สื่อนอก South China Morning Post รายงาน “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” เทกโอเวอร์เชนซูเปอร์มาร์เก็ต “AbouThai” 24 สาขาบนเกาะฮ่องกงสำเร็จ และเตรียมรีแบรนด์เปลี่ยนมาใช้ชื่อ “Big C” พร้อมวางแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงควบคู่กับการจดทะเบียนในไทย
South China Morning Post สัมภาษณ์พิเศษ “อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ซีอีโอและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BRC โดยอัศวินเปิดเผยว่า บริษัทเข้าซื้อกิจการเชนซูเปอร์มาร์เก็ต “AbouThai” ที่มีการดำเนินธุรกิจอยู่ 24 สาขาในฮ่องกงเรียบร้อยแล้ว และบริษัทจะรีแบรนด์เปลี่ยนชื่อเป็น “Big C” เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนนี้
“เราเชื่อมั่นในอนาคตและศักยภาพการเติบโตของฮ่องกง” อัศวินกล่าว “แม้ว่าจะมีความท้าทายบ้างจากโควิด-19 แต่ฮ่องกงก็ฟื้นตัวกลับมาได้เร็ว ฮ่องกงเป็นฮับด้านการเงินชั้นนำของเอเชียและเชื่อมโยงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ได้”
ปัจจุบันบิ๊กซีมีธุรกิจรีเทลกว่า 2,000 สาขาภายใต้แบรนด์หลากหลาย และดำเนินการในหลายประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ส่วนฮ่องกงนั้นถือเป็นพื้นที่นอกเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งแรงที่บิ๊กซีเข้าไปลงทุน
สำหรับการเข้าซื้อกิจการ AbouThai นั้น บิ๊กซีไม่ได้เปิดเผยมูลค่าการลงทุน แต่อัศวินกล่าวว่า บริษัทมีการวางงบใน 3 ปีข้างหน้าไว้ 158 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 704 ล้านบาท) เพื่อขยายบิ๊กซีเพิ่มอีก 25 สาขาต่อปี และจะทำให้บริษัทมีบิ๊กซีบนเกาะฮ่องกงครบ 99 สาขาภายในปี 2569 รวมถึงมีการจ้างงานพนักงานกว่า 500 ตำแหน่ง
“99 เป็นเลขนำโชค ในวัฒนธรรมจีนหมายถึงอายุยืนยาว” อัศวินกล่าว “เรายังมีวิสัยทัศน์ระยะยาวในฮ่องกงด้วย โดยเราจะเปลี่ยน Big C ให้เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตไทยระดับพรีเมียมที่ดีที่สุด”
อัศวินยังบอกด้วยว่า บริษัทมีแผนจะจดทะเบียนควบ (dual listing) ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก่อนหน้านี้ BRC มีการยื่นไฟลิ่งกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน 2566 และบริษัทกำลังวางแผนที่จะยื่นไฟลิ่งในฮ่องกงด้วย
โดยบริษัทหวังว่าจะยื่นไฟลิ่งในฮ่องกงได้เร็วที่สุดคือภายในไตรมาส 4 ปีนี้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทางตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ อัศวินขอยังไม่ให้ความเห็นว่าจะระดมทุนจากตลาดหุ้นฮ่องกงเท่าไหร่ แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่า บิ๊กซีสามารถระดมทุนได้มากที่สุดคือ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณกว่า 34,000 ล้านบาท)
“การได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงจะช่วยกรุยทางสู่โอกาสในอนาคตในการร่วมงานกับบริษัทชั้นนำอื่นๆ ที่จดทะเบียนอยู่ในฮ่องกง” อัศวินกล่าว “ปริมาณการซื้อขายของตลาดฮ่องกงและการเปิดโอกาสสู่นักลงทุนจีนและนักลงทุนระดับสากล ทำให้เป็นโลเคชันในอุดมคติที่ BRC จะจดทะเบียนในต่างแดน”
- “บิ๊กซี” จ่อเข้าตลาดหุ้น เปิดแผนลงทุน’66-67 ปีละ 1 หมื่นล้าน ตั้งเป้าเป็นโมเดิร์นเทรดเบอร์ 1 อาเซียน
- “บิ๊กซี” รีโนเวตไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็น “Big C Place” เริ่ม 2 สาขาแรกที่ “ลำลูกกา” – “รัชดาฯ”
ตระกูลสิริวัฒนภักดีนั้นมีสำนักงานครอบครัวตั้งอยู่ในฮ่องกงมานานหลายปี เพื่อเป็นช่องทางในการลงทุนมาตลอด
“ทั้งพ่อตาของผม (เจริญ สิริวัฒนภักดี) และตัวผมเองนั้นมีบรรพบุรุษเป็นคนจีน” อัศวินกล่าว “เราพูดภาษาจีนกันในบ้าน ลูกๆ ของผมทั้งสามคนพูดจีนกลาง เราเดินทางมาเที่ยวและทานอาหารที่ฮ่องกงกันตลอด และมีความทรงจำดีๆ ที่นี่”
ที่มา: South China Morning Post