อิมแพ็ค – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 05 Feb 2025 08:11:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 IMPACT ลงทุน 5 พันล้าน ลุย 2 โรงแรมใหม่ ปั้นเมืองทองธานี ปูทาง Entertainment Complex https://positioningmag.com/1509363 Tue, 04 Feb 2025 09:14:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1509363 IMPACT เจ้าของอาณาจักรเมืองทองธานี เตรียมลงทุนครั้งใหญ่ เริ่มต้น 4,000-5,000 ล้านบาท เพื่อดันอิมแพ็คสู่ MICE Tourism ระดับภูมิภาค และปูทางเป็นหนึ่งในตัวเลือกของเมกะโปรเจกต์สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ของรัฐบาลที่มีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท

“พอลล์ กาญจนพาสน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารกองทรัสต์อิมแพ็คโกรท (IMPACT GROWTH REIT) หรือ IMPACT เปิดเผยว่า ภาพรวมอิมแพ็ค ปี 2567 อารีน่า เติบโต 20% (YoY) มียอดจองเต็มทั้งปี แซงช่วงก่อนโควิด ส่วน exhibition เติบโต 7% (YoY) ดังนี้

  • exhibition สเกลใหญ่ (ขนาดพื้นที่แสดง 4 หมื่นตร.ม. ขึ้นไป) กลับมาเทียบเท่าช่วงก่อนโควิด
  • exhibition สเกลขนาดเล็ก (1-2 หมื่นตร.ม.) และกลาง (3-4 หมื่นตร.ม.) ฟื้นตัวระดับ 80-85% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด

อิมแพ็ค เมืองทองธานี
สำหรับปี 2568 อิมแพ็ควางแผนดัน “เมืองทองธานี” เป็น MICE Tourism Destination ระดับเอเชีย ด้วยจุดแข็งการมีโครงสร้างพื้นฐานครบครัน บนพื้นที่ 4,700 ไร่ ประกอบด้วย 4 ส่วนหลัก พื้นที่รวม 479,761 ตร.ม. ดังนี้

  • ศูนย์การจัดแสดงอิมแพ็ค อารีน่า
  • อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ (ฮอลล์ 1-3)
  • ศูนย์การประชุมอิมแพ็คฟอรั่ม (ฮอลล์ 4)
  • ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ฮอลล์ 5-12)

ตลอดจนรถไฟฟ้าสายสีชมพู 2 สถานีในอิมแพ็ค คือ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี และสถานีทะเลสาบเมืองทองธานี ที่บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุน 50% มูลค่า 1,200 ล้านบาท เตรียมเปิดใช้งานช่วง พ.ค. 68 นี้

“จากศักยภาพของ IMPACT ที่โครงสร้างพื้นฐานรองรับในพื้นที่ โมเดลคล้ายอาณาจักรสถานบันเทิงครบวงจรในสิงคโปร์และลาสเวกัส ทำให้เราเตรียมเสนอชื่อตนเองเป็น 1 ในตัวเลือกของ Entertainment Complex ของไทย ซึ่งกรณี Best Case จะมีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้ครบวงจรมากขึ้น”

อิมแพ็ค

ทว่าความชัดเจนของโครงการ Entertainment Complex ยังไม่แน่ชัดจะมีไทม์ไลน์อย่างไร ระหว่างนี้ IMPACT ไม่รอโอกาสทางเดียว และได้ต่อยอดขยายอาณาจักรเมืองธานี ให้รองรับนักท่องเที่ยวไมซ์มากขึ้น

ปี 2568 วางงบลงทุน 4,000-5,000 ล้านบาท ขยาย 2 โรงแรม เฟส 2 จำนวน 1,000 ห้อง แบ่งเป็น โรงแรม 5 ดาว จำนวน 300 กว่าห้อง และที่เหลืออีก 600 กว่าห้อง เป็นโรงแรม 4 ดาว ทำให้อิมแพ็ค จะมีโรงแรมครบ 2,000 ห้อง ในปี 2571

และวางเป้าขยายโรงแรมเฟสเป็นจำนวนครบ 3,000 ห้อง ในปี 2573 และเฟส 4 ครบ 5,000 ห้อง ภายในปี 2578

จากปัจจุบันมีโรงแรม 2 แห่ง คือ โรงแรมโนโวเทล ระดับ 4 ดาว จำนวน 380 ห้อง และโรงแรมไอบิส ระดับ 3 ดาว จำนวน 550 ห้อง มีอัตราการเข้าพัก (OCC) 50-60%

ทั้งนี้ เงินทุนที่ใช้ขยายส่วนหนึ่งมาจากการขายโรงแรมโนโวเทล และโรงแรมไอบิส เข้ากองทรัสต์ มูลค่า 2,000-2,500 ล้านบาท

“ในช่วงที่ผ่านมามีงานใหญ่ๆ ให้ความสนใจมาจัดงานที่ IMPACT แต่ติดปัญหาเรื่องโรงแรมที่สามารถรองรับคนได้จำกัด ซึ่งการพัฒนาโรงแรมใหม่ จะช่วยเพิ่มศักยภาพการรับงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้น“

ขณะที่ อัตราการเข้าพักในโรงแรมเดิมก็ไม่ได้ลดลง และการเช่าพื้นที่จัดงานก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน เศรษฐกิจในเมืองทองธานีจะคึกคัก เนื่องจากเรามีความพร้อมทั้งในด้านสถานที่ บุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

“ภาพรวมการเติบโตของรายได้ในปี 67 (รอบปีบัญชีสิ้นสุด 31 มีนาคม 68) ในส่วนของกองทรัสต์ IMPACT Growth Reit เราตั้งเป้าการจัดงานประชุม นิทรรศการ อีเวนต์ และงานคอนเสิร์ตที่กลับมาคึกคัก จึงคาดว่ารายได้จะเติบโตจากปีก่อนไว้ที่ประมาณ 25%”

]]>
1509363
“อิมแพ็ค” แย้มสนใจเปิดโรงแรมเพิ่ม 1,000 ห้อง เทรนด์อีเวนต์กลับมา – คิวคอนเสิร์ตเต็มเอี้ยดทั้งปี’68! https://positioningmag.com/1496548 Wed, 30 Oct 2024 12:25:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1496548
  • “พอลล์ กาญจนพาสน์” เผยปีหน้าลุ้นขายโรงแรม 2 แห่งเข้ากองรีท หมุนเงินลงทุนโรงแรมแห่งที่ 3 เพิ่ม 1,000 ห้องใน อิมแพ็ค เมืองทองธานี เน้นระดับ 5 ดาวตอบโจทย์แขกวีไอพี
  • ปี 2567 เทรนด์อีเวนต์กลุ่มคอนเสิร์ตและอินเซนทีฟพุ่งทะยาน เหลือกลุ่มจัดประชุมและนิทรรศการยังรอฟื้น ภาพรวมรายได้กลับมาใกล้เคียงก่อนโควิด-19
  • ปี 2568 สัญญาณบวกงานคอนเสิร์ตจองคิว อิมแพ็ค อารีน่าเต็มยาวถึงสิ้นปีแล้ว
  • การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขั้นต่อไปภายใต้วิสัยทัศน์ของ “พอลล์ กาญจนพาสน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ไม่ใช่การสร้างฮอลล์จัดงานเพิ่ม แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการมาจัดงานอีเวนต์นั่นคือ “โรงแรม”

    ปัจจุบันในเมืองทองธานีบริเวณใกล้สถานที่แสดงสินค้าของอิมแพ็คมีโรงแรม 2 แห่งหลัก คือ ไอบิส กรุงเทพ อิมแพ็ค กับ โนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค พอลล์ระบุว่าทั้ง 2 แห่งรวมกันมีจำนวนห้องพักประมาณ 1,000 ห้อง ซึ่งปรากฏว่าไม่เพียงพอแล้วในวันนี้

    “exhibitor พูดมาเยอะมากว่าอยากให้เรามีโรงแรม 5 ดาวในบริเวณ เพราะแขกผู้ที่จะมาร่วมงานของเขามีเงื่อนไขว่าจะต้องพัก 5 ดาว” พอลล์กล่าวถึงช่องว่างที่ต้องการจะอุดให้อิมแพ็คเป็นสถานที่จัดงานที่สมบูรณ์แบบ “รวมถึงจำนวนห้องพักก็ไม่พอ exhibitor หลายรายบอกว่า ขอห้องพักรอบๆ ขั้นต่ำ 2,000 ห้อง ถ้าเรามีให้ไม่พอ เขาก็ตัดเราออกจากตัวเลือกเลย”

    โนโวเทล กรุงเทพ อิมแพ็ค (Photo: Facebook@NovotelIMPACT)

    ทำให้ปี 2568 นี้อิมแพ็คมีแนวทางว่าอาจจะมีการขายโรงแรมทั้งไอบิสและโนโวเทลเข้ากองทรัสต์ IMPACT GROWTH REIT เพื่อนำเงินมาใช้ในการลงทุนโรงแรมแห่งใหม่ซึ่งคาดว่าน่าจะต้องใช้เงินลงทุนราว 4,000 ล้านบาทขึ้นไป หากต้องการมีโรงแรม 5 ดาวเพิ่ม 1,000 ห้องในเมืองทองธานี

    “จริงๆ การมีโรงแรมเพิ่มจะดีกับทั้งเมืองทองธานี เพราะอิมแพ็คก็มีโอกาสได้รายได้ค่าเช่าเพิ่มจากจำนวนงานที่เพิ่มมากขึ้น และแขกที่พักโรงแรมก็มีโอกาสจะมาใช้จ่ายกับร้านค้าต่างๆ แถวอิมแพ็ค” พอลล์กล่าว

    ทั้งนี้ หากมีนักลงทุนรายใดสนใจที่จะร่วมพาร์ทเนอร์กับอิมแพ็คเพื่อก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่ดังกล่าวก็ไม่ขัดข้อง เปิดรับเจรจาทุกดีล

     

    ปี’67 ธุรกิจอีเวนต์กลับมาใกล้เคียงก่อนโควิด-19

    ด้านภาพรวมธุรกิจอีเวนต์ปี 2567 สำหรับอิมแพ็คแล้วพอลล์กล่าวว่ากลับมาฟื้นตัวใกล้เคียงกับก่อนโควิด-19 โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่มีทั้งเติบโตมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 และที่อาจจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ได้แก่

    • กลุ่มคอนเสิร์ตคาดการณ์รายได้ปีนี้ 380 ล้านบาท เติบโตเกือบ 70% จากปี 2562 ถือเป็นปีที่การจัดแสดงทางดนตรีเฟื่องฟูอย่างมาก
    • กลุ่มอินเซนทีฟ (เลี้ยงลูกค้าหรือพนักงาน) – คาดการณ์รายได้ปีนี้ 250 ล้านบาท เติบโต 103% จากปี 2562 เป็นธุรกิจที่เติบโตดีมากในปีนี้ สามารถดึงลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาได้มาก
    • กลุ่มจัดประชุมสัมมนา รายได้ยังเติบโตได้ไม่เท่ากับปี 2562 อยู่ระหว่างร่วมมือกับภาครัฐเพื่อดึงงานประชุมสัมมนาจากต่างประเทศเข้ามามากขึ้น
    • กลุ่มจัดนิทรรศการและแสดงสินค้าถือเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะต้องรออีกราว 18 เดือนจึงจะฟื้นตัวเต็มที่ เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจร่วมกับค่าเงินบาททำให้การดึงการจัดงานเข้าสู่เมืองไทยทำได้ยากขึ้น ประกอบกับ exhibitor หลายรายปิดตัวไปตั้งแต่เกิดโควิด-19

    อิมแพ็ค

    หากวัดตามฐานลูกค้ามาจากแหล่งใดนั้น อิมแพ็คให้ข้อมูลไว้ว่าเมื่อรอบปีบัญชีก่อน (1 เมษายน 2566 – 31 มีนาคม 2567) อิมแพ็คมีสัดส่วนงานจากภาคเอกชน 57% จากรัฐบาล 21% และจากผู้จัดต่างประเทศ 22%

     

    สัญญาณดีคอนเสิร์ตจองเต็มทั้งปี’68

    ขณะที่สัญญาณธุรกิจอีเวนต์ปีหน้า พอลล์กล่าวว่าในกลุ่มคอนเสิร์ตเป็นไปในเชิงบวกมาก ปัจจุบันอิมแพ็ค อารีน่ามีคิวจองเต็มตลอดทั้งปี 2568 เรียบร้อยแล้ว

    อิมแพ็ค

    ส่วนกลุ่มอื่นๆ นั้นอิมแพ็คมีกลยุทธ์ “หากลุ่มเป้าหมายใหม่” 2 กลุ่มที่จะช่วยดึงการจัดงานเข้ามาได้มากขึ้น คือ

    1.กลุ่มตลาด “จีน”

    เนื่องจากจีนถือเป็นตลาดใหญ่ มีโอกาสที่จะดึงทั้งกลุ่มจัดแสดงสินค้าและอินเซนทีฟเข้ามาไทยได้จำนวนมาก และประเทศจีนเริ่มเปิดให้คนเดินทางออกนอกประเทศได้มากขึ้น จากปี 2567 มีกลุ่มอีเวนต์จากประเทศจีนเข้ามาเช่าจัดแสดงคิดเป็นรายได้กว่า 100 ล้านบาท คาดว่าปี 2568 น่าจะดันขึ้นไปถึง 200-250 ล้านบาทได้ โดยอิมแพ็คมีการจัดทีมเซลส์สำหรับเจาะตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อสร้างโปรไฟล์ให้ exhibitor ชาวจีนรู้จักอิมแพ็คมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มต่างประเทศอื่นๆ ที่ถือว่าน่าสนใจสำหรับอิมแพ็คและมีการจัดเซลส์เข้าไปเจาะตลาดด้วยเช่นกัน เช่น อินเดีย ตะวันออกกลาง เกาหลีใต้ เวียดนาม เป็นต้น

    2.กลุ่มลูกค้าใหม่ – อินฟลูเอนเซอร์และสื่อ

    สมัยก่อนนี้การจัดงานอีเวนต์ต่างๆ มักจะถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดย exhibitor มืออาชีพเป็นหลัก แต่ระยะหลังมีเทรนด์ลูกค้ากลุ่มใหม่ที่หันมาเป็นผู้จัดกันมากขึ้น คือ “อินฟลูเอนเซอร์และสื่อ” โดยมักจะจัดงานที่สอดคล้องกับสิ่งที่สื่อของตนสื่อสารและมีกลุ่มลูกค้าของตนเองอยู่แล้ว เช่น ปีนี้มีการจัดงาน Restech 2024 ที่จัดโดย TORPENGUIN ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ทำให้อิมแพ็คมองเห็นว่าลูกค้าจัดงานในกลุ่มนี้จะเป็น ‘New S-Curve’ ได้ จึงมีแนวคิดจะจัดเป็นแพ็กเกจราคาเฉพาะกลุ่มที่ทำให้อินฟลูฯ สามารถขึ้นงานอีเวนต์ใหม่ได้ง่ายขึ้น มีโอกาสโตไปด้วยกันมากขึ้น

    บรรยากาศจากงาน Restech 2024 (Photo: Facebook@Restechthailand)

    พอลล์ยังมองด้วยว่าปี 2568 อิมแพ็ค เมืองทองธานี น่าจะได้แรงบวกหลักจาก “รถไฟฟ้าสายสีชมพู” ส่วนต่อขยาย 2 สถานีเข้าสู่เมืองทองธานี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการภายในไตรมาส 2/2568 ขณะที่การก่อสร้างโครงการ Sky Entrance ทางเชื่อมจากสถานีรถไฟฟ้าสู่อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์นั้นคืบหน้าไป 62.6% คาดจะเสร็จรอการมาถึงของรถไฟฟ้าได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568

    อิมแพ็ค เมืองทองธานีนั้นถือเป็นสถานที่จัดแสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดและมีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดหากวัดตามขนาดพื้นที่เช่า โดยคิดเป็น 50% ของตลาดพื้นที่จัดงานทั้งหมดในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล แต่ถ้าเทียบกับสถานที่จัดงานแห่งอื่นอาจจะยังเสียเปรียบในเรื่องขนส่งมวลชน เพราะสถานที่ที่เป็น ‘คู่แข่ง’ อื่นๆ ได้แก่ ไบเทค บางนา, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และพารากอน ฮอลล์ ล้วนเข้าถึงได้ด้วยรถไฟฟ้าแล้วทั้งหมด ดังนั้น การมาถึงของส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่อิมแพ็คน่าจะเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญให้กับพื้นที่

    อิมแพ็คให้ข้อมูลด้วยว่าอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยรวมขณะนี้ (ณ เดือนเมษายนมิถุนายน 2567) อยู่ที่ 50% ซึ่งพอลล์มองว่าหากสามารถดันอัตราเช่าให้ขึ้นไปถึง 60% ได้จะถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

    ]]>
    1496548
    “อิมแพ็ค” ปรับกลยุทธ์ “Employer Branding” แก้ปัญหาธุรกิจ MICE ขาดบุคลากรรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1409811 Thu, 24 Nov 2022 08:28:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1409811 อุตสาหกรรม MICE กลายเป็นธุรกิจที่กำลัง “ขาดแคลน” บุคลากรคนรุ่นใหม่ เพราะไม่ใช่สายอาชีพที่น้องๆ สนใจสูงอีกต่อไป ทำให้ “อิมแพ็ค” พี่ใหญ่วงการของเมืองไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์ด้าน “Employer Branding” เพื่อสร้างความนิยมในฐานะ “นายจ้าง” ที่ดี ดึงคนรุ่นใหม่มาร่วมงาน พร้อมจัดโครงการ “กล้า MICE” ต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 4 เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้รู้จักสายงานนี้มากขึ้น

    “อิมแพ็คเราทำงานร่วมกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอนในสาขา MICE อยู่ตลอด อาจารย์จะบอกกับเราทุกปีว่า มีเด็กมาสมัครเรียนสาขานี้น้อยลงๆ ทุกปีนะ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกหน่อยแรงงานจะหายไปจากตลาด” ทมิตา จงสวัสดิ์วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในตลาดงานที่ทำให้บริษัทต้องวางกลยุทธ์เพื่อ ‘ทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่สนใจงาน MICE และสนใจทำงานกับอิมแพ็ค’

    เหตุที่คนรุ่นใหม่ไม่เข้ามาในวงการนั้นมีหลายเหตุผล บ้างไม่รู้จักว่า MICE คืออะไรและทำงานอะไร บ้างได้ยินเสียงเล่าปากต่อปากว่าการจัดการประชุมและแสดงสินค้านั้นเป็นงานที่ ‘หนักมาก’ ในขณะที่ทางเลือกของคนเจนใหม่มีมากขึ้น มีอาชีพที่เป็นที่นิยมสูงเข้ามาแทนอย่างงานสายเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงแนวคิดของคนรุ่นใหม่ไม่ชอบการทำงานประจำที่เข้าออกเป็นเวลา แต่ชอบงานอิสระ หรือเป็นเจ้าของกิจการเองมากกว่า

    นั่นทำให้อิมแพ็คเริ่มแก้เกมการดึงบุคลากรเข้าสู่องค์กร โดยจะต้องทำทั้งสองด้าน คือ การปรับองค์กรให้เป็นที่ดึงดูดใจในฐานะนายจ้าง (Employer Branding) และ การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำความรู้จักกับอาชีพในสายงาน MICE ผ่านโครงการกล้า MICE

     

    3 ด้านปรับ Employer Branding ใหม่ของ “อิมแพ็ค”

    ปัจจุบัน “บางกอกแลนด์” บริษัทแม่ของอิมแพ็ค มีพนักงานทั้งหมดกว่า 2,000 คน (รวมทั้ง 6 บริษัทย่อยในเครือ) โดยทมิตาคะเนคร่าวๆ มีคนเจนเอ็กซ์จนถึงบูมเมอร์ราวครึ่งหนึ่งขององค์กร ขณะที่คนเจนวายอยู่ในองค์กรราว 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนเจนซีซึ่งมักจะเป็นกลุ่ม first jobber นั้นยังน้อยมาก ไม่เกิน 10%

    ทมิตา จงสวัสดิ์วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด

    กลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยน Employer Branding ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อจะทำให้คนเจนวายจนถึงเจนซีสนใจร่วมงานกับองค์กรมากขึ้น โดยเราสรุปจากการพูดคุยกับทมิตาว่า อิมแพ็คได้เปลี่ยนอะไรไปแล้วบ้างรวม 3 ข้อ ดังนี้

    1.การทำงานที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่

    แนวนโยบายใหม่ของอิมแพ็คจะมีการส่งเสริม mindset ในระดับบริหาร ให้เปิดการรับฟังและโอกาสในการทำงานแก่คนเจนใหม่ มอบหมายให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้รับผิดชอบงานและเสนอไอเดียการทำงานมากขึ้น

    โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีการเปิด “โครงการประกวดนวัตกรรม R2i” (From Routine to Innovation) จัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 4 ปี โครงการนี้เป็นทั้งเวทีที่เปิดให้ทุกคนได้แสดงความสามารถ และกระตุ้นให้พนักงานคิดนอกกรอบ สร้างนวัตกรรม เพื่อทำให้งานมีคุณภาพดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ซึ่งโครงการที่ได้รับรางวัลจะมีการนำมาใช้ในบริษัท เช่น นวัตกรรมเครื่องปูพรมพื้นฮอลล์จัดแสดงสินค้า เพื่อให้การปูและเก็บพรมรวดเร็ว สวยงาม เป็นฝีมือการออกแบบจากพนักงานหน้างานตัวจริง

    อิมแพ็ค
    โครงการประกวดนวัตกรรม R2i
    2.ปรับการจ้างงานมาเป็น project-based มากขึ้น

    จากแนวคิดคนรุ่นใหม่ไม่ชอบการทำงานเป็นเวลาตอกบัตรเข้าออก และไม่ชอบการทำงานประจำที่ใดที่หนึ่ง แต่ชอบการควบคุมการรับงานและปริมาณงานได้เอง ทำให้อิมแพ็คเริ่มทดลองการจ้างงานแบบ project-based และพนักงานระบบชั่วคราว (gig workers) โดยเริ่มจากแผนกทรัพยากรบุคคล (HR) ก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างในองค์กรว่างานบางรูปแบบสามารถยืดหยุ่นได้ในการจ้างงาน

    3.การสร้างที่ทำงานที่เป็น ‘Happy Workplace’

    อิมแพ็คประกาศนโยบาย LGBTQ-Friendly รับพนักงานที่มีความหลากหลายทางเพศ และให้ความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกในการทำงาน

    “น้องหลายคนที่จะสมัครงาน คำถามแรกๆ ที่ถามกันมากคือ ‘หนูเป็นสาวประเภทสอง สมัครได้ไหมคะ’ เพราะหลายแห่งเขาไม่รับ แต่ที่นี่เราเปิดกว้าง และเราให้แต่งกายได้ตามที่ต้องการ” ทมิตากล่าว

    นอกจากนี้ยังปรับเรื่องสวัสดิการสุขภาพซึ่งคนสนใจมากขึ้นหลังผ่านโควิด-19 โดยมีแพทย์ประจำออฟฟิศ และเน้นการทำโครงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับพนักงานด้วย

     

    “กล้า MICE” เพื่อให้น้องได้รู้จักสายอาชีพนี้

    อีกส่วนที่สำคัญในการหาคนทำงาน คือต้องเปิดให้น้องๆ ได้รู้จักกับงานประเภทนี้ก่อน อิมแพ็คจึงจัด “โครงการกล้า MICE” ครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 4 โดยจะเปิดรับสมัครไปจนถึง 18 ธันวาคม 2565

    โครงการจะคัดเลือกนักศึกษาทั้งหมด 50 คน โดยไม่จำกัดสาขาวิชาที่เรียนและไม่จำกัดสถาบัน ขอเพียงมีความสนใจที่จะเรียนรู้งาน MICE ก็สามารถเข้ามาร่วมอบรมได้ ผู้ที่ผ่านคัดเลือกจะได้เรียนรู้งานจริงทุกด้านในอิมแพ็ค และทดลองปฏิบัติงานจริงในประเภทงานที่ชื่นชอบ

    อิมแพ็ค
    ภาพจากโครงการ กล้า MICE

    ทมิตากล่าวว่า ตั้งแต่จัดโครงการมา ทำให้มีนักศึกษาจากโครงการสมัครและทำงานต่อกับอิมแพ็คราว 10% จากนักศึกษาทั้งหมด ที่เหลือก็ไม่ได้หายไปไหน หลายคนเข้าทำงานกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งอิมแพ็คไม่ได้ปิดกั้น เพราะถือเป็นโครงการที่มีเป้าหมายเติมบุคลากรให้กับทั้งอุตสาหกรรม

    เมื่อถามถึงคนทำงานในสายอาชีพ MICE ว่าควรมีทักษะอย่างไร ทมิตาตอบว่ามี 4 กุญแจสำคัญ คือ เป็นคนยืดหยุ่นได้ แก้ปัญหาหน้างานเป็น, ใช้ทักษะได้หลายอย่าง (multi skills), มีทักษะทางสังคมสูง (social skills) เพราะต้องติดต่อผู้คนหลากหลาย และที่สำคัญที่สุดคือ มีแพสชั่นในการทำงานสายนี้ เนื่องจากธรรมชาติงานทำงานไม่เป็นเวลาแน่นอนและมีความกดดัน ทำให้ต้องการ ‘ใจรัก’ จริงๆ

    “เราต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาในสายอาชีพนี้ เพราะคนรุ่นเก่าคือคนที่สามารถสอนงานได้ มีประสบการณ์สูง แต่คนรุ่นใหม่คือคนที่จะมาพัฒนาต่อ ทำให้องค์กรเรายังอยู่ต่อได้อีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า” ทมิตากล่าวปิดท้าย

    ]]>
    1409811
    อีเวนต์เริ่มฟื้น! “อิมแพ็ค” นำร่องใช้ไฮบริดมิตติ้ง เดือนก.ค. มีลูกค้าจองแล้ว 20 งาน https://positioningmag.com/1285258 Fri, 26 Jun 2020 06:49:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285258 อิมแพ็คเดินหน้าเปิดบริการเต็มรูปแบบภายใต้มาตรฐาน New Normal พร้อมเสริมเทคโนโลยี Hybrid Meeting แจงพื้นที่ศูนย์ฯ มากกว่า 140,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอบรับรูปแบบจัดงานวิถีใหม่ทุกประเภท เผยกรกฎาคม 2563 ลูกค้าจองพื้นที่จัดงานแล้วมากกว่า 20 งาน

    งานอีเวนต์เริ่มกลับมา

    พอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงการกลับมาเปิดบริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 (ศบค.) ประกาศคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 ให้กลุ่มกิจการและกิจกรรมธุรกิจศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าเปิดบริการได้ แต่ยังต้องเข้มงวดในมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรค เนื่องจากเป็นกิจการและกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมาก จึงต้องให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการรักษาระยะห่างและการควบคุมความหนาแน่นของผู้ใช้บริการในพื้นที่ ควบคู่กับมาตรการดูแลสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของทุกคน

    จากข้อมูลเบื้องต้น เดือนกรกฎาคม 2563 ลูกค้าจองพื้นที่จัดงานแล้วมากกว่า 20 งาน แบ่งเป็น กลุ่มงานประชุมสัมมนา จำนวน 11 งาน เช่น การประชุมของหน่วยงานราชการ, การประชุมผู้ถือหุ้นบางกอกแลนด์ กลุ่มงานแสดงสินค้า จำนวน 7 งาน ทั้งของหน่วยงานราชการและเอกชน ซึ่งงานไฮไลต์มีผู้ร่วมงานจำนวนมาก เช่น งานแสดงสินค้าอุปโภคบริโภค Midyear Sale, งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับบ้าน HomePro Expo, งานแสดงสินค้าเพื่อแม่และเด็ก BBB Baby and Kids Best Buy, งานแสดงสินค้ายานยนต์ Bangkok Motor Show กลุ่มงานสอบจำนวน 2 งาน เป็นการสอบคัดเลือกบุคคลรับราชการ และกลุ่มงานพิเศษ จำนวน 5-6 งาน เช่น กิจกรรมอินเซนทีฟ กิจกรรมจัดเลี้ยงปาร์ตี้

    “งานใหญ่ของอิมแพ็คที่หลายคนรอคอย คือ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 ครั้งที่ 41 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15-26 กรกฎาคม 2563 บนพื้นที่รวมกว่า 170,000 ตารางเมตร ถือเป็นงานใหญ่งานแรกสำหรับวงการยานยนต์ของโลกที่จัดขึ้นหลังสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งหลายคนจับตามอง แต่ด้วยเชื่อมั่นถึงการเตรียมความพร้อมของสถานที่จัดงาน นั่นคือ อิมแพ็ค การประกาศผ่อนปรนระยะ 4 ของทางราชการ การดำเนินการจัดงานตามวิถี New Normal และความร่วมมืออันดีของทุกภาคส่วน รวมถึงลูกค้าที่เป็นแฟนประจำงานนี้ที่พร้อมมาชมงานและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของไวรัสอย่างเข้าใจและไม่ประมาท จะทำให้การจัดงานครั้งนี้ราบรื่นและประสบความสำเร็จ กลายเป็นต้นแบบให้การจัดงานอื่นๆ ต่อไป”

    จัดมาตรการรับ New Normal

    พอลล์กล่าวว่า ในช่วงที่ปิดบริการกว่า 3 เดือน อิมแพ็คได้เตรียมความพร้อมของพื้นที่และบริการเพื่อให้สอดรับกับระเบียบของทางราชการที่กำหนดข้อปฏิบัติสำหรับกิจการ/กิจกรรมการแสดงสินค้าและการประชุม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยให้ปฏิบัติตามหลายเงื่อนไข เช่น ประชุม อบรม สัมมนา 4 ตร.ม.ต่อคน, จัดเลี้ยง งานอีเวนต์ เปิดตัวสินค้า การประกวด แข่งขันกีฬา ระยะนั่ง-ยืน ห่าง 1 เมตร, งานแสดงดนตรี คอนเสิร์ต ลดหนาแน่น-ไร้ระเบียบ เกณฑ์ 5 ตร.ม./คน เป็นต้น

    พร้อมกันนี้ อิมแพ็คได้จัดทำคู่มือสร้างความเข้าใจร่วมกับลูกค้าผู้จัดงานถึงแนวทางดำเนินการให้บริการในวิถีใหม่ หรือ New Normal จำนวน 7 คู่มือ ได้แก่

    • คู่มือมาตรการความห่วงใยในสุขภาพและความปลอดภัย IMPACT We Do Care
    • คู่มือการจัดงานประชุม-สัมมนา Meeting & Convention
    • คู่มือการจัดงานสังสรรค์ Party
    • คู่มือการจัดงานแสดงสินค้า-นิทรรศการ Exhibition
    • คู่มือการจัดงานสอบ Examination
    • คู่มือการจัดงานแต่งงาน Wedding
    • คู่มือการจัดแสดงคอนเสิร์ต Concert

    โดยทุกคู่มือได้วางข้อปฏิบัติที่เหมาะสมกับกิจกรรมและพื้นที่ของการจัดงาน โดยอ้างอิงข้อมูลคำแนะนำจากทางหน่วยงานด้านสาธารณสุข ระเบียบข้อกำหนดของทางราชการ รวมถึงหน่วยงานผู้กำกับดูแล เช่น สมาคมการแสดงสินค้าไทย (TEA) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือทีเส็บ (TCEB)

    ยุคนี้ต้อง Hybrid Meeting

    นอกจากนวัตกรรมดูแลสุขภาพอนามัยแล้ว อิมแพ็คเพิ่มความสมาร์ทให้ลูกค้าโดยลงทุนระบบจัดการประชุม Hybrid Meeting หรือ Visual Seminar ซึ่งเป็นระบบที่ตอบรับนโยบายรัฐในการจำกัดความหนาแน่นของการจัดประชุม-สัมมนา อ้างอิงพื้นที่ 4 ตารางเมตรต่อท่าน ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมประชุมลดลง

    แต่ด้วยระบบไฮบริดสามารถรองรับผู้มาร่วมประชุมในห้องจริง และเปิดลงทะเบียนให้ผู้สนใจร่วมประชุมทางออนไลน์ได้เพิ่มตามจำนวนที่ต้องการ ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสองส่วนสามารถสื่อสารระหว่างกันและมีส่วนร่วมในการประชุมได้เสมือนอยู่ในห้องเดียวกัน ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถลงทะเบียนผู้ร่วมประชุมได้ตั้งแต่ 100-3,000 ท่าน

    ข้อดีนอกจากการเตรียมระบบ รวมถึงกล้องและอุปกรณ์รองรับการจัดประชุมแล้ว ยังมีทีมเจ้าหน้าที่เทคนิคให้การดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนจบงานด้วย เพื่อให้ความสะดวกสำหรับลูกค้าจัดการประชุมสัมมนา แตกต่างจากหลายแห่งที่ลูกค้าจะต้องติดต่อนำระบบเข้ามาเอง

    Source

    ]]>
    1285258