Art Toy – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 21 Aug 2025 06:58:51 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 ‘POP MART’ เตรียมปล่อย ‘Mini Labubu’ ใช้ห้อยมือถือ พร้อมปักเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ ‘แสนล้าน’ เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน https://positioningmag.com/1534710 Thu, 21 Aug 2025 05:13:13 +0000 https://positioningmag.com/?p=1534710 เรียกได้ว่ามีของใหม่ออกมาละลายทรัพย์แฟน ๆ กันอีกแล้วสำหรับ POP MART โดยยังคงเป็นการเข็นคาแรกเตอร์ที่ฮิตไปทั่วโลกอย่าง ลาบูบู้ (Labubu) แต่มาในไซส์ มินิ ขณะที่ตัวซีอีโอมั่นใจว่าปีนี้ บริษัทสามารถทำรายได้ปีนี้แตะ 3 หมื่นล้านหยวนได้ไม่ยาก หลังครึ่งปีแรกเติบโตกว่า 200%

POP MART แบรนด์ผู้ผลิตของเล่น ของสะสม ได้เปิดเผยผลประกอบการครึ่งปีแรกว่า บริษัทมีรายได้ 1.388 หมื่นล้านหยวน (ราว 6.3 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้น +204.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นพุ่งอยู่ที่ 4.57 พันล้านหยวน (ราว 2 หมื่นล้านบาท) พุ่งขึ้นถึง +396.5% ซึ่งทั้งผลประกอบการและกำไร สูงกว่าที่บริษัทเคยคาดไว้ว่า รายได้จะโตอย่างน้อย 200% และกำไรจะพุ่งขึ้น 350%

ด้วยผลประกอบการสุดแข็งแรงในช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ Wang Ning ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ POP MART เชื่อว่า ผลประกอบการปีนี้จะแตะที่ 3 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.36 แสนล้านบาท) ได้ไม่ยาก ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นถึง เท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 1.3 หมื่นล้านหยวน (ราว 5.9 หมื่นล้านบาท)

ล่าสุด POP MART ก็เตรียมวางขายคอลเลกชันใหม่ Mini Labubu ที่จะออกวางจำหน่ายภายในสัปดาห์หน้า โดยเจ้า Mini Labubu จะสามารถใช้ ห้อยโทรศัพท์มือถือ ได้ ที่ผ่านมา การเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ของบริษัทสามารถทำยอดขายหมดภายในไม่กี่นาที ทำให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันล่ม และมีคนมาต่อแถวรอนอกร้านเป็นเวลานานหลายชั่วโมง

ที่ผ่านมา เจ้า Labubu ได้กลายเป็นเครื่องประดับยอดนิยมไปทั่วโลก หลังจากที่มีคนดังระดับโลกต่างก็สะสมเจ้า Labubu ไม่ว่าจะเป็น Lisa BLACKPINK, Rihanna, Dua Lipa เป็นต้น

ทั้งนี้ แม้รายได้ส่วนใหญ่ของ POP MART จะมาจากประเทศจีน แต่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ รายได้จากประเทศอื่น ๆ กำลังพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในทวีปอเมริกาที่เพิ่มขึ้น +1,142% ในยุโรปและภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มขึ้น +729% ส่วนยอดขายในเอเชีย (ไม่รวมจีน) เพิ่มขึ้น +258% แสดงให้เห็นถึงกระแสความคลั่งไคล้ Labubu เริ่มได้รับความนิยมไปทั่วโลก ซึ่งยอดขายเจ้า Labubu คิดเป็นมากกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด

จากผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และสินค้าใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาด ทำให้ราคาหุ้นของ POP MART พุ่งขึ้นกว่า +12% หลังปิดตลาดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา

SCMP / nytimes

]]>
1534710
ไม่แผ่ว! ‘POP MART’ คาด ครึ่งปีแรกรายได้โต 200% กำไรพุ่ง 350% https://positioningmag.com/1530145 Wed, 16 Jul 2025 04:30:16 +0000 https://positioningmag.com/?p=1530145 บริษัทผู้ผลิตของเล่นจีน POP MART เตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตไปอีกขั้น หลังจากความสำเร็จอย่างล้นหลามของเจ้า Labubu ในตลาดจีนและต่างประเทศ โดยคาดว่ารายได้และกำไรครึ่งแรกของปีจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

หลังจากที่ในเดือนเมษายน POP MART ได้เปิดเผยว่า รายได้ไตรมาสแรกของบริษัทเพิ่มขึ้น +170% จากปีที่แล้ว โดยการเติบโตหลัก ๆ มาจากตลาดต่างประเทศที่เติบโตขึ้นเกือบ +480% และเติบโตเกือบ +100% ในประเทศ

ล่าสุด ในการยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันอังคาร POP MART คาดว่า กำไรในช่วง ครึ่งปีแรก จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย +350% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่แล้ว และรายได้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า +200%

โดยบริษัทระบุว่า การเติบโตในครึ่งแรกของปีมาจากการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์ POP MART และทรัพย์สินทางปัญญาในระดับโลก รวมถึงหมวดหมู่สินค้าที่มีหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ รายได้จากตลาดโลกก็เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง

ส่งผลให้หุ้นเพิ่มขึ้น +1.8% เป็น 268 ดอลลาร์ฮ่องกงในช่วงเช้าของการซื้อขายวันพุธ โดยทาง Nomura ธนาคารการลงทุนสัญชาติญี่ปุ่น ได้ปรับเพิ่มการประเมินราคาหุ้นของ POP MART ขึ้น +13% เป็น 330 ดอลลาร์ฮ่องกง จาก 291 ดอลลาร์ฮ่องกง ในขณะที่ Jefferies ธนาคารการลงทุนสหรัฐ ก็ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย +55% เป็น 315.20 ดอลลาร์ฮ่องกง จาก 203 ดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อสะท้อนกำไรครึ่งแรกที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ 

“เราชอบกลยุทธ์ของผู้บริหารที่มุ่งเน้นไปที่ IP หลักและการลงทุนใน IP เหล่านี้ผ่านสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ IP ของ POP MART ไม่ได้มีแค่กล่องสุ่ม แต่ยังรวมถึงเกม ภาพยนตร์ และหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งอาจช่วยยืดระยะเวลาของ IP หากประสบความสำเร็จ” Annie Ling นักวิเคราะห์จาก Jefferies กล่าว

ทั้งนี้ การขยายตลาดในต่างประเทศ ทำให้แบรนด์มี economies of scale ที่มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทสามารถลดต้นทุน เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น 

ย้อนไปในปี 2024 แบรนด์ POP MART สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด หลังจากที่ ลิซ่า BLACK PINK ได้อวด ลาบูบู้ (Labubu) หนึ่งในคาแรกเตอร์อาร์ตทอยของ POP MART ใน Instagram ส่งผลให้เกิดเป็นกระแสไปทั่วโลก ทำให้ลาบูบู้กลายเป็นสินค้าหายาก จนราคาเคยพุ่งไปหลายเท่าตัว

แม้จะมีการเติมสต๊อกครั้งใหญ่ที่ทำให้ราคารีเซลของเจ้าลาบูบู้กลับมาสู่ภาวะปกติ แต่กระแสดังกล่าวก็ทำให้หุ้นของ POP MART เติบโตขึ้น +343% ในปี 2024 และในปีนี้ มูลค่าหุ้นของ POP MART เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า

Source

]]>
1530145
แอนดี้-วรกันต์ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จปีศาจขนฟู MRKREME https://positioningmag.com/1518533 Wed, 16 Apr 2025 09:59:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1518533 ทำความรู้จัก ‘แอนดี้-วรกันต์ จงธนพิพัฒน์’ ศิลปินผู้ออกแบบและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จ Art Toy สุดฮอตอย่าง MRKREME เจ้าปีศาจขนฟูสีสันสดใส ของสะสมหายากและโด่งดังไกลในเวทีระดับอินเตอร์

 

แอนดี้ เกิดเมื่อปี 2536 โดยเขาเป็นศิลปินแนวป๊อป เซอร์เรียล (Pop Surreal) ที่หลงใหลในศิลปะมาตั้งแต่เด็ก ๆ  และได้รับแรงบันดาลใจจากหนังสือ I AM PLASTIC ที่บอกเล่าเรื่องราวของต้นกำเนิด ตลอดจนวิวัฒนาการ ‘ของเล่น’ ซึ่งปลุกพลังความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าศิลปินเพื่อดีไซน์ของเล่นให้มีความโดดเด่นและแปลกใหม่

 

ด้วยความต้องการที่จะเดินบนเส้นทางที่ตัวเองรัก เขาเลือกเรียนสาขาออกแบบอุตสาหกรรม และตัดสินใจเรียนต่อในระดับปริญญาโท ที่ Pratt Institute ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อผสานทักษะการออกแบบให้เข้ากับศิลปะ

 

แอนดี้เล่าให้ Positioning ฟังว่า การเข้าสู่วงการ Art Toy เกิดจาก Passion ที่อยากทำ จึงเริ่มต้นลองปั้นและหล่อแบบขึ้นมาเอง โดยผลงานตัวแรกก็คือ Rosado มอนสเตอร์ขนฟูในชนเผ่าปลูกเห็ด ผู้บุกเบิกอาณาจักร MRKREME

 

“การดีไซน์พื้นฐานมาจากความชื่นชอบของตัวเองจริง ๆ คือผมชอบมอนสเตอร์อยู่แล้วตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะมอนสเตอร์ยุค 80 ซึ่งเป็นยุคที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น การมีสีสันฉูดฉาด ดีไซน์เหนือจินตนาการ เพราะเป็นยุคที่ผู้คนต้องการมีความสุขหลังต้องเผชิญกับสงคราม”

 

ตอนแรกเขาไม่คิดว่า ผลงานจะขายได้ แต่เมื่อโพสต์ไปในโลกโซเชียลปรากฏมี ‘คนสนใจซื้อ’ และเมื่อนำไปออกงาน Art Toy ก็มีค่ายไต้หวันให้ความสนใจและเซ็นสัญญาเพื่อนำไปผลิตสำหรับวางขาย

 

นั่นทำให้แอนดี้เห็นว่า Art Toy เป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้ให้ได้

จากตัวแรก Rosado เขาได้ขยายโลกแห่งมอนสเตอร์ของตัวเองให้กว้างกว่าเดิม ด้วยผูกเรื่องราวและสร้างตัวละครต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Mushkin มอนสเตอร์ขนฟูสีขาวที่มากินเห็ดของ Rosado แบบไม่ได้รับอนุญาต จนทั้งคู่กลายเป็นศัตรูกัน และขยายสู่ตัวอื่น ๆ กระทั่งตอนนี้โลกมอนสเตอร์ของแอนดี้มีคาแรกเตอร์มากกว่าร้อยตัว อาทิ Corkin, Zable, Gally, Odey ฯลฯ ที่ยังคงเอกลักษณ์ซึ่งเป็นจุดขายไว้อย่างเหนียวแน่น นั่นคือ เป็นมอนสเตอร์ขนฟู สีสันฉูดฉาด แต่แฝงไปด้วยความน่ารัก

 

โดยปัจจุบัน MRKREME เป็นผลงาน Art Toy ที่วางขายในหลายประเทศ อาทิ ไทย ไต้หวัน, ฮ่องกง, สิงคโปร์,  สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, อังกฤษ เป็นต้น ซึ่งงานของเขาติดอันดับ Art Toy ของศิลปินไทยที่หายากและคนยอมจ่ายแม้ราคาจะสูงก็ตาม

นอกจากนี้ ยังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ทั้งจากการร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Birkenstock, Samsung และ The Standard X รวมถึงการแสดงงานทั่วโลกในสหรัฐฯ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ และอื่น ๆ

 

การสร้างสรรค์งานให้โดดเด่นได้นั้น แอนดี้บอกว่า ไม่มีสูตรตายตัว แต่หลัก ๆ มาจากการทำความเข้าใจตัวเอง เพราะทุกคนมีความชอบและลายเซ็นต์ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอยู่แล้ว แค่ศิลปินแต่ละคนเข้าใจตัวเองมากน้อยแค่ไหน และสื่อสารออกมาได้ดีมากน้อยเพียงใด

เมื่อก่อนหลายคนคิดว่า Art Toy ไม่สามารถสร้างรายได้และเป็นอาชีพสำหรับดำรงชีวิตได้ แต่เขายืนยันว่า ‘ได้’ และ ‘มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี’ ซึ่งหากใครอยากเข้ามาวงการนี้ นอกจากการทำความเข้าใจตัวเอง และการถ่ายทอดงานออกมาให้ดีที่สุดแล้ว ต้องยืนระยะให้ยาว ‘ทำในสิ่งที่เราทำ แล้วทำให้ดีไปเรื่อย ๆ อย่าโอนเอนไปกับเทรนด์’ เพื่อรักษาตัวตนและเอกลักษณ์ของตัวเองไว้

 

เพราะเมื่อจังหวะมาหา เราจะสามารถคว้าโอกาสนั้นไว้ได้ และทำในสิ่งที่ทำได้ดี

 

สำหรับเป้าหมายของแอนดี้ ไม่ได้อยากให้งานของตัวเองแมสหรือโด่งดังในระดับโลก ขอแค่มีสเปซดี ๆ มิวเซียมดี ๆ ให้ได้เล่าเรื่องราวที่อยากจะเล่า ได้ลองทำในสิ่งใหม่ ๆ ก็รู้สึกพอใจมากแล้ว

อย่างนิทรรศการ THE BOOTLEG SHOW: การสำรวจต้นฉบับและการบิดเบือน จัดขึ้นตั้งแต่ 5 เม.ย.- 29 มิ.ย.2568 ณ MOCA BANGKOK ที่เริ่มต้นจากคำถามง่าย ๆ ว่า แต่ลึกซึ้ง ‘ความเป็นต้นฉบับคืออะไร?’ ซึ่ง MRKREME เริ่มต้นจากการออกแบบคาแรกเตอร์ Mushkin เพื่อผลิตเป็นอาร์ตทอย แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการผลิตจริง คาแรกเตอร์ที่ออกมานั้นกลับแตกต่างจากต้นแบบอย่างชัดเจน

 

ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ศิลปินหยุด หากกลับกลายเป็นจุดตั้งต้นของการสำรวจใหม่ว่า แก่นแท้ของความคิดสร้างสรรค์อาจไม่ได้อยู่ที่ความสมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ความผิดเพี้ยน การตีความ และมุมมองมากกว่า

 

เช่นเดียวกับตัวเขาที่อยากเรียนรู้และทำความเข้าใจตัวเองผ่านงานศิลปะไปเรื่อย ๆ

]]>
1518533
ฮิตจัดๆ! “POP MART” เซ็นทรัลเวิลด์ ขึ้นแท่นสาขา “ขายดีที่สุดในโลก” คนไทยกระเป๋าหนักรักการสะสม https://positioningmag.com/1453735 Tue, 28 Nov 2023 09:51:53 +0000 https://positioningmag.com/?p=1453735 “POP MART” ร้านอาร์ตทอยชื่อดังจากจีนมาปักหมุดในไทยที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ได้ 2 เดือนกว่า ยอดขายพุ่งระดับปรากฏการณ์เพราะสามารถปั้นยอดขึ้นไปอยู่ “อันดับ 1” กลายเป็นสาขาที่ขายดีที่สุดในโลก จากกำลังซื้อคนไทยกระเป๋าหนัก เดินหน้าสาขา 2 ต่อที่ Terminal 21 อโศก” และเตรียมเปิดป๊อปอัปสโตร์ใหม่ที่ “สยามเซ็นเตอร์” ตามด้วย “Robo Shop” ใหม่ที่ “EMSPHERE” เร็วๆ นี้

ไม่ใช่แค่กระแสฮิตแค่วันเดียว เพราะ “POP MART” ยังคงขายดีต่อเนื่องหลังจากมาเปิดตัวในไทยเมื่อ 2 เดือนก่อน โดย “ศิริพร แผลงจันทึก” Country Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยข้อมูลว่า ยอดขายของสาขาแรกที่ “เซ็นทรัลเวิลด์” ถือว่าเหนือความคาดหมาย

แม้ไม่สามารถบอกตัวเลขเฉพาะเจาะจงได้ แต่เป็นสาขาที่ “ขายดีที่สุดในโลก” ไปแล้ว!

โดย POP MART มีหน้าร้านขายอยู่ในประเทศต้นกำเนิดคือ “จีน” และอีก 23 ประเทศทั่วโลก แต่สาขาไทยสามารถทำยอดแซงหน้าแม้แต่ในจีนไปได้

POP MART
“ศิริพร แผลงจันทึก” Country Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

“2 เดือนแรกที่เปิด เราทำยอดขายได้เกินเป้าไป 4-5 เท่า เรียกว่าเติมสต็อกเท่าไหร่ก็ไม่พอ” ศิริพรกล่าว “อาจจะเป็นเพราะเป็นสาขาเปิดใหม่ด้วย ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น”

ยอดขายที่ได้นี้ นอกจากสาขาแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ POP MART ยังมีการตั้ง “Robo Shop” เป็นตู้ขายสินค้าอาร์ตทอยไปอีก 2 จุดด้วยที่ “แฟชั่นไอส์แลนด์” และ “สยามเซ็นเตอร์” ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีทั้ง 2 แห่ง

 

คนไทยกระเป๋าหนัก “ไซส์ 1000%” ขายเกลี้ยง

ศิริพรกล่าวว่า จากโปรไฟล์ลูกค้าที่พบในช่วง 2 เดือนแรก ลูกค้าหลักจะเป็นคนไทย ชาวต่างชาติยังเข้ามาไม่มาก แต่คาดว่าในช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยว น่าจะมีลูกค้าต่างชาติมากขึ้น

ทำให้ยอดขายที่ได้นี้นับว่ามาจากกำลังซื้อคนไทยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อสูงที่นิยมซื้ออาร์ตทอยประเภท “MEGA ไซส์ 1000%” ของเล่นขนาดใหญ่พิเศษ ราคาชิ้นละประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป และเป็นของที่มีจำนวนจำกัดมากในโลก เช่น ผลิตเพียง 999 ตัว สินค้าประเภทนี้มักจะหมดตั้งแต่วันแรกที่วางขาย

POP MART
อาร์ตทอย MEGA 1000% และ 400% กลุ่มไซส์ใหญ่พิเศษ

ส่วนสินค้ากล่องสุ่ม (blind box) ราคา 300-400 บาทก็ขายดีเช่นกัน และพบว่าคนไทยเป็นนักสะสมมากกว่าที่คาด มีความสนใจศิลปินหลากหลายมาก

จากยอดขายที่ดีมาก ทำให้หลังจากนี้ POP MART ไทยจะได้รับโควต้าการจัดสรรสินค้า (allocation) กลุ่ม MEGA ไซส์ 1000% เข้ามามากขึ้น และบริษัทจะเพิ่ม SKUs ของกล่องสุ่มในการจำหน่ายมากขึ้น

 

เนื้อหอม! แบรนด์เข้าหาขอ “คอลแลป”

ด้านการสร้างรายได้อีกส่วนหนึ่งของ POP MART นั่นคือการ “คอลแลป” แบรนด์ต่างๆ ศิริพรกล่าวว่า ขณะนี้มีแบรนด์หลายรายเข้ามาติดต่อสร้างโปรเจกต์ร่วมกันแล้ว มีทั้งแบรนด์สากลที่ต้องการทำตลาดเฉพาะในไทย และแบรนด์ไทยเองก็สนใจเช่นกัน

การคอลแลปแบรนด์ทำได้หลากหลาย ยกตัวอย่างเคสที่ผ่านมา เช่น  “Dimoo x KFC” สร้างสรรค์อาร์ตทอยคอลเลกชันพิเศษให้กับร้านฟาสต์ฟู้ดในจีน, “Crybaby x Crocs” สร้างคอลเลกชันตุ๊กตาที่ไว้ประดับรองเท้า Crocs โดยเฉพาะ หรือ “POP MART x Uniqlo” นำคาแรกเตอร์ของร้านไปไว้บนเสื้อของ Uniqlo โปรเจกต์นี้ในไทยก็มีขายเช่นกันโดยเป็นเสื้อลายคาแรกเตอร์ Molly

ตัวอย่างโปรเจกต์คอลแลปแบรนด์ “Crybaby x Crocs” (Photo: POP MART)

 

สาขา 2 เปิดต่อที่ “Terminal 21 อโศก”

ตามแผนของ POP MART จะขยายสาขา 20 สาขาในไทย และมีตู้ Robo Shop 50 จุด ภายใน 5 ปีข้างหน้า

แม้มาเพียง 2 เดือนแต่ปังมาก บริษัทจึงรีบขยายสาขา 2 ต่อที่ “Terminal 21 อโศก” ชั้น M โดยเป็นร้านขนาด 145 ตร.ม. (เล็กกว่าเซ็นทรัลเวิลด์เล็กน้อย) เปิดวันแรก 29 พฤศจิกายน 2566

POP MART
POP MART สาขา 2 ในไทยที่ Terminal 21 อโศก

รวมถึง 7 ธันวาคมนี้ จะเปิดป๊อปอัปสโตร์ใหม่ต้อนรับเทศกาลเฉลิมฉลองที่ “สยามเซ็นเตอร์” ตามด้วยเร็วๆ นี้ จะเปิด Robo Shop แห่งใหม่ที่ “EMSPHERE” ศูนย์การค้าที่กำลังจะเปิดตัวของเดอะมอลล์ กรุ๊ป

จากความฮิตที่คาดไม่ถึงจนมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในงานวันเปิดสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ทำให้สาขา 2 มีการจัดระบบใหม่ให้ลงทะเบียน “Online Booking” มาก่อนในช่วง 5 วันแรกที่เปิดสาขา โดยระบบจะเปิดรับเพียง 600 คนต่อวัน ซึ่งศิริพรกล่าวว่ามีลูกค้าลงทะเบียนเต็มโควต้า 2 วันแรกเรียบร้อยแล้ว

สาขา Terminal 21 อโศกก็จะมีอาร์ตทอย “ลิมิเต็ด อิดิชั่น” มาขายในวันเปิดตัวเช่นกัน ได้แก่

  • MEGA SPACE MOLLY Disney 100th Celebration 400% และ 1000% เปิดตัวครั้งแรกที่นี่ ที่ประเทศไทย
  • BABY MOLLY GREY ขนาดพิเศษ ที่ปกติจะขายในงาน Art Toys Show เท่านั้น
  • MOLLY Toy Musem Figure คาแรกเตอร์ MOLLY ในธีมพิเศษสวมชุดสูท
  • LABUBU Hedgehog Figure คอลเลกชั่นพิเศษที่ไปเปิดตัวใน 2023 Singapore POP Toy Show จะมาขายที่นี่ด้วย
  • Disney 100th Celebration Bell Series ซีรีส์ฉลองครบ 100 ปี “ดิสนีย์” ที่คาแรกเตอร์ดิสนีย์จะมาอยู่ในระฆังสำหรับนำไปประดับต้นคริสต์มาส
ตัวอย่างสินค้าจาก Disney 100th Celebration Bell Series

ใครสนใจคงต้องรีบลงทะเบียน ยังเหลือสล็อตวันที่ 1-3 ธันวาคมนี้ให้จับจองเป็นคนแรกๆ ที่ได้เข้าไปเลือกซื้ออาร์ตทอย

]]>
1453735
“POP MART” กับเส้นทางสู่รายได้กว่า 2 หมื่นล้าน จากการเปลี่ยนสินค้า “นิช” ให้เป็น “แมส” https://positioningmag.com/1445067 Thu, 21 Sep 2023 06:34:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445067 เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา เกิดปรากฏการณ์คนแห่ต่อคิวข้ามคืนหน้าร้าน “POP MART” สาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อช่วงชิงกันซื้อ ตุ๊กตาของเล่น ภายในร้าน เรียกเสียงฮือฮาว่าทำไมคนจำนวนมากถึงอยากครอบครองตุ๊กตาเหล่านี้

ร้าน POP MART ไม่ได้ขายของเล่นประเภทที่ทำมาให้เด็กเล่น แต่เป็นร้านขาย “Art Toy” งานศิลปะในรูปแบบของเล่นสำหรับให้ผู้ใหญ่ได้สะสม

ตุ๊กตาน่ารักๆ เหล่านี้ทำเงินให้กับ POP MART ไป 4,617 ล้านหยวน (มากกว่า 22,000 ล้านบาท) และทำกำไรสุทธิ 475 ล้านหยวน (มากกว่า 2,300 ล้านบาท) เมื่อปี 2022  โดยจำหน่ายผ่านออนไลน์ส่งออกไปทั่วโลก และมีหน้าร้านอยู่ใน 23 ประเทศ

ทำไมสินค้าที่ดูเป็นของเฉพาะกลุ่มหรือ “นิชมาร์เก็ต” จึงสามารถปั้นกระแสทำเงินได้หลายหมื่นล้าน ต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของบริษัทกัน

POP MART
ร้าน POP MART สาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์

 

งานศิลปะที่เข้าถึงง่าย

POP MART ก่อตั้งโดยชายชาวจีนชื่อ “Wang Ning” เมื่อปี 2010 เปิดสาขาแรกที่เมืองหนานหนิง ประเทศจีน

ทีแรกที่เปิดร้านเขาเริ่มจากการขายสินค้าไลฟ์สไตล์ทั่วไป เน้นเจาะตลาดคน Gen Y แต่เปิดไปได้ 2-3 ปี ร้านกลับไม่ทำกำไรเพราะขายของสารพัดอย่างมากเกินไป Wang จึงลองวิเคราะห์ธุรกิจตัวเองว่าจะทำอย่างไรต่อเพื่อให้ร้านอยู่รอด

สิ่งที่เขาพบคือ สินค้าที่ขายดีที่สุดของร้านคือ “Art Toy”

POP MART
Art Toy จากฝีมือศิลปิน Skullpanda

เมื่อจับจุดได้ว่า Art Toy เป็นสินค้ามาแรงในยุคแห่ง Pop Culture เขาจึงไปหาอินไซต์จากนักสะสมว่า งานของศิลปินคนไหนกำลังดังและเป็นที่ต้องการในตลาด

เป็นที่มาของการเข้าไปจีบ “Kenny Wong” ศิลปินชาวฮ่องกงผู้สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ “Molly” ให้มาร่วมงานกับ POP MART

Wang ขายงานกับ Kenny ว่า กลยุทธ์ของเขาคือจะขอ ‘ย่อไซส์’ ตุ๊กตา Molly ให้มีขนาดเล็ก เพื่อทำราคาให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และจะทำตลาดเหมือนสินค้า “แมสมาร์เก็ต” วางขายในศูนย์การค้ากลางเมือง

สรุปว่า Kenny Wong ตกลง และ Molly ไซส์เล็กที่ผลิตออกมาแค่ 200 ชุดร่วมกับ POP MART ก็ขายหมดเกลี้ยงทันทีตั้งแต่วันแรก เป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดัน Art Toy ไปสู่ตลาดแมส ด้วยราคาที่เอื้อมถึงได้สำหรับคนทั่วไป ไม่ใช่งานศิลปะที่ต้องมีเงินหกหลักเพื่อครอบครองสักชิ้นหนึ่ง

 

“กล่องสุ่ม” สร้างแรงซื้อและตลาดรีเซล

Wang Ning ยังนำไอเดีย “กาชาปอง” ของญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้กับร้านของตัวเองด้วย

โดยเขาจะร่วมงานกับศิลปินให้ออกแบบตุ๊กตา 8-12 แบบต่อ 1 คอลเล็กชัน แต่เวลาขายจะเป็น “กล่องสุ่ม” (Blind Box) ลูกค้าเลือกไม่ได้ว่าจะซื้อแบบไหน ต้องลุ้นตอนแกะกล่องว่าจะได้ตัวที่ชอบหรือเปล่า ยกเว้นถ้าเลือกซื้อแบบเหมาทั้งคอลเล็กชันก็จะได้ครบทุกตัวทุกแบบ

ระบบ “กล่องสุ่ม” ลุ้นว่าจะได้ตัวไหนในคอลเล็กชัน

แต่เสน่ห์ของกล่องสุ่มมีมากกว่านั้น คือในแต่ละคอลเล็กชันจะมีการซ่อนตุ๊กตา ‘Secret’ หรือตัวพิเศษที่ผลิตมาจำนวนจำกัด อัตราสุ่มเจอน้อยมาก เช่น 1 ใน 400 ตัว เพื่อจะดึงนักสะสมให้ซื้อแบบสุ่ม ลุ้นรับตุ๊กตาตัวพิเศษที่เป็น ‘ของแรร์’ ไปครอง

นอกจากคุณค่าทางใจที่ได้ของพิเศษมาไว้ในมือแล้ว ตุ๊กตาที่มีจำนวนจำกัดยังได้ราคารีเซลที่สูงมากด้วย

กลยุทธ์กล่องสุ่มจึงหล่อเลี้ยงให้ลูกค้าได้ ‘ลุ้น’ และทำให้เกิดมูลค่าของคาแรกเตอร์นั้นๆ จากการรีเซลราคาสูงของตุ๊กตาแรร์ไอเทมในตลาด

 

ประกบ “ศิลปิน” ดีลธุรกิจร่วมกันครบวงจร

หลังจากเปลี่ยน POP MART มาเป็นร้านขาย Art Toy เต็มตัวตั้งแต่ปี 2014 และกิจการเริ่มตั้งตัวได้ สิ่งที่สำคัญมากของบริษัทคือการหาดีลกับศิลปินดังหรือมีศักยภาพ เพื่อปั้นกระแสทำการตลาดและผลิตสินค้าลิขสิทธิ์ร่วมกัน

ปัจจุบัน POP MART ทำงานกับศิลปินมาแล้วนับ 100 ราย แต่จะมีกลุ่มศิลปินที่ถือว่าดีลเหนียวแน่น มีผลงานร่วมกับร้านมาตลอด เช่น Kenny Wong เจ้าของผลงาน Molly, Kasing Lung เจ้าของผลงาน The Monsters, Ayan Deng เจ้าของผลงาน Dimoo, PUCKY เจ้าของคาแรกเตอร์ PUCKY, Skullpanda เจ้าของคาแรกเตอร์ Skullpanda

งานของศิลปิน PUCKY

POP MART ต้องการจะเฟ้นหาศิลปินดาวรุ่งเพื่อมาปั้นงานร่วมกันต่อเนื่อง จึงก่อตั้ง Pop Design Center (PDC) ขึ้นเมื่อปี 2017 เพื่อเป็นแหล่งค้นหาศิลปินหน้าใหม่มาทำงานด้วยกัน

โดยวิธีทำงานของ PDC จะไม่ใช่แค่คัดเลือกงานขั้นสุดท้าย แต่เข้าหาศิลปินตั้งแต่ยังทำงาน 2D และพัฒนางานเป็น 3D ร่วมกัน มุ่งสู่การออกแบบสินค้า ผลิตสินค้า ทำการตลาด และการจำหน่ายครบวงจร ซึ่งทำให้ POP MART เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่นที่มักจะรับงานที่ผลิตเสร็จแล้วมาจำหน่ายเท่านั้น

 

จากจีนสู่ “ระดับโลก”

POP MART เริ่มขยายหน้าร้านออกต่างประเทศครั้งแรกในปี 2018 มุ่งสู่การทำตลาดโลกเต็มตัว

ปัจจุบันบริษัทมีหน้าร้านใน 23 ประเทศ รวมกว่า 460 สาขา โดยแบ่งเป็นในประเทศจีน 400 สาขา ส่วนต่างประเทศมี 60 สาขา

“Justin Moon” ประธาน POP MART International

“Justin Moon” ประธาน POP MART International หัวเรือในการขยายตลาดต่างประเทศ วิเคราะห์ ‘key success’ ที่ทำให้ POP MART ประสบความสำเร็จนอกจากกลยุทธ์ที่กล่าวไปข้างต้น ได้แก่

  1. มีฐานตลาดใน “จีน” เท่ากับได้ลูกค้ากลุ่มใหญ่ของโลกมาเป็นฐานไว้ก่อนออกสู่ระดับสากล
  2. มีโรงงานผลิตของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพา OEM บริหารการผลิตได้ครบวงจร
  3. คุณภาพการผลิต ควบคุมอย่างละเอียดเพื่อให้งานศิลปะออกมาสมบูรณ์แบบ ลูกค้าพึงพอใจ
  4. การบริหารการผลิตให้พอดีกับดีมานด์ จึงบริหารต้นทุนได้ดี
  5. ทำการตลาดเจาะกลุ่ม “ผู้หญิง” โดยปัจจุบันลูกค้า 70% เป็นผู้หญิง ทำให้ได้ตลาดที่แตกต่างจากฟิกเกอร์อนิเมะที่มักจะได้ฐานลูกค้าผู้ชาย
POP MART
ความน่ารักของตุ๊กตายิ่งทำให้กลุ่มลูกค้าผู้หญิงชื่นชอบได้ง่าย

Justin ระบุว่า รายได้ของ POP MART ทั้งบริษัทปัจจุบัน 85% ยังมาจากจีน 15% มาจากต่างประเทศ แต่การเติบโตของตลาดต่างประเทศรวดเร็วมาก โดยช่วงครึ่งปีแรก 2023 รายได้จากต่างประเทศโตถึง 139.8% เทียบกับรายได้รวมบริษัทที่โต 19.3%

การเติบโตระดับนี้ทำให้บริษัทคาดว่า เป็นไปได้ที่รายได้ในอนาคต 50% จะมาจากจีน และ 50% มาจากต่างประเทศ หรือครึ่งต่อครึ่งนั่นเอง

 

“คนไทย” สุดยอดนักสะสม

สำหรับประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ 7 ในเอเชียที่ POP MART เข้ามาเปิดหน้าร้าน (ไม่รวมจีน) โดยเป็นการร่วมทุนกับ Minor Lifestyle ในเครือ “ไมเนอร์” (POP MART เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ขอสงวนไม่แจ้งสัดส่วนร่วมทุน)

พร้อมเป้าจะเปิดร้านถาวรและป๊อปอัพสโตร์รวม 20 สาขาทั่วไทย รวมถึงตู้ขายสินค้าอัตโนมัติอีก 50 ตู้ ให้ได้ภายใน 5 ปี

ผลงาน CryBaby จากศิลปินไทย “มอลลี-นิสา ศรีคำดี”

แม้จะมาช้าแต่ว่าเมืองไทยถูกคาดหวังยอดขายไว้สูงมาก บริษัทเชื่อว่ายอดขายในไทยจะพุ่งแซงหน้าทุกประเทศในเอเชียไม่รวมจีน แซงแม้แต่ประเทศกำลังซื้อสูงอย่างสิงคโปร์ เกาหลีใต้ หรือญี่ปุ่น

“คนไทยจริงจังกับการสะสมมาก ลูกค้าจะซื้อจนกว่าจะมีครบทุกตัวในซีรีส์นั้น” Justin กล่าว “เราสังเกตว่ากลุ่มคนไทยที่กำลังซื้อสูงบินไปซื้อ Art Toy ที่เกาหลีใต้กันเยอะ และตัดสินใจเร็ว ทันทีที่คอลเล็กชันใหม่ออกจะเหมาซื้อเลย”

นอกจากคนไทยเองแล้ว POP MART คาดหวังรายได้จากนักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่บินเข้าไทยในแต่ละปีด้วย รวมถึงนักท่องเที่ยว “จีน” เองที่จะเข้ามาช้อปงาน Art Toy กลับบ้าน เพราะร้านมักจะมีกลุ่มคอลเล็กชันพิเศษที่วางขายเฉพาะหน้าร้านสาขานั้นหรือในประเทศนั้น เป็นตัวกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวมาแวะร้านเพื่อหาซื้อรุ่นพิเศษ

ที่สำคัญอีกส่วนคือ POP MART มุ่งมั่นค้นหา “ศิลปินไทย” เพื่อร่วมงานผลิตสินค้าด้วย ปัจจุบันมีศิลปินที่ได้ร่วมงานแล้วคือ มอลลีนิสา ศรีคำดี เจ้าของผลงาน “CryBaby” ที่กำลังฮิตสุดๆ และอนาคตร้านน่าจะได้สนับสนุนงานของศิลปินไทยอีกหลายคนแน่นอน

]]>
1445067