MICE – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 16 Jul 2024 05:38:28 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สยามพิวรรธน์ มุ่งขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางอีเวนต์ระดับโลก สร้างความตื่นตาตื่นใจในทุกพื้นที่ ยืนหนึ่งผู้พัฒนาโกลบอลเดสติเนชั่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก https://positioningmag.com/1482718 Tue, 16 Jul 2024 09:28:45 +0000 https://positioningmag.com/?p=1482718

สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ยกระดับการสร้างประสบการณ์งานอีเวนต์และความบันเทิงระดับโลกไปอีกขั้น เสริมแกร่งทุกพื้นที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ พร้อมจับมือกับพันธมิตรในประเทศและทั่วโลก ร่วมรังสรรค์สุดยอดกิจกรรมและอีเวนต์ระดับโลกกว่า 1,300 งานในปี 2567 โดยในครึ่งปีแรกจัดเต็มอีเวนต์ไปแล้วกว่า 500 งาน และล่าสุดได้ปรับโฉม PARAGON HALL ปักหมุดศูนย์กลางของสถานที่จัดงานอีเวนต์และความบันเทิงระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจ MICE ร่วมขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการจัดงานอีเวนต์ระดับโลก ส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทย

 


PARAGON HALL อัศจรรย์ประสบการณ์อีเวนต์และความบันเทิงระดับโลก

สยามพารากอน เดินหน้าทรานสฟอร์มแลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ ยกระดับ “PARAGON HALL” บนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร  ภายใต้คอนเซ็ปต์ Extraordinary Eventainment  มุ่งนำเสนออัศจรรย์ประสบการณ์อีเวนต์และความบันเทิงระดับโลกให้กับผู้มาเยือนอย่างเหนือความคาดหมาย สามารถรองรับทุก Function การจัดงานอีเวนต์ พร้อมด้วยการยกระดับ Venue มาตรฐานระดับโลกให้เป็นต้นแบบสถานที่จัดงาน Carbon Neutral Venue แห่งแรกของไทย อีกทั้งยังผนึกกำลังพันธมิตรทางธุรกิจอุตสาหกรรม MICE เอนเตอร์เทนเม้นต์ รังสรรค์ Special Event และการแสดงระดับชั้นนำของโลกอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งความบันเทิง อาทิ ปรากฏการณ์บันเทิงยิ่งใหญ่กับศิลปินเกาหลี BABYMONSTER FAN GREETING EVENT เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง, งานแฟนมีทศิลปินเกาหลี TEN NCT บอยแบนด์ระดับโลก , แฟชั่นอีเวนต์และแฟชั่นโชว์จากแบรนด์ไทยที่ยิ่งใหญ่และแบรนด์ชั้นนำระดับโลก,ทัวร์นาเมนต์การแข่งขัน E-sport  อีกทั้ง HALL สามารถปรับขนาดพื้นที่ได้ตามความต้องการ จึงเอื้ออำนวยสำหรับการจัดงานแต่งงานหรือปาร์ตี้สังสรรค์ในรูปแบบต่างๆ ได้อีกด้วย


ONESIAM โกลบอลเดสติเนชั่นใจกลางเมือง ศูนย์กลางอีเวนต์ระดับ World-class

ONESIAM โกลบอลเดสติเนชั่นที่ผสานศักยภาพของ 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ส่งมอบประสบการณ์แปลกใหม่บนพื้นที่จัดงานอีเวนต์รวมกันกว่า 4,800 ตร.ม. พร้อมกิจกรรมความบันเทิงที่เป็นไอคอนิคอีเวนต์ ร่วมกับศิลปินระดับโลกมากมายที่กลายเป็น Talk of the Town  อาทิ การเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน Siam Paragon Golden Prosperous Chinese New Year 2024 ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนจำนวนมาก งานฉลองมหาสงกรานต์ที่ได้นำเอาวัฒนธรรมของไทยรวมเข้ากับล็อบสเตอร์ อินสตอลเลชั่นอาร์ตโดยศิลปินระดับโลก ฟิลิป โคลแบร์ ในงาน Songkran Lobster Wonderland by Philip Colbert”  และ มหกรรมไพรด์อีเวนต์สุดยิ่งใหญ่ จับมือกับเวิลด์คาแรคเตอร์ Teletubbies จัดงาน Siam Center X Teletubbies Big Hugs Big Love ฉลองความสำเร็จที่ประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียม และการเปิดตัว Teletubbies Cafe แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากสามารถดึงดูดทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาร่วมงานหลายแสนคน ในปี 2567  กลุ่ม ONESIAM คาดว่าจะมีการจัดงานอีเวนต์และความบันเทิงกว่า 500 งาน รวมทั้งงานปรากฏการณ์แฟชั่นแห่งปี BIFW Bangkok International Fashion Week ในเดือนตุลาคม ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสนับสนุนยังก์ไทยดีไซเนอร์สู่วงการแฟชั่นโลก และกิจกรรมที่เป็นเทรนด์ในกระแส โดยการจับมือ ป๊อบ มาร์ท เนรมิตรพื้นที่ป๊อบอัพสโตร์เต็มรูปแบบแห่งแรกในไทย ที่สยามเซ็นเตอร์  

ด้านสยามดิสคัฟเวอร์รี่ ขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Young Generation มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแฟชั่นอย่าง Club 21 ที่เป็น Multi-label Store รวบรวมแบรนด์ยอดนิยมจากทั่วทุกมุมโลกเยอะที่สุดมากกว่า 50 แบรนด์ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของแฟชั่นนิสต้า การนำเสนอ K-Culture สุดฮอตมาสู่ประเทศไทย ด้วยการเปิด Carlyn Popup Boutique จนสร้างกระแสต่อคิวพรีออเดอร์และเป็นสินค้าสุดฮอต รวมทั้งแฟชั่นยอดนิยมที่ไอดอลเกาหลีสวมใส่ซึ่งได้เปิดเป็นที่แรกในประเทศไทย ทั้ง Mardi Mercredi , EMIS ทำให้สามารถสร้างทราฟฟิกของกลุ่มคนรุ่นใหม่เข้ามาในศูนย์ฯ ได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการปรับโฉมใหม่โซน Flavor Lab  ที่ชั้น 3 พื้นที่ราว 2,500 ตร.ม. เมื่อปี 2566  ให้เป็นโซเชียลคอมมูนิตี้และร้านอาหารสุดฮอต นอกจากนี้ สยามดิสคัฟเวอรี่ ยังสร้างสรรค์กิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ งานเปิดต้นคริสต์มาสอัพไซเคิลจากพลาสติก ซึ่งเป็นกิจกรรมรักษ์โลกที่ทำมากว่า 15 ปี ตอกย้ำการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน

อีกหนึ่งพื้นที่ไฮไลต์ คือ SCBX Next Tech เทคคอมมูนิตี้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ซึ่งเป็นการจับมือกับ SCBX เปิดพื้นที่สำหรับผู้สนใจเทคโนโลยี  เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ร่วมอัพเดทความรู้และประสบการณ์บน ชั้น 4 สยามพารากอน ซี่งมีการจัดกิจกรรมอัดแน่นแทบทุกวันตลอดปีตั้งแต่เปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2566  และ True5G PRO HUB พื้นที่สร้างสรรรค์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างสยามพิวรรธน์และ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ ทรู และกันตนา กรุ๊ป ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั้งสายเกมเมอร์ สายไลฟ์สไตล์สุดป๊อป และสายพัฒนาความรู้ รวมทั้ง Legend Heroes Sports พื้นที่คอมมูนิตี้ที่รวมประสบการณ์ความตื่นเต้นของเกมกีฬาชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ที่มาเปิดสาขาในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภายในมีเกมให้เลือกมากมายถึง 13 เกม ที่ชั้น 4 สยามดิสคัฟเวอรี่

นอกจากนี้ สยามพารากอน หนึ่งใน Luxury Destination ระดับโลกที่นำเสนอสินค้าแบรนด์หรูที่ครบครันมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย เดินหน้าสร้างปรากฎการณ์แรกในหลายรูปแบบให้ทุกคนสัมผัสกับกับกิจกรรมต่างๆ ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศมากมาย ทั้งการเปิดพื้นที่สำหรับการเปิด Pop-up Store และจัดแสดงนิทรรศการของแบรนด์ดังระดับโลกอย่างต่อเนื่องตลอดปี


ไอคอนิกอีเวนต์ จุดหมายปลายทางระดับโลกริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยกระดับการจัดงานเทศกาลไทยสู่เวทีสากล โดยตลอด 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดศูนย์การค้าครั้งแรก มีจำนวนอีเวนต์มากกว่า 3,500 งาน จากทั้งพันธมิตรและLuxury แบรนด์ชั้นนำต่างๆ มาสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น คอลเลคชั่นพิเศษ ร้านป๊อปอัพ  และได้รับเกียรติจากแบรนด์ดังระดับโลกมากมายมาจัดแสดงนิทรรศการที่จัดขึ้นเฉพาะที่ไอคอนสยาม อาทิ  ‘HERMES IN THE MAKING’  ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีอีเวนต์ไฮไลต์ที่สร้างปรากฏการณ์สะกดสายตาชาวโลกที่ทุกคนทั่วโลกให้การยอมรับ  อาทิ  Amazing Thailand Countdown งานเคานต์ดาวน์สุดยิ่งใหญ่ที่เป็นเหมือนไอคอนิกอีเวนต์ระดับโลกประจำปี ที่ถูกถ่ายทอดสดไปยังสื่อต่างประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีงานไอคอนิก    อีเวนต์ที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมประเพณีของไทยยกระดับสู่ระดับโลก อาทิ งาน THAICONIC Songkran Celebration ไอคอนสยามมหัศจรรย์เจ้าพระยามหาสงกรานต์ 2567 ซึ่งปีนี้จัดกิจกรรมยาวติดต่อกันถึง 12 วันเต็ม ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจำนวนมากจนกลายเป็นเทศกาลมหาสงกรานต์เฟสติวัลระดับโลก และเทศกาลงานลอยกระทง ICONSIAM THAICONIC Loy Krathong  ในปีนี้จัดในธีมสายธารมรดกไทย สานหัวใจไทยทุกเจน” ที่สามารถชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย นำประเพณีสำคัญขึ้นแท่นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมแห่งยูเนสโกได้อีกด้วย โดยในปีนี้ ไอคอนสยาม จะมีกิจกรรมอีเวนต์มากมายตลอดทั้งปีกว่า 350 งาน  เพื่อตอบโจทย์การเป็นหมุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก


ทรู ไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การประชุมมาตรฐานโลก รองรับการจัดงานทุกรูปแบบ

ทรู ไอคอน ฮอลล์ (TRUE ICON HALL) เป็นอีกสถานที่จัดประชุมและงานแสดงระดับ World Class สามารถมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ 180 องศาเพียงแห่งเดียวในประเทศ ด้วยขนาดพื้นที่ 12,000 ตร.ม. รวมทั้งพื้นที่ Suralai ด้านหน้าฮอลล์ ขนาด 1,000 ตร.ม. เป็นอีกสถานที่ที่เพียบพร้อมสามารถจัดงานได้ครบครันที่สุด ปัจจุบันมีงานที่จัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 350 งาน นับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในปี 2562  โดยมีอีเวนต์สำคัญระดับโลกมากมาย อาทิ APEC Women & the Economy Forum , งานกาล่าดินเนอร์ของ ICCA Congress เป็นต้น และไฮไลต์ที่ได้เกิดขึ้นปีนี้ ได้แก่ งาน Lisa Fan Meet Up , Guitar Mag ซึ่งประเดิมด้วยยอดจองในปีนี้กว่า 90% ไปแล้ว สะท้อนความสำเร็จของการสร้างปรากฎการณ์ความบันเทิงและกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างที่ดีที่สุด พร้อมช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้เติบโตได้อย่างสวยงาม

ศักยภาพของพื้นที่ Extraordinary Space ในศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในไทย ทำให้กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้รับการยกย่องจากวงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในประเทศและระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สยามพิวรรธน์ได้รับรางวัล Developer of the Year – Thailand จากเวที Real Estate Asia Awards 2024 ประเทศสิงคโปร์ ขณะที่ไอคอนสยามและสยามพารากอน ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน Top Tourist Destination จากหลายสถาบัน อาทิ  Retail in Asia และ Cleverthai.com สื่อไลฟ์สไตล์จากมาเลเซีย และล่าสุดสยามพารากอนและสยามเซ็นเตอร์ ยังคว้ารางวัล “Traveler’s Choice Award 2024” จาก Tripadvisor เว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลกอีกด้วย เหล่านี้ล้วนสะท้อนศักยภาพของสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาโกลบอลเดสติเนชั่นอันดับ 1 ด้วยการเป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์เหนือความคาดหมายไม่มีวันสิ้นสุด เติมเต็มการใช้ชีวิตที่หลากหลายของทุกเจนเนอเรชั่นมาอย่างยาวนาน พร้อมขับเคลื่อนมุ่งสู่ความสำเร็จบนเวทีโลกและสร้างความภาคภูมิใจในฐานะตัวแทนประเทศไทยที่เป็นจุดหมายปลายระดับโลกที่แท้จริง

]]>
1482718
“อิมแพ็ค” ปรับกลยุทธ์ “Employer Branding” แก้ปัญหาธุรกิจ MICE ขาดบุคลากรรุ่นใหม่ https://positioningmag.com/1409811 Thu, 24 Nov 2022 08:28:51 +0000 https://positioningmag.com/?p=1409811 อุตสาหกรรม MICE กลายเป็นธุรกิจที่กำลัง “ขาดแคลน” บุคลากรคนรุ่นใหม่ เพราะไม่ใช่สายอาชีพที่น้องๆ สนใจสูงอีกต่อไป ทำให้ “อิมแพ็ค” พี่ใหญ่วงการของเมืองไทยต้องเร่งปรับกลยุทธ์ด้าน “Employer Branding” เพื่อสร้างความนิยมในฐานะ “นายจ้าง” ที่ดี ดึงคนรุ่นใหม่มาร่วมงาน พร้อมจัดโครงการ “กล้า MICE” ต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 4 เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้รู้จักสายงานนี้มากขึ้น

“อิมแพ็คเราทำงานร่วมกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอนในสาขา MICE อยู่ตลอด อาจารย์จะบอกกับเราทุกปีว่า มีเด็กมาสมัครเรียนสาขานี้น้อยลงๆ ทุกปีนะ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกหน่อยแรงงานจะหายไปจากตลาด” ทมิตา จงสวัสดิ์วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในตลาดงานที่ทำให้บริษัทต้องวางกลยุทธ์เพื่อ ‘ทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่สนใจงาน MICE และสนใจทำงานกับอิมแพ็ค’

เหตุที่คนรุ่นใหม่ไม่เข้ามาในวงการนั้นมีหลายเหตุผล บ้างไม่รู้จักว่า MICE คืออะไรและทำงานอะไร บ้างได้ยินเสียงเล่าปากต่อปากว่าการจัดการประชุมและแสดงสินค้านั้นเป็นงานที่ ‘หนักมาก’ ในขณะที่ทางเลือกของคนเจนใหม่มีมากขึ้น มีอาชีพที่เป็นที่นิยมสูงเข้ามาแทนอย่างงานสายเทคโนโลยีต่างๆ รวมถึงแนวคิดของคนรุ่นใหม่ไม่ชอบการทำงานประจำที่เข้าออกเป็นเวลา แต่ชอบงานอิสระ หรือเป็นเจ้าของกิจการเองมากกว่า

นั่นทำให้อิมแพ็คเริ่มแก้เกมการดึงบุคลากรเข้าสู่องค์กร โดยจะต้องทำทั้งสองด้าน คือ การปรับองค์กรให้เป็นที่ดึงดูดใจในฐานะนายจ้าง (Employer Branding) และ การเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำความรู้จักกับอาชีพในสายงาน MICE ผ่านโครงการกล้า MICE

 

3 ด้านปรับ Employer Branding ใหม่ของ “อิมแพ็ค”

ปัจจุบัน “บางกอกแลนด์” บริษัทแม่ของอิมแพ็ค มีพนักงานทั้งหมดกว่า 2,000 คน (รวมทั้ง 6 บริษัทย่อยในเครือ) โดยทมิตาคะเนคร่าวๆ มีคนเจนเอ็กซ์จนถึงบูมเมอร์ราวครึ่งหนึ่งขององค์กร ขณะที่คนเจนวายอยู่ในองค์กรราว 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนเจนซีซึ่งมักจะเป็นกลุ่ม first jobber นั้นยังน้อยมาก ไม่เกิน 10%

ทมิตา จงสวัสดิ์วรกุล ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลองค์กร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด

กลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยน Employer Branding ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อจะทำให้คนเจนวายจนถึงเจนซีสนใจร่วมงานกับองค์กรมากขึ้น โดยเราสรุปจากการพูดคุยกับทมิตาว่า อิมแพ็คได้เปลี่ยนอะไรไปแล้วบ้างรวม 3 ข้อ ดังนี้

1.การทำงานที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่

แนวนโยบายใหม่ของอิมแพ็คจะมีการส่งเสริม mindset ในระดับบริหาร ให้เปิดการรับฟังและโอกาสในการทำงานแก่คนเจนใหม่ มอบหมายให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้รับผิดชอบงานและเสนอไอเดียการทำงานมากขึ้น

โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีการเปิด “โครงการประกวดนวัตกรรม R2i” (From Routine to Innovation) จัดขึ้นต่อเนื่องมาแล้ว 4 ปี โครงการนี้เป็นทั้งเวทีที่เปิดให้ทุกคนได้แสดงความสามารถ และกระตุ้นให้พนักงานคิดนอกกรอบ สร้างนวัตกรรม เพื่อทำให้งานมีคุณภาพดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ซึ่งโครงการที่ได้รับรางวัลจะมีการนำมาใช้ในบริษัท เช่น นวัตกรรมเครื่องปูพรมพื้นฮอลล์จัดแสดงสินค้า เพื่อให้การปูและเก็บพรมรวดเร็ว สวยงาม เป็นฝีมือการออกแบบจากพนักงานหน้างานตัวจริง

อิมแพ็ค
โครงการประกวดนวัตกรรม R2i
2.ปรับการจ้างงานมาเป็น project-based มากขึ้น

จากแนวคิดคนรุ่นใหม่ไม่ชอบการทำงานเป็นเวลาตอกบัตรเข้าออก และไม่ชอบการทำงานประจำที่ใดที่หนึ่ง แต่ชอบการควบคุมการรับงานและปริมาณงานได้เอง ทำให้อิมแพ็คเริ่มทดลองการจ้างงานแบบ project-based และพนักงานระบบชั่วคราว (gig workers) โดยเริ่มจากแผนกทรัพยากรบุคคล (HR) ก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างในองค์กรว่างานบางรูปแบบสามารถยืดหยุ่นได้ในการจ้างงาน

3.การสร้างที่ทำงานที่เป็น ‘Happy Workplace’

อิมแพ็คประกาศนโยบาย LGBTQ-Friendly รับพนักงานที่มีความหลากหลายทางเพศ และให้ความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยกในการทำงาน

“น้องหลายคนที่จะสมัครงาน คำถามแรกๆ ที่ถามกันมากคือ ‘หนูเป็นสาวประเภทสอง สมัครได้ไหมคะ’ เพราะหลายแห่งเขาไม่รับ แต่ที่นี่เราเปิดกว้าง และเราให้แต่งกายได้ตามที่ต้องการ” ทมิตากล่าว

นอกจากนี้ยังปรับเรื่องสวัสดิการสุขภาพซึ่งคนสนใจมากขึ้นหลังผ่านโควิด-19 โดยมีแพทย์ประจำออฟฟิศ และเน้นการทำโครงการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันให้กับพนักงานด้วย

 

“กล้า MICE” เพื่อให้น้องได้รู้จักสายอาชีพนี้

อีกส่วนที่สำคัญในการหาคนทำงาน คือต้องเปิดให้น้องๆ ได้รู้จักกับงานประเภทนี้ก่อน อิมแพ็คจึงจัด “โครงการกล้า MICE” ครั้งนี้เป็นรุ่นที่ 4 โดยจะเปิดรับสมัครไปจนถึง 18 ธันวาคม 2565

โครงการจะคัดเลือกนักศึกษาทั้งหมด 50 คน โดยไม่จำกัดสาขาวิชาที่เรียนและไม่จำกัดสถาบัน ขอเพียงมีความสนใจที่จะเรียนรู้งาน MICE ก็สามารถเข้ามาร่วมอบรมได้ ผู้ที่ผ่านคัดเลือกจะได้เรียนรู้งานจริงทุกด้านในอิมแพ็ค และทดลองปฏิบัติงานจริงในประเภทงานที่ชื่นชอบ

อิมแพ็ค
ภาพจากโครงการ กล้า MICE

ทมิตากล่าวว่า ตั้งแต่จัดโครงการมา ทำให้มีนักศึกษาจากโครงการสมัครและทำงานต่อกับอิมแพ็คราว 10% จากนักศึกษาทั้งหมด ที่เหลือก็ไม่ได้หายไปไหน หลายคนเข้าทำงานกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งอิมแพ็คไม่ได้ปิดกั้น เพราะถือเป็นโครงการที่มีเป้าหมายเติมบุคลากรให้กับทั้งอุตสาหกรรม

เมื่อถามถึงคนทำงานในสายอาชีพ MICE ว่าควรมีทักษะอย่างไร ทมิตาตอบว่ามี 4 กุญแจสำคัญ คือ เป็นคนยืดหยุ่นได้ แก้ปัญหาหน้างานเป็น, ใช้ทักษะได้หลายอย่าง (multi skills), มีทักษะทางสังคมสูง (social skills) เพราะต้องติดต่อผู้คนหลากหลาย และที่สำคัญที่สุดคือ มีแพสชั่นในการทำงานสายนี้ เนื่องจากธรรมชาติงานทำงานไม่เป็นเวลาแน่นอนและมีความกดดัน ทำให้ต้องการ ‘ใจรัก’ จริงๆ

“เราต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาในสายอาชีพนี้ เพราะคนรุ่นเก่าคือคนที่สามารถสอนงานได้ มีประสบการณ์สูง แต่คนรุ่นใหม่คือคนที่จะมาพัฒนาต่อ ทำให้องค์กรเรายังอยู่ต่อได้อีกสิบปี ยี่สิบปีข้างหน้า” ทมิตากล่าวปิดท้าย

]]>
1409811
พาชมจัดเต็มทุกมุม! “ศูนย์ฯ สิริกิติ์” โฉมใหม่ อลังการกลิ่นอายสถาปัตยกรรมไทย พร้อมเปิดกันยายน’65 https://positioningmag.com/1396662 Thu, 18 Aug 2022 08:27:37 +0000 https://positioningmag.com/?p=1396662 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC) ปิดปรับปรุงไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 และกำลังจะเปิดบริการใหม่อีกครั้งวันที่ 12 กันยายน 2565 โดย บริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ใช้งบลงทุนไปกว่า 15,000 ล้านบาทในการพลิกโฉมใหม่ทั้งหมด
  • ศูนย์ฯ สิริกิติ์ถือเป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกของไทย เปิดบริการครั้งแรกปี 2534 เพื่อรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมประจำปีของธนาคารโลก จากนั้นก็ได้รองรับงานสำคัญของประเทศต่อเนื่อง เป็นส่วนสำคัญในธุรกิจ MICE ของประเทศไทย
  • อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดบริการมาเกือบ 30 ปี พื้นที่โครงการก็เริ่มรองรับผู้เยี่ยมชมหรือผู้เข้าประชุมได้ไม่เพียงพอ และต้องอัปเดตโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยขึ้น จึงจำเป็นต้องปิดปรับปรุงไปกว่า 3 ปี
ศูนย์ฯ สิริกิติ์
Golden Gate ทางเชื่อมสถานีรถไฟ้ใต้ดินศูนย์ฯ สิริกิติ์ เปิดใช้วันที่ 12 กันยายน 2565
  • คอนเซ็ปต์ของโครงการปรับปรุงใหม่นั้นยังมีจิตวิญญาณเดิมของศูนย์ฯ สิริกิติ์ คือ สืบสาน รักษา ต่อยอดความเป็นไทย แต่มีการผสมผสานให้เข้ากับความเป็นสากลมากขึ้น และเน้นการตกแต่งภายในด้วยลายผ้าไทยจาก “ฉลองพระองค์” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
  • ในแง่โครงสร้างพื้นฐาน พื้นที่โครงการศูนย์ฯ สิริกิติ์มีการปรับให้ใหญ่ขึ้นเกือบ 5 เท่า ปัจจุบันมีพื้นที่ 300,000 ตร.ม. และเพิ่มที่จอดรถเป็น 3,000 คัน พร้อมกับมีทางเชื่อมใต้ดินกับสถานีรถไฟฟ้า MRT สามารถรองรับการจัดงานได้ทุกรูปแบบ
ศูนย์ฯ สิริกิติ์
บริเวณ Atrium Stair ชั้น LG จะเห็นได้ว่ามีลักษณะเป็นบันไดขนาดยักษ์เชื่อมจากระดับถนนลงไปด้านล่าง ทำให้รู้สึกโปร่งโล่งในการเดินลงสู่ชั้นใต้ดิน บริเวณนี้อนาคตจะมีร้านกาแฟ % Arabica มาเปิดบริการ และเป็นสาขาแรกในไทยที่จะมีที่นั่ง Outdoor ด้วย
  • ขณะนี้ศูนย์ฯ สิริกิติ์มีการจองจัดงานเข้ามาแล้วถึง 160 งานจนถึงสิ้นปี 2566 โดยมีไฮไลต์งานสำคัญที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เช่น
    Huawei Connect งานใหญ่ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี จัดวันที่ 18-21 กันยายน 65 (ปกติจัดที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน)
    Asia Pacific Leather Fair หรือ APLF งานแสดงสินค้าเครื่องหนังระดับโลก จัดวันที่ 19-21 ตุลาคม 65 (ปกติงานจะจัดที่ฮ่องกง)
    T-Pop Concert Fest งานคอนเสิร์ตรวมศิลปินเพลงป๊อปชั้นนำของไทย จัดวันที่ 29-30 ตุลาคม 65
    Asia Fruit Logistica งานแสดงสินค้านานาชาติด้านผักและผลไม้แห่งเอเชีย จัดวันที่ 2-4 พฤศจิกายน 65 (ปกติงานจะจัดที่ฮ่องกง)
    Jewellery & Gem ASEAN Bangkok (JGAB) งานแสดงสินค้าอัญมณี รวบรวมการค้าขาย สัมมนา กิจกรรมความรู้เพื่อผู้ซื้อและซัพพลายเออร์ จัดวันที่ 2-5 พฤศจิกายน 65 (ปกติงานจะจัดที่สิงคโปร์)
    งานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC 2022) ที่จะจัดวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 65
ทางเดินขึ้นสู่ชั้น G จะเป็นโถงบันไดเลื่อนสีทอง สังเกตได้ถึงกลิ่นอายสถาปัตยกรรมไทย โดยโครงครอบบันไดส่วนนี้ใช้การปิดทองคำเปลวแทนการทาสี

เห็นได้ว่าศูนย์ฯ สิริกิติ์ใหม่จะรองรับงานได้ทุกประเภท ตั้งแต่งานประชุมระดับโลก งานเทรดแฟร์ คอนเสิร์ต และงานจำหน่ายสินค้าต่างๆ สามารถดึงดูดงานที่เคยจัดในประเทศอื่นเข้ามาสร้างเศรษฐกิจ MICE ในประเทศไทยได้

งานที่เป็นซิกเนเจอร์ของศูนย์ฯ สิริกิติ์จะกลับมาทั้งหมด เช่น Book Expo (งานหนังสือ), Thailand Game Show, Mobile Expo โดยงานหนังสือถือเป็นงานพิสูจน์ศักยภาพการรองรับผู้เยี่ยมชม เชื่อว่าหลังปรับโฉมใหม่แล้วจะทำให้รองรับคนได้เพิ่มขึ้นเป็น 200,000 คนต่อวัน จากเดิม 100,000 คนต่อวัน

เข้าไปมองใกล้ๆ facade ของฮอลล์เป็นหินนำเข้าจากต่างประเทศ แกะสลักให้มีความพลิ้วไหว คล้ายกับผ้าไทยบนฉลองพระองค์
  • จากการปรับปรุงทั้งหมด ศูนย์ฯ สิริกิติ์เชื่อว่าจะทำให้สามารถรองรับงานอีเวนต์เพิ่มได้เป็น 300-400 งานต่อปี จากที่เคยรองรับได้กว่า 100 งานต่อปี มากขึ้นกว่าเดิม 3-4 เท่า
  • สำหรับราคาค่าเช่านั้นจะสูงกว่าศูนย์ประชุมอื่นรอบนอกเมืองประมาณ 20% เพราะศูนย์ฯ สิริกิติ์ถือว่ามีโลเคชันใจกลางเมือง และเป็นศูนย์ฯ ที่ใหม่และทันสมัยที่สุด ณ ขณะนี้
ภายในฮอลล์ชั้น G เป็นฮอลล์ขนาดใหญ่ที่สุด ไม่มีเสา เพดานสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้สูง พร้อมบริเวณ Loading สินค้าจัดแสดง ทำให้ศูนย์ฯ สิริกิติ์สามารถรองรับการแสดงสินค้าที่หลากหลายขึ้นได้
มีบริเวณห้องกระจกสำหรับจัดมีตติ้งขนาดเล็ก เทกวิวสวนเบญจกิตติ
ไฮไลต์ชั้น 1 มีบริเวณจุด mingle และนั่งทำงานได้ เหมาะกับการจัดงานการประชุมและธุรกิจ ตกแต่งให้รู้สึกผ่อนคลาย น่านั่งมากขึ้นกว่าศูนย์ประชุมยุคเก่าซึ่งจะเน้นเป็นโต๊ะทรงสูง ไม่มีเก้าอี้

ชมภาพทั้งหมดบน Facebook Page @Positioningmag ที่นี่

]]>
1396662
‘Work from Bali’ โมเดลกระตุ้นท่องเที่ยวอินโดฯ ดึง ‘ข้าราชการ’ ทำงานทางไกล-ประชุมที่บาหลี https://positioningmag.com/1334537 Mon, 31 May 2021 07:04:24 +0000 https://positioningmag.com/?p=1334537 บาหลีเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของชาว ‘Digital Nomad’ คนทำงานผ่านออนไลน์เเบบไร้ออฟฟิศ เป็นเกาะสำคัญของอินโดนีเซียที่ดึงดูดชาวต่างชาติหลายล้านคนต่อปี เเต่มาวันนี้กลับไม่มีนักท่องเที่ยวจากพิษโควิด-19

รายได้ที่หดหายไป ทำให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มทรุดหนัก รัฐบาลอินโดนีเซียจึงเปิดตัวโมเดลกระตุ้นการท่องเที่ยวในเกาะบาหลีขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่าWork from Baliซึ่งมีความน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

โดย ‘Work from Bali’ จะเป็นการเปิดทางให้เหล่าข้าราชการและพนักงานบริษัทของรัฐ เปลี่ยนบรรยากาศมาทำงานทางไกลที่เกาะบาหลี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น เป็นไปในลักษณะ ธุรกิจไมซ์ (MICE) การท่องเที่ยวเพื่อจัดประชุมเเละทำกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร 

ทางกระทรวงประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย จะเริ่มนำร่องโครงการนี้ที่เมืองนูซา ดูอา (Nusa Dua) ซึ่งเคยเป็นพื้นที่หลักในการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก หรือ APEC เมื่อปี 2013

เราหวังว่าการมาเยือนของบรรดาข้าราชการเเละพนักงานบริษัทของรัฐจะเป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่จะทำให้เศรษฐกิจของบาหลีเริ่มฟื้นตัว

(Photo by Johanes Christo/NurPhoto via Getty Images)

ที่ผ่านมาบาหลีนับเป็นเมืองที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูงมาก โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เเละได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการปิดพรมเเดนเพื่อสกัดโรคระบาด โรงเเรมเเละร้านอาหารต่างๆ ต้องหยุดกิจการชั่วคราวเมื่อไม่มีผู้ใช้บริการ

เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ GDP ของอินโดนีเซียที่ลดลง 9.9% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว ขณะที่ GDP ปี 2020 หดตัวอยู่ที่ 9.3%

ในช่วง 3 เดือนเเรกของปีนี้ เกาะบาหลีต้อนรับชาวต่างชาติเพียง 25 คนเท่านั้น น้อยลงมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่เเล้ว ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากถึง 1.1 ล้านคน

รัฐบาลท้องถิ่นกำลังเร่งกระจายฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อรองรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ขณะเดียวกันภูเก็ตเกาะชื่อดังของไทย ที่เป็นคู่แข่งของบาหลีในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็กำลังจะเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส เข้ามาในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้เช่นกัน

ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอินโดนีเซียและไทยที่ยังไม่ชะลอลง จึงเกิดความกังวลในเเผนการรับมือต่างๆ ซึ่งจะต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป…

 

 

ที่มา : Bloomberg , ttgasia , thejakartapost 

]]>
1334537
มองอนาคต ‘VIRTUAL Event’ แม้ไม่มาแทนที่ แต่จะกลายเป็น ‘รูปแบบหลัก’ ในไม่ช้า https://positioningmag.com/1285817 Tue, 30 Jun 2020 10:26:48 +0000 https://positioningmag.com/?p=1285817 การท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของไทย และหนึ่งในส่วนประกอบก็คือ อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) หรืองานอีเวนต์ต่าง ๆ สำคัญมาก เพราะปัจจุบันมีมูลค่าตลาดถึง 1.3 หมื่นล้านบาท แต่แน่นอนเพราะ Covid-19 ทำให้งานอีเวนต์ต้องถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป แม้ปัจจุบันจะฟื้นตัวกลับมาประมาณ 80-90% แล้วก็จริง แต่ยังคงติดข้อจำกัดเรื่องการรักษาระยะห่างหรือ Social Distancing ดังนั้น เทรนด์การจัดงานแบบ ‘VIRTUAL’ จะกลายเป็น New Normal ใหม่ของไทยในไม่ช้านี้

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา โอเปอเรเตอร์เบอร์ 1 ในตลาดอย่าง AIS ก็ลองจัดงาน AIS 5G Thailand Virtual Expo ขึ้น โดยผนึกแบรนด์สินค้าไอที และ SME เข้ามาขายสินค้าประเภทอื่น ๆ ภายในงาน หรือแม้แต่งานอย่าง Thailand Mobile EXPO แม้จะไม่ได้จัดงาน VIRTUAL แต่ก็สามารถซื้อสินค้าผ่าน Shopee และ Lazada ได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เคยมี ดังนั้นจะเห็นว่า ‘ออนไลน์’ กลายเป็น New Normal ของผู้บริโภคไปแล้ว

ด้วยเทรนด์นี้เองทำให้บริษัท ไร้ท์แมน ผนึกกำลังกับบริษัทวายดีเอ็ม และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดบริษัท VIRTUAL SOLUTION โดยให้บริการการจัดงานออนไลน์แบบครบวงจร โดยคุณกัมพล นิสิตสุขเจริญ กรรมการบริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด และ ผู้ก่อตั้ง VIRTUAL SOLUTION มองว่า อุตสาหกรรมไมซ์จะทรานส์ฟอร์มจากออนกราวด์มาสู่ออนไลน์มากขึ้น เพราะข้อดีของการจัดอีเวนต์แบบ VIRTUAL ก็ยังมีจุดเด่นที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้กว้างขึ้น เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่และการเดินทาง และใช้เวลาเตรียมงานและงบที่น้อยกว่า อีกทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลผู้เข้าชมได้ดีกว่าแบบออนกราวด์

“หากไม่นับเรื่อง Covid-19 ก็มีอีกหลายมิติที่ทำให้เทรนด์งานอีเวนต์ออนไลน์เติบโต อย่างเรื่องสังคมผู้สูงอายุที่อาจจะเดินทางไม่สะดวก สปีกเกอร์ก็ไม่ต้องเดินทาง และปกติจะจัดงานอีเวนต์ต้องเตรียมการประมาณ 2-3 เดือน แต่พอเป็น VIRTUAL ประหยัดเวลาได้ราว 50% และงบก็ใช้น้อยกว่า 80-95% มีงบ 5 แสนบาทก็จัดได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสเกลงานด้วย”

อย่างไรก็ตาม ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ให้ความเห็นว่า ในระยะสั้นการจัดงานอีเวนต์ออนไลน์จะมาเป็น ส่วนเสริม อีเวนต์แบบออฟไลน์ แต่หากมองในระยะยาวเชื่อว่างานอีเวนต์ออนไลน์จะกลายเป็น รูปแบบหลัก แทนที่การจัดแบบออฟไลน์ ทั้งนี้ ออนไลน์จะไม่มาฆ่างานอีเวนต์แบบดั้งเดิมหรือออนกราวด์ แต่เป็นการผสมผสานกัน

“เรามั่นใจว่าจะได้รับการยอมรับและได้รับความนิยม เพราะมันคือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป เนื่องจากมันสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคนี้ได้ อย่างไรก็ตาม อุปสรรคอย่างเดียวในตอนนี้คือ ความคุ้นเคยของผู้บริโภค เพราะต้องยอมรับว่ามันยังเป็นของใหม่”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรวิชญ์ จันทร์ฉาย คณบดีวิทยาลัยศิลปะ สื่อและเทคโนโลยี (CAMT) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ขวา) นายกัมพล นิสิตสุขเจริญ กรรมการบริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัด และ ผู้ก่อตั้ง VIRTUAL SOLUTION (กลาง) นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (ซ้าย)

ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 100 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าแล้วคือ งาน Motor Show ครั้งที่ 41 ในวันที่ 15-26 ก.ค.นี้ ผู้ที่สนใจสามารถดูตัวอย่างงานผ่านทางเว็บไซต์ www.virtualsolution.asia รวมถึงงานที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ซึ่งประกอบด้วยการจัดงานแบบออนกราวด์และออนไลน์ควบคู่กัน เช่น Virtual Design Nation Fair 2020, งาน Virtual Architect Forum โดยร่วมกับสภาสถาปนิก, งาน Virtual Architect Expo ร่วมกับสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, งาน Virtual AIC Forum (Agritech and Innovation Center) โดยศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม ซึ่งเป็นงานประชุมแบบ Virtual Conference ขับเคลื่อนนโยบายระดับชาติ ผ่านทาง VIRTUAL SOLUTION ได้เช่นกัน

]]>
1285817