ลงทุนจีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 15 Dec 2021 14:42:16 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 เปิดโผ 7 กองทุน “RMF-SSF” ผ่าน 3 ธีมเด่นจากบัวหลวง รับช่วงโค้งสุดท้ายปี 64 https://positioningmag.com/1367226 Wed, 15 Dec 2021 12:59:31 +0000 https://positioningmag.com/?p=1367226 เปิดโผ 7 กองทุน RMF-SSF เด่นๆ จากบัวหลวง ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อเเถมประหยัดภาษี ในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2564

สันติ ธนะนิรันดร์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด หรือ กองทุนบัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2564 นี้ ผู้ลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นจะได้รับผลตอบแทนที่ดีชนะเงินเฟ้อได้ โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดพัฒนาแล้ว ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดกำลังพัฒนา ส่วนผู้ลงทุนในพันธบัตรจะได้รับผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบ แปลว่า ผลตอบแทนที่ได้รับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งการลงทุนในปี 2565 ก็จะยังมีแนวโน้มไปในทิศทางนี้

สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายในการค้นหากองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2564 นี้ ทีม Investment Strategy ของกองทุนบัวหลวง ได้คัดเลือก 7 กองทุนหุ้นต่างประเทศในกลุ่มกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่น่าสนใจ นำเสนอเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้

โดยเป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนใน 3 ธีมเด่น ที่มีโอกาสเติบโตระยะยาว คือ กองทุน B-SIPRMF และ B-SIPSSF ในธีม ESG กองทุน B-INNOTECHRMF, B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF ในธีมเทคโนโลยี ส่วนกองทุน B-CHINAARMF และ B-CHINESSF ในธีมประเทศจีน


ธีม ESG : อยู่ในกระเเสหลักของการลงทุน 

นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการคัดเลือกธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ชัดเจนขึ้น โดยพบว่า 10 เดือนของปี 2564 มีเงินลงทุนไหลเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่มี ESG สูงกว่าทั้งปี 2563 แล้ว และการลงทุนในบริษัทที่ได้รับคะแนน ESG สูง ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าธุรกิจที่คะแนน ESG ต่ำ ทั้งยังมีความผันผวนต่ำกว่าด้วย

นอกจากนี้บริษัทที่มีประเด็นเรื่อง ESG พบว่า เผชิญกับเงินลงทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำให้เห็นว่า ESG กำลังอยู่ในกระแสหลักของการลงทุน

“หลังจากนี้ทั่วโลกก็จะมุ่งเรื่อง ESG มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่มีท่าทีชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น ในอนาคตก็จะมีบริษัทในสหรัฐฯ ที่มี ESG ให้เลือกลงทุนเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันตัวเลือกส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป”

โดยกองทุนบัวหลวงมีกองทุน B-SIPRMF และ B-SIPSSF เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจธีมนี้ 

Photo : Shutterstock

ธีมเทคโนโลยี : โดดเด่นในช่วงอีก 10 ปี

กองทุนบัวหลวง มองว่า จะมีความโดดเด่นในช่วง 10 ปีจากนี้ โดยเฉพาะเทคโนโลยี ABCEV คือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า (Big data) ไซเบอร์ซิเคี้ยวริตี้ (Cybersecurity) รถยนต์ไฟฟ้าทั้งสายการผลิต (EV) และโลกเสมือน (Virtual)  ที่จะมีบทบาทอย่างมากต่อธุรกิจและการใช้ชีวิต  ซึ่งในช่วงที่เงินเฟ้อสูง และดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น หุ้นเทคโนโลยีที่มีความสามารถทำกำไรแข็งแกร่ง มีความสามารถในการปรับขึ้นราคาได้ ก็มีโอกาสปรับขึ้นโดยไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากเงินเฟ้อ

โดยกองทุนที่ลงทุนธีมนี้ และเฟ้นหาหุ้นเทคโนโลยีแบบนี้ ได้แก่ B-INNOTECHRMF รวมถึง B-FUTURERMF และ B-FUTURESSF

ธีมประเทศจีน : ผลตอบเเทนดีในระยะยาว 

จีนเป็นประเทศที่มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีมากในระยะยาว ขณะที่มูลค่าหุ้นในเวลานี้ไม่แพงเกินไป เมื่อเทียบความสามารถการเติบโต อีกทั้งการเคลื่อนไหวของหุ้นจีนไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในโลก มีลักษณะการเคลื่อนไหวเฉพาะตัว  

“หากมองในแง่การกระจายความเสี่ยง การลงทุนในจีน ก็จะช่วยให้นักลงทุนกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวมได้ดีขึ้น และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย เพียงแค่ระยะสั้น อาจเผชิญความเสี่ยงจากความผันผวนได้ค่อนข้างมาก แต่หากนักลงทุนมองเป็นโอกาส ก็สามารถทยอยสะสมได้” 

กองทุนบัวหลวงมีกองทุน B-CHINAARMF และ B-CHINESSF เป็นทางเลือก

Photo : Shutterstock

นอกเหนือจากกองทุน RMF และ SSF ภายใต้ 3 ธีมเด่นนี้ กองทุนบัวหลวงมีกองทุนประหยัดภาษีให้นักลงทุนเลือกลงทุนได้ครอบคลุมทุกประเภทสินทรัพย์ ทั้งความเสี่ยงต่ำ ความเสี่ยงสูง ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ และสินทรัพย์ทางเลือก รวมแล้วมีกองทุน RMF ถึง 24 กองทุน และ SSF ทั้งหมด 8 กองทุน ซึ่งนักลงทุนเลือกลงทุนได้ตามความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง ส่วนสิ่งสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนประสบความสำเร็จกับการลงทุน คือ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง (Stay Invested) ในธุรกิจที่สอดคล้องกับเมกะเทรนด์ระยะยาว ไม่หวั่นไหวกับสถานการณ์รอบข้างที่มากระทบเพียงระยะสั้น

(ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน
ความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุน)

 

]]>
1367226
ชาวจีนเเห่ซื้อ ‘เเบรนด์จีน’ หลังกระเเสเเบนสินค้าต่างชาติ กำลังเป็น ‘โอกาสทอง’ ของนักลงทุน https://positioningmag.com/1339941 Wed, 30 Jun 2021 12:16:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1339941 เเบรนด์จีนกำลังได้รับความนิยมจากเหล่านักช้อปในประเทศ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนหมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อผู้บริโภคหันมาอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น หลังกระแสต่อต้านแบรนด์ต่างชาติ 

อานิสงส์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่พุ่งสูงขึ้น หลังผู้คนต้องถูกจำกัดการเดินทางในช่วงโรคระบาด อีคอมเมิร์ซที่สะดวกสบายเเละการขนส่งที่รวดเร็ว มีส่วนกระตุ้นความต้องการของแบรนด์ท้องถิ่นด้วย

นักศึกษาชาวจีนวัย 19 ปี ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า “เมื่อคุณลองใช้ จะพบว่าคุณภาพของผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นนั้น ดีพอๆ กับผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ” โดยเธอเลือกใช้อายแชโดว์ของ Carslan และรองเท้าผ้าใบของ Feiyue ทานขนม Bestore Co และมีเครื่องใช้ในบ้านที่ซื้อจาก Miniso

Maia Active เป็นแบรนด์เสื้อผ้าสปอร์ตเเวร์ของจีน ที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทลงทุนใหญ่อย่าง Sequoia Capital ระบุว่า สินค้าของแบรนด์ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงเอเชียโดยเฉพาะ ทำให้เหมาะสมกับผู้บริโภคในพื้นที่มากกว่าแบรนด์จากตะวันตก

จากความต้องการที่มากขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ปีนี้นักลงทุนเลือกทุ่มเงินให้กับแบรนด์ที่เจาะผู้บริโภคในท้องถิ่น

ตามรายงานของ Cygnus Equity ชี้ให้เห็นว่า บริษัทผู้ผลิตสินค้าสำหรับผู้บริโภคในจีน สามารถระดมทุนได้มากถึง 6.97 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากนักลงทุนในตลาดแรก (Primary Market) ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปีก่อนหน้า

โดยแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับความงาม อาหาร และเครื่องดื่ม เป็นที่นิยมมากที่สุด ขณะที่แบรนด์ Hot Pot (หม้อไฟ) และราเมน ก็กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมาก

ปัจจุบันมีแบรนด์จีนมากถึง 200 แบรนด์ กำลังมองหาเงินทุนใหม่จากนักลงทุน Ming Jin หุ้นส่วนผู้จัดการของ Cygnus กล่าว

Genki Forest แบรนด์น้ำอัดลมที่ได้รับการสนับสนุนจาก Sequoia กล่าวว่าบริษัทมีมูลค่า 6 พันล้านดอลลาร์ หลังการระดมทุนในเดือนเม.. ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่า 18 เดือนก่อนหน้านี้ถึงสิบเท่า

การระดมทุนในจีน ดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ของโลกอย่าง LVMH เจ้าของเเบรนด์ Louis Vuitton และ Temasek จากสิงคโปร์

จีนเป็นตลาดที่ง่ายที่สุดในการสร้างยอดขายจากศูนย์ให้ไปเป้าหมาย 100 ล้านหยวนนักลงทุนคนหนึ่งบอกกับ Reuters

ช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน ‘JD.Com’ ในเดือนนี้ พบว่า ยอดขายของแบรนด์จีนเติบโตขึ้นถึง 4% เมื่อเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศ เเละการเติบโตของจำนวนลูกค้าก็สูงกว่าแบรนด์ต่างประเทศถึง 16%

Chris Mulliken จากบริษัทที่ปรึกษา EY ให้ความเห็นว่า ความชาตินิยมเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เเบรนด์ท้องถิ่นในจีนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น รวมถึงความภูมิใจในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจากโควิด-19 ขณะที่ประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศยังต้องต่อสู้กับอัตราการติดเชื้อที่สูง

บวกกับกระแสการต่อต้านฝ้ายซินเจียงจากแบรนด์ใหญ่ฝั่งตะวันตก อย่าง H&M , Nike และ Adidas ที่มีความกังวลเรื่องสิทธิมนุษยชนของเเรงงานก็ทำให้ลูกค้าชาวจีนไม่พอใจกับคำกล่าวหา ก็มีส่วนทำให้ชาวจีนบางส่วนตอบโต้ด้วยการหันไปซื้อของจากเเบรนด์ในประเทศมากขึ้น

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1339941