มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 15 Oct 2025 10:51:26 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 MR. D.I.Y. ร้านตึกแถวเล็กๆ จากมาเลเซีย สู่ ‘บริษัทมหาชน’ ในไทย ที่ขายหุ้น IPO ใหญ่สุดในรอบ 3 ปี https://positioningmag.com/1542971 Wed, 15 Oct 2025 10:03:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1542971 จากร้านอุปกรณ์ซ่อมและตกแต่งบ้าน ซึ่งเริ่มต้นจากตึกแถวเล็กๆ ในมาเลเซีย ตอนนี้ ‘MR. D.I.Y.’ (มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.) มีสาขากว่า 5,000 แห่ง ใน 14 ประเทศ รวมถึงไทยที่กำลังจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะระดมทุน 5,600 ล้านบาท ถือเป็นการเสนอขายหุ้น IPO ใหญ่สุดในรอบ 3 ปี

 

อะไรที่ทำให้ MR. D.I.Y. ก้าวมาถึงจุดนี้ได้?

 

ย้อนกลับไปในปี 2548 MR. D.I.Y. ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจาก Tan Yu Yeh ชาวมาเลเซียที่ต้องการสร้างร้านที่รวบ รวมอุปกรณ์ สินค้าตกแต่ง และซ่อมแซมไว้ที่เดียวกัน ด้วยการเปิดสาขาแรกเป็นตึกแถวเล็ก ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยจุดเด่นของที่นี้ คือ สินค้ามีความหลากหลาย คุณภาพดี และราคาจับต้องได้ง่าย

 

ส่วนจุดเปลี่ยนที่ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นในปี 2551 เมื่อ Tan Yu Yeh ขยายร้านมาเปิดในศูนย์การ ค้า เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายและกว้างขึ้น และได้เพิ่มสินค้าให้หลากหลายมากกว่า 16,000 รายการ ครอบคลุมทั้งหมวดฮาร์ดแวร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องใช้ในครัวเรือน-อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน, อุปกรณ์ประดับยนต์, เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา, ของเล่น และสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ

 

ในปี 2559 หลังจากเติบโตในตลาดบ้านเกิด MR. D.I.Y. ก็ได้เริ่มบุกตลาดต่างประเทศ ด้วยการเปิดสาขาที่ไทย และบรูไน ก่อนจะขยายสาขาในอีกหลายประเทศเพิ่มเติม ตอนนี้ MR. D.I.Y. มีสาขารวมกว่า 5,000 แห่งใน 14 ประเทศ อาทิ ไทย, บรูไน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, กัมพูชา, อินเดีย, ตุรกี และ สเปน ฯลฯ

Bangkok, Thailand-November 11, 2018: MR D.I.Y. store, The shop is selling tools

สำหรับในไทย MR. D.I.Y. ได้เปิดสาขาแรก ณ ซีคอน บางแค เมื่อปี 2559 ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 1,000 แห่ง กระจายครบใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 16,200 ล้านบาท โต 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,800 ล้านบาท โตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อน

 

Key success ที่ทำให้ MR. D.I.Y. ในไทยโตได้อย่างที่เห็น ‘แอนดี้ ชิน กวานกุ้ย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แชร์ให้ฟังว่า

 

  1. ‘เมอร์ชัลไดร์ซิ่ง’ ซึ่ง MR. D.I.Y. ให้ความสำคัญกับการนำเสนอสินค้าให้ตรงใจกับผู้บริโภคในแต่ละประเทศ อย่างในไทยเองจะมีการเติมสินค้าใหม่เข้ามาในร้าน 500 รายการทุกเดือน เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า และจะมีจัดอันดับสินค้า ‘ขายดี’ และ ‘ขายไม่ดี’ ที่มาจากการวิเคราะห์ข้อมูล หากขายดี สินค้านั้นจะได้รับพื้นที่ขายดีที่สุด  แต่หากอันไหนขายไม่ดี จะเอาออก

 

  1. ‘การนำเสนอสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ในราคาเหมาะสม’ โดยการจัดซื้อจะเป็น Global Procurement จัดซื้อล็อตใหญ่สำหรับสาขาทั้งหมดที่มีกว่า 5,000 แห่ง ใน 14 ประเทศ บวกกับการมี economy of scale ทำให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาถูกกว่าที่อื่น ตามสโลแกนของแบรนด์ นั่นคือ Always Low Price

 

  1. ‘การบริหารจัดการต้นทุน’ ทั้งเรื่องคลังสินค้า การกระจายสินค้า และมีระบบขนส่งของตัวเอง ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี

 

สำหรับแผนหลังจากระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่คาดว่า จะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย.2568 ทาง MR. D.I.Y. มีแผนจะขยายคลังสินค้าเพิ่มอีก 2 แห่ง ซึ่งเป็นคลังสินค้าระบบอัตโนมัติ โดยจะเริ่มให้บริการบางส่วนในปี 2569 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2574 รองรับสาขาของ MR. D.I.Y. ได้ 3,000 แห่ง

 

นอกจากนี้ วางแผนขยายสาขาทั่วประเทศไทยด้วยการเพิ่มสาขาใหม่ไม่น้อยกว่า 500 สาขาภายในระยะเวลา 3 ปี (ตั้งแต่ 2568–2570) เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดและขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งทิศทางจะเน้นไปรูปแบบสแตนอะโลน เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและมากขึ้น

 

สำหรับประเด็นที่ว่า ทำไมถึงเลือกมาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไทย ทั้งๆ ที่ภาพรวมของตลาดฯและเศรษฐกิจในไทยดูไม่ดีนัก ทางแอนดี้บอกว่า ตลาดทุนในไทยมีความมั่นคงและน่าสนใจ บวกกับตั้งใจทำธุรกิจในไทยแบบระยะยาว อีกส่วนก็เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ให้มากขึ้นด้วย

 

“ภาพรวมการบริโภคในประเทศชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงโควิด แต่เราก็เติบโตมาได้ โดยสาขาที่เห็นในปัจจุบัน 50% เปิดในช่วงนั้น และ 99% ของร้านทั้งหมดที่มีก็กำไร โดยตอนนี้ MR. D.I.Y. ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นเติบโต ยังมีโอกาสอีกมากในการทำธุรกิจ ทำให้มั่นใจ”

 

นอกจากเตรียมจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในไทยแล้ว ก่อนหน้านี้ทาง MR. D.I.Y. ได้มีจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียและอินโดนีเซีย

]]>
1542971
MR. D.I.Y. ทำตลาดไทย 9 ปี มี 1,000 สาขา ขยายเร็วกว่าประเทศแม่ที่มาเลเซียใช้เวลา 18 ปี  https://positioningmag.com/1523823 Thu, 29 May 2025 07:35:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1523823 ตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ดในไทยกำลังหอมหวาน มีทั้งแบรนด์ไทย และแบรนด์ต่างชาติทำตลาดกันคึกคัก ขยายสาขา พร้อมทำสินค้าให้ครอบคลุมความต้องการ แถมยังมีราคาย่อมเยา ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับสายพ่อบ้านแม่บ้านอย่างมาก

เส้นทาง 9 ปี พันสาขา

ในอดีตคนไทยจะคุ้นเคยกับร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดจากร้านทุกอย่าง 20 บาท ไปจนถึงการเข้ามาทำตลาดของร้านจากญี่ปุ่นอย่างไดโซะ จนปัจจุบันมีทั้งแบรนด์ไทยอย่างโมชิ โมชิ และมีแบรนด์จีนอย่างมินิโซเข้ามาร่วมวงด้วย 

MR. D.I.Y. (มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.) หนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ที่มีบทบาทอย่างมากในยุคปัจจุบัน ภายใต้การบริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ด้วยการขยายสาขาที่รวดเร็ว ร้านใหญ่ สินค้าเยอะ ราคาถูก ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย

MR. D.I.Y.

MR. D.I.Y. เป็นร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดจากประเทศมาเลเซีย ได้เข้ามาทำตลาดในไทยครั้งแรกเมื่อปี 2559 เปิดสาขาแรกที่ซีคอนบางแค ชูจุดเด่นที่สินค้าเยอะ ราคาเริ่มต้นที่ 5 บาท ในช่วงแรกเน้นขยายสาขาตามศูนย์การค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต ไปหมดทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ ซีคอน บิ๊กซี โลตัส แล้วค่อยๆ เข้าตามชุมชน ตลาด อาคารสำนักงานต่างๆ 

โมเดลในการขยายสาขาจะเป็นการลงทุนเองโดยบริษัทแม่ ไม่มีการขายแฟรนไชส์ สปีดในการขยายสาขาตอนแรกไม่ได้รวดเร็วเท่าไหร่นัก แต่หลังจากช่วง COVID-19 เริ่มขยายเร็วขึ้น เปิดครบ 500 สาขาแรกเมื่อปี 2565 และ 700 สาขาเมื่อปี 2566 

และในปี 2568 ได้เปิดครบ 1,000 สาขา ปัจจุบันมี 3 ประเทศที่มีครบ 1,000 สาขาแล้ว ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย และไทย โดยที่ไทยใช้เวลา 9 ปี ในการขยาย 1,000 สาขา เร็วกว่าประเทศแม่อย่างมาเลเซียที่ใช้เวลา 18 ปี 

มาเลเซียเริ่มเปิดสาขาแรกเมื่อปี 2548 เปิดครบ 500 สาขาเมื่อปี 2562 และเปิดครบ 1,000 สาขาเมื่อปี 2566 ปัจจุบันมี 1,400 สาขา 

MR. D.I.Y.

อานุภาพ คงมาลัย รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าว่า 

“ไทยเป็นประเทศแรกที่ขยายออกนอกมาเลเซีย จึงให้ความสำคัญ มีการลงทุนต่อเนื่อง มองศักยภาพเรื่องประชากรจำนวนประชากรที่มากกว่ามาเลเซียถึงสองเท่า ประชากรต่อสโตร์ก็ยังไปได้อีก รวมถึงเรื่องไลฟ์สไตล์”

ปัจจุบัน MR. D.I.Y. ทำตลาด 13 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ มาเลเซีย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ สเปน ตุรกี กัมพูชา อินเดีย เวียดนาม บังกลาเทศ โปแลนด์ และกำลังเตรียมขยายไปที่ แอฟริกากลาง 

เปิดอีก 500 สาขา ใน 3 ปี เน้นสแตนด์อะโลน เข้าถึงชุมชน

MR. D.I.Y. ในประเทศไทยมีทั้งหมด 3 โมเดล แบ่งเป็น

  • MR. D.I.Y. Express พื้นที่ 700 ตารางเมตร ส่วนใหญ่อยู่ตามอาคารสำนักงาน ชุมชมต่างๆ เน้นขายสินค้าขายดี ปัจจุบันมี 30 สาขา
  • Mall พื้นที่ 700-800 ตารางเมตร อยู่ตามศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์
  • Flagship Store พื้นที่ 1,000 ตารางเมตร 

โดยในทั้งหมด 1,000 สาขา เป็นสาขาสแตนด์อะโลน 70% จะอยู่ในทำเลนอกศูนย์การค้า ในชุมชม ตึกแถวต่างๆ 

มีสินค้ารวมทั้งหมดกว่า 15,000 รายการ สินค้าโลคอล 30% และสินค้านำเข้า 70% มีแบรนด์ไทยจำหน่าย 350 แบรนด์ สินค้าแบ่งเป็น 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้าใช้ในบ้าน 35.4% อุปกรณ์ช่าง 16.9% เครื่องใช้ไฟฟ้า 9% เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา 8.7% ของเล่น 6.6% และอื่นๆ 23.4%

ในปี 2567 ที่ผ่านมา MR. D.I.Y. มีรายได้ 16,200 ล้านบาท มีลูกค้าใช้บริการ 98.5 ล้านคน ยอดใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ย 175 บาท มีการซื้อเฉลี่ย 4 ชิ้น/บิล

ในปี 2568 มีแผนในการขยายสาขา 200 แห่ง ด้วยงบลงทุน 2,000 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่มีการเปิด 193 สาขา โดยแผนระยะสั้นตั้งเป้าขยายสาขาอีก 500 แห่ง ภายใน 3 ปี หรือใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท ยอดการขยายสาขาเติบโตเฉลี่ย 27.7%

]]>
1523823
ตลาดไทยยังไปได้อีก! กางแผน ‘MR.D.I.Y.’ กับภารกิจปูพรมขยายสาขาสู่ระดับ ‘อำเภอ’ https://positioningmag.com/1516822 Tue, 01 Apr 2025 07:04:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1516822 นับตั้งแต่ปี 2016 ที่ร้านค้าปลีกเบ็ดเตล็ดสินค้าในบ้านสัญชาติมาเลเซียอย่าง มิสเตอร์. ดี. ไอ. วาย. (MR.D.I.Y.) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ปัจจุบันก็สามารถขยายสาขาทะลุ 900 สาขา ไปแล้ว แน่นอนว่า MR.D.I.Y. ยังไม่หยุดเพียงแค่นี้ แต่ต้องการจะลงลึกไปจนถึงระดับ อำเภอ เพื่อสร้างการเติบโต

รายได้ทะลุ 16,000 ล้าน โกยลูกค้าเข้าร้านเกือบ 100 ล้านคน

เข้าสู่ปีที่ 9 แล้วสำหรับ MR.D.I.Y. ในประเทศไทย ด้วยสินค้ากว่า 16,000 SKU ราคาเริ่มต้น 3 บาท (ฟองน้ำ) ไปจนถึง 5,100 บาท (เครื่องตัดหญ้า) ครอบคลุม 6 หมวดหมู่ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่จะมีคนไทยเข้าร้านเฉลี่ยที่ปีละ 1 ครั้ง เฉลี่ยยอดใช้จ่าย 160 บาท/ครั้ง รวมแล้ว MR.D.I.Y. ให้บริการลูกค้าแล้ว 98.5 ล้านคน    มีรายได้ทะลุ 16,000 ล้านบาท เติบโต 27.7% ในช่วงปี 2022-2024

โดยปัจจุบัน MR.D.I.Y. มีร้านทั้งหมด 932 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัด โดยแบ่งเป็นสแตนด์อะโลน 69% และ ในห้างสรรพสินค้า 31% และมีพนักงานกว่า 10,000 คน โดยในปีนี้ MR.D.I.Y. เตรียมลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท เพื่อขยายหน้าร้านอีก 200 สาขา โดย 90% จะเปิดแบบสแตนด์อะโลน 10% เปิดในห้างฯ ทำให้ภายในปีนี้ MR.D.I.Y. จะมีหน้าร้านรวม 1,132 สาขา

“ที่เราขยายตัวได้เร็วเพราะเน้นเปิดแบบสแตนด์อะโลน ทำให้ไม่ต้องหาห้างฯ เพื่อเปิด แม้รายได้อาจน้อยกว่า แต่การแข่งขันก็ไม่สูงเท่า ซึ่งปีที่แล้วเราเปิดใหม่ 195 สาขา โดยไม่ได้พิจารณาตามภูมิภาค แต่อิงตามจำนวนผู้บริโภคในพื้นที่นั้น ๆ ว่ามีศักยภาพพียงพอไหม” แอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าว

อยาก ขายของถูก การเร่งขยายสาขาจึงสำคัญ

แอนดี้ ชิน กล่าวว่า กลยุทธ์หลักของ MR.D.I.Y. ไม่ได้ซับซ้อน คือ การกระจายสาขา ความหลากหลายของสินค้า และราคาที่ถูก ซึ่งการกระจายสาขามาก ๆ ก็จะยิ่งทำให้เกิด Economies of Scale ทำให้ได้สินค้าในต้นทุนที่ถูก เมื่อสินค้าราคาถูก ก็จะทำให้เกิด ลอยัลตี้ โดยจากการสำรวจโดย Frost & Sullivan พบว่า สินค้าของ MR.D.I.Y. ถูกกว่าคู่แข่ง 24.7% ดังนั้น การขยายสาขาเพื่อให้เกิด Economies of Scale จึงเป็นสิ่งสำคัญมากของ MR.D.I.Y.

“กลยุทธ์เราคือ ดีลตรงกับผู้ผลิต ตัวคลังและกระจายสินค้าเป็นของบริษัททั้งหมด และพยายามหาสินค้าที่ราคาดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิด Economies of Scale”

โดยในปีนี้ MR.D.I.Y. มีแผนจะเพิ่ม สินค้าไทย เข้ามามากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 31% โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่ม FMCG ที่ขายดี อย่างไรก็ตาม แอนดี้ ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าไทย เพราะระดับเกิน 30% ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยกเว้นมาเลเซีย

อนาคตลงลึกถึงอำเภอ

แม้ว่าในปีนี้ MR.D.I.Y. จะขยายได้เกิน 1,000 สาขา แต่ แอนดี้ มองว่า ยังขยายได้อีก เพราะในมาเลเซีย อัตราเฉลี่ยการรองรับลูกค้าอยู่ที่ 25,000 คน ต่อ 1 สาขา ส่วนประเทศไทยอยู่ที่สัดส่วน 77,000 คน ต่อ 1 สาขา เท่านั้น ดังนั้น ภายใน 3 ปีจากนี้ การขยายสาขาของ MR.D.I.Y. จะเปิดเฉลี่ย 200 สาขาทุกปี โดย แอนดี้ กำลังมองการเปิด MR.D.I.Y. ลงลึกถึงระดับอำเภอ และระดับตำบล

“แผนระยะยาวของเราคือ ต้องการลงไปถึงระดับอำเภอ และตำบล เพราะด้วยสเกลการเปิดร้านของเราที่ยืดหยุ่นสูง ตั้งแต่ 400-2,000 ตร.ม. ซึ่งเราก็จะเลือกโมเดลที่เหมาะกับพฤติกรรมผู้บริโภคในพื้นที่นั้น ๆ”

ทั้งนี้ ความเร็วในการขยายสาขาของตลาดในแต่ละประเทศนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ จำนวนประชากร และกำลังซื้อ อย่างเช่น อินเดีย แม้จะมีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่ประชากรที่มีกำลังซื้อมีสัดส่วนเพียง 30% ดังนั้น การขยายสาขาก็จะไม่ได้เร็วเมื่อเทียบกับประเทศอื่น

งัดโปรโลคอลไรซ์ทุกไตรมาส

อีกกลยุทธ์ของ MR.D.I.Y. ก็คือ แคมเปญการตลาด โดยปีนี้จะมี กว่า 50 แคมเปญ ในทุกไตรมาส แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่

  • โปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 30%
  • การทำแคมเปญตามเทศกาล เช่น เปิดเทอม, วันฮาโลวีน, วันคริสต์มาส
  • สิทธิ์แลกซื้อสินค้าพรีเมียม
  • แคมเปญชิงรางวัล เช่น แจกวัลเชอร์แทนเงินสด

“ที่น่าสนใจคือ คนไทยให้ความสำคัญกับเทศกาลต่าง ๆ มาก โดยยอดขายช่วงเทศกาลต่าง ๆ สูงเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค รองจากฟิลิปปินส์ ซึ่งการที่เราทำแคมเปญที่โลคอลไรซ์ ทำให้บางคนคิดว่าเราเป็นแบรนด์ไทยด้วยซ้ำ”

มั่นใจโต 2 หลัก ส่วน IPO เลื่อนไปก่อน

ด้วยกลยุทธ์ 4P (Price / Place / Product / Promotion) มั่นใจว่าปีนี้ MR.D.I.Y. จะสามารถสร้างการเติบโตได้ 2 หลัก ในส่วนของเป้าหมายการ IPO ในปีนี้ หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลัก ทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ไปเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา แต่จากสถานการณ์ตลาดหุ้นในไทยและทั่วโลกในขณะนี้ ทำให้บริษัทยัง ชะลอแผนการ IPO โดยอยู่ในช่วงเฝ้าดูอยู่

ปัจจุบัน MR.D.I.Y. มีสาขาทั่วโลกรวมกว่า 4,500 สาขา ใน 11 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ สเปน ตุรกี กัมพูชา อินเดีย และเวียดนาม  

]]>
1516822
กางแผน MR.DIY ทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท ในปี 2567 เปิดสาขาใหม่อีก 195 แห่งในไทย https://positioningmag.com/1470822 Tue, 23 Apr 2024 09:10:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470822 มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ผู้นำด้านค้าปลีกสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยประกาศแผนยุทธศาสตร์ขยายธุรกิจ มุ่งสู่ร้านสะดวกซื้อครบวงจรด้านสินค้าเบ็ดเตล็ดและอุปกรณ์ตกแต่งและปรับปรุงซ่อมแซมบ้านที่ดีที่สุดของประเทศพร้อมเดินหน้าเต็มตัวในปี 2567 ด้วยงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาทเพื่อเปิดสาขา 195 แห่งในประเทศไทย

“การขยายธุรกิจในปีนี้ เป็นผลจากความมุ่งมั่นของ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.ที่ต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนไทย ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมพลังให้ชุมชนท้องถิ่น” นายแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ประเทศไทย กล่าว “ความเคลื่อนไหวทางธุรกิจในครั้งนี้สะท้อนถึงความต้องการที่ไม่หยุดนิ่งของผู้บริโภคคนไทย ที่มองหาอุปกรณ์ตกแต่งและปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่มีคุณภาพหลากหลายประเภท ในราคาประหยัด และด้วยการมุ่งขยายสาขาใหม่เพิ่ม 195 แห่งทั่วประเทศไทยในปี 2567 พร้อมงบลงทุน 2,000 ล้านบาท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.ไม่เพียงแต่เพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางการจ้างงานที่สำคัญให้แก่ผู้คนในชุมชน ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างพลังให้ชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศไทยอีกด้วย”

กลยุทธ์ปี 2567: สร้างการเติบโตและการมีส่วนร่วมของลูกค้า

กลยุทธ์ปี 2567 ของ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย.มุ่งเน้นไปที่การเปิดสาขาใหม่ควบคู่กับความมุ่งมั่นในการนำเสนอสินค้าในราคาที่คุ้มค่า และการตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า

  • ขยายเครือข่ายสาขา: มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ในการเปิด 195 สาขาใหม่ทั่วประเทศไทย
  • เสริมความแข็งแกร่งด้านสินค้า: การคัดสรรสินค้าของมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.จะเน้นไปที่หมวดหมู่สินค้าหลัก ควบคู่ไปกับสินค้าที่ตอบโจทย์ตามเทศกาลสำคัญต่างๆ รวมถึงสินค้าลิขสิทธิ์ เพื่อให้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. สามารถนำเสนอหลากหลายสินค้าคุณภาพในราคาที่ย่อมเยาและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม
  • กลยุทธ์แคมเปญและโปรโมชัน: มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.เตรียมเปิดตัวแคมเปญสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ในชื่อ “ช้อปเกินครบ คุ้มเกินคาด” ในเดือนเมษายน 2567 เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์และคงให้แบรนด์มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เป็นที่จดจำของลูกค้าต่อเนื่อง นอกจากนี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.ยังมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประสบการณ์กับลูกค้าผ่านหลากหลายกิจกรรมของแบรนด์ตลอดทั้งปี โดยจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชันตามเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
  • ขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านอีคอมเมิร์ซ: มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.เสริมความแข็งแกร่งด้านการจัดจำหน่ายทางออนไลน์ด้วยการเปิดตัวช่องทางขายออนไลน์ใหม่ 2 ช่องทาง ได้แก่ LazMall และ TikTok Shop เพื่อมอบความสะดวกสบายและช่องทางการเข้าถึงสินค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า
  • กิจกรรมด้านความยั่งยืน (ESG): ด้วยความมุ่งมั่นในด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. จึงมีแผนการขยายการใช้รถไฟฟ้าในการดำเนินกิจการ รวมถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาสาขาต่างๆ เพื่อผลิตพลังงานหมุนเวียนและลดการใช้แหล่งพลังงานจากฟอสซิล นอกจากนี้ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยืนทางสังคม ด้วยการสร้างโอกาสทางการจ้างงาน เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างพลังให้ชุมชนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.มั่นใจว่าแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านค้าปลีกสินค้าตกแต่งและซ่อมแซมบ้านที่มีสาขามากที่สุดและได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.พร้อมนำเสนอสินค้าคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า และส่งมอบประสบการณ์การจับจ่ายสินค้าที่สะดวกสบายผ่านร้านค้ากว่า 770 แห่งทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์

]]>
1470822
เปิดเส้นทาง MR. DIY 7 ปี 700 สาขา ขึ้นแท่นร้านเบ็ดเตล็ดเบอร์ 1 ในไทย https://positioningmag.com/1455967 Sun, 17 Dec 2023 06:51:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455967 MR. DIY ร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดสัญชาติมาเลเซียทำตลาดในไทยครบ 7 ปีแล้ว ขยายสาขาครบ 700 แห่ง ขึ้นแท่นร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดเบอร์ 1 ในไทย เปิดสาขาแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ตั้งเป้าเปิดให้ครบ 1,000 สาขาให้ได้ในปี 2568

เปิดเส้นทาง MR. DIY

MR. DIY (มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย.) เป็นร้านค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศมาเลเซีย ได้เริ่มก่อตั้งในปี 2548 แรกเริ่มเดิมทีได้วางจุดยืนเป็นร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน มาจาก Pain Point ของผู้บริโภคคนมาเลเซียที่มีการซ่อมแซมบ้านด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา แต่การไปหาซื้อจากหลายๆ ร้านทำให้ไม่สะดวกเท่าไหร่ จึงกำเนิดเป็น MR. DIY ที่รวมสินค้าซ่อมแซมบ้านไว้ในที่เดียว

ในช่วงเริ่มต้นจึงเน้นกลุ่มสินค้าฮาร์ดแวร์ ซ่อมแซมบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็ก หลังจากที่ขยายสาขามากขึ้นเรื่อยๆ เกิดการบอกกันปากต่อปากในกลุ่มพ่อบ้านแม่บ้าน ทำให้ MR. DIY ได้เพิ่มกลุ่มสินค้าอื่นๆ มากขึ้น ทั้งสินค้าภายในบ้าน เครื่องครัว ของตกแต่งบ้าน เรียกได้ว่ามีสินค้าเกือบครบทุกกลุ่มกันเลยทีเดียว

MR. DIY

หลังจากขยายสาขาในมาเลย์ได้อยู่พักใหญ่ สเต็ปต่อไปที่จะติดสปีดในการเติบโตก็คือการขยายตลาด MR. DIY ได้ตัดสินใจเลือกประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศไทยเป็นหมุดหมายแรกในการบุกตลาดต่างประเทศ ได้เปิดสาขาที่ “ซีคอน บางแค” เป็นสาขาแรกในไทยเมื่อปี 2559

ในช่วง 1-2 ปีแรก เป็นช่วงที่มีการขยายสาขาแบบค่อยเป็นค่อยไป เฉลี่ยปีละ 50 สาขา และยังไม่ได้ทำการตลาดมากเท่าไหร่นัก เน้นการขยายสาขาเข้าศูนย์การค้าเพื่อสร้างการรับรู้ จนเข้าสู่ปีที่ 3 MR. DIY ได้เร่งเครื่องด้วยการขยายสาขาเฉลี่ยปีละ 100 สาขาขึ้นไป จนล่าสุดในปี 2566 มีสาขาครบ 700 สาขาเป็นที่เรียบร้อย เปิดครอบคลุม 72 จังหวัด หลังจากทำตลาดมาครบ 7 ปี

ปัจจุบัน MR. DIY ได้ทำตลาดใน 11 ประเทศ มีร้านกว่า 3,500 สาขา ส่วนใหญ่อยู่โซนอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย, ไทย, บรูไน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, สเปน, ตุรกี, กัมพูชา, อินเดีย และเวียดนาม ที่มาเลเซียมีสาขามากที่สุดที่ 1,300 สาขา ส่วนประเทศไทยเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่สุด คิดเป็นสัดส่วน 20% ของจำนวนสาขาทั้งหมดทั่วโลก

ตีตลาดด้วยราคาถูก อยู่ได้ด้วยสินค้าครอบจักรวาล

ถ้าดูภาพรวมในตลาดแล้ว ร้านสินค้าไลฟ์สไตล์มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดมาอย่างยาวนาน มีทั้งแบรนด์นอกอย่าง Daiso และ Miniso ที่ขยายสาขาต่อเนื่อง รวมไปถึงแบรนด์ไทยอย่าง Moshi Moshi ที่มาเร่งเครื่องในช่วงไม่กี่ปีมานี้ รวมไปถึงร้านโลคอลจ๋าๆ อย่างร้านทุกอย่าง 20 บาทก็ยังคงได้รับความนิยม แม้แต่กลุ่มเซ็นทรัลเองก็ยังต้องลงมาจับตลาดนี้ด้วยแบรนด์ “โก! ว้าว” ด้วยเช่นกัน

MR. DIY เองก็เข้ามาตีตลาดร้านสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าเบ็ดเตล็ด ใช้จุดแข็งในเรื่องราคา สินค้ามีราคาเริ่มต้นที่ 5 บาทเท่านั้น สินค้าบางอย่างก็มีราคาถูก เพราะทางบริษัทเองสามารถดีลราคาได้ในปริมาณสเกลใหญ่ จึงสามารถทำราคาได้ถูก แต่นอกจากเรื่องราคาแล้วยังมีเรื่องสินค้าที่หลากหลาย ทำให้ผู้บริโภคเปิดใจยอมรับ

MR. DIY

ซึ่งปัจจุบันมีสินค้ารวมกว่า 15,000 รายการ ใน 10 แผนก ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือช่าง, ของใช้ในครัวเรือน, อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า, อุปกรณ์ประดับยนต์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน, เครื่องเขียนและอุปกรณ์กีฬา, ของเล่น และของขวัญ, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์มือถือ อาหารและเครื่องดื่ม ไปจนถึงเครื่องประดับและเครื่องสำอาง

ในช่วงแรกที่ดึงลูกค้าให้ลองเปิดใจซื้อสินค้า อาจจะเป็นเรื่องของราคาย่อมเยา แต่ด้วยสาขาที่เข้าถึงได้ง่าย และมีสินค้าที่ครอบคลุมหลากหลาย ทำให้ MR. DIY มีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ

กลุ่มสินค้าที่ขายดีที่สุด 50% ของใช้ในบ้าน และสินค้าฮาร์ดแวร์ มียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 200 บาท/บิล

เปิดโมเดลแฟลกชิปสโตร์แห่งแรก 

หลังจากทำตลาดมาแล้ว 7 ปี และได้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ COVID-19 มาแล้ว ปีนี้ MR. DIY ได้เปิดโมเดลแฟลกชิปสโตร์สาขาแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ด้วยพื้นที่ 1,285 ตารางเมตร จริงๆ แล้วสาขานี้ไม่ใช่สาขาใหญ่ที่สุด เพราะก่อนหน้านี้มีสาขาซีคอน ศรีนครินทร์ มีพื้นที่ใหญ่ที่สุด 2,000 ตารางเมตร แต่สาขาแฟลกชิปสโตร์ถือเป็นสาขาใหญ่ที่สุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังเกิดวิกฤต COVID-19

สาเหตุที่เลือกทำเลเดอะมอลล์ บางกะปินั้น เพราะเป็นศูนย์การค้าที่ได้ทำการรีโนเวตใหม่ อยู่คู่กรุงเทพฯ มากว่า 30 ปี และพื้นที่ตรงนั้นมีลูกค้าที่หลากหลาย ลูกค้ามีกำลังซื้อ มีประชากรอาศัยโดยรอบกว่า 2 ล้านคน เป็นเดสติเนชั่นของคนฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออกที่ต้องมาช้อปปิ้งที่นี่

ปัจจุบัน MR. DIY มีสาขาทั้งหมด 700 สาขา คาดว่าในสิ้นปีจะมีสาขารวมทั้งหมด 739 แห่ง มีการเติบโต 40% เป็นรูปแบบการลงทุนเองของบริษัททั้งหมด ไม่ได้มีเปิดขายแฟรนไชส์

โดยที่รูปแบบร้านจะแบ่งเป็น 3 ขนาดด้วยกัน ได้แก่

  • เอ็กซ์เพลส พื้นที่ต่ำกว่า 300 ตารางเมตร อยู่ตามแหล่งธุรกิจ หัวเมืองต่างๆ อาคารสำนักงาน
  • ร้านในศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ พื้นที่ 700-800 ตารางเมตร
  • สแตนด์อโลน พื้นที่ 300-1,000 ตารางเมตร อยู่นอกศูนย์การค้า เข้าถึงตามแหล่งชุมชน

MR. DIY ได้ขยายสาขาในอัตราเร่ง 150-180 สาขา/ปี มาได้ 3 ปีแล้ว ในปีต่อๆ ไปก็คาดว่าจะขยายสาขาในตัวเลขนี้ มองว่าในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานยังมีโอกาสอีกมาก รวมไปถึงการเปิดด้วยโมเดลสแตนด์อโลนด้วย เพราะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้หลากหลาย ตั้งเป้ามีสาขาครบ 1,000 สาขา ให้ได้ภายในปี 2568 (2025)

ทำให้ปัจจุบัน MR. DIY ขึ้นแท่นเป็นผู้เล่นร้านเบ็ดเตล็ดอันดับ 1 ในไทย ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 32% ทั้งในแง่ของสาขา และรายได้ด้วยเช่นกัน

ถ้าถามถึงว่าในอนาคตจะมีการขยายสาขาด้วยโมเดลแฟรนไชส์หรือไม่ ทางแบรนด์บอกว่าจะไม่มีแผนเน้นการขยายด้วยบริษัทเองมากกว่า ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีกว่า

]]>
1455967
MR.DIY ครบรอบ 7 ปี ขยายสู่ 700 สาขา ออกสตาร์ท “ขายออนไลน์” เน้นกลุ่มซื้อเหมาล็อตใหญ่ https://positioningmag.com/1425680 Thu, 30 Mar 2023 10:58:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425680 ร้านค้าปลีกเบ็ดเตล็ดสินค้าในบ้าน “MR.DIY” จากมาเลเซีย ครบรอบ 7 ปีในตลาดไทย ปีนี้ตั้งเป้าขยายสู่ 700 สาขา เน้นสาขา “สแตนด์อโลน” นอกห้างฯ พร้อมกลยุทธ์ใหม่ “ขายออนไลน์” ผ่านช้อปปี้และเว็บไซต์ mrdiy.co.th เจาะกลุ่มซื้อเหมาล็อตใหญ่

“MR.DIY” (มิสเตอร์ดีไอวาย) ถือเป็นร้านค้าปลีกเบ็ดเตล็ดที่ทิ้งห่างคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่นในประเทศไทย ด้วยจำนวนสาขาปัจจุบันแตะ 557 สาขา เทียบกับร้านเบ็ดเตล็ดที่อยู่มาก่อนอย่าง Daiso หรือ Moshi Moshi ปัจจุบันทั้งสองแบรนด์มีสาขาอยู่ที่ 100 กว่าสาขา จึงเห็นได้ชัดว่าร้าน MR.DIY ขยายตัวอย่าง ‘aggressive’ มากแค่ไหนตั้งแต่เริ่มเปิดสาขาแรกที่ “ซีคอน บางแค” เมื่อปี 2559

“แอนดี้ ชิน” ซีอีโอ มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย. ประเทศไทย ฉายภาพการขยายตัวของ MR.DIY ในแง่จำนวนสาขาตั้งแต่ปี 2560-65 มีการขยายสาขาทุกปี ไม่เว้นแม้แต่ช่วงที่เกิดโรคระบาด COVID-19

MR.DIY
ช่วงปี 2560-65 เปิดสาขาเพิ่มขึ้นทุกปี และกระจายสาขาครอบคลุมทุกภาค

ปัจจุบันร้านกระจายสาขาไปครบ 72 จังหวัดของไทย ส่วนใหญ่กว่า 50% ของสาขาทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและภาคกลาง รองลงมาจะอยู่ในภาคอีสาน ตามด้วยภาคตะวันออก ภาคใต้ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก

สินค้าที่ขายใน MR.DIY มีถึง 15,000 รายการ ครอบคลุมทั้งหมด 10 หมวด แต่ที่ขายดีที่สุดคือ กลุ่มของใช้ในบ้านและกลุ่มฮาร์ดแวร์ นอกจากนั้นยังขายของจิปาถะทุกสิ่งตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ของเล่น เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์แต่งรถ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงเครื่องประดับ-เครื่องสำอาง

MR.DIY
10 หมวดสินค้าที่มีขายในร้าน

 

5 กลยุทธ์ “MR.DIY” ลุยต่อปี 2566

แอนดี้กล่าวต่อถึงกลยุทธ์ปี 2566 ของ MR.DIY ยังบุกหนักต่อไปในตลาดไทยซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของเครือ รองจากมาเลเซียซึ่งเป็นต้นกำเนิด โดย 5 กลยุทธ์ที่จะใช้ในปีนี้ ได้แก่

1. เปิดสโตร์เพิ่มอีก 170 สาขา ซึ่งจะทำให้ MR.DIY มีสาขาครบ 700 สาขาภายในปีนี้

2. เปิดตัวแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ผ่านช่องทาง Shopee Mall และเว็บไซต์ mrdiy.co.th

3. สร้างแบรนด์ด้วยแบรนด์ แอมบาสเดอร์คนแรกในไทย คือ “ตั๊ก-บริบูรณ์และครอบครัว”  

4. ตอกย้ำสโลแกน “ช้อปได้ทุกวัน ครบเพื่อทุกคน” และทำแคมเปญเน้นการช้อปตามเทศกาล เช่น เปิดเทอม ฮัลโลวีน คริสต์มาส ปีใหม่

5. ผลักดันสินค้า Private Label ของร้านเอง โดยปัจจุบันมีสัดส่วน 40% ของสินค้าทั้งหมด สินค้ากลุ่มนี้ที่ขายดี เช่น ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ

แอนดี้ ชิน ซีอีโอ มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. ประเทศไทย รับตำแหน่งเดือนมกราคม 2565 ควบตำแหน่งรองประธานฝ่ายการตลาด กลุ่มบริษัท มิสเตอร์ ดี.ไอ.วาย. มาเลเซีย

ลงทุน 2,000 ล้านบาท ขยายสโตร์ทะลุ 700 สาขา

สำหรับธุรกิจร้านขายสินค้าประเภท Home improvement Retailer แอนดี้กล่าวว่า สโตร์ออฟไลน์ยังสำคัญที่สุด ทำให้ปีนี้บริษัทจะขยายสาขาเพิ่มอีก ตั้งเป้า 170 สาขา ซึ่งจะทำให้แบรนด์มีสโตร์ครบ 700 สาขาภายในไตรมาส 4

โดยจะใช้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ รีโนเวตสาขาเดิม และมีการเปิดศูนย์กระจายสินค้าอีก 1 แห่ง จากปัจจุบันมีคลังสินค้าและกระจายสินค้า 3 แห่งที่ ถ.แพรกษา จ.สมุทรปราการ ภาคอีสาน และภาคใต้

MR.DIY
MR.DIY สาขาแบบสแตนด์อะโลน

“เป้าของเราปีนี้ทำให้เฉลี่ยแล้วเราจะเปิดสาขาใหม่ 1 สาขาทุกๆ 2 วัน” แอนดี้กล่าว “โดยส่วนใหญ่จะเน้นเป็นสาขาสแตนด์อโลนนอกห้างฯ”

ปัจจุบันสาขาของ MR.DIY แบ่ง 50% เป็นสาขาในศูนย์การค้า และ 50% สแตนด์อโลนนอกศูนย์การค้า

“เหตุที่ปีนี้เราจะเน้นการเปิดสแตนด์อโลนเพราะในปีแรกๆ ที่เราเข้ามา เราโฟกัสกับการเปิดในศูนย์การค้าก่อนจนเข้าไปครอบคลุมได้มากแล้ว อีกประเด็นคือ ในช่วงที่เกิดโควิด-19 เรามีการลองโมเดลแบบใหม่ เพราะมีการล็อกดาวน์และคนไม่กล้าเข้าห้างฯ เราจึงลองไปเปิดนอกห้างฯ บ้างและปรากฏว่าโมเดลนี้ได้ผลทั้งในไทยและประเทศอื่นด้วย” แอนดี้กล่าว

ขายออนไลน์ตอบโจทย์คนซื้อเหมาบิ๊กล็อต

อีกกลยุทธ์สำคัญปีนี้คือ MR.DIY จะเริ่มบุกอีคอมเมิร์ซ โดยเดือนมีนาคมนี้เริ่มเปิด Shopee Mall แล้วเพื่อเจาะฐานลูกค้าในมาร์เก็ตเพลซ และมีการเปิดเว็บไซต์แบรนด์ mrdiy.co.th ที่จะเริ่มจำหน่ายจริงเดือนเมษายนนี้

“อานุภาพ คงมาลัย” หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์.ดี.ไอ.วาย เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายกลยุทธ์ออนไลน์ของแบรนด์ จะเน้นโปรโมชันแบบ “ยิ่งซื้อเยอะยิ่งคุ้มกว่า” เช่น ซื้อครบ 10 ชิ้นได้ลดราคาลงอีก เพราะต้องการเจาะตลาดลูกค้าที่ซื้อเหมาบิ๊กล็อต และจะเน้นนำสินค้ากลุ่ม Best-Selling ขึ้นออนไลน์ก่อน เช่น ไม้แขวนเสื้อ ถ่านไฟฉาย ถังขยะ

สินค้าที่ขายบนออนไลน์เน้นซื้อเหมาถูกกว่า เช่น ถังขยะ ไหมขัดฟัน ถ่านไฟฉาย

“ลูกค้าซื้อเหมาไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม SMEs ที่ต้องเติมสต็อกของ เช่น โรงแรมขนาดเล็ก หรือกลุ่มแม่บ้านที่ชอบตุนของใช้” อานุภาพกล่าว “แพลตฟอร์มออนไลน์ยังช่วยให้ลูกค้าสะดวกขึ้นด้วย เพราะซื้อสินค้าได้ 24 ชม.”

อย่างไรก็ตาม MR.DIY จะเน้นการขายผ่านสโตร์เป็นหลักต่อไป แอนดี้ยกตัวอย่างในมาเลย์ที่เริ่มขายออนไลน์มาก่อน ปัจจุบันยังมีสัดส่วนยอดขายจากอีคอมเมิร์ซไม่ถึง 1% เนื่องจากเครือข่ายสโตร์ใหญ่มาก มีมากกว่า 1,000 สาขา

เมื่อถามภาพระยะยาวของ MR.DIY ในไทยว่า ตลาดยังสามารถเปิดสโตร์ได้อีกมากแค่ไหน แอนดี้บอกว่าไม่สามารถตอบเป็นตัวเลขชัดๆ ได้

“แต่ถ้าให้เปรียบเทียบ ในมาเลเซียมีประชากร 32 ล้านคนและ MR.DIY เราเปิดไปกว่า 1,000 สาขาแล้ว และยังจะโตได้อีก ขณะที่ไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน โดยเป้าปีนี้ของเราคือ 700 สาขา ถ้าคำนวณเทียบกับมาเลย์ เท่ากับประเทศไทยยังมีโอกาสอีกสูงมาก” แอนดี้กล่าวสรุป

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

  • “โก! ว้าว” ท้าชน MR.DIY! ปี 2565 เปิดให้ครบ 70 สาขา ทดลองโมเดลนอกห้างฯ
  • “ไม่ได้แพงอย่างที่คิด” มุมมองใหม่ที่ MUJI อยากให้ทุกคนเข้าใจ
]]>
1425680
กลุ่มเซ็นทรัล เปิด “โก! ว้าว” บุกตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ด ราคาเริ่มต้น 5 บาท https://positioningmag.com/1353821 Tue, 28 Sep 2021 14:01:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353821 กลุ่มเซ็นทรัลบุกตลาดสินค้าเบ็ดเตล็ด เปิดร้าน “โก! ว้าว” จำหน่ายสินค้าของใช้กว่า 14,000 ชิ้น ในราคาเริ่มต้น 5 บาท สู้ศึกค้าปลีกข้ามชาติ และร้านทุกอย่าง 20 บาท ประเดิมเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ

บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างในกลุ่มเซ็นทรัล ได้เปิดร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดที่ชื่อว่า “โก! ว้าว” (Go! Wow) จำหน่ายสินค้าของใช้ ทั้งเครื่องครัว เครื่องเขียน ของเล่น ทำความสะอาด ทำสวน ประดับยนต์ ไฟฟ้า ไอที กว่า 14,000 ชิ้น ในราคาเริ่มต้น 5 บาท

โดยได้เปิดสาขาแรกที่ชั้น 3 เซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา และจะขยายเป็น 6 สาขา เช่น โรบินสันไลฟ์สไตล์ สุพรรณบุรี, โรบินสันไลฟ์สไตล์ บ่อวิน จ.ชลบุรี, เซ็นทรัลพลาซา บางนา, บ้านแอนด์บียอนด์ ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี และ บ้านแอนด์บียอนด์ ขอนแก่น เป็นต้น

สำหรับผู้ใช้แอปพลิเคชัน The 1 ในเมนู “The 1 มิชชั่น” ซื้อสินค้า 1 ครั้ง รับคะแนนเดอะวัน 50 คะแนน ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย. ถึง 31 ต.ค. 2564

การก้าวเข้าสู่ธุรกิจสินค้าเบ็ดเตล็ดของกลุ่มเซ็นทรัล สืบเนื่องมาจากร้านสินค้าเบ็ดเตล็ดข้ามชาติตีตลาดในไทย เช่น ร้านไดโซะ ของบริษัท ไดโซ ซังเกียว (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีจุดขายสินค้าราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท และมิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ของบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด สัญชาติมาเลเซีย ที่มีสาขา 376 สาขา

โดยกลยุทธ์ในการบริหารจัดการธุรกิจร้านสินค้าเบ็ดเตล็ด คือ การสั่งผลิตสินค้าจากแหล่งผลิตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น จีน ในปริมาณที่สูงมาก เพื่อให้ได้ต้นทุนการผลิตสินค้าในราคาต่อหน่วยที่ถูกลง พร้อมกับเร่งขยายสาขาเพื่อกระจายสินค้าให้ถึงมือลูกค้าโดยเร็วที่สุด และให้เป็นที่จดจำแก่ลูกค้าว่า เมื่อมาที่ร้านนี้จะต้องได้สินค้าในราคาที่ถูกที่สุด

Source

]]>
1353821