เศรษฐกิจ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 02 Dec 2025 11:53:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 นักการตลาดชี้ ปี 2026 คือ ปีแห่งการคัด ‘ตัวจริง’ https://positioningmag.com/1549808 Tue, 02 Dec 2025 04:45:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1549808 เป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้งสำหรับ ‘สถานการณ์เศรษฐกิจ’ ของบ้านเราในปี 2026 ซึ่งนักการตลาดหลายคนมองว่า โหดกว่าปีนี้แน่นอน และจะปีแห่งการวัดการเป็น ‘ตัวจริง’

 

รวิศ หาญอุตสาหะ ซีอีโอ บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เจ้าของเพจและช่อง Mission To The Moon โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

 

จากที่ทำงานมา 25 ปีขอทำนายเลยว่าปี 2026 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจโหดสุดๆ แน่นอน การค้าขายจะฝืดเคือง กำลังซื้อจะหายไปอีกเยอะ บรรยากาศจะแย่ลงกว่านี้อีกเยอะ งบต่างๆ จะถูกตัดเพียบ ทั้งบริษัทและผู้คนจะรัดเข็มขัดแบบสุดๆ

ตอนนี้กำลังซื้อกระทบมาถึงระดับบนแล้วแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ตอนโควิดยังเบากว่านี้เยอะ

ปีหน้าจะเป็นปีที่วัดฝีมือผู้บริหารเลยว่าที่ผ่านมาเก่งจริงหรือว่าแค่ฟลุก

ปีหน้าจะเป็นปีที่วัดพลังของแบรนด์เลยว่าของจริงรึเปล่า

ปีหน้าจะเป็นปีทีวัดเลยว่าใครที่มี value ที่แท้จริง หรือใครทีผ่านมาเป็นแค่ free rider

ถ้ามีข่าวดีเข้ามาก็ดีครับ แต่ส่วนตัวคิดว่าปีหน้าข่าวร้ายมากกว่าข่าวดีแน่นอน

 

ความเห็นนี้สอดคล้องกับผลสำรวจ Marketing Trends: 2026 Way Forward ในงาน Thailand Marketing Day 2025: Prompt The Future ซึ่งรวบรวมข้อมูลจาก MAT CMO COUNCIL เครือข่าย Top Management ระดับประเทศ 126 คน พบว่า

 

เศรษฐกิจในปี 2026 ‘โตยากมาก’ นับตั้งแต่ทำการสำรวจมา โดยจะมีการเติบโตเพียง 0.9% จากเดิมคาดว่า จะโต 1.6-3%

 

จากผลสำรวจดังกล่าว 56% ของผู้บริหารมองตรงกันว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่ทำการตลาดยากที่สุด และเป็นปีแห่งการ ‘คัดตัวจริง’ ซึ่งใครยังทำงานแบบเดิม และหวังพึ่งงบแบบเยอะๆ อาจจะอยู่ได้ยาก

 

สำหรับปัจจัยลบที่จะทำให้เป็นเช่นนั้น

1.Customer Changes พฤติกรรมของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อน ทำให้เข้าใจได้ยากขึ้น

2.Politics การเมืองในประเทศที่ยังไม่แน่นอน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักๆ

3.Digital Technology การเข้ามาดิสรัปต์ของเทคโนโลยีใหม่ๆ

 

ส่วนทางรอดในปี 2026 ทาง ‘ดร.สมชาติ วิศิษฐชัยชาญ’ อุปนายกฝ่ายองค์ความรู้ด้านการตลาด และ ‘ผศ. ดร. เอกก์ ภทรธนกุล’ อุปนายกฝ่ายกิจกรรมการสื่อสารและการตลาดยั่งยืน สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย แนะนำนักการตลาดว่า

 

A – Analytical Thinking + AI : การคิดแบบวิเคราะห์ โดยอย่าให้ AI คิดแทน แต่ให้ใช้ AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้อ่านเกมได้ขาดและแม่นยำ

B – Balance Budget for Profitability: สร้างสมดุลในการดำเนินกลยุทธ์และการลงทุนแบบรู้จังหวะการบุกและการถอย เพื่อให้ผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมา คือ ‘กำไร’

C – Creativity under Constraints: ยิ่งงบน้อย ยิ่งต้องสร้างสรรค์ และได้งานครีเอทีฟที่มีคุณภาพ ไม่ใช่ Drama Queen หรือคอนเทนต์ดราม่าเรียกเสียงวิจารณ์

D – Data with Purpose: เก็บและใช้ข้อมูลอย่างมีเป้าหมายเพื่อสร้างความยั่งยืน ไม่ใช่เน้นจำนวนแต่ไม่มีคุณภาพ

 

บทสรุปของการตลาดในปี 2026 คือ ต้องปรับตัว มีความยืดหยุ่น และพยายามสร้างสมดุลในการใช้ให้เกิดกำไร เพื่อจะเป็นผู้ชนะในปีที่เศรษฐกิจโตยากที่สุด

]]>
1549808
15 บริษัทสหรัฐฯ สนใจเข้าลงทุนในเวียดนาม ทั้งผลิตชิป พลังงานสะอาด ฯลฯ มูลค่ารวมกัน 285,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1460519 Sun, 28 Jan 2024 08:25:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460519 15 บริษัทสหรัฐฯ สนใจเข้าลงทุนในเวียดนาม ทั้งผลิตชิป พลังงานสะอาด ฯลฯ มูลค่ารวมกัน 285,000 ล้านบาท ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามมาจากการเข้าพบปะพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีเวียดนามกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า 15 บริษัทในสหรัฐฯ ได้สนใจเข้าลงทุนในประเทศเวียดนามในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตชิป พลังงานสะอาด โดยมูลค่ารวมกันมากถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 285,000 ล้านบาท

Jose Fernandez เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า 15 บริษัทเหล่านี้ได้ประกาศลงทุนรวมกันมากถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากอุตสาหกรรมการผลิตชิป หรือแม้แต่การรักษาสิ่งแวดล้อมจากพลังงานสะอาด

อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายดังกล่าวไม่ได้กล่าวว่า 15 บริษัทที่จะมาลงทุนในเวียดนามนั้นมีบริษัทอะไรบ้าง แต่ได้กล่าวถึงการให้คำมั่นสัญญาของบริษัทหลายแห่งที่จะลงทุนในเวียดนาม

สหรัฐฯ ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามเพิ่มมากขึ้นในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในการลงทุนจากบริษัทต่างๆ ที่ต้องการกระจายการลงทุนออกจากประเทศจีน เพื่อความยืดหยุ่นด้าน Supply Chain ขณะเดียวกันเวียดนามเองก็เพิ่มความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ในเชิงความมั่งคงเพื่อจะคานอำนาจกับจีนในทะเลจีนใต้

ในส่วนของภาคเอกชนนั้น บริษัทใหญ่ๆ ที่สำคัญเช่น Apple ได้ตัดสินใจย้ายกำลังการผลิตออกจากประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น หรีอแม้แต่บริษัทอื่นๆ เช่น Dell Google และ Microsoft ก็มีการลงทุนในเวียดนามแล้วเช่นกัน ล่าสุดบริษัทอย่าง Nvidia ก็ประกาศที่จะลงทุนในเวียดนามด้วย 

เศรษฐกิจเวียดนามที่กำลังเติบโต และสัดส่วนประชากรวัยทำงานที่สูง กำลังซื้อของประชากรรวมถึงการเพิ่มจำนวนของชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น ยังทำให้ส่งผลดีต่อภาคเอกชนจากหลายประเทศที่เข้าไปลงทุนสามารถขายสินค้าของตัวเองในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอีกทาง

ในส่วนของเวียดนามได้มีการแก้กฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้อแก่การลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานสะอาดที่กำหนดพื้นที่สำหรับทำฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง หรือแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมสามารถต่อรองการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าได้ เพื่อจะเอื้อให้เอกชนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน

]]>
1460519
ไม่ใช่จีนอีกต่อไป! ‘อินเดีย’ ขึ้นแท่นประเทศผู้ขับเคลื่อนการเติบโตของ ‘เอเชีย’ ในอีก 3 ปีข้างหน้า https://positioningmag.com/1454089 Fri, 01 Dec 2023 04:33:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454089 ถ้าพูดภึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตอนนี้คงไม่มีประเทศไหนร้อนแรงไปกว่า อินเดีย อีกแล้ว เพราะจะเห็นว่าบริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายรายหันไปใช้อินเดียเป็นฐานการผลิตสินค้าแทนที่ จีน เนื่องจากมีปัญหาสงครามการค้าและความไม่แน่นอนจากภาครัฐ

ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสองของโลกอย่าง จีน ชะลอตัว เครื่องยนต์หลักสร้างการเติบโตของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกก็เปลี่ยนทิศไปเป็นอยู่ที่ เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามข้อมูลของ S&P Global

โดย S&P Global คาดว่า เศรษฐกิจของ อินเดีย จะมีอํานาจเป็นผู้นำการเติบโตของภูมิภาคเอเชียในอีก 3 ปีข้างหน้า โดย GDP ของอินเดียสําหรับปีงบประมาณสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2024 คาดว่าจะแตะ 6.4% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 6%

S&P ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เพิ่มขึ้นจากการบริโภคภายในประเทศของอินเดีย ซึ่งสร้างสมดุลระหว่างอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารที่สูงและกิจกรรมการส่งออกที่ไม่ดี ในทํานองเดียวกัน ตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ มีกําหนดจะเติบโตของ GDP ในเชิงบวกในปีนี้และปีหน้าเนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม S&P ลดแนวโน้มการเติบโตของอินเดียลงเหลือ 6.5% ในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 6.9% แต่คาดว่าการเติบโตของ GDP จะเพิ่มขึ้นเป็น 7% ในปีงบประมาณ 2026 ขณะเดียวกัน การเติบโตของ จีน คาดว่าจะอยู่ที่ 5.4% ในปี 2023 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้าของ S&P 0.6% ในขณะที่การเติบโตในปี 2024 คาดว่าจะอยู่ที่ 4.6% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.4% อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะยังคงเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจต่อไป

ทั้งนี้ แม้ว่า S&P จะมองโลกในแง่ดีในเอเชียแปซิฟิก แต่จากสงครามอิสราเอล-ฮามาส และความเสี่ยงอย่างหนักในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทําให้หน่วยงานจัดอันดับเครดิตลดการคาดการณ์สําหรับภูมิภาค (ไม่รวมจีน) ในปีหน้าเป็น 4.2% จาก 4.4%

Source

]]>
1454089
เศรษฐกิจไม่เป็นใจ! ธุรกิจในสหรัฐอเมริกายื่นข้อฟื้นฟูกิจการเพิ่มขึ้น 61% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 https://positioningmag.com/1444675 Sun, 08 Oct 2023 11:13:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1444675 ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าธุรกิจในสหรัฐอเมริกายื่นข้อฟื้นฟูกิจการเพิ่มขึ้น 61% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 แม้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การยื่นข้อฟื้นฟูกิจการเพิ่มขึ้นก็คืออัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนในการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

Epiq ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลชี้ว่าบริษัทในสหรัฐอเมริกาได้ขอยื่นล้มละลายเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ (Chapter 11) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023 เป็นจำนวนมากถึง 4,553 บริษัท มากกว่าในปี 2022 ที่ผ่านมาถึง 61% แสดงให้เห็นถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่แม้จะมีความแข็งแกร่ง แต่ภาคธุรกิจบางส่วนก็ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ดี

ขณะที่การขอล้มละลายธุรกิจขนาดเล็กในช่วงเวลาดังกล่าวเพิ่มขึ้น 41% เป็น 1,419 บริษัท อ้างอิงข้อมูลจาก Epiq และ American Bankruptcy Institute

ปัจจัยสำคัญที่สุดของการยื่นขอล้มละลายในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ อยู่ในช่วง 5.25 ถึง 5.5% ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 22 ปี

อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น ยังทำให้สถาบันการเงินเองลดการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจลง หรือไม่ก็ขอหลักประกันสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น ทำให้หลายธุรกิจที่มีปัญหาอยู่แล้ว พบกับต้นทุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้หลายธุรกิจที่ยังฟื้นตัวได้ไม่ดี หรือมีจำนวนหนี้ที่สูงมาก่อนหน้าได้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เป็นเหตุทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจขอยื่นล้มละลายเพื่อฟื้นฟูกิจการนั่นเอง

ในปี 2023 ที่ผ่านมา กรณีการล้มละลายของธุรกิจสำคัญๆ ในสหรัฐอเมริกา เช่น กรณี Bed Bath & Beyond ธุรกิจค้าปลีกของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศยื่นล้มละลายในเดือนเมษายนที่ผ่านมา หรือแม้แต่กรณีของสำนักข่าวชื่อดังอย่าง Vice ก็ได้ประกาศล้มละลายเช่นกัน

แต่ถ้าหากอ้างอิงจากข้อมูลของ Epiq และ American Bankruptcy Institute นั้นกรณีของภาคธุรกิจได้ยื่นขอล้มละลายในสหรัฐอเมริกาทุกกรณีจะอยู่ที่ 18,680 บริษัท เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ถึง 17%

Amy Quackenboss ผู้บริหารของ American Bankruptcy Institute ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า “แม้จำนวนการขอล้มละลายจะยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด แต่จำนวนการยื่นฟ้องแสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่ยากลำบากและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งครอบครัวและธุรกิจที่ประสบปัญหาทางการเงินกำลังเผชิญในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน”

ที่มา – ABFJournal, Retail Dive

]]>
1444675
‘IMF’ หวั่น การงัดข้อของ “จีน-สหรัฐฯ” อาจฉุดเศรษฐกิจโลก 2% https://positioningmag.com/1426665 Thu, 06 Apr 2023 14:54:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1426665 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มองว่า ความตึงเครียดทั่วโลก โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน อาจกระทบกับการลงทุนในต่างประเทศ และอาจทำให้ GDP ทั่วโลกเสียหายถึง 2%

โดย IMF ชี้ว่า ความตึงเครียดระหว่าง สหรัฐฯ และจีน ทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการออกร่างกฎหมายหลายฉบับ เช่น ร่างกฎหมาย Chips and Science Act ของสหรัฐฯ และเมื่อไม่นานมานี้ ญี่ปุ่น เองได้ก็เข้าร่วมกับสหรัฐฯ ที่พยายามตัดจีนออกจากการเข้าถึงชิป โดยญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายใหม่ ทำให้ไม่สามารถส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ 23 ประเภทไปยังจีนได้

“บริษัทต่าง ๆ และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกกำลังค้นหาวิธีที่จะทำให้ซัพพลายเชนของพวกเขาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นโดย ย้ายฐานการผลิตหรือไปยังประเทศที่เชื่อถือได้ ซึ่งสิ่งนี้จะนำไปสู่การกระจายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ

การสำรวจที่จัดทำโดยหอการค้าอเมริกันในจีนแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยนักลงทุนมองประเทศจีนในมุมมองด้านลบมากขึ้น โดยมีไม่ถึงครึ่งที่นักลงทุนมองว่าจีนยังเป็น Top 3 ประเทศที่น่าลงทุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี ที่จีนหลุด Top 3 ประเทศที่นักลงทุนเลือกลงทุน

โดย 66% ของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มสำรวจมองว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ถือเป็นความท้าทายอันดับ 1 ในการทำธุรกิจตอนนี้ และ 65% ระบุว่า พวกเขาไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจีนจะยังคงเปิดกว้างสำหรับการลงทุนจากต่างชาติหรือไม่ โดยบริษัทสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่าพวกเขาได้รับการต้อนรับจากจีนน้อยกว่าในปีที่ผ่านมา

“ขณะนี้เงินกำลังไหลเข้าสู่ประเทศที่ถูกพิจารณาว่าเป็นประเทศใกล้ชิดทางการเมือง ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเข้าถึงการลงทุนที่ลดลงจากประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากการก่อตัวของทุนที่ลดลงและการเพิ่มผลิตภาพจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ที่ดีขึ้น” นักเศรษฐศาสตร์ของ IMF กล่าว

]]>
1426665
‘IMF’ ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจโลกขึ้นเป็น 2.9% หลังปัญหาเงินเฟ้อเริ่มดีขึ้น https://positioningmag.com/1417300 Tue, 31 Jan 2023 06:05:50 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417300 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกใหม่เป็น 2.9% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับการคาดการณ์เมื่อเดือนตุลาคม เนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกเริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตาม การเติบโตในปี 2023 ยังถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับปี 2022 ที่เติบโต 3.4%

จากการคำนวณของ IMF ระบุว่า ประมาณ 84% ของประเทศต่าง ๆ จะเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ลดลงในปีนี้เมื่อเทียบกับปี 2022 ทำให้ IMF ได้ปรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกใหม่เป็น 2.9% แนวโน้มเศรษฐกิจโลกกลับมาเป็นบวกมากขึ้นจากปัจจัยภายในประเทศที่ออกมาดีเกินคาดในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา

อีกปัจจัยที่ทำให้แนวโน้มของเศรษฐกิจโลกขยายตัวดีขึ้นก็คือ จีน ที่ประกาศเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งหลังจากมีมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนทำให้การเติบโตทั่วโลกสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงยังทำให้โอกาสของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ถือครองตราสารหนี้เป็นสกุลเงินต่างประเทศสดใสขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม IMF มองว่าปัจจัยลบในปี 2023 คือ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและการรุกรานยูเครนของรัสเซียที่น่าจะยังคงส่งผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมี ความไม่แน่นอน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า การเปิดใหม่ของจีนอาจหยุดชะงัก อัตราเงินเฟ้ออาจยังคงสูง การรุกรานยูเครนที่ยืดเยื้อของรัสเซียอาจทำให้ต้นทุนด้านพลังงานและอาหารสั่นคลอนไปมากกว่านี้ และตลาดอาจพลิกผันจากตัวเลขเงินเฟ้อที่แย่กว่า

การเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับการพิสูจน์แล้วว่าฟื้นตัวอย่างน่าประหลาดใจในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว ด้วยตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง การบริโภคภาคครัวเรือน และการลงทุนทางธุรกิจ และการปรับตัวที่ดีเกินคาดต่อวิกฤตพลังงานในยุโรป อย่างไรก็ตาม การเติบโตจะยังคงอ่อนแอ เนื่องจากต้องเจอกับปัญหาเงินเฟ้อและสงครามของรัสเซียในยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก” ปิแอร์-โอลิเวียร์ กูรินชาส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ IMF กล่าว

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อของโลกจะลดลง แต่คาดว่าเฉลี่ยแล้วอัตราเงินเฟ้อปี 2023 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 6.6% และลดลงเหลือ 4.3% ในปี 2024 ซึ่ง IMF คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกของปี 2024 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.1%

Source

]]>
1417300
‘IMF’ คาดการเติบโตเศรษฐกิจโลกจะ ‘ลดลง 4 ล้านล้านดอลลาร์’ ในช่วง 4 ปีจากนี้ https://positioningmag.com/1403756 Sun, 09 Oct 2022 06:19:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403756 สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาอาหารและพลังงานทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ การระบาดใหญ่ของ COVID-19 ยังส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาสภาพอากาศที่เลวร้าย ทุกสาเหตุส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้วิกฤตอื่น ๆ ทวีความรุนแรงขึ้น เช่น ระดับหนี้ที่สูงขึ้นของประเทศที่มีรายได้ต่ำ

Kristalina Georgieva กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า IMF กำลังลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกของปี 2023 อีกครั้ง โดยคาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะลดลง 4 ล้านล้านดอลลาร์จนถึงปี 2026

“สิ่งต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะแย่ลงก่อนที่จะดีขึ้น โดยเฉพาะการรุกรานยูเครนของรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ได้เปลี่ยนมุมมองต่อเศรษฐกิจของ IMF ไปอย่างมาก ส่งผลให้ความเสี่ยงจากภาวะถดถอยกำลังเพิ่มสูงขึ้น”

Georgieva กล่าวว่า IMF ประมาณการว่าประเทศต่าง ๆ ที่คิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกจะเห็นการหดตัวทางเศรษฐกิจอย่างน้อย 2 ไตรมาสติดต่อกันในปีนี้หรือปีหน้า และเสริมว่าสถาบันได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทั่วโลกไปแล้ว 3 ครั้ง ตอนนี้คาดว่า -3.2% ในปี 2022 และ 2.9% ในปี 2023

ทั้งนี้ การคาดการณ์ของ IMF ที่เยือกเย็นเกิดขึ้นในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยหวังว่าจะสามารถบรรเทาเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ถือเป็นกลุ่มที่ใช้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือลดอัตราเงินเฟ้อ และธนาคารกลางจากเอเชียไปยังอังกฤษได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ รวมถึงการที่ OPEC+ ตัดสินใจลดการผลิตน้ำมันลง เพื่อพยุงราคาน้ำมันที่ตกต่ำ

]]>
1403756
ซีอีโอ ‘FedEx’ ชี้เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะ ‘ถดถอย’ ทั่วโลก หลังยอดขนส่งบริษัทลดลงต่อเนื่อง https://positioningmag.com/1400419 Fri, 16 Sep 2022 02:43:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1400419 ราจ สุบรามาเนียม (Raj Subramaniam) ซีอีโอของ เฟดเอ็กซ์ (FedEx) ได้ออกมาคาดการณ์ถึงเศรษฐกิจโลกว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยประเมินจากยอดจัดส่งสินค้าทั่วโลกที่ชะลอตัวลง

การประเมินเศรษฐกิจโลกของ ซีอีโอ FedEx เกิดขึ้นหลังจากที่รายได้ของบริษัทไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ในไตรมาสแรก พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ปรับคาดการณ์รายได้ทั้งปีที่เคยให้ไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน โดยระบุว่า อุปสงค์ทั่วโลกชะลอตัวลงโดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และมีแนวโน้มแย่ลงในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน

ผมคิดว่าเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย” ราจ ย้ำ

หลังจากเฟดเอ็กซ์เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว รวมถึงรายงานรายรับและกำไรสำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. ซึ่งไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลงมากกว่า 15% โดยราจระบุว่า ปริมาณการจัดส่งทั่วโลกที่ลดลงทำให้เฟดเอ็กซ์ประสบผลที่น่าผิดหวัง ในขณะที่บริษัทเคยคาดการณ์ว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่โรงงานในจีนกลับมาเปิดทำการหลังจากปิดไปเพราะ COVID-19 แต่กลับไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คาดไว้

“ผมผิดหวังมากกับผลลัพธ์ที่เราเพิ่งประกาศ เนื่องจากสถานการณ์ระดับมหภาคที่เรากำลังเผชิญอยู่ เราเห็นปริมาณการขนส่งลดลงในทุกเซกเมนต์ทั่วโลกทุกสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ดังนั้นเราจึงถือว่า ณ จุดนี้สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก

เขาทิ้งท้ายว่า ธุรกิจขนส่งเป็นภาพสะท้อนของธุรกิจของทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงในโลก

Source

]]>
1400419
ครัวเรือนไทย กลุ่ม ‘รายได้ต่ำ’ เสี่ยงเจอพิษ ‘เงินเฟ้อ’ เร่งตัวขึ้นกว่า 6 เท่า https://positioningmag.com/1381616 Fri, 15 Apr 2022 10:20:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381616 ราคาพลังงานในตลาดโลกที่เร่งสูงขึ้นจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ดันเงินเฟ้อไทยพุ่งสูงสุดในรอบ 13 ปี กระทบต้นทุนธุรกิจ ครัวเรือนรายได้ต่ำเจอหนักเร่งตัวขึ้นกว่า 6 เท่าจากปีก่อน สวนทางกับกลุ่มรายได้สูง 

อัตราเงินเฟ้อเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี สร้างความกังวลต่อค่าครองชีพของครัวเรือน โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนมีนาคมอยู่ที่ 5.73% YOY เพิ่มขึ้นจาก 5.28% เดือนกุมภาพันธ์

วิจัยกรุงศรี ระบุถึงสาเหตุสำคัญว่ามาจาก ราคาพลังงานในตลาดโลกที่เร่งสูงขึ้น จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศปรับสูงขึ้นมาก (+31.4% YOY)

นอกจากนี้ ราคาสินค้าในหมวดอาหารที่มีการปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ไข่ไก่ ผักสด และเครื่องประกอบอาหาร ด้านอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (หักราคาหมวดอาหารสดและพลังงาน) เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี ที่ 2.0% จาก 1.80% ในเดือนกุมภาพันธ์ สำหรับในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยอยู่ที่ 4.75% และ 1.43% ตามลำดับ

ประชาชนเเบกค่าใช้จ่าย ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 และอยู่เหนือกรอบของเงินเฟ้อเป้าหมายของทางการต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยการปรับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อส่วนใหญ่มาจากราคาพลังงาน แม้ว่าราคาไม่ได้เพิ่มขึ้นในทุกชนิดสินค้า แต่กลับสร้างความกังวลให้แก่สังคมเกี่ยวกับผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายและกำลังซื้อ

ทำให้ยอดค้นหาของคำว่า ‘เงินเฟ้อ’ ใน Google แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ฉุดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคมร่วงลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 42.0 จาก 43.3 เดือนกุมภาพันธ์

Photo : Shutterstock

กลุ่มรายได้ต่ำ เงินเฟ้อเร่งตัว 6 เท่า

วิจัยกรุงศรี คาดอัตราเงินเฟ้อในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 4.8% จากแรงหนุนของราคาอาหารเพื่อบริโภคที่บ้านและราคายานพาหนะ อีกทั้งราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของไทยยืนอยู่เหนือกรอบเป้าหมาย และอาจใช้เวลาถึงไตรมาสสุดท้ายของปีกว่าที่จะมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
 
นอกจากนี้ ผลการศึกษาของวิจัยกรุงศรีพบว่า จากตะกร้าการบริโภคสินค้าที่มีความแตกต่างกัน กลุ่มคนรายได้ต่ำจะมีสัดส่วนการใช้จ่ายในหมวดอาหารเพื่อบริโภคที่บ้านและการขนส่ง รวมกันราวสองเท่าของกลุ่มคนรายได้สูง จึงมีโอกาสเผชิญเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นกว่า 6 เท่า เมื่อเทียบกับปีก่อน สวนทางกับกลุ่มคนรายได้สูงที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นไม่มากเมื่อเทียบกับปี 2564

สงครามรัสเซีย-ยูเครน ลากยาว กระทบเศรษฐกิจโลก 

ความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคมมีสัญญาณฟื้น แต่ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่อาจกดดันการเติบโตในระยะข้างหน้า

ล่าสุดดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคมกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือนที่ 89.2 จาก 86.7 ปัจจัยหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด

รวมถึงการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติจากหลาย ๆ ประเทศทยอยผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ในเดือนมีนาคม ผู้ประกอบการมีการเร่งการผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์

วิจัยกรุงศรีประเมินว่า แม้การผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงต้นปีจะมีสัญญาณเชิงบวก จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ แต่ในระยะถัดไปปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนที่มีความเสี่ยงอาจลากยาวมากขึ้นกระทบเศรษฐกิจโลกและการค้าชะลอลง ส่งผลต่อภาคการส่งออกและภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย ขณะที่ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นมากจะส่งผลต้นทุนการผลิตและการขนส่งสินค้า

นอกจากนี้ ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะชะงักงันของอุปทานของโลก หากสถานการณ์การล็อกดาวน์ของจีนเพื่อควบคุมการระบาดของ COVID-19 ระลอกล่าสุดมีแนวโน้มยืดเยื้อและเป็นวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากมีการประเมินว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยมีการใช้ input จากจีนคิดเป็นสัดส่วนเมื่อเทียบกับมูลค่าผลผลิตรวมทั้งหมด (gross value added) สูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากเวียดนาม และฮ่องกง

 

 

]]>
1381616
‘ศรีลังกา’ ระงับชำระหนี้ต่างประเทศชั่วคราว เก็บเงินทุนสำรองนำเข้าพลังงาน-สินค้าจำเป็น https://positioningmag.com/1381480 Tue, 12 Apr 2022 09:35:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381480 ศรีลังการะงับการชำระคืนหนี้ต่างประเทศชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระครั้งใหญ่ โดยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีอยู่จำกัดนั้น จะต้องเก็บไว้ใช้สำหรับการนำเข้าสินค้าที่จำเป็นอย่างเช่น พลังงานเชื้อเพลิงเเละอาหาร

เรามาถึงจุดที่การชำระคืนหนี้ต่างประเทศเป็นเรื่องท้าทายและเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่สามารถดำเนินการได้ในตอนนี้ คือการปรับโครงสร้างหนี้และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้Nandalal Weerasinghe ผู้ว่าการธนาคารกลางศรีลังกาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว

โดยศรีลังกา มีกำหนดจะเริ่มการเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เกี่ยวกับโครงการเงินกู้ในสัปดาห์หน้า หลังต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไฟฟ้าดับเป็นเวลานาน ประกอบกับขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค

สำหรับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของศรีลังกา ณ สิ้นเดือนมีนาคม อยู่ที่ 1,930 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าน้อยมากและมีกำหนดต้องชำระหนี้ต่างประเทศที่ครบกำหนดในปีนี้ที่ราว 4,000 ล้านดอลลาร์ รวมถึงพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฏาคมนี้

ผู้ว่าการธนาคารกลางศรีลังกา ยืนยันว่า การดำเนินการนี้เป็นไปโดยสุจริต เเละเน้นว่าประเทศศรีลังกา ซึ่งมีประชากรกว่า 22 ล้านคน ไม่เคยผิดนัดชำระหนี้มาก่อน

โดยการงดชำระหนี้ต่างประเทศ จะเป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น จนกว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับเจ้าหนี้และได้รับการสนับสนุนโครงการเงินกู้กับ IMF

ท่ามกลางความไม่สงบของประชาชนที่เกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจรัฐบาลต้องมุ่งไปที่การนำเข้าสิ่งของที่จำเป็นและไม่ต้องกังวลกับเรื่องหนี้ภายนอกประเทศ

วิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงของศรีลังกา ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ขาดเเคลนเชื้อเพลิงเเละสินค้าอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ พร้อมปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1381480