ก่อตั้งบริษัทมา 13 ปีแต่การเติบโตทะยานไว “ออริจิ้น” ประกาศแผน “Multiverse 2025” พหุจักรวาลธุรกิจ แตกไลน์หลายประเภทเพื่อสร้างสมดุลพอร์ต ดันบริษัทลูกเข้า IPO เพิ่มอย่างน้อย 4 บริษัท วางเป้ามาร์เก็ตแคปรวมทั้งเครือเพิ่มเป็น “1 แสนล้าน” ภายใน 3 ปี ด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยปีนี้จะเปิดตัวใหม่มูลค่ารวม 42,000 ล้านบาท
“พีระพงษ์ จรูญเอก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการสร้าง “Multiverse 2025” เครือออริจิ้นจะเป็นพหุจักรวาลของบริษัทหลากหลายธุรกิจ แต่ละบริษัทมีเส้นทางเติบโตของตนเอง วางเป้าหมายดันมาร์เก็ตแคปทั้งเครือขึ้นไปแตะ “1 แสนล้าน” ภายในปี 2568 จากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 40,000 ล้านบาท
ที่ผ่านมาออริจิ้นมีการเปิดบริษัทลูกไปเป็นจำนวนมาก และเมื่อปีก่อน บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เป็นบริษัทลูกแห่งแรกที่เปิด IPO เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสำเร็จ ขณะที่ในไปป์ไลน์ยังมีอีกหลายบริษัทลูกที่กำลังเตรียมตัวเข้าเปิด IPO ดังนี้
เปิด IPO ปี 2565-66
- บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชัน จำกัด ภายใต้การนำของซีอีโอ “จตุพร แก้ววิไล” ทำธุรกิจด้านการบริหารนิติบุคคล, บริหารเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์, บริหารเชนโรงแรมแบรนด์แฮมป์ตัน, ที่ปรึกษาการตลาดและเอเย่นต์ขายอสังหาริมทรัพย์, บริการช่างและแม่บ้าน ฯลฯ ทำรายได้ปี 2564 ที่ 490 ล้านบาท คาดหวังรายได้อีก 3 ปีขึ้นเป็น 1,100 ล้านบาท
- บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ภายใต้การนำของซีอีโอ “ปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์” ทำธุรกิจด้านการพัฒนาโรงแรม ออฟฟิศ มิกซ์ยูส และการพัฒนาคอนโดมิเนียมเขต EEC วางแผนอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าโครงการสะสม 49,100 ล้านบาท
เปิด IPO ปี 2567-68
- บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ภายใต้การนำของเอ็มดี “ปธาน สมบูรณสิน” ทำธุรกิจด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ ภายในสิ้นปี 2565 คาดว่าจะมีพื้นที่เช่าทั้งหมด 65 แสนตร.ม. และตั้งเป้าปี 2568 จะมีพื้นที่เช่ารวม 1 ล้านตร.ม.
- บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับบริการและเทคโนโลยีสุขภาพ เวลเนส
ส่วนบริษัทลูกอื่นๆ พีระพงษ์กล่าวว่าจะดูตามการเติบโตและจังหวะโอกาสในการเข้าเปิด IPO โดยมีบริษัทลูกที่อยู่ใน Multiverse ของออริจิ้น เช่น บริษัท ไทย ลีฟ ไบโอเทคโนโลยี จำกัด ทำธุรกิจปลูกและสกัด CBD จากกัญชง, บริษัท พรีโม อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด ทำธุรกิจนายหน้าประกันภัย, บริษัทบริหารสินทรัพย์ พรอมิเนนท์ จำกัด ทำธุรกิจบริหารหนี้เสีย, บริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด ทำธุรกิจด้านพลังงานสะอาดในโครงการที่อยู่อาศัยและ EV Charger
ด้านสัดส่วนรายได้บริษัทเมื่อถึงปี 2568 พีระพงษ์ระบุว่า รายได้จากการขายที่อยู่อาศัยจะยังเป็นส่วนหลัก 70% และรายได้จากบริษัทอื่นๆ จะคิดเป็น 30% (ปัจจุบันรายได้บริษัทอื่นอยู่ที่ 10% เท่านั้น) อย่างไรก็ตาม ภายใน 5-6 ปีข้างหน้า พีระพงษ์หวังว่าสัดส่วนรายได้จากบริษัทลูกจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ซึ่งจะทำให้พอร์ตขององค์กรมีสมดุล ทำรายได้จากธุรกิจที่หลากหลายอย่างแท้จริง
ลุย “คอนโด” เต็มสูบ
ด้านแผนธุรกิจที่อยู่อาศัย ออริจิ้นเตรียมเปิดตัว 31 โครงการ มูลค่ารวม 42,000 ล้านบาท (แบ่งเป็นคอนโดฯ 19 โครงการ มูลค่ารวม 28,600 ล้านบาท และแนวราบ 12 โครงการ มูลค่ารวม 13,400 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 137%
วางเป้าพรีเซล 35,000 ล้านบาท เติบโต 16% YoY และเป้ารายได้ 17,500 ล้านบาท เติบโต 10% YoY
ปีนี้ถือว่าออริจิ้นเพิ่มสัดส่วนการเปิดตัวคอนโดฯ มากขึ้นกว่าปีก่อนซึ่งเปิดไป 9 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท เหตุที่ออริจิ้นลงทุนเพิ่มสูง พีระพงษ์กล่าวว่า เชื่อว่าปีนี้คอนโดฯ จะกลับมาฟื้นตัว เพียงแต่ไม่ใช่การฟื้นตัวพร้อมกันทั้งตลาด แต่จะเป็นบางกลุ่มที่ขายได้ เช่น คอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งตรงใจคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีลูก และมักจะเลี้ยงสัตว์แทน หรือกลุ่มเวลเนส เรสซิเดนซ์ ซึ่งเหมาะกับคนรักสุขภาพ คอนโดฯ ประเภทเหล่านี้ออริจิ้นมีการพัฒนาโครงการไว้แล้ว
นอกจากการเปิดโครงการแล้ว ปีนี้ออริจิ้นจะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การทำ Virtual Sales Gallery ที่เชื่อมโยงกับการจัดแสดง NFT รวมถึงจะมีการเปิด ICO กับบางโครงการ และสร้าง Utility Token ของบริษัทมาเสริมระบบนิเวศของธุรกิจโรงแรมด้วย
สำหรับความท้าทายของปี 2565 พีระพงษ์มองไปถึงเหตุการณ์ระดับโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครน และการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะมีผลทางเศรษฐกิจโดยอ้อมกับประเทศไทย รวมถึงทำให้ผู้บริโภคอาจเกิดความไม่มั่นใจต่อภาวะสงครามและชะลอการซื้ออสังหาฯ ได้ อย่างไรก็ตาม อาจจะมีโอกาสบวกในแง่การท่องเที่ยว เนื่องจากชาวรัสเซียบางส่วนอาจต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและมาเที่ยวระยะยาวในประเทศไทย เป็นผลบวกกับโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์