AirPods – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 05 Oct 2022 12:17:56 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Apple เตรียมย้ายการผลิต AirPods บางส่วนจากจีนไปยังอินเดีย https://positioningmag.com/1403269 Wed, 05 Oct 2022 08:51:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1403269 อินเดียเตรียมเป็นแหล่งผลิตสินค้าของ Apple เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดนั้นสื่อญี่ปุ่นอย่าง Nikkei Asia รายงานว่า ยักษ์ใหญ่ไอทีจากสหรัฐฯ ได้แจ้งซัพพลายเออร์ว่าจะมีการย้ายสายการผลิตของ AirPods บางส่วนมายังประเทศอินเดียหลังจากนี้

Nikkei Asia ได้รายงานว่า Apple แจ้งกับซัพพลายเออร์ที่เกี่ยวข้องกับสายการผลิต AirPods ว่าจะมีการย้ายสายการผลิตบางส่วนของหูฟังไร้สายชื่อดังไปยังประเทศอินเดีย จากเดิมที่มีการผลิตนั้นอยู่ในประเทศจีนเป็นหลัก โดยคาดว่าการย้ายสายการผลิตนี้จะเริ่มได้ไวสุดในช่วงปี 2023

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Apple ต้องย้ายสายการผลิตออกจากประเทศจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ได้สร้างความปั่นป่วนต่อ Supply Chain และการผลิตในประเทศจีนอย่างมาก หลายครั้งได้เกิดความชะงักงันซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทที่มีสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งรวมถึง Apple ด้วย

สำหรับสินค้า AirPods นั้น ก่อนหน้านี้ Apple ได้มีการย้ายสายการผลิตไปยังเวียดนามพร้อมกับสินค้าอย่าง iPad และ Apple Watch รวมถึง MacBook มาแล้ว

ขณะเดียวกันสำหรับประเทศอินเดียนั้นถือว่าเป็นแหล่งผลิตสินค้าสำคัญของ Apple โดยล่าสุดนั้นบริษัทเตรียมที่จะผลิต iPhone 14 หลังจากที่มีการเปิดตัวไม่นาน โดยนักวิเคราะห์ของ JPMorgan ชี้ว่า Apple อาจโยกสายการผลิตราวๆ 5% มาไว้ในประเทศอินเดีย

นอกจาก AirPods แล้วยังมีสินค้าของ Apple อย่างหูฟังของ Beats ที่เตรียมย้ายสายการผลิตบางส่วนมาที่อินเดียด้วยเช่นกัน

การย้ายการผลิตสินค้าของ Apple ออกจากประเทศจีนถือว่าเป็นชัยชนะของประเทศอินเดีย รวมถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการจะเป็นฐานการผลิตสำคัญหลังจากพึ่งพาภาคการผลิตในประเทศจีนมากเกินไป 

]]>
1403269
‘Apple’ เตรียมลดกำลังผลิต ‘iPhone SE’ 20% เนื่องจากความต้องการลดลงเพราะ ‘สงคราม’ https://positioningmag.com/1379628 Tue, 29 Mar 2022 08:42:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379628 Apple วางแผนที่จะผลิต iPhone SE น้อยลงประมาณ 20% ในไตรมาสหน้า ซึ่งเป็นสัญญาณแรกที่บ่งชี้ว่า ‘สงครามยูเครน’ และ ‘อัตราเงินเฟ้อ’ ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้บริโภค

Apple เปิดตัว iPhone SE เป็นโทรศัพท์ราคาประหยัดเครื่องแรกที่รองรับ 5G เมื่อไม่ถึง 3 สัปดาห์ก่อน แต่ตอนนี้กำลังบอกซัพพลายเออร์หลายรายว่า จะลดกำลังการผลิตลงประมาณ 2 ล้านถึง 3 ล้านเครื่องในไตรมาสนี้ โดยอ้างถึงความต้องการที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ไม่ใช่แค่ iPhone SE แต่ Apple ยังขอให้ซัพพลายเออร์ผลิต iPhone 13 ทุกรุ่นน้อยกว่าที่วางแผนไว้ 2-3 ล้านเครื่องด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ความต้องการปรับตามฤดูกาล

นอกจากนี้ หูฟัง AirPods ก็มียอดขายลดลงกว่า 10 ล้านชิ้นในปี 2022 เนื่องจากบริษัทคาดการณ์ว่าความต้องการไม่ค่อยดีนักและต้องการลดระดับสต็อกสินค้าคงเหลือ โดยจากข้อมูลการวิจัยของ Counterpoint Research เปิดเผยว่า Apple ได้จัดส่ง AirPods ประมาณ 76.8 ล้านเครื่องในปี 2021 และคาดว่าการจัดส่งโดยรวมในปี 2022 อาจมีแนวโน้มลดลง

การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ตอกย้ำถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีหลังเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน รัฐบาลจำนวนมากตั้งแต่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปไปจนถึงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ส่งผลให้ซัพพลายเชนได้รับผลกระทบ รวมถึงความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่กำลังจะเพิ่มค่าครองชีพของผู้คน ประกอบกับปัญหาการขาดแคลนชิปเป็นเวลานานหลายปี

ทั้งนี้ Apple หยุดการขายและการผลิตในรัสเซียไม่นานหลังจากเกิดการระบาดของสงครามยูเครน โดยข้อมูลของ IDC เปิดเผยว่า คูเปอร์ติโน ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนอันดับ 3 ในรัสเซีย มียอดขาย iPhone ประมาณ 5 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 16% ในปีที่แล้ว

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่บริษัทจะหันมาลดกำลังการผลิตในไตรมาสเดือนมิถุนายน เพราะสงครามส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายในตลาดยุโรป เป็นที่เข้าใจได้ว่าบริโภคจะประหยัดเงิน” ผู้บริหารของซัพพลายเออร์ของ Apple กล่าว

Photo : Shutterstock

ความเคลื่อนไหวของ Apple อาจทำให้แบรนด์สินค้าไอทีรายอื่น ๆ เริ่มเห็นผลกระทบ และปรับลดกำลังผลิต Brady Wang นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของ Counterpoint Research กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนโดยรวมมีสินค้าคงคลังอยู่ในระดับสูงอย่างไม่สมเหตุสมผล และจะได้รับการแก้ไขในที่สุด

“เราเห็นความต้องการสมาร์ทโฟนในจีนที่ลดลงค่อนข้างมาก นอกจากนี้ สงครามรัสเซีย-ยูเครนน่าจะส่งผลกระทบไปทั่วตลาดยุโรปและความต้องการของผู้บริโภค โดยตลาดสมาร์ทโฟนในปี 2022 อาจะเติบโตได้เพียง 5%”

โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศจะปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกสำหรับปี 2022 เนื่องจากความวุ่นวายในยูเครน โดยคากว่า GDP โลกจะเติบโต 4.4% ในปีนี้ ประเทศจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกก็ตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 5.5% ในน้อยสุดในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา

Source

]]>
1379628
Nikkei เผย ‘Apple’ วางเเผนจะปรับลดกำลังการผลิต iPhone และ AirPods https://positioningmag.com/1379471 Mon, 28 Mar 2022 09:19:29 +0000 https://positioningmag.com/?p=1379471 Nikkei Asia รายงานโดยอ้างจากเเหล่งข่าวว่าApple Inc’ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ วางเเผนจะลดกำลังการผลิต iPhone และ AirPods ลง หลังวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อความต้องการของลูกค้า

โดยบริษัทวางแผนที่จะผลิต iPhone SE ลดลงประมาณ 20% ในไตรมาสหน้า หรือเท่ากับสั่งลดการผลิตลงประมาณ 2 ล้านถึง 3 ล้านเครื่องจากที่วางแผนไว้ในตอนแรก เนื่องจากความต้องการของตลาดลดลงกว่าที่คาดหมายไว้ 

นอกจากนี้ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ยังจะลดคำสั่งยอดการผลิตหูฟังไร้สาย ‘AirPods’ กว่า 10 ล้านเครื่อง ในปี 2022 อีกด้วย

เมื่อต้นเดือนนี้ Apple เพิ่งเปิดตัวการเชื่อมต่อ 5G กับ iPhone SE ซึ่งวางให้เป็นรุ่นราคาประหยัดที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ซื้อในตลาดเกิดใหม่

จากข้อมูลของ Counterpoint Research ระบุว่า 4G iPhone SE รุ่นก่อนหน้าคิดเป็นราว 12% ของยอดขาย iPhone ทั้งหมดตั้งแต่เปิดตัวในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2020 จนถึงสิ้นปี 2021 โดยที่ญี่ปุ่นเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดรองจากสหรัฐอเมริกา

Apple ยังมีการขอให้ซัพพลายเออร์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ลดจำนวนการผลิต iPhone 13 ลงหลายล้านเครื่อง จากจำนวนเดิมที่เคยสั่งผลิตเอาไว้ แต่การปรับลดนี้เป็นเรื่องของความต้องการตามฤดูกาลเท่านั้น

ทั้งนี้ Apple ยังไม่เเสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าวของ ทั้ง Nikkei เเละ Reuters

 

ที่มา : Reuters 

]]>
1379471
ได้ใจวัยรุ่น! วอชิงตัน ดี.ซี. ออกโปร ฉีดวัคซีนโควิด แถมฟรี ‘AirPods’ ลุ้นรางวัลใหญ่เป็น ‘ทุนการศึกษา’ https://positioningmag.com/1345894 Mon, 09 Aug 2021 11:32:26 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345894 สหรัฐฯ งัดสารพัดวิธีจูงใจคนฉีดวัคซีนโควิด ล่าสุดวอชิงตัน ดี.ซี.’ ออกเเคมเปญเล่นใหญ่ จับไลฟ์สไตล์วัยรุ่นแจก AirPods ฟรีให้คนรุ่นใหม่วัย 12-17 ปี ที่ไปฉีดวัคซีน พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่เป็นทุนการศึกษา 

Muriel Bowser นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซีประกาศว่า ทางการจะมอบ AirPods หูฟังไร้สายสุดฮิต ให้กับประชาชนที่มีอายุระหว่าง 12-17 ปี ที่มาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ‘เข็มแรกหรือใครที่ไม่อยากได้ AirPods ก็สามารถรับเป็นบัตรของขวัญ VISA มูลค่า 51 ดอลลาร์ (ราว 1,700 บาท) เเทนได้ พ่อเเม่ผู้ปกครองที่พาบุตรหลานมาฉีด ก็จะได้รับบัตรของขวัญด้วย

โดยมีเงื่อนไขว่า พวกเขาจะต้องไปฉีดวัคซีนโควิดตามจุดฉีดที่กำหนดไว้ 3 แห่ง ได้แก่ Brookland MS, Sousa MS เเละ Johnson MS ในช่วงระหว่างวันที่ 7 สิงหาคมถึง 30 กันยายน 2021 เท่านั้น

 

นอกจากโปรโมชันเเจกฟรี AirPods เเล้ว ทางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังมีรางวัลใหญ่เป็นเทุนการศึกษามูลค่ากว่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.3 หมื่นบาท) พร้อมการชิงโชครับ ‘iPad+หูฟังโดยสุ่มหาผู้ชนะรางวัล iPad 8 คนต่อสัปดาห์ และผู้ได้ทุนการศึกษา 2 คนต่อสัปดาห์ เริ่มตั้งเเต่ช่วงสิ้นเดือนนี้ 

ปัจจุบัน มีชาวเมืองวอชิงตัน ดี.ซีที่ฉีดวัคซีนโควิดแล้วอย่างน้อย 1 เข็มเเล้ว 64.6% ส่วนคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มมีอยู่ราว 55.1% เเต่ด้วยสถานการณ์การเเพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอีกครั้ง ทำให้รัฐบาลต้องหาทางกระตุ้นให้ประชาชนออกมาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด

โดยตัวเลขจาก CDC ชี้ให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา คิดเป็นสัดส่วนราว 93.4% ของจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของสหรัฐฯ ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

เเม้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ จะอนุมัติให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับวัคซีนของ Pfizer ได้ตั้งเเต่ในเดือนพฤษภาคม เเต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว CNBC รายงานว่า มีเด็กอายุ 12-17 ปี ฉีดวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มไปเพียงเเค่ 30% เท่านั้น

ที่ผ่านมา สหรัฐฯ พยายามออกนโยบายจูงใจให้ประชาชนเเต่ละพื้นที่ออกมาฉีดวัคซีนด้วย ‘ของรางวัล’ ต่างๆ ทั้งการเเจกเบียร์พิซซ่าตั๋วรถไฟ, เเจกปืน รวมถึงกลยุทธ์ ‘vaccine lottery’ ที่รัฐโอไฮโอ สุ่มเเจกเงินรางวัลคนละ 1 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 31 ล้านบาท พร้อมมอบทุนการศึกษาเรียนมหาวิทยาลัย 4 ปีเต็มให้เยาวชน เเละนิวยอร์ก’ ประกาศแจกเงินคนละ 100 เหรียญ (ราว 3,300 บาท)

ส่วนรัฐบาลอังกฤษ ก็มีการเสนอเเจกส่วนลดค่าอาหาร ฟู้ดเดลิเวอรี่ค่าเเท็กซี่ เพื่อจูงใจคนรุ่นใหม่วัย 18-29 ปี ให้ออกมา ‘ฉีดวัคซีน’ กันมากขึ้นเช่นกัน โดยมีการร่วมมือกับบริษัทเทคยักษ์ใหญ่อย่าง Uber, Bolt, Deliveroo และ Pizza Pilgrims ฯลฯ

 

ที่มา : businessinsider , 9to5mac

]]> 1345894 Work from Home ดันตลาด ‘หูฟังบลูทูธ’ โต 90% ‘AirPods’ ขึ้นแท่นเบอร์ 1 กินสัดส่วน 50% https://positioningmag.com/1317582 Tue, 02 Feb 2021 08:39:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1317582 ปี 2020 ถือได้ว่าเป็นปีสุดปังของ ‘Apple’ เลยทีเดียว โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายของปีที่ทำรายได้ทะลุ 3.3 ล้านล้านบาทในไตรมาสเดียว เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เติบโตเพิ่มขึ้น 21% โดย ‘iPhone’ สามารถทำยอดขายได้ 81.8 ล้านเครื่อง ขึ้นแท่นสมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุดไตรมาส 4 แต่ไม่ใช่แค่ iPhone ‘Airpods’ ก็ปังเช่นกัน

ข้อมูลใหม่จาก Strategy Analytics ในตลาด ‘หูฟังไร้สาย’ ได้เปิดเผยถึงยอดขายโดยรวมในปี 2020 โดยมียอดขายทั่วโลกกว่า 300 ล้านเครื่อง เติบโตถึง 90% และหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ชุดหูฟัง ‘True Wireless Stereo’ (TWS) ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ AirPods ของ Apple ยังคงเป็นเบอร์ 1 มีส่วนแบ่งเกือบ 50%

“ชุดหูฟัง TWS ผลักดันยอดขายทั่วโลกในกลุ่มหูฟังบลูทูธ ขณะที่การแพร่ระบาดทำให้การผลิตสินค้าชะลอตัวลงในช่วงครึ่งแรกของปี แต่ยอดขายกลับฟื้นตัวอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง การทำงานจากที่บ้านเป็นปัจจัยสำคัญที่ดันตลาดหูฟังบลูทูธ” Ken Hyers ผู้อำนวยการฝ่าย Strategy Analytics ให้ความเห็น

อย่างไรก็ตาม AirPods ที่ยังคงครองตลาดอยู่อย่างแข็งแรงกลับต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เพราะปัจจุบันมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น แถมส่วนใหญ่มาในราคาที่ ‘ต่ำกว่า’ AirPods และที่น่าสังเกตคือ Apple เพิ่งขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ AirPods ให้ดียิ่งขึ้นด้วยการเปิดตัว AirPods Max แม้ว่าจะเป็นสินค้ารระดับ Top สุด แต่ก็น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ Apple สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น

“Apple ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่ม TWS ในปี 2020 แต่ส่วนแบ่งกำลังลดลงเมื่อการแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้น คาดว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงจาก Xiaomi, Samsung และ Huawei ในปี 2021 ตลาดหูฟัง TWS เริ่มมีผู้เล่นหนาแน่นแล้ว”

สำหรับแนวโน้มในอนาคตของหูฟังบลูทูธ Strategy Analytics เชื่อว่ามีช่องว่างสำหรับการเติบโตอีกมาก เพราะปัจจุบันมีคนประมาณ 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่มีหูฟังบลูทูธ

“การวิจัยของเราแสดงให้เห็นว่าฐานลูกค้าที่มีหูฟังบลูทูธยังอยู่ในระดับต่ำ โดยทั่วโลกมีคนน้อยกว่า 1 ใน 10 คนที่เป็นเจ้าของหูฟังบลูทูธ ดังนั้นจึงยังมีช่องว่างสำคัญสำหรับการเติบโต และเราเริ่มเห็นแบรนด์สมาร์ทโฟนผู้ไม่ได้แถมหูฟังแบบมีสายเข้ากับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อีกต่อไป เราจึงเห็นศักยภาพสูงสำหรับชุดหูฟังบลูทูธ” Ville-Petteri Ukonaho รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์กล่าว

Source

]]>
1317582
“หูฟัง” ขายดีถล่มทลาย Work from Home ดันยอดโต 124% ในปีเดียว https://positioningmag.com/1314327 Thu, 14 Jan 2021 12:03:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1314327 “การ์ทเนอร์” เปิดมูลค่าตลาดอุปกรณ์สำหรับสวมใส่ไฮเทคในปี 2563 ทั่วโลก พบเติบโตขึ้น 49.4% โดยแรงผลักดันการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดคืออุปกรณ์ “หูฟัง” ซึ่งมียอดขายทะยานถึง 124% ผลจากการหาซื้อหูฟังที่ดีขึ้นไว้ใช้เรียนหรือทำงาน Work from Home ด้านข้อมูล IDC เห็นชัดว่า AirPods จาก Apple ได้อานิสงส์จากกระแสนี้ไปเต็มๆ

การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยและที่ปรึกษา เปิดเผยมูลค่าการใช้จ่ายไปกับ “อุปกรณ์สำหรับสวมใส่ไฮเทค” ปี 2563 ทั่วโลก โดยรวมมูลค่าสินค้า 6 ประเภท คือ สมาร์ทวอทช์, สายรัดข้อมือ, หูฟัง, จอแสดงผลสวมศีรษะ, เสื้อผ้าอัจฉริยะ และ สมาร์ทแพทช์ พบว่า ปีที่แล้วมียอดขายรวมกันกว่า 68,985 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตขึ้นถึง 49.4% จากปี 2562

ตัวเลขของการ์ทเนอร์จะเห็นได้ว่า กลุ่มสินค้าที่ผลักดันการเติบโตคือ “หูฟัง” ซึ่งมียอดขายรวม 32,724 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 124% เทียบกับปีก่อนหน้า โดยการเติบโตอย่างมหาศาลนี้ถูกระบุว่า เป็นเพราะพนักงานซึ่งทำงานจากบ้าน (Work from Home) ต้องซื้อหูฟังที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นในการประชุมออนไลน์ และผู้บริโภคทั่วไปเมื่ออยู่บ้านร่วมกับครอบครัวก็สนใจซื้อหูฟังมาใช้กับสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นด้วย

หูฟัง ประชุม
Work from Home ทำให้ผู้บริโภคจำเป็นต้องหา “หูฟัง” มาใช้งานในการประชุมออนไลน์สูงขึ้น

การเติบโตของยอดขายหูฟังทะลุทะลวงมากจนคิดเป็นสัดส่วน 47.4% และเป็นสินค้าอันดับ 1 ในกลุ่มอุปกรณ์สวมใส่ไฮเทค สลับกับปี 2562 ที่สินค้าอันดับ 1 ของกลุ่มนี้ยังเป็น “สมาร์ทวอทช์”

นอกจากแรงส่งจากโรคระบาดที่เปลี่ยนวิถีชีวิตแล้ว ก่อนหน้านี้ในปี 2562 บริษัทวิจัย International Data Corporation (IDC) ก็เคยคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า “หูฟัง” จะเป็นสมรภูมิใหม่ของกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์สวมใส่ไฮเทค เพราะเมื่อค่ายโทรศัพท์มือถือผลิตรุ่นที่ไม่มีช่องเสียบหูฟังกันมากขึ้นเรื่อยๆ การผลิตหูฟังไฮเทคมาชิงตลาดก็ยิ่งดุเดือด

 

Apple ผู้นำแห่งตลาดอุปกรณ์สวมใส่ไฮเทค

สำหรับแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาด ข้อมูลจาก IDC เมื่อไตรมาส 2 ปี 2563 ระบุว่า ไตรมาสดังกล่าว Apple คือผู้เล่นที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงที่สุด รวมทุกอุปกรณ์สวมใส่ไฮเทค โดย “แบรนด์ 5 อันดับแรกที่ขายดีที่สุดประจำไตรมาส” มีดังนี้

  1. Apple ยอดขาย 29.4 ล้านชิ้น มาร์เก็ตแชร์ 34.2%
  2. Huawei ยอดขาย 10.9 ล้านชิ้น มาร์เก็ตแชร์ 12.6%
  3. Xiaomi ยอดขาย 10.1 ล้านชิ้น มาร์เก็ตแชร์ 11.8%
  4. Samsung ยอดขาย 7.1 ล้านชิ้น มาร์เก็ตแชร์ 8.3%
  5. Fitbit ยอดขาย 2.5 ล้านชิ้น มาร์เก็ตแชร์ 2.9%

แน่นอนว่าสินค้าชูโรงของ Apple ย่อมเป็น AirPods และ Apple Watch นั่นเอง แต่จากอัตราการเติบโตของหูฟังทั้งตลาดในปีที่แล้ว เราคงจะพูดได้ว่าเป็น AirPods และหูฟัง Beats ที่ได้แรงหนุนมหาศาล

 

สมาร์ทวอทช์-สมาร์ทแพทช์ ขายดีขึ้น คนใส่ใจสุขภาพ

ตัวเลขของการ์ทเนอร์มีจุดน่าสนใจอีกหนึ่งอย่างคือ “สมาร์ทวอทช์” และ “สายรัดข้อมือ” สินค้าที่ใช้ติดตามมอนิเตอร์สุขภาพ นับก้าวการเดิน การเต้นของหัวใจ ฯลฯ สองประเภทนี้รวมกันมีมูลค่าตลาด 26,745 ล้านเหรียญสหรัฐ และเติบโตราว 17% จากปี 2562 การ์ทเนอร์ระบุว่า การเติบโตนี้เกิดจากความสนใจสุขภาพที่มากขึ้นของผู้บริโภค

ตัวอย่างสมาร์ทแพทช์จากบริษัท Epicore Biosystems พัฒนาขึ้นเพื่อวัดปริมาณเหงื่อในนักกีฬา (Photo : Dailymail UK)

นอกจากกลุ่มสมาร์ทวอทช์แล้ว ปีที่แล้วการ์ทเนอร์ยังเพิ่มหมวดสินค้าใหม่คือ “สมาร์ทแพทช์” หรือ แผ่นแปะอัจฉริยะ เข้ามาด้วย โดยสินค้าตัวนี้เป็นเซ็นเซอร์เช็กสุขภาพในด้านต่างๆ นำมาติดบนผิวหนังโดยตรง ทำให้ตรวจวัดได้แม่นกว่าอุปกรณ์สวมใส่อื่นๆ สมาร์ทแพทช์สามารถเช็กได้ทั้งอุณหภูมิร่างกาย การเต้นของหัวใจ น้ำตาลในเลือด ฯลฯ และสามารถสั่งการระยะไกลเพื่อให้ยาอัตโนมัติแก่ผู้ป่วยได้ด้วย เช่น ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับอินซูลินได้ทันที

การ์ทเนอร์รายงานว่า สมาร์ทแพทช์มีการคิดค้นขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่นำมาใช้ได้ช้าเพราะติดข้อกำหนดกฎระเบียบด้านการแพทย์ และพบการต่อต้านของผู้ป่วยด้วย แต่เชื่อว่าหลังจากนี้การให้บริการด้านสุขภาพอัตโนมัติจะเป็นที่คุ้นเคยขึ้น และทำให้สมาร์ทแพทช์เป็นที่ต้องการสูงขึ้น

 

ปี 2564 ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ไฮเทคยังโตต่อ

สำหรับปี 2564 การ์ทเนอร์ประเมินว่าตลาดอุปกรณ์สวมใส่ไฮเทคจะยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเดิมคือ การทำงานระยะไกลกับการรักษาสุขภาพ และคาดว่าจะทำให้ตลาดเติบโตขึ้น 18.1% เป็นมูลค่า 81,500 ล้านเหรียญสหรัฐ

“หูฟัง” ก็ยังเป็นสินค้าขายดีต่อเนื่องแม้จะชะลอความร้อนแรง โดยคาดว่าจะมียอดขาย 39,220 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือโตขึ้น 20% รวมถึงกลุ่ม “สมาร์ทวอทช์-สายรัดข้อมือ” คาดว่ามียอดขายรวมกัน 30,733 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือโตขึ้นราว 15% ขณะที่กลุ่ม “สมาร์ทแพทช์” ที่เป็นสินค้ากลุ่มใหม่มาแรง คาดว่าจะมียอดขาย 5,963 ล้านเหรียญ หรือโตขึ้นราว 27%

น่าสนใจว่าการแข่งขันของปีนี้จะเป็นอย่างไรต่อ เพราะ IDC เคยระบุไว้ตั้งแต่ปี 2562 ว่ากลุ่มหูฟังนั้นเป็นสมรภูมิ นอกจากผู้เล่นหลักที่เอ่ยชื่อไปข้างต้น จะมีทั้งผู้เล่นหน้าเก่าที่ผลิตหูฟังพรีเมียมอย่าง Sony, Bose, Jabra หรือผู้เล่นใหม่ที่มาจากค่ายเทคฯ อื่นๆ เช่น Amazon, Android, Microsoft, Google ก็กระโดดมาร่วมวงผลิตหูฟังด้วย

Source: Gartner, BusinessWire, ZD.net

]]>
1314327
ยอดขาย ‘iPhone’ ไตรมาส 4 หด 21% เหตุสาวกเบรกรอ ‘iPhone 12’ https://positioningmag.com/1303809 Fri, 30 Oct 2020 07:08:12 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303809 ‘Apple’ บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ปีงบประมาณ 2020 (ก.ค. – ก.ย.) โดยมีรายได้ 6.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 1% เท่านั้น โดยยอดขาย ‘iPhone’ หดตัวลงถึง 21%

สำหรับผลประกอบการจำนวน 6.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐนั้น ประกอบด้วย

‘iPhone’ : 2.64 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง -21%

‘iPad’ : 6.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 46%

‘Mac’ : 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 28%

‘Wearables’ เช่น AirPods, Apple Watch : 7.88 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 21%

‘Service’ เช่น Apple Music, iCloud, App Store : 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 16.3%

จะเห็นว่า iPad, Mac และสินค้า Wearables ของ Apple เติบโตได้อย่างดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ Work และ Learn from Home ส่วน iPhone ที่เป็นรายได้หลักของ Apple นั้นมียอดลดลงถึง 21% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้บริโภครอซื้อ ‘iPhone 12’ ที่วางจำหน่ายในเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ‘จีน’ ซึ่งเป็นประเทศที่สำคัญของ Apple ก็กลายเป็นจุดอ่อน เนื่องจากยอดขายในไตรมาสนี้ลดลงถึง 28% เหลือเพียง 7.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ

“รายได้ในประเทศจีนที่มากขึ้นนั้นมาจาก iPhone รุ่นใหม่ ๆ ดังนั้น ในไตรมาส 1 เรามั่นใจว่าตลาดจีนจะกลับมาเติบโตได้ในไตรมาสที่ 1” Tim Cook กล่าว

อย่างไรก็ตาม Apple ยังไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการกลับมาระบาดอีกครั้งของ COVID-19

Source

]]>
1303809
วิเคราะห์ เมื่อ ‘iPhone 12’ ไม่แถมปลั๊กและหูฟัง ‘Apple’ จะทำรายได้จากอุปกรณ์เสริมเพิ่มขึ้นแค่ไหน https://positioningmag.com/1303042 Mon, 26 Oct 2020 10:16:36 +0000 https://positioningmag.com/?p=1303042 หลายคนคงจะรู้แล้วว่า ‘iPhone 12’ ของ ‘Apple’ นั้นรองรับ ‘5G’ แต่! จะไม่แถมหูฟังและอะแดปเตอร์ชาร์จเพื่อลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ ถึงกระนั้น Migh-Chi Kuo นักวิเคราะห์ด้านผลิตภัณฑ์ Apple ชื่อดัง ยังมั่นใจว่า iPhone 12 จะขายดีกว่า iPhone 11 ถึง 2 เท่า

แน่นอนว่าตัวเลขทั้งหมดเป็นแค่การคาดการณ์ แต่ไม่ว่า iPhone 12 จะขายดีขึ้นถึง 2 เท่าหรือไม่ แต่ผลิตภัณฑ์ที่จะเติบโตได้แน่นอนก็คือ หูฟังและอะแดปเตอร์ชาร์จ โดย นักวิเคราะห์ของธนาคารดอยซ์แบงก์ มองว่า ลูกค้าที่ซื้อ iPhone 12 เครื่องใหม่ มีแนวโน้มที่จะซื้อหูฟังและอะแดปเตอร์ชาร์จเพิ่มเติม ซึ่งอะแดปเตอร์ชาร์จราคาอยู่ที่ 19 ดอลลาร์สหรัฐ (600 บาท) ส่วนหูฟัง AirPods ราคาเริ่มต้น 159 ดอลลาร์สหรัฐ (5,000 บาท)

ที่ผ่านมา สินค้าในหมวดหมู่อุปกรณ์เสริม เช่น หูฟัง (AirPods), สมาร์ทวอชท์ (Apple Watch) และ อะแดปเตอร์ชาร์จ ได้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ สินค้าในกลุ่มอุปกรณ์เสริมมียอดขาย 6.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตถึง 17% นอกจากนี้ รายได้จากฝั่งบริการ เช่น การสตรีมเพลงและพื้นที่เก็บข้อมูล iCloud ยังเติบโตประมาณ 15% โดยอยู่ที่ 13.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์คาดว่าไม่ไช่แค่หูฟังและอะแดปเตอร์ชาร์จที่ขายดี แต่ ‘HomePod Mini’ ลำโพงรุ่นใหม่ราคา 99 ดอลลาร์สหรัฐ (3,100 บาท) ซึ่งจะวางจำหน่ายในเดือนหน้าและ Apple Watch มีราคาถูกกว่าที่เคยเริ่มต้นที่ 199 ดอลลาร์สหรัฐ (6,100 บาท) ก็จะเป็นอีก 2 โปรดักต์ที่น่าจะได้รับความสนใจ

“บางที Apple อาจจริงใจเมื่อกล่าวว่าการถอดอุปกรณ์เสริมมาตรฐานออกจากกล่อง iPhone นั้นดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเมื่อคุณจัดส่ง iPhone หลายสิบล้านเครื่องต่อไตรมาสโดยใช้บรรจุภัณฑ์และพลาสติกน้อยลง แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่นั่นก็มีส่วนผลักดันให้ลูกค้า iPhone ซื้ออุปกรณ์เสริมที่มีอัตรากำไรสูงจาก Apple มากขึ้น และทำให้รายได้เติบโตขึ้น”

เมื่อมองไปไกลกว่ายอดขายในระยะใกล้ของ iPhone 12 ‘MagSafe’ ระบบการชาร์จแม่เหล็กแบบใหม่ของ Apple กำลังเป็นส่วนที่ช่วยวางรากฐานสำคัญในการไปสู่เป้าหมายสูงสุดของ Apple ซึ่งก็คือการ ถอดพอร์ตการชาร์จใน iPhone ออก เช่นเดียวกับที่ทำกับแจ็กหูฟังมาตรฐาน ซึ่งจะทำให้เจ้าของ iPhone ซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมสำหรับอุปกรณ์ของพวกเขา

ทั้งนี้ วันนี้ 26 ตุลาคม 2563 ถือเป็นวันแรกที่เปิดจำหน่าย IPhone 12 ในกลุ่มประเทศแรก อาทิ จีน, สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา ส่วนไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่ 2 ยังไม่มีการประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ หรืออย่างช้าต้นเดือนธันวาคม

MagSafe

Source

]]>
1303042
AirPods, Nike และ Louis Vuitton ขึ้นแท่น Top 3 ของขวัญคริสต์มาสในดวงใจวัยรุ่น https://positioningmag.com/1254189 Tue, 19 Nov 2019 18:52:23 +0000 https://positioningmag.com/?p=1254189 แบรนด์อื่นไม่เข้าตา เพราะคริสต์มาสปีนี้วัยรุ่นอเมริกันอยากได้สินค้าจาก Apple, Nike และ Louis Vuitton เป็นของขวัญมากที่สุด ขณะที่แบรนด์อย่างบริษัทเกม Activision Blizzard และแบรนด์รองเท้า Crocs รั้งตำแหน่งที่เหลือในตาราง Top 5 ของขวัญคริสต์มาสในดวงใจวัยรุ่นปี 2019

นอกจากชาร์ต Top 5 ยังมีดาวรุ่งในซีซั่นนี้อย่างสินค้าเครื่องใช้สุดชิคจากยักษ์ใหญ่ค้าปลีก Lowe’s, แบรนด์หมวกและบูตสไตล์คาวบอย Boot Barn และแก้วกระติกเก็บความเย็น YETI ล้วนฉายแววฮอตในสังคมอเมริกันจนนักวิเคราะห์จับตามองเป็นพิเศษ

การวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า Amazon จะได้รับอานิสงส์ยิ่งใหญ่ที่สุด เหนือกว่าห้างสรรพสินค้า เนื่องจากผู้บริโภคยอมรับว่าตั้งใจช้อปของขวัญผ่านออนไลน์มากกว่า 46%

นั่งในดวงใจ

การสำรวจจากบริษัทวิจัย Piper Jaffray ตอกย้ำว่า Apple, Nike และ Louis Vuitton คือ 3 แบรนด์ที่มีอิทธิพลกับวัยรุ่นอเมริกันมากที่สุดในนาทีนี้ จากการสำรวจผู้บริโภคในสหรัฐฯมากกว่า 1,000 คนที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี โดยเน้นกลุ่มวัยรุ่นที่มีรายได้สูง Piper Jaffray พบว่า Apple เป็นคอนซูเมอร์แบรนด์อันดับต้น ที่วัยรุ่นคิดถึง โดย AirPods เป็นสินค้าที่อยากได้มากที่สุด

ถัดจากหูฟังไร้สาย Nike เป็นแบรนด์ที่ถูกกล่าวถึงมากเป็นอันดับ 2 ความเป็นรองนี้ไม่ธรรมดา เพราะ Nike มีจำนวนการถูกกล่าวถึงมากกว่า 3 เท่าจากการสำรวจในปีที่แล้ว (2018)

แทนที่จะเป็นแบรนด์หรูในบ้านเกิด แม่ใหญ่ฝั่งยุโรปอย่าง Louis Vuitton กลับพลิกโผเป็นแชมป์ของขวัญอันดับ 3 ที่วัยรุ่นแดนลุงเซมอยากได้มาครองมากที่สุด ส่งให้มูลค่าหุ้นของทั้ง 3 แบ์เพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเพราะนักลงทุนมั่นใจมากขึ้น

Piper Jaffray มองว่าเทรนด์ที่ออกมาสะท้อนว่าเทศกาลช้อปปิ้งวันหยุดปีนี้ยังมีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะสินค้าในร้านค้าปลีกพิเศษที่มีแนวโน้มได้รับความสนใจมากขึ้นเช่น Lowe’s รวมถึงอีกหลายแบรนด์ดาวรุ่ง

เกมมาแรง

การที่แบรนด์ Activision Blizzard ติดชาร์ต Top 5 ของขวัญในดวงใจ สะท้อนชัดถึงความแข็งแกร่งในวิดีโอเกมดังอย่าง Call of Duty ซึ่งมาแรงกว่าเกม Fortnite ที่พบว่าตลาดไม่ขยายตัวเท่าที่ควร

นอกจากนี้ แบรนด์อย่าง Crocs, Boot Barn และ YETI ยังถูกวิเคราะห์ว่าได้สิทธิเข้าไปนั่งในดวงใจของวัยรุ่นเพราะการไม่อยู่นิ่งของแบรนด์ ส่วนใหญ่มีการประกาศความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญคือการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ จนสามารถเพิ่มยอดขายและยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์ได้ในที่สุด.

Source

]]>
1254189
จับพิรุธ Apple โชว์ผลประกอบการรายได้พุ่ง แท้จริงทำเงินสาวกเดิม ไม่ได้ลูกค้าใหม่ https://positioningmag.com/1155584 Sun, 04 Feb 2018 04:59:46 +0000 https://positioningmag.com/?p=1155584 สิ่งที่ทิม คุก ซีอีโอ Apple ควรกังวล คือ Apple กำลังทำมาหากินได้เฉพาะกับกลุ่มลูกค้าผู้ภักดี ?

2 กุมภาพันธ์ 2018 แอปเปิล (Apple) ประกาศผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่สิ้นสุด 30 ธันวาคม 2017 แทนที่จะเปิดเผยตัวเลขยอดขายสินค้าแบบแยกประเภทเช่นทุกปี Apple หันมาชูผลงานหลักว่าจำนวนอุปกรณ์ที่กำลังถูกใช้งานทั่วโลกขณะนี้ เพิ่มขึ้นเป็น “1.3 พันล้านเครื่อง” แทน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักวิเคราะห์ช่วยกันจับพิรุธว่ายังมีสิ่งใดที่ Apple กำลังพยายามเลี่ยงไม่พูด ซึ่ง 1 ในความจริงที่พบคือ “ยอดขายสินค้าให้สาวก” นั้นทำเงินให้ Apple ได้มากกว่ายอดขายไอโฟนรุ่นใหม่

Apple นั้นประกาศรายได้ประจำไตรมาสที่ 8.83 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและเป็นสถิติใหม่ พร้อมรายได้สุทธิประจำไตรมาส 3.89 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 16% นับเป็นสถิติใหม่เช่นกัน

ยอดขายในต่างประเทศถือเป็น 65% ของรายได้ประจำไตรมาส ทั้งหมดนี้ ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Apple กล่าวว่ารู้สึกยินดีที่จะรายงานผลประกอบการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple 

“ด้วยการเติบโตในทุกด้าน รวมถึงรายได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมาจากผลิตภัณฑ์ iPhone ใหม่ iPhone X ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายและเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดทุกสัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน”

ทิมคุกระบุว่า Apple ยังประสบความสำเร็จกับก้าวสำคัญด้วยจำนวนอุปกรณ์ที่กำลังถูกใช้งานแตะ 1.3 พันล้านเครื่องในเดือนมกราคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% ในเวลาเพียง 2 ปี

“เป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิยมในผลิตภัณฑ์ของเรา ความภักดีและความพึงพอใจในการใช้งานของลูกค้า” โดยทิม คุกขอบคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยให้ Apple สร้างสถิติใหม่ของผลกำไรประจำไตรมาส ด้วยรายได้ต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% กระแสเงินสดอีก 28.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และได้จ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่นักลงทุน 14.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ไอโฟนมียอดขายคงที่ราบเรียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

สิ่งที่ Apple พูดนั้นสวยหรู แต่นักวิเคราะห์มองว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นนี้ไม่ได้มาจากจำนวนยอดขายเครื่องที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไอโฟนที่มียอดขายคงที่ราบเรียบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่มาจากการขายสินค้าให้กับผู้ใช้ไอโฟน และอุปกรณ์ Apple ทั้งไอแพด และคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ซึ่งกำลังจะทำเงินให้ Apple มากกว่าการจำหน่ายไอโฟนเครื่องใหม่

สัญญาณที่เห็นได้ชัดว่า Apple กำลังทำมาหากินได้เฉพาะกับกลุ่มสาวกตัวเอง คือยอดขายสินค้ากลุ่มอุปกรณ์เสริมที่สามารถสวมใส่ได้หรือ “wearable” ทั้งหูฟัง Beats, AirPods และนาฬิกา Apple Watch ล้วนขยับตัวเพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 

อย่างไรก็ตาม รายได้จากกลุ่มบริการซึ่งรวม Apple Music, iCloud และ App Store นั้นต่ำกว่าการคาดการณ์ แม้จะยังมีมูลค่าสูงถึง 8.4 พันล้านเหรียญ แต่ก็เป็นตัวเลขที่ลดถอยลงจากไตรมาสก่อนหน้า

สำหรับไตรมาสปัจจุบัน Apple ประเมินว่าจะทำรายได้ระหว่าง 6.0-6.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ กำไรขั้นต้นอยู่ระหว่าง 38-38.5%.

ที่มา : mgronline.com/cyberbiz/detail/9610000011324

]]>
1155584