หุ้นต่างประเทศ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 23 Jan 2022 13:21:47 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 มองภาพรวมเศรษฐกิจโลก ปี 65 ฟื้นตัว เเต่ตลาดผันผวนมากขึ้น ชูธีมเด่นลงทุนต่างประเทศ  https://positioningmag.com/1371276 Sun, 23 Jan 2022 12:15:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1371276 บลจ.กรุงศรี มองเศรษฐกิจโลก ปี 2565 เริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสหรัฐฯ ยุโรป เเละกลุ่มตลาดเกิดใหม่ในเอเชียที่จะทยอยปรับตัวดีขึ้น เเต่ตลาดอาจผันผวนมากขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อ เผยธีมลงทุนหุ้นต่างประเทศ “Clean energy -ESG – จีน”  

เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว เเต่ตลาดยังผันผวนรับเงินเฟ้อ

ศิระ คล่องวิชา ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยถึง ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกปี 2565 ว่า มีแนวโนมฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในตลาดพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และยุโรป

ด้านความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อาจมีน้อยลงจากอัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การพัฒนาวัคซีนและยารักษา Covid-19 ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง

“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่อาจไม่เท่ากัน คาดว่าเศรษฐกิจในกลุ่มตลาดเกิดใหม่จะทยอยปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะในเอเชียอย่างประเทศจีน เนื่องจากแนวโน้มการออกมาตรการควบคุมอุตสาหกรรมของทางการจีนจะมีน้อยลง และรัฐบาลจีนได้ส่งสัญญาณว่าจะกลับมาสนับสนุนสภาพคล่องให้เศรษฐกิจอีกครั้ง”

อย่างไรก็ตาม ตลาดโลกอาจมีความผันผวนมากขึ้น โดยปัจจัยที่ต้องจับตามองคืออัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่จะมีความตึงตัวมากขึ้น นำโดยสหรัฐฯ ที่เตรียมยกเลิกโครงการ QE ในเดือนมีนาคมเพื่อเตรียมขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในลำดับถัดไป ตลาดมองว่าเฟดอาจมีการขึ้นนโยบายการเงินได้ถึง 4 ครั้งในปี 2565 โดยอาจจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป

สำหรับภาพรวมของการลงทุนในตลาดหุ้นโลกนั้น บลจ.กรุงศรี มีมุมมองว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นอาจมีมากขึ้น ตามแรงกดดันเรื่องเงินเฟ้อ และการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของทางธนาคารกลางทั่วโลก

ขณะที่การฟื้นตัวของแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกัน โดยเราอาจเห็นกลุ่มหุ้นที่มีราคาสูงอย่างกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน ในขณะที่ตลาดที่เป็น laggards ทยอยฟื้นตัวโดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และจีน  โดยในช่วงที่ตลาดมีความเสี่ยงมากขึ้นการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่ม defensive จะช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตการลงทุนได้ 

Photo : Shutterstock

3 ธีมใหญ่ ลงทุนต่างประเทศ 

ธีมการลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ลงทุนในกลุ่ม Clean energy เนื่องจากปัจจุบันนโยบายเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นยุโรป สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และจีน โดยทั้งหมดได้ตั้งเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้สำเร็จ และคาดว่าจะเห็นนโยบายสนับสนุนด้าน Clean energy ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • ลงทุนในธีม ESG ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากนักลงทุน อีกทั้งธีมการลงทุนในส่วนของ cyber securities ที่มีความจำเป็นมากขึ้นในปัจจุบันหลังจากเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้นก็เป็นธีมการลงทุนที่น่าสนใจเช่นกัน
  • ลงทุนในตลาดจีน ก็กลับมาน่าสนใจอีกครั้งหลังท่าทีของรัฐบาลจีนที่มีต่อการออกกฎหมายควบคุมในหลายอุตสาหกรรมเริ่มลดลง โดยทางธนาคารกลางจีนได้กลับมาให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนสภาพคล่องให้กับตลาดอีกครั้ง นอกจากนั้นการลงทุนในกลุ่มตลาดที่เป็น laggards อย่างตลาดญี่ปุ่นและตลาดเอเซียก็ยังคงมีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากราคาหุ้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงจนเกินไปและมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
Photo : Shutterstock

ท่องเที่ยวไทย เริ่มกลับมา 

ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้ดีในปี 2565 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และจากอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นจนสามารถกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้เป็นปกติ โดยภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะทยอยเริ่มกลับมาหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจได้มากขึ้น

ส่วนการส่งออกจะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงเนื่องจากผลของฐานต่ำหมดไป ในขณะที่ภาคบริการจะเติบโตในอัตราสูงจากผลของฐานต่ำในปี 2564 ด้านการบริโภคคาดว่าจะกลับมาขยายตัวดีขึ้น แต่อาจไม่ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทย มีแนวโน้มผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจและกระแสเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก

ทั้งนี้ คาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลงตลอดปี 2565 เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ส่วนอัตราผลตอบแทนระยะกลางถึงยาวอาจมีความผันผวนตามตลาดต่างประเทศที่คาดว่าจะถูกกดดันจากการปรับนโยบายการเงินของสหรัฐเป็นหลัก

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น บลจ.กรุงศรีมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทยในปี 2565 โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ จะสามารถเติบโตได้ในอัตราร้อยละ 11.5 จากการกลับมาเปิดประเทศ โดยคาดว่าการลงทุนในหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 12.5

อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามเรื่องโอมิครอนว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหรือไม่ รวมถึงนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดมากเพียงใด

“การจัดพอร์ตการลงทุนในปี 2565 นักลงทุนควรให้ความสำคัญต่อการกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์เพื่อลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง แนะนำจัดสรรเงินลงทุนใน ตราสารหนี้ 35% หุ้นไทย 16.5% และหุ้นต่างประเทศ 48.5% 

 

 

 

 

]]>
1371276
รู้จัก Thematic Optimize จัดพอร์ตธีมเมกะเทรนด์ด้วย AI จาก Jitta Wealth หนุนคนไทยกล้าลงทุนต่างประเทศ https://positioningmag.com/1353855 Thu, 30 Sep 2021 14:40:14 +0000 https://positioningmag.com/?p=1353855 การลงทุนเเบบ Thematic เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเหล่านักลงทุนเริ่มเกาะธีมธุรกิจที่เติบโตตามเมกะเทรนด์โลกเป็นโอกาสทองของสตาร์ทอัพไทยอย่าง Jitta Wealth ที่จะเข้ามาเสิร์ฟความต้องการนี้ 

ล่าสุดกับการเปิดตัว ‘Thematic Optimize’ ตัวช่วยบริหารพอร์ตด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ดูเเลการลงทุนตามธีมธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกที่กำลังเติบโตอยู่ ขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีการศึกษาเกี่ยวกับการสร้างอัลกอริทึมเพื่อวิเคราะห์คริปโตเคอร์เรนซี เเละนโยบายปรับลดวงเงินซื้อขั้นต่ำ เพื่อขยายฐานลูกค้า

“เราคาดหวังจะนำเทคโนโลยีมาช่วยเหลือนักลงทุน โดยเฉพาะการทำให้นักลงทุนไทยกล้าที่จะไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น”

ปัจจุบันตลาดการลงทุนไทยในอุตสาหกรรมการบริหารการลงทุน มีเม็ดเงินลงทุนอยู่ประมาณ 6.6 ล้านล้านบาท มีผู้ลงทุนอยู่ประมาณ 7 ล้านบัญชีในประเทศไทย

เผ่าตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะเวลธ์ จำกัด เล่าว่า ในปัจจุบันการลงทุนในตลาดต่างประเทศ เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เเต่นักลงทุนไทยจำนวนไม่น้อย ยังมีความลังเลเเละไม่เเน่ใจ จุดนี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนา Thematic Optimize ขึ้นมาเป็น ‘ตัวช่วย’ เเละในอนาคตก็จะมีการเพิ่มธีมเมกะเทรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ย้อนไปเมื่อปี 2562 Jitta Wealth (จิตตะเวลธ์) ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (...) ให้เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะเวลธ์ จำกัด หรือ Wealth Tech รายแรกในไทย

เเละต่อมาในปี 2563 ได้เปิดให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์ม Jitta Wealth โดยหลักการลงทุนใช้เทคโนโลยี AI จัดการทั้งหมด เเบ่งเป็น 3 โมเดลการลงทุนที่เจาะกลุ่มลูกค้าเเตกต่างกัน ได้เเก่

Global ETF – การลงทุนความเสี่ยงต่ำ เน้นการทำ Asset Allocation กระจายลงทุนทรัพย์สินทั่วโลก เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ, จีน, อินเดีย, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, พันธบัตร, หุ้นกู้ วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท 

Thematic – การลงทุนเสี่ยงปานกลาง เน้นธีมการลงทุนสอดรับเมะกะเทรนด์โลก มีให้เลือกทั้งหมด 16 ธีม ล่าสุดกับ Thematic Optimize ที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์การเติบโตเเละความเสี่ยงของธีมเมกะเทรนด์ต่างๆ จากหุ้นกว่า 2,500 หุ้น คัดเลือกออกมาเป็น 4 ธีมที่น่าลงทุนที่สุดในตอนนั้น นำมาจัดพอร์ตในสัดส่วนอย่างละ 25%

“ยิ่งกระจายความเสี่ยงเยอะ ก็ยิ่งปลอดภัย เเต่ผลตอบเเทนจะน้อยลงไปด้วย เราจึงคิดว่าจำนวน 4 ธีมเหมาะสม”

โดย Thematic Optimize จะมีการปรับพอร์ตให้โดยอัตโนมัติทุก 3 เดือน วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนบาท มีค่าธรรมเนียมบริหารจัดการ 0.5% ต่อปี

สำหรับผลตอบแทนย้อนหลัง ระบบดังกล่าวสามารถทำกำไรเฉลี่ยทบต้น 25.22% ต่อปี ชนะดัชนี MSCI World Index (Total Return) ที่มีผลตอบแทน 13.78% ต่อปี (ข้อมูล ณ 31 ส.ค. 64)

Jitta Ranking – การลงทุนความเสี่ยงสูง เเต่ผลตอบเเทนก็สูงตามไปด้วย โดยจะใช้ AI วิเคราะห์ตัวหุ้นดีราคาถูก จัดสรรหุ้นเข้ามาในพอร์ต และทำการปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน วงเงินลงทุนขั้นต่ำ 5 แสนบาท จับกลุ่มลูกค้าผู้ลงทุนที่มีรายได้สูง

ทั้งนี้ Jitta Wealth ถือว่าเป็นบริษัทมีการบริหารกองทุนส่วนบุคคลมากที่สุดในประเทศไทยกว่า 30,160 กองทุน มีการเติบโตกว่า 1,400% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนฝั่งของแพลตฟอร์ม Jitta Stock Analysis ที่ครอบคลุมการวิเคราะห์หุ้นกว่า 95% ทั่วโลก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลจากกว่า 5 แสนราย เข้าดูข้อมูลมากกว่า 1.2 ล้านครั้งต่อเดือน

หุ้นจีโนมิกส์-พลังงานสะอาด มาเเรง 

ตราวุทธิ์ ให้ความเห็นว่า ในระยะสั้นของเเนวโน้มหุ้นไทย จะมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มที่จะกระเตื้องขึ้น หลังมีการเปิดเมืองมากขึ้น เเละหากกระจายวัคซีนได้ผลดีก็อาจจะมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ โดยกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวกับการเปิดเมือง ลงทุนก่อสร้างต่างๆ ที่เคยหยุดชะงักไป น่าจะกลับมาเติบโต

สำหรับหุ้นในต่างประเทศ ธีมที่มาเเรงก็ยังเกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองเช่นเดียวกัน อย่างค้าปลีก ท่องเที่ยว ที่เห็นได้ชัดในสหรัฐอเมริกา เเละหุ้นเทคโนโลยีที่ขยายตัวต่อเนื่อง อย่าง คลาวด์คอมพิวติ้ง ฟินเทค อีคอมเมิร์ซ บล็อกเชน เซมิคอนดักเตอร์ เเละ Internet of Things (IoT) ฯลฯ

ธีมที่คาดว่าจะขยายตัวได้เร็วมากในช่วง 3 ปีข้างหน้าคือ กลุ่มธุรกิจจีโนมิกส์’ (Genomics) ที่ดิสรัปต์วงการสุขภาพ เเละกลุ่มพลังงานสะอาด โดยเฉพาะในจีน ที่ทั้งสองมีการเติบโตเฉลี่ยกว่า 3 ปีให้หลังกว่า 60% ต่อปี

นักลงทุนเเห่หา Thematic

กระแสการลงทุนในธุรกิจที่เป็นธีม โดยเฉพาะในกลุ่มเมกะเทรนด์โลก หรือ Thematic Investment อย่าง กลุ่มเทคโนโลยี หรือเทคโนโลยีทางการเงิน, ระบบคลาวด์, หุ้นยนต์ AI, เกมและอีสปอร์ต รวมถึงพลังงานสะอาด หรืออาจจะเป็นธีมที่ลงทุนในเทคโนโลยีของประเทศผู้นำในอุตสาหกรรม เช่น สหรัฐฯ หรือจีน ที่คาดว่าจะเติบโตมีมูลค่ามหาศาลในอนาคตนั้น ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลกอย่างมาก และกำลังกลายเป็นการลงทุนกระแสหลัก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าว ตอบโจทย์ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

“การลงทุนแบบ Thematic จะเน้นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจผ่าน ETF (Exchange Traded Fund) เพื่อกระจายการลงทุนไปยังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมหรือเมกะเทรนด์นั้นๆ” 

จากรายงาน “Global ETF Investor Survey” ประจำปี 2564 ของ Brown Brothers Harriman & Co. เผยผลสำรวจของนักลงทุนที่ลงทุนใน ETF ทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่า 80% ของนักลงทุนวางแผนจะเพิ่มการจัดสรรเงินลงทุนไปยังกองทุน ETF แบบ Thematic มากขึ้น

สอดคล้องกับรายงานของ มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) ณ เดือน มิ.ย. 64 ที่ระบุว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้กองทุน ETF ทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ดังกล่าวกว่า 5.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยที่สัดส่วนกว่า 51% ของกองทุนเหล่านี้อยู่ในยุโรป และสหรัฐฯ 

“สำหรับ Thematic Optimize ต้องรอดูว่าหลังเปิดตัวไปจนถึงสิ้นปีนี้ มีเเนวโน้มอย่างไรบ้าง เเละจะทำให้เราตั้งเป้าหมายของปีหน้าได้ เเต่เมื่อดูจากสถิติการลงทุนใน Thematic ของคนไทยที่ผ่านมา ก็คาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ จากนักลงทุน” 

เดินหน้าปรับลดเงินลงทุนขั้นต่ำ

นอกจากนี้ Thematic Optimize จะมีโอกาสจะปรับลงเงินลงทุนขั้นต่ำลงจากเดิมที่ 1 เเสนบาท เพื่อให้เข้าถึงฐานลูกค้าได้มากขึ้น หากย้อนกลับไปจะเห็นว่า สมัยก่อนกองทุนส่วนบุคคล จะต้องมีเงินลงทุนเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป เเต่ Jitta Wealth เปิดตัวเเรกๆ มาด้วย การลดวงเงินลงทุนให้เริ่มต้น 1 ล้านบาท และก็เหลืออยู่ที่ 1 แสนบาทในตอนนี้

ในอนาคตแน่นอนว่าเราจะลงวงเงินลงทุนซื้อขั้นต่ำให้ลงมาได้อีกหลังจากมี Economy of Scale มากขึ้น และหารือร่วมกับพันธมิตรต่างๆ อย่าง Custodian หรือโบรกเกอร์ต่างๆ ที่ต้องให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน เชื่อว่าในเร็วๆ นี้จะมีข่าวดีออกมา เพื่อให้การลงลงทุนที่ดีเข้าถึงทุกคนได้

เตรียมสร้างอัลกอริทึม วิเคราะห์ ‘คริปโตฯ’ 

เมื่อถามว่า ในอนาคตมีเเผนการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ อย่างคริปโตเคอร์เรนซีหรือสกุลเงินดิจิทัลที่กำลังเป็นกระเเสอยู่ตอนนี้หรือไม่นั้น

ซีอีโอ Jitta Wealth ตอบว่า มีความเป็นไปได้ หลังจากรับฟังความเห็นจากลูกค้าอยู่เสมอ นักลงทุนหลายคนเริ่มมีฟีดเเบ็กมาว่า อยากลงทุนในคริปโตฯ จะช่วยได้อย่างไรบ้าง เราก็คิดว่า มีอยู่ 2 ทางเลือกคือ

1) รอทางก...ของสหรัฐฯ อนุมัติ ETF ที่ลงทุนในคริปโตฯ ก่อน บริษัทก็จะสามารถนำ ETF Crypto มาเป็นส่วนหนึ่งของ Thematic ให้ลงทุนกันได้

2) Jitta จะสร้างอัลกอริทึมเพื่อไปวิเคราะห์ Crypto และอาจจะนำมาจัดเป็น Jitta Ranking Crypto ได้ผ่านโจทย์ว่าจะทำอย่างไรให้คำนวณคุณภาพและมูลค่าได้ดีที่สุดและสร้างพอร์ตให้นักลงทุนได้เลย

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องมีคำเตือนว่าเการลงทุนคริปโตฯ ยังใหม่มากเเละมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นการวิเคราะห์ต่างๆ จะไม่เหมือนหุ้น หรือพันธบัตรต่างๆ ที่มี Historical Data ให้สามารถนำมาคำนวณได้

คริปโตฯ ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะ Unknown Factor ที่ไม่รู้ในอนาคตอีกมาก อย่างการเข้ามาควบคุมกำกับจากรัฐบาลต่างๆ เเต่ก็มีความเป็นไปได้

สิ่งสำคัญของการลงทุน คือความเข้าใจ

กลยุทธ์หลักๆ ที่ Jitta Wealth นำมาใช้เพื่อเพิ่มผู้ใช้เเพลตฟอร์มคือการให้ความรู้เพราะเราเชื่อว่าสิ่งสำคัญของการลงทุน คือความเข้าใจ ดังนั้นต้องมีการสื่อสารผ่านสื่อต่างๆ เป็น educational channel ช่องทางต่างๆ เช่น หลักการลงทุนระยะยาว ดอกเบี้ยทบต้น การกระจายความเสี่ยง การวิเคราะห์หุ้น การเลือกธีมต่างๆ เป็นต้น

“เราเชื่อว่าถ้านักลงทุนเข้าใจ พวกเขาก็จะสามารถลงทุนกับเราได้อย่างสบายใจ ถือครองการลงทุนที่ผ่านทุกข์ ผ่านหนาว ผ่านหุ้นขึ้นหุ้นลงได้ ซึ่งระยะยาวจะนำไปสู่การมีผลตอบเเทนที่ดี ผู้ลงทุนก็จะเป็นคนเเนะนำคนรอบข้างถึงบริการของ Jitta Wealth เอง

ด้านพฤติกรรมของนักลงทุนไทยในช่วงโควิด ก็มีการเปลี่ยนเเปลงไปพอสมควร โดยในภาพรวม เขามองว่าผู้คนได้เรียนรู้มากขึ้นในช่วงโควิด เเม้จะมีคนจำนวนมากที่เลือกเพิ่มการลงทุนช่วงวิกฤต เเต่คนบางกลุ่มก็รู้สึกไม่กล้าลงทุนเเละหวั่นวิตก

“สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดในการการลงทุนคือความเข้าใจ ความหนักเเน่นเเละวินัยในการลงทุน ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ลงทุนเเล้วผ่านโควิดปีที่เเล้วมาได้ เขาจะมีความรู้เเละความเข้าใจ ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น มีเเนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวมากขึ้น”

ขณะเดียวกัน วิกฤตโควิดก็ทำให้นักลงทุนไทยทั้งหลาย ตระหนักว่า ควรจะเริ่มกระจายความเสี่ยงไปลงทุนให้หุ้นต่างประเทศบ้าง เพราะธุรกิจในประเทศ อาจจะไม่พร้อมรับวิกฤตใหม่ๆ หรืออะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นมาอีกในอนาคต

ในอีก 3 ปีข้างหน้า เราตั้งเป้าจะช่วยคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศให้ได้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ทำให้ตลาดนี้คึกคักขึ้น รวมถึงให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้าใจกับนักลงทุนเเละผู้คนทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้ามาในตลาด

 

 

]]>
1353855