อิสราเอล – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 22 Jul 2024 03:06:14 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 “Adidas” ถอดนางแบบดัง “Bella Hadid” ออกจากแคมเปญโฆษณา หลังทัวร์ยิวลงอย่างหนัก https://positioningmag.com/1483471 Sat, 20 Jul 2024 10:37:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1483471 แบรนด์เครื่องกีฬา “Adidas” พัวพันกับเรื่องวุ่นๆ ด้านการตลาดอีกครั้ง หลังนำรองเท้ารุ่น “SL72” ย้อนรำลึกเหตุการณ์ “1972 Munich Olympic” กลับมาขายใหม่ แต่ดราม่าเกิดเพราะแบรนด์เลือก “Bella Hadid” นางแบบดังชาวปาเลสไตน์มาถ่ายแบบจนทัวร์ชาวยิวลงอย่างหนัก

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2024 แบรนด์ “Adidas” ออกแถลงการณ์ “ขออภัยที่ได้สร้างความเจ็บปวดและไม่พอใจ” จากการเลือกนางแบบดัง “Bella Hadid” มาถ่ายโฆษณาการนำสนีกเกอร์รุ่น SL72 รำลึกเหตุการณ์ “1972 Munich Olympic” กลับมาวางขายใหม่อีกครั้ง

สาเหตุดราม่าครั้งนี้ต้องย้อนกลับไปที่การจัดงานโอลิมปีกปี 1972 ที่เมืองมิวนิค ในปีนั้นมีเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อกลุ่มก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ Black September ก่อการจนทำให้นักกีฬาชาวอิสราเอลเสียชีวิต 11 ราย และตำรวจเยอรมันเสียชีวิต 1 ราย ถือเป็นหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์

ขณะที่ “Bella Hadid” ซูเปอร์โมเดลคนดังวัย 27 ปีนั้นมีบิดาเป็นชาวปาเลสไตน์ และตัวเธอเองระบุว่าเธอ “เป็นชาวปาเลสไตน์อย่างภาคภูมิใจ” มาโดยตลอด พร้อมกับใช้แพลตฟอร์มสื่อในมือคอยสื่อสารถึงความลำบากของชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์อยู่เสมอ จนเธอได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็น 1 ใน 100 บุคคลทรงอิทธิพลประจำปี 2023

ความย้อนแย้งในการเลือกนางแบบปาเลสไตน์ที่สนับสนุนปาเลสไตน์ มาถ่ายแคมเปญรองเท้าที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์การโจมตีชาวยิว ย่อมทำให้ชุมชนชาวอิสราเอลไม่พอใจอย่างยิ่ง

“เราตระหนักถึงความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญในประวัติศาสตร์ และถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจ แต่เราขออภัยที่ได้สร้างความเจ็บปวดและไม่พอใจที่เกิดขึ้น” Adidas แถลงผ่านสื่อ USA Today Sports

“ด้วยเหตุนี้ เรามีการทบทวนแคมเปญโฆษณาในส่วนที่เหลือ เราเชื่อมั่นว่ากีฬาเป็นพลังในการรวมผู้คนรอบโลกให้เป็นหนึ่ง และจะพยายามต่อไปในการสร้างความแตกต่างหลากหลายและความเท่าเทียมในทุกสิ่งที่เราทำ”

หลังจากมีการแถลงขออภัยแล้ว Adidas ได้ลบภาพและข้อความที่เกี่ยวกับ Bella Hadid ในแคมเปญนี้ออกเกลี้ยงจากบัญชี X และ Instagram ของแบรนด์

ด้าน American Jewish Committee (AJC) เรียกร้องให้ Adidas แถลงการณ์โดยเอ่ยถึง “ความผิดพลาดอันเลวทราม” ของตนด้วย

“ในการแข่งโอลิมปิกปี 1972 ที่มิวนิค ชาวอิสราเอล 12 คนถูกฆาตกรรมและจับเป็นตัวประกันโดยกลุ่มก่อการร้าย Black September การที่ Adidas เลือกนางแบบที่เป็นกระบอกเสียงให้กลุ่มต่อต้านชาวอิสราเอลมารำลึกถึงโอลิมปิกสุดมืดหม่น ถือว่าเป็นการละเลยความผิดพลาดครั้งมโหฬารหรือไม่ก็เป็นการยั่วโทสะโดยเจตนา ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนก็รับไม่ได้ทั้งสิ้น” AJC โพสต์ข้อความนี้ลง X เมื่อวานนี้

Source

]]>
1483471
ตึงเครียดทั่วโลก! งบ ‘การทหาร’ ทั่วโลกพุ่งทะลุ 2.44 ล้านล้านดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากภาวะสงคราม https://positioningmag.com/1470667 Mon, 22 Apr 2024 12:17:41 +0000 https://positioningmag.com/?p=1470667 จากสงคราม รัสเซีย-ยูเครน ตามด้วยความตึงเครียดแถบตะวันออกกลางของ อิสราเอล กับภัยคุกคาม ทั้งจาก กลุ่มฮามาส ฮิซบอลเลาะห์ อิหร่าน และในเขตเวสต์แบงก์ ยังไม่รวมความขัดแย้งของ จีน-สหรัฐฯ ที่พลอยทำให้ จีนกับไต้หวันเริ่มตึง ๆ ใส่กัน ดังนั้น การที่งบที่ใช้จ่ายกับการทหารทั่วโลกจะสูงขึ้น จึงไม่ใช่อะไรที่น่าแปลกใจนัก

ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI) เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา งบการลงทุนทางทหารทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 2.44 ล้านล้านดอลลาร์ +6.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2552 ที่มีรายงานเรื่องแนวโน้มการใช้จ่ายทางทหาร

“การใช้จ่ายทางทหารที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นการตอบสนองโดยตรงต่อการเสื่อมถอยของสันติภาพและความมั่นคงทั่วโลก” หนาน เทียน นักวิจัยอาวุโสในโครงการการใช้จ่ายทางทหารและการผลิตอาวุธของ SIPRI กล่าว

รายงานระบุว่า รายจ่ายทางการทหารเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 9 และรายจ่ายทางการทหารเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคของโลก ซึ่งปัจจัยสำคัญมาจาก สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นใน ตะวันออกกลาง

แน่นอนว่ายูเครนและรัสเซียซึ่งอยู่ในภาวะสงครามอย่างแข็งขัน ติดอันดับประเทศที่เพิ่มการใช้จ่ายทางทหารมากที่สุดในปี 2566 อยู่ที่ 51% และ 24% ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายทางการทหารตามจริงของ รัสเซีย ยังคงสูงกว่ายูเครนอยู่มาก โดยอยู่ที่ประมาณ 109,000 ล้านดอลลาร์ ส่วน ยูเครน อยู่ที่ 64,800 ล้านดอลลาร์

โดย รัสเซีย กลายเป็นรายจ่ายทางการทหารรายใหญ่ อันดับ 3 ของโลก ตามหลัง สหรัฐฯ ที่ใช้จ่าย 916,000 ล้านดอลลาร์ +2.3% และ จีน ใช้จ่าย 296,000 ล้านดอลลาร์ +6% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของ เยอรมนี และ สหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น +9% และ +7.9% ตามลำดับ ส่วน อิสราเอล ซึ่งกำลังอยู่ในความขัดแย้งเช่นกัน ใช้จ่าย 27,500 ล้านดอลลาร์ +24%

“ค่าใช้จ่ายทางทหารรายเดือนของอิสราเอลเพิ่มขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่เริ่มสงครามในฉนวนกาซา”

ในแถบเอเชีย ประเทศอย่าง ไต้หวัน ใช้จ่ายทางทหารที่ 16,600 ล้านดอลลาร์ +11% ซึ่งเป็นยอดใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบ 5 ปี เนื่องจากไต้หวันก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากรัฐบาลจีน ส่วน เกาหลีใต้ ใช้ 47,900 ล้านดอลลาร์ +1.1%

ที่น่าสนใจคือ ญี่ปุ่น ที่ใช้มากถึง 50,200 ล้านดอลลาร์ +11% ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่เพิ่มขึ้น มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2515 และยังถือเป็นงบสร้างกองทัพที่มากที่สุดของญี่ปุ่น นับตั้งแต่ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2

สำหรับ ไทย มีการใช้จ่ายทางทหารอยู่อันดับที่ 38 ของโลก โดยมีงบประมาณอยู่ที่ 5,800 ล้านดอลลาร์ ลดลงจากปีก่อนหน้า 6.5%

]]>
1470667
ประเมินราคา ‘น้ำมัน’ อาจทะยานสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หากสงครามอิสราเอล-ฮามาสทวีความรุนแรง https://positioningmag.com/1450115 Tue, 31 Oct 2023 07:58:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1450115 ดูเหมือนว่าหากสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ยังยืดเยื้อจะไม่ใช่แค่ส่งผลเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่ทั่วโลกก็ได้ผลกระทบไปด้วย ที่เห็นชัดก็คือ ราคาน้ำมัน โดยธนาคารโลกมองว่าอาจทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากสงครามยืดเยื้อ

ธนาคารโลก ออกมาเตือนว่า หากความขัดแย้งของสงคราม อิสราเอล-ฮามาส ขยายออกไปนอกพรมแดนของฉนวนกาซา จนเกิดการคว่ำบาตรน้ำมัน ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นถึง 157 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์คือ ในเดือนกรกฎาคม 2008 ที่มีการซื้อขายสูงถึง 147.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตามข้อมูลจาก LSEG

นอกจากนี้ เคยมีเหตุการณ์การคว่ำบาตรน้ำมันของอาหรับในปี 1973 ส่งผลให้อุปทานน้ำมันทั่วโลกจะลดลง 6-8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งนั่นจะผลักดันราคาให้สูงขึ้น 56-75% หรือราว 140-157 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

“วิกฤตน้ำมันเมื่อ 50 ปีก่อนทําให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 4 เท่าหลังจากรัฐมนตรีพลังงานอาหรับสั่งห้ามส่งออกน้ำมัน   ของสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้การสนับสนุนอิสราเอลในสงครามอาหรับ-อิสราเอลปี 1973 ซึ่งเป็นที่รู้จักในอิสราเอลในชื่อสงครามยมคิปปูร์”

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวเป็นการประเมินสถานการณ์แย่ที่สุด โดยธนาคารโลกได้ประเมินสถานการณ์ไว้ 3 ระดับ โดย กรณีที่ดีที่สุด คือ ราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น 3-13% มาอยู่ที่ระดับ 93-102 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ หากอุปทานน้ำมันทั่วโลกลดลง 500,000 ถึง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการลดลงที่เทียบได้กับช่วงสงครามกลาง เมืองลิเบียในปี 2011

รองลงมาคือ อุปทานลดลงตลาด 3-5 ล้านบาร์เรลต่อวัน อาจจะดันให้ราคาน้ำมันให้สูงขึ้นระหว่าง 109-121 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเทียบเท่ากับระดับที่ไปถึงในช่วงสงครามอิรักในปี 2003

ถึงแม้ว่าทั้งอิสราเอลและดินแดนปาเลสไตน์จะไม่ใช่ผู้เล่นน้ำมันรายใหญ่ แต่ความขัดแย้งก็อยู่ในภูมิภาคการผลิต    น้ำมันที่สําคัญ

“หากความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับภาวะช็อกด้านพลังงานเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ เพราะไม่ใช่แค่จากสงครามในยูเครนเท่านั้น แต่ยังมาจากตะวันออกกลางด้วย”

Source

]]>
1450115
ผลพวง “สงครามอิสราเอล” ดันราคา “น้ำมัน” พุ่ง 4% https://positioningmag.com/1447262 Mon, 09 Oct 2023 06:45:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447262 สงครามระหว่าง อิสราเอล และ ฮามาส กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ได้ยืดเยื้อมาถึงวันที่ 3 แล้ว ซึ่งจากสงครามดังกล่าวได้ส่งผลต่อ ราคาน้ำมันและทองคำ 

สัญญาซื้อขายล่วงหน้า น้ำมันดิบเบรนท์ มีราคาซื้อขายสูงขึ้น 4.53% ที่ 88.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในวันนี้ (9 ต.ค.2566) ขณะที่สหรัฐฯ ฟิวเจอร์ส West Texas Intermediate เพิ่มขึ้น 4.69% เป็น 88.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าราคาน้ำมันที่พุ่งนั้นจะเกิดแค่ชั่วคราว เนื่องจากเป็นการตอบสนองของตลาดต่อภาวะสงคราม

โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า สงครามไม่ได้ทําให้แหล่งน้ํามันที่สําคัญใด ๆ ตกอยู่ในอันตรายโดยตรง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ผู้ค้าน้ํามันรายใหญ่ โดย อิสราเอลมีโรงกลั่นน้ํามันสองแห่ง ที่มีกําลังการผลิตรวมกันเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่ ดินแดนปาเลสไตน์ไม่ผลิตน้ำมัน อย่างไรก็ตาม แม้ความขัดแย้งทั้งสองจะไม่ได้ส่งผลต่อโรงกลั่นน้ำมันในประเทศสำคัญ ๆ โดยตรง แต่ก็เสมือนอยู่ หน้าประตูของภูมิภาคการผลิตและส่งออกน้ำมันที่สําคัญสําหรับผู้บริโภคทั่วโลก

“ผลกระทบที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันโดยตรงจริง ๆ คือ การลดอุปทานหรือการขนส่งน้ำมัน” Vivek Dhar ผู้อํานวยการฝ่ายวิจัยการขุดและสินค้าโภคภัณฑ์ด้านพลังงานของธนาคารเครือจักรภพ กล่าว

ไม่ใช่แค่ราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น แต่ราคา ทองคำ ก็สูงขึ้น 0.99% มาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนหาสินทรัพย์หลบภัย ส่วนราคาทองในไทย สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาครั้งที่ 1 เพิ่มขึ้น 400 บาท โดยราคารับซื้อทองคำแท่งบาทละ 32,350 บาท ขายออก 32,450 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 31,760.20 บาท ขายออก 32,950 บาท

ทั้งนี้ จากการโจมตีของกลุ่มฮามาส มีรายงานว่าชาวอิสราเอลอย่างน้อย 700 คนถูกสังหาร ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ได้บันทึกผู้เสียชีวิต 313 ราย จนถึงขณะนี้

Source

]]>
1447262
“เวียดนาม” จ่อทดลอง Oravax วัคซีนป้องกัน COVID-19 แบบรับประทานจากอิสราเอล https://positioningmag.com/1369238 Thu, 30 Dec 2021 14:33:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1369238 วัคซีนป้องกัน COVID-19 แบบรับประทาน ที่พัฒนาขึ้นโดยอิสราเอล จะดำเนินการทดลองในเวียดนาม และคาดว่าจะได้รับอนุมัติสำหรับการใช้งานฉุกเฉินในปี 2566

วัคซีนออราแวกซ์ (Oravax) ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัท ออราเมด ฟาร์มาซูติคอลส์ กำลังอยู่ระหว่างการทดลองทางคลินิกระยะแรกในแอฟริกาใต้ ส่วนพันธมิตรทางการค้าของบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเป้าหมายจะถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนให้กับเวียดนาม คือบริษัท Tan Thanh Holdings

บริษัท Tan Thanh ได้รับการอนุมัติจากกระทรวงสาธารณสุขให้ดำเนินการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนออราแวกซ์ในเวียดนาม และกระทรวงจะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณด้วย

พิธีลงนามออนไลน์สำหรับการนำวัคซีนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีขึ้นเมื่อวันพุธที่ 29 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ของเวียดนามและอิสราเอลเข้าร่วม ผู้ผลิตวัคซีนอ้างว่าวัคซีนออราแวกซ์สามารถป้องกันไวรัส COVID-19 ได้ แม้กระทั่งกับสายพันธุ์ใหม่

เซวือง ถิ บิก เสียบ ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัท Tan Thanh กล่าวว่า หลังจากการทดลองทางคลินิกระยะแรกในแอฟริกาใต้เสร็จสิ้นลง เวียดนามจะกลายเป็นหนึ่งในภูมิภาคถัดไปที่จะทดลองวัคซีนชนิดนี้

ผู้บริหารบริษัท Tan Thanh กล่าวว่า บริษัทออราเมด ฟาร์มาซูติคอลส์ และพันธมิตรต้องการที่จะดำเนินการทดลองกับเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งการทดลองทางคลินิกระยะที่ 2 และระยะที่ 3 ควรเสร็จสิ้นในปีหน้า และคาดว่าวัคซีนจะได้รับการรับรองสำหรับการใช้งานในกรณีฉุกเฉินในปี 2566

ด้านซีอีโอของบริษัทออราเมด ฟาร์มาซูติคอลส์ กล่าวว่า ข้อตกลงสำหรับการทดลองทางคลินิกนี้ ยังรวมถึงการจัดซื้อยาออราแวกซ์ล่วงหน้าด้วย โดยวัคซีนชนิดรับประทานจะช่วยลดต้นทุนและแบ่งเบาภาระในระบบการฉีดวัคซีน และคาดว่าจะทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยลง

วัคซีนออราแวกซ์จะจำหน่ายในประเทศต่างๆ ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ไทย และฟิลิปปินส์ เมื่อวัคซีนได้รับการรับรอง

รัฐมนตรีช่วยกระทรวงสาธารณสุขของเวียดนามกล่าวว่า วัคซีนชนิดรับประทานนี้จะช่วยเปลี่ยนทัศนคติของคนที่ลังเลที่จะรับวัคซีน เมื่อมีข้อมูลเพียงพอ กระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาอนุมัติวัคซีนสำหรับใช้ในประเทศ

จนถึงขณะนี้ เวียดนามได้ร่วมมือดำเนินการทดลองทางคลินิกและรับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องกัน COVID-19 รวมทั้งหมด 3 ชนิด คือ วัคซีนสปุตนิก วี ของรัสเซีย วัคซีน ARCT-154 ของสหรัฐฯ และวัคซีนของบริษัทชิโอโนกิ ญี่ปุ่น

Source

]]>
1369238
‘เทลอาวีฟ-อิสราเอล’ ครองแชมป์เมือง ‘ค่าครองชีพสูงสุดในโลก’ แซง ‘ปารีส’ แชมป์เก่า https://positioningmag.com/1364782 Wed, 01 Dec 2021 05:41:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1364782 จะเห็นว่าตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 สิ่งที่ตามมาทั่วโลกก็คือปัญหา ‘เงินเฟ้อ’ และในปี 2021 นี้ ทาง The Economist Intelligence Unit (EIU) ก็ได้จัดอันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกประจำปี โดยสำรวจและเก็บข้อมูลใน 173 เมืองทั่วโลก ซึ่งเมืองที่ครองแชมป์ปีนี้คือ เทลอาวีฟ อิสราเอล ซึ่งถือเป็นเป็นการคว้าแชมป์เป็นครั้งแรกของเมืองนับตั้งแต่ EIU จัดอันดับมา

เทลอาวีฟ (Tel Aviv) ประเทศอิสราเอล ขึ้นอันดับ 1 เมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในโลกประจำปี 2021 ที่จัดโดย EIU ซึ่งนับป็นครั้งแรกของเมือง จากที่ปี 2020 เทลอาวีฟอยู่อันดับที่ 5 ขณะที่แชมป์เก่าอย่าง ‘ปารีส ฝรั่งเศส’ หล่นไปอยู่อันดับที่ 2 โดยเมืองที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 10 อันดับ ได้แก่

  • เทลอาวีฟ อิสราเอล
  • ปารีส ฝรั่งเศส
  • สิงคโปร์
  • ซูริก สวิตเซอร์แลนด์
  • ฮ่องกง ประเทศจีน
  • นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
  • เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์
  • โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก
  • ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา
  • โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น
Aerial sun set view of Mediterranean Seashore of Tel Aviv, Israel.

EIU กล่าวว่า Tel Aviv ไต่อันดับขึ้นส่วนใหญ่เนื่องจากมูลค่าสกุลเงิน เชเกล (Shekel) ของอิสราเอล ได้เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากการเปิดตัววัคซีน COVID-19 ที่ประสบความสำเร็จ โดยอิสราเอลถือเป็นประเทศที่มีการฉีดวัคซีน COVID-19 ที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากตัวเลขจาก Our World in Data พบว่า 62% ของประชากรอิสราเอลได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส

โดยในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ค่าเงินเชเกลเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบเป็นรายปี และในงานวิจัยล่าสุดของ EIU พบว่า สินค้าราว 1 ใน 10 มีราคาสูงขึ้น โดยดูราคาผลิตภัณฑ์และบริการกว่า 200 รายการใน 173 เมือง EIU กล่าวต่อว่า อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีกับสกุลเงินท้องถิ่นในช่วงเดือนกันยายน 2021 โดยถือว่าอัตราเงินเฟ้อนี้เป็นอัตราที่เร็วที่สุด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์ของผู้บริโภค ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าอื่น ๆ สูงขึ้น EIU กล่าว ผลการวิจัยระบุว่า การขนส่งมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมากที่สุด โดยราคาน้ำมันต่อลิตรเพิ่มขึ้น 21% โดยเฉลี่ยในปี 2021

Upasana Dutt หัวหน้าค่าครองชีพทั่วโลกของ EIU กล่าวว่า ราคาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกในหลาย ๆ เมืองในปีหน้าเมื่อค่าจ้างเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กรุงโรม ประเทศอิตาลี มีอันดับลดลงมากที่สุด เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและเสื้อผ้าลดลงอย่างมาก

“อย่างไรก็ตาม เรายังคาดหวังว่าธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังเพื่อยับยั้งเงินเฟ้อ” Upasana Dutt กล่าวทิ้งท้าย

Source

]]>
1364782
‘อิสราเอล’ เตรียมฉีดวัคซีนเข็ม 3 พร้อมกลับมาสวมหน้ากาก, เว้นระยะห่างอีกครั้งหลังเชื้อ ‘เดลตา’ ระบาด https://positioningmag.com/1341997 Tue, 13 Jul 2021 07:10:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1341997 ย้อนไปเมื่อ 4 สัปดาห์ก่อน ‘อิสราเอล’ ได้ประกาศชัยชนะเหนือ ‘COVID-19’ โดยให้ประชาชนไม่ต้องใส่หน้ากากและใช้ชีวิตตามปกติ หลังจากที่รัฐบาลใช้เวลาเพียง 3 เดือนในการระดมฉีดวัคซีน ที่เรียกว่า Mass Vaccination ครอบคลุมประชากรได้ถึง 50%

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่โลกเจอกับตัวแปร ‘เดลตา’ ที่แพร่ระบาดมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในอิสราเอลเริ่มพุ่งสูงขึ้น โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 450 ราย ต่อวัน 90% เป็นสายพันธุ์เดลตา

นายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ ต้องออกมากำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับ COVID-19 ใหม่ โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมีแนวคิดที่จะให้ชาวอิสราเอลเรียนรู้ที่จะอยู่กับไวรัส ดังนั้น ข้อจำกัดต่าง ๆ จะมีน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่ชาวอิสราเอลส่วนใหญ่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 แล้ว มาตรการที่ออกมาจึงไม่รุนแรงมาก

โดยอิสราเอลได้กลับมาบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในอาคารและที่สาธารณะ รวมถึงการกักกันทุกคนที่เดินทางมาถึงอิสราเอล เนื่องจากมีคนจำนวนน้อยกว่าก่อนที่จะล้มป่วยหนักเมื่อมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยตัวบ่งชี้หลักคือ จำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่รุนแรงในโรงพยาบาล ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 45 ราย

“การล็อกดาวน์ครั้งสุดท้ายของอิสราเอลมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคมปี 2020 ดังนั้น ในการพิจารณาโดยรวม ซึ่งรวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจ นี่คือความสมดุลที่จำเป็น เพราะการล็อกดาวน์ระดับประเทศครั้งที่ 4 เพราะอาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจมากขึ้นไปอีก” เบนเน็ตต์กล่าว

Photo : Reuters /Corinna kern

ประมาณ 60% ของประชากร 9.3 ล้านคนของอิสราเอลได้รับวัคซีน Pfizer/BioNtech อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และรัฐบาลเริ่มเสนอการฉีดวัคซีนครั้งที่สามให้กับผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอเท่านั้น แต่ยังไม่มีแผนที่จะบังคับให้ทุกคนต้องฉีดเข็มที่ 3 เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดที่แสดงว่ามีความจำเป็น

ราน บาลิเซอร์ ประธานคณะผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลด้าน COVID-19 กล่าวว่า อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อไวรัสร้ายแรงโดยเฉลี่ยประมาณ 5 ราย และเสียชีวิต 1 รายต่อวันในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 เป็นเวลา 2 สัปดาห์แม้ผลการศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าถึงแม้ว่าประสิทธิภาพของวัคซีน Pfizer/BioNTech จะสูงเมื่อเทียบกับ COVID-19 หลายสายพันธุ์ แต่กับสายพันธุ์เดลตาถือว่าได้ผลน้อยที่สุด

ปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อเพียงหลักร้อยจากประชากร 5.5 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนในอิสราเอลเท่านั้นที่ติดเชื้อ COVID-19 ในเวลาต่อมา โดยก่อนที่ตัวแปรเดลตาจะระบาด ประมาณ 75% ของประชากรได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อให้มี “ภูมิคุ้มกันหมู่” ซึ่งเป็นระดับที่ประชากรเพียงพอจะได้รับภูมิคุ้มกันเพื่อให้สามารถหยุดการแพร่กระจายของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกณฑ์โดยประมาณการณ์ตอนนี้คือ 80%

Source

]]>
1341997
อเมริกัน ‘วัยผู้ใหญ่’ ครึ่งประเทศ ฉีดวัคซีนโควิดเเล้ว ท่ามกลางยอดติดเชื้อพุ่งทั่วโลก https://positioningmag.com/1328304 Mon, 19 Apr 2021 14:54:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328304 ภายในระยะเวลา 4 เดือนกว่าๆ สหรัฐฯ สามารถฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ประชาชนไปเเล้ว 209 ล้านโดส โดยกว่า 50% ของกลุ่มวัยผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดทั่วโลกที่ยังเลวร้าย พบผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่การระบาด ยอดเสียชีวิตสะสมทะลุ 3 ล้านคน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) รายงานว่า ชาวอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 130 ล้านคน หรือราว 50.4% ของประชากรกลุ่มผู้ใหญ่ทั้งหมด ได้รับการได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละหนึ่งโดส เเละอีกประมาณ 84 ล้านคน หรือมากกว่า 25% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดสแล้ว 

การเร่งฉีดวัคซีนเป็นความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายลงอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกในช่วง 7 วันที่ผ่านมา พุ่งสูงสุดถึง 5.2 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วโลกพุ่งเกิน 3 ล้านคน

Photo : Shutterstock

สหรัฐฯ มียอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 สะสมมากกว่า 5.67 เเสนราย นับเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.. 2020 ระบุว่า สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 4 หมื่นราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมในประเทศรวม 32 ล้านราย จากจำนวนประชากรทั้งหมดราว 332 ล้านราย

ทั้งนี้ วัคซีนที่ฉีดไปเเล้วในสหรัฐฯ กว่า 209 ล้านโดสนั้น ตามข้อมูลของ CDC เเบ่งเป็นวัคซีนของบริษัท Pfizer-BioNTech อย่างน้อย 109 ล้านโดส เป็นของ Moderna อีก 92 ล้านโดส และ Johnson & Johnson อีก 7.9 ล้านโดส

อย่างไรก็ตาม กรณีที่พบเคสลิ่มเลือดอุดตัน ในประชาชนที่ฉีดวัคซีนของ Johnson & Johnson และ AstraZeneca ได้สร้างความสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน โดยวัคซีนแบบฉีดเข็มเดียวของ Johnson & Johnson ถูกทางการสหรัฐฯ ระงับใช้ชั่วคราวไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว

แม้อัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯ เเละสหราชอาณาจักรจะชะลอลง เเต่เหล่าประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอินเดียและบราซิล กลับกำลังเผชิญจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องเจอกับไวรัสโคโรนากลายพันธุ์

ตอนนี้ อินเดียและบราซิล มีอัตราการกระจายวัคซีนคิดเป็น 4.5% และ 8.3% ของจำนวนประชากร ตามลำดับ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ 33% และสหราชอาณาจักร 32%

Photo : Shutterstock

ด้านอิสราเอลเพิ่งประกาศยกเลิกมาตรการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะเเล้วแต่ยังคงกำหนดให้สวมหน้ากากเวลาอยู่ในอาคารหรือพื้นที่ปิดหลังประสบความสำเร็จอย่างมากในการกระจายวัคซีน

ประชาชนอิสราเอลเกือบ 60% ได้รับวัคซีน COVID-19 ไปเเล้วอย่างน้อยหนึ่งโดสทำให้รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่าสามารถควบคุมการระบาดได้ เเละเตรียมตัวจะเป็นประเทศเเรกที่กำลังเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ หลังฉีดวัคซีนคิดตามอัตราประชากรได้เร็วที่สุดในโลก โดยเลือกใช้วัคซีนของ Pfizer-BioNTech

 

 

ที่มา : CBS , ABCnews , Bloomberg

]]>
1328304
‘อิสราเอล’ หาวิธีกระตุ้นคนฉีดวัคซีน COVID-19 ลงพื้นที่ฉีดให้ตามผับบาร์ พร้อมแจกเครื่องดื่มฟรี https://positioningmag.com/1320307 Sun, 21 Feb 2021 11:06:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1320307 อิสราเอลเดินหน้ากระตุ้นให้ประชาชนฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ต่อเนื่อง ล่าสุดจัดฉีดวัคซีนตามแหล่งผับบาร์ พร้อมเเจกเครื่องดื่มไม่มีเเอลกอฮอล์ให้ฟรี

บรรยากาศใน ‘Jenia gastropub’ สถานบันเทิงในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอลกลับมาคึกคัก เมื่อบุคลากรทางการแพทย์ได้เดินทางไปฉีดวัคซีน COVID-19’ ให้แก่ผู้ที่สนใจเเบบถึงที่ โดยมีโปรโมชันดึงดูดใจอย่างการเเจกเครื่องดื่มเเบบไม่มีเเอลกอฮอล์ฟรี 1 แก้ว

เเม้ว่าตอนนี้ประชากรชาวอิสราเอลมากกว่า 43% จากทั้งหมดราว 9 ล้านคนจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของบริษัทไฟเซอร์ไปแล้วอย่างน้อยคนละ 1 โดส ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุข

แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังเป็นมีความกังวลว่า กระแสตื่นตัวในการเข้ารับการฉีดวัคซีนจะลดน้อยลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเเผนการเปิดประเทศเเละฟื้นฟูเศรษฐกิจที่หยุดชะงักไปในช่วงวิกฤตโรคระบาด

ดังนั้น เพื่อกระจายวัคซีนให้ทั่วถึง ทางร้าน Jenia gastropub จึงได้ร่วมมือกับเทศบาลเมืองเทลอาวีฟ จัดฉีดวัคซีน COVID-19 โดยผู้เข้ามารับการฉีดวัคซีน จะได้รับเครื่องดื่มฟรีเป็นของสมนาคุณ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้มาใช้บริการ

หนึ่งในกลุ่มคนที่ได้รับการฉัดวัคซีนเข็มเเรกในผับเเห่งนี้ บอกว่าเป็นโอกาสดีจริงๆ ที่จะมารับการฉีดวัคซีนที่นี่ เพราะฉันไม่มีเวลา และยังไม่สามารถเดินทางไปยังศูนย์บริการฉีดวัคซีนที่อื่นๆ ได้

เป็นอีกหนึ่งกลวิธีเร่งกระจายวัคซีนเชิงรุกให้ครอบคลุมประชาชนให้มากที่สุดของอิสราเอล หลังเริ่มทยอยฉีดมาตั้งเเต่วันที่ 20 .. 2020

รัฐบาลอิสราเอลวางแผนจะออกกรีนพาส’ (green pass)ให้ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโควิด-19 เป็นสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีน COVID-19 เรียบร้อยเเล้ว

โดยราว 50% ของประชากรที่ฉีดวัคซีนดังกล่าว ครบ 2 โดสจะได้รับกรีนพาส ภายใน 1 สัปดาห์เช่นเดียวกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกัน หลังจากติดเชื้อแล้วรักษาจนหายดี ซึ่งจะมีสิทธิ์เข้าใช้บริการในยิม โรงแรม สระว่ายน้ำ คอนเสิร์ต และสถานที่ทางศาสนา ส่วนร้านอาหารและบาร์จะเข้าใช้บริการได้ในช่วงต้นเดือนมีนาคม เป็นต้นไป

 

ที่มา : Reuters , theguardian 

 

]]>
1320307