุรกิจของครอบครัว “สยามวาลา” เริ่มต้นขึ้นในประเทศไทยตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2450 ด้วยการนำเข้าสินค้าต่างๆ จากยุโรป แทบจะทุกอย่างที่มีคนซื้อในเวลานั้น เช่น หนังสัตว์ น้ำหอม เวชภัณฑ์ เครื่องเหล็ก รวมทั้งสินค้าที่เกี่ยวกับกระดาษ แต่ต่อมามีการปรับรูปแบบธุรกิจโดยมุ่งไปที่ “เครื่องเขียน” จนถึงวันนี้ธุรกิจของครอบครัวสยามวาลาดำเนินมาถึง 111 ปี และสืบทอดมาถึงรุ่นที่ 4 แล้ว ภายใต้บริษัท ดี เอช เอ สยามวาลา จำกัด ซึ่งผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ เช่น แฟ้มเอกสาร “ตราช้าง”, ปากกา Quantum ปากกา Uni Japan, อุปกรณ์ศิลปะ Master Art ฯลฯ

“ดนุพล สยามวาลา” หนึ่งในทายาทธุรกิจรุ่นปัจจุบันของสยามวาลา ที่มาแบ่งปันการดำเนินธุรกิจครอบครัว เน้นว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ “DHAS” อยู่มาอย่างมั่นคงยาวนานคือ “Brand Value” ซึ่งถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นใน 3 เรื่องหลักคือ “คุณธรรม ความเชื่อถือ และคุณภาพ” ควบคู่ไปกับ ”หลักยึด” ที่รุ่นพ่อปลูกฝังลูกทุกคนว่า “ความเป็นพี่น้อง” สำคัญที่สุด เพื่อยึดโยงให้ทุกคนนำพาธุรกิจมุ่งไปในแนวทางเดียวกัน แม้จะมีความคิดเห็นและความต้องการ รวมทั้ง passion แตกต่างกันมากเท่าใดก็ตาม

อย่างไรก็ตาม การจะทำให้ทายาทรุ่นที่ 5 ซึ่งเป็นรุ่นต่อไปมาสานต่อธุรกิจของครอบครัวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะธุรกิจเครื่องเขียนไม่ใช่ passion ของเจนใหม่ แต่เป็น passion ของรุ่นพ่อรุ่นปู่ ดังนั้น การเปิดโอกาสให้เจนใหม่นำ passion ที่มีมาทำให้เกิดเป็นรูปธรรมและเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจครอบครัว ดีกว่าปิดโอกาสหรือปล่อยให้เขาออกไปข้างนอก เช่น หนึ่งในเจน 5 มี passion ว่า “อยากเห็นพนักงานที่ทำงานในองค์กรมีความสุข” แล้วก็ทำซอฟต์แวร์ออกมาใช้ในองค์กร ซึ่งเมื่อก่อนไม่เปิดโอกาสให้ passion แบบนี้ เพราะถูกมองว่าไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจ แต่เมื่อมองว่าหากสำเร็จ passion นั้น อาจจะกลายเป็นธุรกิจใหม่ในอนาคต คือ “การขายความสุขให้กับพนักงานในองค์กร” ก็ได้ เช่นเดียวกับ Air BNB ธุรกิจบริการที่พักรูปแบบใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจาก passion ของคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้คือ การทำให้พนักงานหรือคนในองค์กรปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว หรือ agile เพราะทุกวันนี้ภัยคุกคาม หรือ threat ในธุรกิจเกิดขึ้นได้ตลอด พร้อมกับการปรับเปลี่ยนจากองค์กร “ใหญ่” ขนาดพันกว่าคน ให้ “เล็กลง” ในเชิงการบริหาร “โฟกัส” เป็นเรื่องๆ มีการมอง “โอกาสทางธุรกิจ” มากขึ้น พร้อมกับเน้นการสร้าง “นวัตกรรม” ทั้งในตัวสินค้าและการทำงาน ทำให้แต่ละยูนิตรู้สึกมีคุณค่าต่อองค์กร สามารถเป็น profit center ไม่ใช่ cost center เช่น โรงงานผลิตสามารถหาลูกค้าเองได้ รวมทั้งเปิดโอกาสให้เกิดสตาร์ทอัพในองค์กรทั้งจากสมาชิกในครอบครัวและพนักงานที่มีไอเดียธุรกิจซึ่งสามารถครีเวทแวลู องค์กรก็พร้อมร่วมลงทุน

“ดีเอชเอ สยามวาลา” วันนี้จึงเป็นการปรับ passion ของเจนใหม่ให้เดินคู่ไปกับเจนเก่า และเปิด platform ใหม่ให้ธุรกิจเดิม เพื่อให้มีความพร้อมต่อไป โดยต้องไม่คิดว่าธุรกิจที่คนรุ่นก่อนสร้างมาด้วยรากฐานมั่นคงจะอยู่ยั่งยืน เพราะโลกธุรกิจในวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก

๐ “เสถียรสเตนเลสสตีล” โฟกัสสิ่งที่ถนัด เรียนรู้คนยุคใหม่

เครื่องครัวสเตนเลสตราหัวม้าลายที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยดี มีที่มาจากในปี พ.ศ. 2509 เมื่อรุ่นพ่อได้ริเริ่มรับจ้างทำตู้แช่และชุดครัวสเตนเลสให้กับโรงแรมและสายการบินต่างๆ และต่อมาได้นำเศษสเตนเลสมาผลิตเป็น “ช้อนสเตนเลส” สินค้าชิ้นแรกของ “ตราหัวม้าลาย” จากนั้นธุรกิจเติบโตมาถึง 52 ปี จนถึงปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องครัวสเตนเลสตราหัวม้าลายมีหลากหลายมากกว่าหนึ่งพันรายการ โดยมี “เอกชัย ยังวาณิช” รุ่นลูกมาช่วยดูแลกิจการนานถึง 40 ปี และยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงคนรุ่นเก่าที่ยังมีอยู่มากในองค์กรและคุ้นชินกับวิธีการทำงานแบบเดิมไม่ใช่เรื่องง่าย จึงต้องปรับเปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป

พร้อมทั้งหันมาเรียนรู้การทำงานยุคใหม่ กับคนเจน Z ที่กำลังจะเข้ามาสู่โลกของการทำงาน และเมื่อ IoT (Internet of Things) เข้ามาในชีวิตประจำวันมากขึ้น ขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ก็ชอบความยืดหยุ่นในการทำงาน จึงมีแนวคิดเรื่องการทำงานที่บ้าน ซึ่งอาจจะนำมาใช้ในบางแผนกบางตำแหน่งที่สามารถเข้ามาประชุมที่ออฟฟิศสัปดาห์ละครั้งก็พอ เพื่อจะช่วยให้หาคนทำงานได้ง่ายขึ้นและช่วยลดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ อีกด้วย นอกจากนี้ การใช้ outsource ในงานที่ไม่ถนัดจะมีมากขึ้น เช่น การส่งของ เป็นต้น ขณะที่การซื้อสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น จึงปรับเพิ่มช่องทางการขายสินค้าออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ แต่เน้นให้รับสินค้าที่ช็อปตราหัวม้าลายซึ่งมีอยู่ประมาณ 50-60 แห่ง เพราะหากให้บริการส่งถึงที่ ค่าขนส่งอาจจะสูงกว่าราคาสินค้าบางรายการ

ในส่วนของการผลิต แก้ปัญหาเรื่องแรงงานทั้งหายากและประสิทธิภาพในการทำงาน ด้วยการนำระบบออโตเมชั่นมาใช้ให้หุ่นยนต์แทนที่แรงงานคนโดยเริ่มจากงานน่าเบื่อและมีอันตราย จากนั้นพัฒนาต่อไป เช่น เพิ่ม visual การมองเห็นภาพทำให้ทำงานในส่วนของ quality control ได้ ต่อไปจะไม่ต้องใช้คนในสายการผลิตเลย และในอนาคตจะนำ AI มาใช้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น เรื่องเวลาในการเปลี่ยนแม่พิมพ์ว่าจะต้องทำเมื่อไร สินค้ามีปัญหาอะไร รู้ว่าควรจะผลิตเท่าไรอย่างไร ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังนำเทคโนฯ มาใช้ในงานบริการลูกค้ามากขึ้น เช่น จากเดิมใช้การโทรศัพท์สั่งสินค้า ซึ่งเกิดข้อผิดพลาด เช่น ฟังผิด จดผิด ส่งของผิด เปลี่ยนให้ลูกค้าใช้ไอแพดสั่งซื้อสินค้า ป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบสามารถจัดทำใบสั่งซื้อได้ทันที ได้ทั้งความรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำ ลดขั้นตอนการทำงานและข้อผิดพลาด ทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มทางรอดด้วยการมุ่งโฟกัสที่ความถนัดขององค์กรและพยายามแก้โจทย์ธุรกิจให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง

๐ “ออโรร่า” สร้างโอกาสธุรกิจด้วยมุมมองใหม่

จาก “ห้างทองซุ่ยเซ่งเฮง” ในปี พ.ศ. 2516 สู่ “ห้างเพชรทองออโรร่า” ในปี พ.ศ. 2533 ภายใต้บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด ผ่านมาถึงวันนี้เป็นเวลา 12 ปีที่นุรุทธ์ ศรรุ่งธรรม หนึ่งในสามทายาทธุรกิจที่เป็นรุ่นลูกเข้ามารับช่วงดูแลธุรกิจของครอบครัว ภายใต้หลักการว่า “ทุกคนต้องมีมุมมองไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ธุรกิจเดินไปในแนวทางเดียวกัน” เช่น เป้าหมายของแบรนด์ออโรร่า คือ “การเป็นแบรนด์ร้านทองที่มีคุณภาพ” พร้อมไปกับการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้สอดรับกับยุคใหม่มากขึ้นเพื่อดูแลร้านกว่าสองร้อยสาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการปลุกพลังของพนักงานให้ทำงานอย่างมี “passion” และ “มีความสุข” เพื่อ “ส่งต่อ” ความสุขไปยังลูกค้า เช่น การปรับบรรยากาศภายในที่ทำงาน การสร้างกิจกรรมสนุกๆ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและเกิดความสุขในการทำงาน

ในส่วน “มุมมอง” ของลูกค้า การสร้างแบรนด์เพื่อให้เกิดการ “จดจำ” ด้วยความแตกต่างและโดดเด่นมีความสำคัญ “ออโรร่า” จึงเป็นแบรนด์ร้านทองที่ใช้ “สีส้ม” ซึ่งฉีกจากร้านทองทั่วไปที่ใช้ “สีแดง” เป็นสัญลักษณ์ นอกเหนือจากชื่อที่เปลี่ยนให้ดูเป็นสากล และเมื่อพูดถึง “ทอง” ทุกคนจะนึกถึง “เยาวราช” กับรูปแบบสินค้าเดิมๆ ในรุ่นพ่อที่มีเพียง “สร้อย แหวน กำไล” แต่ในรุ่นลูกมองว่าเมื่อต้องการเจาะเข้าไปในกลุ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งโดยทั่วไปรู้สึกว่า “ทองดูแก่ คร่ำครึ” จึงเปลี่ยน “มุมมอง” ของลูกค้าให้มองว่า “ทอง” กลายเป็น “ของขวัญ” ที่ให้ความสุข และนำเสนอสินค้าด้วยดีไซน์ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม พร้อมกับการตลาดใหม่ๆ

“กิมตุ้ง” คือจี้เล็กๆ รูปใบปริญญา ซึ่งเป็นนวัตกรรมของโปรดักต์ล่าสุดในปีนี้ ที่เจาะตลาดงานรับปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย ในราคาที่ไม่สูงเทียบแล้วพอๆ กับดอกไม้หนึ่งช่อ แต่มีความหมายว่า “โชคดี มีสุข ยินดีด้วย” ขณะที่ “ทอง” เป็นของมีค่าอยู่แล้ว ทำให้คนที่ได้รับรู้สึกดีและมีความสุข ดังนั้น การจะส่งต่อความสุขให้ลูกค้าได้อย่างไร จึงเป็นโจทย์ที่ “ออโรร่า” ต้องคิดหาคำตอบใหม่ๆ ให้ได้ และเป็นตัวอย่างการเปลี่ยนมุมมองของกลุ่มเป้าหมายใหม่ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ

๐ “ฟู้ดแพชชั่น” ต้องจุดไฟ ความเป็นเถ้าแก่

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เดอะบาร์บีคิวพลาซ่า จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2530 และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด ในปี พ.ศ. 2558 เพื่อสะท้อนความเชื่อและปรัญชาในการดำเนินธุรกิจที่มีจุดเริ่มต้นจากความรักในอาหารและความเชื่อในเรื่องของการดูแลให้ทุกคนคือพนักงาน ลูกค้า คู่ค้า และสังคม มีความสุข โดยใช้อาหารเป็นสื่อกลาง พร้อมไปกับการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่รองรับกลยุทธ์ธุรกิจในอนาคต จนถึงวันนี้ “ฟู้ดแพชชั่น” ทำให้เห็นถึงอีกธุรกิจครอบครัวของไทยที่สามารถแทรกตัวและเติบโตขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่งในรุ่นพ่อ และมีรุ่นลูกเข้ามาสานต่ออย่างแข็งแกร่ง โดยมี “ชาตยา สุพรรณพงศ์” นำทีมทายาทธุรกิจ

แต่ต้องยอมรับว่า วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว การทำธุรกิจให้ได้กำไรอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะจะไม่ยั่งยืน จึงต้องคิดว่าจะนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามา “เติมเต็ม” ธุรกิจได้อย่างไร การสร้างนวัตกรรมในองค์กรที่อยู่มาเป็นสิบเป็นร้อยปีไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีรูปแบบหรือโอเปอเรชั่นที่คุ้นชิน จึงต้องใช้ story telling หรือการเล่าเรื่อจริงเพื่อให้คนในองค์กรเห็นภาพ แล้วยอมรับด้วยตัวเขาเอง หลังจากนั้นค่อย execute ด้วยการให้ความรู้ จะใช้ design thinking, จะ agile หรือ scrum ก็ตาม

เรื่องจริงเรื่องหนึ่งที่เล่า เมื่อเร็วๆ นี้ คือการเล่าถึงความวิตกกังวลจนทำให้นอนไม่หลับเมื่อคิดถึงแผนกลยุทธ์ในปีหน้าที่ทำเสร็จแล้วและคิดว่าดีแล้วในตอนแรก แต่เมื่อทบทวนดูแล้วกลับรู้สึกว่ายังไม่เฉียบคมพอ ไม่แน่ใจว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร จะรอดหรือไม่ เพราะรู้กันอยู่แล้วว่าการแข่งขันสูงมาก เศรษฐกิจท้าทายมากทุกองค์กร การทำงานในปีนี้ทุกคนเหนื่อยมากสุดๆ แล้วปีหน้าจะเหนื่อยอย่างนี้หรือมากกว่านี้หรือไม่ ทำให้ทุกคนรู้สึกร่วมอย่างแท้จริงและช่วยกันคิดหาทางออกใหม่ๆ เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ได้ผลในการสร้างนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในองค์กร

อีกส่วนหนึ่งที่ทำไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนและได้ผลดีมาจนถึงวันนี้คือ “การเปลี่ยนรูปแบบการทำตลาดใหม่” ด้วยการจัดตั้งทีมงานการตลาดเลือดใหม่ขึ้นมา พร้อมกับจัดหาพื้นที่แยกส่วน และสร้างสภาพแวดล้อมกับบรรยากาศใหม่ เป็นการเปลี่ยนเชิงโครงสร้างทั้งวิธีการและรูปแบบ รวมทั้งการให้รางวัลตอบแทน โดยทำเป็น agenda ขึ้นมาชัดเจน เพื่อให้ได้องค์กรใหม่ที่มีนวัตกรรมที่ใช้ได้ผลอย่างแท้จริง ไม่ถูกองค์กรใหญ่กลืนทั้งในเรื่องของวัฒนธรรมและงาน เพราะยูนิตเดิมใหญ่มาก ขณะที่ยูนิตใหม่เล็กมาก ทำให้การสร้าง “นวัตกรรม” กลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กรของ “ฟู้ดแพชชั่น” มาถึงวันนี้ และทำให้ทั้งสองยูนิตขับเคลื่อนไปได้อย่างดีภายในองค์กรเดียวกัน

แม้ธุรกิจครอบครัวจะมีข้อดีในแง่ของ “การตัดสินใจ” ได้รวดเร็วกว่า และมี “ความเป็นเจ้าของ” อยู่ในดีเอ็นเอ แต่ความท้าทายในวันนี้คือผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนให้เร็วมากพอ ขณะที่การแข่งขันมาจากรอบทิศทางไม่ใช่แค่คู่แข่งรายใหญ่ๆ แต่ยังมีคู่แข่งรายเล็กๆ หรือคู่แข่งข้ามสายพันธุ์ที่มาแบบคาดไม่ถึง

ดังนั้น อีกโจทย์ใหญ่ในวันนี้ของ “ฟู้ดแพชชั่น” ซึ่งแม้จะเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีสายเลือดของ “entrepreneur” คือมีความเป็นเจ้าของอย่างเข้มข้น แต่เมื่อธุรกิจเติบโตมากจนเหมือนจะกลายเป็น “corporate” ที่อุ้ยอ้าย ก็คือ ต้อง “จุดไฟ” ความเป็นเถ้าแก่ “กล้าได้กล้าเสีย กล้าคิดกล้าลอง” ให้เกิดขึ้นมากที่สุด เพื่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ในธุรกิจได้มากที่สุด ในยุคที่โลกหมุนเร็วและยากต่อการคาดการณ์ 

]]>
1194032