“บิ๊กซี” จ่อเข้าตลาดหุ้น เปิดแผนลงทุน’66-67 ปีละ 1 หมื่นล้าน ตั้งเป้าเป็นโมเดิร์นเทรดเบอร์ 1 อาเซียน

  • BRC เจ้าของธุรกิจ “บิ๊กซี” เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลุ้นเปิด IPO ได้ภายในปี 2566
  • แผนการลงทุนปี 2566-67 เตรียมงบลงทุนเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อรีโนเวตและเปิดสาขาใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ
  • วางเป้าขยายการเติบโตในประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 20-40% โดยต้องการขึ้นเป็นเบอร์ 1 โมเดิร์นเทรดในอาเซียน

บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ BRC ประกาศไปเมื่อช่วงต้นปี 2566 ว่าบริษัทกำลังจะกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง หลังจาก “บิ๊กซี” เคยถอนหุ้นออกจากตลาดไปเมื่อปี 2560 โดยขณะนี้บริษัท BRC ได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้วเรียบร้อย อยู่ระหว่างรอเปิด IPO

“อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BRC ยังไม่สามารถแจ้งกำหนดการเปิด IPO ได้อย่างชัดเจน แต่แย้มว่ามี ‘ลุ้น’ น่าจะทันภายในปี 2566

บิ๊กซี
“อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ BRC และ “ดุษณี เมอร์ลิง” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน BRC

ในระหว่างนี้ BRC จึงอยู่ในช่วงทำการสื่อสารกับสังคมถึงกลยุทธ์ธุรกิจหลังกลับเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทจะเติบโตไปอย่างไรบ้าง

ย้ำกันอีกครั้งถึงภาพธุรกิจของบิ๊กซี ถือเป็นบริษัทเรือธงในกลุ่มบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC และกลุ่มบริษัท ไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ TCC

ประวัติของบิ๊กซีเคยถูกซื้อขายเปลี่ยนมือมาแล้วหลายครั้ง แต่หลังจากมาอยู่ในมือตระกูลสิริวัฒนภักดี ปัจจุบันบิ๊กซีสามารถขยายตัวจนมีธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) รวม 1,741 สาขาทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยแบ่งเป็นประเภทร้านค้าขนาดใหญ่ 200 สาขา, ประเภทร้านค้าขนาดเล็ก 1,518 สาขา และประเภทอื่นๆ เช่น ตลาดนัด, บิ๊กซี ฟู้ด เซอร์วิส, บิ๊กซี ดีโป้ รวม 23 สาขา รวมถึงมีธุรกิจประเภทค้าส่ง และธุรกิจอื่น เช่น ร้านขายยาเพรียว, ร้านกาแฟวาวี, ร้านหนังสือเอเชียบุ๊คส

BRC บิ๊กซี

ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนรอบวันที่ 7 มิ.ย. 2566 อัศวินแนะนำจุดเด่นและพื้นฐานที่แข็งแรงของ BRC ไว้หลายข้อ เช่น

  • “บิ๊กซี” มีส่วนแบ่งตลาด 41.9% ในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตของไทย ถือเป็นเบอร์ 2 ของตลาด (เบอร์ 1 ของธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ 56.6%)
  • มีส่วนแบ่งตลาดธุรกิจให้เช่าพื้นที่ในไทยถึง 47% เนื่องจาก BRC ไม่มีการขายสินทรัพย์เข้าสู่กองรีท
  • ปัจจุบันมีสมาชิกระบบ Big Point จำนวน 18 ล้านราย และมีอัตราการแลกคะแนนเป็นประจำ 60-70% ของจำนวนสมาชิก
  • มีฐานการค้าในประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม
  • มีระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ที่แข็งแรง เนื่องจากอยู่ในเครือ BJC และกลุ่ม TCC

เมื่อปี 2565 บริษัท BRC ทำรายได้ไป 113,573 ล้านบาท และมี EBITDA มูลค่า 11,511 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรา 10.5% จึงนับเป็นบริษัทใหญ่ที่น่าสนใจที่จะเข้า IPO

 

ปี 2566-67 วางงบลงทุนปีละ 1 หมื่นล้าน

“ดุษณี เมอร์ลิง” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน BRC เปิดแผนลงทุนปี 2566-67 ของบริษัท วางแผนลงทุนเฉลี่ยปีละ 10,000 ล้านบาท

แบ่งสัดส่วนการลงทุนโดยคร่าว 23% จะเป็นการรีโนเวตสาขาเดิม 20% ลงทุนในประเภทร้านค้าขนาดใหญ่ (ไฮเปอร์มาร์เก็ต) 17% ลงทุนในร้านค้าขนาดเล็ก (บิ๊กซี มินิ) 11% ลงทุนในบิ๊กซี ฟู้ด เซอร์วิส และอีก 8-10% ลงทุนในตลาดต่างประเทศ

บิ๊กซี BRC

ก่อนหน้านี้ BRC เคยให้ข่าวไว้ว่า ในตลาดไทยปี 2566 จะเปิดสาขาประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ตรวม 3 สาขา และเปิดบิ๊กซี มินิอีก 100-200 สาขา รวมถึงมีการรีโนเวต 25 สาขาไทย

 

เป้าระยะยาวเป็นเบอร์ 1 โมเดิร์นเทรดแห่งอาเซียน

ด้านแผนงานระยะยาว อัศวินมองว่า ตลาดในประเทศไทยจะเน้นการเปิดโมเดิร์นเทรดขนาดกลางและขนาดเล็กในชุมชน เน้นหัวเมืองรองมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดขนาดใหญ่ค่อนข้างจะ ‘แน่น’ แล้ว โดยเฉพาะถ้าหากจะเปิดรีเทลประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต จะหาที่ดินและทำเลเปิดได้ยาก

ส่วนที่น่าสนใจคือ ตลาดต่างประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งทางบิ๊กซีมีการลงทุนแล้วในลาว กัมพูชา และเวียดนาม ดังนี้

  • ลาว: บิ๊กซี มินิ 63 สาขา (แฟรนไชส์)
  • กัมพูชา: บิ๊กซี มินิ 18 สาขา, Kiwi Mart 2 สาขา, บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ 1 สาขา
  • เวียดนาม: ร้านสะดวกซื้อ B’s Mart 78 สาขา

“เรามองการแข่งขันต่อจากนี้ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่เป็นตลาดอาเซียน โดยเราต้องการจะเป็นเบอร์ 1 ธุรกิจโมเดิร์นเทรดในอาเซียน” อัศวินกล่าว

บิ๊กซี มินิ ในกัมพูชา

อัศวินระบุว่า ขณะนี้ถือได้ว่า BRC เป็นเบอร์ 1 แล้วในประเทศลาว และกำลังจะเริ่มเปิดบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์สาขาแรกในลาว พร้อมมองโอกาสของประเทศลาว คาดว่าจะรองรับไฮเปอร์มาร์เก็ตของบิ๊กซีได้ 10 สาขาเป็นอย่างน้อย

ส่วนตลาดกัมพูชาและเวียดนามก็กำลังเดินหน้าขยายตัว โดยแย้มว่าห้างค้าปลีกค้าส่งในเวียดนาม “MM Mega Market” ซึ่งอยู่ในเครือ BJC เช่นกัน จะถูกโอนย้ายมาอยู่ในพอร์ตของ BRC ด้วย และจะเปลี่ยนชื่อเป็น “Big C Mega Market” ในอนาคต

ปัจจุบันรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นเพียง 10% ในพอร์ตของบิ๊กซี แต่อัศวินคาดว่าภายใน 5-7 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะพุ่งขึ้นเป็น 20-40% หลังจากเข้าไปขยายการลงทุนได้มากขึ้น

ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย เมื่อมองไปในตลาดรีเทลอาเซียน มีผู้เล่นจากประเทศไทยเข้าไปรุมชิงเค้กกันหลายราย เช่น เวียดนาม มี CRC ของเครือเซ็นทรัลเปิดโมเดิร์นเทรดแบรนด์ GO! หรือ ซีพี ออลล์ ที่เริ่มลงทุน 7-Eleven ในกัมพูชาแล้ว