ดูไบ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 30 Jul 2024 08:00:22 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สวรรค์เศรษฐี “ดูไบ” จ่อดึงคนมีฐานะย้ายประเทศเพิ่มอีก หลังพรรคแรงงานชนะเลือกตั้งอังกฤษ https://positioningmag.com/1484411 Tue, 30 Jul 2024 06:43:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1484411 วิจัยพบ “ดูไบ” เมืองหลวง UAE มีโอกาสเป็นแหล่งดึงดูด “เศรษฐี” ย้ายประเทศเข้าไปพำนักเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในขณะที่ “สหราชอาณาจักร” น่าจะได้เห็นเศรษฐีย้ายออกราว 17% ภายใน 4 ปี หลังพรรคแรงงานชนะเลือกตั้งและน่าจะออกนโยบายที่ไม่เอื้อต่อคนมีฐานะ

รายงาน Henley Private Wealth Migration เปิดเผยว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีโอกาสเป็นประเทศที่สามารถดึงดูด “เศรษฐี” ย้ายถิ่นฐานเข้าไปพำนักเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

ขณะเดียวกัน Swiss Bank UBS คาดการณ์ว่า “สหราชอาณาจักร” น่าจะเห็นการย้ายออกของเศรษฐีราวๆ 17% ภายในปี 2028 จากปัจจุบันมีเศรษฐีกว่า 3.06 ล้านคน เชื่อว่าใน 4 ปีจะลดเหลือ 2.54 ล้านคนเท่านั้น

เนื่องจากกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง หรือ High-Net Worth Individuals: HNWIs มักจะตัดสินใจลงหลักปักฐานด้วยสิทธิประโยชน์เรื่อง “ภาษี” เป็นหลัก ทำให้นโยบายปลอดภาษีของ “ดูไบ” กลายเป็นสวรรค์เศรษฐีกลางทะเลทราย

กรุงลอนดอน

ตรงกันข้ามกับสหราชอาณาจักร ซึ่งเพิ่งผ่านการเลือกตั้งและกลายเป็นพรรคแรงงานที่กำชัยชนะในครั้งนี้ ทำให้มีแนวโน้มว่าต่อไปรัฐบาลอังกฤษอาจจะออกนโยบายที่ไม่เอื้อต่อผลประโยชน์ของเศรษฐี

Karim Jetha นักลงทุนรายหนึ่งที่ย้ายออกจากสหราชอาณาจักรไปยัง UAE ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า การเลือกย้ายประเทศไปอยู่ใน UAE แทนนั้นมีทั้งแรงผลักและแรงดึงดูด โดยแรงผลักสำคัญคือ “ภาษี” ที่น่าจะปรับขึ้นในอังกฤษหลังพรรคแรงงานชนะเลือกตั้ง เช่น นโยบายหาเสียงของพรรคแรงงานมีการกล่าวถึงการเก็บภาษี VAT กับโรงเรียนเอกชน ซึ่งจะทำให้ค่าเทอมพุ่งขึ้น 20% ทันที ส่วนแรงดึงดูดจาก UAE เกิดจากการดูแลให้ประเทศมีความปลอดภัยสูงในการอยู่อาศัย และปฏิรูปวีซ่าเพื่อให้การย้ายประเทศเกิดง่ายขึ้น

รายงานของ Henley คาดการณ์ว่า UAE จะมีเศรษฐีใหม่ย้ายเข้าประเทศกว่า 6,700 คนภายในสิ้นปี 2024 ทิ้งห่างอันดับ 2 คือ “สหรัฐอเมริกา” ที่คาดว่าจะมีเศรษฐีย้ายเข้าราว 3,800 คนในสิ้นปีนี้

ดูไบ (Photo : Shutterstock)

รายงานฉบับนี้นำเสนอว่าเหตุที่เศรษฐีนิยมย้ายไป UAE เพราะปัจจัยเรื่องไม่เก็บภาษีเงินได้ มีระบบ “Golden Visa” ไลฟ์สไตล์ลักชัวรี และทำเลที่ตั้งสะดวกในการเดินทางไปทั่วโลก

Golden Visa ของ UAE นั้นมีส่วนสำคัญมากในการดึงดูด เพราะการได้วีซ่านี้หมายถึงสิทธิพำนักถาวรในประเทศ และอนุญาตให้ชาวต่างชาติอาศัย ทำงาน และเรียนในประเทศได้ตามต้องการ

Sunita Singh-Dalal พาร์ทเนอร์บริษัท Hourani Private Wealth & Family Offices ในดูไบ กล่าวเสริมว่า ระบบนิเวศในการจัดการความมั่งคั่งของ UAE มีการพัฒนาสูงมากในช่วง 5 ปีหลังมานี้ โดยมีการสร้างโซลูชันเพื่อทำให้การป้องกัน เก็บรักษา และต่อยอดความมั่งคั่งของผู้มีฐานะทำได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น

UAE สร้างแรงดึงดูดจากโครงสร้างพื้นฐานในประเทศด้วย เช่น ระบบโรงเรียนอินเตอร์แข็งแรง ปราบปรามอาชญากรรมให้อยู่ในอัตราต่ำ และบรรยากาศเมืองที่ทันสมัย

ปัจจุบันเศรษฐีส่วนใหญ่ที่ย้ายไปอยู่ “ดูไบ” มักจะมาจากอินเดีย ตะวันออกกลาง รัสเซีย และทวีปแอฟริกา แต่ในระยะหลังพบว่าเศรษฐีอังกฤษและยุโรปก็เริ่มนิยมย้ายไปอยู่แล้วเช่นกัน

เหตุผลเพราะแต่เดิมภาษีอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษนับว่าไม่จูงใจเศรษฐีอยู่แล้ว ด้วยการเก็บภาษีอสังหาฯ สูงถึง 40% หากครอบครองอสังหาฯ ในราคามากกว่า 325,000 ปอนด์ (ประมาณ 15 ล้านบาท) และอนาคตอันใกล้ รัฐบาลอังกฤษยังเตรียมยกเลิกนโยบายไม่เก็บภาษีเงินได้ผู้พำนักอาศัยหากได้มาจากแหล่งรายได้นอกประเทศ (non-dom tax) โดยจะเริ่มปี 2025 แถมพรรคแรงงานยังมีนโยบายเก็บภาษีโรงเรียนเอกชนซึ่งจะทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาบุตรหลานเพิ่มขึ้น

ปัจจัยการรีดภาษีผู้มีฐานะ ทำให้ “เศรษฐี” เหล่านี้เตรียมเก็บกระเป๋าและย้ายประเทศไปอยู่ดูไบมากยิ่งขึ้น

Source

]]>
1484411
ดูไบกำลังกลายเป็นฮับของมหาเศรษฐีจีนอีกแห่ง ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเริ่มเปิดสำนักงานเพิ่มมากขึ้น https://positioningmag.com/1458120 Tue, 09 Jan 2024 07:55:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1458120 ฮับของมหาเศรษฐีจีนอาจไม่ใช่แค่ฮ่องกง สิงคโปร์ เท่านั้น แต่ดูไบกำลังจะกลายเป็นฮับอีกแห่งที่สำคัญในอนาคต เนื่องจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งเริ่มเปิดสำนักงานเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันดูไบเองยังเอื้อแก่การเปิดธุรกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างตะวันกลางกับจีนที่ดี รวมถึงอัตราภาษีที่ต่ำ

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า ดูไบกำลังกลายเป็นฮับของมหาเศรษฐีชาวเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจีน และจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น หลังจากสถาบันการเงินหลายแห่งได้ทยอยไปเปิดสำนักงานที่ดูไบเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการลูกค้าความมั่งคั่งสูง หรือแม้แต่ให้บริการด้านการเงินทั่วไปกับลูกค้า

จุดเด่นของดูไบที่ทำให้มหาเศรษฐีจากจีนเริ่มสนใจเข้าไปทำธุรกิจในตะวันออกกลางคือ การเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นง่ายเมื่อเทียบกับหลายประเทศ อัตราภาษีที่ต่ำ โซนเวลาไม่แตกต่างกับเอเชียมากจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีเหล่ามหาเศรษฐีเริ่มเข้าไปอยู่อาศัยในตะวันออกกลางมากขึ้น ยิ่งทำให้เสน่ห์เมืองใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างตะวันออกกลางกับจีนนั้นมีความแน่นแฟ้นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งความร่วมมือในด้านเทคโนโลยี หรือแม้แต่การลงทุนระหว่างกัน ขณะเดียวกันนักธุรกิจจีนเองต้องการที่จะกระจายความเสี่ยงในเรื่องธุรกิจ ทำให้ดูไบถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจของชาวจีน

ในช่วงที่ผ่านมาตะวันออกกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้พยายามวางตัวเป็นกลางท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน หรือแม้แต่กรณีล่าสุดอย่างการบุกยูเครนของรัสเซีย ตะวันออกกลางนั้นถือเป็นกลุ่มประเทศที่ไม่ต้องการคว่ำบาตรรัสเซีย

นอกจากนี้การโยกย้ายเม็ดเงินจากฮับการเงินเดิมอย่าง ฮ่องกง หรือ สิงคโปร์ ออกมาดูไบ ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของเหล่ามหาเศรษฐีจีนอีกทาง

ธุรกิจบริหารความมั่งคั่งชาวจีนอย่าง Noah Holdings ได้ประกาศการเปิดสำนักงานในดูไบ โดย Qing Pan ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ได้กล่าวกับ Reuters ว่า กลยุทธ์ของบริษัทคือติดตามการเติบโตของความมั่งคั่งของลูกค้าชาวจีน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องอยู่ที่นี่ เขายังกล่าวเสริมว่าบริษัทวางแผนที่จะส่งพนักงานบางส่วนจากประเทศจีนก่อน แล้วรับสมัครงานในท้องถิ่นในภายหลัง

ขณะที่ Lombard Odier ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารความมั่งคั่งรายใหญ่จากสวิตเซอร์แลนด์ก็ดูลู่ทางในการเปิดสำนักงานที่ดูไบเช่นกัน

ไม่เว้นแม้แต่ Tsang Group และ Landmark Family Office รวมถึง Farro Capital ซึ่งเป็นธุรกิจสำนักงานครอบครัว (Family Office) เพื่อบริหารทรัพย์สินของเหล่ามหาเศรษฐี และดูทำหน้าที่ดูแลในด้านต่างๆ เช่น กฎหมาย ฯลฯได้มีการเปิดสำนักงานที่ดูไบ

อย่างไรก็ดีถ้าหากมองย้อนกลับมา เศรษฐีชาวจีนได้ทยอยนำเงินออกมาไว้นอกจีนเป็นจำนวนมากขึ้นหลังปี 2020 ทั้งในฮ่องกง สิงคโปร์ หรือล่าสุดที่ดูไบ เนื่องจากความไม่แน่นอนในการใช้ชีวิตหลังการแพร่ระบาดของโควิด หรือแม้แต่ความต้องการย้ายถิ่นฐานออกจากประเทศจีน

]]>
1458120
เหมือนมาจากหนังไซไฟ! แบบสร้าง “ตึกวงแหวน” รอบอาคารเบิร์จ คาลิฟะใน “ดูไบ” https://positioningmag.com/1397580 Thu, 25 Aug 2022 08:38:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1397580 ปัญหาประชากรล้นเมืองในหลายๆ มหานครทั่วโลกทำให้เกิดโจทย์การสร้างตึกแบบใหม่เพื่อให้รองรับคนได้ รวมถึงใน “ดูไบ” มีการทดลองออกแบบอาคารชื่อ “Downtown Circle” เป็น “ตึกวงแหวน” เส้นรอบวงถึง 3,000 เมตร โอบล้อมรอบอาคารเบิร์จ คาลิฟะ อาคารที่สูงที่สุดในโลก ภายในจะมีที่อยู่อาศัย ออฟฟิศ และสวนสาธารณะ

สตูดิโอสถาปัตย์ ZN Era ได้ออกแบบตึกสูงระฟ้าแบบใหม่ในชื่อ Downtown Circle ซึ่งถ้าหากสร้างขึ้นจะอยู่โดยรอบอาคาร “เบิร์จ คาลิฟะ” ตึกที่สูงที่สุดในโลกขณะนี้ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง “ดูไบ”

การออกแบบตึกนี้จะมีความสูง 550 เมตรจากพื้นดิน และมีเส้นรอบวงถึง 3,000 เมตร แบ่งเป็นวงแหวนสองวงที่เชื่อมต่อถึงกัน ภายในวงแหวนเหล่านี้จะมีที่พักอาศัย พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่สาธารณะและวัฒนธรรม

ZN Era นิยามตึก Downtown Circle ที่ออกแบบขึ้นว่าเป็น “มหานครที่มีความต่อเนื่อง” และเชื่อว่าจะเป็นโซลูชันแบบใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาการเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองและจำนวนประชากรในดูไบได้

“โครงสร้างขนาดมหึมานี้สามารถทดแทนตึกระฟ้าที่ขึ้นอย่างโดดเดี่ยวและไม่เชื่อมต่อซึ่งกันและกันในพื้นที่มหานครได้” ZN Era อธิบาย “ด้วยเส้นรอบวง 3,000 เมตร ทำให้ฟังก์ชันแบบ Downtown Circle จะทำให้มหานครมีความต่อเนื่องกัน สร้างความยืดหยุ่นในการจัดการและมีรูปลักษ์ล้ำสมัย”

ตึกวงแหวนนี้จะซอยแบ่งออกเป็นยูนิตย่อยๆ ซึ่งจะมีทั้งกลุ่มบ้าน อพาร์ตเมนต์ ออฟฟิศ และศูนย์วิจัย รวมไปถึงจะมีพื้นที่สีเขียวอยู่ระหว่างวงแหวนทั้งสอง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น “ปอดสีเขียว” ให้กับอาคาร

พื้นที่สีเขียวดังกล่าวถูกดีไซน์ให้เสมือนว่ารวมเอาธรรมชาติทั้งมวลมาไว้ในตึก ไม่ว่าจะเป็นโตรกผา ทะเลทราย หนองน้ำ และน้ำตก เพื่อจะกระตุ้นให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้งกันมากขึ้น และทำให้สุขภาพประชาชนดีขึ้น

อาคารนี้ยังออกแบบให้ยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง โดยจะมีพื้นที่เพื่อกักเก็บน้ำฝนนำมาใช้งานในอาคาร และติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อหล่อเลี้ยงด้านพลังงาน รวมถึงยังฟิลเตอร์ดักจับคาร์บอนเพื่อช่วยระบบนิเวศของเมืองด้วย

อาคารที่มีเส้นรอบวงถึง 3,000 เมตรและลอยบนฟ้า จะเดินทางไปมาในอาคารได้อย่างไร? คำตอบของดีไซเนอร์คือ การทำระบบขนส่งด้วย ‘พ็อด’ เป็นเหมือนรถไฟฟ้าแบบแขวนอยู่ด้านล่างของตัววงแหวน

แนวคิดการก่อสร้างเมืองหรืออาคารแบบใหม่ที่ฉีกแนวไปจากเดิม เพื่อแก้ปัญหาประชากรล้น เมืองเติบโตเร็ว ไม่ได้มีแค่ที่ดูไบ ก่อนหน้านี้ไม่นาน “ซาอุดีอาระเบีย” เพิ่งเรียกเสียงฮือฮาจากการทดลองดีไซน์เมืองใหม่ในชื่อ “The Line”

The Line ถูกออกแบบเป็นตึกสูง 2 อาคารประกบเข้าหากัน ที่น่าสนใจคือสองอาคารนี้จะยาวถึง 170 กิโลเมตรกลางทะเลทรายยาวไปจนถึงชายฝั่งทะเลแดง และมีพื้นผิวฝั่งด้านนอกเป็นกระจกเพื่อให้ตึกดูแนบเนียนไปกับทะเลทรายโดยรอบ ซาอุฯ คาดหวังว่าโปรเจกต์นี้จะจุประชากรได้ถึง 9 ล้านคน แต่แนวคิดที่ล้ำสมัยเช่นนี้ก็กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะมีผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ในทะเลทราย

ตึกวงแหวน Downtown Circle ยังไม่ได้มีการอนุมัติว่าจะก่อสร้างจริงเช่นกัน แต่การได้เห็นอนาคตสุดล้ำจากงานดีไซน์ ก็เป็นไปได้ว่ารูปแบบที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในทศวรรษหน้าอาจจะไม่เหมือนกับในวันนี้ก็ได้

Source

]]>
1397580
สวรรค์แห่งใหม่ของ “โอลิการ์ค” รัสเซีย: “ดูไบ” อ้าแขนต้อนรับ VIP ขนเงินหนีคว่ำบาตร https://positioningmag.com/1381479 Tue, 12 Apr 2022 10:28:59 +0000 https://positioningmag.com/?p=1381479 หลังการคว่ำบาตรของโลกตะวันตกต่อ “รัสเซีย” กลุ่ม “โอลิการ์ค” เศรษฐี VIP ที่ใกล้ชิดกับคณะรัฐบาลปูติน เริ่มเข้าซื้ออสังหาฯ และจอดเรือยอชต์หรูของตนใน “ดูไบ” สวรรค์แห่งใหม่ของคนรวยรัสเซีย

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 เป็นต้นมา สนามบินดูไบมีโอกาสได้ต้อนรับคนรัสเซียจำนวนมากที่หลั่งไหลกันเข้ามา และหลายๆ คนคือกลุ่ม ‘คนวงใน’ ของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

กลุ่ม VIP เหล่านี้ใช้ชีวิตได้ตามปกติในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศที่ไม่ยี่หระกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย หรือความพยายามของตะวันตกที่จะคว่ำบาตรรัสเซียให้จงได้ แต่กลับกัน พวกเขายินดีต้อนรับกลุ่มคนวงในของปูติน และอาจจะยินดีมากกว่าสถานที่อื่นๆ ในโลกด้วยซ้ำ จากการที่โอลิการ์ครัสเซียเหล่านี้จะมาพร้อมกับกระแสเงินที่นำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์และเก็บไว้ใน UAE

สำนักข่าว The Observer รายงานว่า เมื่อ UAE ไม่ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียตามตะวันตกและไม่กลัวความขัดแย้งกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ทั้งธนาคาร บริษัทอสังหาฯ เอเย่นต์รถยนต์ หรือท่าจอดเรือหรู ต่างรับคำสั่งซื้อบ้าน รถสปอร์ต และพื้นที่จอดเรือกันแบบมือเป็นระวิง

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม การซื้ออสังหาฯ หรือสินค้าหรูใน UAE ทางเศรษฐีรัสเซียก็ยังทำด้วยความระมัดระวัง โดยการชำระเงินผ่านสกุลเงินคริปโต หรือชำระเงินผ่านบริษัทคนกลางอีกทอดหนึ่งเพื่อให้ตรวจสอบได้ยากขึ้น แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่เศรษฐีรัสเซียบางรายซื้อสินค้าในดูไบโดยตรงจากบัญชีที่รัสเซียแบบไม่เกรงกลัวใดๆ

 

อสังหาฯ บูมสุดขีดจาก VIP รัสเซีย

เอเย่นต์ขายอสังหาฯ ในดูไบรายงานว่า ขณะนี้ตลาดอสังหาฯ ถือว่าเป็นขาขึ้นสุดๆ หลังจากนักลงทุนชาวรัสเซียแห่เข้ามาลงทุน บางคนซื้อสิทธิ์ขาด และบางคนเซ็นสัญญาเช่าระยะยาวพร้อมวางเงินล่วงหน้า 1 ปี

แม้แต่ “โรมัน อบราโมวิช” หนึ่งในคนวงในของปูตินที่ดังที่สุด เพราะเป็นอดีตเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชลซี มีข่าวลือเช่นกันว่าเขากำลังมองหาอสังหาฯ ระดับลักชัวรีที่ดูไบ จากการที่เครื่องบินเจ็ตของเขาบินเข้าออกบ่อยครั้ง และมีเรือยอชต์ที่สามารถสืบสาวไปถึงตัวเขาได้มาจอดพักอยู่ในท่าเรือแล้ว

Roman Abramovich
โรมัน อบราโมวิช (Photo by Clive Mason/Getty Images)

วิธีการลงทุนของอบราโมวิชถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้เขาเข้าไปสร้างอาณาจักรบ้านหรูที่เซนต์ บาร์ตส์ เกาะอาณานิคมของฝรั่งเศสในเขตทะเลแคริบเบียน และวิธีที่เขาทำให้อะไรๆ สะดวกขึ้นในการลงทุน คือการเข้าไปอุดหนุนเงินให้รัฐท้องถิ่นสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนนและที่จอดรถ

เอเย่นต์อสังหาฯ บางรายในดูไบเชื่อว่าโอลิการ์ครัสเซียน่าจะทำแบบเดียวกันที่ UAE เพื่อปฏิบัติตัวเป็น ‘เพื่อนบ้านที่ดี’ กับรัฐบาลท้องถิ่น

 

UAE เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคนรวย

แม้ว่าโอลิการ์คส่วนใหญ่จะใช้เครื่องบินเจ็ตส่วนตัวบินเข้าออก แต่เที่ยวบินพาณิชย์ปกติระหว่างดูไบกับมอสโควก็ไม่เคยหยุดบินเช่นกัน

ในหมู่นายธนาคาร โบรกเกอร์ และเศรษฐีทั่วโลก เป็นที่รู้กันดีว่า UAE มีสภาพแวดล้อมทางการลงทุนที่เปิดกว้าง เพราะถามคำถามน้อยมากเมื่อจะขนเงินเข้ามา

การได้สิทธิพำนักอาศัยและบัญชีธนาคารก็ง่ายเช่นกัน เพราะสามารถได้มาภายในเวลาแค่ 30 วันหลังจดทะเบียนบริษัท หากอยากได้สิทธิพำนักถาวร ก็แค่ซื้อสิทธิในราคาประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 50.5 ล้านบาท) ราคาเท่าๆ กับการซื้อวิลล่าสักหลังหนึ่งของเศรษฐีเหล่านี้

แม้แต่บริษัทที่ทำงานกับการบริหารทรัพย์สินให้ชาวรัสเซียยังย้ายตามกันมา เพราะการทำวีซ่าให้พนักงานที่สะดวก ตัวอย่างเช่น Goldman Sachs ธนาคารอเมริกันที่ประกาศปิดการดำเนินการในรัสเซีย แต่เดิมบริษัทมีพนักงานราว 80 คนในมอสโคว แต่หลังประกาศปิด พนักงานราวครึ่งหนึ่งถูกย้ายมาทำงานที่ดูไบแทน

เช่นเดียวกับ JP Morgan ที่กำลังย้ายพนักงานในมอสโควราว 160 คนมาดูไบ และแผนกบริหารทรัพย์สินของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอย่าง Rothschild แม้ว่าบริษัทจะหยุดรับลูกค้ารัสเซียรายใหม่แล้ว แต่มีข่าวว่าบริษัทมีการย้ายพนักงานในรัสเซียบางส่วนมาที่ UAE

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ UAE ต้อนรับรัสเซีย เกิดจากสถานะทางภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงหลังที่ดูเหมือนจะเกิดความบาดหมางระหว่าง UAE กับรัฐบาลสหรัฐฯ มากขึ้น ซึ่งทำให้ UAE เอนเอียงไปมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนและรัสเซียแทน และการต้อนรับโอลิการ์ครัสเซียครั้งนี้อาจจะเป็นสัญญาณให้สหรัฐฯ ทราบว่าดูไบไม่พึงพอใจ และพร้อมจะไปตามเส้นทางของตนเอง

ไม่ว่าเหตุผลจะเกิดจากอะไร แต่ขณะนี้ถนนใจกลางเมืองของดูไบเริ่มเห็นรถสปอร์ตกลับมาวิ่งกันอีกครั้ง หลายคันเป็นของทายาทเศรษฐีรัสเซีย และบรรดาครอบครัวเศรษฐีต่างเดินช้อปปิ้ง ถ่ายรูปคู่กับตึกเบิร์จ คาลิฟะ อย่างมีความสุข

Source

]]>
1381479
“ดูไบ” เริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยว 7 ก.ค.นี้ ต้องมีใบรับรองหรือพร้อมตรวจ COVID-19 ที่สนามบิน https://positioningmag.com/1284654 Mon, 22 Jun 2020 15:25:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1284654  “ดูไบเตรียมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 7 .. 2563 เป็นต้นไป โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะต้องแสดงใบรับรองแพทย์ที่ระบุผลการตรวจ COVID-19 เป็นลบ หรือพร้อมเข้ารับการตรวจเชื้อที่สนามบินดูไบ

ดูไบ เป็นเมืองสำคัญของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีเศรษฐกิจหลักพึ่งพาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและค้าปลีก ในปีที่เเล้วท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ มีนักเดินทางมาใช้บริการสูงถึง 16.7 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ดูไบต้องปิดรับนักท่องเที่ยวมาตั้งเเต่เดือน มี..ที่ผ่านมา ตามมาตรการสกัดการเเพร่ระบาดของ COVID-19

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง ทำให้บรรดาธุรกิจโรงแรม ห้างสรรพสินค้าและสถานบันเทิงในดูไบ เริ่มทยอยกลับมาเปิดทำให้บริการอีกครั้ง รวมไปถึงรัฐบาลได้อนุญาตให้ประชาชนเดินทางไปประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำได้ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการพิจารณา

โดยตั้งแต่วันที่ 7 .. 2563 เป็นต้นไป ดูไบจะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่จำเป็นต้องมีใบรับรองผลการตรวจ COVID-19 ว่ามีผลเป็นลบ หรือไม่พบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยจะต้องทำการทดสอบเเบบ PCR ด้วยความเเม่นยำสูงสุดภายใน 4 วัน (96 ชั่วโมง) ก่อนวันเดินทาง

ส่วนบุคคลที่ไม่มีใบรับรองก็สามารถเข้ารับการตรวจเชื้อที่สนามบินได้ และหากมาถึงแล้วพบว่าติดเเชื้อไวรัสดังกล่าว ก็จะต้องเข้ารับการกักกันโรคตามทางการกำหนด เบื้องต้น 14 วันพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนเอง

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องดาวน์โหลดแอป DXV COVID-19 และลงทะเบียนรายละเอียด รวมถึงจะต้องมีประกันสุขภาพที่ถูกต้อง

สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และจะเดินทางกลับเข้าประเทศ มีข้อกำหนดว่าทุกคนต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส ที่สนามบิน

 

ที่มา :  timeoutdubai , thenational

]]> 1284654