ท็อปส์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 16 May 2024 11:49:01 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เจาะแคมเปญ ‘สะสมแสตมป์’ จาก ‘ท็อปส์’ ที่ยังใช้ซื้อใจลูกค้าได้เสมอ https://positioningmag.com/1473929 Thu, 16 May 2024 07:18:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1473929 หากพูดถึงแคมเปญ สะสมแสตมป์ เพื่อใช้แลก ของพรีเมียม เป็นอีกกลยุทธ์ที่มักจะเห็นได้บ่อย ๆ จากเชนร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต ล่าสุด ท็อปส์ (Tops) ก็ออกแคมเปญสะสมแสตมป์กลับมาทำตลาดอีกครั้ง พร้อมกับมาเล่าให้ฟังว่าทำไมแคมเปญถึงได้ผลเสมอ

อินไซต์บอกเองว่าลูกค้าชอบ

จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาดประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จํากัด ได้เล่าว่า จากการทำสำรวจลูกค้าท็อปส์พบว่ากว่า 39% ชื่นชอบโปรโมชั่น และกว่า 25% ชื่นชอบแคมเปญการสะสมแต้มเพื่อแลกของรางวัล

โดยท็อปส์เคยทำแคมเปญสะสมแสตมป์ในปี 2013 ก่อนจะทำอีกครั้งในปีที่ผ่านมา โดยนำคาแรกเตอร์จาก KAKAO FRIENDS มาทำเป็นของพรีเมียมให้แลก ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 10% สามารถกระตุ้นจำนวนการซื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4% และเพิ่มจำนวนชิ้นของสินค้าได้เฉลี่ย 9%

แบรนด์ได้ลอยัลตี้

ไม่ใช่แค่ฝั่งลูกค้าที่ชื่นชอบ แต่ แบรนด์ เองก็ชอบกลยุทธ์นี้เช่นกัน เพราะถ้าสินค้าของแบรนด์นั้น ๆ แจกแสตมป์ ก็จะช่วยจูงใจลูกค้าให้ซื้อง่ายกว่า และเป็นไปได้ว่าจะซื้อในปริมาณมาก ๆ ซึ่งก็จะช่วยให้เกิดอยัลตี้ และเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่นยากมากขึ้น และลูกค้ายินดีที่จะจ่ายมากขึ้น

“แน่นอนว่ามีผู้บริโภคกลุ่มที่ชอบส่วนลด แต่แบรนด์มองว่าเขาสามารถให้ส่วนลดเองได้ ไม่จำเป็นต้องร่วมกับเราก็ได้ แต่พอเป็นการสะสมแสตมป์มันช่วยเรื่องลอยัลตี้ เพราะพฤติกรรมลูกค้าเขาจะดูเลยว่า สินค้าไหนให้แสตมป์เยอะ เขาก็จะซื้อสินค้านั้น ๆ ดังนั้น ตัวเลขการเติบโตของจำนวนสินค้า 9% เป็นแค่ค่าเฉลี่ย บางสินค้าโตได้ถึง 50%”

ของพรีเมียมตัวดึงฐานลูกค้าใหม่ ๆ

เพราะลูกค้าในปัจจุบันมองหา ความคุ้มค่า และ ความเอ็กซ์คลูซีฟ ดังนั้น ของพรีเมียมที่จะดึงดูดให้ลูกค้าสะสมต้องตอบโจทย์ความต้องการตรงนี้ได้ ดังนั้น ของพรีเมียมของท็อปส์จะต้อง ใช้ได้จริง คุณภาพดี และมีความเอ็กซ์คลูซีฟ ดังนั้น สินค้าทั้งหมดจะมีจำนวนจำกัด แต่มั่นใจว่าเพียงพอ

อีกส่วนสำคัญที่จะช่วยดึงดูด ลูกค้าใหม่ ๆ ก็คือ ศิลปิน ที่จะจะช่วยดึงฐานแฟนคลับให้มาสะสม โดยปีที่ผ่านมา ท็อปส์ได้คาแรกเตอร์จาก KAKAO FRIENDS แต่ปีนี้ท็อปส์เลือกจะใช้คาแรกเตอร์จาก 3 ศิลปินไทย โดยมีเป้าหมาย ดึงดูดลูกค้านิวเจน เนื่องจากฐานลูกค้าของท็อปส์ในปัจจุบัน 75.2% อยู่ในช่วงกลุ่ม Gen X และ Gen Y (25-54 ปี) 44% เป็นพนักงานออฟฟิศ โดยลูกค้าผู้หญิงเป็นสัดส่วนถึง 71.8% และผู้ชายมีสัดส่วน 28.2%

มั่นใจศิลปินไทยมั่นใจลูกค้าได้

จักรกฤษณ์ อธิบายว่า ที่ปีนี้ท็อปส์เลือกจับมือกับศิลปินไทยเพราะต้องการ สนับสนุนคนไทย ส่งเสริมความยั่งยืน อีกทั้งต้องการสร้างความแตกต่างจากตลาด และ 3 ศิลปินที่เลือกมาก็คัดแล้วว่ามีฐานแฟนคลับ มีความน่าสนใจ และมีความแตกต่างกันชัดเจน โดยจะมีทั้งความน่ารัก โฉบเฉี่ยว และอาร์ตในตัวเอง ได้แก่

  • Painterbell : เจ้าของผลงาน John Lulu and Friends ที่บอกเล่าเรื่องราวของคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนที่ร่วมมือร่วมใจกันใช้ชีวิตที่คํานึงถึงสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมโลก ผสมผสานกับลวดลายที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทย
  • Nui Wonderland : เจ้าของนิทรรศการ Nui in Wonderland ที่มีแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดความเป็นจริงของโลกที่กําลังเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในทุกๆ มิติ มีการสอดแทรกเอกลักษณ์ความเป็นไทยในคาแรกเตอร์ประจําตัวที่มีความยูนีค
  • ARTSTORY by Autistic Thai : กลุ่มศิลปินออทิสติกทั้ง 5 คน ที่ร่วมนําเสนอมุมมองที่แตกต่างในคอนเซ็ปต์ “The town of Galaxtica ประยุกต์ผลงานให้สะท้อนแนวคิดความยั่งยืน

มั่นใจดันยอดโต 2 หลัก และขยายฐาน Gen Z

สำหรับแคมเปญในครั้งนี้ ท็อปส์มองว่าจะช่วยสร้างการเติบโตได้ 2 หลัก และช่วยดึงลูกค้าใหม่ในกลุ่ม Gen Z มาเอนเกจกับแบรนด์มากขึ้น อีกทั้ง แคมเปญนี้จะมาช่วยเพิ่มความตื่นเต้น ความสนุก ให้กับช่วงไตรมาส 2 ที่ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากผู้บริโภคจับจ่ายในช่วงสงกรานต์ รวมถึงต้องประหยัดเงินเพื่อใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม

“ช่วงนี้ถือว่าท้าทาย ดังนั้น เราจะทำอย่างไรเพื่อรักษาและขยายฐาน เพิ่มความตื่นเต้น ความสนุกในช่วงนี้ จึงเป็นที่มาของแคมเปญนี้”

สำหรับแคมเปญนี้ ท็อปส์ทุกสาขาเข้าร่วมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Tops, Tops Daily, Tops Food Hall และ Tops Fine Food โดยลูกค้าที่เป็นสมาชิก The1 ช้อปครบทุก 100 บาทต่อใบเสร็จ รับ e-stamp 1 ดวง หรือรับแสตมป์เพิ่มเติม ได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 6 สิงหาคม 2567 และสามารถแลกของสะสมได้ถึงวันที่ 13 สิงหาคม 2567

โดยแบ่งระยะเวลาแลกสินค้าคอลเลกชันของศิลปินเป็น 3 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 แลกซื้อสินค้าคอลเลกชันจากศิลปิน Painterbell ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม – 13 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด รอบที่ 2 แลกซื้อสินค้าคอลเลกชันจากศิลปิน Nui Wonderland ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน – 13 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด และรอบที่ 3 แลกซื้อสินค้าคอลเลกชันจากศิลปิน ARTSTORY by Autistic Thai ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

]]>
1473929
กลยุทธ์ “ท็อปส์” จับกลุ่มลูกค้าลอยัลตี้ โหมช้อปออนไลน์ด้วย “ท็อปส์ ไพร์ม” เหมาค่าส่งรายเดือน https://positioningmag.com/1442943 Thu, 31 Aug 2023 04:34:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1442943 27 ปีของ “ท็อปส์” ในประเทศไทย ยืนระยะได้ด้วยการจับกลุ่มลูกค้าลอยัลตี้อยู่หมัด ปัจจุบันยอดขาย 70% มาจากลูกค้าสมาชิก พร้อมปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมช้อปออนไลน์ โปรแกรม “ท็อปส์ ไพร์ม” เหมาค่าจัดส่งเดลิเวอรีรายเดือนได้ผลดี หลังเปิดมากว่า 1 ปีจำนวนสมาชิกโตเฉลี่ย 19% ทุกเดือน

“ท็อปส์” แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเซ็นทรัล รีเทล ฉลองครบรอบ 27 ปีในประเทศไทย เติบโตจนถึงปัจจุบันมีสาขารวมเกือบ 700 สาขา แบ่งเป็น Tops Supermarket 137 สาขา, Tops Food Hall 16 สาขา, Tops Fine Food 2 สาขา, Tops Club 1 สาขา และ Tops Daily 534 สาขา (*รวมสาขาที่กำลังรีแบรนด์จาก Family Mart แล้ว) รวมถึงมีช่องทางอีคอมเมิร์ซผ่าน Tops Online

“จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เปิดเผยสถิติของ “ท็อปส์” จากฐานสมาชิก The1 ปัจจุบันมีกว่า 8 ล้านราย ในจำนวนนี้มีลูกค้า 6 แสนรายที่สมัครสมาชิกต่อเนื่องกับท็อปส์มาตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการเปิดระบบ CRM เมื่อ 2 ทศวรรษก่อน สะท้อนให้เห็นว่าท็อปส์สามารถสร้าง “ลอยัลตี้” ในกลุ่มลูกค้าได้ดี

ท็อปส์

โดยกลุ่มลูกค้าลอยัลตี้ถือว่าสำคัญมากกับท็อปส์ เนื่องจากปัจจุบันยอดขาย 70% ของท็อปส์มาจากลูกค้าสมาชิก และกลุ่มลูกค้าสมาชิกจะมียอดซื้อต่อครั้ง (basket size) สูงกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 59% รวมถึงมาช้อปปิ้งกับท็อปส์บ่อยกว่า โดยมาช้อปเฉลี่ย 2 ครั้งต่อสัปดาห์

จักรกฤษณ์มองว่า ท็อปส์สามารถครองใจผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ได้มาจากจุดแข็งหลายด้าน ได้แก่

  • วางตำแหน่งทางการตลาดเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งสินค้านำเข้า โดยมีสินค้านำเข้ากว่า 15,000 รายการ หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของสินค้าที่วางจำหน่าย และนำเข้ามาจากหลายแหล่งกว่า 20 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อิตาลี ฝรั่งเศส
  • ราคาดีทุกวัน มีโปรโมชันอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะโปรโมชันสำหรับกลุ่มสมาชิก
  • ฟังเสียงลูกค้าจากการวิเคราะห์ดาต้า (Data-Driven) ทำให้การจัดหาสินค้าเข้ามาตรงใจผู้บริโภค รวมถึงพัฒนาบริการได้แบบเฉพาะเจาะจง เช่น ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ มาร์เช่ ทองหล่อ ตัดสินใจเปิดเป็นสาขา 24 ชั่วโมง จากการศึกษาพฤติกรรมของคนในย่าน

ท็อปส์

 

“ท็อปส์ ไพร์ม” โปรแกรมรองรับโลกแห่ง Omnichannel

การฟังเสียงลูกค้าของท็อปส์ทำให้เกิดการปรับตัวเข้าสู่โลกแห่ง Omnichannel ขยับตัวไปพร้อมกับนโยบายใหญ่ของทั้งเครือเซ็นทรัลที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ทั้งออฟไลน์-ออนไลน์

จักรกฤษณ์ระบุว่า ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ขึ้น ลูกค้ามีพฤติกรรมการช้อปแบบ Omnichannel มากขึ้น วิธีการช้อปไม่ตายตัวและไม่แบ่งแยกชัดเจน การจะซื้อออฟไลน์หรือออนไลน์ขึ้นอยู่กับ ‘โมเมนต์’ นั้นๆ ของลูกค้าสะดวกแบบไหน ดังนั้น ท็อปส์ต้องพร้อมตอบโจทย์ได้ทุกโมเมนต์ของลูกค้า

“จักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด

ในแง่ของช่องทางออนไลน์ ท็อปส์จึงพัฒนาโปรแกรมเดลิเวอรีขึ้นมาในชื่อ “ท็อปส์ ไพร์ม” เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน 2565 โปรแกรมนี้เป็นแพ็กเกจเหมาจ่ายค่าจัดส่งรายเดือน เดือนละ 99 บาท ส่งไม่อั้นไม่จำกัดรอบ แต่กำหนดขั้นต่ำค่าสินค้า 250 บาทต่อรอบจัดส่ง

หลังเปิดตัวมา ท็อปส์ ไพร์มได้รับผลตอบรับที่ดี มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 19% ทุกเดือน (ท็อปส์ขอสงวนไม่เปิดเผยจำนวนสมาชิกโปรแกรมนี้) และทำให้ลูกค้าช้อปกับท็อปส์ ‘ถี่ขึ้น’ มากกว่า 70% รวมถึงทำให้ยอดขายต่อคนเพิ่มขึ้น 20%

“โปรแกรมนี้เหมาะมากกับลูกค้าที่ชอบซื้อของทีละน้อยแต่ซื้อบ่อย เป็นคนรักความสะดวกแบบนึกขึ้นได้ว่ามีของที่ต้องการก็สั่งได้เลย” จักรกฤษณ์กล่าว

สำหรับสินค้าที่สมาชิกท็อปส์ ไพร์มนิยมสั่งมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1.เครื่องดื่ม 2.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 3.ผักผลไม้ 4.วัตถุดิบและเครื่องปรุงทำอาหาร และ 5.ของใช้ภายในบ้าน

ถือเป็นโปรแกรมสร้างลอยัลตี้ที่น่าสนใจ ช่วยดึงลูกค้าที่มีพฤติกรรมชอบสั่งเดลิเวอรีให้เลือกสั่งกับท็อปส์แบบเหมารายเดือน แทนที่จะกระจายเม็ดเงินและโอกาสที่จะเสียลูกค้าให้คู่แข่ง หากลูกค้าเปิดแอปพลิเคชันเดลิเวอรีอื่นๆ

ทั้งนี้ ในโอกาสฉลองครบรอบ 27 ปีของท็อปส์ ท็อปส์มีแคมเปญ “Every Day HAPPINESS ค้นพบความสุขที่ไม่ธรรมดา” เปิดดีลพิเศษ เช่น ดีลสินค้าราคาพิเศษ 27 รายการ, สินค้าราคาเริ่มต้น 27 บาท, สมาชิก The1 ช้อปครบ 500 บาทต่อใบเสร็จ รับคะแนนเพิ่ม 27 เท่า (เฉพาะ 100 คนแรกต่อวัน), รับคูปองส่วนลดสูงสุด 27% เมื่อช้อปครบ 600 บาทต่อใบเสร็จ แคมเปญนี้จัดที่ท็อปส์ทุกสาขา รวมถึง Tops Online ตั้งแต่วันนี้ – 10 ตุลาคม 2566

]]>
1442943
เปิดแผนขยายสาขา “เซ็นทรัล รีเทล” ปี 2566 ปูพรม “ท็อปส์” ในไทย “Go!” บุกต่อเวียดนาม https://positioningmag.com/1418030 Mon, 06 Feb 2023 09:05:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1418030
  • “เซ็นทรัล รีเทล” (CRC) ประกาศผลประกอบการปี 2565 รายได้เติบโตมากกว่า 20% ผลักดันรายได้จาก Omnichanel สัดส่วนแตะ 18%
  • ปี 2566 เตรียมอัดงบลงทุน 28,000 ล้านบาท ขยายสาขาทุกหมวดธุรกิจทั้งในไทยและเวียดนาม เล็งตลาดเวียดนามสดใส โมเดิร์นเทรดยังโตได้อีก 4 เท่า
  • ครึ่งปีหลังมีเซอร์ไพรส์ เปิดตัวธุรกิจใหม่ในประเทศไทย และจะส่งเข้าสู่ตลาดเวียดนามด้วย โดยเป็นธุรกิจที่ ‘ขยายตัวได้สูง’
  • “ญนน์ โภคทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC สรุปผลการดำเนินงานปี 2565 ทำรายได้เติบโต 20% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ และใช้งบลงทุนไป 18,000-20,000 ล้านบาท

    เซ็นทรัล รีเทล 2566
    “ญนน์ โภคทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC

    สัดส่วนรายได้ 18% ยังมาจากการขายผ่าน Omnichannel ที่เซ็นทรัล รีเทลผลักดันมาตลอดและมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีสูง มีการปรับปรุงหลังบ้านใหม่ทั้งหมด

    ญนน์มองว่าตัวเลข 18% เป็นสัดส่วนการขายที่น่าพึงพอใจ สามารถกล่าวได้ว่า CRC ปรับตัวมาเป็นรีเทลแบบ Omnichannel ได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมก้าวสู่อนาคตค้าปลีกที่ผู้บริโภคน่าจะใช้ช่องทางผสมผสานเช่นนี้มากยิ่งขึ้น คาดว่าสัดส่วนจาก Omnichannel จะขึ้นไปถึง 25% ภายใน 5 ปี

    “สิ่งที่เราจะขายไม่ใช่แค่สินค้า แต่ต้องเป็น ‘Total Solutions’ ต้องมีบริการที่ดี และประสบการณ์ที่ดีด้วย ไม่ใช่การฟาดฟันเรื่องราคาเท่านั้น” ญนน์ฉายภาพวิสัยทัศน์การขายแบบ Omnichannel ที่เซ็นทรัล รีเทลกำลังเดินไป

     

    ปี 2566 เตรียมงบลงทุน 28,000 ล้าน รับตลาดฟื้น

    ด้านแผนการลงทุนค้าปลีกแบบ “กายภาพ” ของปี 2566 เซ็นทรัล รีเทล เตรียมงบลงทุนไว้ 28,000 ล้านบาท ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุน 150,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (2566-2570)

    งบดังกล่าวจะมีการลงทุนสาขาใหม่ แบ่งตามประเทศและแบรนด์รีเทล ดังนี้

    ประเทศไทย

    • เซ็นทรัล ดีพาร์ทเมนต์สโตร์ 2 สาขา
    • ไทวัสดุ และ ไทวัสดุ ไฮบริด ฟอร์แมท 10 สาขา
    • ท็อปส์ 15 สาขา

    ประเทศเวียดนาม

    • ศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! รวม 5-7 สาขา
    • ซูเปอร์มาร์เก็ต Tops Market และ Mini go! รวม 8-10 สาขา
    • เหงียนคิม 5 สาขา และรีโนเวตใหม่ 10-12 สาขา

    เม็ดเงินลงทุนแบ่งเป็นในประเทศไทยราว 70-75% และในต่างประเทศ 25-30%

    ปีนี้ “ท็อปส์” จะมีการขยาย 15 สาขาในไทย

    ญนน์ยังแย้มด้วยว่า ครึ่งปีหลังปีนี้ CRC จะมีการเปิดธุรกิจใหม่ที่ ‘ขยายตัวได้สูง’ โดยจะเริ่มเปิดที่ประเทศไทยก่อน และจะส่งเข้าประเทศเวียดนามต่อเนื่อง ขณะนี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของธุรกิจใหม่

     

    โอกาสในเวียดนามสดใส โมเดิร์นเทรดโตได้อีก 4 เท่า

    สำหรับตลาดเวียดนามถือเป็นตลาดสำคัญของเซ็นทรัล รีเทลหลังเข้าไปบุกตลาดมานาน 10 ปี ญนน์กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มเซ็นทรัลถือเป็นผู้เล่นจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดในธุรกิจค้าปลีกเวียดนาม โดยมีการเปิดธุรกิจไปแล้ว 41 จังหวัด ครอบคลุม 70% ของตลาด และต้องการจะไปให้ครบ 100%

    กลยุทธ์การบุกเวียดนามของ CRC ใช้กลุ่มฟู้ดเป็นตัวนำทางด้วยแบรนด์ GO! ซึ่งเป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตและศูนย์การค้า และปีนี้จะยิ่งแทรกซึมเข้าไปในตลาดท้องถิ่น ด้วยการเปิดแบรนด์ Mini go! เป็นซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมทั้งโมเดลลงทุนที่ดินเองหรือจับมือกับแลนด์ลอร์ดเพื่อเปิดสาขา

    แบรนด์ Go!
    Go! Mall ประเทศเวียดนาม

    ญนน์ระบุว่า ตลาดค้าปลีกเวียดนามยังเป็นตลาดของค้าปลีกดั้งเดิม (TT) เป็นส่วนใหญ่ สัดส่วนของโมเดิร์นเทรดยังมีแค่ 5% เท่านั้น ทำให้โอกาสในเวียดนามยังมีอีกสูงมาก เชื่อว่าตลาดจะโตกว่านี้ได้อีกอย่างน้อย 4 เท่า หรือมีโมเดิร์นเทรดเป็นสัดส่วน 20-30% ของตลาดค้าปลีกภายใน 10 ปีข้างหน้า

     

    รายได้รวม “เซ็นทรัล รีเทล” โตต่อ 12-15%

    รายได้ปีก่อนโตพุ่ง 20% แต่ปี 2566 ญนน์มองว่ารายได้เซ็นทรัล รีเทลยังโตได้อีก 12-15% และวางเป้า EBITDA เติบโต 18-20%

    การเติบโตเหล่านี้มาจากเศรษฐกิจไทยที่น่าจะปรับตัวดีขึ้น คาดการณ์จีดีพีไทยจะเติบโตไม่น้อยกว่า 3% ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจค้าปลีกโตได้ 6-8% และปีนี้ไทยยังจะมีการเลือกตั้งด้วยซึ่งปกติมักจะส่งให้เศรษฐกิจเดินสะพัด

    ในขณะที่กลุ่มลูกค้าเซ็นทรัล รีเทลเป็นลูกค้าระดับกลางถึงบนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมาน้อยกว่า และยังมีทำเลที่รับนักท่องเที่ยวด้วย เช่น ย่านซีบีดีของกรุงเทพฯ, พัทยา, ภูเก็ต, เกาะสมุย ถือเป็นรายได้เพิ่มเติมเข้ามา

    โรบินสันไลฟ์สไตล์ บ้านฉาง หลังปรับปรุงใหม่

    นอกจากนี้ เซ็นทรัล รีเทลมีการกระจายตลาดไปในต่างประเทศ คือ เวียดนาม และ อิตาลี (ห้างฯ รีนาเชนเต้) ซึ่งในเวียดนามนั้นเป็นดาวรุ่งทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว ส่วนในอิตาลีนั้นค้าปลีกกลุ่มลักชัวรีฟื้นตัวได้ดีมาก

    ภาพรวมปี 2566 จึงน่าจะสดใสสำหรับเซ็นทรัล รีเทล วัดจากเดือนมกราคมปีนี้ ญนน์กล่าวว่าบริษัททำรายได้ได้ตามเป้าที่วางกรอบการเติบโต 12-15% ส่วนหนึ่งมาจากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา และมีแรงกระตุ้นจากโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ช่วยดันยอดได้ 2-3%

    “ยุทธศาสตร์ของเราสั้นๆ คือ สิ่งไหนที่เราเป็นเบอร์ 1 เราจะยึดตำแหน่งนั้นต่อไป สิ่งไหนที่เรายังไม่เป็นเบอร์ 1 เราจะต้องทำให้ได้” ญนน์กล่าว

    ]]>
    1418030
    “ท็อปส์” ขอโตนอกเครือเซ็นทรัล ปักหมุดคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ ลดความเสี่ยงปิดห้างฯ https://positioningmag.com/1377015 Thu, 10 Mar 2022 16:16:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1377015 ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดแผนเน้นขยายสาขาตามคอมมูนิตี้มอลล์เปิดใหม่ จับโลเคชั่นในกรุงเทพฯ เป็นหลัก ไม่ยึดติดกับการเปิดสาขาไปกับศูนย์การค้าของเครือเซ็นทรัล ล่าสุดเปิดสาขา 130 ที่โรบินสัน บ้านฉาง จ.ระยอง รับดีมานด์กำลังซื้อย่านตะวันออก

    ขยายแต่ “ท็อปส์ มาร์เก็ต” จับโลเคชั่นคอมมูนิตี้มอลล์

    ในบรรดาธุรกิจค้าปลีก กลุ่มตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตดูเหมือนว่าจะมีทิศทางที่ดีที่สุด ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างมีกำลังซื้อ อีกทั้งในช่วงที่มีมาตรการล็อกดาวน์ ก็เป็นกลุ่มเดียวที่ยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ทำให้ได้เห็นแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตในไทยยังคงเดินหน้าขยายสาขาอยู่ตลอด

    “ท็อปส์ (Tops)” แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตสังกัด บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีแผนขยายสาขา ไม่มีการชะลอการลงทุน ในปีนี้คาดการณ์เปิดเพิ่มอีก 15 สาขา จากปกติปีก่อนๆ เปิดเฉลี่ย 8 สาขาเท่านั้น โดยที่เป็นโมเดลท็อปส์ มาร์เก็ตอย่างเดียว จะชะลอการลงทุนในโมเดลอื่นๆ

    ท็อปส์มีสาขา 4 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

    • ท็อปส์ มาร์เก็ต (Tops Market) เซ็กเมนต์พรีเมียม ทำเลในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยว
    • ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ (Tops Super Store) เน้นทำเลต่างจังหวัด จับกลุม่ลูกค้าระดับกลาง ปัจจุบันมี 5 สาขา
    • ท็อปส์ พลาซ่า (Tops Plaza) โมเดลศูนย์การค้า มี 5 สาขา
    • ท็อปส์ เดลี่ (Tops Daily) ร้านสะดวกซื้อ
    • รวมไปถึง Tops Online ช่องทางอีคอมเมิร์ซ

    แผนของท็อปส์ในปีนี้ยังคงขยายสาขา เน้นทำเลในกรุงเทพฯ โดยที่ไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องไปกับศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล แต่จะไปกับผู้พัฒนาโครงการใหม่ๆ ในกรุงเทพฯ ยังมีคอมมูนิตี้ผุดขึ้นอีกหลายโครงการ และส่วนใหญ่เป็นโครงการแบบโลคอล หรือเฉพาะจุดนั้นๆ ไม่ได้มีหลายสาขา

    สุจิตา เพ็งอุ่น

    สุจิตา เพ็งอุ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายปฏิบัติการ -Large Format บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เริ่มเล่าว่า

    “ปีนี้ท็อปส์ขยายเพิ่มอีก 15 สาขา มากกว่า 50% ขยายไปตามคอมมูนิตี้ต่างๆ ยังคงให้ความสำคัญกับพื้นที่กทม. แต่เข้าถึงชุมชนมากขึ้น ไม่ต้องไปกับช้อปปิ้งมอลล์ใหญ่ๆ ไม่ต้องรอโครงการของ CRC ไปกับ Developer ใหม่ๆ เป็นเทรนด์ในช่วง COVID-19 ด้วย จากแต่ก่อนเปิดแต่ไซส์ใหญ่ ตอนนี้จะให้คืนทุนเร็วต้องไซส์เล็กลง ส่วนใหญ่จะขยายขนาด S กับ M มากขึ้น”

    การเปิดสาขาในคอมมูนิตี้มอลล์ใหม่ๆ นอกจากจะเป็นโอกาสในการขยายสาขาได้เร็วมากขึ้นแล้ว ยังมีปัจจัยในเรื่องลดความเสี่ยงที่จะเจอมาตรการปิดศูนย์การค้าอีก เพราะคอมมูนิตี้มอลล์ยังสามารถเปิดให้บริการได้ ถ้าเจอมาตรการล็อกดาวน์ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็อยู่ในชุมชน สามารถใช้บริการได้สะดวก

    ปัจจุบันท็อปส์มีสขาทั้งหมด 130 สาขา อยู่ในโครงการของ CRC 50% และโครงการอื่นๆ 50% มีสาขาในกทม. 70 สาขา ต่างจังหวัด 60 สาขา โดยเฉลี่ยแล้วสาขาของท็อปส์มีพื้นที่ 900-4,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นขนาด S M L

    โซนตะวันออกทำเลศักยภาพ

    ล่าสุดท็อปส์ได้เปิดท็อปส์ มาร์เก็ต โรบินสัน บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นสาขาที่ 130 ถือว่าเป็นสาขาที่ 2 ในจ.ระยอง สาขาแรกตั้งอยู่เซ็นทรัล ระยอง มีระยะทางห่างกัน 30 กิโลเมตร

    สาขานี้ตั้งอยู่ในโรบินสัน บ้านฉาง มีพื้นที่ 1,500 ตารางเมตร ใช้งบลงทุน 45 ล้านบาท การเปิดสาขาที่ 2 นี้ เป็นการบุกเมืองรองโซนตะวันออก เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพทั้งการท่องเที่ยว และมีนิคมอุตสาหกรรมเยอะ

    สุจิตาบอกถึงศักยภาพของจังหวัดระยองใน 4 ด้าน

    1. ทำเลทองฝั่งตะวันออก ด้วยพิกัดที่ตั้งของจังหวัดระยองที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ มีนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำจำนวนมาก รวมถึงเป็น 1 ในกลุ่มจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง
    2. ดีมานด์ผู้บริโภคย่านตะวันออก ด้วยศักยภาพและกำลังซื้อของผู้บริโภคภายในจังหวัด และพื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงการมีผู้เยี่ยมเยือนในเดือนมกราคม 2565 เป็นจำนวนถึง 1.61 แสนคน ซึ่งเติบโตจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาถึง 309.73% (ข้อมูลจาก สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศรายจังหวัด ปี 2565, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา)
    3. แผนพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดระยอง จากรายงานประมาณการเศรษฐกิจจังหวัดระยอง ปี 2564 ระบุว่า ทางจังหวัดมีแผนดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการร่วมกันระหว่างรัฐ-ท้องถิ่น และเอกชนอย่างตลาดลานโพธิ์นาเกลือ เป็นต้น
    4. กำลังซื้อของผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าท็อปส์ มาร์เก็ต ระยอง จากฐานข้อมูลเดอะวันพบว่าใช้บริการเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซื้อสินค้าโดยเฉลี่ยมากกว่า 700 บาทต่อครั้ง ถือว่าสูงกว่าที่อื่นที่เฉลี่ย 400 บาท/ครั้ง กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Gen X และ Y ซึ่งเป็นกลุ่มคนทำงานเป็นหลัก

    ในปี 2564 ท็อปส์มีรายได้เติบโต 1% ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 5% มองว่าภาพรวมของตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ได้เติบโตมากนัก แต่สุจิตาบอกว่าในช่วง 2 เดือนของปี 2565 เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยดี ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ในสภาวะเงินเฟ้อ กำลังซื้อของผู้บริโภคจะลดลงหรือไม่

    ]]>
    1377015