ชิปเอไอ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 11 Nov 2024 04:47:17 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สหรัฐฯ สั่ง ‘TSMC’ ห้ามส่งชิปขั้นสูงให้ ‘จีน’ หวังสกัดการพัฒนา AI https://positioningmag.com/1498278 Mon, 11 Nov 2024 04:25:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1498278 สหรัฐอเมริกา ยังคงเดินหน้าแบนหัวเว่ย โดยไม่ใช่แค่คุมเข้มการส่งออก ชิป หรือ เซมิคอนดักเตอร์ ของบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ เพราะหลังจากที่มีการพบว่า หัวเว่ย ได้ใช้ชิปจาก TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปสัญชาติไต้หวัน ทำให้สหรัฐฯ ได้ขอให้เลิกจัดส่งชิปขั้นสูงไปยังจีน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ขอให้ TSMC หรือ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำของโลก หยุดส่งชิปขนาด 7 นาโนเมตร หรือมากกว่า ซึ่งเป็นชิปขั้นสูงที่มีไว้สําหรับขับเคลื่อน AI และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ไปยังประเทศจีน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. นี้

โดยก่อนหน้านี้ ทาง Tech Insights บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีได้แยกชิ้นส่วนสินค้าของ หัวเว่ย (Huawei) ที่เผยให้เห็นชิปของ TSMC อยู่ภายใน ซึ่งถือเป็นการ ละเมิดการควบคุมการส่งออก เพราะหัวเว่ยถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ส่งผลให้ทาง TSMC ต้องหยุดจัดส่งชิปให้กับบริษัท Sophgo เนื่องจากคาดว่าเป็นบริษัทที่ส่งต่อชิปให้ทางหัวเว่ย

จากเหตุการณ์ดังกล่าวนำมาสู่การปราบปรามครั้งนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อบริษัทอื่น ๆ อีกมากมายในจีน และจะช่วยให้สหรัฐฯ ประเมินว่าบริษัทอื่น ๆ กําลังเปลี่ยนเส้นทางชิปสําหรับ AI ไปยังหัวเว่ยหรือไม่ 

ที่ผ่านมา ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ร่างกฎใหม่เกี่ยวกับการส่งออกอุปกรณ์ทําชิปจากต่างประเทศ และวางแผนที่จะเพิ่มบริษัทจีนประมาณ 120 แห่ง ในรายชื่อนิติบุคคลที่จํากัดของกระทรวงพาณิชย์ รวมถึงโรงงานผลิตชิป ผู้ผลิตเครื่องมือ และบริษัทที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ร่างดังกล่าวยังไม่ถูกบังคับใช้

ทั้งนี้ จากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาของ TSMC แสดงให้เห็นว่า บริษัทมีรายได้จากชิปขนาด 7 นาโนเมตรหรือชิปขั้นสูงถึง 69% จากรายได้ทั้งหมด 

Source

]]>
1498278
‘Foxconn’ ประกาศสร้างโรงงานผลิตซูเปอร์ชิป ‘GB200’ ใหญ่สุดในโลก ของ ‘Nvidia’ https://positioningmag.com/1493513 Wed, 09 Oct 2024 05:29:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1493513 ในอดีต Nvidia อาจเป็นชื่อที่เหล่า เกมเมอร์ จะคุ้นเคยกันดีในฐานะผู้ผลิตการ์ดจอ แต่ในยุค AI บริษัทได้เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิต ชิปเอไอ อันดับ 1 ของโลก และ Foxconn กำลังสร้างโรงงานผลิตซูเปอร์ชิปใหญ่สุดในโลกของ Nvidia

ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) หรือที่รู้จักกันในชื่ออย่างเป็นทางการ Hon Hai Precision Industry ซึ่งถือเป็นซัพพายเออร์ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติไต้หวัน โดยมีลูกค้ารายใหญ่ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีอย่าง Apple

ล่าสุด บริษัทได้ประกาศว่า กําลังสร้างโรงงานผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลกสําหรับซูเปอร์ชิป GB200 ของ Nvidia บริษัทผู้ผลิตชิปอันดับ 1 ของโลก ซึ่งถือเป็นผู้ขับเคลื่อนเซิร์ฟเวอร์เอไอ ด้วยชิปสำหรับเอไอ 

“เรากําลังสร้างโรงงานผลิต GB200 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยจะตั้งอยู่ในประเทศเม็กซิโก” Benjamin Ting รองประธานอาวุโสของ Foxconn สําหรับธุรกิจโซลูชันองค์กรคลาวด์ กล่าว 

โดยแผนดังกล่าวของ Foxconn ถึอเป็นหนึ่งกลยุทธ์ที่พาบริษัทออกจากการเป็นแค่บริษัทประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ต้องการจะเข้าไปในหลายอุตสาหกรรมมากขึ้น ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าไปจนถึงเซมิคอนดักเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ โดยที่ผ่านมา Foxconn ได้เปิดตัว ต้นแบบรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ รถอเนกประสงค์อเนกประสงค์ 7 ที่นั่งและรถบัส 21 ที่นั่ง 

แม้ว่า Nvidia จะเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่บริษัท ไม่ได้ผลิตชิปด้วยตัวเอง แต่ใช้ Subcontractor ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Intel, Micron และ Texas Instruments ที่ผลิตชิปด้วยตัวเอง

ทั้งนี้ รายได้ของ Foxconn ในช่วงไตรมาส 3/2024 อยู่ที่ 1.85 ล้านล้านดอลลาร์ไต้หวัน (ราว 1.92 ล้านล้านบาท) เติบโต +20.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ จากดีมานด์ AI Server ที่แข็งแกร่ง

Source

]]>
1493513
‘Intel’ ประกาศเลิกจ้างพนักงานระลอกใหญ่ 15,000 คน หลัง ‘กำไรหด’ สวนทางต้นทุน https://positioningmag.com/1484917 Fri, 02 Aug 2024 03:08:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484917 ปฏิเสธไม่ได้ว่าในแวดวงไอทีตอนนี้คือ AI ทำให้บริษัทผู้ผลิตชิป ที่สามารถผลิตชิป AI ได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ และคาดว่าตลาดชิป AI จะพุ่งแรงโตทะลุ 9.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม อาจไม่ใช่ผู้ผลิตชิปทุกรายที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของ AI

ล่าสุด อินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิปสัญชาติสหรัฐฯ ประกาศว่าจะ ปลดพนักงานมากกว่า 15% หรือราว 15,000 คน นอกจากนี้ บริษัทยังเสนอมาตรการ ลาออกโดยสมัครใจ และการ Early Retire สำหรับพนักงานที่เข้าเงื่อนไข จากแผนการลดจำนวนพนักงานดังกล่าว นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ในการ ลดค่าใช้ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 หลังจากที่ผลประกอบการ ไม่เติบโตตามที่คาดไว้ อีกทั้งยัง ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเทรนด์ AI

“ต้นทุนของเราสูงเกินไป ขณะที่อัตรากําไรของเราต่ำเกินไป เราต้องการการดําเนินการที่กล้าหาญกว่านี้เพื่อจัดการกับทั้งสองด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากผลประกอบการทางการเงินและแนวโน้มสําหรับครึ่งหลังของปี 2024 ซึ่งยากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้” Pat Gelsinger ซีอีโอ กล่าว

แม้ 25 ปีที่แล้ว อินเทลจะเป็น ผู้นําการปฏิวัติอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเกี่ยวกับชิป CPU แต่กลับปรับตัวรับกับการมาของ สมาร์ทโฟน และ AI ช้าเกินไป แม้ว่าที่ผ่านมาอินเทลจะพยายามคว้าโอกาสจากการเติบโตของ AI แบบเดียวกับที่บริษัทฮาร์ดแวร์อื่น ๆ เช่น Nvidia ทำก็ตาม

โดยรายได้ของอินเทลระหว่างปี 2020-2023 ลดลงถึง 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนทางกับจำนวนพนักงานที่เติบโต 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน และรายได้ช่วงไตรมาส 2/2024 คาดว่าจะ ลดลง -1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคาดว่าจะมีแนวโน้มครึ่งหลังที่ ท้าทาย มากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

Source

]]>
1484917
ลือ! บริษัทแม่ ‘TikTok’ จับมือบริษัทในสหรัฐฯ ซุ่มพัฒนา ‘ชิปเอไอ’ https://positioningmag.com/1479462 Mon, 24 Jun 2024 07:47:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1479462 อย่างที่รู้ว่า สหรัฐฯ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะสกัดกั้นไม่ให้ จีน เข้าถึงอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยอ้างถึง ภัยความมั่นคง อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok กําลังทํางานร่วมกับบริษัทออกแบบชิปของสหรัฐฯ ผลิตชิปเอไอ

มีข่าวลือว่า ByteDance กำลังร่วมกับบริษัท Broadcom ในการพัฒนา โปรเซสเซอร์เอไอขั้นสูง โดยใช้เทคโนโลยีชิปขนาด 5 นาโนเมตร เพื่อช่วยให้บริษัทแม่ของ TikTok สามารถจัดหาชิประดับไฮเอนด์ได้เพียงพอ ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยเฉพาะ ชิป 5 นาโนเมตร หรือ ชิปรวมเฉพาะแอปพลิเคชัน (ASIC) ที่สหรัฐฯ จำกัดการส่งออก

โดยทั้ง 2 บริษัทจะว่าจ้าง Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) บริษัทผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่สัญชาติไต้หวันให้เป็นผู้ผลิต ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า การที่ ByteDance กับ Broadcom ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกัน จะช่วยให้ ByteDance ลดต้นทุนการจัดซื้อและรับรองอุปทานชิประดับไฮเอนด์ที่มีเสถียรภาพ 

ชิปเอไอ ถือเป็นสิ่งสําคัญสําหรับ ByteDance ในการทําให้ อัลกอริธึม มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะนอกจาก TikTok และ Douyin แล้ว ByteDance ยังดําเนินการแอปยอดนิยมมากมาย รวมถึงบริการแชทบอทที่เหมือน ChatGPT ที่เรียกว่า Doubao ซึ่งมีผู้ใช้ 26 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ByteDance, Broadcom และ TSMC ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นถึงข่าวดังกล่าว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี 2565 สหรัฐฯ ได้ควบคุมการส่งออกสินค้าเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้นับตั้งแต่นั้น ก็ไม่มีการประกาศความร่วมมือในการพัฒนาชิปขั้นสูง หรือขนาด 5 นาโนเมตรขึ้นไป ระหว่างบริษัทจีนและสหรัฐอเมริกาอีกเลย เนื่องจากสหรัฐฯ ต้องการขัดขวางความก้าวหน้าด้านเอไอ และ Super Computer ที่อาจนำไปใช้โดย กองทัพจีน

Source

]]>
1479462
Meta เปิดตัวชิปเร่งประมวลผล AI รุ่นใหม่ ใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร หวังลดการพึ่งพาจาก Nvidia https://positioningmag.com/1469864 Thu, 11 Apr 2024 03:01:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469864 เมต้า (Meta) เจ้าของ Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram ได้เปิดตัวชิปเร่งการประมวลผลปัญญหาประดิษฐ์รุ่นใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร ซึ่งมีความสามารถมากกว่ารุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้บริษัทยังต้องการลดการพึ่งพาชิปจาก Nvidia ลง

Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Social Network ได้เปิดตัวชิปเร่งการประมวลผลปัญญหาประดิษฐ์ (AI) รุ่นใหม่ ซึ่งความสามารถของชิปรุ่นใหม่นี้ประมวลผลด้าน AI ได้เร็วมากขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับชิปในรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 5 นาโนเมตรซึ่งทำให้ประหยัดพลังงานลดลง

สำหรับงานที่ใช้เทคโนโลยี AI ของ Meta จนต้องมีการผลิตชิปออกมาเพื่อเร่งการประมวลผลนั้น เช่น เรื่องการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในด้านโฆษณา เพื่อหากลุ่มลูกค้า หรือแม้แต่การใช้ประมวลผลด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งชิปดังกล่าวจะใช้ในศูนย์ข้อมูลของบริษัท

Meta ยังชี้ว่าการผลิตชิปรุ่นใหม่นี้เป็นส่วนสำคัญของแผนระยะยาวในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานด้าน AI ของบริษัท

ไม่เพียงเท่านี้ ชิปดังกล่าวของ Meta ยังใช้เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตรจาก TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่จากไต้หวัน ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวจะทำให้ชิปของบริษัทนั้นประหยัดพลังงานเมื่อเทียบกับชิปรุ่นก่อนหน้า

ก่อนหน้านี้ Mark Zuckerberg ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Meta เคยกล่าวว่าในปี 2024 บริษัทจะสั่งชิปเร่งการประมวลผล AI ในรุ่น H100 จาก Nvidia เพิ่มเติมอีก 350,000 ชุด ซึ่งจะทำให้บริษัทมีชิปเร่งการประมวลผลมากถึง 600,000 ชุด ซึ่งถือว่าใช้เม็ดเงินระดับมหาศาลในการซื้อชิปรุ่นดังกล่าว

ในช่วงที่ผ่านมาเทรนด์การใช้ AI ได้ทำให้ชิปของ Nvidia ถูกบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาหรือแม้แต่คู่แข่งจากจีน ได้ทำการกว้านซื้อเพื่อที่จะนำไปประมวลผลด้าน AI ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทผลิตชิปรายดังกล่าวกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นแตะหลักล้านล้านเหรียญสหรัฐ

นักวิเคราะห์บางรายคาดยังว่า Nvidia นั้นอาจมีรายได้จากการขายชิปเร่งประมวลผล AI ได้มากถึง 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2027 และคู่แข่งรายอื่นไม่มีใครสามารถเข้ามาเทียบเคียงได้

อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Microsoft หรือ Amazon หรือไม่เว้นแต่ Meta ต่างต้องการที่จะลดการพึ่งพาชิปจาก Nvidia ให้ได้มากที่สุด และชิปที่บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้จ้างผลิตยังสามารถกำหนดสเปกตามความต้องการได้อีกด้วย

]]>
1469864
‘มาเลเซีย’ กลายเป็นอีกหมุดหมายของ ‘โรงงานผลิตชิป’ หลังจีน-สหรัฐฯ ยังตึงใส่กัน https://positioningmag.com/1469027 Thu, 04 Apr 2024 02:57:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1469027 เพราะความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ในด้าน เซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป ทำให้หลายบริษัทผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เริ่มมองหาฐานการผลิตใหม่ ๆ นอกจากจีน และดูเหมือนว่า มาเลเซีย กำลังกลายเป็นอีกหมุดหมายของบริษัทผู้ผลิตชิปหลาย ๆ บริษัท ที่จะไปลงทุนตั้งโรงงาน

หลายคนอาจไม่รู้ว่า มาเลเซีย มีโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคงและมีประสบการณ์ราว 50 ปีในแบ็กเอนด์ของกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะ แรงงานที่มีทักษะการประกอบ การทดสอบ และบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งยังลดต้นทุนการดำเนินงานเชิงเปรียบเทียบ ทำให้การส่งออกสามารถแข่งขันได้มากขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มาเลเซียกำลังกลายเป็นจุดสำคัญสำหรับโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องกระจายการดำเนินงาน

บริษัทชิปยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันอย่าง อินเทล (Intel) ได้เคยออกมาประกาศในช่วงเดือนธันวาคม 2564 ว่า บริษัทจะลงทุนมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์และทดสอบชิปในมาเลเซีย โดยคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในปี 2567 นี้

โดยมาเลเซีย ถือเป็นโรงงานผลิตชิปในต่างประเทศแห่งแรกของอินเทล โดยเปิดตัวครั้งแรกเปิดตัวในปี 2515 ด้วยเงินลงทุน 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทเดินหน้าเพิ่มศูนย์ทดสอบเต็มรูปแบบ รวมถึงศูนย์การพัฒนาและการออกแบบในมาเลเซีย

“การตัดสินใจลงทุนในมาเลเซียมีรากฐานมาจากกลุ่มผู้มีความสามารถที่หลากหลาย โครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง และซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง” Aik Kean Chong กรรมการผู้จัดการของ Intel Malaysia กล่าว

นอกจากนี้ยังมี GlobalFoundries บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อีกรายที่จะเปิดโรงงานในเดือนกันยายน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการผลิตทั่วโลก ควบคู่ไปกับโรงงานในสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และยุโรป นอกเหนือจากบริษัทในสหรัฐฯ ก็มี Infineon ผู้ผลิตชิปชั้นนำของเยอรมนี ที่เตรียมสร้างโมดูลการผลิตเวเฟอร์แห่งที่ 3 ในประเทศ Newways ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์หลักของผู้ผลิตอุปกรณ์ชิปสัญชาติเนเธอร์แลนด์  ASML ก็เตรียมจะสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในมาเลเซียเช่นกัน

“เนื่องจากนโยบายที่มีความคิดก้าวหน้าและการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากรัฐบาล ร่วมกับพันธมิตรอย่าง InvestPenang ได้สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมที่จะเจริญเติบโต” Tan Yew Kong รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปของ GlobalFoundries Singapore กล่าว

นอกจากนี้ มาเลเซียถือหุ้น 13% ของตลาดโลกสำหรับบริการบรรจุภัณฑ์ชิป การประกอบ และการทดสอบ โดยหน่วยงานพัฒนาการลงทุนของมาเลเซีย ได้เปิดเผยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า การส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์และวงจรรวมเพิ่มขึ้น 0.03% เป็น 387.45 พันล้านริงกิตมาเลเซีย (81.4 พันล้านดอลลาร์) ในปี 2566 แม้ว่าความต้องการชิปทั่วโลกที่อ่อนแอ

เพื่อพยายามขยายระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศและดึงดูดการลงทุน มาเลเซียจึงได้จัดตั้ง คณะทำงานเชิงกลยุทธ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับชาติ เมื่อเดือนมกราคม นอกจากนี้ ซาฟรุล อาซิซ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย ได้เปิดเผยว่า มาเลเซียมีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นไปที่ ส่วนหน้า ของกระบวนการผลิตชิป จากเดิมที่มาเลเซียจะเชี่ยวชาญในส่วนแบ็กเอนด์ โดยกระบวนการส่วนหน้าเกี่ยวข้องกับการผลิตแผ่นเวเฟอร์

อย่างไรก็ตาม มาเลเซียก็มีความท้าทายที่สำคัญก็คือ ภาวะสมองไหล เมื่อคนงานเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหางานทำที่ดีขึ้นและเงินเดือนที่สูงขึ้น โดยจากการศึกษาอย่างเป็นทางการที่ดำเนินการในปี 2565 เปิดเผยว่า คนงานชาวมาเลเซียที่มีทักษะหรือกึ่งทักษะ 3 ใน 4 คนย้ายไปทำงานในสิงคโปร์

Source

]]>
1469027
เขากลับมาแล้ว! Masayoshi Son เตรียมตั้งกองทุนเกี่ยวกับชิปด้าน AI มูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ https://positioningmag.com/1463264 Tue, 20 Feb 2024 03:24:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463264 Masayoshi Son ซึ่งเป็น CEO ของ SoftBank เตรียมตั้งกองทุนเกี่ยวกับชิปด้าน AI มูลค่าสูงถึง 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยเน้นลงทุนในบริษัทชิปที่เกี่ยวข้องกับด้าน AI โดยเฉพาะ และขอเป็นผู้ท้าชิงในอุตสาหกรรมดังกล่าวกับ Nvidia ซึ่งครองตลาดชิปเร่งการประมวลผล AI อยู่ในเวลานี้

สำนักข่าว Bloomberg รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Masayoshi Son ซึ่งเป็น CEO ของ SoftBank เตรียมที่จะจัดตั้งกองทุนเพื่อที่จะลงทุนในด้านการผลิตชิปสำหรับเร่งการประมวลผลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะ คาดว่าขนาดของกองทุนนั้นจะใหญ่มากถึง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 3.6 ล้านล้านบาท

โครงการดังกล่าวมีชื่อเรียกภายในบริษัทว่า Izanagi โดยกองทุนดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้ ARM บริษัทออกแบบชิปที่ SoftBank เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สามารถที่จะเป็นผู้ท้าชิงในอุตสาหกรรมดังกล่าวกับ Nvidia ซึ่งครองตลาดชิปเร่งการประมวลผล AI อยู่ในเวลานี้

สำหรับการจัดตั้งกองทุนนั้นคาดว่าเม็ดเงินราวๆ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จะมาจาก SoftBank ซึ่งมีเม็ดเงินเหลือเฝืออยู่ในบริษัทอยู่แล้ว ขณะที่ 70,000 ล้านเหรียญคาดว่าจะมาจากนักลงทุนในตะวันออกกลาง

ถ้าหาก SoftBank ตั้งกองทุนได้สำเร็จก็จะกลายเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทด้าน AI กองทุนใหญ่กองหนึ่งของโลก ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทประสบความสำเร็จในการจัดตั้งกองทุนขนาดยักษ์อย่าง SoftBank Vision Fund ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพมาแล้ว

ความต้องการในการผลิตชิปเร่งการประมวลผล AI เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งบริษัทในสหรัฐอเมริกาอย่าง OpenAI เองก็มีแผนที่จะระดมทุนเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิป หรือแม้แต่บริษัทจีนอย่าง Huawei เองก็ต้องให้ความสำคัญกับการผลิตชิปสำหรับ AI ก่อนด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้ CEO ของ SoftBank มีความสนใจในเรื่องของ AI อย่างมาก และมีการพูดคุยกับ CEO ของ OpenAI อย่าง Sam Altman บ่อยครั้ง นอกจากนี้เขายังเคยกล่าวเรื่องเทคโนโลยี AI กับชาวญี่ปุ่นว่า “จะนำมันมาใช้หรือถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกครั้ง” มาแล้ว

]]>
1463264
Huawei อาจลดกำลังการผลิตโทรศัพท์มือถือ Mate 60 Pro มาเน้นผลิตชิป AI แทน เนื่องจากลูกค้าต้องการใช้เป็นจำนวนมาก https://positioningmag.com/1461678 Wed, 07 Feb 2024 05:25:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1461678 หัวเว่ย (Huawei) ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและโทรศัพท์มือถือจากจีนอาจลดกำลังการผลิตโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 60 Pro ลง เนื่องจากบริษัทให้ความสำคัญในการผลิตชิปเร่งการประมวลผล AI ก่อนเป็นอันดับแรก จากความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นจากเทคโนโลยีดังกล่าว

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Huawei ผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมและโทรศัพท์มือถือจากจีนอาจลดกำลังการผลิตโทรศัพท์มือถือลง หลังจากความต้องการชิปเร่งการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ (AI)

โรงงานผลิตชิปของ Huawei บางโรงงานที่ปกติไว้ผลิตชิป Kirin ให้กับโทรศัพท์มือถือรุ่น Mate 60 Pro ถูกเปลี่ยนมาผลิตชิป Ascend 910B ซึ่งเป็นชิปเร่งการประมวลผล AI แทน แม้ว่าข้อมูลจาก Counterpoint ชี้ว่า Huawei ได้กลับมาครองแชมป์ยอดขายมือถือในช่วง 2 สัปดาห์แรกของปี 2024 ก็ตาม

การหันมาผลิตชิป Ascend 910B เนื่องจากอัตราความสำเร็จในการผลิตชิปของ Huawei ถือว่าต่ำมาก เป็นผลจากการห้ามส่งออกเครื่องจักรผลิตชิปของสหรัฐฯ บริษัทจึงต้องให้ความสำคัญกับการผลิตชิปตัวดังกล่าวก่อน

ผู้ที่สั่งซื้อโทรศัพท์รุ่น Mate 60 Pro อาจต้องใช้เวลารอยาวนานขึ้นกว่าเดิมอีก เนื่องจากกำลังการผลิตชิป Kirin เองก็มีจำนวนจำกัดเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้สัญญาว่าโทรศัพท์รุ่นดังกล่าวผู้ที่สั่งซื้อจะได้รับเครื่องภายในระยะไม่เกิน 90 วัน

ในเดือนสิงหาคมปี 2023 ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวถึงความต้องการชิปเร่งการประมวลผล AI ของบริษัทเทคโนโลยีจีน ไม่ว่าจะเป็น Baidu ByteDance Tencent และ Alibaba ได้สั่งซื้อชิปรุ่น A800 ของ Nividia มูลค่ามากถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันก็ยังได้สั่งการ์ดประมวลผลกราฟิกอีกเป็นมูลค่ามากถึง 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะส่งมอบในปีนี้

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามมาหลังจากที่ Nvidia ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปเร่งประมวลผล AI จากสหรัฐฯ กำลังจะถูกแบนห้ามส่งออกชิปเร่งการประมวลผล AI ไปยังจีน แม้ว่าบริษัทจะพัฒนชิปเพื่อวางจำหน่ายสำหรับลูกค้าในประเทศจีนและยังตรงตามข้อกำหนดของรัฐบาลสหรัฐฯ แล้วก็ตาม

ก่อนที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะห้ามการส่งออกชิปเร่งการประมวลผล AI ไปยังประเทศจีน Nvidia ยังครองส่วนแบ่งตลาดด้วยสัดส่วนมากถึง 90% ในส่วนที่เหลือคือผู้เล่นรายอื่นๆ ซึ่งรวมถึง Huawei

ความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้ Huawei ได้เข้ามาอุดช่องว่างความต้องการดังกล่าว โดยลูกค้ารายใหญ่อย่าง Baidu แม้จะสั่งซื้อชิปจาก Nvidia ไปแล้ว ก็ยังมีการสั่งชิปของ Ascend 910B เพิ่มเติมเป็นจำนวนมากเช่นกัน

นักวิเคราะห์ได้กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ Huawei อาจจับมือร่วมกันกับ SMIC เพื่อนำเทคโนโลยีการผลิตมาช่วยเร่งการผลิตชิป Ascend 910B เพิ่มมากขึ้น โดยชิปตัวดังกล่าวทางการจีนได้ตั้งเป้าที่จะลดการพึ่งพาชิปจากต่างประเทศ และเร่งการพัฒนาเทคโนโลยีเทคโนโลยี AI ในประเทศมากขึ้น

]]>
1461678
แพงไปไม่ซื้อ! Meta, Microsoft และ OpenAI เตรียมเปลี่ยนใช้ชิปเอไอจาก ‘AMD’ หลังสู้ราคา ‘Nvidia’ ไม่ไหว https://positioningmag.com/1454651 Thu, 07 Dec 2023 06:16:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454651 ในยุค Generative AI แบบนี้ ทำให้ความต้องการชิปสำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์พุ่งขึ้นมหาศาล ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตชิปได้อานิสงส์นี้ไปเต็ม ๆ และหนึ่งในแบรนด์ที่เติบโตจากเทรนด์ดังกล่าวก็คือ Nvidia บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) และปัญญาประดิษฐ์

การจะสร้างและพัฒนาโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ เช่น ChatGPT ส่วนสำคัญก็คือ ชิป อย่างไรก็ตาม เนื่องจากราคาชิปของ Nvidia ที่ถือเป็นผู้นำของตลาดชิปสำหรับใช้ในการพัฒนาเอไอมีราคาแพง ทำให้ Meta, OpenAI และ Microsoft ประกาศว่าพวกเขาจะ ใช้ชิป AI ใหม่ล่าสุดของ AMD นั่นคือ Instinct MI300X ซึ่งเป็นชิป high-end ตัวล่าสุด ซึ่งจะชนกับ H100 ของ Nvidia

ที่น่าสนใจคือ Omdia บริษัทติดตามตลาด เชื่อว่า Meta และ Microsoft เป็นผู้ซื้อ GPU H100 ของ Nvidia รายใหญ่ที่สุด พวกเขาจัดหา GPU H100 มากถึง 150,000 ตัว ซึ่งมากกว่าจํานวนโปรเซสเซอร์ H100 ที่ซื้อโดย Google, Amazon, Oracle และ Tencent (ตัวละ 50,000 ตัว)

โดย AMD จะเริ่มจัดส่งชิป MI300X ในต้นปีหน้า และด้วยราคาที่ถูกลงอาจช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาโมเดล AI รวมถึงสร้างแรงกดดันด้านการแข่งขันต่อการเติบโตของยอดขายชิป AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของบริษัท Nvidia

AMD กล่าวว่า MI300X ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ โดยชิป MI300X เป็นชิปเร่งความเร็วสถาปัตยกรรม CDNA 3 เพิ่มหน่วยประมวลผล 40% ขยายแบนวิดท์หน่วยความจำ 1.7 เท่า ใส่แรม HBM3 192GB สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้น รองรับข้อมูลแบบ FP8 หน่วยความจำที่สูงขึ้นทำให้สามารถรันโมเดล LLaMA-2 70B ได้ในชิปเดียว  

ทั้งนี้ AMD เคยคาดการณ์ว่าชิป MI300X จะมียอดขายประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2024 และหลังจากเปิดตัวชิปดังกล่าวหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 1.9% ทั้งนี้ รายได้ใน Q3/2023 ของ AMD อยู่ที่ 5.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต 4% โดย Lisa Su ซีอีโอของ AMD คาดการณ์ว่า ตลาดสําหรับชิป AI จะมีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2027 และหวังว่า AMD จะครองส่วนแบ่งใหญ่ของตลาดนั้น

Source

]]>
1454651
‘AMD’ เล็งผลิตชิปเอไอสำหรับ ‘จีน’ โดยเฉพาะ ตัดปัญหาการกีดกันจากสหรัฐฯ https://positioningmag.com/1439696 Thu, 03 Aug 2023 05:08:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439696 หลังจากที่ รัฐบาลสหรัฐฯ มีแผนจะจำกัดการส่งออกชิปที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลด้านเอไอไปจีน เนื่องจากกังวลว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจเพิ่มความสามารถให้กับคู่แข่ง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

ด้วยข้อจำกัดดังกล่าว AMD หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตชิปเองก็มองเห็นโอกาสในการ พัฒนาชิปปัญญาประดิษฐ์สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ โดย Lisa Su ซีอีโอของ AMD กล่าวว่า บริษัทต้องการที่จะปฏิบัติตามการควบคุมการส่งออกของสหรัฐอย่างเต็มที่ แต่ จีนก็ถือเป็นตลาดที่สำคัญ

“แน่นอน แผนของเราคือต้องปฏิบัติตามการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ อย่างครบถ้วน แต่เราเชื่อว่ามีโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าของเราในจีนที่กำลังมองหาโซลูชันเอไอ”

การเจาะตลาดจีนถือเป็นหนึ่งในโอกาสสำคัญของ AMD ที่จะก้าวให้ทันคู่แข่งอย่าง Nvidia และ Intel โดยอาวุธสำคัญในการเจาะตลาดจีนก็คือ ชิป Accelerator ของบริษัทซึ่งเป็นเซมิคอนดักเตอร์ชนิดหนึ่งที่จำเป็นในการฝึกอบรมข้อมูลจำนวนมหาศาลสำหรับแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์

โดย AMD กำลังเตรียมพร้อมที่จะเพิ่มการผลิตชิป MI300 ซึ่งวางตำแหน่งเป็นคู่แข่งกับ H100 หน่วยประมวลผลกราฟิกของ Nvidia ที่ใช้สำหรับการฝึกอบรมเอไอ ซึ่งปัจจุบัน Nvidia เป็นผู้ครองตลาดดังกล่าว โดยคาดว่าชิป MI300 ของ AMD จะออกสู่ตลาดในช่วง Q4/2023

ย้อนไปช่วงต้นปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ห้ามไม่ให้ Nvidia ขายชิป A100 และ H100 ให้กับประเทศจีน ทำให้ Nvidia จำเป็นต้องผลิตชิปที่ปรับแต่งตามข้อกำหนดเพื่อให้สอดคล้องกับการควบคุมการส่งออก เช่นเดียวกันกับ Intel ที่ผลิตชิป Gaudi 2 AI รุ่นดัดแปลงสำหรับตลาดจีนด้วย เนื่องจากตลาดจีนยังคงเป็นตลาดที่มีกำไรสำหรับผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านเอไอ ซึ่งมีทางเลือกในการซื้อไม่มากนัก

ทั้งนี้ AMD ยังเห็นการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังถึง 50% โดยจะมาจากธุรกิจ Data Center ที่ต้องการชิปเอไอไว้ประมวลผล สำหรับรายได้จากธุรกิจศูนย์ข้อมูลของ AMD ในช่วง Q2/2023 ลดลง 11% เป็น 1.32 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่รายรับจากธุรกิจลูกค้าองค์กรลดลง 54% เป็น 998 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่แล้ว

Source

]]>
1439696