Zuckerberg บอกว่า ช่วงที่เรียนในมหาวิทยาลัยการเลือกคบคนเป็น ‘การตัดสินใจที่สำคัญที่สุด’ โดยเขาบอกว่า “คนรอบตัวเป็นอย่างไร คุณก็จะกลายเป็นคนแบบนั้น” และ อยากให้คำนึงการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากกว่าการมุ่งเน้นที่เป้าหมายจนเกินไป
อย่างตัวเขาเองช่วงเรียนอยู่ฮาร์วาร์ด ได้พบกับ Eduardo Saverin, Dustin Moskovitz, Chris Hughes และ Andrew McCollum เพื่อนๆ และกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook หนึ่งในบริษัทที่ปฏิวัติวงการ โซเชียลมีเดียและกลายเป็นหนึ่งบริษัทใหญ่ที่สุดของโลก
แม้ท้ายที่สุดพวกเขาทั้ง 5 คนต้องแยกย้ายกันไปแบบไม่ลงรอย แต่การให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มากกว่าเป้าหมายยังคงเป็นคติประจำชีวิตของ Zuckerberg อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ‘การจ้างงาน’ เช่น เมื่อต้องประเมิน ผู้สมัครงาน เขาจะจินตนาการว่า ถ้าตนเองทำงานกับคนนั้นจะเป็นอย่างไร แทนที่จะคิดว่า เป็นเจ้านายของพวกเขา
Zuckerberg เชื่อว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทั้งเหนียวแน่น มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และแน่นอนย่อมมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย หากคุณทำงานร่วมกับผู้คนที่มีค่านิยมแบบเดียวกันและมีแนวโน้มจะบรรลุเป้าหมายในการทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของการค้นหาความเข้ากันได้ระหว่างคนในองค์กร ไม่ต่างไปจากการเลือกคบเพื่อนหรือคู่ครอง
คำแนะนำนี้ เจ้าพ่อ Meta อยากส่งต่อให้กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจจะจริงอย่างที่เขาบอก เพราะผู้คนที่เราเลือกคบหามีผลต่อตัวตนและความคิดของเราอย่างมาก ยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาก ๆ ดังนั้น การเลือกคบคนจึงสำคัญมาก ๆ
ที่มา : https://www.cnbc.com/2022/03/18/mark-zuckerbergs-young-people-advice-focus-on-building-relationships.html?taid=65ed3e5e26cd0000015febc9&utm_content=makeit&utm_medium=Social&utm_source=Twitter
]]>ผู้นำธุรกิจสหรัฐฯ พร้อมใจ “จวกยับ” ม็อบทรัมป์จลาจลยึดรัฐสภา “น่าอับอาย”
แต่ล่าสุด ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Facebook ได้ออกมาระบุว่าจะ ‘บล็อก’ บัญชี Facebook และ Instagram ของทรัมป์ต่อไปจนกว่าไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี หรือเหลือเวลาประมาณ 13 วัน หรืออาจจะแบนอย่างไม่มีกำหนด โดยที่ Facebook ได้ตัดสินใจออกมาบล็อกบัญชีของทรัมป์ก็เพราะพิจารณาจากโพสต์ล่าสุดของทรัมป์นั้น ‘มีแนวโน้ม’ ที่จะทำให้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นมากกว่า
“Facebook ได้พิจารณาแล้วว่าโพสต์ทรัมป์แสดงให้เห็นว่า เขาตั้งใจที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในที่ทำงานเพื่อบ่อนทำลายการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติและชอบด้วยกฎหมายไปสู่ผู้สืบทอดตำแหน่งที่มาจากการเลือกตั้งของโจ ไบเดน”
“เราเชื่อว่าความเสี่ยงในการอนุญาตให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใช้บริการของเราต่อไปในช่วงเวลานี้นั้นเสี่ยงมากเกินไป ดังนั้นเราจึงขยายการบล็อกที่เราวางไว้ในบัญชี Facebook และ Instagram ของเขาไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยสองสัปดาห์ข้างหน้า จนกว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติจะเสร็จสิ้น” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ระบุ
ทั้งนี้ Facebook อาจเป็นแพลตฟอร์มหลักรายแรกที่ลบทรัมป์อย่างถาวร ขณะที่ฝั่งของ Twitter ที่แบนบัญชีของทรัมป์ไปชั่วคราวก็ออกมาบอกว่า “หากทรัมป์ยังโพสต์ข้อความที่ละเมิดในอนาคต … จะส่งผลให้มีการระงับบัญชี @realDonaldTrump อย่างถาวร”
]]>ล่าสุด เเบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในอาณาจักรของอีลอน มัสก์ อย่าง “Tesla” ประกาศว่า บริษัทกำลังจะถูกบรรจุเข้าไปในดัชนี S&P 500 ติดอันดับเป็น 1 ใน 10 บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุด โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 ธ.ค.นี้
Bloomberg ระบุว่า การที่ Tesla จะเข้าไปอยู่ในดัชนี S&P 500 จะทำให้ อีลอน มัสก์ ร่ำรวยขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก แซงหน้า “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งโซเชียลมีเดียพลิกโลกอย่าง Facebook ซึ่งความมั่งคั่งของมัสก์ อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.5 เเสนล้านบาท) ในการซื้อขายระยะยาว
หลังมีการปล่อยข่าวดังกล่าวออกมา ทำให้ราคาหุ้นของ Tesla ในช่วงซื้อขายนอกเวลาทำการ ดีดตัวขึ้นมา 13.19% ที่ 461.92 เหรียญสหรัฐ
สำหรับมูลค่าบริษัท Tesla ล่าสุด ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ อยู่ที่ 386,829 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 11.66 ล้านล้านบาท) มากกว่าผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Toyota สูงกว่า Disney และ Coca-Cola
ทั้งนี้ บริษัทที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วม S&P 500 ได้จะต้องผ่านเกณฑ์ต่างๆ อย่างการต้องตั้งอยู่ในอเมริกา มีมูลค่าตลาดอย่างน้อย 8.2 พันล้านเหรียญ มีสภาพคล่องสูงและมีหุ้นอย่างน้อย 50% ซื้อขายให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) มีผลประกอบการของไตรมาสล่าสุด เเละผลรวมของผลประกอบการ 4 ไตรมาสที่ตามมา จะต้องเป็น “บวก” เช่นกัน
Tesla เผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 เมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า มีรายได้ 874 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 156% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เเม้จะเจอวิกฤต COVID-19 เเต่ก็เป็นการเติบโตในไตรมาสที่ 5 ติดต่อกันของบริษัท
เเม้ว่าคุณสมบัติหุ้นของ Tesla จะมีความพร้อมที่จะอยู่ในดัชนี S&P 500 เเต่ก่อนหน้านี้ เคยถูกปฏิเสธจากทางคณะกรรมการฯ ด้วยเหตุผลบางประการ จนในที่สุดบริษัทก็จะได้เข้าไปในช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้
]]>