บริหารจัดการอาคาร – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 26 May 2022 14:12:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 บริษัทลูกออริจิ้นด้านงานบริการ “พรีโม” พร้อม IPO ปลายปีนี้ แผนธุรกิจเร่งการเติบโตนอกเครือ https://positioningmag.com/1386686 Thu, 26 May 2022 10:37:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1386686 “พรีโม เซอร์วิส โซลูชัน” ธุรกิจบริการด้านอสังหาฯ ในเครือออริจิ้น วางแผนเปิด IPO ไตรมาส 4 ปี 2565 โชว์จุดขายบริการครบวงจรตั้งแต่รับจ้างออกแบบก่อสร้างอาคาร นิติบุคคล แม่บ้าน จนถึงฝากขายปล่อยเช่า โดยคาดว่าอีก 3 ปีจะลดการพึ่งพิงโครงการในเครือต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนรายได้จากภายนอกเป็น 65-70% รายได้โต 2-3 เท่า

“จตุพร วิไลแก้ว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชัน จำกัด ในเครือ บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เตรียมยื่นไฟลิ่งภายในไตรมาส 3/2565 และคาดว่าจะได้เปิด IPO ในไตรมาส 4/2565

รายได้ล่าสุดปี 2564 ของบริษัทอยู่ที่ 490 ล้านบาท และบริษัททำรายได้เติบโตเฉลี่ย 25-30% ในรอบ 3-4 ปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2566 จะขึ้นเป็น Top 3 บริการอสังหาฯ ครบวงจรในประเทศไทย และภายใน 3 ปีข้างหน้าเชื่อว่ารายได้จะเติบโต 2-3 เท่า

พรีโม IPO

ประวัติบริษัทพรีโมก่อตั้งเมื่อปี 2554 เพื่อเป็นเอเย่นต์ขายอสังหาริมทรัพย์ และจัดการบริการทำความสะอาด ช่วยสนับสนุนการเติบโตของออริจิ้น หลังจากนั้นมีการขยายธุรกิจต่อเนื่อง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 8 บริษัทย่อย แบ่งตามวงจรอสังหาฯ 3 ขั้นคือ

1.กลุ่ม Pre-Living Services บริการที่อยู่ในช่วงก่อนเริ่มเข้าอยู่อาศัย ประกอบด้วย

  • ธุรกิจที่ปรึกษาและตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการโดย บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด (Passion Realtor)
  • ธุรกิจออกแบบอาคาร โดย บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด (UPM Design Studio) ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์
  • ธุรกิจบริหารงานโครงการและบริหารงานก่อสร้าง โดย บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด (United Project Management หรือ UPM)
  • ธุรกิจที่ปรึกษางานออกแบบ ตกแต่งภายใน และขนย้ายบ้าน โดย บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด (Wyde Interior)

2.กลุ่ม Living Services ให้บริการเมื่อผู้บริโภคเข้าพักอาศัยแล้ว ประกอบด้วย

  • ธุรกิจบริหารจัดการอาคาร ดำเนินการโดย บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด (Primo Management) และ บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด (Crown Residence) รับบริหารจัดการนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า ทั้งในระดับโครงการทั่วไปจนถึงระดับลักชัวรี
  • ธุรกิจบริการความสะอาดครบวงจร โดย บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ให้บริการแก่ทั้งลูกค้าองค์กรและผู้บริโภคทั่วไป

3.กลุ่ม Living & Earning Services ให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการได้รับประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม ประกอบด้วย

  • ธุรกิจรับจ้างบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัย โดย บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ HHR ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย ร่วมวางแผนตกแต่ง จัดหาบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก
  • ธุรกิจอบรมด้านอสังหาริมทรัพย์ โดย บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด จัดคอร์สอบรมให้ความรู้ด้านอสังหาริมทรัพย์แก่ผู้สนใจ ที่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ตัวเองในการพัฒนาโครงการ การทำการตลาดอสังหาริมทรัพย์

พรีโม IPO

“จุดแข็งของเราคือเรามีทุกอย่างครบทั้ง journey ของการบริการอสังหาฯ เช่น ออกแบบโครงการ ออกแบบตกแต่งภายใน นิติบุคคล ทำความสะอาด ดูแลสินทรัพย์ปล่อยเช่า เอเย่นต์ฝากขายฝากซื้อ ฯลฯ มีครบตลอดวงจร แต่เจ้าอื่นอาจจะมีบางส่วนที่ไม่ได้ทำ” จตุพรกล่าว

 

หารายได้จากนอกเครือสูงขึ้นเรื่อยๆ

จตุพรระบุว่าสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทจะมาจาก Living Services เป็นหลัก เพราะธุรกิจนิติบุคคลและแม่บ้านทำความสะอาด จะเป็นการทำสัญญารายปีซึ่งทำให้ได้รายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

ปัจจุบันพรีโมมีโครงการในมือที่ให้บริการในส่วนนิติบุคคล 50 โครงการ จำนวนรวม 30,000 ยูนิต โดยแบ่งเป็นโครงการในเครือออริจิ้น 60% และนอกเครือออริจิ้น 40% โดยเฉพาะ คราวน์ เรสซิเดนซ์ ที่เป็นบริการสำหรับกลุ่มโครงการลักชัวรี ได้รับผลตอบรับที่ดีจากดีเวลอปเปอร์นอกเครือด้วยชื่อเสียงการบริหารจัดการที่ทำให้บริษัทอื่นมั่นใจ

พรีโม IPO
“จตุพร วิไลแก้ว” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชัน จำกัด

อีกธุรกิจที่บริษัทมีโครงการนอกเครือเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ คือ UPM ที่บริการออกแบบอาคารและการก่อสร้าง ขณะนี้บริษัทมีสัญญากับ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เพื่อออกแบบศูนย์การค้าในต่างจังหวัด และกำลังเจรจากับ “บิ๊กซี” เช่นกัน ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้ทำรายได้จากในเครือ 65% และนอกเครือเพิ่มเป็น 35%

ด้านธุรกิจลักษณะ B2C ที่กำลังมาแรง ได้แก่ Wyde ซึ่งทำงานออกแบบตกแต่งภายในและย้ายบ้าน เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา “บ้านเดี่ยว” เป็นสินค้าขายดี และลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการนักออกแบบภายในพร้อมกับการย้ายบ้านด้วย จึงทำให้เป็นดาวรุ่งของปีนี้

จตุพรกล่าวว่า ทุกๆ ปีสัดส่วนรายได้จากนอกเครือจะเพิ่มขึ้นเสมอ ทำให้ใน 3 ปีข้างหน้าเชื่อว่าสัดส่วนรายได้ที่พึ่งพิงงานในเครือออริจิ้นจะลดเหลือ 30-35% และได้งานนอกเครือออริจิ้นเพิ่มเป็น 65-70% พร้อมจะเป็นอีกเครื่องยนต์หนึ่งในการขับเคลื่อนทั้งเครือ ตามที่ออริจิ้นตั้งเป้าจะเพิ่มมาร์เก็ตแคปบริษัท (อ่านต่อ >> “ออริจิ้น” ประกาศแผน “Multiverse 2025” จักรวาลธุรกิจดันมาร์เก็ตแคป “1 แสนล้าน”)

]]>
1386686
ขยายน่านน้ำ! LPP บริษัทลูก LPN เข้าสู่ตลาดบริหารอาคารเชิงพาณิชย์ สู้แบรนด์ต่างชาติ https://positioningmag.com/1380227 Mon, 04 Apr 2022 08:29:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1380227 สร้างชื่อบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยมา 30 ปีเต็ม ปีนี้ LPP บริษัทบริหารอาคารในเครือ LPN หลังสปินออฟ วางโมเดลขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดบริหารจัดการโครงการเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน หน่วยราชการ โรงพยาบาล ท้าชนกับแบรนด์ต่างชาติ หวังขึ้น Top 5 ภายใน 5 ปี พร้อมแต่งตัวเปิด IPO ราวปี 2567 ขยายมาร์เก็ตแคปให้กับบริษัทแม่

บริษัทบริหารนิติบุคคลของแบรนด์ LPN ถือว่ามีความแข็งแรงในตลาดที่พักอาศัยมานาน เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2535 ในชื่อ บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด เพื่อเป็นผู้บริหารโครงการของ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ทุกโครงการ สร้างความอุ่นใจให้ผู้ซื้อว่าบริษัทยังคงติดตามดูแลหลังการขายต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังบริษัทนี้ไม่ได้ทำงานเฉพาะการสนับสนุนบริษัทแม่อีกแล้ว และกำลังจะเปลี่ยนตัวเองเป็นกุญแจการสร้างรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น

LPP

“สมศรี เตชะไกรศรี” กรรมการบริษัทและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP ย้อนประวัติการทำงานของบริษัทตลอด 30 ปี ทำให้ผ่านเหตุการณ์สำคัญๆ มาแล้วหลายครั้ง เช่น แผ่นดินไหวกรุงเทพฯ ปี 2539, น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หรือล่าสุดคือสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังดำเนินถึงทุกวันนี้

การดำเนินงานยาวนานทำให้บริษัทมีองค์ความรู้เพียงพอ และเริ่มเข้ารับงานบริหารอาคารของบริษัทอื่นตั้งแต่ปี 2560 จนปัจจุบันในจำนวนโครงการ 200 แห่งที่บริหารอยู่ มีโครงการที่พัฒนาโดย LPN อยู่ 72% และมีโครงการที่ไม่ได้พัฒนาโดย LPN อยู่ 28%

จนล่าสุดเมื่อปี 2564 บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด จึงได้สปินออฟออกจากบริษัทแม่และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด หรือ LPP เพื่อจะขยายตัวได้ด้วยตนเอง คล่องตัวในการบริหาร และเข้าสู่การ IPO

 

เข้าน่านน้ำที่ใหญ่กว่าอย่าง “โครงการเชิงพาณิชย์”

“สุรวุฒิ สุขเจริญสิน” กรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ LPP เปิดเผยโมเดลธุรกิจใหม่ของ LPP สองข้อที่จะทำให้เกิดการขยายตัว คือ

  • เข้าสู่ตลาดบริหารจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน หน่วยงานราชการ โรงแรม โรงพยาบาล ศูนย์การค้า โรงงาน
  • ให้บริการครบวงจรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริหารจัดการโครงการ/นิติบุคคล, ฝากขาย-ฝากเช่า, วิศวกรรมซ่อมบำรุง, แม่บ้าน-ทำความสะอาด, รักษาความปลอดภัย, จัดสวน และกำจัดแมลง

ประเด็นแรกคือการเข้าสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์ สุรวุฒิระบุว่า เนื่องจากตลาดรับบริหารจัดการอาคารมูลค่ารวม 40,000 ล้านบาทต่อปี ที่จริงแล้วกลุ่มบริหารโครงการที่พักอาศัยมีมูลค่าเพียง 1 ใน 4 คือ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น ตลาดที่ใหญ่กว่ามากคืออาคารเชิงพาณิชย์ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท โดยตลาดนี้มีผู้เล่นหลักเป็นกลุ่มแบรนด์ต่างชาติ

“ในตลาดที่พักอาศัย เราแข่งขันได้ดีมากเพราะตลาดรู้จักเรา และมักจะเรียกเราเข้าไปยื่นใบเสนอราคา แต่ในตลาดเชิงพาณิชย์ เรายังต้องสร้างแบรนด์ให้ตัวเองให้ได้ก่อน ดังนั้นช่วงแรกอาจจะต้องทำราคาแข่งสักหน่อย และจะเริ่มจากโครงการเกรด B ถึง B+ ก่อน แต่เรามีเป้าจะติดตลาดและทำให้เป็นแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มพาณิชย์ภายใน 5 ปี” สุรวุฒิกล่าว

บริการใหม่ บริษัทรักษาความปลอดภัย LSS

ขณะที่บริการบริหารโครงการที่พักอาศัย จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งด้วย CRM ผ่านร้านค้าออนไลน์ “Living 24 Store” ร้านค้าเฉพาะให้ลูกบ้าน LPP ซื้อสินค้าได้ในราคาถูกเท่ากับหรือมากกว่าท้องตลาด ช่วงแรกเน้นสินค้าประเภทของกินของใช้ เช่น น้ำดื่ม และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่จะขยายไปสู่สินค้าหลากหลายหมวด

สมศรีกล่าวเสริมว่า ระบบ CRM นี้มีขึ้นเพื่อที่จะสร้างลอยัลตี้ให้ลูกบ้านพึงพอใจ ทำให้ LPP มีอัตราการต่อสัญญาที่สูงขึ้น (ปัจจุบันอัตราการต่อสัญญาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาของโครงการ LPN อยู่ที่ 99% และที่ไม่ใช่โครงการ LPN อยู่ที่ 90%)

LPP
เป้าหมายรายได้ LPP ภายในปี 2569

ส่วนการแตกบริษัทลูกสามารถบริการได้ครบวงจรก็จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยสุรวุฒิอธิบายว่า ค่าใช้จ่ายในการดูแลอาคารหลังหนึ่ง มีไม่ถึง 50% ที่จ่ายเป็นค่าบริหารจัดการ/นิติบุคคล อีกเกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของบริการเหล่านี้ ทั้งแม่บ้านทำความสะอาด รปภ. จัดสวน ฯลฯ ทำให้การทำธุรกิจรอบด้านก็จะทำให้ LPP มีส่วนแบ่งทั้งหมด

ขณะนี้ลูกค้าโครงการเชิงพาณิชย์เริ่มมีเซ็นสัญญาแล้ว เช่น หน่วยงานราชการ, โรงพยาบาลสัตว์ และคาดว่าปีนี้จะมีลูกค้าอาคารสำนักงาน และโรงพยาบาลเข้ามาเพิ่ม

เป้าหมายระยะยาวของ LPP ภายใน 5 ปี ต้องการเป็นหนึ่งในเจ้าตลาดและเติบโตสูง ดังนี้

  • รายได้แตะ 2,300 ล้านบาท (จากปี’64 อยู่ที่ 857 ล้านบาท)
  • ส่วนแบ่งตลาดรวมแตะ 5% ขึ้นเป็น Top 5 (จากปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 2% อยู่ในกลุ่ม Top 10)
  • เพิ่มสัดส่วนบริหารโครงการภายนอก LPN เป็น 50% ของพอร์ต (จากปัจจุบันมีอยู่ 28%)

 

IPO สร้างมาร์เก็ตแคปให้บริษัทแม่

ในด้านการเงิน “อภิชาต เกษมกุลศิริ” หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน LPN และกรรมการบริษัท LPP ระบุว่า บริษัทมีแผนจะเปิด IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2567 ขณะนี้ยังเตรียมความพร้อมในแง่ของการเพิ่มรายได้ และพัฒนาศักยภาพการทำธุรกิจบริการให้เป็นที่ประจักษ์

แผนการเพิ่มมูลค่ามาร์เก็ตแคปหลัง IPO

โดยการเข้าเปิด IPO คาดว่าบริษัท LPP จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 3,000 ล้านบาท และหลังเข้าตลาด 3 ปีน่าจะเพิ่มมูลค่าเป็น 4,000 ล้านบาท

เนื่องจากยังเป็นบริษัทในเครือ LPN การเพิ่มมูลค่านี้จะทำให้ LPN มีมาร์เก็ตแคปที่สูงขึ้นตาม จากเมื่อปี 2564 มีมาร์เก็ตแคปที่ 7,230 ล้านบาท เมื่อ LPP เข้าตลาดครบ 3 ปี น่าจะทำให้ LPN มีมาร์เก็ตแคปเพิ่มเป็น 12,150 ล้านบาท และส่งประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น

“จุดแข็งของเราคือเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ เพราะไม่มีสินทรัพย์ขนาดใหญ่ ตัวเราเบามาก การเปิด IPO จะทำให้เราไม่ต้องนำเงินระดมทุนไปชำระหนี้ แต่นำมาใช้พัฒนา ‘คน’ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สำคัญที่สุดของบริษัท” อภิชาติกล่าว

]]>
1380227