เมตาเวิร์ส – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Fri, 02 Jun 2023 03:14:51 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ขาดทุนยับ! ราคาที่ดินใน ‘Metaverse’ ดิ่งฮวบเกือบ 90% จับตาแว่น VR ใหม่จาก Meta จะช่วยดันได้ไหม? https://positioningmag.com/1432902 Fri, 02 Jun 2023 03:09:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432902 ดูเหมือนจะสวนทางกับราคาที่ดินของจริงเหลือเกิน สำหรับที่ดินใน ‘Metaverse’ ของผู้ให้บริการชั้นนำ อาทิ Otherdeeds, The Sandbox, Decentraland, Somnium และ Voxels ที่เฉลี่ยแล้วลดลงมากถึงประมาณ 90% เลยทีเดียว

จากการศึกษาโดย CoinGecko ที่เก็บข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 ถึง 24 พฤษภาคม 2023 ได้แสดงให้เห็นว่า ที่ดินเสมือนใน Metaverse ของผู้ให้บริการชั้นนำส่วนใหญ่มีมูลค่า ลดลงประมาณ 90% โดยที่ดินที่แพงสุดในขณะนั้น ได้แก่ Otherdeeds by Otherside ซึ่งเคยขายทรัพย์สินในราคา 5 Ether ปัจจุบันขายอยู่ที่ 1.09 ETH ลดลง 78.2% ส่วนที่ดินใน Sandbox และ Decentraland ก็ ลดลง 89.76% และ 87.88% ตามลำดับ

CoinGecko สังเกตว่า ที่ดินที่ถูกที่สุดใน Metaverse สามารถพบได้ใน Voxels ซึ่งขายในราคา 0.16 ETH ณ วันที่ 24 พฤษภาคม โดยที่ดินเสมือนจริงของ Voxels เผชิญกับการ ขาดทุน 93.8% เช่นเดียวกับ Somnium

อย่างไรก็ตาม Voxels ก็ยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการกลับมาของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและประเทศเศรษฐกิจหลักยังคงทดสอบศักยภาพสูงสุดของ Metaverse ผ่านการลงทุนและการริเริ่มต่าง ๆ อย่างล่าสุด Meta เปิดตัวแว่น VR รุ่นใหม่ Meta Quest 3 แว่น VR headset รุ่นใหม่ที่จะมีความละเอียดสูงกว่า, ประสิทธิภาพดีกว่า มาพร้อมเทคโนโลยี Meta Reality, รองรับ Backwards Compatible เล่นเกมจากรุ่นก่อนได้อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ ยังใส่สบายกว่า Quest 2 ถึง 40%

โดย Josh Gilbert นักวิเคราะห์ตลาดของ eToro กล่าวกับ Cointelegraph ว่า ชุดหูฟังใหม่อาจทำให้ตลาดลุกเป็นไฟได้ เมื่อพิจารณาจากประวัติที่พิสูจน์แล้วของ Apple ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่เปลี่ยนแปลงตลาด

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ราคาที่ดินใน Metaverse ที่ดิ่งลงเหว เพราะย้อนไปในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ราคา NFTs หรือ Non-fungible token ก็มียอดขาย ลดลง 94% เหลือ 13.9 ล้านดอลลาร์ 

Source

]]>
1432902
ประเมินมูลค่าตลาด ‘Game Metaverse’ อาจสูงถึง 45 ล้านล้านบาทภายใน 10 ปีข้างหน้า https://positioningmag.com/1428459 Tue, 25 Apr 2023 07:30:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428459 แม้ว่า Metaverse ที่หลาย ๆ คนพูดถึงจะยังดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวและยังไม่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายนักในปัจจุบัน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็มีการประเมินว่าอุตสาหกรรมที่จะเติบโตได้มากที่สุดก็คือ เกม โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2033 ตลาดเกม Metaverse จะมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญ เลยทีเดียว

จะเห็นว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกพยายามจะพาตัวเองไปเป็นผู้นำในโลก Metaverse รวมไปถึงบริษัทเกม อาทิ Krafton สตูดิโอของเกาหลีใต้เจ้าของเกมดังอย่าง PUBG ก็เตรียมเปิดตัวเกมแพลตฟอร์ม Metaverse ในปีนี้ โดยมีชื่อย่างไม่เป็นทางการในตอนนี้ว่า Migalnow, การลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญของ Meta และ Epic Games ได้เงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญในการพัฒนาเกมเมตาเวิร์ส

ซึ่งนักวิเคราะห์ของ Globenewswire ได้ประเมินว่า ตลาดเกม Metaverse จะมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญ หรือราว 45 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 5.1 พันล้านเหรียญ โดยคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ 38.2% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2023-2033 และ 48% ของตลาดเกมโลกจะประกอบด้วยอุปกรณ์เล่นเกมแบบเมตาเวิร์ส

หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่สร้างการเติบโตของตลาดมาจาก ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากการใช้เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน เนื่องจากแพลตฟอร์ม Metaverse ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลด้วยการสร้างโลกเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถเล่นเกมที่สมจริง ทำธุรกิจ พูดคุยกัน แบ่งปันสินค้าเสมือนจริง ดูเนื้อหาดิจิทัล และไปที่กิจกรรมเสมือนจริง ทำให้เกิดความเป็นไปได้ทางการตลาดอย่างมหาศาล ส่งผลให้เกิดการใช้จ่ายที่มากตาม อาทิ การใช้สกุลเงินดิจิทัล และ NFTs

“เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่ดี บริษัทหลายแห่งกำลังทำงานบนแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อแบบดิจิทัลซึ่งช่วยให้ผู้เล่นหลงทางในโลกเสมือนจริงขณะเล่นเกม การเพิ่มขึ้นของฐานผู้ใช้ของอุตสาหกรรมเกม ความนิยมของเกมที่เล่นแล้วได้เงินและการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AR, VR และ XR คือสิ่งสำคัญบางส่วนที่ช่วยให้ตลาดเติบโต”

หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ คาสิโนเมตาเวิร์ส ที่บริหารโดย Decentraland ซึ่งสามารถทำเงินได้ถึง 7 ล้านเหรียญ ในช่วง 3 เดือนแรกที่เปิดตัว อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ธุรกิจเกมเมตาเวิร์สยังไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควรเนื่องจาก ต้นทุนอุปกรณ์ที่สูง ขณะที่ตลาดและตัวเทคโนโลยียังอยู่ในระยะเริ่มต้น ส่งผลให้ผู้บริโภคยังมีมั่นใจที่จะจ่ายเงินกับคนเทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่พร้อม นอกจากนี้ ยังมีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย

ถ้าใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Ready Player One ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก บางทีตลาด Game Metaverse ในอีก 10 ปีข้างหน้าอาจไปถึงขั้นนั้นก็ได้ โลกเสมือนที่กลายเป็นโลกหลักในการใช้ชีวิต

Source

]]>
1428459
“ทิม คุก” แห่ง Apple ไม่ปลื้ม “เมตาเวิร์ส” มองเทคโนโลยี AR สำคัญกับอนาคตมากกว่า https://positioningmag.com/1413970 Mon, 26 Dec 2022 11:22:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1413970 อีกหนึ่งคนดังโลกเทคโนโลยีที่แสดงออกว่าไม่ได้มอง “เมตาเวิร์ส” เป็นอนาคตของวงการ “ทิม คุก” ซีอีโอ Apple อยู่ในฝั่งที่ไม่เชื่อในเมตาเวิร์ส และมองว่า AR คือเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกมากกว่า

“ผมคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่คนเราจะต้องเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร” ทิม คุก ซีอีโอ Apple กล่าวกับสำนักข่าว Bright ซึ่งเป็นสำนักข่าวในเนเธอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “และผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าคนทั่วไปจะบอกได้ไปไหมว่า ‘เมตาเวิร์ส’ คืออะไรกันแน่”

ไม่น่าแปลกใจที่ Apple ยังไม่มีการประกาศแผนที่เกี่ยวกับ “เมตาเวิร์ส” ต่อสาธารณชน เมตาเวิร์สนั้นเป็นแพลตฟอร์ม Virtual Reality (VR) ที่ผู้คนสามารถเข้าไปในโลกเสมือนจริงนี้และมีปฏิสัมพันธ์กัน ทำงาน ช้อปปิ้ง หรือเล่นเกม โดยจะต้องใช้อุปกรณ์ในการเข้าสู่เมตาเวิร์ส เช่น แว่น VR

โลกเสมือนจริงเมตาเวิร์สนั้นเกิดขึ้นจริงแล้ว แต่บิ๊กเทคคัมปะนียังคงต้องทำงานอีกมากเพื่อพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อจะดึงคนให้ใช้เวลาและยอมใช้จ่ายในเมตาเวิร์สมากกว่านี้

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก แห่ง Meta คือหนึ่งในบริษัทที่ทุ่มลงทุนอย่างหนักให้กับเมตาเวิร์ส ส่วนบริษัทใหญ่ที่มีแผนการเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว เช่น Microsoft, Disney

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางกลุ่มมองว่า เมตาเวิร์สกลายเป็นประเด็นฮิตขึ้นมาส่วนหนึ่งก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เข้าใจว่ามันจะเป็นอย่างไร ย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายน อีริค ชมิดต์ อดีตซีอีโอ Google ให้ข้อสังเกตว่า ‘ไม่มีข้อสรุปร่วมที่ชัดเจนว่าเมตาเวิร์สคืออะไรแน่’

ในทางเดียวกัน อีวาน สปีเกล ซีอีโอบริษัท Snap ก็มองว่าไอเดียการสร้างเมตาเวิร์สนั้นยัง “คลุมเครือและยังเป็นทฤษฎี” แทนที่จะไปมุ่งด้านเมตาเวิร์ส เขาจึงวางแผนให้บริษัทพัฒนา Augmented Reality (AR) เสียมากกว่า ซึ่งเทคโนโลยีนี้คือการผสานภาพและส่วนประกอบจากโลกเสมือนเข้ากับโลกจริง

ทิม คุก เองก็เป็นหนึ่งในคนที่หนุนหลัง AR ทำให้ Apple มีการพัฒนาแว่นตา AR/VR ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่ตลาดได้ในปี 2023 “อนาคตของ AR จะไปได้ไกลกว่าทุกวันนี้มาก…มากๆ” คุกกล่าวกับสำนักข่าว Bright

“ผมคิดว่า AR จะเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่มีผลกระทบกับทุกสิ่งทุกอย่าง” คุกกล่าว “ลองจินตนาการว่าวันหนึ่งคุณสามารถสอนนักเรียนด้วย AR ใช้สิ่งนี้สาธิตการทำงานของสิ่งต่างๆ หรือว่านำ AR ไปใช้ทางการแพทย์ วันนั้นเราคงจะต้องมองกลับไปและคิดว่าเราเคยอยู่โดยไม่มี AR ได้อย่างไร”

การสัมภาษณ์ของคุกครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่เขาเดินทางทัวร์ยุโรป โดยเขาแวะไปทั้งอังกฤษ เยอรมนี และไปปาฐกถาในพิธีรับปริญญาที่ University of Naples Federico II ที่อิตาลีด้วย ในการถามตอบที่งานครั้งนั้น เขายังเน้นย้ำถึง AR ด้วยว่า เขามองว่า AR จะเป็นเหมือนอินเทอร์เน็ต คือผู้คนจะหันมาใช้งานมากขึ้นอย่างช้าๆ และสุดท้ายจะใช้ชีวิตโดยไม่มีมันไม่ได้

“ในอนาคต เราจะมองกลับไปในอดีตและคิดว่าตัวเราใช้ชีวิตมาได้อย่างไรโดยไม่มี AR” คุกกล่าว “เหมือนกับวันนี้ที่เราถามตัวเองว่า ‘คนเราโตมาได้อย่างไรในยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตนะ?’” คุกกล่าว

Source

]]>
1413970
ผู้เชี่ยวชาญ ‘VR’ ลาออกจาก ‘Meta’ เพราะ ‘เบื่อ’ ที่บริษัทเอาแต่เผาเงิน! https://positioningmag.com/1412880 Sat, 17 Dec 2022 16:05:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1412880 John Carmack ถือเป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยี VR และผู้ร่วมก่อตั้ง id Software ผู้พัฒนาวิดีโอเกมดังอย่าง Doom ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีหรือ CTO ของ Meta ได้ประกาศ ลาออก เพราะเบื่อที่บริษัทเอาแต่เผาเงินและเดินผิดทาง

John Carmack เป็นที่รู้จักจากการพัฒนาวิดีโอเกมมากมาย รวมถึง Doom, Quake, Wolfenstein 3D และ Commander Keen โดยจุดเริ่มต้นที่เขาได้มาเป็นส่วนหนึ่งของ Meta นั้นเริ่มตั้งแต่ปี 2013 โดยตอนนั้น John อยู่กับบริษัท Oculus ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ VR ก่อนที่ Meta หรือ Facebook ในตอนนั้นเข้าซื้อกิจการในปี 2014 ทำให้เข้ากลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ Meta และในปี 2019 เขาก็มารับตำแหน่ง CTO เพื่อจะได้มีเวลาดูแลบริษัท Keen Technologies บริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์

โดย John Carmack ออกมาเปิดเผยว่า Meta มีคนและทรัพยากรจำนวนมหาศาล แต่กลับไปผิดทาง แถมยังเผาเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายอยู่ตลอดเวลากับแผนก Reality Labs เพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ เช่น ชุดหูฟัง VR และซอฟต์แวร์ สำหรับการไปสู่ Metaverse

“ผมเบื่อที่ต้องต่อสู้ มีหลายอย่างที่ผมไม่พอใจเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา Metaverse และผมต้องการจะทุ่มเทให้กับบริษัทสตาร์ทอัพของผม”

ทั้งนี้ ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ได้ออกมาปฏิเสธว่าเขานั้นทุ่มงบให้กับ Metaverse หรือ Reality Labs มากเกินไป โดยเขาชี้แจงว่า งบลงทุน 80% ยังใช้กับ family of apps หรือ Facebook, Instagram และ Whatsapp อีก 20% ใช้กับแผนก Reality Labs โดยบอกว่า 40% ของทุนนำไปลงกับเรื่องแว่น VR และ 50% ลงทุนกับโครงการที่จะเป็นเรื่องระยะยาว

Source

]]>
1412880
Meta ขอชี้แจง! เงินลงทุนส่วนใหญ่ยังไปที่ “โซเชียลมีเดีย” ไม่ได้ทุ่มให้ “เมตาเวิร์ส” เป็นหลัก https://positioningmag.com/1410659 Thu, 01 Dec 2022 03:03:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410659 เสียงวิจารณ์หนาหูตั้งแต่ Mark Zuckerberg ประกาศทิศทางบริษัทเข้าสู่โลก “เมตาเวิร์ส” จนล่าสุดเจ้าตัวชี้แจงว่าเงินลงทุนส่วนใหญ่กว่า 80% ของบริษัทยังคงให้กับแอปฯ “โซเชียลมีเดีย” ในฐานะธุรกิจหลัก ตอบโต้ความกังวลของตลาดที่มองว่าเขาหมดความสนใจ Facebook หรือ Instagram ไปแล้ว

“ประมาณ 80% ของเงินลงทุนของเรา กว่า 80% เลยถูกใช้ไปกับธุรกิจหลักที่เราเรียกว่า ‘family of apps’ หมายถึง Facebook, Instagram และ Whatsapp รวมถึงธุรกิจโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชันเหล่านี้ จากนั้นอีกเกือบ 20% ของเงินลงทุนจึงจะลงให้กับ Reality Labs” Mark Zuckerberg กล่าวในงานประชุม New York Times Dealbook เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2022

ทั้งนี้ Reality Labs หมายถึงเซ็กเมนต์ใหม่ของบริษัทที่ใช้ในการวิจัยและพัฒนาด้าน “เมตาเวิร์ส”

“ดังนั้น สิ่งที่เราทำอยู่ส่วนใหญ่ และจะยังคงทำต่อไป คือการมุ่งเน้นกับโซเชียลมีเดียไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าเมตาเวิร์สจะกลายเป็นเทรนด์ที่ใหญ่กว่านี้”

ตั้งแต่ปีก่อนที่ Zuckerberg ประกาศการรีแบรนด์ที่น่าแปลกใจจากชื่อบริษัท Facebook สู่ Meta บริษัทก็เริ่มทุ่มเงินมหาศาลให้กับเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส มีการรายงานว่า Reality Labs ขาดทุนไปแล้วกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7 แสนล้านบาท) ตั้งแต่เริ่มแผนกนี้เมื่อปีก่อน

ผลขาดทุนนั้นยังคงทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดตรงไหน ทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มกังวลว่า Zuckerberg สูญเสียความมุ่งมั่นที่จะรักษาธุรกิจแกนหลักของบริษัทอย่างโซเชียลมีเดียไปแล้ว แลกกับการมองโครงการระยะยาวอย่างเมตาเวิร์สซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเริ่มให้ผลตอบแทนทางการเงินได้

“คุณจะถกเถียงกันก็ได้ว่าเงินลงทุน 20% ก็ยังมากเกินไปที่จะเสี่ยงกับโครงการนี้ แต่ขอให้รู้ว่าโครงการนี้ไม่ใช่แกนหลักที่เรากำลังทำ” Zuckerberg กล่าว

เขายังแจกแจงด้วยว่าเงินทุนที่ให้ Reality Labs นำไปใช้จ่ายกับอะไรบ้าง โดยบอกว่า 40% ของทุนนำไปลงกับเรื่องแว่น VR และ 50% ลงทุนกับโครงการที่จะเป็นเรื่องระยะยาวกว่านั้น นั่นก็คือ “แว่นหน้าตาธรรมดาที่จะสร้างภาพโฮโลแกรมซ้อนขึ้นในโลกจริง”

แม้ว่าจะมีแรงต่อต้านมากมายต่อทิศทางบริษัท แต่ Zuckerberg ยังมีความมั่นใจในการใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนกับเมตาเวิร์ส

“เราไม่ได้จะอยู่ที่นี่ในทศวรรษ 2030s แล้วสื่อสารกันด้วยอุปกรณ์การสื่อสารเดิมๆ เหมือนกับที่เรามีวันนี้ ถ้าใครสักคนสร้าง ลงทุน และเชื่อในเทคโนโลยี จะมีเทคโนโลยีใหม่อีกมากที่ต้องการการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา ดังนั้น ผมยังคงมองบวกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น” Zuckerberg กล่าว

Source

]]>
1410659
Ralph Lauren เปลี่ยนโลโก้บนอกเสื้อเป็นรูป “ลามะ” จากเกม Fortnite ดึงลูกค้าวัยรุ่น https://positioningmag.com/1406241 Tue, 01 Nov 2022 12:23:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1406241 หลังก่อตั้งแบรนด์มา 55 ปี ล่าสุด Ralph Lauren เปลี่ยนโลโก้บนอกเสื้อโปโลจากรูปคนขี่ม้าเป็นรูปคนขี่ลามะ ในคอลเล็กชันพิเศษที่คอลแลปกับเกม Fortnite เปลี่ยนมู้ดแบรนด์เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่

ภาพจำของโลโก้ Ralph Lauren บนอกเสื้อโปโลคือภาพของชายคนหนึ่งขี่ม้าเล่นกีฬาโปโล แต่ภาพที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์นี้กำลังจะเปลี่ยนไปในคอลเล็กชันใหม่ที่แบรนด์คอลแลปกับเกม Fortnite

โลโก้ใหม่จะเปลี่ยนสัตว์พาหนะที่ชายคนนี้ขี่จาก “ม้า” มาเป็น “ลามะ” (piñata llamas) ซึ่งเป็นสัตว์ไอคอนของเกม Fortnite เป็นการดีไซน์ใหม่อย่างหนึ่งในการจับมือกันของสองแบรนด์

คอลเล็กชันนี้ แบรนด์ Ralph Lauren ได้เข้าไปดีไซน์เครื่องแต่งกาย “ในเกม” ให้กับ Fortnite และไลน์เสื้อผ้า “ในชีวิตจริง” ก็จะดีไซน์ให้สอดคล้องหรือบางชิ้นก็เหมือนกับที่มีในเกมดิจิทัลเลย

Ralph Lauren โลโก้
การเปลี่ยนโลโก้ในคอลเล็กชันคอลแลปกับ Fortnite

“เดวิด ลอเรน” ประธานเจ้าหน้าที่ด้านนวัตกรรม และลูกชายของผู้ก่อตั้งแบรนด์ บอกว่า การเปลี่ยนโลโก้ไม่ได้มีงานวิจัยหรือโฟกัสกรุ๊ปรองรับด้วยซ้ำ “เราทำงานด้วยหัวใจและสัญชาตญาณของเรา และมันก็รู้สึกว่าถูกต้อง รู้สึกสนุกที่ได้ทำ” ลอเรนกล่าว

การปรับตัวให้แบรนด์แฟชั่นสนุกมากขึ้น และคอลแลปกับโลกดิจิทัล ไม่ได้มีแค่ Ralph Lauren ที่ทำ Fortnite เองเคยคอลแลปกับทั้งแบรนด์ Balenciaga และ Moncler มาแล้ว หรืออย่าง Burberry ก็เป็นพาร์ทเนอร์กับ Roblox และค่ายเกม Mythical Games เพราะแบรนด์แฟชั่นต่างก็ขยับไปอยู่ในที่ที่ลูกค้าอยู่ และลูกค้าของพวกเขาเริ่มจะขยับไปอยู่ในโลกเสมือนจริงกันมากขึ้น

 

แบรนด์ที่จับไลฟ์สไตล์สุดเท่ของคนแต่ละยุค

สำหรับ Ralph Lauren การขยับครั้งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะเป็นแบรนด์ที่ตามเทรนด์เทคโนโลยีอยู่ตลอด เดวิด ลอเรน กล่าวว่า แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์แรกๆ ที่มีเว็บไซต์ และมีเทคโนโลยีโฮโลแกรม วิดีโอเกม ตกแต่งหน้าร้านสาขา

ลอเรนอธิบายว่า การทดลองกับเทคโนโลยีเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพราะฟังก์ชันของตัวเทคโนโลยีเองสักเท่าไหร่ แต่เพราะแฟชั่นนั้นคือ “แรงบันดาลใจ” และแรงบันดาลใจจะเกิดได้เมื่อแบรนด์เล่าเรื่องของตนเองได้ดี เทคโนโลยีเหล่านี้จึงเป็นวิธีหนึ่งในการเล่าเรื่องของแบรนด์

โลโก้ Ralph Lauren
เสื้อโปโลในชีวิตจริงของคอลเล็กชันคอลแลป

เรื่องราวของแบรนด์ Ralph Lauren เมื่อมาจับมือกับ Fortnite จึงถูกชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงกับวิธีคิดของแบรนด์ที่มีมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น โดยลอเรนคนลูกเล่าถึงแรงบันดาลใจในการตั้งแบรนด์ของคนพ่อว่า ในยุคทศวรรษ 60s พ่อของเขาได้ชมภาพยนตร์เรื่อง The Thomas Crown Affair และในหนังมีฉากเด็ดคือฉากขี่ม้าตีโปโล ซึ่งสะท้อนไลฟ์สไตล์ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ชมยุคนั้น

ตัวเอกในหนังเป็นผู้ชายที่รวยมากจนวางแผนปล้นธนาคารเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น เขาอาศัยอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูงในรัฐนิวอิงแลนด์ และลอเรนคนพ่อก็ได้ไอเดียขึ้นมาว่า ใครๆ ก็อยากจะเป็นเหมือนตัวเอกในหนัง เขาจึงสร้างแบรนด์เสื้อผ้าที่จะช่วยให้คนมีไลฟ์สไตล์แบบนั้นบ้าง

แต่ในเจนเนอเรชันนี้ วัยรุ่นคงไม่สนจะไรกับการขี่ม้าตีโปโลกันอีกแล้ว ความเท่ของคนยุคนี้คือชีวิตเมตาเวิร์สในเกม Fortnite นี่แหละ ในเกมที่ใช้สไตล์สีสันสดใส สู้กันด้วยปืนอวกาศ คือโลกใหม่ที่มาแทนที่ภาพยนตร์เรื่อง The Thomas Crown Affair

คอลเล็กชันของ Ralph Lauren ในเกม Fortnite

ลอเรนเชื่อว่าเมตาเวิร์สจะเป็นสื่อกลางใหม่ในการสื่อสารแบรนด์ เหมือนกับภาพยนตร์ โทรทัศน์ หรือสิ่งพิมพ์ ลอเรนคาดว่าความจริงเสมือน (Virtual Reality) จะติดตลาดในไม่ช้า

ไม่ว่าสื่อกลางจะเปลี่ยนไปแค่ไหน แบรนด์เสื้อผ้าก็ยังมีปลายทางสุดท้ายคือต้องขายสินค้าให้ได้ ทำให้การพูดคุยกับเจนเนอเรชันใหม่คือเรื่องสำคัญ ในโลกเสมือนของ Fortnite หากต้องการชุดแบรนด์ Ralph Lauren ในเกม จะต้องจ่ายในราคา 1,500 VBUX (สกุลเงินในเกมนี้) และมีเซ็ตเครื่องประดับขายในราคา 1,300 VBUX ด้วย ขณะที่ในโลกจริง บริษัทจะขายหมวกและเสื้อโปโลปักโลโก้ใหม่ขี่ลามะในราคา 60-188 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,260-7,090 บาท)

Source

]]>
1406241
‘Horizon Worlds’ เมตาเวิร์สของ ‘Meta’ ส่อแววไปไม่ถึงฝัน หลังมีผู้ใช้ 2 แสนราย จากเป้า 5 แสนราย https://positioningmag.com/1404366 Sun, 16 Oct 2022 09:09:33 +0000 https://positioningmag.com/?p=1404366 เชื่อว่าหลายคนน่าจะไม่รู้จัก หรืออาจจะแค่เคยได้เห็นชื่อ Horizon Worlds แพลตฟอร์มเมตาเวิร์สของ Meta บริษัทแม่ของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram แต่ไม่ต้องแปลกใจ เพราะแม้แต่ทีมงานก็ยังไม่ค่อยใช้งานแพลตฟอร์มนี้ ขนาดทีมงานยังไม่ใช้ แล้วผู้ใช้ทั่วไปจะเหลืออะไร ดังนั้น จำนวนผู้ใช้แพลตฟอร์มเลยห่างไกลจากเป้าไปเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว

จากเอกสารภายในของ Meta ระบุว่า จำนวนผู้ใช้งาน Horizon Worlds แพลตฟอร์มโลกเมตาเวิร์สไม่เป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท เพราะมีผู้ใช้งานเพียง 200,000 ราย/เดือน จากเป้าหมายขั้นต่ำที่ 500,000 ราย/เดือน ภายในสิ้นปีนี้

ไม่ใช่แค่จำนวนที่ยังได้ไม่ถึงครึ่งของเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่เอกสารดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้กลับมายัง Horizon หลังจากที่ทดลองเล่นไป 1 เดือน และจำนวนผู้ใช้ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 และมีครีเอเตอร์เพียง 9% ของโลกเท่านั้นที่มีผู้เข้าชมอย่างน้อย 50 คน

หลังจากที่ Facebook รีแบรนด์เป็น Meta เมื่อปีที่แล้ว เพื่อสะท้อนความสนใจและความทะเยอทะยานของ Mark Zuckerberg ในการพัฒนา Metaverse นอกเหนือจากการทำแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ด้วยเหตุนี้ Meta จึงสร้าง Horizon Worlds ซึ่งเป็นเครือข่ายของพื้นที่เสมือนที่ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมกับคนอื่นในรูปแบบอวาตาร์ได้ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึง Horizon ผ่านชุดหูฟังเสมือนจริงที่ชื่อ Quest ของ Meta

และเพื่อจะสร้างความตื่นเต้นให้กับ Metaverse บริษัทได้เปิดตัวชุดหูฟังเสมือนจริงใหม่ล่าสุดของบริษัทของเขา ซึ่งมีชื่อว่า Meta Quest Pro โดยสนราคาที่ 1,500 ดอลลาร์ (ราว 57,000 บาท) ในขณะที่ตัวแพลตฟอร์ม Horizon Worlds เองนั้นกำลังประสบปัญหาด้านคุณภาพ แม้แต่ทีมงานก็ยังไม่ค่อยใช้งานแพลตฟอร์ม

อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกของ Meta บอกกับ The Wall Street Journal ว่าบริษัทยังคงทำการปรับปรุง Metaverse ต่อไป พร้อมกับเปิดเผยว่าจะเปิดตัว Horizon เวอร์ชันเว็บสำหรับอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์ในปีนี้

]]>
1404366
‘มาร์ก’ มั่นใจ! จะมีคนกว่า ‘พันล้าน’ ใช้ Metaverse และยอม ‘จ่ายเงิน’ หลายร้อยดอลลาร์ต่อปี https://positioningmag.com/1390418 Tue, 28 Jun 2022 09:52:34 +0000 https://positioningmag.com/?p=1390418 มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ได้แอบบอกใบ้ถึงการพัฒนา ‘ระบบปฏิบัติการ’ สำหรับ Meta Platform พร้อมกับเชื่อว่า ภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ Metaverse จะสร้างรายได้ หลายพันล้านดอลลาร์ให้บริษัท

มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ไม่ได้ปฏิเสธแนวคิดในการสร้าง ระบบปฏิบัติการ สำหรับแพลตฟอร์มและฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ของบริษัทของเขา หลังจากที่ผ่านมา บริษัท Meta ซึ่งเปลี่ยนชื่อจาก Facebook ไม่เคยมีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง (มีแต่แพลตฟอร์ม) แต่เพื่อให้เทคโนโลยี Metaverse ที่บริษัทพัฒนาสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง บริษัทจึงจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการของตัวเอง และระบบปฏิบัติการดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจใน 10 ปีจากนี้

“ผมคิดว่าในระยะยาว เราจะต้องมีการบูรณาการระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ด้วยระบบปฏิบัติการ เพื่อส่งมอบสิ่งที่เราต้องการสร้าง” มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าว

เขาเสริมว่าภายใน 10 ปีข้างหน้านี้ คาดว่าจะมีผู้ใช้ Metaverse อย่างน้อย 1 พันล้านคน แต่ละคน ใช้เงินหลายร้อยดอลลาร์ต่อปี สำหรับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น สินค้าเสมือนจริงสำหรับพื้นที่และอวตาร นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาคาดหวังว่า Metaverse จะสร้างรายได้ หลายพันล้านดอลลาร์ ภายใน 10 ปีจากนี้

“แนวทางปฏิบัติของเราคือการสร้างบริการของเราและส่งต่อไปยังผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ได้ผู้ใช้ 1 พันล้านหรือ 2 พันล้านคนและขยายจากที่นั่น และ Metaverse จะเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจในอนาคต และเป็นแกนใหญ่ของธุรกิจของเราในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”

Reality Labs ซึ่งเป็นส่วนงานการพัฒนา Metaverse ที่ Meta ทุ่มทุนให้อย่างมหาศาล โดยปีที่ผ่านมา บริษัทใช้เงินลงทุนไปกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และลงทุนเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 การทุ่มงบลงทุนมหาศาลทำให้เหล่านักลงทุนเกิดความกังวลจนมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ต้องชะลอการลงทุนใหม่

Source

]]>
1390418
มองเทรนด์งาน ‘อีเวนต์’ หลังโควิด ‘ออฟไลน์’ ยังจำเป็นไหม และ ‘เมตาเวิร์ส’ จะมีบทบาทอย่างไร https://positioningmag.com/1389425 Tue, 21 Jun 2022 07:07:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1389425 หากย้อนไปช่วง 2 ปีก่อน ที่ COVID-19 ระบาดใหม่ ๆ แน่นอนว่าอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) เช่น งานอีเวนต์ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนทำให้ทางออกเดียวก็คือ ออนไลน์ แต่ปัจจุบันที่การระบาดเริ่มลดความรุนแรงลง ประกอบกับเทรนด์ใหม่มาแรงอย่าง เมตาเวิร์ส (Metaverse) คำถามคือ รูปแบบงานอีเวนต์จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

ออนไลน์ใช้ต้นทุนน้อยกว่าเป็นสิบเท่า

ซัม หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EventX สตาร์ทอัพด้านแพลตฟอร์มการจัดการงานอีเวนต์ กล่าวว่า เทียบการจัดงานอีเวนต์ปกติจะมีต้นทุนต่อประมาณ 2 แสนดอลลาร์สหรัฐ แต่อีเวนต์แบบออนไลน์มีต้นทุนเพียง 2 พันดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ปริมาณการจัดอีเวนต์จากนี้จะเติบโตขึ้นอย่างมาก เพราะแบรนด์สามารถจัดแบบออนไลน์ได้หลายครั้งมากกว่าจัดแบบออฟไลน์ แต่ไม่ได้แปลว่าการจัดงานออฟไลน์จะหายไป เพียงแต่จะกลายเป็นแบบ ไฮบริด

“ในช่วงที่เกิดโควิดก็มีการจัดงานแบบเวอร์ชวลกว่า 5 แสนอีเวนต์และมีแนวโน้มจะเติบโตมากขึ้น แต่ไม่ใช่แค่ออนไลน์ จะเป็นการจัดงานแบบไฮบริด”

ซัม หว่อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EventX

ไฮบริดกลายเป็นบรรทัดฐานงานอีเวนต์

ผลสำรวจจากรายงาน EventX Metaverse & Event Trend Outlook 2022 ซึ่งทำการสำรวจผู้จัดงานและผู้เชี่ยวชาญ 1,500 คนทั้งองค์กรขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดเล็กในเอเชียเกี่ยวกับมุมมองของการจัดงานอีเวนต์พบว่า ในอีก 12 เดือนข้างหน้า

  • 70% ของบริษัทต่าง ๆ มีแผนจะจัดอีเวนต์แบบไฮบริด – เวอร์ชวล
  • 77% จะนำเทคโนโลยี AR, VR เข้ามาใช้ในอีเวนต์ของตัวเองเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้ผู้เข้าร่วม
  • 8% ระบุว่า ที่ต้องการจัดแบบเวอร์ชวลเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดอีเวนต์
  • 2% ระบุว่าต้องการสร้างฐานข้อมูลผู้บริโภคเพื่อทำการวิเคราะห์ (Data Analytic)
  • 86% ขององค์กร B2B ได้รับผลตอบแทนที่เป็นบวกจากกิจกรรมแบบไฮบริด
  • 81% ของผู้เข้าร่วมระบุว่าช่วยเพิ่มความพึงพอใจ

อย่างไรก็ตาม มีบางบริษัทที่ยังไม่กล้าจัดงานออนไลน์หรือแบบไฮบริดเพราะมาจาก 4 ปัจจัย ได้แก่

  • ขาดความรู้ความเข้าใจ 8%
  • ไม่ทราบว่าจะจัดอย่างไรให้เหมาะสม 5%
  • ไม่มีผู้เชี่ยวชาญในการจัดงานอีเวนต์ลักษณะดังกล่าว 8%
  • กังวลเรื่อง Data Security และ Privacy 30.4%

“อีเวนต์แบบไฮบริดกลายเป็นบรรทัดฐาน เพราะเพิ่มช่องทางให้ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วมงาน ผู้เข้าร่วมงานประหยัดเวลาการเดินทาง ผู้จัดงานก็ลดต้นทุน”

ลงทุนซื้อที่ดินเมตาเวิร์ส

จากนี้เมตาเวิร์สจะมีบทบาทสำคัญสำหรับกิจกรรมยุคใหม่ โลกเสมือนเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง จากข้อมูลของ Bloomberg Intelligence คาดว่ามูลค่าตลาดเมตาเวิร์สจะเพิ่มขึ้นจาก 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 เป็น 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2024 และคาดการณ์ว่าภายในปี 2026 กว่า 25% ของคนทั่วโลกจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงบนเมตาเวิร์ส ทั้งทำงาน ท่องเที่ยว ช้อปปิ้งต่าง ๆ

โดยที่ผ่านมาจะเห็นแบรนด์ต่าง ๆ เช่น Gucci, Microsoft เริ่มเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว หรือในฮ่องกงก็มีการจัดเวอร์ชวลคอนเสิร์ต มีการใช้ NFTs เป็นตั๋วเข้าชม มีบูธย่อย ๆ ที่สามารถเข้าชมได้ ส่วนประเทศไทยมีหลายบริษัทเข้าสู่เมตาเวิร์สแล้ว เช่น อนันดา, เอไอเอส

EventX ก็ได้ลงทุนซื้อที่ดินเมตาเวิร์สจาก The Sandbox เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการจัดอีเวนต์ในเมตาเวิร์ส และในปี 2022 บริษัทมีแผนจะเจาะ 8 ตลาดเอเชีย ได้แก่ จีน, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์ และฮ่องกง โดยเห็นโอกาสจาก 5 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการศึกษา, การจัดงานแสดงสินค้า, ธุรกิจความบันเทิง, ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และการจัดอีเวนต์ภายในองค์กร

]]>
1389425
ผู้บริโภค 66% เชื่อว่า “เมตาเวิร์ส” จะมา “เปลี่ยนชีวิต” อัปเดตเทรนด์นวัตกรรมใหม่นี้จาก 3 วงการ https://positioningmag.com/1388032 Tue, 07 Jun 2022 12:12:43 +0000 https://positioningmag.com/?p=1388032 “วันเดอร์แมน ธอมสัน” จัดทำรายงานเกี่ยวกับ “เมตาเวิร์ส” นวัตกรรมใหม่ที่กลายเป็น “คำฮิตติดปาก” คนยุคนี้ แม้ว่าผู้บริโภคเพียง 15% ที่เข้าใจและอธิบายถึงนวัตกรรมนี้ได้ แต่มีถึง 66% ที่เชื่อว่าเมตาเวิร์สจะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตคนในอนาคต พร้อมอัปเดตเทรนด์ใน 3 วงการที่เมตาเวิร์สจะเข้ามาเปลี่ยนแปลง ได้แก่ บันเทิง-กีฬา, รีเทล และ การทำงาน-การจ้างงาน

ย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ผู้บริโภคเพียง 32% ที่เคยได้ยินคำว่า “เมตาเวิร์ส” แต่เดือนมีนาคม 2022 มีถึง 74% ที่เคยได้ยินคำนี้ สะท้อนให้เห็นว่าเมตาเวิร์สกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คนให้ความสนใจ

สถิติเหล่านี้มาจากรายงาน New Realities: Into the Metaverse and Beyond จัดทำโดย วันเดอร์แมน ธอมสัน เก็บข้อมูลจากผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ขณะที่สำรวจเทรนด์จากแบรนด์ทั่วโลก

เมตาเวิร์ส

แม้ว่าคนจะให้ความสนใจและเคยได้ยินคำว่าเมตาเวิร์สถึง 74% แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 15% ที่รู้ว่าเมตาเวิร์สคืออะไรและสามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้

วันเดอร์แมน ธอมสันให้คำจำกัดความเมตาเวิร์สไว้ว่า หมายถึง สิ่งที่ขยายออกไปจากชีวิตที่เรามีอยู่ขณะนี้โดยอาศัยเทคโนโลยี เต็มไปด้วยโลกเสมือนจริงและประสบการณ์เสมือนจริง ในอนาคต เมตาเวิร์สจะขยายไปสู่โลกที่ไร้ขีดจำกัดและสัมพันธ์กันทั้งหมด เป็นยุคที่โลกกายภาพของเรากับโลกดิจิทัลประสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์

เมตาเวิร์ส

ไม่ว่าคนส่วนใหญ่จะเข้าใจหรือไม่ว่าเมตาเวิร์สคืออะไร แต่คนถึง 66% ก็เชื่อว่าเมตาเวิร์สจะเป็นนวัตกรรมที่ “เปลี่ยนชีวิต” คนเราได้ กลายเป็นอนาคต เป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมือนกับการมาของอินเทอร์เน็ต

 

คนจะเข้าไปทำอะไรใน “เมตาเวิร์ส” ?

คำถามสำคัญเมื่อคิดถึงเมตาเวิร์ส คือคนเราจะเข้าไปทำอะไรในนั้น? จากการสำรวจของวันเดอร์แมน ธอมสัน พบว่ากิจกรรม 5 อันดับแรกที่คนคิดว่าจะเกิดขึ้นในเมตาเวิร์ส คือ

  • 82% เป็นสถานที่สร้างสัมพันธ์กับสังคม
  • 70% เป็นสถานที่ช้อปปิ้ง
  • 68% เป็นสถานที่ช้อปออนไลน์/อีคอมเมิร์ซ
  • 51% เป็นที่ทำงาน
  • 50% เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน

เมตาเวิร์ส

เมื่อผู้บริโภคมองจุดประสงค์ของเมตาเวิร์สดังนี้แล้ว ทำให้หลายธุรกิจหรือวงการเริ่มปรับตัว หลายแบรนด์เข้าไปชิมลางในเมตาเวิร์สกันแล้วเพื่อทดลองโครงการ และชิงพื้นที่รอผู้บริโภคที่จะเข้ามาในอนาคต ต่อไปนี้คือตัวอย่าง 3 วงการธุรกิจที่เข้าไปอยู่ในโลก “เมตาเวิร์ส” กันแล้ว

 

ธุรกิจบันเทิง-กีฬา

จากการสำรวจผู้ใช้เมตาเวิร์สจนคุ้นเคย 90% เชื่อว่าเมตาเวิร์สจะเปลี่ยนโลกธุรกิจบันเทิง และ 82% เชื่อว่ามันจะเปลี่ยนโลกธุรกิจกีฬา นั่นทำให้หลายๆ แบรนด์หรือสโมสรกีฬากระโดดเข้ามาในเมตาเวิร์สแล้ว

เมตาเวิร์ส
สนาม Etihad Stadium ในโลกเมตาเวิร์ส
  • Manchester City FC – หนึ่งในทีมกีฬาแรกๆ ของโลกที่ลงทุนกับเมตาเวิร์ส โดยร่วมมือกับ Sony ในการสร้างสนามเหย้า Etihad Stadium ในโลกดิจิทัล เพื่อให้อนาคตแฟนๆ สามารถร่วมชมฟุตบอลในสนามได้จากทุกที่บนโลก
  • Pooja Entertainment – บริษัทโปรดักชันยักษ์ใหญ่ในบอลลีวู้ด อินเดีย และเป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ลงทุนซื้อที่ดินในเมตาเวิร์สตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 ด้วยเงินลงทุนเพียง 5,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อใช้สร้างเป็นโรงภาพยนตร์เสมือนจริงชื่อ ‘Poojaverse’
  • The Recording Academy – รางวัลแกรมมี่ อวอร์ดส ครั้งที่ 64 สนับสนุนโดย Mastercard ถูกจัดขึ้นใน Roblox เมื่อวันที่ 30 มีนาคม – 3 เมษายน 2022 ในงานมีการเดินพรมแดงของคนดัง ช่วงพบปะศิลปิน การแสดงโชว์ เกม ซื้อขายสินค้าเมอร์ชานไดซ์ ฯลฯ เพื่อเป็นการทดลองโลกเสมือนจริง

 

ธุรกิจรีเทล

ดังที่เห็นว่าจุดประสงค์อันดับ 2 และ 3 ของคนที่เข้าใช้เมตาเวิร์ส คือมองว่าจะเข้ามา “ช้อปปิ้ง” สารพัดแบรนด์จึงไม่พลาดที่จะเข้ามาเปิดตลาด

เมตาเวิร์ส
Nike ในเกม Roblox
  • Nike – รายแรกๆ ที่เข้ามาในโลกเมตาเวิร์สผ่าน Roblox เกมยอดฮิต มีการสร้าง Nikeland เป็นโลกที่ให้ผู้เล่นเข้ามาเล่นเกมกับแบรนด์ และสร้างมินิเกมของตัวเองขึ้นมาได้ด้วย พร้อมกับหน้าร้านดิจิทัลที่เป็นประสบการณ์ใหม่
  • Skechers – เจ้าแรกที่เซ็นสัญญาซื้อที่ดินใน Fashion District ของ Decentraland พร้อมจดเครื่องหมายการค้าเพื่อขายสินค้าเสมือนจริงในเมตาเวิร์สนี้
  • Forever 21 – แบรนด์ทำสัญญากับ Roblox เพื่อเปิด Forever 21 City ซึ่งอนุญาตให้ผู้เล่นดีไซน์ สร้าง และบริหารร้านของตนเองได้ โดยสินค้าที่นำมาขายจะเป็นของแบรนด์ Forever 21 เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น

 

วงการการทำงานและการจ้างงาน

Bloomberg ประเมินว่า เมตาเวิร์สจะมีมูลค่าถึง 8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2024 และหลายบริษัทต่างลงทุนเต็มที่ให้กับเมตาเวิร์ส ไม่ว่าจะเป็น Meta, Disney, Nike, WPP ฯลฯ ต่างจ้างงานทาเลนต์นักออกแบบในเมตาเวิร์ส และตั้งผู้บริหารเพื่อมาดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ การทำงานและจ้างงานจึงเป็นประเด็นสำคัญ

เมตาเวิร์ส
Microsoft Teams จะมีเทคโนโลยี MR ให้ผู้ใช้ประชุมงานด้วยอวาตาร์และโฮโลกราฟิก
  • Microsoft – เมื่อการทำงานแบบไฮบริดและการทำงานทางไกลจะยังมีต่อไป ทำให้ Microsoft Teams จะมีฟังก์ชันใหม่คือ ‘mixed reality’ (MR) ออกมา นั่นคือให้พนักงานสามารถสร้างอวาตาร์ของตัวเองไปเข้าประชุมเสมือนจริง และสามารถประชุมงานกันได้ผ่านระบบโฮโลกราฟิก
  • SK Telecom – บริษัทโทรคมนาคมเกาหลีใต้ มีการพัฒนาบริการสำหรับเมตาเวิร์สโดยเฉพาะ 3 อย่าง คือ Ifland แพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กในการจัดอีเวนต์และสัมมนา, Jump เครื่องมือเพื่อใช้ AR และ Jump Studio เพื่อเปลี่ยนรูปจากความเป็นจริงสู่โฮโลแกรม หรือ MR
  • Vice Media Group – Vice ว่าจ้างบริษัทสถาปนิกชื่อดัง Bjarke Ingels Group (BIG) ให้ออกแบบที่ทำงานในเมตาเวิร์สชื่อ ‘ViceVerse’ ที่นี่จะเป็นแล็บนวัตกรรมให้ทีมงาน Vice วางโครงการเกี่ยวกับเมตาเวิร์ส เช่น NFT, Web3.0, DAOs

ทั้งหมดคือการอัปเดตบางส่วนในโลกเมตาเวิร์สจากวันเดอร์แมน ธอมสัน สามารถติดตามรายงาน New Realities: Into the Metaverse and Beyond ฉบับเต็มได้ที่นี่

อ่านรายงานเกี่ยวกับเทรนด์การตลาดและแบรนด์จากวันเดอร์แมน ธอมสันต่อที่ : The Future 100 เทรนด์อนาคตปี 2022 ที่แบรนด์ต้องศึกษาและไล่ให้ทัน!

]]>
1388032