ดูแลพนักงานให้เหมือนครอบครัว
จากวิกฤต COVID-19 ในตอนนี้ที่สร้างผลกระทบต่อทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร เรียกว่าไม่มีนักท่องเที่ยว รวมถึงคนในประเทศเองก็ต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อความปลอดภัย ลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสให้มากที่สุด
“ดุสิตธานี” เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และโรงแรมในประเทศไทย ได้ประกาศปิดให้บริการโรงแรมในเครือทั้งหมด 7 แห่งเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ด้วย
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า
“วิกฤติครั้งนี้เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า เป็นประสบการณ์ใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย เพราะไม่ใช่แค่กระทบกับธุรกิจ แต่ยังกระทบถึงการใช้ชีวิต กระทบถึงความรู้สึก เราต้องอยู่ห่างจากคนที่เรารัก เราไม่สามารถแม้แต่จะกอด เพื่อปลอบประโลมใจหรือให้กำลังใจกันได้ในวันที่เราต่างต้องการมันมากที่สุด แต่เราจะต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ด้วยหัวใจที่เข้มแข็งและอดทน”
ศุภจี บอกว่า ในวันที่ต้องตัดสินใจประกาศยุติการให้บริการโรงแรม 7 แห่งในประเทศ ไม่ต้องใช้ความยากลำบากในการตัดสินใจ เพราะเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้เข้าพักและพนักงาน จากการแพร่ระบาดของไวรัส ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่า “สุดท้ายเราต้องปิดโรงแรม” แต่สิ่งที่ยากกว่า ละเอียดอ่อนกว่า คือ การดูแลพนักงานทุกคนของดุสิตธานี ที่อยู่ร่วมกันเหมือนกับครอบครัวใหญ่ โดยยังคงต้องรักษาสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ เช่น ผู้ถือหุ้น
ผู้บริหารลดเงินเดือน 25-50% พนักงานรับเต็ม 100%
เบื้องหลังการบริหารจัดการวิกฤติการณ์นี้ ศุภจีบอกว่า เธอเลือกที่จะบาลานซ์ด้วยการยืดระยะเวลาจนดุสิตธานีน่าจะเป็นกลุ่มท้ายๆ ที่ประกาศปิดโรงแรมเป็นการชั่วคราว ซึ่งเธอต้องประเมินสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมๆ กับจัดวางโครงสร้างทางการเงิน ดูแลสภาพคล่อง ควบคุมต้นทุน เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้ว พนักงานอยู่ได้ ธุรกิจอยู่ได้ ซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้นก็จะอยู่ได้
“เรามีมาตรการเพื่อให้เกิดผลกระทบกับพนักงานน้อยที่สุด โดยเฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ เราพยายามจะไม่ให้กระทบเลย เพราะเราทราบอยู่แล้วว่า พนักงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ต้องการการประคับประคอง เราต้องดูแลให้ดี”
สิ่งที่ดุสิตธานีทำ ก็คือ ผู้บริหารยอมลดเงินเดือนตัวเองลง ผู้บริหารระดับสูง ระดับรองลงมา ก็ลดเงินเดือนตามส่วน ตั้งแต่ลด 50% จนถึง 25% เพื่อให้พนักงานที่อยู่ในฐานล่างพีระมิดไม่ได้รับผลกระทบ ระดับปฏิบัติการยังคงได้รับเงินเดือน 100% เต็มเหมือนเดิม ได้รับสวัสดิการเหมือนเดิม ไม่มีการลดคน แม้โรงแรมจะปิดให้บริการชั่วคราว และเพื่อให้พนักงานไม่ต้องไปเพิ่มภาระให้กับประกันสังคม เพราะดุสิตธานียังพอมีกำลัง ยังคงดูแลทุกคนได้อย่างเท่าเทียม
เพราะธุรกิจเดินต่อได้ด้วย “พนักงาน”
ข้อสังเกตประการสำคัญนับเนื่องตั้งแต่การยุติการให้บริการโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงการปิดโรงแรม 7 แห่งเป็นการชั่วคราว คือ การรักษาพนักงานกลุ่มดุสิตธานีไว้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งศุภจีบอกว่า เพราะ “พนักงาน” คือคนที่ทำให้เกิดธุรกิจนี้ และธุรกิจนี้จะเดินหน้าต่อไปได้ก็ด้วยพนักงาน
“ในวันที่เราให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการปิดโรงแรม เพื่อควบคุมการแพร่กระจาย และเพื่อความปลอดภัยของพนักงาน แต่เราก็ยังทำธุรกิจใหม่ๆ เช่น ดิลิเวอรี่ พนักงานของเรายังมีงานทำ เรายังพยายามหารายได้ และยังแบ่งปัน เราใช้ช่วงเวลานี้ถือโอกาสซ่อมบำรุงโรงแรม ปรับเปลี่ยนองค์กรด้วยการทำ Business Transformation และ Technology Transformation เพื่อให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน เราเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะรอวันกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง”
แม้วันนี้ห้องพักทุกห้องของโรงแรมดุสิตธานีจะถูกปิดลง แต่เมื่อประตูห้องพักถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง “ศุภจี” มั่นใจว่า หัวใจของพนักงานทุกคนที่ได้รับการเยียวยาและดูแลจากองค์กร จะกลับมาพร้อมให้บริการลูกค้าของดุสิตธานีอย่างเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม
- ‘ดุสิตธานี’ ผนึกพันธมิตรระดับโลกรุกธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ พร้อมเปิดให้บริการ ‘เรียล ฟู้ดส์’ สาขาแรกในประเทศไทย ก่อนเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ
- “ดุสิตธานี” เช่าบ้านโบราณอายุ 100 ปี ลงทุนร้านอาหาร “บ้านดุสิตธานี” โชว์เคสเซอร์วิส รอมิกซ์ยูสเปิดตัว
- 70 ปี “ดุสิตธานี” กับการพลิกโฉมสู่มิกซ์ยูสกลางกรุง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” เปิดเฟสแรกปี 65
ต้องเรียกว่าเป็น “มืออาชีพ” ที่เนื้อหอมจริงๆ สำหรับ “สมประสงค์ บุญยะชัย” อดีตผู้บริหาร เอไอเอส และอินทัช ที่เพิ่งเข้าไปช่วยบริหารงานบีอีซีเวิลด์ ช่อง 3 ในยุคที่ต้องปรับองค์กรให้เท่าทันกับยุคออนไลน์ไปไม่นาน รวมทั้งยังเป็นบอร์ดอีกหลายแห่งเช่นโอสถสภา
ล่าสุด ยังเข้าไปนั่งเป็น “กรรมการ” ให้กับโรงแรมดุสิตธานี เพื่อรับมือกับการเข้าสู่ในยุคไทยแลนด์ 4.0 ความพร้อมในเรื่องเทคโนโลยีจึงมีส่วนสำคัญมาก
โดยล่าสุด บอร์ดของบริษัทได้มีมติแต่งตั้ง “สมประสงค์ บุญยะชัย” ให้เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560
อาสา สารสิน ประธานกรรมการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC การแต่งตั้งกรรมการใหม่ในครั้งนี้ รวมไปถึงกรรมการเดิมที่มีอยู่ จะช่วยตอกย้ำ และส่งเสริมแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเชิงรุก (Growth Strategy) เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่มั่นคง และยั่งยืน ซึ่งการที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมายดังกล่าวนั้น นอกจากจะต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนภายในจากพนักงานทุกส่วนแล้ว ยังต้องอาศัยประสบการณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิในแวดวงต่างๆ เข้ามามีส่วนสนับสนุนอีกด้วย
“จากประสบการณ์ ความรู้ และความสามารถของคุณสมประสงค์ ทั้งด้านบริหารธุรกิจ และเชี่ยวชาญสายงานด้านสื่อสารโทรคมนาคม จะช่วยสนับสนุน และขับเคลื่อนให้ดุสิตธานี สามารถเดินหน้าขยายธุรกิจ โดยเฉพาะรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่ธุรกิจจะต้องมีการพัฒนาหลายส่วน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ ๆ จะกลายเป็นส่วนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจ” อาสา กล่าว
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กรรมการทุกท่านจะมีส่วนร่วมในการผลักดันให้ดุสิตธานี ดำเนินงานได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประกาศกลยุทธ์ในการดำเนินงานที่สำคัญ 5 แนวทาง ประกอบด้วย 1. บริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมเมื่อเปรียบเทียบกับตลาด 2. ขยายฐานธุรกิจด้านการรับบริหารโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ 3. แสวงหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยง 4. ขยายฐานลูกค้า และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ “ดุสิตธานี” เพื่อให้เป็นที่รู้จักและเป็นที่จดจำ รวมทั้งขยายช่องทางการตลาด และ 5. เสริมสร้างทีมงานบริหารและปฏิบัติการให้มีความเข้มแข็งเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจ
“ถึงแม้ว่าโดยโครงสร้างแล้ว การขับเคลื่อนธุรกิจจะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร และฝ่ายปฏิบัติการ แต่การผลักดันนโยบายสำคัญ หรือการมองภาพใหญ่ที่เป็นเชิงนโยบายต้องอาศัยวิสัยทัศน์ของคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งเรามั่นใจว่า นี่คือ ส่วนหนึ่งที่จะเติมเต็มให้ดุสิตธานี พร้อมรับกับเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 69 ปี และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการวางรากฐานของบริษัทฯ เพื่อนำไปสู่ความท้าทายใหม่ในทศวรรษที่ 7 ต่อไป”
ก่อนหน้านี้ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ได้นำบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาเป็นกรรมการบริษัทในด้านต่าง ๆ อาทิ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ซึ่งผ่านงานบริหารที่หลากหลายในกระบวนการยุติธรรม, ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. คุณหญิง สุชาดา กิระนันท์ และ คุณภควัต โกวิทวัฒนพงศ์ ซึ่งมีประสบการณ์สูงทางด้านการเงินการลงทุน และการบริหารจัดการ
]]>
ร้อนถึง “สุกัญญา จันทร์ชู” ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ต้องร่อนแถลงการณ์ย้ำว่า “ไม่มีแผนดังกล่าวแต่อย่างใด” เพราะหลังจากที่จะมีการรื้อถอนโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 61 แล้ว พนักงานทุกคนยังจะมีงานทำเหมือนเดิมแต่จะกระจายไปทำงานยังส่วนต่างๆ ที่สำคัญการปิดโรงแรมฯ เพื่อการรื้อถอนและลงทุนใหม่ครั้งนี้ บริษัทฯ มีการจัดเตรียมเงินทุนสำรองเพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนให้พนักงานทุกคนตามปรกติ โดยคาดว่าโครงการใหม่ซึ่งยังคงมีส่วนของโรงแรมรวมอยู่ด้วยนั้นจะสามารถก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายในปี 2565 โดยจะยังคงรักษาระดับราคาตามมาตรฐาน 5 ดาวเช่นเดิม
แต่ในช่วงปิดโรงแรมฯ เพื่อก่อสร้างโครงการใหม่นั้น โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ มีแผนการรักษาแบรนด์ให้เป็นที่จดจำของลูกค้าในส่วนของร้านอาหารต่างๆ ทั้งร้านอาหารไทย “เบญรงค์” ร้านอาหารจีน “เดอะ เมย์ฟลาวเวอร์” ร้านอาหารญี่ปุ่น “โชกุน” ร้านอาหารเวียดนาม “เธียนดอง” และร้านขนมหวาน–ขนมอบ–ช็อกโกแล็ต “ดุสิต กูร์เมต์” เพราะปัจจุบันโรงแรมฯ มีรายได้จาก F&B รวมการจัดเลี้ยงสูงถึง 45% เมื่อเทียบกับรายได้จากห้องพัก 55% ส่วนสถานที่ที่จะเปิดให้บริการจะเน้นในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปมิได้จำกัดแต่เพียง “เซ็นทรัล” เท่านั้น
ที่สำคัญในช่วงการก่อสร้างโครงการใหม่ที่จะใช้เวลาประมาณ 4 ปี คาดว่าโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ จะสูญเสียรายได้จำนวนหนึ่ง ซึ่งหากคิดเฉลี่ยง่ายๆ จากรายได้ต่อปีประมาณ 900 ล้านบาทที่ผู้บริหารบอกนั้น ก็จะตกประมาณ 3.6 พันล้านบาท แต่เมื่อเทียบกับผลที่จะได้รับกลับคืนในอนาคต เมื่อโครงการแล้วเสร็จ มากกว่ากันหลายสิบเท่า เพราะไม่ได้มีแค่โรงแรม แต่เป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่มีทั้งโรงแรม ที่พักอาศัย ศูนย์การค้า อาคารสำนักงานพรีเมียม
อย่างนี้เรียกว่า เสียน้อยได้มาก
ที่มา : http://astv.mobi/AKEEohV
]]>โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เผยแพร่เอกสารเกี่ยวกับการลงทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (มิกซ์ยูส) มูลค่าโครงการกว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ร่วมกับ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา ที่ได้มีการส่งต่อกันอย่างแพร่หลาย มีข้อความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เช่น “ให้พนักงานทำงานจนถึง 30 มิถุนายน 2561 จากนั้นจะทุบสร้างใหม่” จึงขอชี้แจงดังนี้
1.โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ยังคงเปิดให้บริการตามปกติไปจนถึง 30 มิ.ย. 2561 (กลางปีหน้า) และได้แจ้งกับพนักงานของโรงแรมให้ทราบเกี่ยวกับการเรื่องการลงทุนยกระดับโรงแรมแล้ว โดยได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า ทางบริษัทฯ ไม่มีนโยบาย “ปลดพนักงานออกแม้แต่คนเดียว“
โดยได้เตรียมแผนโครงการต่างๆ สำหรับเป็นทางเลือกให้ ในการทำงานแก่พนักงานระหว่างการก่อสร้างโครงการใหม่ (เช่น ให้พนักงานเลือกย้ายไปสาขาอื่นๆ แทน)
2.เนื่องจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ถือเป็นโรงแรมหลักของกลุ่มดุสิตธานี จึงมีความตั้งใจที่จะพัฒนาและยกระดับให้ทันสมัย ได้มาตรฐานระดับสากล โดยยังรักษาความเป็นไทย และแบรนด์ดุสิตธานี
3. บริษัทฯ ได้รับอนุมัติต่อสัญญาที่ดินบริเวณหัวมุมถนนสีลมและถนนพระราม 4 จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็นเวลา 60 ปี จึงต้องการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ ผ่านการลงทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (MIXED USE) โดยจะมีบริษัทเซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (ซีพีเอ็น) เป็นพันมิตรร่วมเพียงรายเดียว จะเริ่มพัฒนาในเดือนกรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสม (MIXED USE DEVELOPMENT) ประกอบด้วย โรงแรม เรสซิเดนซ์ ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงาน บนที่ดินบริเวณหัวมุมถนนสีลมและถนนพระราม 4 กรุงเทพมหานคร มูลค่าโครงการรวมไม่เกิน 36,700 ล้านบาท
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เชิญท่านร่วมเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบ 40 ปี ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ “เพียงท่านใช้บริการทุกห้องอาหารของโรงแรมฯ ทานเท่าไหร่ เก็บใบเสร็จไว้ ภายใน 40 วัน มาทานครั้งต่อไป ฟรี! มูลค่าเท่าใบเสร็จแรก”* ไม่ว่าจะเป็น ห้องอาหารฝรั่งเศส เดซองส์, ห้องอาหารอิตาเลี่ยน อิล ชิเญโล, แฮมิลตันส์ สเต็กเฮ้าส์, ห้องอาหารไทย เบญจรงค์, ห้องอาหารเวียดนาม เธียนดอง, ห้องอาหารจีน เมย์ฟลาวเวอร์ ห้องอาหารนานาชาติ เดอะพาวิลเลี่ยน, มายบาร์ และ ล็อบบี้เล้าจน์ และ ฟรี! เค้กวันเกิดสำหรับลูกค้าที่มีอายุครบ 40 ปี
สิทธิพิเศษนี้มีจนถึง 31 สิงหาคมนี้เท่านั้น เพื่อขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่คอยสนับสนุน และใช้บริการที่โรงแรมฯ มาโดยตลอด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่แผนกอาหารและเครื่องดื่ม โทร. 0 2200 9000 ต่อ 2524
*สำหรับการใช้บริการมูลค่าตั้งแต่ 1,000 – 10,000 บาท และ (ยกเว้นห้องอาหารญี่ปุ่น โชกุน และ ดุสิต กูร์เม่ต์ เบเกอรี่ของโรงแรมฯ)
สร้างความประทับใจอันแสนหวาน ด้วยการมอบนามบัตรช็อกโกแลต ออกแบบได้ตามใจคุณ สั่งทำพิเศษได้ที่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เท่านั้น
นามบัตรช็อกโกแลต ไอเดียสุดเก๋ ไม่เหมือนใคร โดย เชฟสลาเวค พาสทรีเชฟ ของโรงแรมฯ นำความคิดสร้างสรรค์เติมแต่งในการทำช็อกโกแลตคุณภาพดีทั้งไวท์-ดาร์ก มาเป็นนามบัตรเก๋ไก๋ รับประทานได้ ให้คุณเลือกเป็นของขวัญชิ้นพิเศษมอบแก่ลูกค้าคนสำคัญหรือคนพิเศษ ในโอกาสต่างๆ ราคาเพียงชิ้นละ 45 บาท (สั่งขั้นต่ำ 10 ชิ้น) หรือจะเลือกสั่งเป็น แพ็คเกจสวยหรูในกล่องอคริลิคใส บรรจุด้วยนามบัตรช็อกโกแลต 10 ชิ้น ในราคาเพียง 590 บาท เท่านั้น
อย่ารีรอ ที่จะมอบนามบัตรสุดเก๋ อร่อย และสร้างสรรค์ …. วิธีฉลาด ๆ ที่จะสร้างความประทับใจในการจดจำได้ไม่รู้ลืม สั่งได้แล้ววันนี้ที่ “ดุสิต กูร์เมต์” ร้านเบเกอรี่ชื่อดัง โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เปิดให้บริการ ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 22.00 น. (สำหรับนามบัตรช็อกโกแลต สั่งล่วงหน้า 3 วัน)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ดุสิต กูร์เมต์ โทร. 02 200 9000 ต่อ 2577 หรือ[email protected]
ดุสิตธานี กรุงเทพ และดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคงรักษาคุณภาพทางการบริการในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดความสับสนทางการเมือง โดยทางโรงแรมยังยืนยันถึงความพร้อมที่จะให้การต้อนรับและมอบความประทับใจให้แก่แขกทุกท่านตามมาตรฐานของดุสิต ทำให้ได้รับความไว้วางใจ รับเลือกให้เป็น โรงแรมหลักที่ร่วมจัดงาน “มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 10”
ภาวะความตึงเครียดจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศที่ยังคงดำเนินอยู่นั้น มิได้สั่นคลอนความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของกลุ่มศิลปินและนักแสดงกว่า 1,200 ชีวิตที่จะมาร่วมงาน “มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 10” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 13 ตุลาคมที่จะถึงนี้ได้ ดุสิตธานี กรุงเทพ ได้รับเกียรติให้เป็นโรงแรมหลักในการอำนวยความสะดวกด้านที่พักให้แก่ศิลปินและนักแสดงตลอดช่วงการจัดมหกรรมดังกล่าว ณ กรุงเทพฯ ซึ่งในเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมาทางโรงแรมก็เคยได้รับเกียรติให้รับรองคณะนักแสดงจากประเทศอินเดียหรือบอลลีวูด ที่ได้จัดงานมหกรรมภาพยนตร์ขึ้นที่เมืองไทย ซึ่งบอลลีวูดเป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียที่มีความยิ่งใหญ่รองจาก ฮอลลีวูด
เจ เอส ยูเบรอย ประธานบริษัทไอซีพี (บริษัทผู้จัดการแสดงบัลเล่ต์เต็มรูปแบบในประเทศไทย) กล่าวว่า “มหกรรมดังกล่าว นั้นสืบเนื่องมาจากจุดเริ่มต้นที่จะบรรจุ กรุงเทพฯ เมืองแห่งความศิวิไลซ์ลงในแผนที่ทางวัฒนธรรมโลกอีกแห่งหนึ่งในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศแนวหน้าทางด้านวัฒนธรรมของเอเชีย ในงานนี้จะมีการนำเอาปูชนียบุคคลทางด้านศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก อันได้แก่ อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ สเปน เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย อาร์เจนติน่า เยอรมนี รัสเซีย เกาหลี อินเดีย มารวบรวมกันไว้ที่มหกรรมที่จัดขึ้นกว่าหนึ่งเดือน ณ กรุงเทพฯ ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยว่าสามารถจัดมหกรรรมที่มีความยิ่งใหญ่ได้อย่างดี ท่ามกลางสภาวการณ์บ้านเมืองที่ยังคงมีความสับสนอยู่”
การแสดง”มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 10”เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2551 องค์กรจากทั่วโลกจะมาร่วมแสดงในงานดังกล่าว อันได้แก่ บริษัท พอลล์ เทย์เลอร์ แดนซ์ จาก นิวยอร์ก รัสเซียน ซิมโฟนี ออเคสตร้า รัสเซียน แบสเคอร์ สเตท โอเปร่า และ บัลเล่ต์ ซูริค บัลเล่ต์ อินโทรแดนส์ จาก เนเธอร์แลนด์ โรงละครแห่งชาติเกาหลี ลัว ฮาดาร์ ทวิสต์ แบนด์ จาก ซานฟรานซิสโก เจมส์ มอร์ริสัน และคณะ จากออสเตรเลีย บัลเล่ต์ ฟลามิงโก ซาร่า บาราส จาก สเปน มัทวี มัทเกาล์และคณะจากอินเดีย (แสดงมหากาพย์ภาษาสันกฤต-ศิลปะการแสดงแบบโบราณของอินเดีย) จี-สตริง จากเยอรมนี บี คอนเน็ค แจ๊ส จากสวิสเซอร์แลนด์ และ ชาวคณะอินากิ อูเลซากา จากอาร์เจนติน่า
ออคตาวิโอ กามาร์รา รองประธานอาวุโส ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า “เรามีความยินดีที่ได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักของการจัดงานที่ทรงคุณค่าทางศิลปะเช่นงาน “มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 10” ในครั้งนี้ ทางโรงแรมได้จัดเตรียมการต้อนรับอันดีแก่คณะศิลปินและนักแสดงที่จะมาพัก ซึ่งมิใช่เพียงการบริการด้วยมาตรฐานของโรงแรมระดับแนวหน้าของไทยเท่านั้น หากแต่ยังจะมอบความเชื่อมั่นให้แก่ทุกท่านที่มาพักว่า สถานการณ์ความไม่ปกติที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อแขกที่มาพักอย่างแน่นอน ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจของโรงแรมยังคงดำเนินไปอย่างเป็นปกติ เพื่อช่วยตอกย้ำผลการสำรวจของนิตยสาร ทราเวล แอนด์เลเชอร์ ฉบับเดือน กรกฎาคม ที่ว่าเมืองไทยนั้น ยังคงเป็น “เมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดในโลก” เราจะไม่หยุดนิ่งและปล่อยให้โรงแรมได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว หากแต่ควรเดินหน้าสู่การขยายธุรกิจไปสู่ระดับสากลและย้ำจุดยืนในการสร้างความประทับใจมิรู้ลืมให้แก่ผู้ที่มาท่องเที่ยว ทั้งนี้เราจะยืนหยัดดำเนินธุรกิจ เหมือนที่ธุรกิจอื่นๆในโลกยังคงดำเนินต่อไป”
ปัจจุบันการมองหาห้องพักที่ดีและมีราคาที่เหมาะสมนั้น ท่านสามารถทำได้ง่าย โดยเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซด์ของดุสิตคือ www.dusit.com ซึ่งมั่นใจได้เลยวาท่านจะได้ราคาห้องพักที่คุ้มค่าที่สุด ณ โรงแรม และรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี, โรงแรมดีทู และเครือรอยัล ปริ๊นเซส เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ
มร.คีธ บล็อท รองประธานฝ่ายการตลาดและการขายเครือดุสิต กล่าวว่า “The Dusit Best Rate ที่เพิ่งถูกแนะนำนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางด้านแฟนงานการจัดจำหน่าย ตั้งแต่มีการเปิดตัวเว็บไซด์ใหม่ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา กลยุทธ์นี้ได้เพิ่มความสำคัญที่เรามอบให้แก่ลูกค้า โดยการนำเสนอราคาห้องพักผ่านทางเว็บไซด์ของดุสิต ซึ่งเชื่อมั่นได้เลยว่า ลูกค้าจะได้รับราคาที่ดีและเหมาะสมที่สุด หากนับตั้งแต่ที่ได้มีการเปิดตัวเว็บไซด์ใหม่ของดุสิตมานี้ โรงแรมมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กว่า 65% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันและทางดุสิตก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายการส่งเสริมการขาย The Dusit Best Rate ในครั้งนี้ จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับโรงแรมต่อไปตลอดทั้งปี”
สำหรับการวางแผนการเดินทางครั้งต่อไป เพื่อได้รับราคาที่ดีและคุ้มค่าที่สุด ในการเข้าพัก ณ โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี, โรงแรมดีทูและเครือรอยัลปริ๊นเซสเพียงชมเซ็บไซด์ของดุสิตที่ www.dusit.com
นอกจากนี้ หากท่านต้องการตรวจสอบ หรือทราบข้อมูลต่างๆ ของแต่ละโรงแรมฯ รวมทั้งเทวารัณย์ สปา และการให้บริการพิเศษอื่นๆ ดิจิตอล อี-โบรชัวร์ (Digital E-Brochure) เป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการดาวน์โหลดข้อมูลที่ทันสมัยและน่าสนใจโดยท่านสามารถเข้าไปในเว็บไซต์ของเครือดุสิต www.dusit.com แล้วเข้าไปที่เว็บไซด์ของโรงแรมที่ต้องการ จากนั้นคลิกไปที่ อี-โบรชัวร์ ซึ่งจะรวมข้อมูลของโรงแรมนั้นๆ ไว้อย่างครบถ้วนยกตัวอย่างเช่นคลิกเข้าไปที่ http//www.dusit.com/tour/ebrochure.shtml
ตามที่ มร.สตีเฟ่น มาร์ติน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารรายได้ส่วนกลางกล่าวว่า “นับตั้งแต่ที่เริ่มมีเว็บไซด์ของแต่ละโรงแรมด้วยเวลาเพียงไม่ถึงสองเดือนที่ผ่านมาก็มีจำนวนผู้ที่ดาวน์โหลดอี-โบรชัวร์ (E-Brochure) เพิ่มขึ้นถึงสี่เท่าซึ่งแสดงให้เห็นว่าอี-โบรชัวร์เป็นบริการที่ง่ายและสะดวกสบายสำหรับทุกท่าน”
อิ่มอร่อยกับอาหารว่างพร้อมชา-กาแฟ ฟรีก่อนออกเดินทาง – สำหรับลูกค้าที่ใช้บริการของรถรับ-ส่ง ดุสิต สปริ๊นเตอร์ ระหว่างโรงแรม ดุสิตธานี กรุงเทพฯ, ดุสิตรีสอร์ท หัวหิน และดุสิตรีสอร์ท พัทยา จะได้รับบัตรกำนัลพิเศษ สำหรับแลกชาหรือกาแฟ และคุกกี้หรือเค้กได้ฟรี ณ โรแงแรมที่เข้าร่วมโครงการดุสิต สปริ๊นเตอร์ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2549
ค่าบริการดุสิต สปริ๊นเตอร์ เส้นทาง กรุงเทพ-พัทยา ราคาท่านละ 500 บาท ต่อ 1 เที่ยว ส่วนเส้นทาง กรุงเทพ-หัวหิน ท่านละ 600 บาท ต่อ 1 เที่ยว โดยสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ แฟนกต้อนรับส่วนหน้า แคชเชียร์ หรือ คองเซียสของโรงแรมที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง หรือด้วยวิธีง่ายๆ เพียงโทรมาที่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ หมายเลข (0) 2200-9000
ดุสิต สปริ๊นเตอร์ จะออกเดินทางทุกวันจากโรงแรมดุสิตรีสอร์ท พัทยาในเวลา 10.30 น. เพื่อมายังดุสิตธานี กรุงเทพฯ และเดินทางกลับพัทยา โดยออกจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เวลา 14.00 น. ส่วนเส้นทางหัวหิน-กรุงเทพฯ จะออกจากโรงแรมดุสิตรีสอร์ท หัวหิน ในเวลา 11.15 น. และเดินทางกลับ โดยออกจากโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ เวลา 15.00 น.
ดุสิต สปริ๊นเตอร์ เป็นบริการรถรับ-ส่ง ของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานี เปิดให้บริการแก่ลูกค้าด้วยรถที่มีระดับอย่าง เมอร์เซเดส เบนซ์ เป็นรถปรับอากาศจำนวน 11 ที่นั่งภายในห้องโดยสารอันกว้างขวาง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและมาตรฐานการบริการระดับ 5 ดาว รวมทั้งยังมีประกันภัยการเดินทาง ฟรีน้ำดื่ม และนิตยสารต่างๆ ดุสิต สปริ๊นเตอร์ เป็นการบริการพิเศษสำหรับการเดินทางในวันพักผ่อน ที่แสนสะดวกสบาย ง่าย และปลอดภัย โดยเฉพาะลูกค้าของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ, ดุสิตรีสอร์ท พัทยา และดุสิตรีสอร์ท หัวหิน เท่านั้น