Bank of Thailand – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Wed, 07 Feb 2024 14:25:25 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 แบงก์ชาติยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% ขณะที่นักวิเคราะห์เปลี่ยนมุมมอง อาจได้เห็นลดดอกไวสุดเดือนเมษายน https://positioningmag.com/1461855 Wed, 07 Feb 2024 12:49:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1461855 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% อย่างไรก็ดีสำหรับมุมมองของนักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินจากต่างประเทศมองว่าอาจมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายไวที่สุดในช่วงเดือนเมษายน

กนง. ได้ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.5% โดยให้เหตุผลถึงการคงดอกเบี้ยว่าเศรษฐกิจไทยจากการบริโภคที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง และมองว่าอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่ง กนง. มองว่าเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว

มติการประชุมครั้งนี้อยู่ที่ 5 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ 2 เสียงให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% และมติดังกล่าวถือว่าเป็นมติเสียงแตกนับตั้งแต่รอบการประชุมในเดือนสิงหาคมปี 2022 เป็นต้นมา

ผลสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg นั้น 24 รายมองตรงกันว่าจะคงดอกเบี้ย ขณะที่สำนักข่าว Reuters ได้สำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 27 รายก็มีมติเอกฉันท์มองว่าคงดอกเบี้ยเช่นกัน

เศรษฐกิจไทยในปลายปี 2023 ทาง กนง. มองว่าเติบโตชะลอลงกว่าคาดเป็นผลจากการส่งออกสินค้าและการผลิตที่ฟื้นตัวช้าตามภาวะการค้าโลกและสินค้าคงคลังที่อยู่ในระดับสูง การเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำให้รายรับต่อคนน้อยกว่าในอดีต และการลงทุนภาครัฐที่ลดลงในช่วงที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีล่าช้า

สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2024 นี้ กนง. มองว่ามีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากภาคการส่งออกและการผลิต เนื่องจากอุปสงค์โลกและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างกระทบการขยายตัวของการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวมากกว่าที่ประเมินไว้ แต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ

ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อในปีนี้ กนง. มองว่ามีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำใกล้เคียง 1% ก่อนที่จะทยอยเพิ่มขึ้นในปีหน้าขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวใกล้เคียงเดิม อย่างไรก็ดียังต้องติดตามความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลต่อราคาพลังงาน ผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ

มุมมองสถาบันการเงินจากต่างประเทศได้ให้มุมมองก่อนมติการประชุมออกมา Citi มองว่าน่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 รอบ รอบแรกในเดือนเมษายน และรอบเดือนมิถุนายน ทางด้านของ J.P. Morgan ได้ให้มุมมองว่าไทยอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2024

ส่วนทางด้านของ UOB สถาบันการเงินจากสิงคโปร์ และ SCB EIC ให้มุมมองสวนทางเหล่าสถาบันการเงินข้างต้นโดยมองว่า กนง. จะมีมติคงดอกเบี้ยที่ 2.5% จนถึงปลายปี 2024

ทางด้านบทวิเคราะห์ของ Bank of America ที่ออกหลังจากมติการประชุมวันนี้ มองว่ามติที่ไม่เอกฉันท์ 5:2 เป็นโอกาสที่จะทำให้ กนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปีนี้ คาดว่าจะอยู่ในเดือนมิถุนายน แต่ก็มองว่ารอบการประชุมในเดือนเมษายนนั้นมีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน ถ้าหากตัวเลขทางเศรษฐกิจไทยแย่กว่าที่คาด โดยความเสี่ยงที่สถาบันการเงินรายนี้มองไว้คือมาตรการดิจิทัลวอลเล็ตไม่สามารถออกมาได้ รวมถึงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

]]>
1461855
ดอกเบี้ยนโยบายไทยสูงสุดในรอบ 10 ปีแล้ว หลัง กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ล่าสุดอยู่ที่ 2.5% https://positioningmag.com/1445736 Wed, 27 Sep 2023 07:46:42 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445736 ดอกเบี้ยนโยบายไทยสูงสุดในรอบ 10 ปีแล้ว หลัง กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ล่าสุดอยู่ที่ 2.5% ขณะเดียวกันก็ยังมีการปรับตัวเลขเป้าหมายของ GDP ไทย ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตต่ำกว่า 3% แล้ว 

กนง. ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% โดยให้เหตุผลถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ที่ 2.5% และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงสุดในรอบ 10 ปี

โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ 2.5% นี้ต้องย้อนไปถึงปี 2013 และไทยไม่เคยมีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าตัวเลขดังกล่าวเลยหลังจากปีดังกล่าว ก่อนที่จะ กนง. จะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมปี 2022 ที่ผ่านมา

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์หลากหลายสถาบันการเงินนั้นต่างให้มุมมองทั้งมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้แบบเสียงแตก ต่างกับหลายครั้งก่อนหน้านี้ โดยผลสำรวจของ Bloomberg นั้นนักเศรษฐศาสตร์ 11 คนคาดว่าจะมีการคงอัตราดอกเบี้ย แต่ 10 คนมองว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ผลการประชุม กนง. เศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัว แม้จะขยายตัวชะลอลงในปีนี้จากอุปสงค์ต่างประเทศ โดยอัตราการขยายตัวในปี 2567 จะเพิ่มสูงขึ้นจากทั้งอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นในปี 2567

ในการประชุม กนง. ยังมีการปรับคาดการณ์ GDP ไทยในปีนี้เติบโต 2.8% และปี 2024 ที่ 4.4% (ดูได้จากรูปด้านล่าง) ปัจจัยสำคัญมากจากการบริโภคภาคเอกชนในปีนี้ ขณะที่ในปีหน้าได้ปัจจัยมาจากอุปสงค์ในประเทศ ภายใต้บริบทที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง และภาคการส่งออกสินค้ากลับมาขยายตัว รวมถึงนโยบายภาครัฐ

ขณะที่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อนั้น กนง. คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.6% ในปีนี้ และ 2.6% ในปีหน้า แต่มองความเสี่ยงถึงผลกระทบจากเอลนีโญ รวมถึงผลกระทบของนโยบายภาครัฐ

อย่างไรก็ดี ในการประชุมครั้งนี้ กนง. มีมุมมองว่าการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ท่ีอาจได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ

บทวิเคราะห์ของ Citi ที่วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยเมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา มองว่าอัตราดอกเบี้ยของไทยจะมีระดับสูงสุดที่ 2.50% โดยอ้างอิงการประชุมของ กนง. ในรอบที่ผ่านมา และจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2025 และไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเร็วๆ นี้

ทางด้าน Goldman Sachs ได้ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอาเซียน โดยมองว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% ยาวไปถึงปี 2025 จากเดิมที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ของปี 2024 โดยให้เหตุผลจากการคงดอกเบี้ยเป็นระยะยาวของธนาคารกลางสหรัฐฯ

Note: เพิ่มบทวิเคราะห์จาก Goldman Sachs และอัพเดตมุมมองจาก Citi

]]>
1445736
แบงก์ชาติเร่งผลักดันใช้เงินหยวน ริงกิต รูเปียห์ ในการทำธุรกิจ เพื่อลดความผันผวนของค่าเงินบาท https://positioningmag.com/1440149 Tue, 08 Aug 2023 06:02:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1440149 ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยใช้สกุลเงิน หยวน ริงกิต รูเปียห์ หรือสกุลเงินอื่นในทวีปเอเชียในการทำธุรกิจเพิ่มมากขึ้น เพื่อที่จะลดความผันผวนของค่าเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าว Bloomberg ได้สัมภาษณ์พิเศษ อลิศรา มหาสันทนะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยแผนการล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทยคือต้องการที่จะลดความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งมาตรการที่จะผลักดันคือการใช้สกุลเงินต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการไทย

สกุลเงินที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะผลักดันก็คือ เงินหยวนของจีน และริงกิตมาเลเซีย รูเปียห์ของอินโดนีเซีย รวมถึงสกุลอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งทางฝ่ายไทยกำลังดำเนินการพูดคุยกับธนาคารกลางจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เพื่อที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่จะทำให้สามารถรับชำระเงินสกุลดังกล่าวได้

ข้อมูลในปี 2022 ที่ผ่านมา สกุลเงินต่างประเทศที่ใช้ในการค้ามากสุดคือดอลลาร์สหรัฐ 79.6% ขณะที่สกุลเงินอื่นๆ นั้นแทบไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ จึงเป็นอีกเหตุผลทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องการผลักดัน

มาตรการที่จะผลักดันของธนาคารแห่งประเทศไทยหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็น

  • หารือกับธนาคารกลางจีนเพื่อผ่อนปรนกฎการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและเพิ่มสภาพคล่องเงินหยวน
  • เรียกร้องให้ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยลดต้นทุนการทำธุรกรรมเงินหยวน
  • จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ผู้ประกอบธุรกิจรู้จักการใช้เงินสกุลท้องถิ่นในการค้ารวมถึงการลงทุน
  • ขยายวงเงินการทำธุรกรรมท่ีไม่ต้องแสดงเอกสาร สำหรับสกุลเงินริงกิตมาเลเซีย รูเปียห์ของอินโดนีเซีย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องผลักดันมาตรการดังกล่าวออกมาคือความผันผวนของค่าเงินบาทไทยถือว่าติดอันดับต้นๆ ของภูมิภาคนี้ ซึ่งปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทยนั้นทำให้ค่าเงินผันผวน ไม่ว่าจะเป็นดุลบัญชีเดินสะพัด นักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หรือแม้แต่ในไทย รวมถึงปัจจัยทางการเมืองของไทยด้วยในช่วงที่ผ่านมา

มาตรการดังกล่าวของธนาคารแห่งประเทศไทยได้พยายามผลักดันมาตั้งแต่ปี 2011 แต่ประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่องของสกุลเงินท้องถิ่น ค่าทำธุรกรรมป้องกันความเสี่ยงที่สูง และยังรวมถึงหลายฝ่ายไม่ทราบว่าสามารถใช้สกุลเงินต่างประเทศใช้จ่ายได้

ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ต้องการให้เงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด และตามปัจจัยพื้นฐาน และธนาคารแห่งประเทศไทยจะแทรกแซงค่าเงินบาทต่อเมื่อมีการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป หรือความเคลื่อนไหวที่ขัดกับปัจจัยพื้นฐาน แต่วิธีที่ดีที่สุดของภาคธุรกิจคือเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน

]]>
1440149
ดอกเบี้ยนโยบายไทยสูงสุดในรอบ 9 ปีแล้ว ล่าสุดอยู่ที่ 2.25% หลัง กนง. ปรับอัตราดอกเบี้ย https://positioningmag.com/1439563 Wed, 02 Aug 2023 07:51:55 +0000 https://positioningmag.com/?p=1439563 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นอยู่ที่ 2.25% แล้ว สูงสุดในรอบ 9 ปี โดยนักวิเคราะห์บางคนคาดว่านี่อาจเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของไทยแล้วด้วยซ้ำ

กนง. ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% โดยให้เหตุผลถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

โดยการปรับอัตราขึ้นดอกเบี้ยตรงกับนักวิเคราะห์ 19 รายจาก 21 รายที่ Bloomberg ได้สำรวจไว้ก่อนจะมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ที่ทางสำนักข่าว Reuters ได้ทำการสำรวจนักวิเคราะห์ไว้ทั้งหมด 22 รายนั้น นักวิเคราะห์มากถึง 18 รายมองว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้

เหตุผลอีกประการที่ กนง. ประกาศขึ้นดอกเบี้ยคือต้องการที่จะรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้าที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงป้องกันการสะสมความไม่สมดุลทางการเงินที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน

การปรับดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นได้ปรับขึ้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมในปีที่ผ่านมา หลังจากที่ไทยได้ใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% มาตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19

กนง. ยังได้ให้มุมมองถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่มีมากขึ้น จากทั้งภาคการส่งออกสินค้าที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าคาด รวมถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง

นอกจากนี้ในถ้อยแถลงของ กนง. ยังได้กล่าวว่า นโยบายการเงินยังควรดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายอย่างยั่งยืนควบคู่กับให้ความสำคัญกับเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มและความเสี่ยงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

โดยนักวิเคราะห์ของ OCBC คาดว่าไทยจะคงดอกเบี้ยหลังจากนี้ หลังจากเงินเฟ้อของไทยลดลง ขณะที่เศรษฐกิจของไทยยังได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยว ขณะที่นักวิเคราะห์ของ HSBC มองว่าถ้าหาก กนง. ปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกรอบอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้ ซึ่งถ้าหากมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นอาจต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง

]]>
1439563
กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ล่าสุดอยู่ที่ 2% แล้ว กังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อของไทยหลังจากนี้ https://positioningmag.com/1432645 Wed, 31 May 2023 07:27:56 +0000 https://positioningmag.com/?p=1432645 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นอยู่ที่ 2% แล้ว โดยปัจจัยที่ กนง. กังวลเรื่องหลักคือปัญหาเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้นได้หลังจากนี้

กนง. ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% โดยให้เหตุผลถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดยการปรับอัตราขึ้นดอกเบี้ยตรงกับนักวิเคราะห์ 22 รายจาก 24 รายที่ Bloomberg ได้สำรวจไว้ก่อนจะมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้

ขณะเดียวกัน กนง. ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.6% ในปีนี้และ 3.8% ในปีหน้า จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลบวกต่อการจ้างงานและรายได้แรงงาน และเป็นแรงส่งต่อเนื่องไปยังการบริโภคภาคเอกชน

ในด้านการส่งออกของไทยนั้นทยอยฟื้นตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ และคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นในระยะต่อไป สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่แม้จะชะลอลงบ้างแต่ยังมีทิศทางขยายตัว

ทางด้านอัตราเงินเฟ้อนั้น กนง. คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง จากแรงกดดันจากค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่ทยอยคลี่คลาย โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่ 2.5% ในปีนี้และ 2.4% ในปีหน้า

อย่างไรก็ดี กนง. มองความเสี่ยงด้านอัตราเงินเฟ้ออาจไม่ปรับตัวลดลง จากแรงกดดันด้านความต้องการสินค้าบริการในบริบทที่เศรษฐกิจขยายตัวดี รวมถึงการส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการ รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะต่อไปหลังจากนี้

ขณะที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจสำคัญที่ กนง. จับตามองได้แก่ เงินเฟ้อไทยอาจเร่งขึ้นมากกว่าที่คาด ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะต่อไป รวมถึงแนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินโลก ทำให้ กนง. พร้อมที่จะปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากเงื่อนไขดังกล่าวเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้

]]>
1432645
กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% กังวลเรื่องเงินเฟ้อค้างนาน มองวิกฤตแบงก์นอกกระทบไทยจำกัด https://positioningmag.com/1425217 Wed, 29 Mar 2023 08:23:04 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425217 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นอยู่ที่ 1.75% แล้ว โดยปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยในปีนี้ลง เนื่องจากภาคการส่งออกที่อาจอ่อนแอ ขณะเดียวกันก็ยังมองว่ากรณีของ SVB หรือ Credit Suisse กระทบไทยจำกัด

กนง. ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% โดยให้เหตุผลถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ โดยการปรับอัตราขึ้นดอกเบี้ยตรงกับนักวิเคราะห์ 19 รายจาก 25 รายที่ Bloomberg ได้สำรวจไว้ก่อนที่จะมีการประกาศขึ้นดอกเบี้ยในวันนี้

อย่างไรก็ดีคาดการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยนั้น กนง. มองว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.6% ลดลงจากคาดการณ์ครั้งที่แล้ว โดยข้อดีที่ กนง. มองคือจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาถึง 28 ล้านคน ซึ่งส่งผลบวกต่อการจ้างงานและรายได้แรงงาน รวมถึงเป็นแรงส่งต่อเนื่องไปยังการบริโภคภาคเอกชนก็ตาม แต่ได้ปรับลดตัวเลขการบริโภคภาครัฐ รวมถึงการส่งออกในปีนี้ลง ขณะที่ในปี 2024 ทาง กนง. คาดว่า GDP ไทยจะเติบโตได้ 3.8%

ทางด้านของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้ กนง. คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 2.9% และลดลงมาเหลือ 2.4% ในปีหน้า โดยมองว่าราคาพลังงานและราคาไฟฟ้าที่ลดลง แต่ก็ยังมีความกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการต้องเผชิญภาวะต้นทุนสูงต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ส่งผลทำให้ความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ​นั้น กนง. มองว่ามีความผันผวน ตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีความไม่แน่นอน นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงผลกระทบจากจากปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว อย่างกรณีของ SVB และ Credit Suisse ซึ่ง กนง. มองว่าประเทศไทยไม่ได้รับผลดังกล่าว แต่ก็ต้องติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ในบทวิเคราะห์ของ UOB มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย และจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยไปตลอดในปีนี้ และมองว่า กนง. เหลือช่องว่างทางนโยบายไม่มาก เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมานั้นเติบโตได้น้อย

]]>
1425217
Citi คาดดอกเบี้ยนโยบายของไทยปีนี้อยู่ที่ 2.25% ผลของเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง https://positioningmag.com/1417993 Sun, 05 Feb 2023 03:40:32 +0000 https://positioningmag.com/?p=1417993 ซิตี้แบงก์ (Citi) คาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะทยอยปรับขึ้นหลังจากนี้ และจะทำให้ไทยมีอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.25% ภายในไตรมาส 3 หลังจากที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็น 1.50% เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปเป็นตามที่ตลาดและสถาบันการเงินรายนี้คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ Citi ยังมองว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นของธนาคารแห่งประเทศไทยในครั้งล่าสุด เป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่ลดลง รวมถึงมุมมองต่อภาคการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศ โดยในปี 2566 นั้นธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้ามาไทยสูงถึง 25.5 ล้านคน

ขณะที่ในปี 2567 ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะมาที่ไทยสูงถึง 34 ล้านคน ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมที่ 31.5 ล้านคน 

ในขณะเดียวกัน มุมมองด้านเงินเฟ้อ Citi ชี้ว่าในแถลงการณ์ ของ กนง. ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากจากการประชุมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวนั้นชี้ว่าการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกลดลงช่วยลดความกดดันเงินเฟ้อจากด้านอุปทานในประเทศไทย

สถาบันการเงินรายนี้ยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2567 เฉลี่ยอยู่ที่ 2.2% ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงจะทยอยปรับขึ้นจากระดับติดลบสู่ระดับ 0% ซึ่ง Citi มองว่าใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต

อย่างไรก็ดี Citi มองว่าปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยกว่าที่คาด คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้ และอาจจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย รวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่ารวดเร็วเกินไป อาจทำให้ กนง. บางท่านพิจารณาการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

]]>
1417993
กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ล่าสุดอยู่ที่ 1.5% แล้ว มองเศรษฐกิจไทย เงินเฟ้ออาจค้างนานกว่าคาด https://positioningmag.com/1416662 Wed, 25 Jan 2023 07:20:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1416662 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทำให้ล่าสุดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยนั้นอยู่ที่ 1.5% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ อย่างไรก็ดีความเสี่ยงที่ กนง. กังวลคือเรื่องของอัตราเงินเฟ้อของไทยที่อาจค้างนานกว่าที่คาด ซึ่ง กนง. พร้อมที่ปรับนโยบายการเงินเสมอ ถ้าหากตัวเลขผิดไปจากการประเมิน

การขึ้นดอกเบี้ยของ กนง. สอดคล้องกับผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg กว่า 20 รายนั้น 19 รายมองว่า กนง. จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 1 รายมองว่า กนง. จะคงดอกเบี้ย ทางด้านผลสำรวจของทาง Reuters นักเศรษฐศาสตร์ 21 จาก 23 คนมองว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ 2 รายที่เหลือมองว่าจะมีการคงดอกเบี้ย

เหตุผลที่ กนง. ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้คือเป็นแนวทางการดำเนินนโยบายที่สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ขณะที่มุมมองเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา กนง. มองว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน

นอกจากนี้มุมมองของ กนง. ยังมองว่าภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเร็วขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน หลังจากการเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ที่ผ่านมาจะช่วยสนับสนุนการจ้างงานและการกระจายรายได้ของลูกจ้างในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่มีจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นแรงส่งต่อเนื่องไปยังการบริโภคภาคเอกชน

กนง. ยังคาดการณ์ว่าในปีนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้ามาในประเทศไทยมากถึง 25.5 ล้านคน หลังจากตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในปี 2022 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 11.1 ล้านคน ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ขณะที่การส่งออกด้านการบริการของไทยจะเอาชนะภาคการส่งออกสินค้านับตั้งแต่ไตรมาส 1 ของปีนี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ดีในประเด็นเรื่องเงินเฟ้อนั้น กนง. มองว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีความเสี่ยงที่จะอยู่ในระดับสูงนานกว่าคาดจากการส่งผ่านต้นทุนที่อาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการเผชิญภาวะต้นทุนสูงต่อเนื่อง อีกทั้งการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลให้แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์เพิ่มขึ้น จึงต้องติดตามความเสี่ยงเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

โดย กนง. ยังพร้อมที่จะปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้

ขณะที่มุมมองของ UOB สถาบันการเงินจากสิงคโปร์ได้คาดการณ์ว่า กนง. จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม กนง. เดือนมีนาคมเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งจะทำให้ไทยมีอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.75% ซึ่งจะเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เอื้ออำนวยแก่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

]]>
1416662
กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ปรับลดเป้า GDP ไทยปีนี้และปีหน้า มองเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัว https://positioningmag.com/1410572 Wed, 30 Nov 2022 08:53:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1410572 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.00% เป็น 1.25% ต่อปี และในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีหน้า

การขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้สอดคล้องกับ ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg จำนวน 21 รายนั้น 20 รายได้มองเห็นตรงกันว่า กนง. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% มีเพียงนักเศรษฐศาสตร์รายเดียวที่มองว่า กนง. จะคงดอกเบี้ยไว้ และตรงกับผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของสำนักข่าว Reuters ทั้งหมด 21 รายนั้นมีนักเศรษฐศาสตร์ 19 รายมองว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% ขณะที่เหลืออีก 2 รายมองว่าจะคงอัตราดอกเบี้ย

รายงานของ กนง. ได้กล่าวถึงเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ผลดีจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคของภาคเอกชน ซึ่งจะช่วยลดทอนผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงได้ นอกจากนี้ กนง. ยังชี้ว่าการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังเป็นแนวทางการดําเนินนโยบายที่สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและ แนวโน้มเงินเฟ้ออีกด้วย

ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยนั้น กนง. คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3.2% ปรับลดลงจากการประชุมในเดือนกันยายนที่คาดไว้ 3.3% ขณะที่ในปี 2023 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3.7% ปรับลดลงจาก 3.8%

นอกจากนี้ในรายงาน กนง. ยังกล่าวถึงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ต้องติดตาม และถ้าหากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทยเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ กนง. ก็พร้อมที่จะปรับขนาดและ เงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมต่อไป

อย่างไรก็ดีความน่าสนใจในการประชุม กนง. ครั้งนี้มีคณะกรรมการ 1 ท่านที่เสนอให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้มากถึง 0.5%

มุมมองของ UOB สถาบันการเงินของสิงคโปร์ได้ออกบทวิเคราะห์หลังจากการประชุมดังกล่าว โดยมองว่าทาง กนง. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้า และจะคงดอกเบี้ยยาวไปถึงปี 2024 ขณะที่เรื่องเงินเฟ้อนั้นมองว่าเงินเฟ้อของไทยน่าจะลดลงเข้าตามเป้าของธนาคารแห่งประเทศไทยได้ในปีหน้า

]]>
1410572
กนง. ขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ส่งสัญญาณว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่านี้ในภายหลังได้ https://positioningmag.com/1402153 Wed, 28 Sep 2022 07:26:57 +0000 https://positioningmag.com/?p=1402153 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยล่าสุดนั้นอยู่ที่ 1.00% ต่อปี อย่างไรก็ดี กนง. ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่านี้ได้

สำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยที่ 0.25% นั้นตรงกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 18 คนที่ Bloomberg ทำการสำรวจจากจำนวนนักเศรษฐศาสตร์ทั้งหมด 23 คน

โดยมุมมองของ กนง. มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามแรงส่งของภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นสำคัญ ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในระดับสูงจากการส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแม้แรงกดดันด้านอุปทานจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีแนวโน้มคลี่คลาย ซึ่ง กนง. คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 6.3% ขณะที่ปี 2023 จะอยู่ที่ 2.6%

ขณะเดียวกันก็ยังมองว่า GDP ไทยในปี 2022 จะเติบโตที่ 3.3% และ 3.8% ในปี 2023

สำหรับระบบการเงินโดยรวมของไทย กนง. มองว่ามีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ภาวะการเงินโดยรวมยังผ่อนคลาย แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทยอยปรับสูงขึ้น แต่ต้นทุนการกู้ยืมของภาคเอกชนนั้นยังเอื้อต่อการระดมทุนอยู่

ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐนั้น กนง. มีมุมมองว่าค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วและต่อเนื่องตามการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และมองว่าการอ่อนค่าของค่าเงินบาทนั้นสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค อย่างไรก็ดี กนง. ได้กล่าวว่าจะติดตามในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ดีมีสิ่งที่น่าสังเกตคือในผลการประชุมได้กล่าวถึงในกรณีที่แนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ กนง. พร้อมที่จะปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมต่อไปหลังจากนี้

]]>
1402153