India – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 29 Feb 2024 09:30:13 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 Disney รวมธุรกิจในอินเดียเข้ากับกิจการของ Mukesh Ambani มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของแดนภารตะ คาดมูลค่าบริษัทใหม่ใหญ่ถึง 3 แสนล้านบาท https://positioningmag.com/1464458 Thu, 29 Feb 2024 08:48:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464458 Walt Disney ประกาศรวมกิจการสื่อในประเทศอินเดียกับ Reliance อาณาจักรธุรกิจของ Mukesh Ambani มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของแดนภารตะ คาดมูลค่าบริษัทใหม่ใหญ่ถึง 3 แสนล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการแข่งขันในธุรกิจสื่อดุเดือดมากขึ้น และใช้เงินมหาศาลเพื่อที่จะแย่งชิงผู้ชม

Walt Disney ประกาศรวมกิจการสื่อในประเทศอินเดียกับ Reliance อาณาจักรธุรกิจของ Mukesh Ambani มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ชาวอินเดีย ซึ่งจะทำให้ขนาดบริษัทใหม่หลังควบรวมกิจการกันแล้วนั้นจะใหญ่มากถึง 8,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 300,000 ล้านบาท และขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่ด้านความบันเทิงในอินเดียทันที

หลังจากการควบรวมกิจการแล้วนั้น Reliance จะถือหุ้นราวๆ 63.16% ขณะที่ทางฝั่ง Disney จะถือหุ้นอีก 36.84%

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Disney เลือกที่จะควบรวมกิจการกับธุรกิจสื่อของ Reliance เนื่องจากการแข่งขันในธุรกิจสื่อเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณจาก Sony ที่ประกาศควบรวมกิจการกับ Zee ซึ่งเป็นผู้เล่นสื่อรายใหญ่ของอินเดียอีกราย แม้ว่าดีลดังกล่าวในท้ายที่สุดจะล่มลงไป แต่ก็ทำให้เกิดแรงกดดันต่อผู้เล่นไม่น้อย

การควบรวมกิจการดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจใหม่นั้นเป็นผู้นำด้านความบันเทิงในอินเดีย เนื่องจากคอนเทนต์ในมือไม่ว่าจะเป็นละคร กีฬา และมีช่องโทรทัศน์รวมกันมากถึง 120 ช่อง ถือว่าหลากหลายกว่าคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Sony หรือแม้แต่ Zee

ไม่ใช่แค่ธุรกิจสื่อในประเทศอินเดียเท่านั้น แต่การรุกเข้ามาของแพลตฟอร์มอย่าง Netflix เองก็ถือเป็นแรงกดดันที่เร่งทำให้ Disney ต้องนำธุรกิจไปควบรวมกับธุรกิจสื่อของ Reliance

ก่อนหน้านี้ Disney ได้เสียลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด Cricket รายการสำคัญให้กับ Reliance มาแล้ว จนส่งผลทำให้ปริมาณผู้ชม Hotstar ในประเทศอินเดียลดลงทันที

นอกจากนี้มูลค่ากิจการธุรกิจสื่อในประเทศอินเดีย จากเดิมที่ Disney เคยซื้อกิจการ Fox ซึ่งรวมถึงธุรกิจในอินเดียเคยมีมูลค่าสูงสุดมากถึง 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงการซื้อกิจการ ปัจจุบันลดลงเหลือแค่ราวๆ 3,000 ล้านเหรียญเท่านั้น

Bob Iger ซึ่งเป็น CEO ของ Disney กล่าวถึงดีลดังกล่าวว่า อินเดียถือเป็นตลาดที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และเรารู้สึกตื่นเต้นสำหรับโอกาสในการร่วมทุนระหว่างกันนี้จะมอบผลตอบแทนระยะยาวให้กับบริษัท

การที่ Disney ควบรวมกิจการยังลดความเสี่ยงที่บริษัทใช้เงินมหาศาลเพื่อแย่งชิงตลาดผู้ชมในอินเดีย ซึ่งมีความเสี่ยงว่าบริษัทอาจสูญเสียความสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว

ที่มา – Disney, Reuters, Al Jazeera

]]>
1464458
ประธาน Xiaomi อินเดีย ชี้ “รัฐบาลตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก ทำให้ซัพพลายเออร์ไม่กล้าตั้งฐานการผลิตในแดนภารตะ” https://positioningmag.com/1462276 Sun, 11 Feb 2024 17:07:35 +0000 https://positioningmag.com/?p=1462276 เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสินค้าไอทีจากจีน ยังต้องดิ้นรนในตลาดอินเดียต่อเนื่อง โดยประธาน Xiaomi อินเดีย ชี้ว่า การที่รัฐบาลอินเดียตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ซัพพลายเออร์ไม่กล้าตั้งฐานการผลิตในแดนภารตะ แม้ว่าจะมีความต้องการที่จะใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศเพิ่มมากขึ้นก็ตาม

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงเอกสารที่เกี่ยวข้องว่าเสี่ยวหมี่ (Xiaomi) ผู้ผลิตสินค้าไอทีจากประเทศจีน ที่กำลังดิ้นรนอย่างหนักในอินเดียชี้ว่าการที่รัฐบาลได้ตรวจสอบบริษัทจีนอย่างหนัก ส่งผลทำให้ซัพพลายเออร์ของบริษัทรู้สึกไม่สบายใจ และไม่กล้าที่จะตั้งฐานการผลิตในประเทศ

Muralikrishnan B. ซึ่งเป็นประธานของ Xiaomi อินเดีย ได้ตอบจดหมายของรัฐมนตรีกระทรวงไอทีของอินเดียว่าจะทำอย่างไรที่ผู้ผลิตสินค้าไอทีรายนี้จะใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศอินเดีย ซึ่งเขาชี้ว่าบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์นั้นไม่กล้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศ เนื่องจากไม่สบายใจกับมาตรการของรัฐบาลอินเดีย

ประธานของ Xiaomi อินเดียยังกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลอินเดียจำเป็นต้องดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการสร้างความมั่นใจ เพื่อสนับสนุนให้ซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนของโทรศัพท์นั้นสร้างโรงงานในประเทศ”

นอกจากนี้ Xiaomi เองยังดิ้นรนด้วยการยื่นฟ้องรัฐบาลอินเดียเพื่อที่จะลดภาษีนำเข้าชิ้นส่วนสำหรับประกอบโทรศัพท์มือถือ โดยชี้ว่าเพื่อที่จะเพิ่มสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น

บริษัทจีนประสบปัญหาในการตีตลาดประเทศอินเดีย เนื่องจากความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศบริเวณพรมแดน ส่งผลทำให้รัฐบาลอินเดียประกาศข้อระเบียบต่างๆ ที่ส่งผลทำให้บริษัทจากจีนดำเนินธุรกิจได้ยากมากขึ้น ซึ่ง Xiaomi เองเป็นอีกบริษัทที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว

สำหรับผู้นำตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดียนั้นเป็น Samsung ที่มีส่วนแบ่งการตลาดในอินเดียเป็นอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งมากถึง 20% รองลงมาคือ Xiaomi ที่ 16% จึงทำให้บริษัทต้องหาทางในการดึงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับมา โดยในเดือนกรกฎาคมของปี 2023 ที่ผ่านมา บริษัทได้เตรียมเจาะตลาดอินเดียเพิ่มมากขึ้น แม้ว่า 2 ประเทศนี้จะมีความขัดแย้งก็ตาม

ไม่ใช่แค่ Xiaomi ที่พบปัญหาความยากลำบาก แม้แต่บริษัทคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Vivo ก็ประสบปัญหาที่ว่าเช่นกัน ในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียกล่าวหาว่าบริษัทละเมิดกฎระเบียบด้านวีซ่าเข้าประเทศ และยังรวมถึงการยักยอกเงินมากถึง 13,000 ล้านเหรียญสหรัฐออกนอกประเทศ

]]>
1462276
อินเดียแซงหน้าฮ่องกงเป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับสี่ของโลก จากปัจจัยเม็ดเงินไหลเข้าประเทศ เศรษฐกิจเติบโตสูง https://positioningmag.com/1459808 Tue, 23 Jan 2024 04:23:52 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459808 ตลาดหุ้นอินเดีย ถือเป็นตลาดหุ้นหนึ่งในโลกที่กำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนชาวต่างชาติ เนื่องจากเม็ดเงินได้ไหลเข้าแดนภารตะมหาศาลในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตัวเลขล่าสุดขนาดของตลาดหุ้นอินเดียได้แซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกง กลายเป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของโลกแล้ว

ตลาดหุ้นอินเดีย ล่าสุดมีขนาดของตลาดแซงหน้าตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อย และทำให้ตลาดหุ้นอินเดียมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลกทันที

ข้อมูลล่าสุดจาก Bloomberg เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (22 มกราคม) ขนาดของตลาดหุ้นอินเดียนั้นอยู่ที่ 4.33 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าขนาดตลาดหุ้นฮ่องกงที่มีขนาดตลาด 4.29 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และการแซงหน้าในครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกด้วย

ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคมปี 2023 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นอินเดียมีขนาดแตะ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งตลาดหุ้นเป็นต้นมา

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นอินเดียได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นคือ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดียที่อยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกันอินเดียยังมีจำนวนประชากรที่มากกว่าจีน ส่งผลทำให้มีแรงงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลเข้าประเทศ

อีกปัจจัยที่สำคัญคือ ข้อมูลจาก BMI ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Fitch Solutions ได้คาดการณ์ว่า การเติบโตของการใช้จ่ายครัวเรือนต่อหัวของอินเดียจะแซงหน้าเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียได้ภายในปี 2027 และจะทำให้อินเดียเป็นตลาดผู้บริโภคใหญ่อันดับ 3 ยิ่งดึงดูดเม็ดเงินเพิ่มเติม

ขณะที่ตลาดหุ้นอินเดียถ้าหากดูตัวเลขกำไรการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นอีกตลาดหุ้นที่ทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติสนใจมากขึ้นด้วย

ตรงข้ามกับตลาดหุ้นของฮ่องกงในช่วงที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ในช่วงโควิด และอยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัว

ขณะเดียวกันปัญหาเศรษฐกิจในจีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้สร้างผลกระทบต่อบริษัทในฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่หลายรายจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง และยังรวมถึงปัจจัยความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ทำให้เม็ดเงินนักลงทุนโยกย้ายออกไปลงทุนในตลาดหุ้นอื่น ซึ่งรวมถึงอินเดียนั่นเอง

]]>
1459808
Apple ตั้งเป้าผลิต iPhone ในอินเดียให้ได้มากกว่า 50 ล้านเครื่องภายใน 2-3 ปี หลังย้ายกำลังการผลิตออกจากจีน https://positioningmag.com/1454863 Fri, 08 Dec 2023 06:48:19 +0000 https://positioningmag.com/?p=1454863 Apple วางเป้าผลิต iPhone ในอินเดียให้ได้มากกว่า 50 ล้านเครื่องภายใน 2-3 ปีหลังจากนี้ และถ้าหากโรงงานในประเทศอินเดียแล้วเสร็จเพิ่มเติม อาจทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตได้เพิ่มมากกว่านี้อีกด้วย 

The Wall Street Journal รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า Apple ตั้งเป้าผลิต iPhone ในประเทศอินเดียให้ได้มากกว่า 50 ล้านเครื่องต่อปี ภายใน 2-3 ปีหลังจานี้ และจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น หลังจากที่บริษัทได้ย้ายกำลังการผลิตบางส่วนออกนอกประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา

Apple ถือเป็นอีกบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐอเมริกาที่พึ่งพากำลังการผลิตสินค้าในประเทศจีนถือเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% แต่ในช่วงที่ผ่านมา จากปัญหาความชะงักงันจากการผลิตสินค้าในประเทศจีน บริษัทส่งสัญญาณที่จะลดการพึ่งพิงการผลิตและประกอบสินค้าของบริษัทในแดนมังกรลง

ถ้าหากเป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงก็จะทำให้สัดส่วนการผลิต iPhone จากประเทศอินเดียคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 25% ของกำลังการผลิตทั้งหมด โดย iPhone ที่ผลิตในประเทศอินเดียจะเป็นรุ่นราคาถูก เช่น iPhone 14 หรือ iPhone 15 แต่สำหรับเครื่องรุ่นท็อปยังผลิตที่ประเทศจีนต่อไป

ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้ได้มีการกระจายกำลังการผลิตสินค้าของบริษัทไปยังประเทศต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม หรือแม้แต่อินเดีย

สำหรับโรงงานของ Foxconn ซึ่งประกอบ iPhone ในประเทศอินเดียในรัฐกรณาฏกะ จะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ และบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตั้งโรงงานขนาดใหญ่อีกแห่ง ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านเครื่องต่อปีหลังจากนี้ได้

อย่างไรก็ดีความท้าทายของ Apple และเหล่าซัพพลายเออร์ นั้นประกอบไปด้วย โครงสร้างพื้นฐานในอินเดียที่ยังไม่ดีเท่าไหร่ กฎเกณฑ์แรงงานที่เข้มงวด ซึ่งมักทำให้การทำธุรกิจในอินเดียยากกว่าในจีน

]]>
1454863
ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสหรัฐฯ Walmart ทยอยลดการพึ่งพาสินค้าจีน หันมาใช้สินค้าจากอินเดียมากขึ้นแล้ว https://positioningmag.com/1453962 Thu, 30 Nov 2023 07:26:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453962 ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสหรัฐฯ Walmart ได้ปรับแผนทยอยลดการพึ่งพาสินค้าจากจีน หันมาใช้สินค้าจากอินเดียมากขึ้นแล้ว โดยผู้บริหารได้ให้เหตุผลเรื่องของความยืดหยุ่นในเรื่องของ Supply Chain รวมถึงเรื่องของต้นทุนสินค้าที่ราคาถูกกว่าสินค้าจีน

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่า วอลมาร์ท (Walmart) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาได้นำลดการนำเข้าสินค้าจากจีน และได้เพิ่มสินค้าจากประเทศอินเดียมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นการลดต้นทุนของบริษัท นอกจากนี้ยังสร้างความยืดหยุ่นในเรื่องของ Supply Chain ด้วย

สื่อรายดังกล่าวได้อ้างอิงข้อมูลของ Import Yeti ที่เก็บข้อมูลการนำเข้าสินค้าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2023 ของ Walmart ซึ่งสินค้าจากประเทศจีนที่ในอดีตมีสัดส่วนมากถึง 80% ในปี 2018 ล่าสุดลดลงเหลือแค่ 60% เท่านั้น ขณะที่สินค้าจากประเทศอินเดียกลับมีสัดส่วนมากขึ้นถึง 25% จากเดิมที่มีสัดส่วนแค่ 2% ในปี 2018

Andrea Albright รองประธานบริหารฝ่ายการจัดหาของ Walmart ได้ให้สัมภาษณ์กับ Reuters ว่า บริษัทต้องการราคาที่ดีที่สุด ขณะเดียวกันบริษัทก็ต้องการความยืดหยุ่นใน Supply Chain ของบริษัท เขายังกล่าวเสริมว่ายักษ์ใหญ่ค้าปลีกรายนี้ไม่สามารถพึ่งพาซัพพลายเออร์รายเดียว หรือสินค้าจากประเทศใดประเทศหนึ่งได้

นอกจากนี้รองประธานบริหารฝ่ายการจัดหาของ Walmart ยังกล่าวว่า อินเดียกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเป็นแหล่งจัดหาสินค้าของทางบริษัทด้วย ซึ่งปัจจุบันยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาได้นำเข้าสินค้าจากอินเดียมีตั้งแต่ยารักษาโรค เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงธัญพืช

Andrea ยังกล่าวว่า สิ่งที่ Walmart สามารถควบคุมได้คือแหล่งที่มาของสินค้าต่างๆ ถ้าหากมีบางอย่างเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท เนื่องจากปัจจัยความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นสิ่งที่ทายได้ยากมากเหมือนกับการทายว่าพายุจะพัดพาไปทางไหน

Chris Rogers นักวิเคราะห์จาก S&P Global Market Intelligence ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Supply Chain ได้กล่าวกับ Reuters ว่า ต้นทุนในการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนนั้นกลับเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มหันมาใช้สินค้าหรือวัตถุดิบจากอินเดียมากขึ้น

ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนนั้นไม่ว่าจะเป็นค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับอินเดียที่มีค่าแรงถูกกว่า นอกจากนี้ผู้ประกอบการหลายรายเองต้องการความยืดหยุ่นใน Supply Chain หลังเหตุการณ์แพร่ระบาดของโควิดในจีนที่ส่งผลต่อภาคการผลิตทั่วโลก เนื่องจากโรงงานในประเทศจีนได้เกิดความชะงักงัน และยังรวมถึงการขนส่งสินค้าออกนอกจีนด้วย

นอกจาก Walmart จะทำให้อินเดียได้ประโยชน์จากการนำเข้าสินค้าในสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ยังทำให้ประเทศรอบข้างอย่างปากีสถานและบังคลาเทศได้รับประโยชน์ดังกล่าวด้วย

โดย Walmart ได้ตั้งสำนักงานเพื่อหาสินค้าป้อนบริษัทในอินเดียตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา นอกจากนี้ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐอเมริกาเองยังได้ลงทุนใน Flipkart ซึ่งเป็นธุรกิจ E-commerce รายใหญ่ในประเทศอินเดียด้วย

]]>
1453962
‘กรุงเทพฯ’ ครองอันดับ 2 เมืองที่ ‘นักท่องเที่ยวอินเดีย’ นิยมมากที่สุดในปี 2022 https://positioningmag.com/1452640 Tue, 21 Nov 2023 04:29:21 +0000 https://positioningmag.com/?p=1452640 ในอดีตที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีน ถือเป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวในประเทศไทย แต่ในช่วงที่จีนยังปิดประเทศนั้น นักท่องเที่ยวอินเดีย ก็ขึ้นแท่นเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลัก และแม้ว่าเราจะเห็นนักท่องเที่ยวในอินเดียเข้าไทยจำนวนมหาศาล แต่ในความเป็นจริงแล้วคนอินเดียที่ท่องเที่ยวต่างประเทศมีเพียง 1% เท่านั้น

นักท่องเที่ยวอินเดียสร้างเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท

อ้างอิงข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยพบว่า ในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้าประเทศไทยราว 5-6 แสนคน สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศกว่า 2 หมื่นล้านบาท และในปีนี้ มีการประเมินว่านักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้าไทยกว่า 3 ล้านคน และมีการใช้จ่ายประมาณ 41,000 บาท/การมาท่องเที่ยว 1 ครั้ง ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเปิด ฟรีวีซ่า อินเดียเที่ยวไทย 30 วันนาน 6 เดือน ตั้งแต่ 10 พ.ย. – 10 พ.ค. 2567 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

กรุงเทพฯ อันดับ 2 เมืองที่นักท่องเที่ยวอินเดียมามากที่สุด

จากข้อมูลจาก Booking.com และ McKinsey ระบุว่า นักเดินทางชาวอินเดียเดินทางเพื่อพักผ่อน 1.7 พันล้านครั้งในปี 2022 แต่นักเดินทางส่วนใหญ่ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศเลย แต่การเดินทางไป ต่างประเทศ มีเพียง 1% เท่านั้น โดยสถานที่ 10 แรกที่นักท่องเที่ยวอินเดียนิยมมากที่สุด ได้แก่

  • ดูไบ
  • กรุงเทพฯ
  • สิงคโปร์
  • ลอนดอน
  • ปารีส
  • นครโฮจิมินห์
  • อูบุด
  • ฮานอย
  • ภูเก็ต
  • กาฐมาณฑุ

ภายในปี 2030 มีกว่า 5 พันล้านทริป

นอกจากนี้ มีการประเมินว่าภายในปี 2030 นักเดินทางชาวอินเดียจะมีทริปพักผ่อนสูงถึง 5 พันล้านทริป แต่ 99% ของทริปเหล่านั้นจะอยู่ในประเทศเหมือนกับปี 2022 อย่างไรก็ตาม แม้ทริปเที่ยวต่างประเทศจะมีเพียง 1% แต่เท่ากับว่ามีปริมาณถึง 50 ล้านทริป เลยทีเดียว

อย่างที่รู้กันว่า อินเดียได้ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มี จำนวนประชากรมากที่สุดในโลก แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ ภายในปี 2030 อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีการ ใช้จ่ายด้านการเดินทางมากเป็นอันดับ 4 ของโลก เนื่องจากจำนวนประชากรที่มีรายได้ปานกลางที่เพิ่มขึ้น ซึ่งรายได้ของครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น 35,000 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 1.2 ล้านบาท) ในเวลานั้น

นอกจากนี้ ประชากรยังอายุน้อย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 27.6 ปี ซึ่งอายุน้อยกว่าประเทศเศรษฐกิจหลัก ๆ ส่วนใหญ่มากกว่า 10 ปี ยิ่งกว่านั้น การบริโภคสินค้าและบริการ รวมถึงการพักผ่อนและสันทนาการ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสองเท่าภายในปี 2030 เช่นกัน ซึ่งรายงานระบุว่าการใช้จ่ายด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวจะสูงถึง 4.10 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่า 170% จาก 1.50 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2019

Source

]]>
1452640
จำนวนนักศึกษาชาวอินเดียในสหรัฐฯ​ ภาคการศึกษาปี 2022 เติบโต 35% ใกล้แซงนักศึกษาชาวจีนแล้ว https://positioningmag.com/1451634 Mon, 13 Nov 2023 17:42:54 +0000 https://positioningmag.com/?p=1451634 ด้วยภาวะเศรษฐกิจรวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดี ทำให้ล่าสุดตัวเลขจำนวนนักศึกษาชาวอินเดียในสหรัฐอเมริกา ภาคการศึกษาปี 2022 เติบโต 35% มาอยู่ที่ 269,000 คน ใกล้แซงจำนวนนักศึกษาชาวจีนแล้ว ขณะที่ชาวจีนเองเริ่มสนใจให้ลูกหลานตัวเองเรียนที่ประเทศอื่นนอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว

สำนักข่าว Bloomberg รายงานถึงสถานการณ์ที่นักศึกษาชาวอินเดียเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในมหาวิทยาลัยสหรัฐอเมริกา และรายได้จากนักศึกษาเหล่านี้ยังช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนรายได้หลังจากจำนวนนักศึกษาชาวจีนที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

Institute of International Education ได้รายงานตัวเลขนักศึกษาชาวอินเดียที่ได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาภาคการศึกษาล่าสุด 2022-23 นั้นมีจำนวนมากถึง 269,000 คน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากถึง 35% ขณะที่นักศึกษาชาวจีนนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ 290,000 คน

สำหรับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกายังถือเป็นเป้าหมายสำคัญของนักศึกษาทั่วโลกที่ต้องการศึกษาต่อ เนื่องจากโอกาสในด้านความรู้ทางวิชาการจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกแล้ว ยังมีโอกาสในการที่จะได้งานหลังจากจบการศึกษาได้

จำนวนที่เพิ่มขึ้นของนักศึกษาชาวอินเดียนั้นมีสาเหตุสำคัญมาจากเศรษฐกิจของอินเดียที่เติบโตมากขึ้น ส่งผลทำให้มีชนขั้นกลางจำนวนเพิ่มมากขึ้น และครอบครัวเหล่านี้สนใจที่จะส่งบุตรหลานของตัวเองเข้าเรียนในสหรัฐอเมริกาเพิ่มมากขึ้นด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ การส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนในสหรัฐอเมริกาเองถือเป็นทางด่วนในการเพิ่มสถานะทางสังคมของชาวอินเดียอีกด้วย

แม้ว่าก่อนหน้านี้ในช่วงสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีมาตรการกีดกันนักศึกษาจากต่างประเทศซึ่งรวมถึงนักศึกษาจากอินเดีย แต่ล่าสุดความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศ ทำให้เรื่องดังกล่าวคลี่คลายมากขึ้น

ขณะที่สาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนนักศึกษาชาวจีนแทบไม่เพิ่มขึ้นเลยนั้นมาจากความขัดแย้งของสหรัฐอเมริกากับจีนได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น

นอกจากนี้ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลทำให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองชาวจีน เริ่มหันมามองมหาวิทยาลัยตามประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หรือแม้แต่ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย รวมถึงฮ่องกง แทน

]]>
1451634
Google ประกาศผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดีย ชี้เป็นก้าวสำคัญของบริษัทในแดนภารตะ https://positioningmag.com/1448684 Thu, 19 Oct 2023 08:40:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448684 กูเกิล ประกาศที่จะผลิตโทรศัพท์มือถือในประเทศอินเดีย โดยจับมือกับพาร์ตเนอร์ทั้งในและนอกอินเดีย จะเริ่มต้นผลิตโทรศัพท์ในรุ่น Pixel 8 ในปีหน้า (2024) และยังเป็นการส่งสัญญาณว่ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีรายนี้ได้ให้ความสำคัญกับตลาดอินเดียเพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้

Rick Osterloh รองประธานอาวุโสฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Google กล่าวในงานของบริษัทว่า “บริษัทจะเริ่มการผลิตโทรศัพท์มือถือในอินเดีย ทั้ง Pixel 8 และ Pixel 8 Pro ซึ่งถือเป็นโทรศัพท์รุ่นล่าสุดจาก Google และคาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในปี 2024”

รองประธานอาวุโสฯ รายดังกล่าวยังได้กล่าวเสริมว่า นี่เป็นก้าวแรกในการขยายการผลิตของเราที่อินเดีย เพื่อตอบสนองความต้องการอุปกรณ์ Pixel ในอินเดีย และที่สำคัญคือเป็นก้าวสำคัญของ Google ในความมุ่งมั่นที่มีต่อประเทศอินเดีย”

ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก Google ได้ประกาศความร่วมมือกับ HP เพื่อผลิต Chromebook ในประเทศอินเดียมาแล้ว

อินเดียถือเป็นตลาดสำคัญของ Google เนื่องจากจำนวนประชากรมหาศาล รวมถึงแผนของรัฐบาลอินเดียที่วางเป้าหมายของประเทศให้เปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัล ในช่วงที่ผ่านมา Google ได้ลงทุนในบริษัทอินเดียมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Jio และ Bharti Airtel สองบริษัทด้านโครงข่ายโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ

ไม่ใช่แค่ Google เท่านั้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทหลายแห่งได้สนใจที่จะใช้อินเดียเป็นแหล่งผลิตสินค้าเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Apple ที่มีทั้งการปั้นอินเดียให้เป็นฮับการผลิตสินค้าของบริษัทอีกแห่ง หรือแม้แต่การเปิดสาขาของ Apple Store ภายในประเทศ

นอกจากนี้ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่นของอินเดียยังวางแผนที่จะให้อินเดียกลายเป็นฮับการผลิตสินค้าไฮเทค โดยให้สิทธิประโยชน์หลายอย่างเพื่อทำให้บริษัทเทคโนโลยี หรือผู้ผลิตสินค้าหลายรายย้ายกำลังการผลิตมาที่อินเดีย

ที่มา – Reuters, Techcrunch

]]>
1448684
รัฐบาลอินเดียขยายมาตรการห้ามส่งออกน้ำตาลต่อไปอีกระยะ หลังราคาในประเทศยังไม่ลดลง https://positioningmag.com/1448551 Wed, 18 Oct 2023 18:11:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1448551 รัฐบาลอินเดียได้ประกาศขยายมาตรการห้ามส่งออกน้ำตาลต่อไปอีก เนื่องจากราคาในประเทศนั้นยังไม่ได้ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันอินเดียเองก็คาดว่าจะมีน้ำตาลที่ผลิตได้ในช่วง 2 ปีข้างหน้าลดลง จากผลกระทบของภาวะเอลนีโญที่กำลังเกิดขึ้น

รัฐบาลอินเดียประกาศว่าจะยืดอายุมาตรการห้ามการส่งออกน้ำตาลออกไปอีก ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เนื่องจากราคาน้ำตาลในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2023 แล้วถึง 3.1% ซึ่งส่งผลกระทบต่อชาวอินเดียอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศของอินเดีย ได้กล่าวในการแจ้งเตือน ข้อจำกัดในการส่งออกน้ำตาลไม่ว่าจะเป็น น้ำตาลดิบ น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และน้ำตาลอินทรีย์ ได้ขยายออกไปหลังวันที่ 31 ตุลาคม จนกว่าจะมีคำสั่งเพิ่มเติม เงื่อนไขอื่นๆ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ก่อนหน้านี้ในปี 2022 ที่ผ่านมา อินเดียได้ใช้มาตรการห้ามการส่งออกน้ำตาลเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี โดยให้เหตุผลเพื่อควบคุมราคา และรักษาสต็อกน้ำตาลในประเทศ ก่อนที่มาตรการดังกล่าวจะนำมาใช้อีกครั้ง

ปัจจุบันอินเดียถือเป็นประเทศส่งออกน้ำตาลรายใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก ผู้ส่งออกน้ำตาลในประเทศอินเดียจะต้องได้มีใบอนุญาตหรือได้รับอนุญาตจากรัฐบาลในการส่งออกน้ำตาลซึ่งจะส่งออกได้แค่ตามที่ขออนุญาตได้เท่านั้น

มาตรการดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำตาลโลกนั้นอาจสูงขึ้นไปอีก และส่งผลต่อหลายประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำตาลจากอินเดีย ส่งผลทำให้ราคาอาหารมีสิทธิ์เพิ่มสูงขึ้นได้ และอาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อไม่ลดลงตามที่หลายฝ่ายคาดไว้

ขณะเดียวกันปีนี้ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะเอลนีโญ ซึ่งจะทำให้บางส่วนของโลกเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วม ขณะที่บางส่วนเกิดภัยแล้งและไฟป่า แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้พืชพันธุ์ทางการเกษตรจะเสียหาย

ภาวะเอลนีโญนั้นประเทศอินเดียเองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลอินเดียคาดว่าปริมาณน้ำตาลที่ผลิตได้ในอินเดียช่วงหลังจากนี้อาจมีสิทธิ์ลดลง จากผลกระทบดังกล่าวด้วย

ที่มา – Reuters, CNBC-TV18, India Today, Hindustan Times, Mint

]]>
1448551
Uniqlo ยอดขายในอินเดียปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 60% บริษัทเตรียมขยายสาขา เพิ่มซัพพลายเออร์ https://positioningmag.com/1447285 Mon, 09 Oct 2023 17:38:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1447285 บริษัทแม่ของร้าน Uniqlo อย่าง Fast Retailing ตั้งใจบุกตลาดในประเทศอินเดียอย่างเต็มที่ หลังจากในปีที่ผ่านมา ยอดขายในประเทศอินเดียเติบโตมากถึง 60% แสดงให้เห็นถึงความนิยมของแบรนด์เสื้อผ้าญี่ปุ่นรายนี้ในอินเดีย

Fast Retailing บริษัทแม่แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง Uniqlo ได้เตรียมที่จะขยายสาขาเพิ่มในประเทศอินเดีย หลังจากในผลประกอบการในปีที่ผ่านมา ยอดขายในแดนภาระตะของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้นมากถึง 60% ไม่เพียงเท่านี้บริษัทยังเตรียมเพิ่มซัพพลายเออร์เพื่อที่จะส่งออกเสื้อผ้าไปยังต่างประเทศด้วย

ผลประกอบการของธุรกิจที่อยู่ในอินเดียในปีที่ผ่านมา (สิ้นสุดเดือนมีนาคมของปีนี้) หลังบริษัทได้ยื่นงบบริษัทให้หน่วยงานพาณิชย์ของอินเดีย Uniqlo นั้นทำรายได้มากถึง 6,240 ล้านรูปี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากถึง 60% ส่งผลทำให้บริษัทมีกำไรมากถึง 683 ล้านรูปี

ล่าสุดเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง Uniqlo ยังได้เปิดสาขาที่เมืองมุมไบสาขาแรก ซึ่งเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ขณะที่สาขาที่ 2 ในเมืองมุมไบนั้น บริษัทคาดว่าจะเปิดสาขาได้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้

ทำให้ล่าสุดสาขาของ Uniqlo ในประเทศอินเดียมีเพิ่มขึ้นเป็น 11 สาขาแล้ว หลังบริษัทได้เปิดสาขาแรกในปี 2019 ที่กรุงนิวเดลี ซึ่งการเปิดสาขาในเมืองมุมไบ บริษัทส่งสัญญาณว่าพวกเขากำลังเร่งเพิ่มสาขาอย่างจริงจังในอินเดีย

ไม่เพียงเท่านี้ Fast Retailing เองยังได้เตรียมหาซัพพลายเออร์เพิ่มเติมในประเทศอินเดียเพื่อที่จะผลิตเสื้อผ้าหลังจากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน Fast Retailing กำลังทำงานร่วมกับโรงงานเย็บผ้าและโรงงานมากกว่า 20 แห่งในอินเดีย ซึ่งข้อกำหนดของรัฐบาลอินเดียคือจะต้องมีสินค้าที่ผลิตในประเทศอย่างน้อย 30% ของสัดส่วนสินค้าทั้งหมด

Tomohiko Sei ซึ่งเป็น CEO ของ Uniqlo ในประเทศอินเดียได้กล่าวว่า ด้วยขนาดประชากร การเติบโตทางเศรษฐกิจ ทำให้อินเดียถือเป็นโอกาสสำคัญของบริษัท และไม่ใช่แค่โอกาสสำคัญของแบรนด์เสื้อผ้ารายนี้เท่านั้น แต่เขายังมองว่านี่เป็นโอกาสของบริษัทอื่นๆ ด้วย

นอกจากนี้ CEO รายดังกล่าวยังได้มองว่าทำไมแบรนด์เสื้อผ้ารายนี้ถึงมียอดขายที่เติบโต เขาได้กล่าวว่า “นี่ไม่เกี่ยวกับการขายสินค้าหรือกำไร แต่หมายถึงการเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนทั่วอินเดีย และเป็นแบรนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งของชาวอินเดีย”

บริษัทจากญี่ปุ่นรายนี้ได้ตั้งเป้าที่จะมียอดขายให้ได้ถึง 5 ล้านล้านเยนภายใน 5 ปีที่จะถึงนี้ให้ได้ และอินเดียเป็นอีก 1 ประเทศที่จะช่วยผลักดันยอดขายของบริษัทให้ถึงฝั่งฝันได้ และบริษัทต้องการที่จะเป็นผู้เล่นระดับโลกในด้านการจำหน่ายเสื้อผ้าด้วย

ที่มา – Money Control, Bloomberg, Business Today

]]>
1447285