Regional Flagship Store – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Tue, 19 Aug 2025 06:54:06 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 สเวนเซ่นส์ Meta Mall เชียงใหม่ Regional Flagship Store ลำดับที่ 7 ดีไซน์จากแรงบันดาลใจ “ร่มบ่อสร้าง”  https://positioningmag.com/1533769 Thu, 14 Aug 2025 08:54:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1533769
  • สเวนเซ่นส์เปิดโมเดล Regional Flagship Store แห่งที่ 7 ที่เชียงใหม่ เป็นสาขาที่ 2 ในโซนภาคเหนือ
  • สาขานี้ได้แรงบันดาลใจจาก “ร่มบ่อสร้าง” ของขึ้นชื่อจากอำเภอสันทราย นำมาเป็นคอนเซ็ปต์หลักในการออกแบบทั้งภายนอก และภายใน
  • ตั้งเป้าเปิดโมเดลนี้ปีละ 1 สาขา เพื่อเป็นเดสติเนชั่นให้คนมาท่องเที่ยว
  • เดินเกม Regional Flagship Store

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา “สเวนเซ่นส์” ร้านไอศกรีมในเครือไมเนอร์ ฟู้ด เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ร้านอาหาร ร้านขนมที่มีการเคลื่อนไหวคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งในแง่ของเมนูใหม่ ๆ และการเปิดโมเดลร้านใหม่ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้า 

    ซึ่งสเวนเซ่นส์เองก็พยายามทรานส์ฟอร์มตัวเองให้เป็น “ร้านขนมหวาน” ครอบจักรวาล ที่จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่ไอศกรีมอย่างเดียวอีกต่อไป ดีไซน์เมนูใหม่ ๆ ด้วยการดึงเอาขนมหวานที่เป็นกระแสฮอตฮิตในขณะนั้น รวมไปถึงการมีเมนูไฮไลต์ตามฤดูกาลที่ทุกคนรอคอยอย่างไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีมข้าวเหนียวทุเรียน เพื่อมัดใจลูกค้าไม่ให้หนีหาย

    อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สเวนเซ่นส์ให้ความสำคัญไม่แพ้กับเมนูใหม่ก็คือ การเปิดโมเดลร้านใหม่ นอกจากร้านปกติที่เปิดตามศูนย์การค้าแล้ว ยังมีอีก 2 โมเดล ได้แก่

    1. Regional Flagship Store เป็นสาขาในรูปแบบสแตนด์อะโลน ที่จะออกแบบร้านให้เข้ากับวัฒนธรรมของ จังหวัดนั้นๆ ปัจจุบันมี 7 สาขา ได้แก่ ภูเก็ต น่าน พิษณุโลก นครศรีธรรมราช สงขลา (หาดใหญ่) ขอนแก่น และล่าสุดกับการเปิดที่เชียงใหม่
    2. Concept Store เป็นสาขาที่มีการดีไซน์ให้เข้ากับสถานที่นั้น ๆ หรือชุมชนละแวกนั้น แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ปัจจุบันมี 4 สาขา ได้แก่ กาดฝรั่ง จ.เชียงใหม่, แอท เอกมัย, ท่ามหาราช และยะลา (ก่อนหน้านี้เป็นโมเดล Regional Flagship Store แต่ได้มีการจัดพอร์ตใหม่มาอยู่ในกลุ่มของ Concept Store แทน)

    สเวนเซ่นส์ได้เริ่มเปิดโมเดล Regional Flagship Store ตั้งแต่ปี 2561 โดยได้ดัดแปลงสาขาที่ภูเก็ตทาวน์ แต่เดิมที่ตั้งอยู่ในโซนเมืองเก่าพอดี มีการตกแต่งร้านสไตล์ชิโนโคโลเนียลตามแบบฉบับของชาวภูเก็ต เป็นการออกแบบให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากทั้งนักท่องเที่ยวและคนภูเก็ต กลายเป็นอีกหนึ่งเดสติเนชั่นที่ดึงดูดคนไปถ่ายรูป ไปทานไอศกรีมได้ 

    สเวนเซ่นส์จึงต่อยอดความสำเร็จของโมเดลนี้ที่จังหวัดอื่น ได้แก่ น่าน พิษณุโลก นครศรีธรรมราช  สงขลา (หาดใหญ่) ขอนแก่น ล่าสุดได้เปิดสาขาที่ 7 ที่เชียงใหม่ ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า Meta Mall คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ใจกลางเมือง

    สาขาที่จะเป็น Regional Flagship Store ส่วนใหญ่จะเป็นร้านรูปแบบสแตนด์อะโลนตั้งอยู่นอกศูนย์การค้า    มีพื้นที่มากกว่า 200 ตารางเมตรขึ้นไป และเป็นการลงทุนของแฟรนไชส์ มีเพียงแค่สาขาภูเก็ตที่บริษัทลงทุนเอง  เพื่อให้พาร์ทเนอร์ท้องถิ่นที่รู้จักคนในพื้นที่ และวัฒนธรรมร่วมดีไซน์อย่างเต็มที่ ซึ่งสาขาพิเศษจะใช้งบลงทุนมากกว่าสาขาปกติ 50% แต่แลกกับการที่ได้ทราฟฟิกเพิ่ม และรายได้ที่สูงขึ้น ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

    หลักการเลือกทำเลที่จะเป็น Regional Flagship Store นั้น จะเลือกจากจังหวัดที่มีศักยภาพ มีคาแรกเตอร์โดดเด่นชัดเจน มีวัฒนธรรม หรือชุมชนท้องถิ่นแข็งแรง

    “เชียงใหม่” ทำเลศักยภาพ

    สำหรับ Regional Flagship Store สาขาที่ 7 สเวนเซ่นส์ได้เลือกมาปักหมุดที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสาขาที่ 2 ในภาคเหนือต่อจาก จ.น่าน ได้ฤกษ์ตัดริบบิ้นเมื่อวันที่ 8 เดือน 8 ที่ผ่านมา 

    หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า จ.เชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดยอดนิยมในประเทศไทย ขึ้นแท่นหัวเมืองใหญ่ที่มีทั้งประชากรอาศัยอยู่เยอะ และมีนักท่องเที่ยวไปเยือนอยู่ตลอดทั้งปี มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว ทางสเวนเซ่นส์เองมองหาทำเลที่จะเปิด Regional Flagship Store ในเชียงใหม่มาสักพัก จนมาเจอพื้นที่ที่ Meta Mall คอมมูนิตี้แห่งใหม่ จากนั้นใช้เวลาในการพัฒนาสาขานี้อยู่ 1 ปี จนเปิดให้บริการ 

    เชียงใหม่เองก็เป็นหนึ่งในจังหวัดศักยภาพของสเวนเซ่นส์ โดยเป็นจังหวัดมีสาขามากกว่า 10 แห่ง เป็นจังหวัดใหญ่สุดในภาคเหนือ จึงไม่พลาดที่จะมีโมเดลพิเศษอย่าง Regional Flagship Store ไปได้

    สาขาที่ Meta Mall นี้มีพื้นที่รวม 237 ตารางเมตร และมี 127 ที่นั่ง โจทย์ในการออกแบบสาขานี้จึงอยู่ที่ “ทำอย่างไรให้คนไทยที่มาเที่ยวเชียงใหม่ ต้องมาเยือนสเวนเซ่นส์ให้ได้” จึงเลือกวัฒนธรรมที่เป็นจุดเด่นออกแบบทั้งภายนอกภายใน ใส่รายละเอียดให้มากที่สุด

    โดยที่สาขานี้ได้หยิบ “ร่มบ่อสร้าง” ที่เป็นของขึ้นชื่อจากอำเภอสันทรายเป็นโจทย์หลัก ผ่านการตีความ และประยุกต์ให้เข้ากับสถาปัตยกรรมของร้าน การดีไซน์ของร้านจึงมีการตกแต่งด้วยร่มกระดาษ พร้อมกับไฮไลต์ที่เป็นทำเนียมของสาขา Regional Flagship Store ก็คือบัตรสเวนเซ่นส์ลายพิเศษ และเมนู Exclusive สาขานี้เป็น “ขันโตก ซันเดย์เซ็ต” ประยุกต์ไอศกรีมเป็นรูปแบบขันโตกฉบับภาคเหนือ แล้วมีแคปหมูเคลือบช็อกโกแลตเป็นกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ 

    ณพล ศิริมงคลเกษม Head of Brand – Swensen’s ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เริ่มเล่าว่า

    “สาขา Regional Flagship Store เป็นการดึงเอาวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือสิ่งที่คนโลคอลภูมิใจมาเป็นสตอรี่ของร้าน ไม่ใช่แค่เติมนิดหน่อย แต่ต้องเป็นคอนเซ็ปต์ทั้งภายนอก และภายในร้านเลย รวมถึงมีเมนูพิเศษ และมีบัตรลายพิเศษ เหตุผลที่สาขานี้เลือกร่มบ่อสร้างมาเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของคนในพื้นที่ พร้อมกับสืบทอดมาเรื่อย ๆ รุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นสินค้า OTOP ของจังหวัด”  

    สร้างเดสติเนชั่นจุดเช็กอินแต่ละจังหวัด

    หนึ่งในเป้าหมายของการเปิดสาขา Regional Flagship Store ก็คือ การสร้างภาพลักษณ์ให้สเวนเซ่นส์เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เข้าถึงคนท้องถิ่นมากขึ้น และให้สาขานั้นเป็นเดสติเนชั่นเวลาที่คนไปเที่ยวแต่ละจังหวัด จะต้องไปเยือนให้ได้ เหมือนเป็นจุดที่จะต้องมาเช็กอินให้ได้

    ปัจจุบันสเวนเซ่นส์มีสาขารวม 350 แห่ง ในแต่ละปีจะมีแผนในการขยายสาขาเพิ่มเฉลี่ยปีละ 10-15 สาขา ส่วนสาขา Regional Flagship Store จะเปิดปีละ 1 สาขาเท่านั้น

    ]]>
    1533769
    “สเวนเซ่นส์ หาดใหญ่ วิลเลจ” สูดกลิ่นอายแต่เตี้ยม Regional Flagship Store แห่งที่ 6 ของสเวนเซ่นส์ https://positioningmag.com/1428181 Fri, 21 Apr 2023 07:06:20 +0000 https://positioningmag.com/?p=1428181 สเวนเซ่นส์ผุดโมเดล Regional Flagship Store สาขาใหม่ล่าสุดที่หาดใหญ่ วิลเลจ จ.สงขลา เป็นสาขาที่ 4 ในโซนภาคใต้ สาขานี้มีดีไซน์ที่มีคอนเซ็ปต์เหมือนยกแต่เตี้ยมที่เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นมาไว้ที่นี้ ความพิเศษขอโมเดลนี้ นอกจากจะสร้างสีสันที่แปลกใหม่แล้ว แต่ยังกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งจังหวัดให้เติบโตได้

    ได้ฟีลกินไอศกรีมในโรงน้ำชา

    กลยุทธ์ในการขยายสาขาในยุคนี้ ไม่สามารถเปิดในฟอร์แมตเดียวกันได้ตลอด เนื่องการพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไว มีตัวเลือกเยอะขึ้น อีกทั้งยังต้องการประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ร้านอาหารจึงจำเป็นต้องมีหลากหลายโมเดล หลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างความแตกต่าง

    ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา “สเวนเซ่นส์” ร้านไอศกรีมในเครือไมเนอร์ ฟู้ด ได้เดินเกมนี้มาตลอด มีการเปิดโมเดลร้านพิเศษ 2 แบบด้วยกัน ได้แก่

    1. Regional Flagship Store เป็นสาขาในรูปแบบสแตนด์อะโลน มีการดีไซน์ให้เข้ากับวัฒนธรรมของจังหวัดนั้นๆ ปัจจุบันมี 6 สาขา ได้แก่ ภูเก็ต, ยะลา, น่าน, พิษณุโลก, นครศรีธรรมราช และล่าสุดกับสาขาหาดใหญ่ วิลเลจ จ.สงขลา
    2. Concept Store เป็นสาขาที่มีการดีไซน์ให้เข้ากับสถานที่นั้นๆ เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่ กาดฝรั่ง จ.เชียงใหม่, แอท เอกมัย และท่ามหาราช

    จุดเด่นของสาขาโมเดลใหม่คือ การดีไซน์ที่เข้ากับพื้นที่นั้นๆ ไม่ว่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด ล้วนแต่ดึงคาแร็กเตอร์ หรือวัฒนะรรมท้องถิ่นนั้นๆ มาอยู่ในสาขาใหม่ให้ได้

    สเวนเซ่นส์ หาดใหญ่ วิลเลจ จึงเป็นสาขาล่าสุดในตระกูล Regional Flagship Store เป็นสาขาที่ 6 ของโมเดลนี้ เลือกปักหมุดที่คอมมูนิตี้มอลล์ หาดใหญ่ วิลเลจที่ตั้งอยู่ในกลางเมือง สาขานี้มีพื้นที่ 325 ตารางเมตร มีที่นั่งรวม 123 ที่นั่ง ได้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

    ถึงแม้ว่าในจังหวัดสงขลาจะมีสเวนเซ่นส์อยู่แล้ว 6 สาขา แบ่งเป็นในตัวเมืองสงขลา 1 สาขา และในอ.หาดใหญ่ 5 สาขา แต่สเวนเซ่นส์ก็ยังคงให้ความสำคัญกับทำเลนี้ เลือกที่จะเปิด Regional Flagship Store สาขาที่ 6 ที่หาดใหญ่ สาขานี้เป็นความดูแลของแฟรนไชส์ที่เป็นเจ้าของคอมมูนิตี้แห่งนี้ ใช้งบลงทุนรวม 20 ล้านบาท

    ความน่าสนใจของหาดใหญ่ที่ทำให้สเวนเซ่นส์มองข้ามไม่ได้ก็คือ เศรษฐกิจ และกำลังซื้อของคนที่ถือว่าดี และมีนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซียเดินทางเข้ามาอยู่ตลอด

    ตรงกับปัจจัยในการเลือกทำเลในการเปิด Regional Flagship Store ก็คือ จังหวัดนั้นต้องมีคาแร็กเตอร์ชัด หรือมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน หรือมีเศรษฐกิจที่ดี เพื่อการันตีในเรื่องทราฟฟิกที่เข้าร้านอย่างสม่ำเสมอ

    อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

    “ทุกจังหวัดที่ไปเปิด Regional Flagship Store จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงดูปัจจัยด้านเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดด้วย อย่างที่น่านถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่มีเอกลักษณ์ชัดเจน ส่วนยะลาเป็นศูนย์กลางของ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ภูเก็ตก็มีเอกลักษณ์ชัดเจน มีนักท่องเที่ยว ส่วนนครศรีธรรมราชก็มีเศรษฐกิจที่ดี สำหรับหาดใหญ่สาขาล่าสุดขึ้นชื่อว่าดังกว่าตัวจังหวัดสงขลา มีศูนย์การค้าเยอะ เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และเป็นเดสติเนชั่นของคนจีน มาเลเซียอีกด้วย”

    ในการเปิด Regional Flagship Store ของสเวนเซ่นส์ที่ผ่านมา มีการลงทุนของบริษัทเองเพียงแค่ 1 สาขาก็คือที่ภูเก็ต หลังจากนั้นจะใช้โมเดลของแฟรนไชส์ทั้งหมด เนื่องจากอยากได้พาร์ตเนอร์โลคอลของแต่ละพื้นที่ที่มีความเข้าใจคนในพื้นที่มากกว่าบริษัท

    สำหรับสาขาที่หาดใหญ่ วิลเลจ มีคอนเซ็ปต์การออกแบบที่ดูมีความเป็นจีนโบราณในรูปแบบโมเดิร์นขึ้น มีแรงบันดาลใจจาก “แต่เตี้ยม” หรือโรงเตี้ยม โรงน้ำชา ร้านติ่มซำ ซึ่งติ่มซำถือว่าเป็นอาหารเช้าของชาวจีน มาเลเซีย ในโซนภาคใต้จึงได้วัฒนธรรมนี้ มีการกินติ่มซำเยอะ

    สร้าง Awareness ให้แบรนด์ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจ

    ในการเปิดสาขา Regional Flagship Store นอกจากจะช่วยทำให้แบรนด์สเวนเซ่นส์เป็นที่รู้จักมากขึ้น เข้าถึงคนท้องถิ่นได้มากขึ้นแล้ว ยังกระตุ้นดีมานด์ และภาพรวมของสาขาอื่นๆ ในจังหวัดได้มากขึ้นอีกด้วย

    อนุพนธ์ เสริมอีกว่า ตอนที่เปิดสาขาที่พิษณุโลก และนครศรีธรรมราช มีลูกค้าต่อคิวกันเข้าร้านเยอะมาก ลูกค้าบางคนก็รอไม่ไหว แล้วไปกินที่สาขาอื่น จึงทำให้ภาพรวมของสาขาทั้งหมดในจังหวัดนั้นๆ โตขึ้น 30% เรียกว่ากระตุ้นดีมานด์ของการทานไอศกรีม และสร้างการรับรู้ของแบรนด์ได้มากขึ้น

    ในส่วนของโมเดลนี้ก็สามารถสร้างยอดขายมากกว่าร้านปกติที่อยู่ในศูนย์การค้าถึง 20%

    สำหรับแผนการขยายสาขาของสเวนเซ่นส์ในปีนี้ เตรียมเปิดอีก 10 สาขา ส่วนโมเดล Regional Flagship Store เตรียมเปิดอีก 1 สาขาในช่วงไตรมาส 3 ของปี แต่จะเป็นจังหวัดไหนยังไม่มีการเปิดเผย ในปีนี้ตั้งเป้ารายได้มีการเติบโต 10%

    อ่านเพิ่มเติม

    ]]>
    1428181
    เปิดไอเดีย “สเวนเซ่นส์ พิษณุโลก” โมเดล Regional Flagship Store สาขาใหญ่ที่สุด https://positioningmag.com/1373942 Mon, 14 Feb 2022 17:05:01 +0000 https://positioningmag.com/?p=1373942 สเวนเซ่นส์เดินหน้าขยายสาขาในรูปแบบใหม่ๆ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือโมเดล Regional Flagship Store หรือเป็นสาขาสแตนด์อโลน และมีการตกแต่งในสไตล์ท้องถิ่นแต่ละจังหวัด ล่าสุดบุกจังหวัดพิษณุโลก ด้วยดีไซน์ดึงจุดเด่นของแม่น้ำ 2 สาย เรือนแพ และก๋วยเตี๋ยวห้อยขามาใส่เป็นกิมมิก

    Regional Flagship Store สาขาใหญ่ที่สุด

    ร้านอาหารไม่จำเป็นจะต้องมีสาขาเพียงแค่ในศูนย์การค้าอย่างเดียวอีกต่อไป การออกมาเติบโตนอกห้างฯ ถือเป็นเทรนด์ที่สำคัญในยุค COVID-19 ถ้าได้โลเคชั่นที่ตอบโจทย์ ก็สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากมายมหาศาลเลยทีเดียว

    สเวนเซ่นส์ ร้านไอศกรีมในเครือไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ได้เดินเกมด้วยกลยุทธ์ Regional Flagship Store มา 4 ปีแล้ว เป็นสาขาในรูปแบบสแตนด์อโลนอยู่นอกศูนย์การค้า จุดเด่นที่สำคัญเป็นการออกแบบให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่นในจังหวัดนั้นๆ เปิดสาขาแรกที่ ภูเก็ตทาวน์ มีการตกแต่งร้านสไตล์ชิโนโคโลเนียลตามแบบฉบับของชาวภูเก็ต 

    หลังจากที่ผลตอบรับค่อนข้างดี จึงเปิดสาขาที่กาดน่าน .น่าน เป็นแห่งที่ 2 เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 มีการตกแต่งสไตล์ไทลื้อ ตามมาด้วยสาขาที่จ.ยะลา เป็นแห่งที่ 3 

    ล่าสุดกับการเปิด Regional Flagship Store สาขาที่ 4 ที่จ.พิษณุโลก อยู่ในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ The Palais เริ่มเปิดแบบ Soft Opening ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการแบบ Grand Opening ในเดือนเมษายน

    สาขาที่พิษณุโลกนี้มีพื้นที่ 400 ตารางเมตร 2 ชั้น มีที่นั่ง 120 ที่นั่ง ถือว่าเป็นสาขา Regional Flagship Store ที่ใหญ่ที่สุด สาขาก่อนหน้านี้มีพื้นที่เฉลี่ย 200-250 ตารางเมตร ที่นี่ตั้งอยู่ในโลเคชั่นถนนเส้นหลักของจังหวัด เปรียบเสมือนทองหล่อ ในพิษณุโลก ในละแวกนั้นมีสถานบันเทิง และสถานที่แฮงเอาต์ในยามค่ำคืนอยู่เยอะ ทำให้มีเด็กวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ค่อนข้างมาก 

    อนุพนธ์ นิธิยานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สเวนเซ่นส์ (ไทย) จำกัด เริ่มเล่าว่า

    ทางสเวนเซ่นส์ได้ยึดกลยุทธ์ Regional Flagship Store เป็นสาขาที่เป็นสแตนด์อโลนอยู่นอกห้างฯ มีพื้นที่ใหญ่ ผสมกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ก่อนหน้านี้เรามีที่ภูเก็ต น่าน และยะลามีคอนเซ็ปต์ชัดเจน จึงสนใจพิษณุโลกอยู่ในโซนเหนือตอนล่าง มีเอกลักษณ์ชัดเจนเช่นกัน

    ก่อนหน้านี้ที่พิษณุโลกมีสเวนเซ่น 3 สาขา ตั้งอยู่ในบิ๊กซี, โลตัส และเซ็นทรัล พิษณุโลก แต่ละที่จะมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันชัดเจน อย่างที่สาขาใหม่นี้จะจับกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา มีกลุ่มลูกค้าที่กว้างมาก 

    สำหรับการพัฒนาสาขานี้ ใช้เวลาทั้งหมด 1 ปี และใช้เวลาก่อนสร้าง 1 ปี ใช้งบลงทุนรวม 20 ล้านบาท แต่ถ้างบลงทุนทั้งโครงการ 100 ล้านบาท ที่สาขานี้จะบริหารโดยแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการเป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในพิษณุโลก ทำโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในจังหวัด เป็นตัวแทนจำหน่ายของ SCG รวมถึงยังทำธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายทั้งคาเฟ่ ตลาดนัด สวนสาธารณะ

    ใส่กิมมิกไอศกรีมห้อยขา

    จุดเด่นที่สำคัญของ Regional Flagship Store ที่โดดเด่นจนต้องเป็นจุดเช็กอิน หรือเดสติเนชั่นที่หลายคนต้องมาเยือน อยู่ที่ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การดึงเอาจุดเด่น หรือวัฒนธรรมของจังหวัดใส่ลงไป 

    อย่างที่ภูเก็ตมีการดีไซน์ด้วยสไตล์ชิโนโคโลเนียล ส่วนกาดน่านจะเป็นสไตล์ไทลื้อ พร้อมกับมีจิตรกรรมภาพกระซิบรักปู่ม่านย่าม่าน เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของสาขานี้ 

    สำหรับสาขาพิษณุโลก การดีไซน์จึงมีแรงบันดาลใจจากคำขวัญประจำจังหวัดพระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตาคีย์เวิร์ดที่สำคัญก็คือ เรือนแพ แม่น้ำสองสี กล้วยตาก และก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อลือชา

    ไอเดียการออกแบบร้านจึงเน้นโทนสีน้ำตาล ดึงเอาเรือนแพที่เคยเห็นในอดีตกลับมาอีกครั้ง โดยมีกิมมิกเล็กๆ ที่มีเรือนแพสะท้อนน้ำ ด้านหน้าล้อมด้วยน้ำที่ตกแต่งด้วยหิน 2 สี ก็คือ สีน้ำตาล และสีฟ้า เปรียบเสมือนแม่น้ำ 2 สาย แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำน่านมาบรรจบกันที่วัดเกาะแก้ว น้ำจากแม่น้ำน่านจะออกสีน้ำตาล ส่วนแม่น้ำแควน้อยจะออกสีฟ้า

    ภายในยังคงดึงเอาวัฒนธรรมจากเรือมาใช้ อยู่ในรูปแบบของเก้าอี้นั่ง บนเพดานก็ยังมีการตกแต่งด้วยผ้าพริ้วเหมือนสายน้ำของแม่น้ำ 2 สายอีกเช่นกัน และที่สาขานี้จะมีห้องที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟจำนวน 6 ห้อง มีความเป็นส่วนตัว สามารถนั่งประชุมได้ เฉลิมฉลองได้ ในอนาคตถ้าผลตอบรับดีอาจจะเปิดให้จองเป็นเวลาๆ 

    เมื่อสาขานี้เป็นโมเดลสแตนด์อโลน จึงมีเวลาเปิดทำการที่ยืดหยุ่น เปิดตั้งแต่ 9.00-24.00 . ด้วยพฤติกรรมคนต่างจังหวัดที่ชอบออกมาทานแต่เช้า แต่ก็ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการมาทานตอนดึกๆ ด้วย พร้อมกับเตรียมมีเมนูเฉพาะที่นี่ที่มีส่วนประกอบจากกล้วยตาก

    อีกทั้งยังมีมุมสำหรับห้อยขา กิมมิกไอศกรีมห้อยขามาจากก๋วยเตี๋ยวห้อยขาที่ยอดนิยมในจังหวัด

    เตรียมผุดอีก 2 สาขา

    สำหรับแผนการขยายสาขาในโมเดลนี้ อนุพนธ์บอกว่าปีนี้จะมีเพิ่มอีก 2 สาขา ดูในหลายโลเคชั่น เพราะโมเดลนี้ประสบความสำเร็จค่อนข้างดี มีทราฟฟิกผู้ใช้บริการมากกว่าร้านปกติที่อยู่ในศูนย์การค้าถึง 3 เท่า ยอดขายก็มากกว่า 3 เท่าเช่นกัน 

    สาขาที่มีเวลาเปิดปิดตามห้างฯ จับกลุ่มคนที่ไปเดินห้างฯ พอร้านเป็นส่วนหนึ่งของห้างฯ ก็ยากที่จะทำให้โดดเด่น ยากที่จะบอกว่าทำไมต้องแวะมา Regional Flagship Store ทำให้รู้ว่าเป็นร้านนี้เดสติเนชั่นที่ต้องแวะ หาไม่ได้ที่อื่น โฟกัสลูกค้าคนในท้องที่ และนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยกัน 

    สำหรับในสาขาปกติ มีแผนที่จะเปิดอีก 20 สาขาในปีนี้ ในปี 2564 สเวนเซ่นส์มีสาขารวมทั้งหมด 305 สาขา ปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายจากนั่งทานในร้าน 70% เดลิเวอรี่ 15% และซื้อกลับบ้าน 15%

    พิกัดร้าน สเวนเซ่นส์ Flagship The Palais ตรงข้ามกับตะวันแดง มหาชน

    ]]>
    1373942