วัยรุ่นจีน – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 19 Feb 2024 01:21:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “ถั่งผิง” ไลฟ์สไตล์ใหม่มาแรงในหมู่ “หนุ่มสาวชาวจีน” ที่รัฐบาลต้องการกำจัด https://positioningmag.com/1463059 Sat, 17 Feb 2024 08:05:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1463059 “ถั่งผิง” เป็นคำจีนที่แปลตรงตัวจะหมายถึง “การนอนแผ่” แต่ในภาษาสแลงคำนี้จะหมายถึงการทำตัวต่อต้านวัฒนธรรม “996” เทรนด์การทำงานหนักแบบจีนที่ขึ้นชื่อไปทั่วโลก

ไลฟ์สไตล์ทำตัวชิลๆ แบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนเอาเสียเลย ทำให้รัฐบาลจีนต้องการกำจัดไลฟ์สไตล์นี้ออกไปจากความคิดของคนหนุ่มสาวจีนยุคใหม่ให้ได้

Positioning สรุปรวบรวมที่มาที่ไปของ “ถั่งผิง” การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของหนุ่มสาวจีน และความพยายามตีกรอบใหม่ของจีน ดังนี้

========

“ถั่งผิง” วิถีชีวิตที่กลับด้านจาก “996”

  • หลายคนน่าจะเคยได้ยินวิถีการทำงานแบบ “996” ของจีนมาบ้าง สิ่งนี้หมายถึงการทำงานหนักตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม เป็นเวลา 6 วันต่อสัปดาห์ ก่อนหน้านี้วิถี 996 ได้รับการยกย่องในสังคมจีนว่าเป็นการทำงานหนักที่ทำให้จีนสร้างชาติได้
  • ระหว่างการทำงานก็ไม่ใช่จะทำกันแบบสบายๆ ทุกนาทีต้องอุทิศให้งานเท่านั้น ตัวอย่างของเรื่องนี้ เช่น บริษัทจีน Wanda Group โพสต์รูปประจานพนักงานคนหนึ่งที่เล่นมือถือระหว่างพักกินข้าวเที่ยง สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทจีนเข้มงวดกับพนักงานมากแค่ไหน
  • อย่างไรก็ตาม สังคมยุคใหม่เริ่มรู้สึกถึงความกดดันและไม่ยอมรับวัฒนธรรมนี้ เพราะ 996 ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาส่วนตัวเลย รัฐบาลจีนจึงออกกฎหมายให้ลูกจ้างจีนทำงานไม่เกิน 44 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (หากเกินเวลาต้องได้ค่าโอที) แต่บริษัทส่วนใหญ่ก็ยังให้พนักงานทำงานหนักแบบเดิม
  • ในที่สุด ความกดดันก็ปริแตกออกเมื่อคำว่า “ถั่งผิง” กลายเป็นเทรนด์ฮิตขึ้นมาในโลกโซเชียลจีนช่วงปี 2021 จากความรู้สึกร่วมของหนุ่มสาวจีนทั้งสังคมที่มีต่อวัฒนธรรมการทำงานสไตล์จีนดั้งเดิม

========

ทำไมต้องทนทรมานกับการทำงานหนัก

  • “ถั่งผิง” ความหมายตรงๆ ตัวคือการนอนแผ่ แต่คำนี้เป็นสแลงที่หมายถึง การใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ ไม่อยากสู้ชีวิตขวนขวายเหมือนคนจีนรุ่นก่อน
  • การทำตัว “ถั่งผิง” ทำได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มสาวที่เรียนจบแล้วขออยู่แบบคนว่างงาน, เป็นฟรีแลนซ์รับจ้างเป็นงานๆ ไปขอแค่พออยู่รอดได้ รวมถึงการทำตัวแบบ ‘ไม่เต็มร้อย’ ทำงานเช้าชามเย็นชามที่บริษัท
  • เหตุผลของคนหนุ่มสาวคือ ‘บริษัทให้พนักงานทำงานหนักมากแต่ให้ค่าตอบแทนต่ำ ทำแล้วบริษัทรวยขึ้นแต่พนักงานเก็บออมเงินไปดาวน์บ้านยังไม่ได้ด้วยซ้ำ’ เมื่อชีวิตหมดหวังที่จะรวยขึ้น ผลคือหนุ่มสาวขออยู่ไปวันๆ ดีกว่า
  • ปัญหาหลายอย่างที่ประดังเข้ามา ทั้งสภาพเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาตั้งแต่เผชิญโควิด-19 ผนวกกับการทำตัว ‘ปล่อยจอย’ มากขึ้นของคนหนุ่มสาว ทำให้อัตราการว่างงานในหมู่คนหนุ่มสาววัย 16-24 ปี พุ่งสูงเมื่อปี 2023 ค่าเฉลี่ยคือถ้าถามคนหนุ่มสาว 5 คน จะมีอย่างน้อย 1 คนที่ไม่ได้ทำงาน

========

ไม่ทำงานบริษัทแล้วจะทำอะไร?

  • คำถามต่อมาคือหนุ่มสาวจะใช้ชีวิตรอดอย่างไร? คำตอบคือบางคนก็ใช้วิธีรับจ๊อบทำงานแค่พอประทังชีพ หรือบางคนก็เข้าบริษัทไปทำงานไปวันๆ
  • อีกเทรนด์หนึ่งที่ฮิตมากคือการประกาศตัว “ทำหน้าที่ลูกเป็นงานประจำ” หมายถึงการกลับไปอยู่บ้านพ่อแม่ ดูแลพ่อแม่ ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว ซื้อของ พาพ่อแม่เที่ยว ซึ่งพ่อแม่จีนบางคนก็รู้สึกดีที่ลูกหลานมาอยู่ด้วย เพราะชีวิตบั้นปลายย่อมต้องการคนดูแล
  • ส่วนคนที่มีลู่ทางประกอบอาชีพแบบ “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” ก็เลือกจะเป็น “ดิจิทัล โนแมด” เพื่อหลีกหนีวิถีชีวิต 996 ไปใช้ชีวิตต่างประเทศที่ค่าครองชีพต่ำกว่าเมืองใหญ่ของจีน เช่น บาหลี, เวียดนาม หรืออาศัยอยู่ตามชนบทจีน ส่วนใหญ่คนที่ทำได้มักจะเป็นงานที่ทำออนไลน์ได้ 100% เช่น วิศวกรซอฟต์แวร์, โปรแกรมเมอร์, นักเขียน, ครีเอทีฟ เป็นต้น

========

รัฐบาลจีนจะไม่ทน

  • เทรนด์การใช้ชีวิต “ถั่งผิง” เหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดียมากมายจนหนุ่มสาวอยากจะทำตามมากขึ้นเรื่อยๆ
  • มีกิจกรรมหลายอย่างที่กลายเป็นคอนเทนต์ฮิตในโซเชียล เช่น การจัดปาร์ตี้ลาออกให้ตัวเอง (ยิ่งลาออกแบบ ‘ไม่มีงานรองรับ’ ยิ่งเจ๋ง) หรือ การเสี่ยงโชคซื้อลอตเตอรี ถึงขนาดว่ายอดขายลอตเตอรีของรัฐเมื่อเดือนเมษายนปี 2023 พุ่งสูงถึง 5 หมื่นล้านหยวน สูงขึ้น 62% จากปีก่อนหน้า เพราะเทรนด์ ‘อยากรวยทางลัด’
  • หลังจากปล่อยให้โซเชียลโพสต์เรื่องเหล่านี้มานาน ในที่สุดเมื่อปลายปี 2023 รัฐบาลจีนก็เริ่มทนไม่ไหว และกำหนดให้ “คอนเทนต์มองโลกในแง่ร้าย” เป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ไม่เหมาะสมที่รัฐต้องการเซ็นเซอร์ (*คอนเทนต์ที่รัฐบาลจีนแบนอื่นๆ เช่น อวดรวย แฟนด้อมคลั่งดารา)
  • คอนเทนต์ที่สะท้อน ‘วัฒนธรรมการทำงานในแบบที่ผิด’ จะถูกรัฐบาลเซ็นเซอร์ เพราะรัฐจีนต้องการให้หนุ่มสาวเลิกมองโลกในแง่ร้าย และกลับมาสร้างประสิทธิผลให้กับชาติอีกครั้ง

 

#ถั่งผิง #เศรษฐกิจจีน #วัฒนธรรมจีน #positioningmag

ที่มา: Jing Daily, Yahoo
ภาพจาก: Shutterstock

อ่านบทความอื่นๆ

]]>
1463059
ปัญหาใหม่เศรษฐกิจจีน: วัยรุ่น 1 ใน 5 คน​ “ว่างงาน” เรียนจบสูงแต่ไม่มีตำแหน่งรองรับ https://positioningmag.com/1432267 Mon, 29 May 2023 05:08:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432267 อีกหนึ่งปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมจีนในยุคหลังโควิด-19 คือ “วัยรุ่น” มีอัตรา “ว่างงาน” ถึง 20.4% เนื่องจากเรียนจบมาในสายงานหรืออุตสาหกรรมที่ถูกรัฐบาลสกัดความร้อนแรงหรืออยู่ในช่วงตกต่ำพอดี เช่น ไอที กวดวิชา อสังหาริมทรัพย์ ขณะที่โรงงานเกิดภาวะขาดแคลนแรงงาน แต่วัยรุ่นที่จบสูงย่อมไม่ต้องการทำงานที่ต่ำกว่าระดับการศึกษาของตน

Goldman Sachs วิเคราะห์ปัญหาการ “ว่างงาน” ในกลุ่มวัยรุ่นจีนอายุ 16-24 ปีที่พุ่งสูง 20.4% ของประชากรวัยนี้ว่า เป็นเพราะการจบการศึกษามาไม่ตรงกับความต้องการในตลาดงาน

ย้อนไปในปี 2021 ผู้ที่จบการศึกษาด้านศึกษาศาสตร์และกีฬาเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปี 2018 แต่ในช่วงเดียวกันนั้นเอง ตำแหน่งงานในอุตสาหกรรมการศึกษากลับตกต่ำลงอย่างมาก เหตุเพราะการเปลี่ยนแปลงระเบียบทางกฎหมาย กวาดล้างบรรดาโรงเรียนกวดวิชาในปี 2021

ในช่วงเวลาเดียวกัน รัฐบาลจีนยังเริ่มทลายความร้อนแรงของบริษัทไอที-เทคโนโลยี เริ่มจากบริษัทยักษ์ใหญ่ Alibaba จากนั้นจึงถึงคิวของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

นักวิเคราะห์ Goldman Sachs มองว่าแค่เพียง 3 อุตสาหกรรมนี้ก็ทำให้ตำแหน่งงานหายไปจากตลาดพอสมควร และยังกระทบมากในกลุ่มวัยรุ่น เพราะ 3 อุตสาหกรรมดังกล่าวปกติแล้วมักจะจ้างเด็กจบใหม่จำนวนมาก

ในทางกลับกัน ฝั่งโรงงานอุตสาหกรรมมีดีมานด์ความต้องการแรงงานสูงขึ้นมากระหว่างปี 2018-2021 จนโรงงานเกิดภาวะขาดแคลนบุคลากร

คนรุ่นใหม่ที่เรียนจบมาสูงจึงเกิดทางแยกในชีวิต เพราะทุกคนถีบตัวเองให้เรียนจบถึงปริญญาตรีเพื่อจะหลีกเลี่ยงการใช้แรงงาน แต่วันนี้เมื่อตลาดงานไม่เอื้ออำนวย พวกเขาจึงติดกับดักว่าจะถอดชุดครุยไปทำงานแรงงานเพื่อให้มีกิน หรือพยายามหางานออฟฟิศและเสี่ยงว่างงานไปอีกยาว

ภาวะนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาส่วนบุคคล แต่เป็นกงล้อหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ เพราะวัยรุ่นที่ว่างงานจะขาดรายได้ และทำให้ต้องลดการใช้จ่าย ไม่สามารถช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนเศรษฐกิจจากภายใน โดย Goldman Sachs รายงานว่า ปกติวัยรุ่นจะใช้จ่ายคิดเป็นสัดส่วน 20% ของการบริโภคในประเทศ

หากคิดเป็นจำนวนคนแล้ว ปัจจุบันวัยรุ่นที่ยัง “ว่างงาน” มีเพิ่มขึ้น 3 ล้านคนเทียบกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาด และในหลายปีต่อจากนี้ปัญหาจะหนักข้อมากขึ้น เพราะแค่เพียงปีนี้ปีเดียวจะมีนักศึกษาจีนจบใหม่เข้าสู่ตลาดงานอีก 11.6 ล้านคน

รัฐบาลจีนเล็งเห็นปัญหานี้และพยายามวางนโยบายแก้ไข เช่น เริ่มออกมาตรการให้รัฐวิสาหกิจเปิดตำแหน่งงานให้นักศึกษาจบใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงเปิดคอร์สฝึกอาชีพเพื่อจะให้นักศึกษาที่จบไม่ตรงความต้องการตลาดได้เปลี่ยนสายงาน

อีกหนึ่งนโยบายที่กำลังพิจารณาคือ สนับสนุนภาคบริการให้เติบโตเพื่อสร้างตำแหน่งงาน ที่เลือกภาคธุรกิจนี้เพราะจีนเห็นว่าในประเทศอื่น เช่น ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา ภาคบริการเป็นธุรกิจที่จ้างงานคนเป็นสัดส่วนถึง 80% ของตลาดงานทั้งหมด ขณะที่ในจีนภาคบริการมีตำแหน่งงานยังไม่ถึง 50% ของตลาดงาน ธุรกิจนี้จึงน่าจะยังขยายการจ้างงานได้

จีนมองว่าปัญหาวัยรุ่นตกงานนั้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะถ้าวัยทำงานในวันนี้ไม่มีงานทำ จะยิ่งกระทบหนักต่อสังคมจีนที่เข้าสู่ภาวะสังคมสูงวัยอีกด้วย

ที่มา: CNBC, CNN

]]>
1432267