CDC – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Thu, 02 Sep 2021 00:43:39 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สหรัฐฯ บริจาควัคซีนให้เวียดนามแล้ว 6 ล้านโดส เตรียมเปิดสนง.ศูนย์ควบคุมโรคในฮานอย https://positioningmag.com/1348854 Wed, 01 Sep 2021 14:26:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1348854 วันที่ 25 ส.ค. กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-19 ให้กับเวียดนามเพิ่ม 1 ล้านโดส โดยเสนอความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับประเทศที่กำลังเผชิญกับการระบาดของ COVID-19 ที่พุ่งสูง และอัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับต่ำ

แฮร์ริสกล่าวในที่ประชุมทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนามว่า วัคซีนจะมาถึงเวียดนามใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ที่ทำให้ยอดวัคซีนที่สหรัฐฯ บริจาคให้กับเวียดนามรวมเป็น 6 ล้านโดส

นอกจากวัคซีนล็อตใหม่แล้ว สหรัฐฯ จะมอบทุน 23 ล้านดอลลาร์ในแผนช่วยเหลือชาวอเมริกัน และเงินทุนฉุกเฉินผ่านทางศูนย์ควบคุมโรค และองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) เพื่อช่วยเวียดนามขยายการแจกจ่าย และการเข้าถึงวัคซีน ต่อสู้กับการะบาดของ COVID-19 และเตรียมพร้อมรับภัยคุกคามจากโรคในอนาคต นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมยังส่งมอบตู้แช่แข็ง 77 ตู้สำหรับจัดเก็บวัคซีนทั่วประเทศ

หลังการหารือทวิภาคี แฮร์ริสได้ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยท่ามกลางสายฝนและวางดอกไม้ยังอนุสรณ์ซึ่งเป็นจุดที่เครื่องบินของจอห์น แมคเคน ถูกกองกำลังเวียดนามเหนือยิงตกในปี 2510 เนื่องในวันครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของวุฒิสมาชิกแมคเคน

ความช่วยเหลือเกี่ยวกับ COVID-19 นี้ เป็นส่วนหนึ่งของการประกาศการเป็นหุ้นส่วน และการสนับสนุนเวียดนามในหลากหลายด้าน ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเยือนของแฮร์ริส ระหว่างการเดินทางทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นาน 1 สัปดาห์ ซึ่งรวมทั้งการเยือนสิงคโปร์ในช่วงต้นสัปดาห์ ที่มีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อต่อต้านอิทธิพลจีน

เวียดนาม
Photo : Shutterstock

การประกาศยังรวมถึงการลงทุนครั้งใหม่เพื่อช่วยเวียดนามเปลี่ยนไปสู่ระบบพลังงานสะอาด และขยายการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า การลดอัตราภาษีการส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ และความช่วยเหลือในการกำจัดอาวุธที่ยังไม่ระเบิดที่ตกค้างจากสงครามเวียดนาม

ระหว่างการพบหารือกับประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุ้ก แฮร์ริสได้แสดงการสนับสนุนที่จะส่งเรือตรวจการณ์ของหน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ มายังเวียดนาม เพื่อช่วยป้องกันผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของประเทศในทะเลจีนใต้ และได้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการรุกล้ำของปักกิ่งในน่านน้ำพิพาท

แฮร์ริส ที่เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เยือนเวียดนาม ได้กล่าวกับประธานาธิบดีเวียดนามว่า “ความสัมพันธ์ของเราเดินทางมาไกลมากในช่วง 25 ปี” และเธอยังประกาศเปิดสำนักงานศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสำนักงานใหม่ของ CDC นี้ เป็น 1 ใน 4 สำนักงานระดับภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งมุ่งเน้นการร่วมมือกับรัฐบาลในภูมิภาคในด้านการวิจัยและฝึกอบรมเพื่อรับมือและป้องกันวิกฤตด้านสุขภาพ

การประกาศเปิดสำนักงาน CDC มีขึ้นในขณะที่เวียดนามกำลังต่อสู้กับการติดเชื้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในประเทศที่เป็นผลจากการระบาดของสายพันธุ์เดลตา และอัตราการฉีดวัคซีนที่อยู่ในระดับต่ำ จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ที่พุ่งสูงขึ้นทำให้ประเทศต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์นครโฮจิมินห์ ศูนย์กลางธุรกิจของประเทศและเป็นศูนย์กลางของการระบาดระลอกล่าสุด

Source

]]>
1348854
สหรัฐฯ ยืนยัน! เคสฉีดวัคซีนครบแล้วติดเชื้อโควิดเสียชีวิต คิดเป็นแค่ 0.001% https://positioningmag.com/1345166 Fri, 06 Aug 2021 14:23:27 +0000 https://positioningmag.com/?p=1345166 สำนักข่าว CNN รายงานข้อมูลล่าสุดของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ว่า 99.99% ของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ COVID-19 (breakthrough case) ในสหรัฐฯ อาการไม่รุนแรงถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต

ข้อมูลดังกล่าวชี้ไปในทิศทางเดียวกับที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขทั่วสหรัฐฯ เน้นย้ำมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาว่า วัคซีน COVID-19 มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจาก COVID-19 และเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของประเทศในการชะลอการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่และหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานไปมากกว่านี้

CDC รายงานว่า มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ 6,587 รายจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม โดยมี 6,239 คนป่วยหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพงพยาบาล และในนั้นเสียชีวิต 1,263 ราย แต่ CNN ระบุว่า ในช่วงเวลาเดียวกันมีประชาชนมากกว่า 163 ล้านคนในสหรัฐฯ ที่ฉีดวัคซีน COVID-19 ครบแล้ว

สำนักข่าว CNN รายงานว่า เมื่อแยกตามอาการของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ พบว่ามีไม่ถึง 0.004% ที่ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและไม่ถึง 0.001% ที่เสียชีวิต ยิ่งไปกว่านั้น ราว 74% ของเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อทั้งหมด ยังเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป

Photo : Shutterstock

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวของ CNN ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ทาง CDC มุ่งเน้นตรวจสอบเฉพาะเคสป่วยหนักและเสียชีวิตจาก COVID-19 ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเท่านั้น ไม่รวมถึงเคสอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานฉบับหนึ่งเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ว่า ตัวกลายพันธุ์เดลตาก่อปริมาณไวรัสพอๆ กับในคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนหากพวกเขาติดเชื้อ และพวกผู้เชี่ยวชาญบอกต่อว่า แม้วัคซีนทำให้ผู้ฉีดมีความเป็นไปได้น้อยลงที่จะติดเชื้อ แต่หากคนเหล่านั้นติดเชื้อ พบว่าพวกเขามีแนวโน้มแพร่กระจายเชื้อได้แบบเดียวกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

ผลการศึกษาดังกล่าวโน้มน้าวให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญของ CDC อัปเดตคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากในวันอังคารที่ 3 ส.ค. แนะนำให้คนฉีดวัคซีนครบแล้วกลับมาสวมหน้ากากยามอยู่ในร่ม ตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในระดับสูง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตา ส่วนคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นยังคงแนะนำให้สวมหน้ากากต่อไปจนกว่าจะฉีดวัคซีนครบแล้ว

Photo : Shutterstock

CNN รายงานต่อว่า นอกเหนือจากเคสอาการรุนแรงแล้ว ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของทางการโดยมูลนิธิ Kaiser Family Foundation ยังพบว่าเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อในทุกกรณี ทั้งป่วยเล็กน้อย ป่วยหนัก และเสียชีวิตถือว่าเกิดขึ้นน้อยมากๆ

มีราวๆ ครึ่งหนึ่งของรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ที่รายงานเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ COVID-19 และในแต่ละรัฐดังกล่าวมีไม่ถึง 1% ที่เกิดเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ ไล่ตั้งแแต่ระดับ 0.01% ในคอนเนตทิคัต ไปจนถึง 0.9% ในโอคลาโฮมา

มูลนิธิ Kaiser Family Foundation ยังพบด้วยว่ามากกว่า 90% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ และมากกว่า 95% ของผู้ป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิต เป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ในนั้นหลายรัฐมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่ที่เป็นคนยังไม่ฉีดวัคซีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 98% เลยทีเดียว

ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่าแม้คนฉีดวัคซีนครบแล้วยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสได้ แต่วัคซีนยังคงปกป้องพวกเขาได้เป็นอย่างดีจากการติดเชื้ออาการหนัก ทั้งนี้ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตา พวกผู้นำท้องถิ่นทั่วอเมริการายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

ด้วยตัวกลายพันธุ์เดลตาแพร่เชื้อได้ง่ายมาก อดีตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรัฐฯ รายหนึ่งจึงเตือนว่าประชาชนที่ไม่ได้รับการป้องกัน ทั้งจากวัคซีนและจากการเคยติดเชื้อมาแล้ว ดูเหมือนคงไม่รอดพ้นจากการติดเชื้อ

ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและความอันตรายของสายพันธุ์เดลตา อัตราการเข้าฉีดวัคซีนของประชาชนในสหรัฐฯ กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 สัปดาห์หลังสุด โดยรัฐต่างๆ ที่เคยล้าหลังในโครงการฉีดวัคซีน พบเห็นจำนวนประชาชนฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซีเอ็นเอ็นวิเคราะห์ข้อมูลของซีดีซี

เวลานี้ค่าเฉลี่ย 7 วัน ประชาชนรายใหม่เข้าฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ อยู่ที่ 652,084 ราย เพิ่มขึ้นจาก 3 สัปดาห์ที่แล้ว 26%

Source

]]>
1345166
อัตราผู้ติดเชื้อในทุกรัฐของสหรัฐฯ ลดกว่า 5% หลังประชากร 47.5% ฉีดวัคซีนแล้ว https://positioningmag.com/1332842 Wed, 19 May 2021 06:49:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1332842 สถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นแล้ว โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ได้อนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีน COVID-19 ครบโดส ไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในร่ม กลางแจ้ง หรือสถานที่มีผู้คนหนาแน่นอีกต่อไปแล้ว โดยปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ลดลง 5% หรือมากกว่านั้นในเกือบทุกรัฐของสหรัฐฯ หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนกว่า 47.5%

จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ CNBC ที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัย Johns Hopkins แสดงให้เห็นว่าระดับการติดเชื้อและการเสียชีวิตทั่วประเทศในสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลง หลังจากที่สัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีการฉีดวัคซีนโดยเฉลี่ยประมาณ 1.8 ล้านครั้งในแต่ละวัน ตามข้อมูลของรัฐบาลกลาง โดย 47.5% ของประชากรได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้ง และประมาณ 37% ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายวันโดยเฉลี่ยประมาณ 32,000 ราย ลดลงอย่างมากจากระดับกลางเดือนเมษายนที่มีมากกว่า 71,000 รายต่อวัน และถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน โดยจำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยต่อวันลดลง 5% หรือมากกว่าใน 42 รัฐ

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

โดยข้อมูลอัตราการเสียชีวิตจากเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ ในรอบ 7 วันเฉลี่ยที่ 587 ราย ลดลง 8% จากผู้เสียชีวิตมากกว่า 586,000 รายนับตั้งแต่เริ่มระบาด

ปัจจุบัน ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเกือบ 60% ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งครั้ง โดยโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 ครั้งให้ครอบคลุม 70% ของประชากรผู้ใหญ่ภายในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้

Source

]]>
1332842
“อเมริกา” สั่งวัคซีนจอห์นสันแปะฉลากเตือนข้างขวด แก้ปัญหา “เกิดลิ่มเลือดอุดตัน” https://positioningmag.com/1329144 Sun, 25 Apr 2021 15:27:22 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329144 CDC สหรัฐฯ ล่าสุดยกเลิกการสั่งห้ามใช้วัคซีนจอห์นสันแล้ว และประกาศวัคซีนสามารถถูกนำกลับมาใช้ได้ใหม่ในวันเสาร์ที่ 24 เม.ย. หลังจากที่ทางผู้กำกับสหรัฐฯ สามารถตกลงแก้ปัญหาเรื่องความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตันกับบริษัทได้ด้วการทำฉลากเตือนแปะข้างขวด

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้ว่า ศูนย์การป้องกันโรคและการป้องกันสหรัฐฯ CDC รวมไปถึงองค์การอาหาร และยาสหรัฐฯ FDA ต่างยกเลิกคำสั่งระงับการใช้วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันชั่วคราว โดยวัคซีน COVID-19 ประสิทธิภาพ 1 โดสของตลาดเพียงตัวเดียวนี้สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่อีกครั้งในวันเสาร์ที่ 24 เม.ย. ที่สหรัฐฯ

โดยทางหน่วยงานทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นหลังการออกเสียงของทางคณะกรรมาธิการที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกัน ACIP ที่เปิดไฟเขียวให้สามารถนำวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันกลับมาฉีดได้อีกครั้ง

“ทางเราสรุปว่าประโยชน์สำคัญที่สุดซึ่งเป็นที่ประจักษ์ของวัคซีน COVID-19 จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้นมีความเหนือกว่าต่อความเสี่ยงซึ่งเป็นที่รับรู้เกิดขึ้นต่อบุคคลอยุ 18 ปีขึ้นไป” รักษาการผู้อำนวยการ FDA ดร. แจเนต วู๊ดค็อก (Janet Woodcock)

และเสริมต่อว่า “ทางเราเชื่อมั่นว่า วัคซีนตัวนี้ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของเราในด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และคุณภาพ ทางเราขอแนะนำให้ใครก็ตามที่มีคำถามเกี่ยวกับวัคซีน ว่าวัคซีนตัวนี้สามารถได้รับอย่างปลอดภัยหรือไม่ให้ทำการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของตัวเอง”

Photo : Shutterstock

ขณะที่ CDC นั้นพบว่าได้ออกคำสั่งยกเลิกใช้วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันในวันศุกร์ที่ 23 เม.ย. โดยทางคณะกรรมการ ACIP แสดงความวิตกว่า การที่นำวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันออกไปจากพูลวัคซีน COVID-19 ทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศ 3 แบรนด์ในเวลานี้ จะทำให้โครงการแจกวัคซีนให้กับประชาชนชาวอเมริกันทุกคนต้องล่าช้าออกไป

อีกทั้งทาง ACIP ยังชี้ให้เห็นว่า การที่วัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันมีจุดเด่นที่ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็นพิเศษและมีขนาดแค่ 1 โดส ทำให้เป็นที่ต้องการของคนจำนวนมากที่ไม่ต้องวิตกว่าจะลืมกลับมารับอีกในโดสที่ 2 หรือในกลุ่มประชาชนที่ประสบปัญหายากลำบากในการจองตารางการฉีดให้กับตัวเอง

CNN รายงานว่า สำหรับการวิเคราะห์ความเสี่ยงของวัคซีนที่เกี่ยวกับปัญหาลิ่มเลือดอุดตัน โดยทาง CDC พบว่า มีเคสการเกิดทั้งหมด 15 เคสซึ่งเป็นรายที่หาได้ยากซึ่งเรียกว่า ภาวะลิ่มเลือดคั่งในหลอดเลือดดำ (thrombosis) ที่มาพร้อมกับ ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia syndrome ) หรือ TTS และส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นปัญหาที่คล้ายกับที่พบในวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าของอังกฤษ

โดยในการวิเคราะห์เชิงลึกพบว่า น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันแต่ทว่าความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับต่ำมาก โดยมีอัตราเฉลี่ยที่จะสามารถเกิดได้ 1.9 เคส/ประชากร 1 ล้านคน และในระหว่างกลุ่มสตรีระหว่างอายุ 18-49 ปี พบได้ราว 7 เคส/ทุก 1 ล้านคน ส่วนในกลุ่มผู้หญิงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปอัตราเฉลี่ยที่จะเกิดจะเหลือแค่ 0.9 เคส/ทุก 1 ล้านคน

Photo : Shutterstock

ทั้งนี้ ในกลุ่ม 15 คนที่เกิดปัญหาลิ่มเลือดอุดตันในสหรัฐฯ จากวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันนั้น พบว่า 13 คน เป็นสตรีอายุต่ำกว่า 50 ปี โดยทางคณะกรรมการ ACIP ได้หารือให้มีการให้คำแนะนำคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษต่อความเสี่ยง แต่ในท้ายที่สุดไม่มีการโหวตในเรื่องนี้เกิดขึ้นในที่ประชุม

และสำหรับในการปัญหาลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มชายอเมริกันไม่ได้มีการเอ่ยถึงในเรื่องนี้ ซึ่งสำหรับประโยชน์ของวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน พบว่า วัคซีนทุก 1 ล้านโดส สามารถป้องกันผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล 650 คน และเสียชีวิต 12 คนในกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-49 ปี และวัคซีนยังสามารถป้องกันผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลกว่า 4,700 คนและเกือบ 600 คนในกลุ่มผู้หญิงอายุเกิน 50 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี CDC สหรัฐฯ แถลง

สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า บริษัทยาจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ออกมาระบุก่อนหน้าว่า ทางบริษัทตกลงในข้อความเตือนที่จะถูกเพิ่มขึ้นบนฉลาก ที่จะแสดงเตือนให้เห็นถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะเลือดร่วมกับกรณีเกิดลิ่มเลือดอุดตัน

Source

]]>
1329144
สหรัฐฯ ผุดโครงการ ‘ลดหย่อนภาษี’ ดึงดูดใจให้ประชาชนไปฉีด ‘วัคซีนโควิด’ https://positioningmag.com/1329022 Fri, 23 Apr 2021 08:53:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1329022 รัฐบาลสหรัฐฯ สรรหาวิธีดึงดูดใจให้คนไปฉีดวัคซีนโควิด-19’ ผุดโครงการลดหย่อนภาษีให้ผู้ประกอบการที่อนุญาตลูกจ้างลาหยุด’  ไปรับวัคซีน กระตุ้นเอกชนมีส่วนร่วมในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่‘  ให้เร็วที่สุด หลังมีคนจำนวนมากลังเลไม่อยากฉีด 

โครงการลดหย่อนภาษีดังกล่าว จะเป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายของบริษัทที่หายไป ในช่วงที่พนักงานลาหยุดเพื่อไปฉีดวัคซีนและยังได้รับค่าจ้างปกติ รวมไปถึงในช่วงการพักฟื้นจากผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นด้วย

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กกลาง และองค์กรไม่แสวงหากำไร ที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 ราย จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายมากสุดถึง 511 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันต่อคน ระยะเวลามากสุดถึง 10 วัน หรือ 80 ชั่วโมงทำการงาน ในระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 กันยายน 2021

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังเรียกร้องให้นายจ้างช่วยเเบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้อง เเละเชิญชวนให้พนักงานออกไปฉีดวัคซีน โดยให้สิทธิพิเศษอย่าง การแจกผลิตภัณฑ์ฟรีและให้ส่วนลดแก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนเเล้ว

ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีพนักงานน้อยกว่า 500 รายนั้น นับเป็นกว่า 50% ของภาคเอกชนในสหรัฐฯ โดยโครงการลดหย่อนภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนเซ็นรับรองเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

สหรัฐฯ กำลังระดมฉีดวัคซีนระยะต่อไปหลังอนุญาตให้ประชาชนที่อายุมากกว่า 16 ปีทุกคน สามารถเข้ารับวัคซีนได้ ถ้าคุณกำลังรอว่าเมื่อไรจะถึงคิวของคุณ คุณไม่ต้องรออีกต่อไป

ขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุกว่า 80% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส ส่งผลให้อัตราเสียชีวิตในผู้สูงวัยลดลงตามไปด้วย

โจ ไบเดน ได้ประกาศความสำเร็จ หลังรัฐบาลสามารถกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับชาวอเมริกันได้ทะลุเป้าหมายใหม่ที่วางไว้ 200 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกของการดำรงตำแหน่งแล้ว เเละสำเร็จก่อนกำหนดถึง 1 สัปดาห์

จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมเเละป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) รายงานอัตราการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เฉลี่ย 3 ล้านครั้งต่อวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1.8 ล้านครั้ง ในช่วงต้นเดือนมีนาคม

เเต่อัตราการฉีดวัคซีนลดลงเล็กน้อยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้ว่าประชาชนวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ทุกคนจะมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเเล้วก็ตาม

บรรยากาศการต่อคิวเข้ารับวัคซีน COVID-19 ในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ

ทางการสหรัฐฯ ได้สั่งระงับการฉีดวัคซีน COVID-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว หลังพบรายงานภาวะการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน 6 ราย แม้ว่าวัคซีน J&J จะมีสัดส่วนน้อยกว่า 4% ของวัคซีนทั้งหมดกว่า 213 ล้านโดสที่สหรัฐฯ ฉีดไปจนถึงปัจจุบัน แต่ก็มีการใช้วัคซีนนี้ไปเเล้วมากกว่า 6.8 ล้านโดส

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เผยว่า ตอนนี้สหรัฐฯ มีวัคซีน COVID-19 ของบริษัท Pfizer เเละ Moderna เพียงพอที่จะเร่งฉีดได้ 3 ล้านครั้งต่อวัน

ก่อนหน้านี้ มีความเห็นจากแพทย์ในสหรัฐฯ ที่เกรงว่าจะเกิดปัญหาวัคซีนล้นประเทศ’ เพราะยังมีกลุ่มคนจำนวนมากกว่า 15-20% ที่ลังเลไม่อยากฉีดวัคซีน

 

ที่มา : CNBC , NBC News

]]>
1329022
อเมริกัน ‘วัยผู้ใหญ่’ ครึ่งประเทศ ฉีดวัคซีนโควิดเเล้ว ท่ามกลางยอดติดเชื้อพุ่งทั่วโลก https://positioningmag.com/1328304 Mon, 19 Apr 2021 14:54:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1328304 ภายในระยะเวลา 4 เดือนกว่าๆ สหรัฐฯ สามารถฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้ประชาชนไปเเล้ว 209 ล้านโดส โดยกว่า 50% ของกลุ่มวัยผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดทั่วโลกที่ยังเลวร้าย พบผู้ติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่การระบาด ยอดเสียชีวิตสะสมทะลุ 3 ล้านคน

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) รายงานว่า ชาวอเมริกันที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไป จำนวนกว่า 130 ล้านคน หรือราว 50.4% ของประชากรกลุ่มผู้ใหญ่ทั้งหมด ได้รับการได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละหนึ่งโดส เเละอีกประมาณ 84 ล้านคน หรือมากกว่า 25% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดสแล้ว 

การเร่งฉีดวัคซีนเป็นความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายลงอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกในช่วง 7 วันที่ผ่านมา พุ่งสูงสุดถึง 5.2 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตสะสมทั่วโลกพุ่งเกิน 3 ล้านคน

Photo : Shutterstock

สหรัฐฯ มียอดผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 สะสมมากกว่า 5.67 เเสนราย นับเป็นประเทศที่มียอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.. 2020 ระบุว่า สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 4 หมื่นราย ส่งผลให้ยอดติดเชื้อสะสมในประเทศรวม 32 ล้านราย จากจำนวนประชากรทั้งหมดราว 332 ล้านราย

ทั้งนี้ วัคซีนที่ฉีดไปเเล้วในสหรัฐฯ กว่า 209 ล้านโดสนั้น ตามข้อมูลของ CDC เเบ่งเป็นวัคซีนของบริษัท Pfizer-BioNTech อย่างน้อย 109 ล้านโดส เป็นของ Moderna อีก 92 ล้านโดส และ Johnson & Johnson อีก 7.9 ล้านโดส

อย่างไรก็ตาม กรณีที่พบเคสลิ่มเลือดอุดตัน ในประชาชนที่ฉีดวัคซีนของ Johnson & Johnson และ AstraZeneca ได้สร้างความสงสัยในประสิทธิภาพของวัคซีน โดยวัคซีนแบบฉีดเข็มเดียวของ Johnson & Johnson ถูกทางการสหรัฐฯ ระงับใช้ชั่วคราวไปเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว

แม้อัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯ เเละสหราชอาณาจักรจะชะลอลง เเต่เหล่าประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะอินเดียและบราซิล กลับกำลังเผชิญจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังต้องเจอกับไวรัสโคโรนากลายพันธุ์

ตอนนี้ อินเดียและบราซิล มีอัตราการกระจายวัคซีนคิดเป็น 4.5% และ 8.3% ของจำนวนประชากร ตามลำดับ ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ 33% และสหราชอาณาจักร 32%

Photo : Shutterstock

ด้านอิสราเอลเพิ่งประกาศยกเลิกมาตรการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากในที่สาธารณะเเล้วแต่ยังคงกำหนดให้สวมหน้ากากเวลาอยู่ในอาคารหรือพื้นที่ปิดหลังประสบความสำเร็จอย่างมากในการกระจายวัคซีน

ประชาชนอิสราเอลเกือบ 60% ได้รับวัคซีน COVID-19 ไปเเล้วอย่างน้อยหนึ่งโดสทำให้รัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่าสามารถควบคุมการระบาดได้ เเละเตรียมตัวจะเป็นประเทศเเรกที่กำลังเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ หลังฉีดวัคซีนคิดตามอัตราประชากรได้เร็วที่สุดในโลก โดยเลือกใช้วัคซีนของ Pfizer-BioNTech

 

 

ที่มา : CBS , ABCnews , Bloomberg

]]>
1328304
สหรัฐฯ ไฟเขียว “ผู้ได้รับวัคซีนครบโดส” เดินทางแบบไม่ต้องตรวจโรค-กักตัว https://positioningmag.com/1326578 Mon, 05 Apr 2021 04:43:58 +0000 https://positioningmag.com/?p=1326578 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ประกาศปรับปรุงแนวปฏิบัติด้านการเดินทางสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ครบโดสแล้ว โดยชี้ว่าคนกลุ่มนี้สามารถเดินทางได้ท่องเที่ยวแบบอิสระได้เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำ

ศูนย์ฯ ระบุว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนสามารถเดินทางภายในสหรัฐฯ โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจโรค COVID-19 หรือกักตัวภายหลังการเดินทาง ตราบใดที่พวกเขายังคงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันขณะเดินทาง อาทิ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงฝูงชน เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือสม่ำเสมอ

ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ครบถ้วน หมายถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนครบจำนวนโดสที่กำหนดแล้ว 2 สัปดาห์ หลังจากได้รับวัคซีนในปริมาณที่แนะนำครั้งสุดท้าย

สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจโรค COVID-19 ก่อนการเดินทาง เว้นแต่ประเทศปลายทางจะกำหนดให้ตรวจ และไม่จำเป็นต้องกักตัวหลังเดินทางกลับมายังสหรัฐฯ แต่พวกเขาควรมีผลตรวจโรคเป็นลบก่อนขึ้นเครื่องบิน และจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจโรคอีกครั้งในระยะเวลา 3-5 วันหลังกลับมาถึง

“แนวปฏิบัติใหม่นี้หมายความว่าปู่ย่าตายายที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนสามารถบินไปเยี่ยมหลานๆ ที่มีสุขภาพดีได้โดยไม่ต้องเข้ารับการตรวจโรค COVID-19 หรือกักตัว หากพวกเขาปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอื่นๆ ที่แนะนำ” โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ฯ กล่าวแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 2 เม.ย.

วาเลนสกีเสริมว่าแม้ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบถ้วนสามารถเดินทางแบบอิสระได้เพราะมีความเสี่ยงต่ำ แต่ “ศูนย์ฯ ไม่แนะนำให้เดินทางในเวลานี้ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”

ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ฯ ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มของการระบาดใหญ่กำลังเปลี่ยนไปในสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในช่วง 12 วันที่ผ่านมา โดยขณะนี้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 7 วันของผู้ป่วยรายใหม่ต่อวันอยู่ที่ประมาณ 62,000 ราย เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับ 7 วันก่อนหน้า

]]>
1326578