ปิ้งย่าง – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 18 Jun 2024 12:07:58 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แกะแคมเปญ ‘บาร์บีคิวพลาซ่า x เลย์’ กับการพาแบรนด์ไป “อยู่ในชีวิตประจำวันผู้บริโภค” เพื่อเป็น Top of mind https://positioningmag.com/1478665 Tue, 18 Jun 2024 10:37:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1478665 ในวันที่เศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อหด แต่จะทำโปรโมชั่นกับ ราคา คงไม่ใช่เรื่องดีกับธุรกิจในระยะยาว นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ บาร์บีคิวพลาซ่า (Bar B Q Plaza) พยายามงัดทุกกลเม็ด เพื่อสร้างการเติบโตโดยไม่ทำโปรเกี่ยวกับราคา จนล่าสุดแบรนด์ก็ได้ Collab กับ เลย์ (Lay) แบรนด์ขนมมันฝรั่งทอดกรอบเพื่อทำการตลาดร่วมกัน

ปิ้งย่าง 9,000 ล้านยังทรงตัว

ภาพรวมตลาดร้านอาหารยังคง แข่งขันสูง ไม่ว่าจะเป็นด้าน ราคา คุณภาพ และการเป็น Top of mind ในใจผู้บริโภค ดังนั้น เราจะได้เห็นกลยุทธ์ใหม่ ๆ ในการทำการตลาดเพื่อแข่งขันกัน โดยเฉพาะกับเซกเมนต์ ปิ้งย่าง ที่ยังเป็นประเภทร้านอาหารที่คนไทยนึกถึงเป็นอันดับแรก ๆ แม้ว่าในปีนี้ตลาด 9,000 ล้านบาท จะทรงตัวก็ตาม ดังนั้น แคมเปญย่อย ๆ ของแบรนด์ในปีนี้จึงเพิ่มมากขึ้นตามแต่โอกาสที่เห็น ส่วนแคมเปญหลักที่วางไว้ 8-10 แคมเปญ/ปี ยังเหมือนเดิม

“ปิ้งย่างยังเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนไทยนึกถึงหากต้องการมีแชร์ริ่งโมเมนต์ แต่ต้องยอมรับว่าในไตรมาสแรกยังค่อนข้างเหนื่อย เพราะภาพรวมเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เราเห็นยอดสเปนดิ้งที่ลดลง ดังนั้น เราต้องมีโปรโมชั่นสนุก ๆ มาเล่น มีความชาเลนจ์ เช่น แคมเปญคีบกุ้ง แต่เราจะไม่ได้เล่นเรื่องราคาตรง ๆ” รัฐ ตระกูลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กล่าว

ทำให้แบรนด์ยังอยู่ในใจ คือ Priority สูงสุด

รัฐ มองว่า ความสำคัญสูงสุดที่ บาร์บีคิวพลาซ่า ให้ในการทำการตลาดก็คือ การเป็น Top of mind ที่ผู้บริโภคยังคงนึกถึง โจทย์คือ ต้องทำให้แบรนด์ยังอยู่ในกระแส ตลอด ทำให้นอกจาการเล่น Real Time Marketing หรือมีกิจกรรมผ่านโซเชียลมีเดียแล้ว แบรนด์ก็ต้องหา พาร์ตเนอร์ ที่จะทำให้บาร์บีคิวพลาซ่า เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันผู้บริโภคให้ได้ เพื่อให้แบรนด์ใกล้กับคอนซูมเมอร์มากขึ้น

“เราอยู่มานาน 27 ปี โจทย์ใหญ่ของเราคือ ต้องทำให้แบรนด์ไม่เอาต์ ต้องทำให้บาร์บีก้อนยังมีชีวิตอยู่ได้ตลอด”

ดังนั้น บาร์บีคิวพลาซ่าจึง Collab กับ เลย์ โดยนำน้ำจิ้มต้นตำรับ และน้ำจิ้มหมูกระทะ ออกเป็น เลย์ 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ รสน้ำจิ้มต้นตำรับ และ รสบาร์บีกอนพ่นไฟ โดย รัฐ มองว่าแคมเปญนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคมีโอกาสเอนเกจกับแบรนด์ ทำให้แบรนด์ไปอยู่ในชีวิตประจำวันผู้บริโภคมากขึ้น เพราะแบรนด์สามารถไปอยู่บนเชลฟ์ขนมขบเคี้ยวทั่วประเทศ และเข้าไปอยู่ในบ้านของผู้บริโภค ซึ่งจะยิ่งเพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เนื่องจากเลย์มีกลุ่มลูกค้าที่กว้าง รวมไปถึงช่วยสร้างการเติบโตของยอดขายด้วย

ไม่ใช่แค่สินค้า แต่ทำการตลาดร่วมกันด้วย

นอกจากออกสินค้าร่วมกันแล้ว ทางบาร์บีคิวพลาซ่าและเลย์จะทำ แคมเปญการตลาดร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารการตลาดร่วมกันผ่านโซเชียลมีเดียของทั้งสองแบรนด์, การทำโปรโมชั่นร่วมกัน อาทิ นำรหัสในถุงเลย์แลกซื้อดื่มเป๊ปซี่รีฟิล 1 แถม 1 เป็นต้น รวมถึงมีการตกแต่งหน้าร้านบาร์บีคิวพลาซ่า และวางจำหน่ายเลย์รสชาติบาร์บีคิวพลาซ่าในบางสาขา

“เลย์มีการร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ มาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราร่วมกันแบบครบ 360 องศา ทั้งการทำแคมเปญการตลาด การสื่อสาร และการทำโปรโมชั่นร่วมกัน ซึ่งนอกจากแคมเปญนี้จะช่วยสร้างสีสันใหม่ ๆ แล้ว เราเชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสทางการขาย นอกเหนือจาก 3 รสยอดนิยม ได้แก่ ออริจินอล, โนริสาหร่าย และบาร์บีคิว” พรรณทิพา พงศ์ชัยฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์เลย์ บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด กล่าว

วางเป้าทั้งปี 3,800 ล้าน

นอกจากสินค้าที่ออกร่วมกับเลย์ ในแคมเปญนี้บาร์บีคิวพลาซ่าได้ออก 2 เซตเมนูใหม่ ได้แก่ ชุดหมู Extra BBQ Party ราคา 169 บาท และชุดหมู Extra BBQ Festival เซตใหญ่ราคา 299 บาท โดยการออกเมนูและเซตเมนูใหม่จะช่วยให้ลูกค้ากลุ่มที่ชอบลองเมนูใหม่ ๆ เพิ่มความถี่และยอดใช้จ่ายขึ้น 10-20%

“เรามีสมาชิก Gon Gang โดยสามารถแบ่งตามพฤติกรรมได้ 11 กลุ่ม ซึ่งจะมีกลุ่มที่มักมาลองเมนูหรือเซตใหม่ ๆ ซึ่งเราเชื่อว่าแคมเปญที่ร่วมกับเลย์จะช่วยเพิ่มลูกค้ากลุ่มนี้ได้”

ปัจจุบัน สมาชิก Gon Gang มี 2.9 ล้านราย Active 1.5 ล้านราย โดยสิ้นปีคาดว่าจะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 3.2 ล้านราย ส่วนรายได้ปีนี้ตั้งเป้าที่ 3,800 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 3,500 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% โดยมองว่าการเติบโตส่วนหนึ่งจะมาจาก สาขาใหม่ ที่จะเปิดประมาณ 10 สาขาในปีนี้ โดยคาดว่าภายในสิ้นปีบาร์บีคิวพลาซ่าจะมีประมาณ 160 สาขา เนื่องจากยอดขายจากสาขาเดิมคาดว่าจะเติบโตเพียงเล็กน้อย โดยปัจจุบัน รายได้เฉลี่ยต่อโต๊ะของบาร์บีกอนอยู่ที่ 1,000 บาท หรือ 300-400 บาทต่อหัว

มอง ต่างจังหวัด เป็นโอกาสสำคัญ

รัฐ ทิ้งท้ายว่า ตอนนี้บาร์บีคิวพลาซ่ากำลัง ศึกษาลูกค้าในต่างจังหวัด แต่ละหัวเมือง เพื่อที่จะเข้าใจ Sub-Culture ของคนต่างจังหวัดให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบัน สาขาต่างจังหวัดของแบรนด์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของสาขาทั้งหมด

“อย่างในโคราช เรามีการนำรถแห่ไปเล่นน้ำช่วงสงกรานต์ เรากำลังพยายามทำความเข้าใจลูกค้า เพราะแต่ละจังหวัดมีพฤติกรรมแตกต่างกัน คนก็มีไลฟ์สไตล์ต่างกัน บางกลุ่มก็มีกำลังซื้อสูงกว่าในกรุงเทพฯ ซึ่งเราก็พยายามจะเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มพรีเมียม”

]]>
1478665
ถอดรหัสแคมเปญ “อยู่ด้วยกันก๊อนนน!” ของ ‘บาร์บีคิวพลาซ่า’ กับหมุดหมายเปลี่ยนแบรนด์ให้เป็นเพื่อน Gen Z https://positioningmag.com/1422476 Thu, 09 Mar 2023 04:18:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1422476 ในตลาดปิ้งย่างที่มีการแข่งขันกันดุเดือด และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ถ้าอยากจะได้ลูกค้า ‘วัยรุ่น’ หรือคน ‘Gen Z’ ที่อาจยังมีกำลังซื้อไม่มากนักและต้องการความคุ้มค่าก็ต้องทำโมเดลแบบ  ‘บุฟเฟต์’ แต่ไม่ใช่กับ บาร์บีคิวพลาซ่า ที่จะทำบุฟเฟต์แค่เป็นแคมเปญปีละ 1-2 ครั้งเท่านั้น แต่การจะได้ใจคนรุ่นใหม่ในแบบของบาร์บีก้อนก็คือต้องทำตัวเป็นสะพานเชื่อมให้กับคนรุ่นใหม่

อยู่ด้วยกันก๊อนนน แคมเปญที่เล่นกับความกังวล

แม้ที่ผ่านมา บาร์บีคิวพลาซ่า จะมีการใช้แมชชีน เลิร์นนิ่งแบ่งลูกค้าตามพฤติกรรมการได้มากกว่า 11 ประเภท แต่กลุ่มลูกค้าที่บริษัทต้องการจะมัดใจเพื่อให้อยู่กับแบรนด์ไปนาน ๆ นั้นหนีไม่พ้น Gen Z (12-26 ปี) ที่จะกลายมาเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ในอนาคต นี่จึงเป็นอีกโจทย์ของ รัฐ ตระกูลไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด

แน่นอนว่าการจะจับกลุ่ม Gen Z ก็ต้องสื่อสารไปให้ตรงใจกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งบาร์บีคิวพลาซ่าก็ได้หยิบเอา ความกังวล ของวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ อดีต หรือ อนาคต มาใช้เพื่อสื่อสารให้คนหันมาโฟกัสกับปัจจุบันหรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า จนเกิดเป็นแคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน ที่ต้องการจะเตือนสติและชวนให้ทุกคนมาอยู่กับบาร์บีคิวพลาซ่า

“ความกังวลในอดีตหรืออนาคต โดยเฉพาะใน Gen Z ที่ต้องเครียดเรื่องเรียน เรื่องอนาคต ซึ่งมันทำให้ความสุขในชีวิตหายไป และเรามองว่าแบรนด์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่เป็นกระบอกเสียง แต่ต้องเป็นสะพานเชื่อมให้กับคนรุ่นใหม่ด้วย” รัฐ ตระกูลไทย อธิบาย

สำหรับแคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน จะแบ่งกิจกรรมเป็น 3 ส่วน ได้แก่

  1. Be with Gon ที่เริ่มจากการสอบถามความกังวลและความสุขของพนักงาน พร้อมให้พนักงานเขียนคำที่ต้องการสื่อสาร เพื่อให้เกิด Inspiration กับคน ปัจจุบันมีข้อความกว่า 2,000 ข้อความ
  2. Gon with Me โดยจะเปิดพื้นที่ พูดคุยกันผ่านร้านบาร์บีคิวพลาซ่าทิพย์ เพื่อเป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อหาเพื่อนคุย ยิ่งพูดคุยนานก็จะยิ่งได้ส่วนลด
  3. Kitchen of now การจัดนิทรรศการที่สามย่าน มิตรทาวน์ โดยจะแบ่ง 3 โซนหลัก พร้อมส่วนลดให้ผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมนิทรรศการครบทั้ง 3 โซน โดยเริ่มตั้งแต่ 8-16 มีนาคม

นอกจากนี้ ยังมีการโปรโมตผ่านสื่อ Out of Home อย่าง รถตุ๊ก ตุ๊ก โดยจะติดข้อความต่าง ๆ เพื่อกระจายการรับรู้ถึงแคมเปญในวงกว้างและที่ขาดไม่ได้คือ โปรโมชัน ฮีลใจวัยรุ่น 299 บาท เริ่มตั้งแต่ 2 มีนาคม ถึง 2 เมษายน

“เรามองว่าตอนนี้สื่อมันมีอะไรให้เราเล่นมาก เพราะตอนนี้ผู้บริโภคมีทัชพอยต์เยอะขึ้น เราต้องเข้าให้ถึงทุกทัชพอยต์ แต่ต้องถูกเวลาอย่างการใช้ตุ๊ก ๆ มาโปรโมตช่วยให้คนเข้าถึง เราก็มองว่าคนออกมาใช้ชีวิตข้างนอกกันเยอะแล้ว”

แบรนด์ต้องเป็นเพื่อน

รัฐ อธิบายว่า แคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สร้างแบรนด์เลิฟ ที่ไม่ได้แค่สื่อสารทางเดียว แต่ สร้างการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ในหลากหลายด้าน ซึ่งจะช่วยสร้าง ความไว้วางใจ (Trust) ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ เพื่อให้เกิด แบรนด์เลิฟ ใน Gen Z

“สิ่งที่เราต้องการคือ การเป็นแบรนด์ที่คนรัก เห็นบาร์บีก้อนเห็นแบรนด์เราแล้วยิ้ม ต้องการให้แบรนด์เป็นเพื่อนเขา เป็นสถานที่ที่ทำให้ทุกคนมาเจอกันแล้วมีความสุขร่วมกัน ซึ่งแคมเปญนี้จะสื่อสารกับคน Gen Z ได้ดีที่สุด”

นอกจากแคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน บริษัทก็ต้องการที่จะผลักดัน บาร์บีก้อนให้เป็นมากกว่ามาสคอต แต่ต้องการให้เป็นเหมือนคนหนึ่งคน ที่จะเป็นเพื่อนกับลูกค้า

รัฐ มองว่า ที่ผ่านมาแบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าถือเป็น Top of Mind ในตลาด โดยสิ่งที่แบรนด์ทำได้ดีคือ การเป็นกระบอกเสียงให้ผู้บริโภคให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจของแคมเปญต่าง ๆ เช่น การโหวตเลือกโปรโมชัน แต่แคมเปญ อยู่ด้วยกันก๊อนนน จะเป็นสเต็ปในการทำมาร์เก็ตติ้งของแบรนด์ เพราะปัจจุบันที่ตลาดแข่งขันสูง แบรนด์เองก็ต้องพยายามยึดจุดที่แบรนด์ทำได้ดี

“คนบอกว่าวันนี้อยากกินหมูกระทะ อีกวันอยากกินบาร์บีก้อน แสดงให้เห็นว่าเรามียูนีคเซลลิ่งพอยต์ที่ต่างจาก เราเองก็ต้องพยายามยึดจุดที่เราทำได้ดี

เป้าหมายของแบรนด์ในปีนี้คือการเพิ่ม Members จากประมาณ 2.1 ล้านรายเป็น 3 ล้านรายภายในสิ้นปี ซึ่งการทำการตลาดจากนี้จะต้องเป็น Personalize นอกจากนี้จะเน้นที่การเพิ่มยอดขาย Same Store ทั้ง 146 สาขา และมองหาโอกาสใหม่ ๆ จาก Gon Express ส่วนการเปิดสาขาใหม่ ๆ กำลังมองโอกาสจากพื้นที่นอกห้างฯ

]]>
1422476
72.5% ของคนไทยพร้อมกลับไปนั่งทานในร้าน! หมูกระทะ-ชาบู-ปิ้งย่าง มาแรงสุด https://positioningmag.com/1350240 Fri, 03 Sep 2021 10:46:08 +0000 https://positioningmag.com/?p=1350240 LINE ประเทศไทย เปิดโพลให้ผู้ใช้แอปฯ ร่วมโหวตในหัวข้อ “ร้านอาหารร้านแรกที่คุณจะไปกินหลังคลายล็อกดาวน์ คือ!?!” ผลปรากฏ 72.5% ของผู้ตอบโพลพร้อมกลับไปนั่งทานในร้านอาหาร โดยร้านอาหารกลุ่มที่ลูกค้าคิดถึงมากคือ หมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง

Positioning สำรวจข้อมูลจากโพลของ LINE ประเทศไทย ที่เผยแพร่บนแอปพลิเคชัน LINE เปิดให้ผู้ใช้ร่วมโหวตหัวข้อ “ร้านอาหารร้านแรกที่คุณจะไปกินหลังคลายล็อกดาวน์ คือ!?!” แต่ละคนสามารถโหวตได้ไม่เกิน 3 หัวข้อ โดยมีผู้ร่วมโหวตแล้ว 38,000 คน หลังจากเริ่มเปิดโหวตตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 มีผลโหวตดังนี้

  • ยังไม่ไปดีกว่า กลัว 27.5%
  • หมูกระทะ 12.9%
  • ร้านไหนก็ได้ที่คนไม่เยอะ 12.8%
  • ชาบู 12.8%
  • ปิ้งย่าง 12.2%
  • ก๋วยเตี๋ยว 9.6%
  • คาเฟ่ 6.3%
  • ของหวาน ไอติม บิงซู 3.5%
  • โอมากาเสะ 2.4%

เห็นได้ว่าแม้จะมีผู้ใช้ 27.5% ที่ยังหวั่นเกรงการไปร้านอาหาร หลังจากภาครัฐคลายล็อกดาวน์ให้ร้านอาหารสามารถเปิดได้ภายใต้ข้อบังคับทางสาธารณสุข เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 64 แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ 72.5% พร้อมที่จะไปนั่งทานในร้านอาหารแล้ว

ที่น่าสนใจคือ กลุ่มหมูกระทะ ชาบู ปิ้งย่าง ซึ่งเป็นร้านลักษณะที่ลูกค้าจะได้ประสบการณ์การทำอาหารด้วยตนเอง กลุ่มนี้มีลูกค้าโหยหาที่จะไปถึง 37.9% เป็นไปได้ว่าเกิดจากปกติแล้วร้านลักษณะนี้ค่อนข้างลำบากที่จะสั่งเดลิเวอรี่ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้า “คิดถึง” อย่างมาก

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือผู้ใช้ 12.8% ระบุว่า ต้องการไปร้านอาหารใดก็ได้ที่คนไม่เยอะ สะท้อนให้เห็นว่ามีลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่ใส่ใจเรื่องการเว้นระยะห่างภายในร้าน ซึ่งทำให้ร้านอาหารที่ต้องการดึงลูกค้าในช่วงนี้ อาจจะจับจุดนี้มาเป็นประเด็นโปรโมตได้

]]>
1350240
เปิด 5 เหตุผล ทำไม “บาร์บีคิวพลาซ่า” ต้องมี GON Pot เป็นมากกว่าปิ้งย่าง ขอลุยตลาดต้ม https://positioningmag.com/1286479 Sat, 04 Jul 2020 07:15:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1286479 เป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ของแบรนด์ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ที่ประกาศเปิดเซ็กเมนต์ใหม่ แตกไลน์จากเมนูปิ้งย่างสู่ตลาดหม้อต้ม เปิดตัวเมนูเดลิเวอรี่จากจุ่มแซ่บฮัท พร้อมกับ GON Pot เตาต้มและปิ้งย่างในเตาเดียว

5 เหตุผลที่ต้องมี GON Pot

บาร์บีคิวพลาซ่าได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เดินหน้าลุยตลาดต้ม ประเดิมเมนูแรกด้วย “ก้อนจุ่มแซ่บ” ในรูปแบบเดลิเวอรี่ มี 4 เซตใหญ่ทั้งหมูและเนื้อ พร้อมน้ำซุป และน้ำจิ้มจุ่มแซ่บฮัทในราคาเริ่มต้นที่ 599 บาท

พร้อมจัดโปรโมชั่นสั่งเซตอาหารแถมฟรี! เตาอเนกประสงค์ 2-in-1 Newwave สีชมพูสวยที่สามารถทำได้ทั้งต้ม และปิ้งย่างในเตาเดียวกัน จำหน่ายเฉพาะ 4-12 กรกฎาคม หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ผ่าน LINE@ Gon and the Gang เท่านั้น

การที่บาร์บีคิวพลาซ่าลงมาตลาดนี้ มีเหตุผลอะไรบ้าง

1. สถานการณ์ร้านอาหารยังไม่นิ่ง

ต้องบอกว่าแม้ตอนนี้ประเทศไทยจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มีการคลายล็อกธุรกิจจนเกือบจะเป็นปกติแล้ว ร้านอาหารต่างๆ ก็ให้ทานในร้านได้ปกติ

แต่ในตอนนี้เรื่องของกำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่มอาจจะยังไม่กลับมา เพราะด้วยปัญหาด้านเศรษฐกิจ บางคนตกงานไม่มีรายได้ ร้านอาหารบางร้านก็เสียรายได้จากช่วงที่ปิดร้านไปเยอะ ทำให้ต้องหาโปรโมชั่น นวัตกรรมใหม่ๆ ในการดึงดูดผู้บริโภค

การเปิดเมนูใหม่ หรือการมีโปรโมชั่นใหม่ๆ เป็นการสร้างความน่าสนใจ และกระตุ้นการอยากลองของผู้บริโภคได้อย่างดี

2. คนไทยชอบชาบู

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานบริหารหน่วยธุรกิจบาร์บีคิวพลาซ่า ได้เล่าว่า ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่านมา ได้มองเห็นความต้องการของผู้บริโภคในตลาดต้มประเภทชาบูว่าเป็นอีกตลาดที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก และมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง

จึงเป็นโอกาสที่จะพัฒนาเมนูของบาร์บีคิวพลาซ่าให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในตลาดนี้ได้ด้วย นอกจากจะช่วยเพิ่มลูกเล่นความหลากหลายของเมนูได้ครอบคลุมทั้งประเภทปิ้งย่าง และต้มให้กับแบรนด์แล้ว ยังเพิ่มรายได้อีกด้วย

ซึ่งพฤติกรรมคนไทยมีความชื่อชอบอาหารประภทชาบูเป็นอันดับต้นๆ อยู่แล้ว การที่แตกเซ็กเมนต์ในกลุ่มนี้เพิ่ม ยิ่งช่วยสร้างบานลูกค้ามากขึ้น

3. จัดโปรแถมเตา/หม้อ ยังเป็นที่นิยม

ตั้งแต่ในช่วงของการล็อกดาวน์ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้เห็นกลยุทธ์ของเหล่าบรรดาร้านอาหารที่ต้องเอาตัวรอดเพื่อหนีตายกันยกใหญ่ เพราะไม่สามารถให้ลูกค้านั่งทานในร้านได้ หนึ่งในกลยุทธ์นั้นคือการจัดเซต จัดโปรโมชั่นซื้ออาหาร แถมหม้อ หรือเตาไปเลยฟรีๆ งานนี้แม้จะกำไรน้อยหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แถมวัตถุดิบที่สต็อกไว้ก็เสียหายด้วย

แม้ตอนนี้จะคลายล็อกให้ทานอาหารในร้านได้แล้ว แต่ก็ยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มยังไม่สะดวกใจที่จะไปทานที่ร้าน ยังมีกลุ่มที่ยังชื่นชอบทานอาหารในกลุ่มที่บ้าน การที่มีโปรแถมหม้อก็ยังคงเป็นที่สนใจอยู่

ยิ่งในช่วงที่ผ่านมาหลายคนอยู่บ้านกันมากขึ้น ก็คุ้นชินกับการทำอาหาร ทำให้หลายคนยังอยากทำอาหารทานเองอยู่ที่บ้าน

4. ต้องการเป็น Lifestyle Brand

แม้แบรนด์บาร์บีคิวพลาซ่าจะขึ้นชื่อเรื่องอาหารปิ้งย่าง ในช่วงหลังได้มีเมนูใหม่ๆ ที่ใส่ความนิยมของผู้บริโภคแต่ละยุคสมัยลงไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บัวลอย ไข่เค็ม หรือจะมีการจับมือกับพิซซ่าฮัท สาหร่ายมาชิตะ หรือแม้แต่สินค้าที่เป็น Non-Food ด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการปูทางสู่ความเป็น Lifestyle Brand

ถึงแม้ว่าเมนูนี้จะเป็นเมนูของจุ่มแซ่บฮัท แต่ในบางโลคอล บางสาขาจุ่มแซ่บฮัทจะอยู่รวมกับบาร์บีคิวพลาซ่า เป็นการแตกเซ็นเมนต์การต้มให้กับบาร์บีคิวพลาซ่าไปด้วย

5. ดันยอดขายจากเดลิเวอรี่

ในช่วงวิกฤต COVID-19 การขายจากเดลิเวอรี่เป็นเพียงทางรอดทางเดียวของร้าน แม้จะเปิดร้านได้แล้ว แต่ก็ยังต้องกระตุ้นการขายจากเดลิเวอรี่อย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความนิยมมากขึ้นด้วย

การเปิดแคมเปญนี้ ทำให้บาร์บีคิวพลาซ่าตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเดลิเวอรี่เป็น 20% ภายในปี 2563 และจะเป็นการหารายได้เพิ่มในช่วง COVID-19 ด้วย

สำหรับเมนูประเภทต้มที่บาร์บีคิวพลาซ่าได้นำมาเปิดตัว ภายใต้ชื่อชุด “ก้อนจุ่มแซ่บ” ประกอบด้วยเมนู 4 ประเภท ได้แก่

  1. ชุดก้อนจุ่มแซ่บหมู ประกอบด้วย หมูสันคอชาบู เบคอน เต้าหู้ปลา บูตะคอร์น หมูหมักนุ่ม คามะจัง ผักรวม น้ำซุปก้อนออนเซ็น น้ำจิ้มจุ่มแซ่บ และหอมเจียว ในราคา 599 บาท
  2. ชุดก้อนจุ่มแซ่บเนื้อ ประกอบด้วย เนื้อออสเตรเลีย  ชิกเก้นสตริ๊ป เต้าหู้ปลา ไก่หมัก เนื้อหมักนุ่ม คามะจัง ผักรวม น้ำซุปก้อนออนเซ็น น้ำจิ้มจุ่มแซ่บ และหอมเจียว ในราคา 699 บาท
  3. ชุดก้อนจุ่มแซ่บปาร์ตี้หมู ประกอบด้วย หมูสันคอชาบู เบคอน เต้าหู้ปลา บูตะคอร์น หมูหมักนุ่ม หมึกกล้วยแล่ชิ้น กุ้งขาว คามะจัง ผักรวม น้ำซุปก้อนออนเซ็น น้ำจิ้มจุ่มแซ่บ และหอมเจียว ราคา 999 บาท
  4. ชุดก้อนจุ่มแซ่บปาร์ตี้เนื้อ ประกอบด้วย เนื้อออสเตรเลีย ชิกเก้นสตริ๊ป เต้าหู้ปลา ไก่หมัก เนื้อหมักนุ่ม หมึกกล้วยแล่ชิ้น กุ้งขาว คามะจัง น้ำซุปก้อนออนเซ็น ผักรวม น้ำซุปจุ่ม น้ำจิ้มจุ่มแซ่บ และหอมเจียว ราคา 1,039 บาท

จัดส่งทั้งหมด 12 สาขา เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล สามารถตรวจสอบสาขาที่จัดส่งได้ที่ https://gon-delivery.hatohub.com/brand/gon โดยคิดค่าจัดส่งตามระยะทาง 3 กิโลเมตรแรก 19 บาท กิโลเมตรถัดไป 9 บาท ภายในรัศมี 6 กิโลเมตรจากทั้ง 12 สาขา เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป สั่งได้เลยผ่าน LINE@ Gon and the Gang

]]>
1286479
“บาร์บีคิว พลาซ่า” ปิ้งย่างยุค New Normal แม้มีพี่ก้อน แต่งด “รีฟิล-กระทะดำ” ไปยาวๆ https://positioningmag.com/1281320 Sun, 31 May 2020 16:02:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1281320 คลายล็อกดาวน์ระยะ 2 ได้ 2 สัปดาห์ สามารถเปิดศูนย์การค้า และร้านอาหารในห้างฯ ได้ “บาร์บีคิว พลาซ่า” งัดไม้เด็ดในการให้พี่ก้อน หรือบาร์บีกอนเป็นเพื่อนนั่งเวลาทานอาหาร ไม่ให้ลูกค้ารู้สึกเหงา แต่รายได้และกำไรที่น้อยลง อาจจะทำให้แบรนด์ต้องงดแคมเปญ “รีฟิล” และยกเลิกกระทะดำไปก่อนแบบยาวๆ เลย

ให้พี่ก้อนเป็นเพื่อนกิน

หลังจากที่มีประกาศจากรัฐบาลว่าให้ศูนย์การค้า และห้างสรรพสินค้าเปิดทำการได้ในวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ร้านอาหารที่อยู่ในศูนย์ฯ ต่างได้คลายล็อกด้วยเช่นกัน สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ต้องอยู่ในมาตรการ Social Distancing เว้นระยะห่างทางสังคมอยู่

ในตอนนั้นทำให้เกิดไวรัลบนโลกออนไลน์ เมื่อ “บาร์บีคิว พลาซ่า” ได้ออกไอเดียนำเอามาสคอตของแบรนด์อย่าง “บาร์บีกอน” หรือเรียกติดปากกันว่าพี่ก้อน มานั่งในโต๊ะเดียวกันกับลูกค้า เพื่อไม่ให้รู้สึกเหงาที่ต้องนั่งทานคนเดียว

เบื้องหลังของแนวคิดนี้เรียกว่ามาจากต้องการให้ผู้บริโภคมีรอยยิ้มในการทานอาหาร ประกอบกับสถานการณ์รอบตัวที่พบว่าทุกร้านต้องจัดโต๊ะตามมาตรการของรัฐบาล การให้ลูกค้ามีประสบการณ์ใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำในตอนนี้

โดยที่ “บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์” ประธานบริหารหน่วยธุรกิจบาร์บีคิวพลาซ่า และงานบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด หรือ Chief Possible Officer เริ่มเล่าว่า

“แคมเปญนี้คิดมาจาก Consumer First คิดว่าถ้าแบรนด์หายไปนานๆ ลูกค้าน่าจะคิดถึงเก้าอี้ที่เก่า แต่ถ้ามากินคนเดียวคงจะแปลกๆ อยากให้ลูกค้ามีความสุข และให้แบรนด์อยู่กับเขา อยากให้เป็นแบรนด์แรกๆ ที่ลูกค้ากลับมาหลังเปิดห้างฯ หลายๆ แบรนด์อาจจะคิดว้าป็นการ Re-opening แต่เราคิดว่าเป็นการ New Opening คือการเปิดใหม่ของแบรนด์ และที่ผ่านมามีแต่ข่าวเครียดๆ จึงอยากให้ทุกคนมีรอยยิ้ม”

บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานบริหารหน่วยธุรกิจบาร์บีคิวพลาซ่า และงานบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด หรือ Chief Possible Officer
บุณย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ประธานบริหารหน่วยธุรกิจบาร์บีคิวพลาซ่า และงานบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด หรือ Chief Possible Officer

หุ่นพี่ก้อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามลูกค้านั้น เป็นอุปกรณ์ที่ของเหลือจากแคมเปญ “ก้อนกล้าหาญ” ตุ๊กตากระดาษจิ๊กซอว์ ที่นำมาประกอบต่อกันเป็นบาร์บีกอน พร้อมด้วยโควทคำพูดเก๋ๆ เป็นสีสันให้กับการทาน เช่น “ห่างกันแค่หลักเมตร แต่ได้นั่งเดทกับ GON ฟินเฟร่อ” และ “คำว่า โสด จะหายไป เพราะมื้อนี้ควง GON มาปิ้งด้วย”

ทุกสาขาทั่วประเทศจะมีวางพี่ก้อนทุกโต๊ะ สามารถสร้างความสนใจให้แก่ลูกค้าอย่างมาก จนในที่สุดทางบาร์บีคิว พลาซ่าก็ได้ตัดสินใจวางขายโมเดลพี่ก้อนผ่าน Facebook Live ตัวละ 149 บาท เพราะมีลูกค้าเรียกร้อง

ดีไซน์เมนูให้ทานคนเดียว

การเปิดให้บริการร้านอาหารอีกครั้งยังเต็มไปด้วยความท้าทายอันหนักอึ้ง จำนวนโต๊ะเก้าอี้ลดน้อยลง รับลูกค้าได้น้อยลง ทำให้รายได้น้อยลง ซึ่งบาร์บีคิว พลาซ่าเป็นร้านปิ้งย่างที่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะมาทานกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทานกันเป็นกลุ่ม ชุดอาหารจึงได้ออกแบบเป็นเซตใหญ่ที่ทานแล้วคุ้มค่า

เมื่อต้องกลายเป็นปิ้งย่างยุค COVID-19 ก็ต้องทานแบบ New Normal ทำให้ 1 โต๊ะ นั่งได้แค่คนเดียว ทางแบรนด์จึงต้องดีไซน์เซตเมนูใหม่ให้เหมาะกับการทานคนเดียว

เกิดเป็นชุดอาหาร “ฉายเดี่ยว…เลี้ยวมา GON” สามารถเลือกได้ตามใจได้ 8 เมนู ออกแบบให้ครอบคลุมทั้งประเภทเนื้อสัตว์ คัดเมนูขายดีมาให้เลือกทั้งหมด 16 เมนู สามารถเลือกได้ 5 เมนู ประเภทผักต่างๆ 6 เมนู เลือกได้ 2 เมนู และประเภทคาร์โบไฮเดรต 3 เมนู เลือกได้ 1 เมนู

ชุดนี้มีราคา 262 บาท เป็นการตั้งราคาที่ได้จากข้อมูลการใช้บริการของลูกค้าที่ส่วนใหญ่จะมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 300 บาท เป็นราคาที่สามารถเข้าถึงได้

รวมถึงการเสิร์ฟน้ำจิ้ม พริก กระเทียม กะหล่ำปลีก็ต้องปรับใหม่ให้พนักงานเสิร์ฟที่โต๊ะ ไม่มีการวางไว้บนโต๊ะ พนักงานจะกะในปริมาณที่เหมาะกับการทานต่อครั้ง ต่อคน เพื่อลดความถี่ในการให้พนักงานบริการ

ลาก่อนชุดรีฟิล-กระทะดำ (ชั่วคราว)

มาถึงแคมเปญที่เป็นฮีโร่ประจำร้านคงหนีไม่พ้นแคมเปญ “รีฟิล” หรือจะเรียกว่าบุฟเฟต์ก็ไม่ผิดมากนัก เป็นแคมเปญที่หลายคนตั้งตารอ เพราะในแต่ละปีจะจัดแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ยังคงจุดยืนความเป็นร้านปิ้งย่างแบบ A la carte เอาไว้อย่างเหนียวแน่น

เมื่อเจอวิกฤต COVID-19 ทำให้ร้านค้าต้องปิดตัว แถมยังต้องไปพึ่งพาการขายออนไลน์ และเดลิเวอรี่ ไม่สามารถครอบคลุมรายได้ที่หน้าร้านได้หมด แต่ก็เป็นวิธีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด แน่นอนว่าทุนหายกำไรหดกันไปตามๆ กัน

การที่ร้านสามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง ก็ยังไม่สามารถสร้างรายได้ได้เท่าเดิม ขายได้น้อยลง รับลูกค้าได้น้อยลง ยังคงต้องเน้นการขายออนไลน์ควบคู่ไปด้วย เรียกว่าร้านก็ยังไม่ฟื้นตัวมากเท่าที่ควร

การที่จัดแคมเปญรีฟิวของบาร์บีคิว พลาซ่าเป็นการคืนกำไรให้ลูกค้าโดยแท้ เพราะทางร้านได้กำไรแสนบาง เมื่อเจอวิกฤตในครั้งอาจจะทำให้ต้องหยุดแคมเปญรีฟิลไปอย่างไม่มีกำหนด อีกทั้งสถานการณ์ยังไม่เหมาะกับการทานบุฟเฟต์ หรือการอยู่ในร้านนานๆ ด้วย

ส่วนเรื่องของ “กระทะดำ” ที่แต่เดิมมีอยู่ 10 สาขา ก็ต้องทำการยกเลิกไปก่อน แล้วใช้กระทะทองเหลืองเหมือนกันทุกสาขา ด้วย 2 เหตุผลหลัก

  1. กระทะดำส่วนใหญ่จะอยู่ในสาขาพรีเมียม หรือสาขาที่มียอดขายสูง สามารถกำหนดเมนูพรีเมียมที่แตกต่างจากสาขาอื่นๆ ได้ ในตอนนี้ต้องทำเมนูให้เหมือนกันหมด
  2. ด้วยวิกฤตนี้ต้องมีการปรับวิธีการทำงาน ทางแบรนด์เองได้ปรับการบิรหารเป็นแบบ One Decision ทำให้ตัดสินใจได้ง่าย ตัดสินใจด้วยคนเดียว เพราะแต่เดิมจะมีผู้บริหารที่ดูแลสาขากระทะดำโดยตรง ทำให้ตอนนี้ต้องปรับให้เป็นรูปแบบเดียวกันหมด

ถอดบทเรียนครั้งใหญ่ สู้เพื่อความอยู่รอด

ถ้าถามว่าในวิกฤตครั้งนี้ บาร์บีคิว พลาซ่าได้ปรับตัวอะไรบ้าง และบุณย์ญานุชได้เรียนรู้อะไรบ้าง สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • Social Commerce

เจ้าแม่แห่งบาร์บีคิว พลาซ่าบอกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา เรียนรู้เยอะมาก ถึงแม้จะเป็นพี่ใหญ่ในตลาดร้านอาหาร แต่ยังเป็นน้องเล็กในตลาดเดลิเวอรี่ จึงต้องให้ความสำคัญทั้งการหารายได้ในระยะสั้นเพื่อต่อลมหายใจ และการทำในระยะยาวอย่างการแตกธุรกิจใหม่ๆ ทำ เช่น Facebook Live เป็นอีกไอเดียหนึ่งที่พยายามทำกระตุ้น Social Commerce ใช้โมเดลนี้เป็นหลัก มีช่วง “อร่อยชัวร์ครัวพี่ก้อน” เป็นถังออกซิเจนช่วงเวลาสั้นๆ เป็นรถฉุกเฉินที่ได้ต่อยอดทำอะไรหลายๆ อย่าง เพิ่มแต่กำลังหา Success Model อยู่ ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ

  • พัฒนาเดลิเวอรี่

ช่วงที่มีการปิดสาขาต้องมีการเน้นในส่วนของเดลิเวอรี่ ทางแบรนด์ได้เปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งของสำนักงานใหญ่เป็นครัวกลาง Passion Kitchen เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งอาหาร

โดยที่มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ใช้ระบบ Agile ในการทำงาน มีทีมพัฒนาสินค้า พยายามพัฒนาชุด DIY เพื่อให้ได้ขนาดการสั่งซื้อที่ใหญ่ขึ้น

บุณย์ญานุช บอกว่าหลังจากที่ห้างฯ เปิดแล้ว บริการเดลิเวอรี่น่าจะน้อยลง แต่ก็ต้องสร้างซิกเนเจอร์ใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ และมีแผนแตกสินค้าสำหรับ Take Home

  • องค์กรมีส่วนสำคัญ

วิกฤตครั้งนี้ได้เรียนรู้ว่าความสำเร็จขององค์กรมาจาก Culture is King โชคดีที่บาร์บีคิว พลาซ่ามีวัฒนธรรมในองค์กรที่ไม่มีการเมืองใดๆ ผู้บริหารระดับสูงไม่มาคิดเรื่องการเมือง ทำให้ทีมงานมี Mindset ที่ดี สปิริตของทีมต้องพร้อมรบเสมอ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และมีแม่ทัพคอยวางกลยุทธ์

  • กระจายความเสี่ยง

สุดท้ายแล้ว การทำธุรกิจต้องกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ทั้งในช่องทางใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ ต้องรู้ว่าเก่งเรื่องอะไร และโง่เรื่องอะไร ต้องบริหารจัดการต้นทุนให้ดี และกระแสเงินสดจะทำให้รอด หรือร่วง

บุณย์ญานุช ปิดท้ายว่า การที่แบรนด์ออกมาปรับตัว ปรับกลยุทธ์มากมายขนาดนี้ เพราะ “อยากเป็นส่วนหนึ่งให้ธุรกิจรีเทลไม่ล่มสลาย”

]]>
1281320
กลยุทธ์ “ฟรีหม้อ” ยอมเจ็บเเต่ขอมีรายได้ การตลาดสู้ COVID-19 ของธุรกิจร้านปิ้งย่าง-ชาบู https://positioningmag.com/1275499 Mon, 27 Apr 2020 10:10:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1275499 เเข่งกันดุเดือดไม่เเพ้ความร้อนระอุของน้ำซุปกันเลยทีเดียว เมื่อไวรัส COVID-19 สั่นสะเทือนวงการร้านอาหาร ต้องถูกสั่งให้หยุดบริการตามมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการเเพร่ระบาด ลูกค้าต้องสั่งกลับบ้านเท่านั้น

เเม้ฟู้ดเดลิเวอรี่จะเป็นทางออกในยามนี้ เเต่สำหรับร้านอาหารเเนว DIY ปิ้งย่าง-ชาบูทั้งหลายที่ลูกค้าต้องปรุงสุกเอง เคยมีบรรยากาศครื้นเครงภายในร้านเเละความสนุกสนานเมื่อได้สนทนากับคนสนิทที่เป็นเหมือน “เสน่ห์” ของร้านอาหารประเภทนี้ ก็ได้จางหายตามการเว้นระยะห่างทางสังคม (social distancing) ไปด้วย

ในขณะที่ร้านอาหารต้องพึ่งพารายได้จากเดลิเวอรี่ ส่วนใหญ่จะปรับตัวด้วยการทำเเพ็กเกจ “อาหารจานเดียว” กินง่ายจ่ายสะดวก หรือเปลี่ยนไปขายขายวัตถุดิบ เเต่กับร้านปิ้งย่าง-ชาบู ต้อง “ทำมากกว่านั้น”

เพราะอาหารประเภทนี้เมื่อนำไปกินที่บ้านจะมีราคาเเพงกว่าอาหารจานเดียว ต้องใช้อุปกรณ์เยอะหรือเเม้กระทั่งต้องมีเพื่อนกิน…จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าทำอย่างไรให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อลดลง “ยอมจ่าย”

เป็นที่มาของกลยุทธ์การตลาดเเบบใหม่ของเหล่าร้านปิ้งย่าง-ชาบู ที่งัดหมัดเด็ดเอาใจผู้บริโภคจนเกิดกระเเส “สุกี้ฟรีหม้อ” เเก้ Pain Point คนอยากกินเเต่ไม่มีอุปกรณ์ ที่กำลังฟาดฟันเเย่งชิงลูกค้ากันอยู่ในขณะนี้

เเม้จะดูเป็นการเพิ่มต้นทุน เเต่ร้านกำลังต้องการรายได้ให้พอหมุนเงินไปได้ในช่วงนี้ นอกจากนั้นยังเป็นการ “ยิงนกหลายตัว” เพราะเมื่อลูกค้ามีหม้อที่บ้านเเล้ว ก็มีเเนวโน้มที่จะ “สั่งซ้ำ” มากินอีกบ่อยๆ เป็นการรักษาความผูกพันกับแบรนด์ไว้ต่อยอดเมื่อผ่านพ้น COVID-19 พวกเขาเหล่านั้นก็จะกลับมาทานที่ร้านอีก

เทหน้าตัก ชาบูแถมหม้อ พร้อม Tinder

อย่างที่รู้ๆ ว่า “ต่อ-ธนพงศ์ วงศ์ชินศรี” เจ้าของ Penguin Eat Shabu เป็นนักการตลาดตัวยงที่มักจะมีโปรโมชั่นใหม่ๆ มาจุดกระเเสได้เสมอ คราวนี้ในช่วง COVID-19 เมื่อรายได้หน้าร้านลดฮวบ เขางัดกลยุทธ์เเบบเทหน้าตัก ประเดิม “ฟรีหม้อ” เป็นเจ้าเเรกๆ เเต่เรื่องหม้อยังไม่ล้ำพอต้องก้าวไปอีกสเต็ป คือ “ชุดชาบูกระชากความโสด”

Penguin Eat Shabu เริ่มเปิดตัวการขายชาบูเเนวใหม่แถมหม้อสุกี้ มีทั้งราคา 777 บาทและ 999 บาท มีทั้งหม้อสุกี้แบบใหญ่ และหม้อสุกี้แบบต้มคนเดียว ผลตอบรับดีเกินคาดลูกค้าสั่งซื้อจนของหมดเเละระบบล่ม

จากนั้นเมื่อกลับมาอีกครั้งต้องปังกว่าเดิม Penguin Eat Shabu คว้าโอกาสเพิ่มโปรโมชั่นด้วยการแถมฟรี Tinder แอปพลิเคชันหาเพื่อนหาคู่ยอดนิยม ที่ตอนนี้มีฟีเจอร์ที่สามารถปลดล็อกปักหมุดไปทั่วโลกได้ มีมูลค่า 300 บาท ให้ใช้บริการฟรี 1 เดือน…อิ่มท้องเเบบไม่เหงาในช่วงกักตัว

เเถมยังโปรโมตด้วยเเคปชั่นอ้อนลูกค้าว่า “กวิ้นยอมขาดทุน เพื่อให้คุณได้มีคู่แล้วเผื่อจะจูงมากินชาบูร้านกวิ้นบ้าง”

ได้ใจลูกค้าไปเต็มๆ เเละเมื่อคลายมาตรการล็อกดาวน์ เราคงได้เห็นคนจูงมือกันไปกิน Penguin Eat Shabu ที่ร้านเป็นเเน่ เป็นกลยุทธ์การตลาดที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

มาทีหลังปังมาก MK เเจม “ฟรีหม้อ” ขายหมดใน 8 ชั่วโมง 

เเม้จะมาช้ากว่าร้านสุกี้-ชาบูเจ้าอื่นๆ เเต่พอมาเเล้วก็ตู้มเลย เมื่อ MK ตัดสินใจลงมาเล่นโปรโมชั่น “ฟรีหม้อเเถมหม้อ” เหมือนกัน

ด้วยความได้เปรียบจากความเเข็งเเกร่งเเละความน่าเชื่อถือของเเบรนด์ ก็ทำให้ยอดขายของชุด “Ready to ต้ม” 1 ชุด ราคา 1,199 บาท แถมฟรีอุปกรณ์หม้อไฟฟ้า Otto ราคา 590 บาท ที่มีจำกัดเเค่ 2,000 ชุดของ MK ขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาเเค่ 8 ชั่วโมง คนเเห่จองจนเว็บไซต์ล่มไปตามระเบียบ อีกทั้งยังมีกระทู้ถามถึงยี่ห้อของหม้อที่เเจกเเล้วก็มีคนตามไปซื้อในอีคอมเมิร์ซกันคึกคัก

ก่อนหน้านี้ MK เคยออกโปรโมชั่นเเรงๆ ที่สร้างกระเเสมาเเล้ว อย่าง “เป็ด 1 แถม 1” เเละการนำสินค้าประเภท “ผักสด” จากโครงการหลวงมานำเสนอขายเมื่อสาขาถูกปิด ควบคู่กับเมนูจานเดียวส่งผ่านระบบส่งเดลิเวอรี่ที่มีมานานจนติดตลาดเเล้ว

ฟรีเตาชุดใหญ่ “ปิ้งย่างที่บ้าน” เจาะลูกค้าครอบครัว 

ชาวปิ้งย่างที่หาอุปกรณ์ยากเหลือเกินต้องถูกใจกับโปรโมชั่นของ Sukishi ที่จับเอากระเเสของซีรีส์เกาหลียอดฮิตอย่าง “Itaewon Class” มาจัดเป็นเซตใหญ่ราคาเริ่มตั้งเเต่ 1,399 บาท – 1,799 บาท ให้สั่งไปกินที่บ้าน พร้อมแถมเตาปิ้งย่างไซส์ XL มูลค่า 1,390 บาท โดยมีจำนวนจำกัด 300 เซตต่อวัน โดยเน้นเจาะลูกค้าครอบครัวที่อยู่กันหลายคน เป็นปาร์ตี้ย่อมๆ คลายเครียดในช่วงกักตัวเเละทำงาน Work from Home

อีกหนึ่งร้านปิ้งย่าง YAKINIKU YUU ร่วมกับ Lucky Flame จัดโปรโมชั่นเเถมเตาย่างสไตล์ญี่ปุ่น ชูจุดขาย “ไม่ต้องเสียบปลั๊ก ย่างตรงไหนของบ้านก็ได้” มีให้เลือกทั้งหมด 6 เซต ราคาเริ่มตั้งแต่ 1,235 – 1,985
บาท (ทุกเซตแถมเตา) โดยเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวเช่นเดียวกัน

ไม่เเจก เเต่ขอ “เเลกซื้อ” เเละ “ให้ยืม” 

การปรับตัวของผู้ประกอบการในวงการบุฟเฟ่ต์ “สุกี้ตี๋น้อย” ก็น่าสนใจไม่เเพ้กันเเม้จะไม่ทุ่มถึงระดับเเจกหม้อฟรีเเต่ก็มีการจัดโปรโมชั่น “แลกซื้อหม้อสุกี้” ในราคาเพียง 99 บาท (จากราคาเต็ม 179 บาท) เมื่อลูกค้าซื้ออาหารครบ 300 บาท โดยจะเป็นหม้อสุกี้สแตนเลส size 28 cm ทรง S แบ่ง 2 ช่อง (ไม่มีฝา ไม่มีเตาให้) สำหรับใช้กับเตาไฟฟ้า และ induction cooker โปรโมชั่นเริ่มมาตั้งแต่ 24 เม.ย. จนกว่าสินค้าจะหมด

เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการทำโปรโมชั่นของผู้ประกอบการรายย่อยที่พอจะหารายได้ประคองธุรกิจให้ก้าวผ่านช่วงวิกฤตนี้ไปได้

นอกเหนือจากการเเข่งกันด้วยโปรโมชั่นฟรีหม้อเเล้ว ร้านปิ้งย่าง-ชาบูเจ้าอื่นๆ ก็เดินเกมการตลาดเพื่อรองรับการส่งเดลิเวอรี่ เเม้จะยังไม่ถึงขั้นใจป้ำเเจกหม้อ เเต่ก็ขอ “ให้ยืม” อุปกรณ์ต่างๆ ไปกินที่บ้านได้ตามสะดวก ทั้ง BUTCHER beef&beer , SHABU The Series Delivery , อิ่มจัง ชาบู delivery , ฮุย ชาบู เดลิเวอรี่ เเละร้านอื่นๆ อีกมากมาย

กลยุทธ์การเเถมฟรีหม้อ เตาไฟฟ้า ให้เเลกซื้อในราคาพิเศษหรือการให้ยืมอุปกรณ์ต่างๆ นับเป็นการฮึดสู้เพื่อต่อลมหายใจของร้านอาหาร โดยต้องคิดโปรโมชั่นเจ๋งๆ ออกมาดึงดูดลูกค้าหารายได้ในยามที่เศรษฐกิจทรุดหนัก คนเสี่ยงตกงานเเละคนประหยัดการใช้จ่าย

เป็นงานหินของคนทำธุรกิจในยุค COVID-19 ที่ต้องดิ้นรนหาทางอยู่รอดให้ “นานที่สุด” จนกว่าจะพ้นวิกฤตนี้ เเละต่อให้ผ่านพ้นไปได้ก็ต้องวางเเผนใหม่…เมื่อวิถีชีวิตของผู้คนจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

 

]]>
1275499