หลังจากสืบสวนสอบสวนมูลความผิดว่าอาจมีการคอร์รัปชันด้านเม็ดเงินโฆษณาและการวางแผนจัดงาน “โอลิมปิกและพาราลิมปิก 2020” หรือ “Tokyo 2020” มานานหลายเดือน ในที่สุดคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าของญี่ปุ่น (FTC) ประกาศในวันนี้ว่า FTC ได้ยื่นฟ้องร้องบริษัทนิติบุคคลรวม 6 แห่ง และบุคคลธรรมดาอีก 7 ราย ในข้อหาฮั้วการประมูล
สำนักข่าว BBC รายงานว่า รายใหญ่ที่สุดที่ถูกยื่นฟ้องครั้งนี้คือ “Dentsu” ซึ่งถือเป็นเบอร์ 1 วงการโฆษณาของญี่ปุ่น ส่วนบริษัทโฆษณาอื่นๆ ที่มีรายชื่อ ได้แก่ Hakuhodo DY Holdings, Tokyo Agency, Fuji Creative Corporation, Cerespo และ Same Two
“เราลงความเห็นว่าพฤติกรรมนี้เป็นกรณีร้ายแรงซึ่งจะมีผลกระทบเป็นวงกว้างต่อชีวิตของผู้คน” Goh Okumura เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนของ FTC กล่าว
ขณะนี้บริษัททุกแห่งยังไม่ให้ความเห็นใดๆ ต่อ BBC
จากการสืบสวนที่ผ่านมา ทำให้บางบริษัทได้รับผลกระทบล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ได้แก่ Dentsu, Cerespo และ Fuji Creative ทั้งหมดถูกแบนไม่ให้ร่วมการประมูลงานภาครัฐใน 3 กระทรวง คือ กระทรวงการศึกษา, กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงอุตสาหกรรม คำสั่งแบนจะมีผลยาวนาน 9 เดือน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการญี่ปุ่นตรวจพบการคอร์รัปชันจากการจัดอีเวนต์ Tokyo 2020 เมื่อปีที่แล้ว “Haruyuki Takahashi” อดีตสมาชิกคณะกรรมการการจัดงานแข่งขันโอลิมปิก 2020 และเคยเป็นผู้บริหารใน Dentsu ก็ถูกจับในคดีต้องสงสัยว่ารับสินบนจากผู้สนับสนุนการแข่งขันโอลิมปิก
Takahashi ถูกกล่าวหาว่ารับเงินสินบนจำนวน 380,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 13.44 ล้านบาท) จากบริษัทห้องเสื้อสูทรายหนึ่งชื่อ Aoki Holdings เพื่อที่ Aoki จะได้เป็นพาร์ทเนอร์หลักในงาน Tokyo 2020 อย่างไรก็ตาม Takahashi ปฏิเสธข้อกล่าวหา
ทางการญี่ปุ่นยังแจ้งด้วยว่าคดีนี้ทำให้อดีตประธานคณะกรรมการและผู้บริหารอีก 2 รายของ Aoki Holdings ถูกจับไปด้วยในคดีที่เชื่อมโยงกัน
]]>Dentsu Group มีแผนจะรวมธุรกิจในต่างประเทศกว่า 160 แบรนด์เข้าไปใน 6 แบรนด์ใหญ่ระดับโลกให้ได้ภายใน 2 ปีนี้ เเละหวังว่าการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทในปีหน้าได้ราว 530 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.59 หมื่นล้านบาท)
ขณะเดียวกัน เเผนการปลดพนักงาน 6,000 คนดังกล่าว คิดเป็น 12.5% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งจะทยอยปรับลดพนักงงานไปจนถึงสิ้นปี 2021 เเต่มาตรการทั้งสองก็อาจจะทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายถึง 820 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.4 หมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว
ปัจจุบัน Dentsu มีพนักงานที่ทำงานอยู่นอกประเทศญี่ปุ่นราว 4.7 หมื่นคน โดยการปรับลดพนักงานนั้นอาจแตกต่างกันตามนโยบายของแต่ละประเทศ เช่น ในญี่ปุ่นมีการเปิดโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดโดยสมัครใจ สำหรับพนักงานที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เเละกำลังพิจารณามาตรการลดค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นเพิ่มเติม ซึ่งจะประกาศเร็วๆ นี้
การเเพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เเบรนด์ต่างๆ หันมาตัดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เเละเมื่อสถานการณ์ในญี่ปุ่นกลับมารุนเเรงอีกครั้งก็ยิ่งทำให้อุตสาหกรรมโฆษณาทรุดลงไปอีก
Dentsu Group คาดว่า รายได้ของบริษัทจะลดลง 11% ในปีนี้ อยู่ที่ 928,700 ล้านเยน (ราว 2.6 เเสนล้านบาท) และคาดว่าจะขาดทุนจากการดำเนินงาน 11,400 ล้านเยนในปีนี้ (เทียบกับยอดขาดทุน 3.3 พันล้านเยนในปีที่แล้ว)
โดยก่อนที่จะเกิดโรคระบาด Dentsu ได้รับงานใหญ่เป็นเอเยนซีหลักดูเเลงานมหกรรมโตเกียวโอลิมปิก 2020 เเต่เมื่อต้องเลื่อนจัดงานไปปี 2021 เเละตอนนี้ยังไม่มีความเเน่นอน ทำให้รายได้ก้อนใหญ่ที่บริษัทตั้งเป้าไว้ลดลงไปเช่นกัน
]]>
เมื่อวันศุกร์ที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา นายโชอิจิ นากาโมโตะ รองประธานบริหารอาวุโส พร้อมผู้บริหารรายอื่นๆ ของเดนท์สุ อิงค์ บริษัทโฆษณาชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นออกมาแถลงข่าวที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแสดงความขอโทษกรณีที่บริษัทเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการโฆษณาออนไลน์กับลูกค้าเกินจริง
“เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการการก่อปัญหาดังกล่าวกับลูกค้าโฆษณา บุคคลอื่นๆ รวมถึงผู้ถือหุ้นด้วย” นายนากาโมโตะระบุ
สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เดนท์สุ อิงค์ ประเทศญี่ปุ่น ยอมรับว่าคิดค่าโฆษณา และทำรายงานโฆษณาบนโลกดิจิตอลเกินจริงให้กับลูกค้าโฆษณามากกว่า 100 รายในญี่ปุ่น โดยแถลงการณ์ของเดนท์สุระบุว่าเบื้องต้นตรวจสอบพบการทำธุรกรรมที่ต้องสงสัย 633 กรณี กับลูกค้าผู้ลงโฆษณาจำนวน 111 ราย โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 230 ล้านเยน หรือราว 79 ล้านบาท
แม้จะไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อบริษัทลูกค้า แต่สื่อญี่ปุ่นอย่างสำนักข่าวเกียวโดระบุว่าในบรรดาลูกค้ามีชื่อของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ยักษ์ใหญ่ในแวดวงยานยนต์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร้องเรียนถึงความผิดปกติมาแล้ว สำนักข่าวเกียวโดเผยด้วยว่า โฆษณาที่ถูกคิดค่าโฆษณาเกินจริงนั้นเกิดขึ้นบนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2555 ถึงเดือนสิงหาคม 2559
นายนากาโมโตะออกมายอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากการขาดบุคลากรในฝ่ายโฆษณาทางอินเทอร์เน็ต และทางบริษัทจำเป็นต้องแก้ไขด้วยการเพิ่มจำนวนบุคลากรในฝ่ายดังกล่าวให้มากขึ้น
“เราต้องตั้งหลักกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และแก้ไขด้วยการเพิ่มจำนวนบุคลากรในฝ่ายนี้ เราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการบริหารมากกว่าปัญหาส่วนบุคคล” ผู้บริหารเดนท์สุ อิงค์ญี่ปุ่นเผย
]]>