ไรมอนแลนด์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 04 Apr 2024 09:46:15 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ซีอีโอใหม่ “ไรมอน แลนด์” โชว์วิสัยทัศน์ ตั้ง “PE Trust” ดึงเงินลงทุนต่างชาติ เปิดน่านน้ำใหม่ “ยุโรป-ออสฯ” https://positioningmag.com/1469116 Thu, 04 Apr 2024 07:22:03 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469116 “ไรมอน แลนด์” เปิดตัวซีอีโอใหม่ “เบร็นตัน จัสติน มอเรลโล” โชว์วิสัยทัศน์ปั้นบริษัทกลับมากำไร ดึงต่างชาติลงทุนผ่าน “PE Trust” พร้อมบุกเปิดตลาดน่านน้ำใหม่ลงทุนอสังหาฯ ใน “ยุโรป” และ “ออสเตรเลีย” วางเป้าก้าวสู่ “แบรนด์ระดับสากล”

บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML ประกาศแต่งตั้งซีอีโอใหม่ “เบร็นตัน จัสติน มอเรลโล” รับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 โดยซีอีโอคนเดิม “กรณ์ ณรงค์เดช” ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหารของ RML ต่อไป

เบร็นตัน จัสติน มอเรลโล มีประสบการณ์ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบสถาปัตยกรรม และการก่อสร้างมานานกว่า 30 ปี เคยนั่งตำแหน่งซีอีโอของ Design Worldwide Partnership (DWP) บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรม มีผลงานเด่นในประเทศไทย เช่น “OCC” ตึกออฟฟิศที่พัฒนาโดย RML หรือ “98 Wireless” คอนโดมิเนียมหรูบนถ.วิทยุที่พัฒนาโดยแสนสิริ จึงมีความรู้ความเข้าใจในตลาดอสังหาฯ ระดับลักชัวรี

ไรมอน แลนด์ ซีอีโอ
“กรณ์ ณรงค์เดช” กรรมการบริษัท และประธานคณะกรรมการบริหาร และ “เบร็นตัน จัสติน มอเรลโล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ RML

เบร็นตันแถลงย้ำทิศทางเดิมที่ “กรณ์ ณรงค์เดช” วางไว้ให้กับ RML หลังมาเป็นซีอีโอเมื่อ 3 ปีก่อน คือ จะยกระดับแบรนด์ให้เป็น “อันดับ 1 ในกลุ่มตลาดซูเปอร์ลักชัวรี” และจะเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน สร้างผลประกอบการที่ดีตอบแทนให้กับนักลงทุน โดยคาดว่าไรมอน แลนด์จะสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ภายในปี 2568

 

ปี 2567 เตรียมเปิดบ้านหรู 3 ทำเล สุขุมวิท-ภูเก็ต-ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เบร็นตันกล่าวต่อถึงแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้

  1. โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ในซอยสุขุมวิท 28 จำนวน 5 หลัง ราคาหลังละ 500-700 ล้านบาท มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท
  2. Rosewood Residences Kamala วิลล่าสุดหรูหน้าหาดกมลา จ.ภูเก็ต จำนวน 25 หลัง ราคาหลังละ 450 ล้านบาทขึ้นไป มูลค่ารวม 12,000 ล้านบาท (*ปี 2567 เปิดเฉพาะเฟส 1 จำนวน 9 หลัง)
  3. คฤหาสน์หรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเพียง 1 หลัง ราคามากกว่า 1,000 ล้านบาท
โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ในซอยสุขุมวิท 28

เห็นได้ว่าทั้งหมดเป็นโครงการแนวราบที่สามารถทยอยรับรู้รายได้ได้ ไม่จำเป็นต้องรอสร้างเสร็จทั้งโครงการเพื่อโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้ไรมอน แลนด์จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการลอตใหม่นี้ได้ตั้งแต่ปี 2568

รวมถึงโครงการทั้งหมดสะท้อนทิศทางธุรกิจตามที่เคยแถลงไว้ คือจะพัฒนาเฉพาะโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรีเท่านั้น เพื่อให้เกิดแบรนดิ้งที่ชัดเจนของไรมอน แลนด์

 

เตรียมเปิด “PE Trust” เสริมแกร่งเงินทุน

เบร็นตันกล่าวถึงความท้าทายในธุรกิจอสังหาฯ ไทยอย่างหนึ่งคือ “การหาแหล่งเงินทุน” ทำให้ RML มีกลยุทธ์หนึ่งที่จะช่วยตอบโจทย์ในปีนี้คือ การจัดตั้งกองทุนในรูปแบบ Private Equity Trust (PE Trust) เพื่อดึงดูดเงินลงทุนเข้ามาในทุกโครงการ

กรณ์กล่าวเสริมถึงกลยุทธ์นี้ว่า PE Trust จะเสนอโอกาสการลงทุนให้กับนักลงทุนรายใหญ่ เช่น กองทุนไพรเวทอิควิตี้ จำนวนไม่เกิน 10 ราย ลักษณะการลงทุนจะต่างจากการตั้งบริษัทจอยต์เวนเจอร์ เพราะนักลงทุนจะได้รับข้อเสนอที่มีกรอบระยะเวลาการลงทุนและผลตอบแทนการลงทุนที่ชัดเจน

กรณ์เชื่อว่าการเปิด PE Trust น่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เพราะโอกาสได้ผลตอบแทนและเสถียรภาพสูงกว่าการลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน

 

ลุยน่านน้ำใหม่ “ยุโรป-ออสเตรเลีย” หาพาร์ทเนอร์ลงทุน

เบร็นตันกล่าวถึงอีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะสร้างการเติบโตให้ RML คือ การขยายธุรกิจในระดับนานาชาติ โดยบริษัทกำลังมองหาโอกาสลงทุนอสังหาฯ ในต่างประเทศ เช่น ยุโรป ออสเตรเลีย คาดว่าจะได้เห็นโปรเจ็กต์แรกภายในปี 2568

กรณ์มองว่า โอกาสทางธุรกิจของอสังหาฯ ประเภท Branded Residence มีสูงในตลาดฝั่งยุโรปและออสเตรเลีย ทำให้ต้องการเข้าไปลงทุน โดยคาดว่าจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ท้องถิ่นเพื่อเข้าสู่ธุรกิจได้ง่ายขึ้น

  • นิยามความหรูแบบ “ไรมอน แลนด์” ปรับแบรนด์อสังหาฯ ให้โดนใจกลุ่ม “New Wealth”
  • “10 & Only” บ้านหรูร้อยล้านจากเมเจอร์ฯ ผสาน “โรงรถ 2 ชั้น” ไว้ในบ้าน เอาใจกลุ่มนักสะสมรถ

“เรามองว่าโลกาภิวัตน์เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ ทำให้ไรมอน แลนด์สามารถจะยกระดับตัวเองเป็นแบรนด์ระดับสากลได้ในการไปลงทุนต่างประเทศ” กรณ์กล่าว โดยในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า รายได้ของไรมอน แลนด์คาดว่าจะมาจากธุรกิจต่างประเทศ 50% และในไทย 50%

]]>
1469116
“ไรมอน แลนด์” มั่นใจ “เปิดประเทศ” ดันยอดขายต่างชาติ เตรียมเปิด 3 โครงการ 20,000 ล้าน https://positioningmag.com/1337609 Thu, 17 Jun 2021 10:25:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1337609 “ไรมอน แลนด์” เปิดสถานการณ์คอนโดฯ หรูไตรมาส 1/2564 ดีมานด์ทรงตัวแต่ถือว่ายังไปได้ดีกว่าภาพรวมทั้งตลาด ยอดขายเฉลี่ย 84% คาดครึ่งปีหลังกระเตื้องขึ้นจากนโยบาย “เปิดประเทศ” เริ่มประชาสัมพันธ์โครงการในต่างประเทศสร้างความต้องการซื้อ ปีนี้เปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ปักหมุดในสุขุมวิทและ จ.ภูเก็ต

มนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML) เปิดข้อมูลตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯ ไตรมาส 1/2564 ภาพรวมทั้งตลาดมีซัพพลายเปิดใหม่เพียง 3,634 ยูนิต ลดลง -41.8% YoY แต่ทิศทางฝั่งดีมานด์เป็นไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ย (sold rate) อยู่ที่ 37%

หากเจาะเฉพาะตลาดไฮเอนด์ คอนโดฯ ราคา 200,000 บาทต่อตร.ม.ขึ้นไป ซึ่งสินค้าไรมอน แลนด์ทั้งหมดอยู่ในกลุ่มนี้ แม้ว่าซัพพลายคงที่ไม่มีการเปิดใหม่เทียบกับปีก่อน แต่ด้วยซัพพลายที่จำกัด ทำให้ยอดขายเฉลี่ย (sold rate) อยู่ที่ 84% ปรับขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2562

ไรมอน แลนด์
มนาเทศ อันนวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) (RML)

ในแง่ราคาของคอนโดฯ ไฮเอนด์เฉลี่ยอยู่ที่ 270,000 บาทต่อตร.ม. ไม่เติบโตขึ้นทุกทำเล แต่ก็ไม่ลดลง มนาเทศจึงมองว่า ทั้งในด้านการขายที่ยังคงมีดีมานด์ ยอดขายเฉลี่ยดีกว่าตลาด และราคาที่ไม่ตกลง ถือว่าคอนโดฯ ไฮเอนด์ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดีพอสมควร

  • เปิดวิเคราะห์ ‘ราคาคอนโดฯ’ กลุ่ม Hi-End เเพงต่อเนื่อง เเม้เจอโควิด ทำเลรอบนอกร่วง 4-6%

ความท้าทายสำคัญขณะนี้จึงเป็นการตัดสินใจซื้อของลูกค้าที่ช้าลงไป 1-3 เดือนจากปกติ โดยบริษัทต่างๆ มีการจัดโปรโมชันเพื่อจูงใจลูกค้ามากขึ้น

 

หมายมั่น “เปิดประเทศ” ดึงลูกค้าต่างชาติเต็มกำลัง

ด้านตลาดครึ่งปีหลัง มนาเทศมองว่าน่าจะเป็นไปในทางบวก จากการปูพรมฉีดวัคซีนของรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศไทม์ไลน์ 120 วันเปิดประเทศ เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และหลังจากมีชาวต่างชาติเข้ามามากขึ้นตั้งแต่เปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์วันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จะทำให้ยอดขายคอนโดฯ ดีขึ้น

“ภาพรวมต้องดูการฉีดวัคซีนว่าทำได้เร็วหรือไม่ และจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากจริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม เราเริ่มแผนการประชาสัมพันธ์โครงการของเราในต่างประเทศแล้ว เพื่อดึงเขาเข้ามาเยี่ยมชมทันทีที่เดินทางเข้าได้” มนาเทศกล่าว

TAIT Sathorn 12

ซีเอ็มโอไรมอน แลนด์เสริมด้วยว่า บริษัทยังรอติดตามนโยบายของรัฐในการเพิ่มสัดส่วนห้องชุดในคอนโดฯ ที่ต่างชาติซื้อได้ให้มากกว่า 49% หากเกิดขึ้นจริงจะยิ่งติดสปีดการขายในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เพราะปกติไรมอน แลนด์มียอดขายต่างชาติเต็มโควตา 49% อยู่แล้วเกือบทุกตึก

  • “ศูนย์ข้อมูลฯ ธอส.” แนะ 3 ข้อกำหนดก่อนรัฐคลอดกฎหมาย “ให้ต่างชาติซื้อบ้านได้”

โดยไรมอน แลนด์กำลังจะจัดโรดโชว์โครงการที่ยังอยู่ระหว่างขาย เช่น TAIT Sathorn 12, The Estelle พร้อมพงษ์ ที่ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ เร็วๆ นี้

ภาพห้องตัวอย่าง TAIT Sathorn 12

ข้อมูลจากสำนักวิจัยอสังหาริมทรัพย์ เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) ระบุว่า เมื่อปี 2563 มีต่างชาติซื้อคอนโดฯ ในไทย 1,017 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 3,378 ล้านบาท เป็นสัดส่วน 3.5% ของตลาด เมื่อเทียบย้อนกลับไปปี 2562 ปีที่ผ่านมามีชาวต่างชาติซื้อคอนโดฯ ไทยลดลงถึง 6.5 เท่าเมื่อคิดตามจำนวนยูนิต และลดลง 9 เท่าเมื่อคิดตามมูลค่าการซื้อ

แม้ว่าหลายบริษัทจะปรับระบบให้เยี่ยมชมโครงการแบบเสมือนจริงได้ และจองซื้อออนไลน์ได้ แต่ผู้ซื้อหลายรายอาจยังไม่มั่นใจที่จะลงทุนจนกว่าจะได้เห็น ‘ของจริง’ ทำเลจริงก่อน

 

ปักหมุด 3 โครงการใหม่ 20,000 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการบริษัท ไตรมาส 1/64 ไรมอน แลนด์ทำรายได้ไป 1,600 ล้านบาท กำไรสุทธิ 138 ล้านบาท โดยมนาเทศกล่าวว่า ปี 2564 วางเป้ารายได้ไว้ 2,700 ล้านบาท แม้ว่าไตรมาส 2 จะสะดุดไปเนื่องจากการระบาดรอบใหม่ แต่เชื่อว่าทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าหมาย

ภาพห้องตัวอย่าง TAIT Sathorn 12
ภาพห้องตัวอย่าง TAIT Sathorn 12

ปัจจุบันบริษัทปิดการขายไปแล้วหลายโครงการ เช่น เดอะ ริเวอร์, เดอะ ลอฟท์ อโศก ที่ยังอยู่ระหว่างขายขณะนี้และจะเป็นแหล่งสร้างยอดขายสำคัญคือ TAIT Sathorn 12 และ The Estelle พร้อมพงษ์

สำหรับ TAIT Sathorn 12 เป็นคอนโดฯ ไฮเอนด์มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท ทำเลซอยสาทร 12 ทำยอดขายไปแล้ว 75% ราคาปัจจุบันเฉลี่ย 276,000 บาทต่อตร.ม. (ปรับขึ้นมาเกือบ 10% นับจากเริ่มเปิดตัวครั้งแรก) ราคาเริ่มต้นต่อยูนิต 8.8 ล้านบาท พร้อมโปรโมชันขณะนี้แถมระบบเสียงจาก Bang & Olufsen ในห้องชุดมูลค่าสูงสุด 1 ล้านบาท

KOF คาเฟ่ในเซลส์แกลลอรี่ของ TAIT Sathorn 12

บริษัทมีการปรับปรุงเซลส์แกลลอรี่โฉมใหม่ของ TAIT Sathorn 12 ไปเมื่อไตรมาสแรก และมีการดึง KOF คาเฟ่เข้ามาเปิดขายในสำนักงานขาย เพื่อเสริมภาพลักษณ์ไลฟ์สไตล์กระตุ้นลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น คาดว่าน่าจะปิดการขายทั้งโครงการได้ภายในปี 2565

มนาเทศกล่าวด้วยว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบริเวณสุขุมวิท 38 (ทองหล่อ) ระดับซูเปอร์ลักชัวรีมียูนิตจำนวนน้อย, โครงการย่านสุขุมวิทตอนกลาง (พร้อมพงษ์) และ วิลล่าหรูวิวมหาสมุทรใน จ.ภูเก็ต มีจำนวนยูนิตน้อยเช่นกัน

]]>
1337609
ไรมอนแลนด์ กระจายความเสี่ยงจับมือบ้านหญิง ลุยร้านอาหารไทยในต่างแดน รับขาลงธุรกิจอสังหาฯ https://positioningmag.com/1151572 Sun, 24 Dec 2017 23:07:44 +0000 https://positioningmag.com/?p=1151572 บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เลือกที่จะขยายมารุกธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยการส่ง บริษัท สยาม สพูน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ร่วมทุนกับ บริษัท บางกอก วูดเด้น สพูน จำกัด หรือเจ้าของร้านอาหาร “บ้านหญิง” ตั้งบริษัท BAAN YING PTE. LTD., ขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ภายใต้ทุนจดทะเบียน 1,400,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 33.6 ล้านบาท โดยสยาม สหพูน ถือหุ้น 51% บ้านหญิง 49%

วางเป้าหมาย ขยายร้านอาหารไทยบ้านหญิงในประเทศสิงคโปร์ โดย 3 สาขาแรกจะเปิดให้บริการไตรมาส 1 ปี 2561 และยังมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศจีนด้วย

บางกอก วูดเด้น สหพูน มีร้านอาหาร ในเครือทั้งสิ้น 12 แบรนด์ เช่น บ้านหญิงคาเฟ่ แอนด์ มีล ให้บริการ 10 แห่ง ในกรุงเทพฯ, Isan & Grill by Baanying, Three Wheels Tom Yum Noodle, แบรนด์ Uma Uma Ramen จากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

การร่วมทุนครั้งนี้ จะส่งผลให้ไรมอนแลนด์ มีรายได้ประจำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง (Recurring income) เพื่อกระจายความเสี่ยงของรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพียงอย่างเดียว มีสัดส่วนรายได้สูงถึง 98% ประกอบกับที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่ในภาวะที่ชะลอตัวเนื่องจากผู้บริโภคอยู่ในภาวะนี้ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อที่อยู่อาศัยค่อนข้างช้า

แม้ไรมอนแลนด์จะเน้นพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายระดับบน แต่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ก็มุ่งไปแบ่งเค้กจากตลาดเศรษฐีจึงทำให้การแข่งขันของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับบนมีความรุนแรง 

ที่ผ่านมาไรมอนแลนด์ต้องผ่านทั้งร้อนหนาว มีทั้งจังหวะเติบโต แต่ก็มีช่วงที่ “ล้มละลาย” ต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ผู้ถือหุ้น “เปลี่ยนมือ” หลายรายกระทั่งล่าสุดคือ JS Oil Pte Ltd. ทุนจากสิงคโปร์ ที่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น JS ASSET MANAGEMENT PTE. LTD.

ถ้าดูผลประกอบการไรมอนแลนด์ พบว่า รายได้ในช่วง 9 เดือนลดต่ำลงมากกว่าปีที่แล้ว ค่อนข้างมาก น่าจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ไรมอนแลนด์ต้องหารายได้จากธุรกิจอื่น ๆ เข้ามาเสริม

  • 9 เดือน ปี 2560 รายได้ 2,563.73 ล้านบาท กำไรสุทธิ 217.01 ล้านบาท
  • ปี 2559 รายได้ 5,206.43 ล้านบาท กำไรสุทธิ 850.65 ล้านบาท ทำให้ไรมอนแลนด์ ต้องแตกขยายไปหาธุรกิจใหม่ ๆ เข้ามาเสริมรายได้

ขณะที่บ้านหญิง ซึ่งมีสาขาอยู่ตามศูนย์การค้า แบรนด์เป็นที่รู้จักในหมู่คนทำงาน เมื่อได้พาร์ตเนอร์เข้ามาช่วยขยายสาขาไปต่างประเทศเพิ่มโอกาสทางการเติบโตให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น

หากมองธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ปี 2560 จะมีมูลค่า 390,000-397,000 ล้านบาท เติบโต 2-4% แบ่งเป็นเชนร้านอาหาร 119,000-122,000 ล้านบาท ร้านอาหารทั่วไปจากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก 271,000-275,000 ล้านบาท นับวันการแข่งขันรุ่นแรงขึ้นทั้งด้านความหลากหลายของเมนูอาหาร ราคาโปรโมชั่น ตลอดจนเดลิเวอรี่ เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคมากขึ้น

ส่วนภาพรวมร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย ชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจร้านอาหารไทยทำร้านอาหารตั้งแต่ระดับบน ร้านอาหารระดับกลาง ไปจนถึงร้านอาหารแบบเร่งด่วน รวมกันจำนวน 14,908 ร้าน ประกอบกับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกส่งผลให้อาหารไทยโด่งดังมากขึ้นนั้น จึงสะท้อนโอกาสทางธุรกิจร้านอาหารสำหรับไรมอนแลนด์ในต่างประเทศ

“ร้านอาหารไทย” เวลานี้บุกขยายไปสร้างตลาดต่างประเทศกันอย่างคึกคัก เช่น บลูเอเลเฟ่นท์ (Blue Elephant) ร้านอาหารไทยระดับบนที่ต่างชาติรู้จักอย่างดี, เอสแอนด์พีจับมือกับไมเนอร์ ส่งแบรนด์ ภัทรา และ Suda บุกตลาดอังกฤษ รวมถึงมีร้านอาหารในรูปแบบแฟรนไชส์เจาะลาว เมียนมา เวียดนาม กัมพูชา, เกรย์ฮาวด์ คาเฟ่ ร้านอาหารไทยฟิวชั่น เมื่อมาอยู่ในมือของกลุ่มมัดแมน ก็วางที่ขยายตลาดเจาะจีน ฮ่องกง มาเลเซีย และอังกฤษ

แบล็คแคนยอนมีหลายสิบสาขาใน 8 ประเทศ เช่น อินโดนีเซีย, โคคา มีร้านอาหาร 9 แบรนด์ เช่น แม็งโก ทรี, โคคา สุกี้, ไชน่าไวท์ เปิดให้บริการกว่า 50 สาขา ในต่างประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์
เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยที่ทำตลาดต่างแดนมานานกว่า 30 ปี เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติอย่างดี รวมถึงค่ายสิงห์ ที่ซื้อกิจการร้านอาหารเอเชีย “พาคาต้า” ในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป้าหมายจะมี 50 สาขาในอนาคต ล่าสุดยังวางแผนเปิด Est.33 ที่ประเทศสหรัฐฯ ด้วย.

]]>
1151572