GOT7 – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Mon, 18 Jan 2021 13:04:50 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 การอำลาของ GOT 7 อาจทำให้ JYP ค่ายเพลงใหญ่เกาหลี เสียส่วนเเบ่งตลาดในต่างประเทศ? https://positioningmag.com/1313771 Tue, 12 Jan 2021 13:39:30 +0000 https://positioningmag.com/?p=1313771 บีบหัวใจเเฟนคลับ K-Pop กับข่าวช็อกในช่วงวันที่ผ่านมา เมื่อ JYP Entertainment ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ยืนยันว่า ‘GOT7’ วงบอยเเบนด์ยอดนิยม จะไม่ต่อสัญญาที่กำลังจะหมดลงในเดือนนี้ หลังประสบความสำเร็จเเละโลดเเล่นในวงการเพลงมานาน 7 ปี

ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของผม นี่ยังไม่ใช่จุดจบ เเต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น พวกเราทั้ง 7 คนจะยังคงเดินหน้านำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของพวกเราให้ทุกคนได้เห็นกันต่อไปอย่างแน่นอน #GOT7FOREVER” มาร์ค หนึ่งในสมาชิก GOT7 โพสต์ข้อความส่งถึงเเฟนๆ โดยทั้ง 7 คนกำลังจะแยกย้ายกันไปเริ่มต้นใหม่ตามเส้นทางของตัวเอง

  • คิมยูคยอม จะย้ายไปทำเพลงกับค่าย AOMG ซึ่งเป็นค่ายของศิลปินชื่อดังอย่าง Jay Park
  • ปาร์คจินยอง จะหันไปโฟกัสงานแสดง โดยมีข่าวว่าจะเซ็นสัญญากับ BH Entertainment ค่ายนักเเสดงใหญ่ของเกาหลีใต้
  • ชเวยองแจ ได้รับคำเชิญจาก Sublime Entertainment ค่ายที่มีศิลปินดังในสังกัดอย่าง ซงคังโฮ
    เรน ฮานิ EXID คิมฮีจอง ฯลฯ 
  • อิมแจบอม ได้รับการติดต่อจากหลายค่าย แต่ยังไม่คอนเฟิร์ม บางข่าวระบุว่าอาจได้รับการติดต่อจาก BH Entertainment
  • แจ็กสัน หวัง มีเเผนจะทำงานทั้งในเกาหลีใต้และจีน โดยมี Team Wang เป็นผู้ดูแล
  • มาร์ค ต้วน จะกลับบ้านเกิดที่สหรัฐฯ และอาจเปิดช่อง YouTube ของตัวเอง รวมไปถึงทำเพลงเองต่อไป
  • แบมแบม กันต์พิมุกต์ มีเเผนจะทำงานทั้งในไทยและเกาหลีใต้ โดยมีข่าวลือว่าอาจจะเซ็นสัญญากับค่าย Makeus Entertainment

การที่ค่ายเพลงต้องเสียศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกไปทั้ง 7 พร้อมๆ กันครั้งนี้ ทำให้หลายคนมองว่า JYP Entertainment ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งใน ‘เจ้าพ่อวงการบันเทิงเกาหลี’ อาจสูญเสียส่วนเเบ่งสำคัญในตลาดต่างประเทศ รวมไปถึงเม็ดเงินมหาศาลที่เคยได้จากฐานเเฟนคลับ ‘นานาชาติ’ 

JYP จะเสียส่วนเเบ่งการตลาดในต่างประเทศอย่างไร ?

ในสมัยก่อนวงการเพลงเกาหลี จะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสามค่ายใหญ่อย่าง SM , JYP เเละ YG หรือที่เรียกกันติดหูว่า “Big 3” ก่อนถูกค่ายเล็กๆ ที่เติบโตเร็วอย่าง Big Hit เเซงหน้า ด้วยอานิสงส์ความสำเร็จของบอยเเบนด์ที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการดนตรีโลกอย่าง BTS

JYP Entertainment ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1997 โดยปาร์คจินยองปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ราว 30,000 ล้านบาท มีศิลปินชื่อดังในสังกัดที่ผ่านมา อย่าง Rain, g.o.d , Wonder Girls, 2PM, TWICE เเละ GOT7 โดยในช่วงต้นปี 2020 เเม้จะประสบวิกฤตโรคระบาด เเต่ค่าย JYP ก็โกยรายได้นำมาเป็นอันดับหนึ่ง

สำหรับ GOT7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2014 ด้วยคาเเร็กเตอร์ที่ชัดเจนของสมาชิกที่มาจากหลายเชื้อชาติ พร้อมเเนวเพลงที่เป็นสากล การเเสดงที่มีศักยภาพเเละมีส่วนร่วมในการทำเพลง ทำให้ชื่อเสียงของวงนี้ติดตลาดได้ไม่ยากนัก

ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา GOT7 มียอดขายอัลบั้มทั้งเวอร์ชั่นเกาหลีเเละญี่ปุ่น รวมกันถึง 4.3 ล้านอัลบั้ม เเละมีหลายอัลบั้มสามารถขายได้เกิน 1-2 เเสนอัลบั้มภายใน 7 วันเเรก โดยในปี 2016 GOT7 มีคอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบเป็นครั้งแรก โดยที่มีชื่อว่า ‘GOT7 1st CONCERT FLY’ จัดเเสดงในหลายประเทศ ก่อนจะมีคอนเสิร์ตระดับโลกตามมาอีกหลายรายการ

อ่านเพิ่มเติม : GOT7 Sales Summary

GOT7 จึงถือเป็นวงข้ามชาติของ JYP Entertainment ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศ ตามบ้านเกิดของศิลปิน พร้อมการสื่อสารด้านภาษาที่หลากหลาย โดยมีฐานเเฟนคลับขนาดใหญ่ในจีน ไทย อาเซียนเเละอเมริกา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเหล่าเเฟนคลับต่างชาติ ก็มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้นตามกระเเส K-Pop ที่ฮอตฮิตไปทั่วโลก ถือว่ามีความสำคัญไม่เเพ้ตลาดในเกาหลี

สำหรับในตลาดไทย GOT7 นับว่าเป็นวงที่ได้รับความนิยมสูงมาก มีฐานเเฟนคลับหลายช่วงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่นวัยเรียน ไม่เพียงแต่ความนิยมใน ‘แบมแบมที่เป็นสมาชิกคนไทยเท่านั้น แต่สมาชิกคนอื่นก็มีโอกาสได้ร่วมงานที่ประเทศไทยบ่อย ๆ ทั้งงานถ่ายแบบโฆษณาและนิตยสาร

รวมไปถึง แฟนมีตติ้งและการจัดคอนเสิร์ตขนาดใหญ่หลายต่อหลายครั้งในไทย โดยล่าสุดเคยมีตารางขึ้นแสดงที่ราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งก็มียอดซื้อบัตรจองเต็มทุกที่นั่ง เเต่ก็ต้องประกาศเลื่อนออกไป เพราะการแพร่ระบาดของ COVID-19

ผลกระทบจากโรคระบาด สะเทือนทั้งอุตสาหกรรมดนตรีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งในวงการเพลงเกาหลีที่มีจุดขายคือ ‘เเฟนเซอร์วิส’ โดยการที่งานคอนเสิร์ตเเละเเฟนมีตติ้ง ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในรายได้ก้อนใหญ่จากเเฟนคลับต่างชาตินั้นได้หดหายไป ก็ส่งผลไม่น้อยกับศิลปินที่มุ่งตีตลาดในต่างประเทศ 

หลังข่าวยืนยันการไม่ต่อสัญญาของ GOT7 ทั้ง 7 คน แฟนๆ ก็ได้ร่วมกันโพสต์ข้อความ ความประทับใจที่มีต่อหนุ่มๆ จนแฮชแท็ก #GOT7FOREVER ขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ทวิตเตอร์ในหลายประเทศ พร้อมแฮชแท็ก
#ลาแล้วเจวายพี ก็ขึ้นติดเทรนด์บนทวิตเตอร์ประเทศไทยในทันที ซึ่งมีความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับประเด็น การดูเเลเเละไม่โปรโมตศิลปินอย่างเต็มที่ของค่าย JYP 
จากเเฟนคลับทั้งในเกาหลีเเละต่างประเทศ 

หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ส่วนเเบ่งการตลาดในจีนเเละไทยของ JYP Entertainment จะหายไปอย่างมากเมื่อขาด GOT7 โดยมีเเฟนคลับจำนวนหนึ่งยืนยืนว่า พวกเขาจะไม่ให้การสนับสนุนค่ายนี้อีกต่อไป บางคนถึงขั้นบอกว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะสั่นสะเทือนตำเเหน่งใน “Big 3” ของ JYP ในวงการเพลงเกาหลีเลยทีเดียว 

 

ต้องดูกันว่าทิศทางของ JYP Entertainment จะเป็นอย่างไรหลังไม่มีวงบอยเเบนด์ดาวรุ่ง พร้อมติดตามผลงานบน ‘เส้นทางใหม่’ ของหนุ่มๆ ทั้ง 7 คนต่อไปด้วยเช่นกัน 

 

ที่มา : Billboard , Meaww , Soompi

 

]]>
1313771
เเฟนคลับส่งพลังโซเชียล 10 ศิลปิน K-pop ที่มีคนพูดถึงบนทวิตเตอร์มากที่สุดปี 2019 https://positioningmag.com/1260562 Wed, 15 Jan 2020 08:30:40 +0000 https://positioningmag.com/?p=1260562 โลกทวิตเตอร์กำลังขับเคลื่อนด้วยพลังเเฟนคลับ ด้วยบทสนทนาเกี่ยวกับ K-pop ครองสถิติใหม่ทั่วโลกกว่า 6.1 พันล้านทวีตในปี 2019 เพิ่มขึ้นถึง 15% จากปี 2018 เเละประเทศไทยก็ครองเเชมป์ทวีตถึงวงการเพลงเกาหลีมากที่สุดในโลก 

โดยเเอคเคาท์ของกลุ่มศิลปินมากความสามารถอย่าง BTS (@bts_twt) ครองตำแหน่ง ‘Golden Tweet’ ที่มีผู้กล่าวถึงบนทวิตเตอร์ถึงมากที่สุดในปีที่ผ่านมา พร้อมสร้างกระเเสที่โด่งดังไปทั่วโลก

วงการ K-pop เริ่มได้รับความนิยมในเกาหลีใต้ตั้งเเต่ 25 ปีที่เเล้ว เเละไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ฮอตฮิตเเบบฉุดไม่อยู่ ไม่เพียงเเต่ในเอเชียเท่านั้นเเต่ยังขยายไปทั่วโลก จากปัจจัยหลายอย่างทั้งสื่อสังคมโซเชียล กระเเสดนตรีป็อป เเละความนิยมของศิลปินทั้งหลาย

เเละนี่คือ 10 ประเทศที่ทวีตเกี่ยวกับ K-pop มากที่สุดในปี 2019 โดยประเทศไทยครองเเชมป์อย่างลอยลำ ตามมาด้วยเจ้าถิ่นอย่างเกาหลีใต้ เเละอินโดนีเซีย สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ ตามลำดับ

ต่อมาเป็น 10 อันดับแอคเคาท์ศิลปิน K-Pop ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดปี 2019 หนุ่มๆ BTS ขวัญใจยังคงครองตำแหน่งแชมป์ตามความคาดหมาย ตามมาด้วย EXO และ GOT7 , MONSTA X, BLACKPINK, Seventeen, แบคฮยอน EXO, NCT 127, TOMORROW x TOGETHER และ แบมแบม GOT7

ส่วน 10 เเอคเคาท์ศิลปิน K-Pop ที่เติบโตเเละมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด ปี 2019 ได้เเก่ 4 สาวจากวง Blackpink ที่มีศิลปินสาวไทย “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” เป็นหนึ่งในสมาชิก ตามมาด้วยการรวมตัวของศิลปินหนุ่มเเห่งค่าย SM อย่าง SuperM เเละกลุ่มศิลปินรุ่นน้องอย่าง TXT, Stray Kids, WayV, Ateez, X1, Itzy, AB6IX และ (G)I-dle

ด้วยพลังเเห่งเทพมักเน่ของ “จองกุก BTS” ที่เต้นเพลง “Bad Guy” ของ Billie Eilish กลายเป็นโพสต์ที่ถูกรีทวีตมากที่สุดในปี 2019 โดยคลิปดังกล่าวได้กลายเป็น “Golden Tweet” ที่มียอดรีทวิตแล้วประมาณ 1.1ล้านทวีต เเละกดชื่นชอบกว่า 2.4 ล้านครั้ง มียอดวิวกว่า 28.4 ล้านครั้ง

ในปี 2019 ทวิตเตอร์มีความพยายามที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์กับเหล่าแฟนคลับ K-pop ซึ่งเป็นฐานผู้ใช้จำนวนมหาศาลโดยพวกเขาได้สร้างสถิติใหม่ด้วยแฮชแท็ก #TwitterBestFandom ซึ่งถูกใช้ทวีตในช่วงที่มีการโหวตรางวัลประจำปี Soompi Awards ครั้งที่ 14 โดยมีผู้ใช้ทวีตไปกว่า 60 ล้านครั้งภายใน 24 ชั่วโมง ขณะที่ SuperM เป็นกลุ่มศิลปินที่การถ่ายทอดสดบน Twitter Blueroom และมีผู้ชมมากที่สุดในปี 2019 โดยมีผู้ชมมากกว่า 2 ล้านคน

เพื่อสร้างสีสันให้เเก่วงการ K-pop ให้เชื่อมกับสังคมออนไลน์มากขึ้นยิ่งไปอีก ทางทวิตเตอร์มีเเผนสร้างคอนเทนต์คุณภาพด้วยการเป็นพันธมิตรกับอีเวนต์ K-Pop ต่าง ๆ เช่น Soompi Awards, KCON และ MAMA พร้อมกับเหล่าศิลปินมากมาย เพื่อช่วยขยายอิทธิพลของวงการนี้ไปทั่วโลกต่อไปด้วย

#KpopTwitter #ThisHappened

]]>
1260562
ทวิตยังไงให้ติดเทรนด์ เรื่องที่แม้แต่ CEO ทวิตเตอร์ยังต้องขอเจอเคป็อปเพื่อฟังจากปาก https://positioningmag.com/1221882 Thu, 28 Mar 2019 02:58:11 +0000 https://positioningmag.com/?p=1221882 เมื่อไม่นานมานี้ Jack Dorsey CEO ทวิตเตอร์เข้าร่วมงานแถลงข่าว TweepTour กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการเดินสายไปตามประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 13 ปีของแพลตฟอร์มโซเชียลชื่อดัง หลังจากที่ได้แชร์เรื่องราวเกี่ยวกับอิทธิพลของโซเชียลมีเดียที่มีต่อสังคม

ในการแวะที่เกาหลี ชื่อของ Jack Dorsey ก็กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มผู้ชื่นชอบเคป็อป เมื่อเขาเลือกไป พบปะพูดคุยกับ GOT 7 บอยแบนด์ดัง ที่สร้างปรากฏการณ์ติดเทรนด์ทวิตอันดับ 1 มาแล้วทั่วโลก

โดย Jack Dorsey ได้กล่าวถึงหัวข้อที่ได้รับความนิยมบนโลกทวิตเตอร์ที่เกี่ยวกับเคป็อบไว้ว่า

“ผมชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเคป็อป และคิดว่าทวิตเตอร์เติบโตขึ้นได้ก็เพราะเคป็อป ซึ่งเลือกใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางสื่อสารให้แฟนๆ สามารถรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบได้รวดเร็วที่สุด”   

นอกจากนี้ยังมีข้อมูลน่าสนใจที่ Jack Dorsey เปิดเผยเกี่ยวกับเคป็อป ที่แสดงให้เห็นความนิยมอย่างมากในทวิตเตอร์ก็คือ

มีข้อความทางทวิตเตอร์ถึง 5.3 พันล้านทวีตที่เกี่ยวข้องกับเคป็อปในปี 2018 ซึ่งตัวเลขนี้มากกว่าจำนวนทวีตของฟีฟ่าเวิลด์คัพในรัสเซียถึง 9 เท่า

ในการนัดเจอกันระหว่างทวิตเตอร์กับ GOT7 ซีอีโอทวิตเตอร์และผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ บิซ สโตน (Biz Stone) ได้พบกับ มาร์ค ต้วน (Mark – Tuan Yi En), ยองแจ (Youngjae), และ แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล (BamBam) วง GOT7 ที่สำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ในกรุงโซล และเป็นสถานที่จัดรายการ “Blue Room Live” รายการของทวิตเตอร์เกาหลีที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2015

รายการ “Blue Room Live” หรือทวิตเตอร์บลูรูม เป็นรายการที่เชิญเหล่าคนดังมาออกอากาศสดในช่วง Q&A โดยในเดือนกันยายน 2018 ทวิตเตอร์เกาหลีเปิดพื้นที่รายการให้หนุ่มๆ GOT7 ทั้ง 7 มาร่วมรายการ “Blue Room Live” ในช่วงโปรโมตอัลบั้ม “Present: YOU & ME Edition”

แน่นอนว่า ช่วงเวลาดังกล่าวแฮชแท็ก “GOT7” ติดขึ้นอันดับ 1 เทรนด์ทวิตเตอร์อย่างไม่ต้องสงสัย

ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ การที่ GOT7 เป็นศิลปินเพียงกลุ่มเดียวที่มีโอกาสได้พบซีอีโอทวิตเตอร์ในระหว่างที่เขามาเยือนเกาหลีในครั้งนี้ ซึ่งแบมแบมก็ได้ยิงคำถามตรงกับซีอีโอว่า ทำไมอยากเจอ GOT7 ทั้งที่มีวงอื่นที่ดังกว่าพวกเขา อย่าง BTS และ BLACKPINK

Jack Dorsey ก็ตอบทันทีว่า เพราะพวกเขาชอบทวิตเตอร์แอคเคาต์ของบรรดา GOT7 ไง ซึ่งถ้าไม่ใช่ซีอีโอของแพลตฟอร์มนกสีฟ้า ก็ต้องคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในอาเกเซ่ หรือแฟนคลับ GOT7 ไปแล้ว 

นอกจากถามความเกี่ยวกับวง บางคำถามก็ทำให้รู้ด้วยว่าการพบปะระหว่าง Jack Dorsey และ Biz Stone กับสมาชิกของ GOT7 สามคนนี้ ก็ไม่ต่างจากการที่เจ้าของบริการพบปะลูกค้าผู้ใช้บริการเพื่อถามหา Insight แถมเป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้ประจำ และมีผลต่อการเติบโตของแพลตฟอร์มโดยตรงอีกด้วย

เพราะช่วงที่มีการถามถึงการใช้งานทวิตเตอร์ของเหล่าเคป็อปวงนี้ว่าใช้กันอย่างไร ใช้บ่อยแค่ไหน ทั้งแบมแบม และมาร์ค ต่างก็ตอบเหมือนกันว่า เข้าไปใช้ทุกวัน โดยแบมแบมนั้นจะหาจากแฮชแท็กคำว่า GOT7 และแบมแบม

แล้วเมื่อถามว่าทำไมใช้ทวิตเตอร์ คำตอบที่ได้จาก GOT7 ก็ไม่ต่างจากสิ่งที่คนทั่วไปรู้จักดีว่า ประโยชน์ของทวิตเตอร์คือการเป็นช่องทางที่แฟนๆ สามารถรับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับศิลปินที่พวกเขาชื่นชอบได้รวดเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อกันในหมู่แฟนคลับและกระจายข่าวสาร ทำโปรเจกต์ได้ทันใจกว่าช่องทางอื่น ซึ่งเป็นผลให้ทวิตเตอร์มีอัตราการเติบโตค่อนข้างก้าวกระโดดนั่นเอง ซึ่ง GOT7 ก็เลือกใช้ทวิตเตอร์เพราะเหตุผลเดียวกันนี้เช่นกัน

ขณะที่ ยองแจ สมาชิกชาวเกาหลีที่ร่วมในการพูดคุยครั้งนี้ ก็ยังมีข้อเสนอแนะสำหรับทวิตเตอร์ว่า อยากให้มีการทำห้องไลฟ์ที่ศิลปินสามารถมาพบกับแฟนคลับเพื่อถ่ายทอดสด โดยให้สิทธิ์กับแฟนคลับที่จองเข้ามาก่อน

หลังจบรายการ ทั้งซีอีโอ ผู้ร่วมก่อตั้ง รวมทั้งสมาชิกวง GOT7 ต่างก็แชร์ภาพเซลฟี่ร่วมกันระหว่างทั้ง 5 คน เพื่อขอบคุณกันและกัน และกลายเป็นเทรนด์ในทวิตเตอร์ที่ทำให้ผู้ติดตามฝั่งทวิตเตอร์รู้จักเคป็อปวงนี้มากขึ้น ขณะที่อากาเซ่ ก็ยินดีและชื่นชมกับความสำเร็จของวงโปรดที่ได้รับการยอมรับจากระดับซีอีโอเจ้าของแพลตฟอร์ม   

แถมแฟนๆ ยังแซวกันว่า ซีอีโอของทวิตเตอร์ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นนกสีฟ้าถือ ส่วนบง (อากาบง หรือแท่งไฟ) ของวง GOT7 ก็เป็นรูปนกเหมือนกัน ต่างกันแค่สีฟ้ากับสีเขียวเท่านั้นเอง แถมอากาเซ่ชื่อแฟนคลับของวงก็มีความหมายว่านกน้อยซะด้วย

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับแฟนคลับของ GOT7 นั้นใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางที่ติดต่อกับแฟนๆ อย่างสม่ำเสมอและมักจะเป็นที่ถูกพูดถึงอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ไทยหรือเทรนด์โลก ซึ่งเห็นได้จากปรากฏการณ์ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ในช่วงกิจกรรม Twitter Blueroom session ของ GOT 7 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของทวิตเตอร์เผยว่า มีแฟนคลับจากทั่วโลกให้ความสนใจและทวีตข้อความเข้ามาราว 4 ล้านข้อความ และร่วมชมถ่ายทอดสดกิจกรรมดังกล่าวกว่า 1.5 ล้านวิวภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 

นอกจากนี้ ทวิตเตอร์เผยแฮชแท็กติดอันดับไทยปี 2018 นั้นก็ยังเป็นของ“แบมแบม” หนึ่งในเมมเบอร์ของ GOT7 ที่ถือว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งที่ทรงพลังมากในยุคโซเชี่ยลนี้อีกด้วย.

ที่มา : https://www.soompi.com/article/1312094wpp/twitter-ceo-talks-about-เคป็อปs-effect-on-twitter-and-meets-with-got7s-bambam-youngjae-and-mark

]]>
1221882
ไส้กรอกซีพี ถ้าจะขนาดนี้ ซื้อโฆษณาในสนามบินเลยดีมั้ย!? https://positioningmag.com/1213211 Sun, 10 Feb 2019 23:04:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1213211 เกิดเป็นปรากฏการณ์ส่งท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกครั้ง กับการเดินทางกลับมาประเทศไทยของแบมแบม GOT7 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีภารกิจให้เจ้าตัวทำและตามลุ้นพร้อม กันอย่างละเรื่อง 

เรื่องแรก จากการกลับมาถ่ายทำโฆษณาให้กับไส้กรอกซีพี ซึ่งคาดว่าจะมีกิจกรรมแฟนมีทตามมา รวมทั้งให้ผู้บริโภคบางส่วนเตรียมรับมือกับปรากฏการณ์ไส้กรอกซีพีล้นตลาดกันอีกครั้ง หลังจากปี 2561 ที่ผ่านมา แคมเปญ “CP Sausage Forever ไส้กรอกยังไงก็ต้อง CP” ซึ่งทำโปรโมชั่นพร้อมการจัด Exclusive Fan Meeting ของ BAMBAM GOT7 ทำให้เกิดแม่ค้าไส้กรอกหน้าใหม่เต็มตลาด การเลหลังไส้กรอก รวมไปถึงการบริจาคไส้กรอกจำนวนมาก เพราะบางคนเหมาซื้อไส้กรอกเพื่อให้ได้สิทธิ์ร่วมงานตามกติกาที่แบรนด์กำหนดไว้

ภาพจาก : CHACHA_WORLD

ส่วนเรื่องที่สอง คือการที่จะเจ้าตัวจะได้ลุ้นการขายบัตรแฟนมีทเดี่ยวของตัวเองครั้งแรกในไทย BAMBAM THE FIRST FAN MEETING TOUR “BLACK FEATHER” IN THAILAND ที่จะจัดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ครบทั้ง 4 ภาค ซึ่งสองรอบแรกสำหรับในกรุงเทพฯ นั้นผ่านไปด้วยดี เพราะบัตรทั้งสองวันถูกจองหมดเกลี้ยงภายใน 7 นาทีแรกที่เปิดจองวันแรกในวันที่ 10 กุมภาพันธ์

แถมตบท้ายด้วยแฟนคลับที่คำนวณรายรับจากการขายบัตรสองวันกว่า 5,000 ที่นั่งในราคา 2,500 บาท 3,500 บาท และ 4,900 บาท รวมเป็นรายประมาณ 18.5 ล้านบาท อืม… ต้องยอมรับเลยว่า แฟนคลับเขาละเอียดและติดตามทุกย่างก้าวและทุกๆ เรื่องจริง 

วิธีการเปลี่ยนพื้นที่สนามบินให้เป็นฟรีมีเดียของไส้กรอกซีพี

สำหรับครั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจที่นักการตลาดควรจะเรียนรู้จากความเคลื่อนไหวผ่านไอดอลอย่างแบมแบม ซึ่งถือเป็นไอดอลที่ทรงอิทธิพลด้านการตลาดสูงสุดคนหนึ่งในไทย ตอนนี้ ก็คือ รูปแบบการสร้างฟรีมีเดียของแบรนด์ดังอย่างซีพีแบรนด์ ที่ล้ำลึกและไม่ยอมพลาดโอกาสในการใช้ประโยชน์จากพรีเซ็นเตอร์แม้ช่วงเวลาสั้นๆ 

ภาพจาก_@nareeratt_b

ทุกครั้งที่ศิลปินเกาหลีมาไทย คนที่เฝ้าติดตามมักจะได้เห็นทีมการ์ดที่ใส่เสื้อแจ็กเก็ตสีดำ สกรีนชื่อบริษัทไว้ด้านหลัง กับรถตู้ที่คอยจอดรอรับศิลปิน ซึ่งแฟนคลับทีมสนามบินก็จะต้องคอยจับตาดู 2 อย่างนี้ว่าอยู่ตรงไหนอย่างไร เพื่อจะได้เฝ้าไม่ผิดประตู

ส่วนทีมหน้าจอ อย่างไรก็จะไม่พลาดที่จะได้เห็นแบรนด์เหล่านี้ติดมากับภาพ และวิดีโอ ผ่านโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง จากทีมสนามบิน 

สิ่งที่แฟนคลับเห็นกันทั่ว นอกจากตัวศิลปินที่ทุกคนรอคอย ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในสายตาจากภาพที่ถูกแชร์เหล่านี้ คือฟรีมีเดียที่มีขยายเพิ่มแวลูสำหรับแบรนด์อย่างยิ่ง แล้วซีพีแบรนด์ก็ไม่พลาด เลือกหยิบมาใช้เพิ่มมูลค่าให้เกิดประโยชน์ เพียงแค่เตรียมการบางอย่างเพิ่มเล็ก น้อย 

เริ่มจากการติดป้ายโลโก้ที่ตัวรถตู้ที่มารับ ให้ทีมการ์ดใส่เสื้อสกรีนที่มีทั้งโลโก้แบรนด์พร้อมแฮชแท็กสกรีนไว้ที่ด้านหลัง 

ภาพจาก : @igot7Noknoy
ภาพจาก : @ma_praw

ไม่เพียงเท่านั้น ซีพียังใช้ช่วงเวลานี้จัดทำกิจกรรมเล็ก น้อย กับเหล่าแฟนคลับที่มารอรับที่สนามบิน ด้วยการแจกพัดที่มีโลโก้และแฮชแท็กพร้อม ทำเวลคัมการ์ดมาแจกให้แฟนคลับเขียนข้อความถึงแบมแบม ทั้งยังมีป้ายไวนิลพกมาตั้งไว้ที่สนามบินอีกด้วย 

รูปแบบที่เห็นนี้ แทบไม่ต่างกับการออกบูธจัดอีเวนต์ย่อย เลยใช่ไหมล่ะ ไม่รู้ถ้าทุกแบรนด์ทำแบบนี้ อีกหน่อยสนามบินจะต้องคิดค่าพื้นที่เหมือนอีเวนต์ฮอลล์ที่ใช้จัดงานได้หรือเปล่า

แล้วก็ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าจะมีน้ำใจเอาไส้กรอกมาแจกแฟนคลับด้วยนี่ ก็ครบสูตรการออกอีเวนต์เลย

ภาพจาก_@RosewitchM

สำหรับแฮชแท็กที่ซีพีใช้กับแคมเปญไส้กรอกซีพีที่เลือกใช้แบมแบม เป็นพรีเซ็นเตอร์ต่อในรอบนี้ คือ #ไส้กรอกซีพีXใส่ใจXแบมแบม โดยเพิ่มคำว่าใส่ใจที่ต้องการสื่อถึงแวลูของแบรนด์เพิ่มเข้ามาผ่านแคมเปญนี้ ส่วนกติกาและวิธีร่วมสนุกยังไม่เผยแพร่ออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะเหมือนหรือต่างจากเดิมอย่างไร

แต่ทั้งนี้มั่นใจได้ระดับหนึ่งว่า แวลูของพรีเซ็นเตอร์ที่มีอิทธิพลระดับที่แฟนคลับอยากเจอ คงไม่ต่างจากเดิมที่คงมีทั้งการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายให้โตกระฉูดจากช่วงปกติ แล้วต่อยอดด้วยแฟนมีท ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายน่าจะต้องการไม่ต่างจากเดิม 

โดยแคมเปญของซีพีที่ทำกับแบมแบมก่อนหน้านี้ เกิดจากความนิยมของแบมแบมกับความผูกพันที่มีกับแบรนด์ซีพีมาตั้งแต่สมัยที่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ตอนเป็นเด็กก่อนไปฝึกหัดเป็นศิลปินเกาหลี 

รูปแบบของแคมเปญคือการจัดโปรโมชั่นกับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกซีพีกลุ่มแฟรงค์ ได้แก่ ซีพี ชิกเก้นแฟรงค์ซีพี ชิกเก้นแฟรงค์พริกซีพี ชิกเก้นแฟรงค์พริกไทยดำซีพี พอร์คแฟรงค์ซีพี แฟรงค์เฟอร์เตอร์ไก่ซีพี แฟรงค์เฟิร์ตเตอร์ และ ซีพี แฟรงค์เฟิร์ตค็อกเทล ภายใต้ชื่อแคมเปญ “CP Sausage Forever ไส้กรอกยังไงก็ต้อง CP” 

โดยกำหนดวิธีการ ให้ลูกค้าที่สนใจร่วมลุ้นบัตรโดยส่งใบเสร็จที่ซื้อผลิตภัณฑ์ภายใต้เงื่อนไข จากช่องทางร้านค้าที่ร่วมรายการเพื่อลุ้นแลกสิทธิ์การเข้าร่วมงานได้ 3 ประเภทได้แก่ #สายเปย์! Top Spenders เพื่อนซี้ที่มียอดซื้อสูงสุดประจำสัปดาห์ #สายเหนือ! VIP Passเดินเข้างานได้ทันที จำนวนจำกัด และ #สายดวง! Lucky Draw สุ่มจับรางวัลทุกสัปดาห์ ซึ่งแต่ละสายก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป

กลุ่มที่สร้างปรากฏการณ์และดันยอดขายให้กับซีพีจากแคมเปญครั้งที่แล้ว หนีไม่พ้น #สายเปย์ Top Spenders ซึ่งแม้จะมีเพียง 80 รางวัล แต่การกำหนดช่วงเวลาสั้น เพียง 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน โดยต้องเป็นผู้ซื้อที่มียอดรวม 5,000 บาทขึ้นไปและส่งกี่ใบเสร็จก็ได้ ทำให้เกิดเป็นปรากฏการณ์ไส้กรอกซีพีล้นตลาด โดยเห็นได้ผ่านโซเชียลมีเดียที่มีการประกาศขายไส้กรอกซีพีลดราคา แจก บริจาค หรือเปิดขายไส้กรอกทอดชั่วคราวของแม่ค้าหน้าใหม่กันจำนวนไม่น้อยนั่นเอง 

สำหรับรอบนี้ ไส้กรอกซีพี ซึ่งมีเบสท์แพรคทิสมาแล้วจากแคมเปญครั้งก่อน ก็เชื่อได้ว่า ครั้งนี้ทั้งเป้าหมายยอดขายและการสร้างปรากฏการณ์ก็คงไม่น้อยหน้าครั้งที่ผ่านมาแน่

]]>
1213211
หูยยย แบมแบม GOT7 ยกแขนโบกมือแว็บเดียว ติดทวิตเตอร์เทรนด์เลยจ้า รีแอคชั่นแฟนคลับจากกระแสคู่จิ้น กรณีศึกษา #XCVII จากใต้วงแขนแบมแบม GOT7 https://positioningmag.com/1209577 Tue, 22 Jan 2019 07:28:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1209577 ภาพจาก : @bambammmmm

ความฮอตไม่เข้าใครออกใคร แค่แบมแบม GOT7 ยกแขนโบกมือแว็บเดียว ก็มีแฮชแท็คติดทวิตเตอร์เทรนด์ไปเรียบร้อยช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา ถึงเช้าวันนี้ (22 มกราคมยาวนานร่วม 8 ชั่วโมง และในไม่กี่ชั่วโมงถัดมาก็ยังมี #XCIII ร่วมด้วยและยังคงติด Top 10 ถึงชั่วโมงนี้ (11.00)

ต้นเหตุมาจากที่ตัวเลขโรมันดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเลข 97 มาจากปี 1997 ปีเกิดของ แบมแบม กันต์ภิมุกต์ ภูวกุล ไอดอลชาวไทยสมาชิกวง GOT7 ที่ยกแขนโบกมือลาแฟนคลับที่สนามบินภูเก็ตขณะกำลังกลับจากเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัว 

แค่แว็บเดียวที่แขนเสื้อร่นขึ้นแถมโชว์ตัวอักษรที่สักไว้ไม่เต็มดี ก็ทำให้บรรดาแฟนคลับที่ถ่ายภาพติด ต้องสืบค้น ตามสืบ กันทันที พร้อมกับกระแสความดังของแบมแบมที่ว่า แค่ยกแขนก็ติดเทรนด์

ภาพจาก : @bambammmmm

เอาจริงๆ อย่าว่าแต่อะไรที่สะดุดตาอย่างรอยสักเลย แม้แต่สิวขึ้นเม็ดหนึ่ง รอยแมวข่วน เจาะหูเพิ่ม ทุกอย่างพร้อมจะถูกแฟนคลับส่องและรายงานผ่านโซเชียลในทันทีนั่นแหละ

งานนี้ทำให้เข้าใจเลยว่า ทุกการขยับเขยื้อนของศิลปินดัง หนีไม่พ้นสายตาแฟนคลับที่คอยเฝ้ามองจริง ไม่ใช่แค่ต่อหน้า แต่ต่อให้ไม่เห็นด้วยตา บรรดาแฟนคลับก็พร้อมจะเฝ้าสืบค้นตามหาข้อมูลในสิ่งที่อยากรู้จนได้ 

สำหรับ #XCVII เรื่องเล็กๆ ที่กลายเป็นเทรนด์ในประเทศไทยนี้ เป็นอีกภาพที่สะท้อนให้เห็นภาพ ไอดอลกับโลกธุรกิจ” อีกครั้งว่าไปด้วยกันอย่างไร และโลกโซเชียลมีเดียก็คือตัวส่งที่มีอิทธิพล โดยเฉพาะการสร้างกระแสหล่อเลี้ยงความดังให้ไอดอล แม้ในช่วงที่พักจากงาน

Positioning เคยพูดถึง รีแอคชั่นของแฟนคลับต่อความสัมพันธ์ของไอดอล มาแล้ว หนึ่งในประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ จาก 4 เรื่องหลักที่ถูกแยกไว้ก็คือ เรื่องของ คู่จิ้นในวง หรือ คู่ชิปในวง (อ่านเพิ่มเติม : ไค EXO เดต เจนนี่ BLACKPINK คู่รักต่างค่ายหรือกลยุทธ์ขับเคลื่อนตลาดเคป็อป)

คู่ชิปในวง คือประเด็นที่อธิบายความสัมพันธ์ของ 2 แฮชแท็ก #XCVII และ  #XCIII ที่ติดเทรนด์ไทยได้อย่างดี เพราะแฮชแท็ก 93 ซึ่งมาจากปี 1993 เป็นปีเกิดของ มาร์ค ต้วน พี่ใหญ่ในวง GOT7 ที่เป็นคู่ชิปกับแบมแบม ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาทำให้ #MARKBAM ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง และท็อป มาแล้วหลายรอบ จากการเป็นคู่ชิปที่มีแฟนคลับติดตามจำนวนมาก 

ภาพจาก : GQ

ตัวอย่างเช่น #MARKBAM ติดเทรนด์ท็อป 3 ในช่วงงาน MAMA2018 หรือแม้กระทั่งล่าสุดจากการไปดูมิลานแฟชั่นวีคที่อิตาลี พร้อมถ่ายแฟชั่นเซตสำหรับปก GQ Thailand ที่เลือกทั้งคู่มาถ่ายให้กับแบรนด์ Ermenegildo Zenga แบรนด์เครื่องแต่งกายชายระดับไฮเอ็นด์ของอิตาลี 

กระแสที่เกิดขึ้นนอกจากสร้างความคึกคักและให้โซเชียลมีเดียของนิตยสารจีคิวมียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นจากกลุ่มแฟนคลับแล้ว จากบทสนทนาก็สะท้อนภาพทางธุรกิจที่ชัดเจนอีกด้วยว่า พวกเขารอเตรียมงบเพื่ออุดหนุนสินค้าที่มีคู่จิ้นที่ชื่นชอบไปเกี่ยวข้องด้วยมากน้อยอย่างไร 

คู่จิ้น คู่ชิป ต่อโลกธุรกิจของไอดอล

คำว่าคู่จิ้นชาย ชาย หรือ หญิง หญิงในวง เป็นผลลัพธ์อย่างหนึ่งทางด้านการตลาดที่ต้นสังกัดเป็นคนสร้างขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ใช้จัดงานมีตติ้ง ออกอีเวนต์ร่วมกัน หรือออกสินค้าได้มากขึ้น 

เพราะทำให้แฟนคลับที่คอยลุ้น คอยตามดู จะไม่ซื้อสินค้าแค่เฉพาะไอดอลที่ชอบ หรือ เมนตัวเอง แต่ยังต้องซื้อของคู่ชิปหรือคู่จิ้นตัวเองอีกด้วย (อ่านเพิ่มเติม : พจนานุกรมฉบับติ่ง รู้ไว้ก่อนตกกระแเคป็อป)

ดังนั้นการทำตลาดคู่จิ้น/คู่ชิป จึงเป็นที่นิยมและมีเม็ดเงินจำนวนมหาศาล โดยที่ไอดอลก็มักให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี 

ทั้งนี้ ไอดอลส่วนใหญ่จะมีภาพลักษณ์อย่างหนึ่งที่ค่ายตั้งใจขายเสมือนกับสินค้าชิ้นหนึ่งของแบรนด์ มีมูลค่าที่สูง จับต้องและเข้าถึงยาก ขายตัวตนลงไปในเนื้องานด้วย และบ่อยครั้งเมื่อเวลาแฟนคลับติดตามไปนานๆ ผ่านช่องทางส่วนตัว หรือในรูปแบบผลงาน จะเกิดความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของขึ้นได้ แต่เป็นในลักษณะของเจ้าของที่มีร่วมกันของคนจำนวนมาก แต่เมื่อใดที่มีคนใดคนหนึ่งสามารถเป็นเจ้าของได้ จะทำให้เกิดอาการผิดหวังและเหมือนเสียของรักไปในคราวเดียวกัน.

]]>
1209577
Evangelist Marketing เรื่องต้องรู้ เหตุผลที่ทำให้คนยอมเป็นติ่ง https://positioningmag.com/1207562 Thu, 10 Jan 2019 23:07:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1207562 ภาพประกอบจาก : TrueSeries

ทำไมคนบางกลุ่มถึงทุ่มสุดตัว ยอมเปย์คนที่รวยกว่า รายได้ดีกว่า หรือซื้อบัตรคอนเสิร์ตแพงๆ เพื่อไปเจอตัวจริง ต่อให้เห็นไกลๆ หรือแม้แต่ต้องยอมซื้อบัตรเพื่อเข้าไปจับมือ ขอลายเซ็น ถ่ายรูปคู่ แล้วถ้ามีใครมาว่า ไม่ใช่ว่าสิ่งที่ทำ แต่ว่าคนที่ชอบก็พร้อมจะออกมาปกป้องในทันที

ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย เหมือนกรณีที่เราได้เห็นกลุ่มคนที่รักแบมแบม GOT7 ออกมาปกป้องตอนที่เกิดดราม่าเรื่องการใช้ภาษา หรือแม้แต่กรณีล่าสุดของ ลิซ่า แบล็กพิงค์ ที่คนรักลิซ่าเป็นเดือดเป็นร้อนกันทั่วโลก จนเกิดเป็นกระแส #RespectLisa และอีกหลายๆ กรณี ที่ไม่ใช่แค่ไอดอล แต่รวมถึงแบรนด์ดังทั้งหลาย ไม่เว้นแม้แต่ทีมฟุตบอลทีมโปรดของแฟนบอลที่ต่อให้ตกชั้น เล่นห่วย แพ้ติดๆ กันหลายนัด ก็ห้ามใครมาวิจารณ์เชิงลบให้ระคายหู

การตลาดแบบไหนที่ทำให้ผู้บริโภคธรรมดากลายเป็นผู้บริโภคสายปกป้อง ทุ่มสุดตัว พร้อมปะ ฉะ ดะ เพื่อไอดอลหรือแบรนด์ที่รักได้ขนาดนี้

ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ประธานหลักสูตร Master in Branding and Marketing (MBM) ภาษาอังกฤษ และอาจารย์สอนปริญญาตรี-เอก ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการการยอมรับในฐานะกูรูการตลาดในยุคนี้ เคยพูดถึงเรื่องนี้หลายครั้ง โดยช่วงกลางปี 2561 ที่ผ่านมา ภาควิชาการตลาดฯ ก็ยังได้จัดสัมมนาใหญ่ที่สรุปเทรนด์การตลาดของยุคนี้ออกมา และหนึ่งในนั้นก็คือความสำคัญที่แบรนด์ยุคนี้ หรือยุคดิจิทัล ต้องตระหนักและต้องเปลี่ยนให้ “ลูกค้า” (Customer) ยกระดับมาเป็น “สาวก” (Evangelists) ให้ได้ เพราะต่อให้เป็นแค่ “แฟนคลับ” (Advocates) ก็ยังถือว่าไม่เพียงพอต่อแบรนด์อีกต่อไป

ทั้งนี้ สาวกของแบรนด์ ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมีในวงการตลาด แต่มีมาทุกยุคทุกสมัย ที่ผู้บริโภคมักจะมีความหลงใหล หลงรัก อะไรสักอย่างจนเชื่อว่าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่ตนเลือกใช้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่มีข้อเสีย หรือต่อให้มีจริง ทุกอย่างก็ยังดีเลิศ เพราะตัวเอง “หลงใหล” หรือ “หลงรัก” เข้าไปแล้วเต็มๆ ยกตัวอย่างชัดๆ ก็ต้อง iPhone และบรรดาผลิตภัณฑ์ของ Apple ซึ่งต่อจะให้มีข้อจำกัดเรื่องอะไรก็มักจะถูกบรรดาสาวกมองข้ามไปเสียหมดนั่นล่ะ

ในยุคนี้นอกจากแบรนด์ ไอดอลทั้งหลายซึ่งก็เปรียบเหมือนแบรนด์ๆ หนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหารายได้ในเชิงธุรกิจ ก็มีสภาพไม่ต่างจากแบรนด์ ที่ต้องนอกจากสร้างแฟนคลับแล้ว ด้วยพัฒนาการความผูกพันระหว่างแฟนคลับกับตัวศิลปิน หากมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง ก็สามารถพัฒนาไปสู่การเป็นสาวก ที่จะคอยปกป้องไอดอลได้เช่นกัน

ในกรณีของคนไทย บุคคลที่ ดร.เอกก์ มักจะยกมาเป็นตัวอย่างอยู่เสมอ คือ พี่ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย ที่การวิ่งจากใต้สุดจรดเหนือสุดเพื่อหาทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรัฐที่ขาดแคลน ก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ พี่ตูน เปลี่ยนแฟนคลับจำนวนมากให้กลายมาเป็นสาวก รวมทั้งทำให้คนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน รวมทั้งกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่อาจจะไม่เคยฟังเพลงของพี่ตูนเลยด้วยซ้ำ กลายมาเป็นสาวกโดยอัตโนมัติ เพราะประทับใจจากสิ่งที่เขาทำ

ทำอย่างไรแบรนด์จะสร้างสาวกได้ วิธีการง่ายนิดเดียว อยากได้สาวก ต้องเป็นคนดี ต้องเป็นแบรนด์ที่ดี

วิธีการทำ Evangelist Marketing ที่ชัดเจนที่สุดที่ ดร.เอกก์ เคยพูดถึงเสมอ ซึ่งฟังดูเหมือนง่าย แต่ ดร.เอกก์ กล่าวว่า

“การเป็นคนดีในโลกธุรกิจไม่ง่ายเสมอไป โดยเฉพาะธุรกิจที่มีเรื่องของผลประโยชน์มากมาย ทำให้บางทีมีอะไรที่ทำให้กลายเป็นคนไม่ดีได้ง่าย”

สำหรับไอดอลซึ่งก็เป็นเหมือนแบรนด์ ก็ต้องเป็นคนดีเช่นกัน ถึงจะมีแฟนคลับและสาวกี่ค่อยๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น

เรื่องของการสร้างสาวกจึงเป็นกลยุทธ์การตลาดสำคัญ ที่ ดร.เอกก์ และภาควิชาการตลาดฯ ฟันธงไว้ว่าจะเป็นเทรนด์การตลาดที่มาแรงตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา โดยย้ำไว้ในวันที่ออกมาพูดถึงเทรนด์นี้ว่า

“มองเป็นลูกค้าไม่พอ แต่ต้องการสาวก แม้สมัยก่อนจะเคยบอกกันว่าลูกค้าคือพระเจ้า แต่อนาคตลูกค้าไม่ได้ถูกเสมอ และจากที่เคยพูดกันว่าแบรนด์ต้องการแฟนคลับก็ไม่พอ แต่ตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา แบรนด์ต้องการสาวก ย้ำเลยว่า ไม่เอา Customer ต้องเป็น Evangelist”

ส่วนจะรู้จะรู้ได้อย่างไรว่าใครเป็น ลูกค้า แฟนคลับ หรือ สาวก ดร.เอกก์ แยกพฤติกรรมให้เห็นดังนี้

  • ลูกค้า – อย่างมากก็ซื้อซ้ำ
  • แฟนคลับ – ซื้อ ซื้อซ้ำ บอกต่อ แนะนำให้ไปดู ชวนกันไปซื้อ แล้วบอกต่อ
  • สาวก ซื้อ ซื้อซ้ำ บอกต่อ และปกป้อง

สำหรับความจำเป็นที่แบรนด์ต้องมีสาวกโดยเฉพาะในยุคดิจิทัล เพราะด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัล ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับแบรนด์ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อย การสื่อสารไวกว่าไฟลามทุ่ง ยิ่งเป็นเรื่องร้าย อัตราแรงของข่าวยิ่งไปไวกว่าข่าวดีทวีคูณ ต่างจากยุคสมัยก่อนที่พอจะปิดข่าว แก้ปัญหากันเป็นจุดๆ ไม่ให้ข่าวรั่วออกไปได้

“ยุคดิจิทัลไม่ใช่ยุคที่แบรนด์จะปิดเรื่องไม่ดีได้เร็ว วันนี้ทำผิดนิดเดียวคนแชร์ออกไปทั่วโลก ถ้าไม่มีสาวกไม่มีทางแก้ทัน การมีสาวกจะมีคนช่วยแก้แทนเต็มไปหมด”

เพราะฉะนั้น ทั้งแบรนด์ บุคคล ไอดอล องค์กรเล็กใหญ่ ต้องเริ่มสร้างสาวกตั้งแต่วันนี้ ด้วยการทำความดี เพราะ ดร.เอกก์ ยืนยันว่า “ไม่มีใครปกป้องคนเก่ง แต่คนส่วนใหญ่จะเลือกปกป้องคนดี”

ลำดับขั้นของการพัฒนาแบรนด์สู่การสร้างสาวก เริ่มจาก

  1. สร้างการรับรู้ รู้จัก (Awareness)
  2. ให้ความรู้ (Knowledge)
  3. ทำให้ชอบ เริ่มซื้อสินค้า (Like)
  4. ทำให้รัก เลือกเป็นแบรนด์โปรด ซื้อและบอกต่อ (Love)
  5. ทำให้หลงรัก ซื้อซ้ำ บอกต่อ ปกป้อง (Passsion)

ที่มา : ดร.เอกก์ ภทรธนกุล

]]>
1207562
ทำไม! ชั่วโมงนี้ แบรนด์ไหนก็อยากมี แบมแบม GOT7 เป็นพรีเซ็นเตอร์ https://positioningmag.com/1206939 Mon, 07 Jan 2019 23:07:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1206939 ยังคงรักษากระแสความนิยมได้ต่อเนื่องสำหรับ แบมแบม GOT7 หรือ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หนุ่มไทยแต่เป็นศิลปินเกาหลี ที่หลายแบรนด์ดังของไทยเลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งช่วงหลังเป็นการเลือกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยว มากกว่าใช้เป็นวงเหมือนในช่วงแรกที่ GOT7 เริ่มมีชื่อเสียง เช่นเดียวกับที่สมาชิกคนอื่นของวง โดยเฉพาะ แจ็คสัน หวัง ที่มีผลงานเดี่ยวในจีนชุกมาก พร้อมกับดึง มาร์ค สมาชิกอีกคนเข้าไปมีผลงานเดี่ยวมากขึ้นในจีน รวมทั้งสมาชิกของวงชาวเกาหลี ที่ต่างก็มีผลงานเดี่ยวเพิ่มขึ้นเช่นกัน ทั้งด้านงานเพลงและการแสดง

แต่การปรากฏภาพโปรโมตกิจกรรมของของแบมแบม กับแบรนด์ล่าสุด ที่ทำเอาแฟนคลับหลายคนงง เพราะ “แบมแบม” ยังมีสถานะเป็นพรีเซ็นเตอร์ตัวเป้ง ที่มีพลังดึงดูดสูงคนหนึ่งของเอไอเอสอยู่ แต่ทำไมอยู่ดีๆ ถึงมีภาพไปโปรโมตเพื่อให้แฟนคลับมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับแบมแบมในสังกัดทรูฯ ได้ด้วย

งานนี้ต้องบอกเลยว่า ถ้าพรีเซ็นเตอร์ดังขนาดนี้ แบรนด์ใหญ่แค่ไหนก็ไม่สนแล้วว่าจะสร้างความสับสนอย่างไร ซึ่งกรณีนี้ ในความเป็นจริงก็ไม่มีอะไรอธิบายยาก เพราะลักษณะธุรกิจของฝั่งทรูที่แบมแบมเข้าไปร่วมกิจกรรม กับการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของเอไอเอสก็ไม่มีอะไรทับซ้อนกัน นอกจากความสับสนของชื่อแบรนด์ทรูฯ ที่อาจจะทำให้คนนึกถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของทรูมูฟเท่านั้นเอง

แต่การที่แฟนคลับเอ๊ะกันในตอนแรก ก็ต้องยอมรับว่า เอไอสจะมีพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์จำนวนมากแบบเป็นเน็ตเวิร์ก เป็นแฟมิลี่ แต่ก็ยังทำให้ผู้บริโภคจดจำภาพของ “แบมแบม” กับภาพของแบรนด์ผูกกันอย่างเหนียวแน่น จนเกิดความสงสัยขึ้นทันที

ทั้งที่ผ่านมา แม้ไม่เคยใช้แบมแบมในการจัด Meet and greet เดี่ยวๆ เหมือนหลายแบรนด์ที่เลือกแบมแบมเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่การจัดกิจกรรมของเอไอเอสที่ดึงแบมแบมเข้าไปเป็นแม็กเน็ตสำคัญในการดึงฐานแฟนคลับ จนเกิดกระแสการย้ายค่ายของคนกลุ่มหนึ่งที่ให้เหตุผลกับผู้ให้บริการมือถือค่ายเดิมที่ใช้อยู่ว่า “เพราะค่ายอื่นไม่มีแบมแบม”

ที่สำคัญแบมแบมเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เอไอเอสอัดทั้งการโปรโมตและกิจกรรม บวกกับความแรงของพรีเซ็นเตอร์เองที่ทำให้สื่อต่างๆ คอยรายงานข่าวความเคลื่อนไหวก็จะบอกเล่าถึงการเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ต่างๆ กลายเป็น ฟรีมีเดีย ที่ช่วยเสริมกระแสและความรู้จักยิ่งขึ้นอีกแรง ขนาดที่สามารถสู้กับกระแสของ ตูน อาทิวราห์ คงมาลัย พรีเซ็นเตอร์ของทรูมูฟ ที่ถือว่ากระแสดังมากสำหรับคนไทยในช่วงปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงสรรพคุณในการเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบมแบม ที่ใครๆ ก็ออกปากว่า ขายของเก่ง ถ้ามีโอกาสก็จะโปรโมตให้กับแบรนด์ หรือกล่าวถึงแบรนด์ต่างๆ ที่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์เสมอ

อีกทั้งการที่ตัวพรีเซ็นเตอร์อย่างแบมแบมเอง รวมถึงแฟนคลับจำนวนมาก แชร์เรื่องราว กำหนดการ ภาพจากกิจกรรมต่างๆ ลงในโซเชียลมีเดียของตัวเองทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ก็เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มกระแสและตอกย้ำการเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ทรงอิทธิพลยิ่งขึ้น

ฉะนั้นถ้ามีส่วนจะได้ใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ทรงอิทธิพลขนาดนี้ แบรนด์ที่ไหนก็ไม่เกี่ยง

แต่สำหรับกรณีของทรูฟอร์ยูช่อง 24 (True4u 24) ซึ่งมีกิจกรรมร่วมกับแบมแบม ครั้งนี้ ไม่ใช่การใช้แบมแบมเป็นพรีเซ็นเตอร์แต่อย่างใด แต่เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อโปรโมตรายการใหม่ ชื่อ Got7 Real Thai ของค่าย Xtvn ที่เข้ามาถ่ายทำในไทยเมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา และกำลังจะออนแอร์ในวันที่ 16 มกราคม 2562 ที่จะถึงนี้ โดยแบมแบมเป็นหนึ่งในสี่สมาชิกของ GOT7 ที่เข้ามาถ่ายทำรายการนี้ในเมืองไทย ซึ่งลงตัวในหลายๆ ด้านที่จะใช้เป็นตัวแทนในการจัดกิจกรรมเพื่อโปรโมตรายการครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม การโปรโมตรายการลักษณะดังกล่าว ก็ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก แต่ด้วยความดังและแรงดึงดูดของแบมแบมกับกลยุทธ์ที่จะสร้างการรับรู้จากฐานแฟนคลับจึงถือเป็นกิจกรรมที่ลงตัว นอกจากนี้ยังเป็นการสะท้อนถึงภาพการผลิตรายการรูปแบบใหม่ของทรูฯ ที่ยกเอาศิลปินระดับอาเซียนเข้ามาร่วมสร้างคอนเทนต์สำหรับตลาดไทยอีกด้วย หลังจากที่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทรูฯ เพิ่งร่วมกับค่าย CJ E&M ผู้ผลิตคอนเทนต์ของเกาหลี เจ้าของค่าย Xtvn ที่ฉายซีรีส์ดังหลายเรื่องที่คนไทยติดงอมแงม ก็เริ่มบุกเข้ามาเพื่อทำตลาดด้านคอนเทนต์บันเทิงในไทยอย่างจริงจัง

ดังนั้น งานนี้นอกจากเรื่องอิทธิพลของพรีเซ็นเตอร์ จึงเป็นการส่งสัญญาณการแข่งขันที่จะเข้มข้นขึ้นของการผลิตคอนเทนต์ ในอุตสาหกรรมบันเทิงไทยที่กำลังเจอคู่แข่งระดับอาเซียนที่เข้ามาบุกถึงถิ่นอีกด้วย.


ข่าวเกี่ยวเนื่อง

ถอดรหัสความดัง แบมแบม GOT7 Born to be Presenter Idol

]]>
1206939
ถอดรหัสความดัง แบมแบม GOT7 Born to be Presenter Idol https://positioningmag.com/1165549 Tue, 10 Apr 2018 23:15:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1165549 น้อยนักที่จะได้เห็นไอดอลระดับอินเตอร์จากไทย ที่มีสตอรี่เป็นพรีเซ็นเตอร์มาตั้งแต่เด็ก โตแล้วก็ยังได้ดีกับการเป็นพรีเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง เหมือนที่หนึ่งในไอดอลเกาหลีเชื้อสายไทยอย่าง แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล สมาชิกชาวไทยของวง GOT7 จากเกาหลี ที่กำลังเป็นกระแสกระหึ่มออนไลน์ จากการเข้าเกณฑ์ทหาร จับใบดำใบแดง

แบมแบม คือหนึ่งในไอดอลที่แสดงให้เห็นว่า การเป็นไอดอลคืองานสายอาชีพที่สามารถจริงจัง เติบโตด้วยการพัฒนาความสามารถเฉพาะตัวอย่างต่อเนื่อง และสะท้อนภาพของความสำเร็จที่ไม่ได้มาเพราะความฟลุกได้อย่างดี เหมือนที่ไอดอลส่วนใหญ่ของยุคนี้ต่างรู้ดีว่า หน้าตาดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องมาครบทั้งความสามารถ ความขยันทุ่มเทที่จะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าจะอาศัยดังเพราะฟลุก ก็ไม่ต่างอะไรกับพลุ ที่สว่างวาบเพียงช่วงสั้นๆ แล้วก็หายไป

ในทางกลับกัน ถ้าหน้าตาพอได้ แต่คะแนนความขยันมาเต็ม โอกาสเกิดอาจจะสูงกว่าเสียด้วยซ้ำ

แบมแบมดังมากมั้ย

ถ้าในไทยก็ต้องตอบว่ามากพอตัวอยู่ อาจจะไม่เท่าซุปตาร์รุ่นใหญ่ๆ ในบ้านเรา แต่แบมแบมก็ทำให้เกิดกระแสมากมาย

ในทางการตลาด ดูได้ชัดจากแบรนด์สินค้าเรียกใช้เป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้ารวมแล้วนับสิบชิ้น ทั้งโดยส่วนตัวแบมแบมที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยว และเป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับสมาชิกในวง GOT7 แต่ละชิ้นได้รับผลตอบรับที่ดี มีแฟนๆ ให้ความสนใจจนเป็นที่พูดถึงบ่อยครั้ง

โฆษณา เคเอฟซี
โฆษณา กูลิโกะ
โฆษณา โอวัลติน

ตั้งแต่วัยเด็ก ก่อนจะเป็น GOT7 แบมแบมเคยโฆษณาให้กับสินค้าอย่าง KFC, กูลิโกะ Giant Caplico, ครีมอาบน้ำ แพรอท รวมทั้งโฆษณาภาพนิ่งให้กับไส้กรอกซีพี ก่อนจะโตมามีแฮชแท็กเฉพาะในเฟซบุ๊กของซีพี #ไส้กรอกซีพีเพื่อนซี้แบมแบม เพื่อโปรโมตในโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ

พอโตมาเป็นสมาชิก ก็เป็นพรีเซ็นเตอร์ร่วมกับวง GOT7 ให้กับผลิตภัณฑ์ It’ Skin, est Cola ที่ควักเงินถึง 300 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่า GOT7 ดังขนาดสามารถใช้ทำตลาดในระดับภูมิภาคของไทยได้ด้วย โฆษณา Bausch + Lomb ที่ออกมาพร้อมกิจกรรมการตลาดก็ยังทำให้แบรนด์ที่ไม่แมสแบบเลนส์แว่นตาเป็นที่สนใจและรู้จักของกลุ่มวัยรุ่นขึ้นมาอีกมาก

โฆษณาสาหร่ายเถ้าแก่น้อย

เถ้าแก่น้อยเมื่อต้องตีกันการเติบโตของมาชิตะที่โฟกัสภาพสาหร่ายเกาหลีแรงขึ้น ก็ต้องใช้เงิน 60 ล้านเพื่อใช้ GOT7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในตลาดไทย โดยเฉพาะงบจำนวนนี้ 50 ล้านคือค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ ขณะที่อีก 10 ล้าน จ่ายเป็นค่าดูแลศิลปินและแฟนคลับในการจัดงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์

โฆษณา เอส

ทั้งเอสโคล่า และเถ้าแก่น้อย มีหลักการเลือกพรีเซ็นเตอร์ซึ่งต้องใช้ระยะยาว ต่างก็เน้นที่วงไอดอลที่นอกจากจะดังอยู่แล้ว แต่แบรนด์ต้องมั่นใจและเช็กมาแล้วว่า กระแสของวงนั้นจะยังดังได้อีกนานจากผลงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

ประกันชีวิต fwd

บริษัทประกันชีวิต FWD ก็ยังเลือกใช้ศิลปินเกาหลีแบบ GOT7 เพื่อให้ถูกใจชาวไทย และได้ภาพของบริษัทอินเตอร์ที่ใช้ศิลปินอินเตอร์ด้วย

ขณะที่แบมแบมยังมีโฆษณาที่รับเป็นพรีเซ็นเตอร์เดี่ยวอีก 2 ชิ้น ให้กับ รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และสมาร์ทโฟนวีโว่ วี9 (Vivo V9)

คนชอบแบมแบมเพราะอะไร

ไม่ใช่เพราะเป็นสมาชิกวงไอดอลเกาหลีได้แล้วทุกอย่างจะราบรื่นไปหมด

เช่นเดียวกัน การที่แบมแบมเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยได้พอๆ หรืออาจจะมากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในวง ทุกอย่างต้องแลกมาด้วยความสามารถและความพยายาม

ถ้าถามแฟนคลับว่า ชอบแบมแบมเพราะอะไร คำตอบที่ได้ ส่วนใหญ่นอกจากเรื่องความสามารถที่แบมแบมแสดงออกมาให้ได้เห็นถึงความพยายามที่ไม่เคยหยุดตั้งแต่เป็นเด็กอายุ 13 ได้รับเลือกเข้าไปเป็นเด็กฝึกในวง มีทักษะฉกาจแค่ชอบเต้นอย่างเดียว ซึ่งก็ยังต้องฝึกเพิ่ม พร้อมกับการฝึกความสามารถในด้านอื่นๆ รวมถึงการปรับตัวเรื่องการใช้ชีวิต ภาษา วัฒนธรรม และการเรียนรู้เพื่อเข้ากับสมาชิกในวงอีก

กว่าแบมแบมจะได้เดบิวต์กับวง GOT7 ต้องใช้เวลาร่วม 4 ปี 

โดยส่วนตัว แบมแบมมาจากครอบครัวที่มีฐานะธรรมดาของไทย ก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัว ดูแลแม่อย่างเต็มที่ ซึ่งแม้แบมแบมจะเป็นนักร้องสัญชาติไทยคนที่ 2 ที่ได้รับคัดเลือกจากบริษัทบันเทิงรายใหญ่ของเกาหลีอย่าง JYP Entertainment ซึ่งเคยคัดเลือกนิชคุณ หรเวชกุล เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของวง 2PM เป็นคนแรก แต่คัดเลือกกันที่อเมริกา และต้องยอมรับว่านิชคุณมีพื้นฐานดีกว่าแบมแบมหลายด้าน

แม้จะผ่านการฝึกฝนในรูปแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แบมแบมสร้างความต่างให้กับไอดอลเกาหลี ก็คือ การนำบุคลิกแบบเด็กไทย ที่เป็นมิตรกับแฟนคลับ ไม่ค่อยห่วงภาพลักษณ์ตัวเอง บวกกับนิสัยส่วนตัวที่ร่าเริงสดใส  ทำให้อยู่ตรงไหนคนก็มักจะเอ็นดูอยู่เสมอ และทำให้ลดช่องว่างระหว่างความเป็นไอดอลเกาหลีกับแฟนคลับลงได้ค่อนข้างเยอะ และทำให้หลายคนที่ไม่เคยสนใจเคป็อป หันมาเป็นแฟนคลับไอดอลเกาหลีครั้งแรกเพราะชื่นชอบ GOT7

GOT7 ดังในไทย เพราะ Easy to Reach

คำถามหนาหูมาตลอดสำหรับคนนอกวงการติ่งเกาหลี โดยเฉพาะกับวง GOT7 ว่าทำไมถึงดังในไทย แล้วดังมากกว่าในเกาหลีจริงไหม แล้วทำไมวงนี้มาเมืองไทยบ่อยจัง

จะเห็นว่า แม้ GOT7 จะไม่ดังเท่าวงไอดอลบางวงในเกาหลี อย่าง EXO ซึ่งมาสร้างปรากฏการณ์บัตรคอนเสิร์ตหมดอย่างเร็วภายในไม่กี่นาที แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะมาแข่งขันกัน เพราะส่วนใหญ่ติ่งจำนวนไม่น้อยก็ชื่นชอบทั้งสองวง

แต่ GOT7 มีบุคลิกที่ให้ความรู้สึกในระดับที่เข้าถึงง่ายกว่าไอดอลเกาหลีทั่วไป ที่ปกติมักจะได้รับการคุ้มครองแน่นหนาดูเข้าถึงยาก ขณะที่หน้าตาสมาชิกแต่ละคนในวงก็จัดว่าโอเคจนถึงน่ารักมากในสายตาแฟนคลับ ประกอบกับการจัดกิจกรรมในไทยที่ค่อนข้างบ่อยจากการถูกจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์

ที่สำคัญ การมีสมาชิกคนไทยอย่าง แบมแบม ซึ่งดังในระดับคนทั่วไป ที่โดยปกติไอดอลเกาหลีแม้จะดังแค่ไหนก็เข้าไม่ถึงคนระดับนี้ในไทย ทำให้ GOT7 เป็นวงไอดอลเกาหลีวงแรกที่สามารถจัดคอนเสิร์ตแล้วมีผู้ชมทุกภาค แบบให้คนเข้าถึงได้ 100% ยิ่งกว่าคอนเซ็ปต์ของไอดอลที่คุณพบเจอได้เสียอีก

คอนเสิร์ตเดอะมอลล์โคราช

ตอน GOT7 จัดคอนเสิร์ตครั้งแรกที่เดอะมอลล์ โคราช จึงถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่แสดงให้เห็นความนิยมไอดอลเกาหลีที่กระจายไปถึงหัวเมืองอย่างแท้จริง เพราะฉีกหลายกฎที่ศิลปินเกาหลีไม่เคยทำ เช่น สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตต้องสามารถเดินทางได้ถึงภายในเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงจากสนามบิน ราคาตั๋วที่เคยมองว่าแพงสำหรับตลาดต่างจังหวัดก็ไม่ใช่ข้อจำกัดเพราะคอนเสิร์ตที่โคราชของ GOT7 ไม่มีตั๋วแจกแม้แต่จากบรรดาสปอนเซอร์ให้หาได้ง่ายๆ และขายตั๋วหมดเร็ว ฯลฯ

โดยสรุป แม้ความดังของ GOT7 จะไม่ใช่ระดับสูงสุดในเกาหลี แต่สิ่งที่ GOT7 กินใจคนไทยได้มากกว่า เป็นเรื่องของลักษณะนิสัย บุคลิกภาพ และการแสดงออก ทั้งในกลุ่มสมาชิกด้วยกันเอง และกับแฟนคลับโดยเฉพาะการทักทายและความห่วงใย ที่มีความเป็นกันเอง ดูสบายๆ ง่ายๆ บางทีถึงขั้นที่แฟนๆ แซวว่าเป็นเด็กเกรียน เพราะไม่ห่วงภาพลักษณ์ ไม่มีมาดแบบศิลปินเกาหลีที่เคยรู้จัก เพราะสมาชิกวงนี้ ไม่เคยนิ่ง ยิ้มกับแฟน แซวกันเอง หยอกกันเอง ตลก เฮฮา เป็นตัวของตัวเองไม่เก๊กเกร็ง และมีปฏิกิริยาที่เป็นมิตรต่อแฟนคลับอย่างจริงใจเสมอ

ส่วนประเด็นแรกที่ว่าเพราะมีคนไทยเป็นสมาชิก ก็มีส่วน เพราะการที่ GOT7 มีสมาชิกในวงอย่าง แบมแบม ทำให้แฟนๆ ชาวไทยคอยเชียร์ คอยให้การสนับสนุนจำนวนมาก เหมือนที่ แจ็กสัน หวัง สมาชิกอีกคนที่เป็นคนจีน (ฮ่องกง) ก็เป็นตัวเชื่อมที่ดีให้กับแฟนๆ GOT7 ในจีนเช่นกัน และตัวแจ็กสันเองก็มีแฟนคลับไทยไม่น้อย เช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในวง ที่มีทั้งสิ้น 7 คน

ด้านความสามารถ แต่ละคนก็มีไม่น้อย แม้จะไม่จัดเป็นขั้นเทพ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทพยายาม และสร้างพัฒนาการให้กับตัวเองอย่างไม่ยอมหยุดอยู่กับที่ และมีเอกลักษณ์เรื่องสไตล์เพลงที่ GOT7 มีเอกลักษณ์ในตัวเอง โดยเกือบทั้งอัลบั้มที่ออกมา สมาชิกในวงจะเป็นคนแต่งเพลงเองกับโปรดิวซ์เพลงเอง.

]]>
1165549
เผยอาชีพในฝันของเด็กไทยปี 61 “ครู” แชมป์ 2 ปีซ้อน เกมเมอร์ นักแคสเกม เชฟมาแรง ไอดอลในดวงใจ GOT7-พี่ตูน บอดี้สแลม https://positioningmag.com/1152841 Sat, 06 Jan 2018 03:00:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1152841 เข้าใกล้วันเด็ก เสาร์ที่ 13 มกราคม 2561 กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย จึงทำการสำรวจอาชีพในฝันของเด็กไทย เป็นครั้งที่ 9 ผ่านกลุ่มตัวอย่างเด็กอายุระหว่าง 7-14 ปี จำนวน 2,044 คน ผลปรากฎว่า อาชีพ “ครู” ยังคงมาแรง และครองแชมป์ 2 ติดต่อกันปีซ้อน เหตุผลเพราะต้องการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้อื่น เป็นอาชีพที่ปลูกฝังให้เด็กไทยเป็นคนเก่งและดี รวมถึงเป็นอาชีพที่มีความสุจริตมั่นคงด้วย

อันดับ 2 แพทย์หรือคุณหมอ ที่สำคัญปีนี้เด็กอยากเป็นแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น เช่น แพทย์ทางด้านสมอง แพทย์ทหาร และแพทย์ผิวหนัง โดยอาชีพแพทย์เพิ่งตกอันดับอาชีพในฝันของเด็กๆ ตั้งแต่ปี 2560 จากเดิมที่ครองแชมป์ยาวนานถึง 7 สมัยติดต่อกัน

อันดับ 3 คือนักกีฬาฟุตบอล เพราะเด็กๆ มองว่าการเป็นนักกีฬาช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ผลตอบแทนดี และสรางชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้ ในปีนี้อาชีพดังกล่าวยังแซงเบียดอาชีพ “ทหาร” ซึ่งในปี 2560 ติดท็อป 3 อาชีพในฝัน

++เกมเมอร์ นักแคสเกม เชฟ ผู้ประกอบการ ติดเทรนด์อาชีพใหม่มาแรง

ในปีนี้ อาชีพใหม่ที่เด็กไทยให้ความสนใจมากขึ้น และมาแรง คือ เกมเมอร์ นักแคสเกม เพราะต้องการใช้ความชอบในการเล่นเกมมาประกอบอาชีพ สร้างรายได้และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ รวมถึงอาชีพ “เชฟ” โดยเด็ก ๆ ให้เหตุผลว่าอยากเป็นเชฟเพราะอยากทำอาหารอร่อย ๆ ให้คนที่ทานมีความสุข นอกจากนี้ เด็กไทยจำนวนไม่น้อยที่สนใจอยากเป็นนักธุรกิจและผู้ประกอบการเพราะต้องการอิสระในการทำงาน บางส่วนต้องการสืบทอดกิจการของครอบครัว

++ทหาร ตำรวจ  นักกีฬา ดารา แพทย์ เด็กไทยเทใจว่าสุดเท่

ผลการสำรวจยังระบุ อาชีพ “ทหาร” เป็นอาชีพที่เท่ที่สุดในสายตาเด็กไทย ๆ ตามด้วยอาชีพตำรวจ เหตุผลเพราะคิดว่าเป็นาอาชีพที่ได้ปกป้องคุ้มครองประเทศ ได้รับใช้ประชาชนและประเทศชาติ รองลงมาคืออาชีพ นักกีฬา เพราะเปิดโอกาสให้รับใช้ทีมชาติและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ตามด้วยการเป็น ศิลปินและดารา และปิดท้ายด้วย แพทย์ 

++เด็กไทยอยากได้เงินเดือนสูงสุดทะลุ 100 ล้านบาท

เมื่อถามถึงเงินเดือนที่เด็ก ๆ ต้องการ ส่วนใหญ่อยู่ที่ 15,000-30,000 บาท โดยเงินเดือนสูงสุดที่เด็กไทยอยากได้ คือ มากกว่า 100,000,000 บาท ซึ่งจากการวิเคราะห์พบว่าอาชีพในฝันที่เด็ก ๆ คิดว่าจะได้เงินเดือนสูงคือ อาชีพนักกีฬา เพราะถ้ามีชื่อเสียงจะทำให้ได้รับค่าตอบแทนที่สูงตามมาด้วย

ส่วนเงินเดือนที่ได้ เด็ก ๆ บอกว่าจะนำเงินเดือนที่ได้ไปเลี้ยงดูครอบครัวและตนเอง ขณะที่เด็ก ๆ บางกลุ่มมองอาชีพที่ชอบเป็นหลัก เพราะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางใจที่สุด ดังนั้น จะได้รับเงินเดือนเท่าไรก็ได้ แต่ขอให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัว

ขณะที่คำถามยอดฮิตสำหรับเด็ก ๆ ทุกปี คือ หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะทำอะไร คำตอบมีหลากหลายมาก แต่เด็กให้ความสำคัญมากที่สุดคือ การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า รองลงมาคือการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ขาดโอกาสในกลุ่มต่าง ๆ เช่น คนยากจน คนพิการ คนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร และผู้ประสบภัยต่าง ๆ รวมถึงการแก้ปัญหายาเสพติดและการทุจริต คอรัปชันด้วย

++ยึดในหลวงรัชกาลที่ 9 ต้นแบบการดำรงชีวิต

นอกจากนี้ เด็กไทยยังยึด พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต เนื่องจากพระองค์ทรงอุทิศตนเพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพสกนิกร ชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง และโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทย

++พ่อแม่ GOT7 พี่ตูน บอดี้สแลม แป้ง Zbing Z ไอดอลในใจ

สำหรับไอดอลในดวงใจ เด็กไทยยังเทใจให้พ่อแม่ เป็นอันดับ เพราะเป็นผู้มีพระคุณที่ให้กำเนิด คอยสั่งสอนและเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังแก้ปัญหาและเป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ อยู่เสมอ ท่านจึงเปรียบเสมือนฮีโร่ในทุก ๆ ด้าน

ภาพจาก : facebook.com/GOT7Official/

รองลงมาคือศิลปิน “GOT7” จากเกาหลี เพราะมีความสามารถทั้งการร้องและการเต้น และยังมีคนไทยคือแบแบม กันต์พิมุก เป็นสมาชิกในวง เป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ ได้ ตามด้วย พี่แป้ง Zbing Z. นักแคสเกมหญิงอันดับ ของเมืองไทย ขวัญใจเด็ก ๆ และพี่แป้งเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ทั้งความสนุกสนานและความรู้ และขาดไม่ได้คือ “พี่ตูน บอดี้สแลม” ที่เด็ก ๆ ชื่นชอบผลงานเพลง และชื่นชมถึงความเสียสละ อดทน และการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมในการวิ่งระดมทุนซื้ออุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลน และเป็นแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายของเด็ก ๆ อีกด้วย

 

++ ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาเล่น เสริมวิชาภาษาจีน

นอกจากนี้ เด็กไทยยังเห็นว่าโรงเรียนควรลดเวลาเรียนให้น้อยลง และเพิ่มเวลาเรียนรู้ในเรื่องอื่น ๆ มากขึ้นด้วย ส่วนวิชาเรียนที่เด็ก ๆ ชื่นชอบมากที่สุดยังคงเป็น วิชาคณิตศาสตร์ ตามด้วย พลศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และวิทยาศาสตร์ โดยปีนี้เด็กอยากให้มีการเพิ่มวิชาว่ายน้ำ และภาษาจีนมากขึ้น สำหรับวิชาพลศึกษาต้องการให้เน้นกีฬาเฉพาะด้านมากขึ้น เช่น ฟุตบอล เทควันโด วอลเลย์บอล วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาอิสระที่ให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมที่สนใจอื่น ๆ

เด็ก 94% ดู Youtube

ด้านกิจกรรมวันหยุด การเล่น ทั่วไปยังนิยมมากมากที่สุด ที่เหลือเป็นการเล่นโทรศัพท์ เล่นกับเพื่อน เล่นฟุตบอล การไปเที่ยว ดูทีวี ฟังเพลง และอ่านหนังสือตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ปีนี้อเด็คโก้ประเทศไทย มีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูวิดีโอใน YouTube พบว่าเด็กไทยกว่า 94% ดู YouTube รายการยอดฮิต ได้แก่ รายการเพลงทั้งไทย Kpop ตามด้วย เกม การ์ตูน รายการบันเทิง และ รายการทำอาหาร แต่มีบางกลุ่มใช้เวลาการหาความรู้ที่สนใจ เช่น น้องที่อยากเป็นเชฟจะสนใจดูรายการสอนทำอาหาร หรือน้องที่อยากเป็นพยาบาลก็จะเลือกดูคลิปเกี่ยวกับการสอนการปฐมพยาบาล เป็นต้น

ปิดท้ายที่ ประเทศในฝันที่เด็กไทยอยากอยู่มากที่สุดในโลกรองจากไทย คือ ประเทศญี่ปุ่น ตามด้วยประเทศเกาหลีใต้ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา และจีน

อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าเด็กเริ่มให้ความสำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นครู แพทย์ ทหาร รวมถึงการมองไอดอลในดวงใจซึ่งเป็นผู้เสียสละ ทำประโยชน์ให้กับสังคม นับเป็นแนวโน้มจิตสาธารณะที่ดี เพราะพวกเด็กเหล่านี้คือแรงสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศชาติต่อไป “ธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์” ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค-ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย กล่าว.

]]>
1152841