เมืองน่าอยู่ – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 26 Jun 2023 11:28:49 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 หอมกลิ่นความเจริญ! 10 อันดับแรก “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ปี 2023 https://positioningmag.com/1435446 Mon, 26 Jun 2023 09:19:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435446 Economist Intelligence Unit (EIU) เปิดผลสำรวจดัชนี “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ประจำปี 2023 โดยเมือง 10 อันดับแรกในลิสต์นี้กระจายอยู่ใน 7 ประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและเอเชียแปซิฟิก ส่วนแชมป์อันดับ 1 ตกเป็นของ “เวียนนา” ประเทศออสเตรีย

การสำรวจ ดัชนี “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก (Global Livability Index) โดย EIU นั้นจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี สำหรับปี 2023 นี้ถือเป็นปีที่ทั่วโลกฟื้นตัวจากโรคระบาดโดยสมบูรณ์แล้ว และมีการยกเลิกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ไปเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ค่าเฉลี่ยความน่าอยู่ของทุกทวีปทั่วโลกปรับตัวดีขึ้น

การจัดทำดัชนีเมืองน่าอยู่นี้ สำรวจใน 173 เมืองทั่วโลก และคำนวณจากปัจจัย 5 หัวข้อหลัก ได้แก่

  • เสถียรภาพและความมั่นคงในชีวิต เช่น อัตราอาชญากรรม, ความเสี่ยงจากสงคราม, ความขัดแย้งทางการทหาร
  • สาธารณสุข เช่น ระบบสาธารณสุขของรัฐ, ระบบสาธารณสุขเอกชน, การเข้าถึงยาผ่านร้านขายยา
  • วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น ภูมิอากาศ, อัตราการคอร์รัปชัน, ข้อบังคับทางสังคมหรือศาสนา, การเข้าถึงกิจกรรมทางวัฒนธรรมและกีฬา, อาหารและเครื่องดื่ม
  • การศึกษา เช่น ระบบการศึกษาของรัฐ, ระบบการศึกษาของเอกชน
  • โครงสร้างพื้นฐาน เช่น คุณภาพของถนน, คุณภาพขนส่งมวลชน, คุณภาพบ้านพักอาศัย, คุณภาพประปา ไฟฟ้า และโทรคมนาคม

จากปัจจัยดังกล่าวที่ EIU ได้ประเมิน 10 อันดับแรก “เมืองน่าอยู่” มากที่สุดในโลก ปี 2023 จึงได้แก่

อันดับ 1 เวียนนา ประเทศออสเตรีย
อันดับ 2 โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก
อันดับ 3 เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 4 ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
อันดับ 5 แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา
อันดับ 6 ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 7 คัลการี ประเทศแคนาดา
อันดับ 8 เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
อันดับ 9 โทรอนโต ประเทศแคนาดา
อันดับ 10 (ร่วม) โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และ โอ๊คแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์

กรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรียนั้นเป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยมากจากการมีปัจจัยที่ดีในทุกด้าน ทำให้เวียนนาเป็นเมืองน่าอยู่มากที่สุดในโลกถึง 8 ครั้ง จากการสำรวจ 10 ครั้งหลังสุด สิ่งเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นข้อเสียของเวียนนาคือ ไม่มีสถานที่จัดงานแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่ในเมือง

ออสเตรเลีย
หลายเมืองในออสเตรเลียทำคะแนนได้ดีขึ้นมากในดัชนีความน่าอยู่ของเมือง (Photo : Shutterstock)

สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ปีนี้เมืองในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกทำคะแนนได้ดีขึ้นมาก ทั้งเมืองในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ขยับดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมลเบิร์น ซิดนีย์ เพิร์ธ โอ๊กแลนด์ หรือเวลลิงตัน รวมถึงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเมืองที่ทำคะแนนได้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่น กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย, ฮานอย ประเทศเวียดนาม, จาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

ขณะที่บางเมืองในยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือร่วงลงจากอันดับบนๆ ของตาราง เช่น แฟรงก์เฟิร์ต, ประเทศเยอรมนี และ อัมสเตอร์ดัม, ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมไปถึงหลายเมืองในสหราชอาณาจักร เช่น เอดินเบอห์ระ, แมนเชสเตอร์, ลอนดอน รวมไปถึงเมืองในสหรัฐฯ เช่น ลอสแอนเจลิส, ซานดิเอโก เนื่องจากการปรับปรุงพัฒนาเมืองไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ขณะที่เมืองในเอเชียแปซิฟิกทำได้ดีขึ้นจนแซงหน้าไป

สำหรับเมืองที่อยู่ท้ายตารางในอันดับ 173 คือกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย ขณะที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน อยู่ในอันดับ 165 จากไฟสงครามที่ยังไม่สิ้นสุด

Source

]]>
1435446
10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกของคน “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” (Work from Anywhere) ปี 2021 https://positioningmag.com/1340694 Tue, 06 Jul 2021 05:21:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1340694 Nestpick แพลตฟอร์มค้นหาที่พักรายเดือนออนไลน์ รายงานดัชนี “เมือง” ที่เหมาะกับการ “ทำงานจากที่ไหนก็ได้” (Work from Anywhere) มากที่สุดในโลก ประจำปี 2021 โดยปีนี้เมือง “เมลเบิร์น” ออสเตรเลีย คว้าอันดับ 1 ไปครองจากที่สำรวจทั้งหมด 75 เมือง ส่วนประเทศไทยมีติดโผ 2 เมืองคือ “เชียงใหม่” และ “กรุงเทพฯ”

กระแสการ ทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work from Anywhere) เป็นที่นิยมมากขึ้นหลังผ่านการดิสรัปต์จากโรคระบาด ด้วยเทคโนโลยีที่สร้างให้วิธีการทำงานเช่นนี้เกิดขึ้นได้จริง และเป็นไปได้ว่าจะยังนิยมต่อเนื่องแม้โรคระบาดคลี่คลายแล้ว mindset ของคนทำงานเริ่มเปลี่ยนไป จากการมุ่งเป้าไปพำนักในเมืองธุรกิจที่ค่าครองชีพมักจะสูง กลายเป็นการอยู่อาศัยในเมืองที่น่าอยู่ มีไลฟ์สไตล์ และถูกกว่า

นั่นทำให้คนทำงานที่สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้เริ่มมองหาที่อยู่ใหม่รอบโลก โดยบริษัท Nestpick ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มค้นหาที่พักรายเดือนทั่วโลก ทำการศึกษาเมือง 75 เมืองหลักซึ่ง “เหมาะกับการอยู่อาศัย” มากที่สุด โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการทำงานออนไลน์

ดัชนีของ Nestpick แบ่งการให้คะแนนออกเป็น 3 ส่วนหลัก 16 ข้อย่อย ดังนี้

1.ต้นทุนการทำงานและโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเช่าโฮมออฟฟิศ, ความยากง่ายในการหาที่พักอาศัย, ภาษี และความเร็วอินเทอร์เน็ต

2.กฎหมายและเสรีภาพ ได้แก่ กฎหมายรองรับคนทำงานทางไกล (เช่น วีซ่า), โครงสร้างพื้นฐานสำหรับคนทำงานทางไกล, ความปลอดภัย สิทธิ และเสรีภาพ, ความเท่าเทียมทางเพศ, เป็นมิตรกับ LGBTQ และเป็นมิตรกับชาติพันธุ์กลุ่มน้อย

3.ความน่าอยู่ของเมือง ได้แก่ อัตราการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19, ค่าครองชีพโดยรวม, ระบบสาธารณสุข, วัฒนธรรมและสถานที่พักผ่อน, ภูมิอากาศ, มลภาวะ

เมืองเมลเบิร์น ออสเตรเลีย

จะเห็นได้ว่า การสำรวจครั้งนี้รวมเอา “อัตราการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19” ของประชากรท้องถิ่นไว้ด้วย เนื่องจากความปลอดภัยเชิงสุขภาพกลายมาเป็นหนึ่งในดัชนีสำคัญวัดความน่าอยู่ของเมืองแล้ว

จากการสำรวจทั้งหมด เหล่านี้คือ 10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกของ “คนทำงานจากที่ไหนก็ได้” (Work from Anywhere) ปี 2021

  1. เมลเบิร์น / ออสเตรเลีย
  2. ดูไบ / UAE
  3. ซิดนีย์ / ออสเตรเลีย
  4. ทาลลินน์ / เอสโตเนีย
  5. ลอนดอน / สหราชอาณาจักร
  6. โตเกียว / ญี่ปุ่น
  7. สิงคโปร์ / สิงคโปร์
  8. กลาสโกว์ / สหราชอาณาจักร
  9. มอนทรีอัล / แคนาดา
  10. เบอร์ลิน / เยอรมนี

ทั้งนี้ ใน 10 อันดับแรกมีเพียง 4 ประเทศที่ขณะนี้มีวีซ่าสำหรับดิจิทัล โนแมดหรือฟรีแลนซ์ ได้แก่ ออสเตรเลีย, UAE, เอสโตเนีย และเยอรมนี

ส่วนประเทศไทยซึ่งเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของกลุ่มดิจิทัล โนแมดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เรามี 2 เมืองที่เข้ามาติดโผนี้ ได้แก่ “เชียงใหม่” ในอันดับที่ 34 และ “กรุงเทพฯ” อันดับที่ 59 โดยเชียงใหม่นั้นถือว่ามีความโดดเด่นเรื่องของค่าเช่าโฮมออฟฟิศและค่าครองชีพถูกเทียบกับตลาดโลก และความเท่าเทียมทางเพศ เป็นมิตรกับ LGBTQ

Source

]]>
1340694