ส่องตลาด ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ในไทย คนสนใจลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ เเตะ 1.37 ล้านบัญชี ขยายตัวที่ 27.6% ต่อเดือน โตเร็วกว่าตลาดหุ้น เเต่ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนเมืองที่มีรายได้และเงินออมสูง ส่วนใหญ่มุ่งเน้นเก็งกำไร ยอมรับความเสี่ยงได้ เเนะหาข้อมูล-เพิ่มทักษะต่อเนื่อง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความรู้เพื่อพัฒนาตลาด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดบทวิเคราะห์การลงทุนในตลาด ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ หรือสกุลเงินดิจิทัลในไทย รวมถึงความเห็นของเหล่านักลงทุน ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าจับตามองไม่น้อย
ด้วยความที่ ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘คริปโต’ ยังคงมีความผันผวนสูง เเละเป็นสินทรัพย์ใหม่ที่อาจยังมีมูลค่าไม่ชัดเจน เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดคริปโตกลับมีการเติบโตเป็นอย่างมาก
ปัจจัยอะไรที่ทำให้ตลาดคริปโตพุ่ง ?
จากกระเเสข่าวเชิงบวกเเละความต้องการลงทุนของนักลงทุนรายใหญ่ ทำให้คริปโตให้ผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ เเต่ก็ต้องเเลกมาด้วยความเสี่ยงสูงเช่นกัน
คริปโตเคอร์เรนซี ได้กลายเป็นสินทรัพย์ ‘ทางเลือกใหม่’ ในหมู่นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนที่พยายามแสวงหาสินทรัพย์ใหม่ๆ เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น หรือ Search for Yield จากภาวะอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
รวมถึงในกลุ่มนักลงทุนที่ชื่นชอบความเสี่ยง และต้องการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ใหม่ๆ ท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ความน่าสนใจของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ทำให้เป็นที่ดึงดูดกลุ่มนักลงทุนรายใหม่เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง
เเนวโน้มคนไทยลงทุนคริปโต เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับประเทศไทยนั้นก็มีนักลงทุนรายย่อยรายใหม่ๆเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในวงจำกัด ปัจจุบันมีจำนวนบัญชีซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยทั้งหมด 1,379,373 บัญชี ซึ่งน้อยกว่าบัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ราว 2.1 เท่า
“แต่มีอัตราการขยายตัวสูงอยู่ที่ 27.6% ต่อเดือน ขณะที่บัญชีซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีอัตราการเติบโตเพียง 2.9% ต่อเดือน สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในไทย”
ในช่วงที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ดำเนินการสำรวจการลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีกับกลุ่มตัวอย่าง ‘โฟกัสกรุ๊ป’ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพนักงานบริษัทเอกชนที่มีรายได้สูง อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่น่าจะเป็นกลุ่มที่มีความเข้าใจด้านนี้ ขณะเดียวกัน เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดทำให้มีจำนวนตัวอย่างที่จำกัด
ทั้งนี้ จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการตีความเชิงสถิติเนื่องจากผลทางสถิติ อาจจะเปลี่ยนแปลงตามขนาดของกลุ่มตัวอย่างได้
เเม้ผลทางสถิติอาจไม่ได้สะท้อนถึงประชากรทั้งประเทศ และจากผลสำรวจดังกล่าวได้มีผลทางสถิติที่น่าสนใจหลายประการที่น่าจะสามารถบ่งชี้ลักษณะ มุมมอง และความคาดหวังของนักลงทุนไทยในเบื้องต้นได้ ดังนี้
ผลการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า กลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปรู้จักคริปโตเคอร์เรนซีสูงถึง 69.4% มีคนสนใจลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีมากถึง 52.0% และลงทุนจริงในปัจจุบันอยู่ที่ 24.3%
“กลุ่มนักลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซียังอยู่ในวงจำกัด โดยมักเป็นกลุ่มคนเมืองที่มีรายได้ และเงินออมอยู่ในระดับสูง”
โดยกลุ่มตัวอย่างที่ยังไม่ได้ลงทุนจริงในปัจจุบัน เเต่มีความสนใจที่จะลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีในอีก 1 ปีข้างหน้า มีถึง 42.0% สะท้อนว่าจะมีนักลงทุนรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดคริปในไทยจำนวนมากในระยะข้างหน้า
ส่วนใหญ่เน้น ‘เก็งกำไร’ ทำใจรับความเสี่ยงได้
“ปัจจุบันคนไทยที่ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี มักเน้นมิติการเก็งกำไรเป็นหลัก”
อย่างไรก็ดี กลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปส่วนใหญ่ ค่อนข้างเข้าใจในภาวะเสี่ยงจากการลงทุนในตลาด แต่ขณะเดียวกัน ก็มีนักลงทุนบางส่วนที่อาจจะยังไม่เข้าใจถึงสภาวะเสี่ยงนั้น เพราะมีความคาดหวังและมีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับผลตอบแทนในระดับสูงต่อเนื่อง
ภาพรวมกลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปที่รู้จักคริปโตเคอร์เรนซี ส่วนใหญ่ราว 26.6% คาดหวังว่าคริปโตเคอร์เรนซีจะสามารถนำมาเก็งกำไรระยะสั้นได้
โดยนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีในกลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปกว่า 76.3% สามารถรับได้ หากเงินลงทุนจะหายไปมากกว่า 50% ภายใน 1 วัน สะท้อนถึงความมั่นใจอีกมุมหนึ่งว่าราคาคริปโตจะสามารถผันตัวกลับมาได้โดยเร็ว
ขณะเดียวกัน มีนักลงทุนบางส่วนที่คาดว่าคริปโตจะสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ราว 18.6% เเละสามารถทดแทนการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม อย่าง หุ้น ตราสารหนี้ได้ 16%
พร้อมกันนั้น กลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปที่ลงทุนในคคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ราว 56.7% เปรียบการลงทุนในคริปโตเหมือนเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น
เหตุผลที่เลือกลงทุนในคริปโต ?
นักลงทุนไทยในกลุ่มสำรวจ กว่า 21% บอกว่าพวกเขาเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี เพราะมีความเชื่อมั่นว่าราคาจะขึ้นไปอีกเรื่อยๆ และคาดหวังที่จะได้ผลตอบแทนสูง
ส่วนอีก 11.5% เห็นเพื่อนหรือคนรอบข้างลงทุนและได้ผลตอบแทนสูง 11.5% หรือเพื่อนหรือคนรอบข้างชักชวนลงทุน 9.0%
จากเหตุผลต่างๆ ดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายจากการลงทุนในตลาดสูง เนื่องจากความไม่เข้าใจในทิศทางตลาดที่อยู่ในภาวะความผันผวนสูง และอาจเป็นเป้าหมายต่อการถูกชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนแบบผิดกฎหมาย
เงินลงทุนมาจากไหน ?
การลงทุนส่วนใหญ่ใช้เงินลงทุนจริงในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีไม่มาก จากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า กลุ่มตัวอย่างโฟกัสกรุ๊ปที่ลงทุนในคริปโต ส่วนใหญ่ราว 48.5% ใช้เงินลงทุนในสัดส่วนไม่เกิน 10% ของเงินออม นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีได้ในระดับหนึ่ง หากตลาดเกิดความผันผวนรุนแรงในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
ให้ความรู้ ทำความเข้าใจ เพื่อพัฒนาตลาด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การจะลดความเสี่ยงจากภาวะความผันผวนในตลาด หรือสร้างโอกาสจากการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี จำเป็นต้องอาศัยทักษะความรู้ทางการเงินและความรู้เท่าทันต่อเทคโนโลยีดิจิทัลด้วย นับว่าเป็นโจทย์สำคัญต่อทั้งกลุ่มนักลงทุนและทางการ
โดยนักลงทุนที่สนใจจะเข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ก็ควรต้องเร่งเสริมสร้างทักษะความรู้และความเข้าใจในเรื่องสกุลเงินดิจิทัลอย่างคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเทรนด์เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีสกุลเงินคริปโตเคอร์เรนซีใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง
ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็อาจต้องเพิ่มแหล่งการเรียนรู้ที่จะเป็นสื่อกลางในการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพื่อลดความสูญเสียอันจะเกิดกับนักลงทุนในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือนักลงทุนมือใหม่ที่มุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในระดับสูง ท่ามกลางอัตราผลดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้ที่จะยังอยู่ในระดับต่ำอย่างน้อยในอีก 1-2 ปีข้างหน้าตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย
“ความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่กับความรู้ทางการเงินที่ดีขึ้น ยังน่าจะช่วยปูทางไปสู่การใช้เงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง และนวัตกรรมทางการเงินที่จะตามมาอีกมากในอนาคตด้วย”