นิวซีแลนด์ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 09 Dec 2021 10:41:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หักดิบ! “นิวซีแลนด์” ออกกฎห้ามขาย “บุหรี่” ตลอดชีวิต ให้กับทุกคนที่เกิดหลังปี 2008 https://positioningmag.com/1366277 Thu, 09 Dec 2021 10:27:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1366277 นับเป็นนโยบาย “บุหรี่” ที่แรงที่สุดในโลก “นิวซีแลนด์” ประกาศเตรียมออกกฎหมาย “ห้ามขายบุหรี่” ให้กับทุกคนที่เกิดหลังปี 2008 ทำให้เด็กวัยรุ่นในอนาคตของนิวซีแลนด์จะไม่ได้แตะบุหรี่ถูกกฎหมายเลยตลอดชีวิต ตามเป้าหมายของประเทศที่จะเป็น “ประเทศปลอดควันบุหรี่” ภายในปี 2025

วันที่ 9 ธันวาคม 2021 ประเทศนิวซีแลนด์ประกาศแผนป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าถึงบุหรี่ ตามแผนการเป็น “ประเทศปลอดควันบุหรี่” ภายในปี 2025

กลยุทธ์ของนิวซีแลนด์คือ จะมีการออกกฎหมายไม่ให้ทุกคนที่เกิดหลังปี 2008 ซื้อบุหรี่หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบใดๆ ได้ตลอดชีวิต

ขณะที่บุหรี่ที่ยังมีจำหน่ายให้กับผู้ใหญ่จะถูกลดปริมาณนิโคตินลง และจะลดจำนวนร้านค้าปลีกที่อนุญาตให้ขายบุหรี่ได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้คาดว่าจะออกเป็นกฎหมายภายในปีหน้า

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วกับอุตสาหกรรมบุหรี่คือ นิวซีแลนด์ได้ขึ้นภาษีสูงมากกับบุหรี่ แต่กระทรวงสาธารณสุขมองว่าต้องมีข้อปฏิบัติที่เข้มงวดกว่านี้หากนิวซีแลนด์จะเป็นประเทศปลอดบุหรี่ เป็นที่มาให้เกิดนโยบายจำกัดการเข้าถึงบุหรี่ของเยาวชน และจะทำให้พวกเขาไม่ได้สูบบุหรี่ตลอดชีวิต

นิวซีแลนด์ บุหรี่
(Photo: Pixabay)

“นี่คือวันแห่งประวัติศาสตร์ด้านสุขภาพของประชาชนของเรา” ดร.อายีชา เวอร์รัล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขกล่าว “เราต้องการสร้างความมั่นใจว่า เยาวชนของเราจะไม่เริ่มสูบบุหรี่ ดังนั้น เราจะป้องกันไม่ให้มีการขายหรือมีซัพพลายยาสูบเข้าถึงกลุ่มเยาวชนกลุ่มใหม่ เมื่อกฎหมายบังคับใช้ เยาวชนอายุไม่เกิน 14 ปี ณ ขณะนั้น จะไม่สามารถซื้อยาสูบได้อย่างถูกกฎหมายอีกเลย”

เวอร์รัลระบุว่า การสูบบุหรี่เป็นต้นเหตุการตายที่จริงๆ แล้วป้องกันได้ ทุกวันนี้ บุหรี่เป็นต้นเหตุ 1 ใน 4 ของโรคมะเร็งในประชากรชาวนิวซีแลนด์

 

“บุหรี่” ต้องลดเหลือศูนย์

สำหรับเป้าหมาย “ประเทศปลอดบุหรี่” ของนิวซีแลนด์ มีมาตั้งแต่ปี 2011 โดยต้องการจะลดอัตราผู้สูบบุหรี่ให้เหลือน้อยกว่า 5% ให้ได้ภายในปี 2025 ก่อนจะพยายามกำจัดให้ได้ทั้งหมดหลังจากนั้น

ณ ขณะนี้ มีประชากรนิวซีแลนด์ที่สูบบุหรี่อยู่ราว 13% ถือว่าลดลงบ้างแล้วจากตัวเลข 18% เมื่อสิบปีก่อน อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มชาวเมารีกลับมีอัตราการสูบบุหรี่ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศมาก โดยมีอัตราถึง 31%

องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยบรรยายถึงปัญหายาสูบว่าเป็น “หนึ่งในภัยด้านสุขภาพสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของโลก” โดยทั่วโลกมีผู้ที่เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ไม่ว่าจะมือหนึ่งหรือมือสองมากถึง 8 ล้านคนต่อปี

สถิติยังบอกด้วยว่า ผู้สูบบุหรี่บนโลกนี้มีประมาณ 1,300 ล้านคน และสัดส่วนถึง 80% เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคสืบเนื่องจากการสูบบุหรี่หนักที่สุดตามไปด้วย

Source

]]>
1366277
“นิวซีแลนด์” จัดสรรงบพันล้านเหรียญ รับประกันทุกคนได้ฉีดวัคซีน COVID-19 ฟรี! https://positioningmag.com/1333019 Wed, 19 May 2021 14:31:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1333019 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า คริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีด้านการรับมือโรคติดเชื้อ COVID-19 ของนิวซีแลนด์ กล่าวว่ารัฐบาลนิวซีแลนด์จัดสรรเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.94 พันล้านบาท) ในแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เพื่อรับรองว่าทุกคนได้รับวัคซีนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ฮิปกินส์กล่าวว่ารัฐบาลยืนยันจำนวนเงินที่จัดสรรในช่วง 2 ปี สำหรับวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 และแผนการฉีดวัคซีน ซึ่งสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยการฉีดวัคซีนของชุมชนที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง จะปลดล็อกโอกาสทางเศรษฐกิจ และช่วยให้ประเทศเปิดพรมแดนได้อย่างปลอดภัย

“การรับมือทางสาธารณสุขของนิวซีแลนด์เป็นไปอย่างเข้มแข็งและประสบความสำเร็จ เรายังคงระมัดระวังและไม่ประมาท โดยการจัดสรรเงินจำนวนนี้สำหรับวัคซีน และโครงสร้างพื้นฐาน สะท้อนว่านิวซีแลนด์มีความพร้อมจะรับมือกับความท้าทายอันเนื่องมาจาก COVID-19 ในอนาคต” ฮิปกินส์กล่าว

ฮิปกินส์กล่าวว่านิวซีแลนด์จัดซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพียงพอสำหรับฉีดให้ประชากรทั้งหมดในประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และสำหรับช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านแถบแปซิฟิก โดยวัคซีนเพิ่มเติมที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสามารถเลื่อนกำหนดการใช้และบริจาคเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูภูมิภาค

]]>
1333019
“นิวซีแลนด์” เดินหน้าเปลี่ยน “บัสโดยสารไร้คาร์บอน” ยกเซต https://positioningmag.com/1330669 Wed, 05 May 2021 15:11:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1330669 สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า ไมเคิล วูด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของนิวซีแลนด์ กำลังระดมขอความคิดจากสาธารณชนเห็นเกี่ยวกับทางเลือก สำหรับการทบทวนรูปแบบการดำเนินงานระบบขนส่งสาธารณะในระยะต่อไป เพื่อคุ้มครองเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนให้คนขับรถบัสโดยสาร และเพื่อบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการและเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนกับรถบัสโดยสาธารณะทั้งหมดภายในปี 2035

วูดระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ 5 พ.ค. ว่าการลงทุนในประชาชนและการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ของรัฐบาล

“คนขับรถบัสโดยสารมีบทบาทสำคัญในการทำให้เมืองของเราเดินหน้าต่อไป โดยนำพาผู้โดยสารไปทำงาน และรถบัสก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการเดินทางของผู้คน” วูดระบุ ทั้งเสริมว่า ควรให้การคุ้มครองเรื่องค่าตอบแทนและเงื่อนไขต่างๆ ของคนขับรถบัสโดยสาร

วูดกล่าวว่า ตนได้ทำงานร่วมกับนายจ้างและสหภาพแรงงานในการตั้งเกณฑ์ค่าครองชีพ (Living Wage) สำหรับคนขับรถบัสโดยสาร โดยจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนคนขับและปัญหาการหยุดชะงักของบริการ ซึ่งมีมานาน

“เราสามารถเร่งการฟื้นตัวจากโรค COVID-19 พร้อมกับจัดหาโครงสร้างพื้นฐานของระบบขนส่งสาธารณะที่สะอาดขึ้น เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้” วูดระบุ ทั้งเสริมว่า รัฐบาลจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4.5 ล้านตัน เพียงแค่สภาซื้อรถบัสโดยสารสาธารณะที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากรถบัสโดยสารทั้งหมดภายในปี 2035

รัฐบาลนิวซีแลนด์ได้จัดสรรเงินจำนวน 50 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 1.12 พันล้านบาท) เพื่อช่วยให้สภาต่างๆ ทำการเปลี่ยนแปลง วูดระบุ ทั้งเสริมว่า จะเปิดระดมความคิดเห็นจากสาธารณชนเป็นเวลา 6 สัปดาห์ จนถึงวันที่ 18 มิ.ย.

]]>
1330669
ชื่นมื่น! “ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์” เปิด “ทราเวลบับเบิล” สำเร็จ เดินทางโดยไม่ต้องกักตัว https://positioningmag.com/1328214 Mon, 19 Apr 2021 08:05:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328214 ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์เริ่มเปิดการเดินทางระหว่างกันแบบไม่ต้องกักตัว หรือทราเวลบับเบิล วันที่ 19 เม.ย. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี โดยเป็นผลสืบเนื่องจากการที่ทั้ง 2 ประเทศประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19

แม้รัฐส่วนใหญ่ในออสเตรเลียจะอนุญาตให้ชาวนิวซีแลนด์ เดินทางเข้าแบบไม่ต้องกักตัวได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ทว่านิวซีแลนด์เองยังคงบังคับใช้มาตรการกักตัวผู้เดินทางจากแดนจิงโจ้ เนื่องจากมีรายงานพบการระบาดของไวรัสแบบเป็นกลุ่มก้อนอยู่เป็นระยะๆ

“โครงการทราเวิลบับเบิลถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูการเชื่อมต่อระหว่างนิวซีแลนด์กับโลก และเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรภูมิใจ” นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่กรุงเวลลิงตัน

ผู้นำหญิงแดนกีวียังระบุด้วยว่า มารีส เพย์น รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย จะเดินทางเยือนนิวซีแลนด์ในวันพุธที่ 21 เม.ย. ส่วนนายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ก็มีแผนที่จะเยือนนิวซีแลนด์ “ในอนาคตอันใกล้” หลังจากที่มีการเปิดพรมแดนระหว่างกัน

สื่อโทรทัศน์ท้องถิ่นต่างรายงานข่าวและเผยแพร่ภาพประทับใจ ขณะที่ครอบครัว และญาติสนิทมิตรสหายเข้าสวมกอดและทักทายกันอย่างอบอุ่นที่สนามบิน ขณะที่อาคารผู้โดยสารขาออกในสนามบินต่างๆ ของออสเตรเลียก็เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่เตรียมตัวออกเดินทาง

“ฉันไม่เคยรู้สึกตื่นเต้นอย่างนี้มาก่อน ไม่ได้คาดหวังและไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนเลย เพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นจริง” มิเชลล์ แรฟเฟอร์ที หนึ่งในผู้โดยสารที่เดินทางจากนิวซีแลนด์มายังนครซิดนีย์ให้สัมภาษณ์กับสื่อออสเตรเลีย

สายการบินแควนตัสเตรียมเพิ่มเที่ยวบินระหว่างทั้ง 2 ประเทศเป็น 200 เที่ยวต่อสัปดาห์ ขณะที่แอร์นิวซีแลนด์ก็ได้เพิ่มจำนวนเที่ยวบินขึ้น 4 เท่าตัวเป็น 30 เที่ยวต่อสัปดาห์ในวันที่ 19 เม.ย. โดยเที่ยวบินทุกลำที่เดินทางเข้านิวซีแลนด์มีผู้โดยสารจองที่นั่งเต็มถึง 97%

แม้การเปิดพรมแดนจะสร้างความยินดีและตื่นเต้นให้กับประชาชนที่ต้องห่างเหินจากครอบครัวไปนาน แต่ทั้ง มอร์ริสัน และ อาร์เดิร์น ย้ำว่ารัฐบาลทั้งสองจะ “พิจารณาทบทวน” โครงการอยู่เป็นระยะๆ และเตือนให้ผู้เดินทางเตรียมพร้อมในกรณีที่การเดินทางต้องถูกระงับอย่างปัจจุบันทันด่วน หากพบการแพร่ระบาดของ COVID-19

ข้อมูลสถิติอย่างเป็นทางการระบุว่า ในปี 2019 (ก่อนที่จะเกิดโรคระบาด) มีชาวออสเตรเลียเดินทางเข้านิวซีแลนด์ประมาณ 1.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของผู้เดินทางทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศสูงถึง 2,700 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ราว 60,000 ล้านบาท)

ขณะเดียวกัน มีชาวนิวซีแลนด์กว่า 500,000 คน อาศัยอยู่ในออสเตรเลีย หรือคิดเป็น 2% ของประชากรออสเตรเลียทั้งหมด 26 ล้านคน

ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ต่างใช้มาตรการปิดพรมแดนกับพลเมืองต่างชาติ และผู้พำนักถาวรส่วนใหญ่มาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ซึ่งมีส่วนช่วยให้รัฐบาลสามารถคุมจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ให้อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ

สำหรับผู้เดินทางจากต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้านิวซีแลนด์และออสเตรเลียจะต้องผ่านกระบวนการกักตัว 14 วัน และออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง

ปัจจุบันออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมเพียง 29,500 คน และมีผู้เสียชีวิต 910 คน ขณะที่นิวซีแลนด์พบผู้ป่วยสะสมเพียง 2,200 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 26 คนเท่านั้น

Source

]]>
1328214
“นิวซีแลนด์” ห้ามผู้เดินทางจาก “อินเดีย” เข้าประเทศ หลังติดเชื้อพุ่งวันละเป็นแสน https://positioningmag.com/1327329 Fri, 09 Apr 2021 14:04:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1327329 รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศห้ามผู้เดินทางจากอินเดียเข้าประเทศเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวมถึงพลเมืองนิวซีแลนด์เอง หลังสถานการณ์ COVID-19 ในแดนภารตะกลับมาทรุดหนักและมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละกว่า 100,000 คน

มาตรการล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่นิวซีแลนด์ยืนยันยอดผู้ติดเชื้อใหม่ 23 ราย โดย 17 รายเดินทางมาจากอินเดีย

“เราจะงดรับผู้เดินทางจากอินเดียเข้ามายังนิวซีแลนด์เป็นการชั่วคราว” นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ระบุในงานแถลงข่าวที่เมืองโอ๊กแลนด์

ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 สะสมในอินเดียอยู่ที่ราวๆ 12.8 ล้านคน มากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และบราซิล และขณะนี้ก็กำลังเกิดการระบาดระลอกสองที่รุนแรงกว่าครั้งแรก

สัปดาห์นี้ตัวเลขผู้ป่วยรายวันของอินเดียพุ่งทะลุหลักแสน แซงสถิติใน “ช่วงพีค” ของโควิด-19 ระลอกแรกเมื่อเดือน ก.ย. ไปแล้ว

สำหรับมาตรการแบนผู้เดินทางของนิวซีแลนด์จะมีผลครอบคลุมบุคคลซึ่งเคยพำนักอยู่ในอินเดียในช่วง 14 วันย้อนหลัง โดยจะเริ่มมีผลบังคับตั้งแต่ 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 11 เม.ย. ไปจนถึง 28 เม.ย. ซึ่งระหว่างนั้นรัฐบาลนิวซีแลนด์ก็จะเตรียมมาตรการป้องกันความเสี่ยงเพื่อให้การเดินทางกลับสู่ภาวะปกติ

นายกฯ อาร์เดิร์นย้ำว่า มาตรการนี้ไม่ได้มีเจตนาพุ่งเป้าไปที่อินเดียอย่างเฉพาะเจาะจง แต่รัฐบาลนิวซีแลนด์กำลังหาวิธีที่จะบริหารจัดการผู้เดินทางซึ่งมาจากประเทศต้นทางที่มีความเสี่ยงสูงอื่นๆ ด้วย

มาตรการควบคุมโรคของนิวซีแลนด์ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง และไม่พบผู้ติดเชื้อ COVID-19 ภายในชุมชนมาประมาณ 40 วัน

Source

]]>
1327329
ไม่เอาด้วย! “นิวซีแลนด์” ประกาศระงับสัมพันธ์ “เมียนมา” ห้ามผู้นำกองทัพเดินทางเข้าประเทศ https://positioningmag.com/1318654 Tue, 09 Feb 2021 15:40:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1318654 รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศระงับการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทั้งฝ่ายทหารและการเมืองของเมียนมา รวมถึงใช้มาตรการจำกัดการเดินทาง (travel ban) กับผู้นำกองทัพเมียนมา ซึ่งถือเป็นชาติแรกในโลกที่เริ่มใช้วิธีการนี้กับผู้นำทหารเมียนมาเพื่อตอบโต้การรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.

นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ระบุว่า รัฐบาลกีวีจะระงับโครงการช่วยเหลือต่างๆ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือหรือเอื้อประโยชน์ให้แก่รัฐบาลทหารพม่า

“สิ่งที่เราอยากจะบอก ก็คือ นิวซีแลนด์จะทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ การระงับการติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมียนมา และตรวจสอบจนมั่นใจว่า เงินทุนที่เราให้แก่เมียนมาจะต้องไม่ถูกนำไปใช้สนับสนุนรัฐบาลทหารในทุกๆ กรณี”

ในช่วงปี 2018-2021 นิวซีแลนด์มีโครงการช่วยเหลือเมียนมา มีมูลค่าราวๆ 42 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์

นาไนอา มาฮูตา รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศนิวซีแลนด์ ออกคำแถลงยืนยันว่า รัฐบาลเวลลิงตันไม่ยอมรับความชอบธรรมของรัฐบาลทหารเมียนมา และเรียกร้องให้กองทัพปล่อยตัวผู้นำการเมืองที่ถูกคุมขัง รวมถึงคืนอำนาจปกครองกลับสู่รัฐบาลพลเรือน

รัฐบาลนิวซีแลนด์ยังเห็นชอบให้ใช้มาตรการจำกัดการเดินทางกับผู้นำทหารเมียนมา โดยคาดว่าจะมีผลบังคับอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์ถัดไป

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ออกมาย้ำคำมั่นสัญญาว่า จะจัดการเลือกตั้งใหม่และส่งมอบอำนาจให้แก่ผู้ที่ชนะ ขณะที่ชาวพม่าหลายหมื่นคนตบเท้าลงถนนเพื่อประท้วงต่อต้านรัฐประหารที่โค่นล้มรัฐบาลพลเรือนของอองซาน ซูจี

Source

]]>
1318654
คนอเมริกันแห่ย้ายออกนอกประเทศ หนีการเมือง-COVID-19 “นิวซีแลนด์” จุดหมายยอดฮิต https://positioningmag.com/1305907 Fri, 13 Nov 2020 06:49:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1305907 ชาวอเมริกันต้องการย้ายออกนอกประเทศสูงขึ้น จากการเมืองภายในไม่เสถียรและการระบาดของโรค COVID-19 โดยมีจุดหมายปลายทางยอดฮิตคือ “นิวซีแลนด์” ด้วยความสามารถในการรับมือการระบาดอย่างมีประสิทธิภาพและเริ่มต้นทำธุรกิจได้ง่าย พร้อมเปิดโควตา “Golden Visa” ดึงกลุ่มนักลงทุน ปีนี้จึงได้เห็นชาวอเมริกันขอวีซ่าเข้านิวซีแลนด์ล้นทะลัก ส่วนชาวจีนที่จะย้ายมานิวซีแลนด์ลดน้อยลง

ข้อมูลจากหน่วยราชการ “นิวซีแลนด์” พบว่า สัดส่วนผู้ขอวีซ่าประเภท “Golden Visa” ในช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคมปีนี้เปลี่ยนแปลงไป มีชาวอเมริกันขอวีซ่าเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ขอทั้งหมด จากเดิมที่มีชาวอเมริกันขอวีซ่าประเภทนี้แค่ 3% เท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ผู้ขอวีซ่าแบบ Golden Visa ส่วนใหญ่จะเป็น “ชาวจีน” ซึ่งมีสัดส่วนถึง 43% ของผู้ขอทั้งหมด แต่ช่วงเดือนเมษายน-ตุลาคมปีนี้กลับเห็นจำนวนผู้ขอวีซ่าชาวจีนลดลงเหลือสัดส่วน 25.4%

Golden Visa ดังกล่าวนั้นเป็นวีซ่านักลงทุน คือผู้ขอวีซ่ามีสิทธิได้รับสิทธิพำนักถาวร แลกกับเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่ขั้นต่ำ 3 ล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ (ประมาณ 62 ล้านบาท) ที่จะลงทุนในสินทรัพย์หรือกองทุนของนิวซีแลนด์ พร้อมด้วยแผนการลงทุนที่สื่อได้ว่าจะอยู่ในนิวซีแลนด์ระยะยาว อย่างไรก็ตาม โควตา Golden Visa นั้นมีให้ชาวต่างชาติเพียงปีละ 400 รายเท่านั้น

ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสถานการณ์ในสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างมากช่วง COVID-19 ทำให้มีดีมานด์จากนักลงทุนชาวอเมริกันสูงขึ้น

 

หนีการเมืองไม่เสถียร – COVID-19

“เดวิด คูเปอร์” ประธานบริษัท Malcolm Pacific Immigration ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเอกชนด้านการอพยพย้ายถิ่นฐาน มีสำนักงานในเมืองโอ๊กแลนด์และเมืองเวลลิงตัน นิวซีแลนด์ เปิดเผยว่า ปีนี้ชาวอเมริกันต้องเจอกับ “เคราะห์ร้าย 4 เท่า” ที่ส่งให้พวกเขาตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปต่างประเทศ และเป็นประเทศที่ปลอดภัยในการลงทุน

ชาวอเมริกัน “แห่ซื้อปืน” ช่วงเลือกตั้งสหรัฐฯ หวั่นเกิดเหตุรุนเเรง หลังรู้ผลประธานาธิบดี

“พวกเขาบอกว่า การประท้วงของประชาชน การเมืองไม่เสถียร ไฟป่าแคลิฟอร์เนีย และ COVID-19 คือสิ่งที่ทำให้พวกเขาหลังพิงฝา” คูเปอร์กล่าว “เราได้รับสายโทรฯ เข้าและอีเมลไม่ขาดสายจากคนที่ต้องการทราบว่า ตนเองจะย้ายมาอยู่ในนิวซีแลนด์ได้อย่างไร”

ไม่เพียงแต่ประเด็นใหญ่เหล่านั้นเท่านั้น ชาวอเมริกันที่ต้องการย้ายออกจากสหรัฐฯ ยังกล่าวถึงสาเหตุอื่นๆ อีกที่ทำให้พวกเขาต้องการออกนอกประเทศ เช่น การใช้ความรุนแรงของตำรวจ ฝ่ายอนุรักษนิยมเข้าครอบงำศาลฎีกา กฎหมายครอบครองปืน ความเสี่ยงที่สูงขึ้นด้านการก่อการร้ายภายในประเทศ ไปจนถึงภาวะไร้ความสามารถของประเทศในการจัดการปัญหาโลกร้อน

ข้อมูลจาก กรมสรรพากรสหรัฐฯ ระบุสอดคล้องกันว่า มีคนอเมริกันที่ละทิ้งสัญชาติหรือสิทธิพำนักถาวรเพิ่มขึ้นมากในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 มีคนอเมริกันทิ้งสัญชาติแล้ว 5,816 คน เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2019 ที่มี 2,072 คน เรียกว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว

“โจ ไบเดน” ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการ โดยที่ “โดนัลด์ ทรัมป์” ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ (Photo : twitter @JoeBiden)

นอกจากนี้ ในคืนวันเลือกตั้งของสหรัฐฯ ข้อมูลจาก Google พบว่า การค้นหาเรื่อง “วิธีการย้ายไปนิวซีแลนด์” พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่แทบจะปลอด COVID-19 ขณะที่สหรัฐอเมริกายังอยู่ท่ามกลางการระบาดซ้ำ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 แสนเคสต่อวันตั้งแต่เริ่มต้นเดือนพฤศจิกายน

 

นิวซีแลนด์ได้โอกาสดึงนักลงทุน

คูเปอร์กล่าวต่อว่า เคราะห์ร้ายในการรับมือโรคระบาดของสหรัฐฯ กลายเป็นโชคดีของนิวซีแลนด์ เมื่อเป็นดั่งสวรรค์ปลอดเชื้อ ทำให้แดนกีวีมีโอกาสดึงการลงทุนเข้าสู่ประเทศ แลกกับการได้วีซ่าพำนักระยะยาว และจะช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น

เขาเปิดเผยว่า ในจำนวนผู้ขอวีซ่านักลงทุนและรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอยู่นั้น มีมูลค่าการลงทุนรวมกันประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์แล้ว (ราว 5.77 หมื่นล้านบาท)

“ถ้ารัฐบาลตัดสินใจอนุมัติได้เร็ว จะมีเม็ดเงินก้อนหนึ่งที่เริ่มเข้าประเทศทันที” คูเปอร์กล่าว “และเมื่อนักลงทุนเข้ามาแล้วพวกเขาจะไม่กลับออกไปเร็ว ดังนั้น ในห้วงเวลาหนึ่งเราจะมีเม็ดเงินเข้ามามากกว่า 2.8 พันล้านเสียอีก”

จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ ได้นั่งตำแหน่งต่อสมัยที่สอง จากความสามารถในการรับมือโรคระบาด COVID-19 จนประชาชนให้ความไว้วางใจ (Photo : Hannah Peters/Getty Images)

นอกจากการรับมือโรคระบาด COVID-19 ที่ดีเยี่ยมของนิวซีแลนด์ ประเทศนี้ยังมีพื้นฐานที่ดีมากในการทำธุรกิจด้วยโดยรายงานการทำธุรกิจของ ธนาคารโลก จัดอันดับให้นิวซีแลนด์เป็นอันดับ 1 ประเทศที่ทำธุรกิจได้คล่องตัวที่สุดของโลกติดต่อกันเป็นปีที่สี่ และเป็นอันดับ 1 ประเทศที่เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่สิบสอง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีฐานภาษีเอื้อต่อนักลงทุน มีระบบรัฐบาลและกฎหมายที่แข็งแรง มีตลาดส่งออกที่ให้ผลกำไรสูง และการขอวีซ่าที่สะดวก

 

คนจีนย้ายออกน้อยลง เพราะแดนมังกรปลอดภัยกว่า

ส่วนกรณีของชาวจีนที่ขอวีซ่าเข้านิวซีแลนด์น้อยลง “จอร์จ ชิมเมล” หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์จีนบริษัท Juwai กล่าวว่า ชาวจีนลดการขอวีซ่าออกนอกประเทศเพราะการอยู่อาศัยในจีนทุกวันนี้ปลอดภัยกว่าประเทศอื่น

“ในประเทศจีน ทั้งสถานการณ์การระบาดและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดูดีกว่าประเทศอื่นๆ ผู้ขอวีซ่าหลายรายที่ขอเลื่อนแผนออกไปก่อนมองว่า ไม่เป็นไรที่จะรอดูสถานการณ์ว่าจะคลี่คลายไปในทิศทางไหน” ชิมเมลกล่าว

อย่างไรก็ตาม ชิมเมลมองว่า นักลงทุนจีนจะกลับไปนิวซีแลนด์อีกแน่นอน เพราะเป็นประเทศที่น่าสนใจลงทุน แม้ว่าขนาดเศรษฐกิจจะเล็ก แต่เปิดโอกาสที่ดีให้กับนักลงทุนจีน โดยมีกลุ่มธุรกิจที่คนจีนสนใจคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เกษตรกรรม ภาคการผลิต และป่าไม้

เขายังให้ความเห็นถึงชาวอเมริกันที่กำลังแห่ขอวีซ่าไปนิวซีแลนด์ขณะนี้ว่า เชื่อว่าจะเป็นความสนใจระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐฯ และประธานาธิบดีคนใหม่ว่าจะทำให้วิกฤตคลี่คลายได้เร็วแค่ไหน

Source

]]>
1305907
“นิวซีแลนด์” ประชามติไฟเขียว “การุณยฆาต” ผู้ป่วยระยะสุดท้าย อยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน https://positioningmag.com/1303919 Sat, 31 Oct 2020 05:46:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303919 ชาวนิวซีแลนด์ลงประชามติเห็นชอบร่างกฎหมายการุณยฆาต (euthanasia) ซึ่งจะทำให้แดนกีวีกลายเป็นประเทศที่ 7 ของโลกที่อนุญาตการจบชีวิตเพื่อยุติความทุกข์ทรมานให้แก่ผู้ที่เจ็บป่วย แต่ในส่วนของร่างกฎหมายว่าด้วยการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการนั้นคาดว่าจะถูกปฏิเสธ

นิวซีแลนด์จัดให้มีการลงประชามติร่างกฎหมาย 2 ฉบับในเดือนนี้ พร้อมๆ กับการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งทำให้นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ได้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกเป็นสมัยที่ 2

คณะกรรมการการเลือกตั้งนิวซีแลนด์แถลงผลประชามติเบื้องต้นในวันที่ 30 ต.ค. โดยระบุว่ายังคงมีบัตรเลือกตั้งจากผู้ใช้สิทธิ์ในต่างแดนอีกประมาณเกือบ 500,000 ใบที่ยังไม่ถูกนับ ทว่าเสียงเหล่านี้ก็ไม่มากพอที่จะเปลี่ยนผลประชามติว่าด้วยกฎหมายการุณยฆาต ซึ่งประชาชนได้โหวตสนับสนุนมากกว่า 65.2% แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงผลประชามติในส่วนของกฎหมายกัญชาเพื่อสันทนาการได้

สำหรับผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจะถูกประกาศในวันที่ 6 พ.ย.

กฎหมายอนุญาตให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่แพทย์คาดว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกิน 6 เดือนสามารถขอจบชีวิตด้วยวิธีการุณยฆาต จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ย. ปี 2021

ทั้งนี้ ผู้ที่จะขอรับการทำการุณยฆาตต้องอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และมีแพทย์ให้การรับรองอย่างน้อย 2 คน

ในส่วนของกฎหมายว่าด้วยการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งระบุว่ามีผู้โหวต “คัดค้าน” มากถึง 53.1%

เวลานี้มีเพียงแคนาดา และอุรุกวัยแค่ 2 ประเทศในโลกเท่านั้นที่อนุญาตให้พลเมืองวัยผู้ใหญ่ใช้ และจำหน่ายกัญชาเพื่อสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย

นายกฯ อาร์เดิร์น เคยประกาศสนับสนุนการทำประชามติว่าด้วยกัญชาเพื่อสันทนาการเมื่อปี 2017 เนื่องจากเวลานั้นเธอจำเป็นต้องระดมเสียงจัดตั้งรัฐบาลผสม

ตลอดการหาเสียง อาร์เดิร์น ไม่เคยกล่าวชัดเจนว่าเธอจะโหวตสนับสนุนหรือคัดค้านร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ ทว่าผู้แทนของเธอออกมาให้ข้อมูลว่านายกฯ หญิงโหวต “สนับสนุน” ในทั้ง 2 ประเด็น

Source

]]>
1303919
ส่องรัฐสภายุคผลัดใบของ “นิวซีแลนด์” พื้นที่แห่ง ส.ส.หญิง, LGBTQ และชาติพันธุ์หลากหลาย https://positioningmag.com/1302192 Mon, 19 Oct 2020 10:39:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1302192 การเลือกตั้งครั้งใหม่ของ “นิวซีแลนด์” เคาะผล “จาซินดา อาร์เดิร์น” นายกรัฐมนตรีขวัญใจประชาชนกำชัยชนะ ส่วนที่นั่งในสภาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ประกอบด้วยกลุ่มคนหลากหลายที่สุด โดยมี ส.ส. จำนวนมากเป็นผู้หญิงและกลุ่มชนเผ่าเมารี รวมถึงมีกลุ่ม LGBTQ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

พรรคแรงงานในนิวซีแลนด์ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการปฏิบัติงานของ “จาซินดา อาร์เดิร์น” นายกรัฐมนตรีหญิง ต่อการควบคุมสถานการณ์ COVID-19 ได้อย่างเฉียบขาด ส่งให้เธอได้รับเลือกนั่งตำแหน่งนายกฯ ต่ออีกสมัย

แม้ว่าอาร์เดิร์นจะมีที่นั่ง ส.ส. ในสภามากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แต่เธออยู่ระหว่างเจรจาการร่วมรัฐบาลกับพรรคกรีนซึ่งเป็นพรรคพันธมิตรเดิมของพรรคแรงงาน เพื่อจะจัดตั้งรัฐบาลที่ได้ครอบคลุมคนทุกกลุ่มเป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น

พรรคแรงงานนั้นชนะที่นั่ง ส.ส. ไปถึง 64 ที่นั่งจาก 120 ที่นั่ง และในจำนวน ส.ส. ทั้งหมดของพรรคแรงงาน เป็นผู้หญิงมากกว่าครึ่งหนึ่ง รวมถึงมี ส.ส. จากชนเผ่าเมารีถึง 16 คน มี ส.ส. คนแรกจากกลุ่มเชื้อชาติแอฟริกัน คือ อิบราฮิม โอมาร์ และ ส.ส. คนแรกจากกลุ่มเชื้อชาติศรีลังกา คือ วานุชี วอลเตอร์ส

“นี่เป็นรัฐสภาที่มีความหลากหลายมากที่สุดที่เราเคยมีมา ในแง่ของเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ และตัวแทนจากกลุ่มชนเผ่า” ศาสตราจารย์พอล สปูนลีย์ จากวิทยาลัยสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัย Massey กล่าว

คาดการณ์กันว่า สภาแห่งนี้น่าจะประกอบด้วยกลุ่ม LGBTQ ในสัดส่วนที่มากที่สุดในโลกด้วย โดยมี ส.ส. ในสภา 10% จาก 120 ที่นั่งที่แสดงออกเพศสภาพและเพศวิถีโดยเปิดเผยว่าเป็นเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซ็กชวล หรือบุคคลข้ามเพศ

แกรนต์ โรเบิร์ตสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นิวซีแลนด์ หนึ่งใน ส.ส. ที่เป็นเกย์โดยเปิดเผย (Photo : Labour Party)

ในจำนวนดังกล่าวรวมถึง “แกรนต์ โรเบิร์ตสัน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก โดยเขาเป็นเกย์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ

สำหรับพรรคกรีนซึ่งอาร์เดิร์นกำลังชักชวนร่วมรัฐบาล มีจำนวนที่นั่งในสภา 10 ที่นั่ง และส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง กลุ่มชนเผ่าเมารี หรือ LGBTQ

สปูนลีย์ยังวิเคราะห์ด้วยว่า ส.ส.ที่ได้รับเลือกตั้งครั้งใหม่นี้ยังอายุน้อยลงกว่าเดิม โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนเจนมิลเลนเนียล

“เราได้เห็นการจากไปจากสภาของ ส.ส. สูงอายุ ส.ส.ชาย และ ส.ส.ผิวขาว ในจำนวนนี้หมายรวมถึงบางคนที่อยู่ในสภามามากกว่า 30 ปี” สปูนลีย์กล่าว

จาซินดา อาร์เดิร์น เองเป็นหนึ่งในนายกฯ ที่น่าจับตามองที่สุดของการเมืองโลกสมัยใหม่ เพราะเมื่อครั้งเธอได้รับตำแหน่งสมัยแรกในปี 2017 เธอคือนายกฯ หญิงที่อายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัย 37 ปี และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำหัวก้าวหน้า ผู้นำมาซึ่งสิทธิ ความเท่าเทียมและการโอบล้อมความหลากหลายในสังคมให้กับผู้หญิง

Source

]]>
1302192
“นิวซีแลนด์” ล้มแชมป์! แซงหน้าญี่ปุ่น ขึ้นแท่นพาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก https://positioningmag.com/1300306 Sat, 10 Oct 2020 14:00:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1300306 สำนักข่าวซินหัว รายงานผลการจัดอันดับล่าสุดโดยดัชนีหนังสือเดินทาง (Passport Index) พบว่าหนังสือเดินทางของนิวซีแลนด์เป็นหนังสือเดินทางที่ “ทรงอิทธิพล” ที่สุดในโลก

ดัชนีหนังสือเดินทางได้คัดเลือกให้นิวซีแลนด์ขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศ และภูมิภาคที่มีหนังสือเดินทางที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก แซงหน้าญี่ปุ่น ซึ่งตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายด้านการเดินทางอันเกิดจากโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19

ดัชนีหนังสือเดินทางเป็นหนึ่งในหลายดัชนีที่ใช้วัดการเดินทางเข้าประเทศต่างๆ รอบโลกโดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าก่อนออกเดินทาง โดยรวบรวมข้อมูลจากหนังสือเดินทางของประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ (UN) รวม 193 ประเทศ และอีก 6 ดินแดนทั่วโลก

ปัจจัยหลากหลายที่มีอิทธิพลต่อการจัดอันดับ ได้แก่ คะแนนความสามารถในการเคลื่อนย้ายทั่วโลก ข้อกำหนดของวีซ่า ระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการอนุญาตให้เดินทาง และคะแนนความเปิดกว้างระดับโลก ขณะที่มาตรการและข้อจำกัดของโรค COVID-19 ได้เข้ามามีบทบาทในการจัดอันดับครั้งนี้เช่นกัน

ปัจจุบันผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศนิวซีแลนด์สามารถเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางใน 129 ประเทศ และภูมิภาคได้โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า หรือขอรับการตรวจลงตราที่ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (visa on arrival) เพิ่มขึ้นจาก 80 ประเทศ และภูมิภาคในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

Photo : Shutterstock

เมื่อปีที่แล้วจำนวนประเทศ และภูมิภาคที่ผู้ถือหนังสือเดินทางนิวซีแลนด์สามารถเดินทางเข้าโดยไม่ต้องของวีซ่าล่วงหน้ารวมอยู่ที่ 169 แห่ง

ขณะเดียวกัน หนังสือเดินทางของสหรัฐฯ ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 21 เนื่องจากการรับมือกับโรค COVID-19 ที่ไม่ดีพอ อีกทั้งยังมีเพียงไม่กี่ประเทศ และภูมิภาคที่เปิดรับนักเดินทางจากสหรัฐฯ

นอกเหนือจากนิวซีแลนด์ และญี่ปุ่นแล้ว ประเทศและภูมิภาค 10 อันดับแรกในการจัดอันดับครั้งนี้ ได้แก่ เยอรมนี ออสเตรีย ลักเซมเบิร์ก สวิตเซอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในทวีปยุโรป

เว็บไซต์ของดัชนีหนังสือเดินทางดังกล่าวระบุว่า ดัชนีหนังสือเดินทางเริ่มดำเนินการจัดอันดับครั้งแรกในปี 2014 โดยอาร์ตัน แคปิตอล (Arton Capital) บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงิน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองมอนทรีออลของแคนาดา โดยถือเป็นเครื่องมือการจัดอันดับหนังสือเดินทางในเชิงตอบโต้ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ทั้งยังเป็นการจัดอันดับหนังสือเดินทางแบบเรียลไทม์เพียงรายเดียว ที่ทำการปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยทันทีที่มีการยกเว้น หรือเปลี่ยนแปลงวีซ่าครั้งใหม่

]]>
1300306