คนละครึ่ง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 09 Dec 2021 05:42:27 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 คนไทยค้นหา “เราชนะ-คนละครึ่ง” ใน Google มากที่สุดประจำปี 2564 https://positioningmag.com/1366085 Thu, 09 Dec 2021 04:02:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1366085 คำค้นหาจาก Google ในปีนี้ พบว่า 3 โครงการจากรัฐบาลติดอันดับ 3 ใน 10 คำยอดนิยม ได้แก่ เราชนะ, คนละครึ่ง และ ม.33 เรารักกัน อีกทั้งการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 ก็ยังยอดนิยมอยู่

Google ประเทศไทย ประกาศคำค้นหายอดนิยมประจำปี 2564 ที่แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ที่ผ่านสายตาและจากคำค้นหาของผู้คนในประเทศไทย รวมทั้งการใช้ข้อมูลจาก Google Trends ที่นำเสนอมุมมองที่โดดเด่นและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาของผู้คนตลอดทั้งปี ซึ่งมีผลมาจากเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตลอดจนเทรนด์การค้นหาเพื่อช่วยการเยียวยาที่มาแรงในประเทศไทยในปีนี้

โควิด-19 อยู่ในเทรนด์

เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และต่อภาคธุรกิจของประชาชนทั้งประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คนไทยให้ความสนใจและขานรับต่อโครงการที่รัฐบาลให้การสนับสนุนวงเงินช่วยเหลือเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนและช่วยฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ 3 ใน 10 ของหมวดคำค้นหายอดนิยมปีนี้มาจากโครงการรัฐบาล ได้แก่ “เราชนะ” “คนละครึ่ง” และ “ม.33 เรารักกัน” 

นอกจากนี้ ตลอดทั้งปีผู้คนยังคงให้ความสนใจ และค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย “วัคซีนโควิด” “โควิดวันนี้” และ “อาการโควิด” ติดโผ 3 ใน 10 คำค้นหายอดนิยมประจำปี ส่วนคำค้นหาด้านการศึกษาอย่าง “SGS” ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับการประเมินผลการเรียนรูปแบบใหม่ ตลอดจนคำค้นหาเพื่อความบันเทิง ผ่อนคลายและเฉลิมฉลอง เช่น “Popcat” เกมคลิกหน้าแมวที่เป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลก “กระเช้าสีดา” ละครดราม่าที่นำมารีเมกใหม่ และ “ลอยกระทงออนไลน์” ก็ติดโผคำค้นหายอดนิยมในปีนี้ด้วยเช่นกัน

ด้านข่าวเด่นยอดนิยมในปีนี้ ผู้คนให้ความสนใจต่อเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และสุขภาพ โดยมีการค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่ “ข่าวโควิดวันนี้” ที่ติดโผอันดับ 1 รวมทั้ง “ข่าวเคอร์ฟิวล่าสุด” และ “ข่าววัคซีน” ที่มาในอันดับ 5 และ 7 ตามลำดับ

นอกจากนี้ 4 ใน 10 ของคำค้นหายอดนิยมในหมวดข่าวเป็นข่าวอุบัติเหตุสะเทือนขวัญที่คนไทยติดตามและให้ความสนใจ ได้แก่ “ข่าวไฟไหม้” จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ของโรงงานในจังหวัดสมุทรปราการ “ข่าวน้ำท่วม” อุทกภัยจากอิทธิพลพายุเตี้ยนหมู่ “ข่าว BMW Z4” อุบัติเหตุทางถนนซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายรายจากรถ BMW Z4 ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และ “ข่าวเรือล่ม” ในจังหวัดอยุธยา ด้านข่าวการเมืองระดับโลกอย่าง “ข่าวพม่า” จากสถานการณ์การทำรัฐประหาร ติดโผในอันดับที่ 3 ส่วน “ข่าวอัฟกานิสถาน” และ “ข่าวอิสราเอล” ก็ติดอันดับในปีนี้ด้วยเช่นกัน

หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ผู้คนเริ่มมีความต้องการออกเดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้น ส่งผลให้หมวดสถานที่ท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งหมวดที่เข้ามาช่วยเยียวยาและผ่อนคลายจิตใจคนไทย โดยการค้นหาคำเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ และชื่อเมืองรองยอดนิยมประจำปีนี้ ปรากฏว่า “ระยอง” มาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย “จันทบุรี” “กาญจนบุรี” ”กระบี่” และ “ชลบุรี” ในอันดับ 2-5 ตามลำดับ

สำหรับหมวดที่สามารถช่วยเยียวยาคนไทยคือหมวดการค้นหาคำว่า “วิธี” และในปีนี้ผู้คนยังให้ความสนใจการค้นหาวิธีต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤตอย่างต่อเนื่อง โดย “วิธียืนยันตัวตน เราชนะ” ติดโผอันดับ 1 ส่วน “วิธีใช้คนละครึ่ง” “วิธีทำกระทง” “วิธีตรวจโควิด” และ “วิธีต้มน้ำขิง” ติดโผในอันดับ 2-5 ตามลำดับ

อีกหนึ่งหมวดที่มาแรงและติดอันดับการค้นหาเป็นปีแรกได้แก่หมวด “ต้นไม้” ที่ผู้คนเริ่มนิยมค้นหาพันธุ์ไม้ต่างๆ ตามกระแสในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน โดย “ต้นบอนสี” มาแรงเป็นอันดับ 1 ตามด้วย “ต้นดีหมี” “ต้นกระท่อม” “ต้นฟ้าทะลายโจร” และ “ต้นกล้วยด่าง” ในอันดับ 2-5  ตามลำดับ ซึ่งนอกจากต้นไม้เหล่านี้จะช่วยให้ผู้คนผ่อนคลายแล้วยังสามารถช่วยสร้างอาชีพและรายได้ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีอีกด้วย

คำค้นหายอดนิยมประจำปี 2564

 

]]>
1366085
อัปเดต : คนละครึ่ง เฟส 3 – ยิ่งใช้ยิ่งได้ เชื่อมจ่าย ‘เดลิเวอรี่’ เริ่มใช้ ต.ค.นี้ https://positioningmag.com/1348230 Mon, 23 Aug 2021 13:10:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348230 อัปเดตเชื่อมโครงการ ‘คนละครึ่ง เฟส 3’ เเละ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ เข้ากับเเพลตฟอร์ม ‘เดลิเวอรี่’ ภาคเอกชน เบื้องต้นมี 5 เเอปฯ ดัง เข้าร่วม เริ่มใช้ ต.ค.นี้ 

กระทรวงการคลัง เผยความคืบหน้าการเชื่อมต่อระบบ ‘เดลิเวอรี่’ (Delivery) การส่งอาหาร ส่งสินค้าและบริการต่างๆ เข้ากับโครงการภาครัฐอย่าง ‘คนละครึ่ง เฟส 3’ ว่า ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาระบบ

“คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในเดือน ต.ค. นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่จะทำการเติมเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 อีก 1,500 บาท เข้าไปในแอปพลิเคชันเป๋าตัง”

โดยเบื้องต้นมีผู้ประกอบการเดลิเวอรี่ ที่คาดว่าจะเข้าร่วม เช่น ไลน์แมน ฟู้ดแพนด้า โรบินฮู้ด แกร็บฟู้ด และช้อปปี้ฟู้ด ฯลฯ

นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะเชื่อมเเพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ สำหรับผู้ให้บริการส่งสินค้า ประเภทอาหารที่จดทะเบียนนิติบุคคลเข้าร่วมโครงการ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ ด้วย

การเชื่อมระบบดังกล่าว นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ร่วมโครงการ ‘คนละครึ่ง – ยิ่งใช้ยิ่งได้’ มีการจับจ่ายใช้สอยที่คล่องตัวมากขึ้น สอดคล้องกับมาตรการป้องกันโควิด-19 แล้ว ยังช่วยทำให้ยอดการใช้จ่ายในโครงการเพิ่มขึ้นอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง ยังไม่อนุญาตให้จ่ายคนละครึ่งผ่านบริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ โดยให้เหตุผลว่า เป็นการใช้จ่ายผ่านคนกลาง ซึ่งเงื่อนไขการใช้จ่ายจะต้องเป็นแบบ face to face หรือจ่ายเงินระหว่างประชาชนกับร้านค้าหรือผู้ให้บริการแบบพบหน้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการพัฒนาระบบให้เชื่อมต่อกันได้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ ช่วงเดือนต.ค. นี้ (ตามที่มีการอัปเดตข้างต้น)

สำหรับไทม์ไลน์การโอนเงิน โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 แบ่งออกเป็น 2 รอบ ดังนี้
รอบที่ 1 : 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2564 รับโอนเงิน 1,500 บาท
รอบที่ 2 : 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2564 รับโอนเงิน 1,500 บาท

#โครงการคนละครึ่ง

เป็นสิทธิรัฐช่วยจ่าย 50% ไม่เกินวันละ 150 บาท หรือ สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ โดย ณ วันที่ 23 ส.ค. 2564 ยังมีสิทธิคงเหลืออยู่ 992,608 สิทธิ
(ลงทะเบียนได้ที่ >>>www.คนละครึ่ง.com )

#โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้

ให้สิทธิ E-Voucher สูงสุด 7,000 บาทต่อคน โดยใช้จ่ายสูงสุด 60,000 บาทต่อคน (ยอดใช้จ่ายที่นำมาคำนวณสิทธิ E-Voucher วันที่ 1 ก.ค. – 21 ก.ค. 64 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 5,000 บาท/คน/วัน วันที่ 22 ก.ค. – 30 พ.ย. 64 สามารถใช้จ่ายสูงสุด 10,000 บาท/คน/วัน) โดย ณ วันที่ 23 ส.ค. 2564 ขณะนี้ยังมีสิทธิคงเหลืออยู่ 930,927 สิทธิ

(ลงทะเบียนได้ที่ >>>www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com)

]]>
1348230
วิธีลงทะเบียน “คนละครึ่งเฟส 3” แบบใหม่ คนได้สิทธิเดิมก็ต้องจองใหม่ เริ่ม 14 มิ.ย. https://positioningmag.com/1336746 Sun, 13 Jun 2021 15:19:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1336746 “กรุงไทย” เตรียมความพร้อมระบบทุกด้าน มั่นใจการลงทะเบียนโครงการ “คนละครึ่งเฟส 3” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ชูศักยภาพ “ระบบคลาวด์” รองรับผู้ลงทะเบียนพร้อมกันได้จำนวนมาก ส่วนแอปฯ เป๋าตัง สามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากกว่า 30 ล้านคน แนะทยอยลงทะเบียนรับสิทธิ โครงการคนละครึ่งให้สิทธิถึง 31 ล้านสิทธิ

สำหรับขั้นตอนการลงทะเบียน มีดังนี้

1. โครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 3 เริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ในเวลา 06.00 – 22.00 น.ของทุกวัน โดยผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการคนละครึ่งระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ประสงค์รับสิทธิรายใหม่ ระบบ “ไม่มีการจองสิทธิ” ให้กับรายเดิม

1.1 กรณีเคยเข้าร่วมมาตรการ หรือโครงการของรัฐ ที่มีแอปฯ เป๋าตัง

  • สามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง หรือเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการรัฐที่ลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตัง จะ “ลดเวลา” การกรอกข้อมูล เนื่องจากระบบจะดึงข้อมูลเดิมมาให้อัตโนมัติ ผู้ลงทะเบียนเพียงตรวจสอบข้อมูล และกรอกข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน
  • รอ SMS แจ้งผลการลงทะเบียนภายใน 3 วัน

1.2 กรณีไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ หรือโครงการของรัฐ

  • สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com
  • รอ SMS แจ้งผลการลงทะเบียนภายใน 3 วัน
  • ดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตัง เพื่อยืนยันตัวตน เพื่อใช้สิทธิผ่าน G-Wallet

ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่ง รับสิทธิผ่านแอปฯ เป๋าตัง โดยใช้จ่ายในร้านค้าที่ร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2564 โดยประชาชนสามารถ “ทยอย” ลงทะเบียนรับสิทธิได้ เนื่องจากโครงการคนละครึ่งระยะที่ 3 เปิดให้สิทธิกับประชาชนทั้งหมดถึง 31 ล้านสิทธิ

2. โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เริ่มเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ในเวลา 06.00 -22.00 น. ของทุกวัน

2.1 กรณีเคยเข้าร่วมมาตรการ หรือ โครงการของรัฐ ที่มีแอปฯ เป๋าตัง

  • สามารถลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตังหรือเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com
  • รอ SMS แจ้งผลการลงทะเบียนภายใน 3 วันทำการ

2.2 กรณีไม่เคยเข้าร่วมมาตรการหรือ โครงการของรัฐ

  • สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งใด้.com
  • รอ SMS แจ้งผลการลงทะเบียนภายใน 3 วันทำการ
  • ดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตัง เพื่อยืนยันตัวตนใช้สิทธิผ่าน G-Wallet

โครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” เริ่มใช้จ่ายจาก G-Wallet ในร้านค้าที่ร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2564 โดยจ่ายได้ไม่เกิน 5,000 บาท/คน/วัน ยอดใช้จ่าย 40,000 บาทแรก ได้รับ E-Voucher คืน 10% ยอดใช้จ่าย 40,001-60,000 ได้รับ E-Voucher คืน 15% โดยริ่มรับ E-Voucher ตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม – 7 ตุลาคม 2564 และสิ้นสุดการใช้จ่ายเพื่อรับ E-Voucher วันที่ 30 กันยายน 2564

โดยผู้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง หรือ ยิ่งใช้ยิ่งได้ จะต้องไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ใช้สิทธิโครงการเราชนะผ่านบัตรประชาชน โดยสามารถเลือกรับสิทธิได้เพียงโครงการเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง และยิ่งใช้ยิ่งได้ ก่อนใช้สิทธิครั้งแรก จะต้องยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนที่สาขา หรือ ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย ยกเว้นผู้ที่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนกับธนาคารกรุงไทย หรือผู้ที่มีแอปฯ “Krungthai NEXT” ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนมาแล้ว

]]>
1336746
เช็กเลย! ครม.อัด 4 เเพ็กเกจแจกเงิน เยียวยาโควิด ‘คนละครึ่งเฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้-เติมเงินบัตรคนจน’ รวมกว่า 1.4 แสนล้าน https://positioningmag.com/1334808 Tue, 01 Jun 2021 07:51:17 +0000 https://positioningmag.com/?p=1334808 ครม. อนุมัติ 4 เเพ็กเกจแจกเงิน เยียวยาโควิด ‘คนละครึ่ง เฟส 3-ยิ่งใช้ยิ่งได้-เติมเงินบัตรคนจน กลุ่มเปราะบางจากเราชนะ’ วงเงินรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท

วันนี้ (1 มิ.ย.64) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่าน 4 โครงการ ได้แก่

1.โครงการคนละครึ่งเฟส 3 แจก 3,000 บาทต่อคน รัฐช่วยจ่ายวันละไม่เกิน 150 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ (เดือน ก.ค.- ธ.ค. 64) แบ่งเป็นช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ จะทยอยจ่าย 1,500 บาท และไตรมาส 4 อีก 1,500 บาท

ครอบคลุม 31 ล้านคน ใช้งบประมาณ 93,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย

2. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ผู้เข้าร่วมโครงการและใช้เงินตามเงื่อนไข จะได้รับ ‘E-Voucher’ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในอัตรา 10-15% สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน ตลอดโครงการ (เดือนก.ค.-ก.ย. 64)

เจาะกลุ่มเป้าหมาย 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท เพื่อกระตุ้นการบริโภคผ่านผู้ที่มีกำลังซื้อ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะมีการเปิดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.ยิ่งใช้ยิ่งได้.com หลังจากที่ ครม.อนุมัติโครงการ

3.โครงการ ‘เติมเงิน’ ให้ผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนละ 200 บาท รวมแต่ละคนจะได้รับ 1,200 บาท ตลอดระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 64) ครอบคลุม 13.65 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.64 หมื่นล้านบาท

4.โครงการ ‘เติมเงิน’ ให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ผู้ไม่มีมือถือสมาร์ทโฟน ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่เคยเข้าร่วมโครงการเราชนะ เดือนละ 200 บาท รวมแต่ละคนจะได้รับ 1,200 บาท ตลอดระยะเวลา 6 เดือน (ก.ค.-ธ.ค. 64) ครอบคลุม 2.5 ล้านคน ใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

 

]]>
1334808
สรุป ‘คนละครึ่ง’ เฟส 3 ให้คนละ 3,000 ‘เราชนะ – ม.33 เรารักกัน’ รับเพิ่ม 2,000 เเจก e-Voucher ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ อีกคนละ 7,000 บาท https://positioningmag.com/1330614 Wed, 05 May 2021 09:44:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330614
ครม.ไฟเขียว ‘คนละครึ่ง’ เฟส 3 ให้คนละ 3,000 บาท ต่อ ‘เราชนะ’ เเละ ‘ม.33 เรารักกัน’ ให้เพิ่มคนละ 2,000 บาท พร้อมออกโครงการใหม่ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ แจก e-Voucher กระตุ้นใช้จ่าย อีกคนละ 7,000 บาท
วันนี้ (5 พ.ค.) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระลอกที่ 3 ทั้ง เราชนะ คนละครึ่งเฟส 3 และ ม.33 เรารักกัน
สำหรับมาตรการคนละครึ่งเฟส 3′ จะได้รับเงินเยียวยาคนละ 3,000 บาท (ใช้ได้วันละไม่เกิน 150 บาท) ให้สิทธิ์ 31 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท เริ่มตั้งเเต่เดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564
ส่วน ‘เราชนะ’ จะเพิ่มเงินให้คนละ 2,000 บาท เเบ่งเป็นสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ มีกลุ่มเป้าหมายราว 32.9 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท ให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564
ด้านโครงการ ‘ม.33 เรารักกัน’ จะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือผู้ประกันตน ม.33 คนละ 2,000 บาท เเบ่งเป็นสัปดาห์ละ 1,000 บาท เป็นเวลา 2 สัปดาห์ กลุ่มเป้าหมาย 9.27 ล้านคน คิดเป็นวงเงินงบประมาณ 1.85 หมื่นล้านบาท ให้ใช้จ่ายสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2564
สำหรับ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะให้เงินค่าครองชีพเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม) ครอบคลุมประชาชน 13.65 ล้านคน และเพิ่มกำลังซื้อให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ จำนวนกลุ่มเป้าหมาย 2.5 ล้านคน เพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการใหม่เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย ชื่อว่า ‘ยิ่งใช้ยิ่งดี’ โดยรัฐจะสนับสนุน e-Voucher ให้กับประชาชน ที่ใช้จ่ายซื้อสินค้า อาหาร และเครื่องดื่มและค่าบริการกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่เกิน 5,000 บาทต่อวัน สูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน
โดยเมื่อประชาชนใช้จ่ายดังกล่าวเเล้ว จะได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากภาครัฐ ในช่วงเดือน กรกฏาคม-กันยายน 2564 และสามารถนำ e-Voucher จากภาครัฐไปใช้จ่ายในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม 2564
]]>
1330614
“กระทรวงการคลัง” เตรียมเพิ่มสิทธิ์ “คนละครึ่ง เฟส 2” ให้กลุ่มวืด OTP https://positioningmag.com/1310741 Wed, 16 Dec 2020 15:29:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1310741 กระทรวงการคลัง สั่งรวบรวมตัวเลขผู้ที่มีปัญหาลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 2 ที่ไม่ได้รับ OTP จากเครือข่ายดีแทค โดยจะเพิ่มสิทธิ์ให้ผู้ลงทะเบียนกลุ่มนี้ คาดว่า จะทราบผล 15 มกราคม 2564

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้สั่งการให้ธนาคารกรุงไทย รวมรวมตัวเลขผู้ที่เข้ามาลงทะเบียน คนละครึ่ง” เฟส 2 ทั้งหมด ว่า มีส่วนที่เกินจากผู้ที่ได้สิทธิ์ 5 ล้านคนเท่าไร และมีจำนวนผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว แต่ติดปัญหาไม่ได้รับเลข OTP จำนวนเท่าไร ซึ่งธนาคารกรุงไทย จะรายงานให้กระทรวงการคลังทราบภายใน 2-3 วันนี้ ก่อนจะพิจารณามาตรการเยียวยา ผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในกลุ่มนี้

ส่วนผู้ที่ได้รับการยืนยันสิทธิ์แล้ว จะต้องใช้จ่ายภายใน 14 วัน หากไม่ใช้จ่ายตามกำหนด ทางระบบจะตัดสิทธิ์ และ เปิดให้ผู้ที่พลาดโอกาส เข้ามาลงทะเบียนเพิ่ม ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีปัญหาไม่ได้รับ OTP ด้วย คาดว่า น่าจะเปิดให้ลงทะเบียนใหม่ได้ในวันที่ 15 มกราคม 2564

อาคม กล่าวว่า ได้รับรายงานภาพรวมการลงทะเบียนว่า เครือข่ายการให้บริการของเอไอเอส และทรูไม่มีปัญหา แต่จะมีปัญหาเฉพาะเครือข่ายดีแทคเท่านั้น ทำให้หลายคนพลาดสิทธิ์ ซึ่งปัญหานี้เป็นหน้าที่ของ กสทช. ต้องเข้ามาดูคุณภาพสัญญาณการให้บริการ เพราะกรณีนี้มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลัง รับทราบแนวคิดของนายกรัฐมนตรี ที่จะให้ขยายคนละครึ่ง” ระยะ 3, ระยะ 4 โดยจะต้องพิจารณาภาพรวมโครงการทั้งหมดอีกครั้ง รวมทั้งงบประมาณที่จะนำมาสนับสนุนโครงการด้วย

]]>
1310741
ทิศทาง “กรุงไทย” หลังพ้นรัฐวิสาหกิจ วางจุดยืน “แบงก์พาณิชย์ของรัฐ” https://positioningmag.com/1309417 Mon, 07 Dec 2020 12:03:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1309417 กรุงไทย (KTB) กำลังเดินสู่ก้าวใหม่ หลังคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความสถานะของธนาคารว่าพ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจ ในช่วงเวลาเดียวกัน ต้องเผชิญกับความท้าทายของธุรกิจเเบงก์” ในยุคดิจิทัล ฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจจากพิษ COVID-19 

การประกาศจะเป็น “เเบงก์ของคนต่างจังหวัด” เข้าถึงชุมชนในไทย เเละรองรับมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ของรัฐ ก็เป็นอีกหนึ่ง “งานหิน” ที่ต้องพัฒนาต่อไปเช่นกัน วันนี้เรามาฟังทิศทางต่อไปของกรุงไทยชัดๆ จากเอ็มดี KTB กัน 

ชูจุดเด่น “เเบงก์พาณิชย์ของรัฐ” 

ประเด็นการพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ยืนยันว่า การเปลี่ยนเเปลงดังกล่าวเป็นเป็นการเปลี่ยนที่รูปแบบ เเต่ไม่ได้เป็นสารสำคัญ 

เรื่องนี้ไม่ได้มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของกรุงไทยเเต่อย่างใด เพราะเราวางตัวเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐมาโดยตลอด เเละจะไม่มีการปลดพนักงานออก

โดยผยงอธิบายเพิ่มว่า เเม้ธนาคารกรุงไทยจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจเเล้ว ตามการตีความด้วยสถานะ เเต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในภาคปฏิบัติยังคงเป็นธนาคารพาณิชย์ของกระทรวงการคลังของรัฐบาล ที่มีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) และกระทรวงการคลัง ถือหุ้นใหญ่กว่า 55% มานานกว่า 30 ปีเเล้ว ซึ่งทุกอย่างก็ยังอยู่เหมือนเดิม 

ด้านเงินฝากของหน่วยงานรัฐรัฐวิสาหกิจนั้น ทางกระทรวงการคลังได้เสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจฝากเงินกับธนาคารกรุงไทยต่อไปได้ ส่วนผลกระทบด้านอื่นๆ ก็ทยอยความชัดเจนออกมาต่อเนื่อง

ผู้บริหารกรุงไทยเน้นว่าการปฏิบัติงานต่างๆ เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม

ตอนนี้เราค้นพบตัวเอง หาทางเดินที่เหมาะสม โดยการเป็นธนาคารพาณิชย์ของรัฐเเห่งเดียวของประเทศไทยที่วางสถานะให้เเข่งขันกับเเบงก์ใหญ่เจ้าอื่นๆ ได้ อยากให้ความมั่นใจเเละไม่ต้องกังวล

-ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย

ส่วนกระเเสข่าวที่ว่าจะเป็นการฉวยโอกาสเพื่อเอาพนักงานออกนั้นไม่ใช่เรื่องจริง

โดยการพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ในด้านสวัสดิการพนักงาน มีเพียงเรื่องเดียวที่จะเปลี่ยนคือ เรื่องการรักษาพยาบาล เนื่องจากพนักงานรัฐวิสาหกิจนั้นจะอยู่ภายใต้ พ... งบประมาณฯ ไม่ต้องเข้า พ... ประกันสังคมเหมือนเอกชน

เเต่เมื่อพ้นสภาพมาเเล้ว ผยงกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเเต่เดิมกรุงไทยก็ไม่ได้ใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินงาน ดังนั้นธนาคารจะแก้ไขระเบียบภายในให้สามารถปรับการรักษาพยาบาลของพนักงานให้คงสิทธิ์เช่นเดิมได้ โดยได้หารือกับสหภาพเเรงงานถึงการเปลี่ยนเเปลงดังกล่าวเเล้ว เเละเป็นไปด้วยดี

เราจะยืนอยู่บนตัวตนของเรา เป็นพันธมิตรกับรัฐบาล จับมือกับพาร์ตเนอร์อื่นๆ ที่เข้าใจเราเเละเราเข้าใจเขา ทุ่มลงทุนเทคโนโลยี เเละศึกษาทางเลือกอยู่เสมอ

Photo : Shutterstock

เปลี่ยนบริการให้เป็นเซลส์ 

ช่วงที่ผ่านมา กรุงไทยเริ่มปรับตัวครั้งใหญ่ ด้วยการขยับไปสู่การเป็น Personal Life Banking เข้าไปอยู่ในการใช้ชีวิตของผู้คน ผ่านการยึดโยงทางดิจิทัล เป็น One Stop Service เเละเป็น Omni-Channel 

เราจะเเบงก์ของคนต่างจังหวัด ใกล้ชิดชุมชน เเละจะต่อยอดให้เข้าถึงคนไทยให้ได้มากที่สุดต่อไป

ส่วนความท้าทายในการขับเคลื่อนองค์กรที่อยู่มานานนั้น ผยงตอบว่า คือการ ReskillUpskill เพิ่มทักษะยุคใหม่ให้พนักงาน รวมไปถึงการใช้ Data ที่ธนาคารมีอยู่มหาศาลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

โดยต่อไป กรุงไทย มีวิสัยทัศน์ธุรกิจ 5 เเนวทางหลักๆ ได้เเก่

  • ประคองธุรกิจหลัก ให้ก้าวผ่านช่วงวิกฤตโลก
  • สร้างธุรกิจใหม่ ที่ไม่ใช่เเค่ธุรกรรมธนาคารเเต่ขยายในน่านน้ำอื่นๆ
  • ใช้กระดาษน้อยลง ประหยัดพลังงาน ดำเนินงานสาขาอย่างเป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อม
  • หาพันธมิตรใหม่ๆ ร่วมมือกันสร้างนวัตกรรม เเละลงทุนในเทคโนโลยี
  • ยึดถือสโลเเกนกรุงไทยเคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน  ช่วยเหลือชุมชน SME เพิ่มทักษะให้พนักงาน

เรามีการเปลี่ยนบริการให้เป็นเซลส์ (การขาย) เช่น การเพิ่มบริการคอลเซ็นเตอร์ ด้านการทวงหนี้ ติดตามหนี้ ประเมินหลักทรัพย์ต่างๆ ไปให้บริการกับบริษัทอื่นเพื่อเป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

นอกจากนี้ เเต่เดิมกรุงไทยตั้งการใช้งบฯ การลงทุนไว้ที่ 1.4 หมื่นล้าน เเต่ปีนี้ใช้ไปได้เเค่ 7-8 พันล้านจากสถานการณ์โรคระบาด จึงคาดได้ว่าปีหน้าจะมีการทุ่มลงทุนมากขึ้นอย่างเเน่นอน โดยเฉพาะในส่วนดิจิทัล เพื่อรองรับมาตรการต่างๆ ของรัฐ อย่าง เเอปฯ เป๋าตัง เว็บไซต์ลงทะเบียนคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ฯลฯ เเละขยายฐานลูกค้าผู้ใช้เเอปพลิเคชัน Krungthai NEXT จากผู้ใช้ตอนนี้ 9.95 ล้านรายให้ได้ 12 ล้านรายในปีหน้า

ธนาคารกรุงไทย ได้แต่งตั้งให้ไปรษณีย์ไทยเป็น Banking Agent อย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการทางการเงินให้สะดวกยิ่งขึ้น

ปี 2564 : ประคองธุรกิจ ดูแลสินเชื่อเก่าให้ดีและรอด

ธนาคารพาณิชย์ได้รับผลกระทบหนักจาก COVID-19 ทั้งด้านผลกำไรที่ลดลงเเละราคาหุ้นที่ตกต่ำ เเม้จะผ่านช่วงวิ
กฤตไปเเล้ว เเต่ปีหน้ายังมีความท้าทายสูง จากความเสี่ยงหนี้เสียเเละคนตกงาน

ไม่ใช่ปีเเห่งกำไร หรือปีเเห่งการเติบโต เเต่เป็นปีเเห่งการรักษาความเเสถียร เน้นดูแลสินเชื่อเก่าให้ดีและรอด ผยง ศรีวณิช กล่าวถึงทิศทางธุรกิจในปี 2564

โดยมองว่า แผนดำเนินงานในปีหน้าจะยังไม่เน้นการเติบโตของสินเชื่อใหม่มากนัก ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 2-3% ใกล้เคียงกับการขยายตัวของจีดีพีไทย

ผยง คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะหดตัวในกรอบ -6% ถึง -7 % ขณะที่ปี 2564 เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จะขยายตัวได้ในกรอบ 2.0% ถึง 4.0%

เเม้เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวบ้างเเล้ว เเต่ประเทศไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะการพึ่งพาการท่องเที่ยวที่มีสัดส่วนกว่า 10% ของจีดีพี เเต่ยังฟื้นตัวจำกัด ยังไม่สามารถว่าจะมีนักท่องเที่ยวกลับมาได้เท่าใดเเละเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเเละกระจายจายวัคซีน

ดังนั้น ธนาคารจึงต้องเน้นไปที่การประคองเศรษฐกิจ นำเสนอบริการที่เเยกตามกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ระวังตลาด
เเรงงานที่ยังเปราบาง อัตราว่างงานสูง ระวังความเสี่ยงจากหนี้เสีย (NPL) ซึ่งตอนนี้ของ KTB อยู่ที่ราว 4% นิดๆรวมไปถึงความเสี่ยงจากหนี้ครัวเรือนด้วย

ประเทศไทยจะลดหนี้ครัวเรือนไม่ได้ หากไม่เพิ่มรายได้ให้ประชาชน…”

ช่วงที่ผ่านมา ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบขาก COVID-19 ที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของกรุงไทย คิดเป็น 18% ของสินเชื่อรวมที่ระดับ 1.8 ล้านล้านบาท ถือว่าไม่มากนัก เมื่อเทียบกับธนาคารอื่นจะอยู่ที่ราว 30-40% ปัจจัยหลักๆ มาจากลูกค้าเป็นกลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ได้รับผลกระทบเรื่องรายได้ ส่วนสินเชื่อรายย่อยส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เชื่อมโยงไปยังซัพพลายเชนธุรกิจอื่นๆ มากนัก

ภาครัฐยังเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า ต้องกระตุ้นกำลังซื้อภาคครัวเรือนให้ความต่อเนื่อง ทั้งโครงการคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน

ผยง บอกอีกว่า การเบิกจ่ายงบประมาณและการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ จะเป็นแรงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ และสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงยกระดับความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระยะยาว

@ลุยต่อคนละครึ่งคาดเเห่ลงเฟส 2 ถึง 10 ล้านคน

หนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ ณ ขณะนี้ คงหนีไม่พ้น โครงการคนละครึ่ง ที่ส่งเสริมให้พ่อค้าเเม่ค้ารายย่อยมีรายได้มากขึ้น โดยภาครัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดระยะเวลาโครงการ ภายใต้วงเงินอุดหนุน 30,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 23 ..-31 .. (เฟสเเรก)

ล่าสุดเฟส 2” จะเริ่มให้ใช้สิทธิในวันที่ 1 .. – 31 มี.. 2564 ขยายวงเงิน 3,500 บาทต่อคน และเพิ่มวงเงินให้แก่ผู้ได้รับสิทธิในเฟสแรกอีก 500 บาทต่อคน เปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่วันที่ 16 ..นี้ เป็นต้นไป

เรากำลังเร่งฝ่ายไอทีให้ตรวจสอบเสถียรภาพ ไม่ให้เกิดปัญหาคอขวด แม้ว่าจะเปิดรับลงทะเบียนเพียง 5 ล้านคน แต่เชื่อว่าจะมีผู้สนใจมาลงทะเบียนสูงถึง 10 ล้านคน

โดยมีการปรับปรุงระบบการลงทะเบียนหน้าเว็บไซต์ ให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้นจาก 200,000 คน ต่อการเข้าใช้งาน 1 ครั้ง เป็น 500,000-1,000,000 คน ต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง พร้อมประสานกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วของระบบการส่งข้อความยืนยัน โอทีพี (OTP) ผ่าน SMS

ส่วนผู้เข้าร่วมโครงการในเฟสเเรก แล้วต้องการต่อสิทธิ์อัตโนมัติรัฐบาลจะมีการเพิ่มปุ่มหรือส่งข้อความให้ผู้ลงทะเบียนเฟส 1 ยืนยันว่าจะเข้าร่วมมาตรการต่อในเฟส 2 หรือไม่ ขณะที่ผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์จากโครงการคนละครึ่ง เฟสเเรก เนื่องจากไม่ได้ใช้จ่ายภายใต้โครงการภายในวันที่กำหนดไว้ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเฟส 2 ได้ 

สำหรับโครงการคนละครึ่ง วันที่ 2 ธันวาคม 2563 มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 8.9 แสนร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิแล้วจำนวน 9.5 ล้านคน มียอดการใช้จ่ายสะสม 33,754 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 17,236 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 16,518 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 181 บาทต่อครั้ง 

ส่วนจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช ชลบุรี และเชียงใหม่ โดยผู้ประกอบการร้านค้ายังคงสมัครเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

]]>
1309417
แจกอีก! เตรียมลงทะเบียนรับ 3,000 บาท “คนละครึ่ง” ให้ใช้จ่ายตามร้านค้า https://positioningmag.com/1295508 Thu, 03 Sep 2020 15:37:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1295508 คลังเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิแจกเงิน 3,000 บาท ผ่าน www.คนละครึ่ง.com กลางเดือน ต.ค.นี้ คาดมีผู้ใช้สิทธิ 15 ล้านคน แย้มมาตรการนี้รัฐบาลไม่ได้มุ่งจะแจกเงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้มีสิทธิต้องร่วมใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคด้วยครึ่งหนึ่ง

ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า

ตามที่รัฐบาลได้มีมาตรการกระตุ้นการบริโภคด้วยการแจกเงิน 3,000 บาท ให้แก่ประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 15 ล้านคนนั้น กระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค.63 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ สศค. กำลังเร่งสรุปรายละเอียดของโครงการ เพื่อนำเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 (ศบศ.) พิจารณาอีกครั้งใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อดำเนินการเตรียมพร้อมระบบการลงทะเบียน และเตรียมความพร้อมเรื่องเงินที่จะมาใช้ในโครงการให้ทันกลางเดือน ต.ค.นี้

โดยระหว่างนี้ ต้องการสื่อสารให้ชัดเจนว่ามาตรการนี้รัฐบาลไม่ได้มุ่งจะแจกเงินแต่เพียงอย่างเดียว แต่ผู้มีสิทธิต้องร่วมใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคด้วยครึ่งหนึ่ง

สำหรับเงื่อนไขของโครงการนี้ ประชาชนที่มีสัญชาติไทย และอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนได้หมด เพราะเป็นมาตรการที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายจริงๆ รวมถึงร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ขณะนี้จะนำร้านค้าจากโครงการชิมช้อปใช้ ประมาณ 5-6 หมื่นร้าน และจะมีการลงพื้นที่ เพื่อให้ร้านค้าหาบเร่แผงลอยให้เข้าร่วมโครงการให้มากที่สุด

ส่วนจะเปิดให้ร้านสะดวกซื้อต่างๆ และห้างสรรพสินค้าเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยหรือไม่นั้น นายลวรณ กล่าวว่า ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเป้าหมาย คือต้องการให้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้มากที่สุด

“โครงการนี้กำหนดไว้ 15 ล้านคน ซึ่งเป็นการร่วมจ่ายการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคคนละครึ่ง ระหว่างผู้ได้สิทธิกับรัฐบาล จึงอยากให้ผู้ได้สิทธิเป็นผู้มีกำลังและต้องการซื้อสินค้าจริง หากมีคนลงทะเบียนเกินจำนวนมากก็สามารถเสนอให้รัฐบาลขยายได้ เพราะถือว่าเป็นประโยชน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ” นายลวรณ กล่าว

สำหรับโครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้งบประมาณจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท หากมีคนมาใช้สิทธิเต็มจำนวน 15 ล้านคน และใช้เงินหมด 3,000 บาท จะทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 9 หมื่นล้านบาท

Source

]]>
1295508