Vietnam – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sun, 28 Apr 2024 10:51:37 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 กรุงศรีฯ คาดสินเชื่อธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น-บรรษัทข้ามชาติ โต 7% ในปีนี้ มองกลุ่ม อสังหาฯ อิเล็กทรอนิกส์ ต้องการลงทุนมากขึ้น https://positioningmag.com/1471329 Sun, 28 Apr 2024 10:51:25 +0000 https://positioningmag.com/?p=1471329 กรุงศรีฯ คาดสินเชื่อธุรกิจลูกค้าญี่ปุ่น-บรรษัทข้ามชาติ โต 7% ในปีนี้ โดยมองว่าอาเซียนได้ปัจจัยบวกจากการย้ายฐานการผลิต หรือแม้แต่ปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันมองว่าลูกค้ากลุ่มอสังหาฯ หรืออิเล็กทรอนิกส์ ต้องการขยายธุรกิจมากขึ้น นอกจากนี้ยังชักชวนให้ผู้ประกอบการขยายธุรกิจออกไปในภูมิภาคเพิ่มเติม

บุนเซอิ โอคุโบะ ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึง กลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่น (JPC) และบรรษัทข้ามชาติ (MNC) ในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งพอร์ตสินเชื่อเหล่านี้ บุนเซอิ ได้กล่าวว่า NPL สำหรับกลุ่มลูกค้านี้ถือว่าน้อยมาก

ผู้บริหารรายนี้ยังได้กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าของทางกลุ่มมีตั้งแต่อุตสาหกรรมหนักอย่างธุรกิจพลังงาน โลหะ ผลิตภัณฑ์เคมี ไปจนถึงอุตสาหกรรมเบาอย่างผู้ให้บริการทางการเงิน แพลตฟอร์มการบริการจัดส่งพัสดุ สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

สำหรับกลยุทธ์ที่ทางธนาคารจะนำมาใช้ในปีนี้ ประกอบไปด้วย

  1. เร่งส่งเสริมระบบนิเวศด้านความยั่งยืนให้กับสังคมไทย โดยอาศัยจุดแข็งในการมีความรู้ ความชำนาญในด้าน ESG ผ่านความร่วมมือกับ MUFG เพื่อนำเสนอโซลูชันทางการเงินเพื่อความยั่งยืนที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้
  2. ต่อยอดความร่วมมือเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ โดยจะขยายความร่วมมือเพิ่มเติมกับ ลาว และเวียดนาม เพื่อส่งเสริมการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลที่เอื้อต่อสังคม ชุมชน ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน
  3. ขยายฐานลูกค้าบรรษัทข้ามชาติจากกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเอเชียตะวันออก (East Asian Economies) ด้วยพื้นฐานและปัจจัยที่เอื้อต่อการลงทุนในประเทศไทย ทั้งความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ รวมถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ดึงดูดการลงทุนจากกลุ่มประเทศดังกล่าว โดยเฉพาะจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลี กรุงศรีจะใช้โอกาสนี้ทำงานร่วมกับ MUFG ในการให้คำปรึกษา ช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจจากกลุ่มประเทศที่ต้องการเข้ามาลงทุนและขยายการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย
  4. ยกระดับบริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจ Krungsri ASEAN LINK เชื่อมทุกความต้องการทำธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยกรุงศรีพร้อมใช้ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสานพลังเครือข่ายธุรกิจของธนาคาร และ MUFG ที่ครอบคลุม 9 ใน 10 ประเทศในอาเซียน อาทิ Danamon Bank ในอินโดนีเซีย VietinBank ในเวียดนาม และ Security Bank ในฟิลิปปินส์ เพื่อต่อยอดบริการที่ปรึกษาด้านธุรกิจสำหรับลูกค้าที่ต้องการขยายธุรกิจสู่อาเซียน ตั้งแต่ในขั้นตอนเริ่มแรก เช่น การสำรวจแปลงที่ดิน การรวบรวมข้อมูลและกฎระเบียบ จนถึงการจัดตั้งและดำเนินการทางธุรกิจในต่างประเทศ

ปัจจัยที่ทำให้การลงทุนในอาเซียนเพิ่มมากขึ้นในมุมของผู้บริหารรายนี้ ได้แก่ ปัญหาเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ หรือแม้แต่เรื่องการกระจายความเสี่ยงในเรื่อง Supply Chain

ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติฯ ยังได้กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา อัตราการปล่อยสินเชื่อกลับติดลบเนื่องจากกลุ่มยานยนต์มีผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศไทย แต่เขายังมองว่าอุตสาหกรรมอื่น เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อสังหาริมทรัพย์  ดูเหมือนจะมีการลงทุนมากขึ้น

นอกจากนี้ผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่นเองได้เข้ามาร่วมทุนหรือลงทุนในประเทศไทย ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละอุตสาหกรรม เนื่องจากมีข้อกำหนดจากหน่วยงานกำกับดูแลว่าสามารถถือหุ้นได้สัดส่วนเท่าใด เช่น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่นได้มาร่วมทุนในประเทศไทย เป็นต้น

สำหรับมุมมองการลงทุนในอาเซียน เขาได้ชี้ว่าในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจากจีนและญี่ปุ่นต่างเข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยอุตสาหกรรมเด่นๆ เช่น พลังงานทดแทน ภาคการผลิต หรือแม้แต่กลุ่มขนส่ง Logistics ขณะที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เองก็มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง และต้องการให้ลูกค้าขยายการลงทุนในภูมิภาคนี้ด้วย

ในส่วนของเศรษฐกิจไทย เขามองว่าตัวเลขอัตราการเติบโตของสินเชื่อในช่วง 2-3 ปีนี้น่าจะอยู่ในระดับเดียวกับ GDP ของไทย

ประธานกลุ่มธุรกิจธนกิจพาณิชย์เกี่ยวกับญี่ปุ่นและบรรษัทข้ามชาติฯ ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังตั้งเป้าว่าสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจฯ จะสามารถเติบโตได้ถึง 7% ในปีนี้ และเขาเองยอมรับว่ามีความท้าทาย แต่ลูกค้าหลายธุรกิจเองต้องการที่จะขยายธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

]]>
1471329
SCBX ทุ่ม 31,000 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการ Home Credit Vietnam ขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยในเวียดนาม https://positioningmag.com/1464300 Wed, 28 Feb 2024 11:11:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464300 SCBX ทุ่ม 31,000 ล้าน เข้าซื้อกิจการ Home Credit Vietnam ขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยในเวียดนาม จากปัจจัยการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงยังเป็นการกระจายรายได้ของกลุ่มด้วย

SCBX ประกาศเข้าลงทุนใน Home Credit Vietnam ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) โดยคิดเป็นเงิน 31,000 ล้านบาท โดยเป็นก้าวสำคัญในการเจาะตลาดภูมิภาค จากปัจจัยการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนาม รวมถึงเป็นการกระจายรายได้ของกลุ่ม

สำหรับ Home Credit มีเจ้าของคือ PPF ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนรายใหญ่ของสาธารณรัฐเช็ก โดยสำนักข่าว Reuters รายงานข่าวว่าในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจสินเชื่อของบริษัทนั้นประสบปัญหาขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 ซึ่งเกิดจากบริษัทขาดทุนจากการถอนธุรกิจจากรัสเซีย

ผลที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องการขายธุรกิจในต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุน ไม่ว่าจะเป็นการขายกิจการในอินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์ ให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะมีการประกาศขายธุรกิจในเวียดนามในเวลาต่อมา ซึ่งสำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลหลายราย รวมถึงสถาบันการเงินในประเทศไทยด้วย

Home Credit Vietnam ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 ปัจจุบันเป็นผู้เล่นอันดับ 2 ในตลาดสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนาม ซึ่งให้บริการสินเชื่อสินค้าคงทน สินเชื่อหมุนเวียน สินเชื่อเงินสด และสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ให้กับผู้บริโภคชาวเวียดนาม

โดย Home Credit Vietnam มีลูกค้ากลุ่ม Mass และ Upper Mass รวมกันมากถึง 15 ล้านราย มีเครือข่ายจุดให้บริการ 14,000 จุด และตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาผู้ให้บริการสินเชื่อรายนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของสินทรัพย์เฉลี่ยต่อปีสูงถึง 18.7%

สำหรับผลประกอบการของ Home Credit Vietnam ในปี 2022 บริษัทมีกำไรประมาณ 1,320 พันล้านดอง หรือเทียบคิดเป็นเงินไทย 1,940 ล้านบาท

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า “การเข้าซื้อธุรกิจ Home Credit Vietnam ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ SCBX ในแผนยุทธศาสตร์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของภูมิภาค ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ SCBX ในตลาดอาเซียนที่มีการเติบโตสูง และเพื่อเพิ่มมูลค่าและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”

คาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2025 ขึ้นอยู่กับการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง

]]>
1464300
15 บริษัทสหรัฐฯ สนใจเข้าลงทุนในเวียดนาม ทั้งผลิตชิป พลังงานสะอาด ฯลฯ มูลค่ารวมกัน 285,000 ล้านบาท https://positioningmag.com/1460519 Sun, 28 Jan 2024 08:25:06 +0000 https://positioningmag.com/?p=1460519 15 บริษัทสหรัฐฯ สนใจเข้าลงทุนในเวียดนาม ทั้งผลิตชิป พลังงานสะอาด ฯลฯ มูลค่ารวมกัน 285,000 ล้านบาท ความเคลื่อนไหวดังกล่าวตามมาจากการเข้าพบปะพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีเวียดนามกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า 15 บริษัทในสหรัฐฯ ได้สนใจเข้าลงทุนในประเทศเวียดนามในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านการผลิตชิป พลังงานสะอาด โดยมูลค่ารวมกันมากถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 285,000 ล้านบาท

Jose Fernandez เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้กล่าวว่า 15 บริษัทเหล่านี้ได้ประกาศลงทุนรวมกันมากถึง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตจากอุตสาหกรรมการผลิตชิป หรือแม้แต่การรักษาสิ่งแวดล้อมจากพลังงานสะอาด

อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายดังกล่าวไม่ได้กล่าวว่า 15 บริษัทที่จะมาลงทุนในเวียดนามนั้นมีบริษัทอะไรบ้าง แต่ได้กล่าวถึงการให้คำมั่นสัญญาของบริษัทหลายแห่งที่จะลงทุนในเวียดนาม

สหรัฐฯ ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับเวียดนามเพิ่มมากขึ้นในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในการลงทุนจากบริษัทต่างๆ ที่ต้องการกระจายการลงทุนออกจากประเทศจีน เพื่อความยืดหยุ่นด้าน Supply Chain ขณะเดียวกันเวียดนามเองก็เพิ่มความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ในเชิงความมั่งคงเพื่อจะคานอำนาจกับจีนในทะเลจีนใต้

ในส่วนของภาคเอกชนนั้น บริษัทใหญ่ๆ ที่สำคัญเช่น Apple ได้ตัดสินใจย้ายกำลังการผลิตออกจากประเทศจีนเพิ่มมากขึ้น หรีอแม้แต่บริษัทอื่นๆ เช่น Dell Google และ Microsoft ก็มีการลงทุนในเวียดนามแล้วเช่นกัน ล่าสุดบริษัทอย่าง Nvidia ก็ประกาศที่จะลงทุนในเวียดนามด้วย 

เศรษฐกิจเวียดนามที่กำลังเติบโต และสัดส่วนประชากรวัยทำงานที่สูง กำลังซื้อของประชากรรวมถึงการเพิ่มจำนวนของชนชั้นกลางที่เพิ่มมากขึ้น ยังทำให้ส่งผลดีต่อภาคเอกชนจากหลายประเทศที่เข้าไปลงทุนสามารถขายสินค้าของตัวเองในเวียดนามได้เพิ่มขึ้นอีกทาง

ในส่วนของเวียดนามได้มีการแก้กฎหมายต่างๆ เพื่อเอื้อแก่การลงทุนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงานสะอาดที่กำหนดพื้นที่สำหรับทำฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง หรือแม้แต่ภาคอุตสาหกรรมสามารถต่อรองการซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าได้ เพื่อจะเอื้อให้เอกชนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุน

]]>
1460519
ไทยยังครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปยังจีนในปี 2023 แต่สัดส่วนเริ่มลดลง ขณะที่เวียดนามเริ่มตีตื้นขึ้นมาแล้ว https://positioningmag.com/1459749 Mon, 22 Jan 2024 15:27:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1459749 ไทยยังครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปยังจีนในปี 2023 แต่สัดส่วนเริ่มลดลงเหลือแค่ราวๆ 67.8% เท่านั้น ขณะที่เวียดนามเริ่มตีตื้นขึ้นมาแล้วอยู่ที่ราวๆ 31.82% โดยปริมาณความต้องการทุเรียนของชาวจีนยังเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่ผ่านมา

South China Morning Post รายงานข่าวโดยอ้างอิงข้อมูลจากศุลกากรของประเทศจีนในปี 2023 นั้นไทยยังคงครองแชมป์ส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีน อย่างไรก็ดีสัดส่วนดังกล่าวที่ไทยครองแชมป์เริ่มลดลง หลังจากที่แดนมังกรเริ่มนำเข้าทุเรียนจากประเทศเวียดนามเพิ่มมากขึ้น

ในปี 2023 นั้นจีนนำเข้าทุเรียนจากประเทศไทยมากถึง 929 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ซึ่งอยู่ที่ 784 ตัน โดยไทยยังครองสัดส่วนส่งออกทุเรียนมากถึง 67.98% ในปีที่ผ่านมา โดยผู้นำเข้าทุเรียนจากไทยรายหนึ่งได้กล่าวว่าปริมาณความต้องการทุเรียนของจีนนั้นถือว่าอยู่ในระดับ ‘เท่าไหร่ก็ไม่พอ’

ทางด้านของประเทศเวียดนามนั้นจีนได้นำเข้าทุเรียนมากถึง 493.1 ตัน ครองสัดส่วน 31.82% เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่ส่งออกเพียงแค่ 40 ตันเท่านั้น ซึ่งสัดส่วนไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ

องค์การอาหารของสหประชาชาติ (FAO) ได้รายงานว่าเวียดนามมีสัดส่วนในการส่งออกผลไม้มากถึง 5% ของประมาณทั่วโลก ซึ่งคิดเป็นน้ำหนักมากถึง 40,880 ตัน ในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยปีก่อนหน้านี้สัดส่วนของเวียดนามในการส่งออกผลไม้นั้นต่ำกว่า 1% ด้วยซ้ำ

รายงานของ HSBC เมื่อช่วงเดือนกันยายนได้วิเคราะห์ว่า ปัจจัยความต้องการของชาวจีนนั้นมาจากมุมมองของผู้บริโภคชาวจีนนั้นไม่ได้มองว่าทุเรียนเป็นเพียงผลไม้ แต่ยังเป็นของขวัญที่อวดความมั่งคั่งของผู้ให้ด้วย นอกจากนี้การมอบทุเรียนให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของของขวัญตามธรรมเนียมที่มอบให้กับเพื่อนหรือญาติด้วย

ทำให้ปริมาณทุเรียนในตลาดโลกนั้นราวๆ 90% ได้ส่งเข้าไปยังประเทศจีน นอกจากนี้ในรายงานของ HSBC ยังได้ชี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับไทยที่มีการนำเข้าสินค้า ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมาอาเซียนได้ส่งออกสินค้าไปยังจีนเป็นอันดับ 1 ด้วย

ไม่ใช่แค่ไทยและเวียดนามเท่านั้น แต่จีนยังได้นำเข้าทุเรียนจากฟิลิปปินส์เพิ่มมากขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 3.8 ตัน คิดเป็นสัดส่วนแค่ 0.2% เท่านั้น อย่างไรก็ดีเนื่องด้วยโครงสร้างพื้นฐานของฟิลิปปินส์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับไทยและเวียดนาม ทำให้ค่าขนส่งนั้นถือว่าแพง เมื่อเทียบกับ 2 ประเทศผู้ส่งออกทุเรียนข้างต้น และจีนยังเตรียมนำเข้าทุเรียนจากมาเลเซียเพิ่มขึ้นด้วย

ขณะเดียวกันจีนเองก็เริ่มที่จะปลูกทุเรียนและบริโภคในประเทศมากขึ้น โดยปี 2023 ที่ผ่านมาจีนผลิตทุเรียนได้ราวๆ 250 ตัน โดยสัดส่วน 50 ตันมาจากเกาะไห่หนาน ซึ่งมีสภาวะภูมิอากาศคล้ายกับอาเซียน และจีนต้องการผลิตให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นด้วย

]]>
1459749
Nvidia ประกาศลงทุนในเวียดนาม จับมือบริษัทในประเทศพัฒนาทักษะด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล https://positioningmag.com/1455082 Mon, 11 Dec 2023 08:33:39 +0000 https://positioningmag.com/?p=1455082 Nvidia ประกาศลงทุนในเวียดนาม โดยจับมือกับบริษัทในประเทศหลายบริษัท เพื่อพัฒนาทักษะด้าน AI และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล หลังจากที่ CEO ของบริษัทอย่าง Jensen Huang ได้มาเยือนประเทศเป็นครั้งแรก

Jensen Huang ซึ่งเป็น CEO ของ Nvidia ประกาศในการเยือนประเทศเวียดนามครั้งแรกของเขาว่าจะมีการลงทุนในประเทศเวียดนามในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปจนถึงด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

การจับมือดังกล่าว Nvidia จะจับมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในเวียดนามไม่ว่าจะเป็น Viettel และ FPT และ Vingroup รวมถึง VNG ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นพันธมิตรที่ Nvidia ต้องการขยายความร่วมมือด้วย และมองว่าเวียดนามถือเป็นประเทศที่สำคัญแห่งหนึ่ง

ไม่เพียงเท่านี้ Nvidia เองยังจะมีการตั้งสำนักงานในประเทศเวียดนามด้วย โดย VOV สื่อของรัฐบาลเวียดนามได้รายงานว่าสำนักงานดังกล่าวจะดึงแรงงานฝีมือดีจากทั่วโลกเพื่อช่วยเวียดนามในการพัฒนาด้าน AI หรือแม้แต่ด้านการพัฒนาเรื่องเซมิคอนดักเตอร์

CEO ของ Nvidia ได้กล่าวว่า “เวียดนามเป็นพันธมิตรของเราอยู่แล้ว เนื่องจากเรามีลูกค้าหลายล้านรายที่นี่”

ก่อนหน้านี้ Nvidia ได้มีการลงทุนในประเทศเวียดนามแล้วถึง 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาในด้าน AI ในการนำไปใช้ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ หรือแม้แต่ในระบบ Cloud ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวนั้นตามหลังจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับเวียดนามแนบแน่นมากยิ่งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ขณะเดียวกันสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเวียดนามเตรียมที่จะสั่งชิปเร่งการประมวลผล AI ของ Nvidia เพื่อใช้ในการพัฒนาและเรียนรู้ด้วย

เวียดนามเองยังต้องการสอดแทรกขึ้นมาเป็นอีกผู้เล่นในอุตสาหกรรมไอทีเพิ่มมากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาหลายแห่งได้ย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้ามา หรือแม้แต่ใช้เวียดนามเป็นแหล่งในการพัฒนาและวิจัยเพิ่มมากขึ้น ไปจนถึงความพยายามที่จะเป็นแหล่งผลิตชิปอีกแห่งด้วย

ที่มา – Reuters, VOV

]]>
1455082
เวียดนามเตรียมใช้โมเดลจีน อัปเกรดตลาดหุ้นขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ดึงนักลงทุนต่างชาติ https://positioningmag.com/1449227 Wed, 25 Oct 2023 07:58:47 +0000 https://positioningmag.com/?p=1449227 เวียดนามเตรียมใช้โมเดลจีน ในการอัปเกรดตลาดหุ้นขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติที่มีเม็ดเงินลงทุนหลักหลายแสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในกลุ่มตลาดชายขอบเท่านั้น

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าว โดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า เวียดนาม เตรียมใช้โมเดลของประเทศจีนในการดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการผลักดันมาตรการที่จะทำให้ตลาดหุ้นของเวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องของสำนักข่าว Reuters ที่ขอไม่ระบุตัวตน ได้กล่าวว่า ตัวแทนของ FTSE ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีลงทุน ได้มาที่ประเทศเวียดนามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้แนะนำแผนรวมถึงการแก้ปัญหาที่จะทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

รายงานล่าสุดของ FTSE กล่าวว่าความคืบหน้าในการปฏิรูปตลาดหุ้นของเวียดนามยังคงช้ากว่าแผนที่วางไว้ แต่รัฐบาลเวียดนามได้ให้คำมั่นสัญญาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

ปัญหาสำคัญของตลาดหุ้นเวียดนามในตอนนี้คือการชำระธุรกรรมซื้อขายหุ้นจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ FTSE โดยมาตรฐานในตลาดหุ้นทั่วโลกจะอยู่ที่ 2 วัน แต่ในเวียดนามจะใช้ภายในวันเดียวกัน ส่งผลทำให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นเพิ่มมากขึ้น และยังสร้างความเสี่ยงต่อนักลงทุนชาวต่างชาติ

โมเดลที่จะทำให้เวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในตลาดหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา คือ ตลาดหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์ของเวียดนามจะใช้กลไกที่คล้ายคลึงกับที่ใช้ในประเทศจีน โดยบริษัทหลักทรัพย์ในเวียดนามจะรับประกันการชำระเงินของนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยให้เครดิตแก่พวกเขาเป็นเวลา 2 วันจนกว่าธุรกรรมในการชำระซื้อขายหุ้นจะเสร็จสิ้น

ปัจจุบันดัชนีการลงทุนทั้ง MSCI และ FTSE นั้นเวียดนามยังอยู่ในดัชนีตลาดชายขอบ (Frontier Markets) ทำให้นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนรายใหญ่ ไม่สามารถที่จะลงทุนได้

การตัดสินใจของผู้จัดทำดัชนีอย่าง FTSE ที่จะพิจารณาให้เวียดนามเข้าสู่ตลาดหุ้นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาได้ไวสุดคือช่วงเดือนกันยายนของปี 2024

ถ้าหากตลาดหุ้นเวียดนามเวียดนามถูกอัปเกรดขึ้นไปอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ก็จะทำให้เม็ดเงินหลายแสนล้านบาทจากนักลงทุนสถาบันไปลงทุนที่เวียดนาม ซึ่งตลาดดังกล่าวมีทั้ง จีน ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ อยู่ในกลุ่มดังกล่าวด้วย

]]>
1449227
InnovestX มองเป้าหุ้นไทยสิ้นปี 1,650 จุด อินโดนีเซีย เวียดนาม ยังเหมาะลงทุนระยะยาว https://positioningmag.com/1445465 Tue, 26 Sep 2023 01:20:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1445465 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ยังมองหุ้นไทยมีอัพไซด์ มองเป้าสิ้นปี 1,650 จุด จากกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ฟื้นตัว ขณะเดียวกันก็มองถึงตลาดหุ้นต่างประเทศอย่าง อินโดนีเซีย เวียดนาม ยังน่าสนใจในระยะยาว มีหลายอุตสาหกรรมที่เติบโตเหมือนหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา

สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ได้กล่าวถึงหุ้นไทยว่ามองแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในไตรมาส 4 นี้ แม้ว่าครึ่งปีแรก ผลตอบแทนหุ้นไทยจะติดลบประมาณ 10% และผลตอบแทนนั้นยังสู้หุ้นต่างประเทศไม่ได้เลย

กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยฯ ของ InnovestX มองว่า กรณีของหุ้นไทยสาเหตุสำคัญคือมีความไม่ชัดเจนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล แต่ในช่วงที่ผ่านมาตลาดเริ่มฟื้นตัวแล้ว

ขณะเดียวกันทาง InnovestX มีมุมมองเศรษฐกิจโลกไตรมาส 4 ของปี 2023 ใน 3 ประเด็นได้แก่

  1. เศรษฐกิจที่จะชะลอตัวอย่างพร้อมเพรียง ภาคการผลิตทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว หดตัวมาโดยตลอด ผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ ประกอบกับความต้องการสินค้าต่างๆ เริ่มหมดลงทำให้ภาคการผลิตมีปัญหา และในปัจจุบันภาคบริการเริ่มมีปัญหาแล้วเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากดอกเบี้ยสูง
  2. ดอกเบี้ยสูงยาวนานขึ้น (Higher for longer) ในช่วงที่ผ่านมาเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้วลดลงมาพอสมควรจากเงินเฟ้อภาคการผลิตเป็นหลัก อย่างไรก็ตามในระยะต่อไปเงินเฟ้อจะลดลงยากมากขึ้น เนื่องจากเป็นเงินเฟ้อในส่วนภาคบริการ นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ก็มีส่วนทำให้เงินเฟ้อในระยะต่อไปกดลงได้ยากเช่นเดียวกัน
  3. เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังขยายตัวได้แตกต่างกับประเทศอื่น ถ้าหากเทียบเศรษฐกิจสหรัฐกับยุโรปและจีนที่จะชะลออย่างมีนัยสำคัญ

ในกรณีของเศรษฐกิจจีน สุกิจมองว่า เศรษฐกิจจีนระยะยาวเองเสี่ยงเข้าสู่สภาวะเงินฝืดมากขึ้นคล้ายกับกรณีของญี่ปุ่นช่วงทศวรรษ 1990 แม้ว่าจีนจะออกนโยบายต่างๆ มาแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่อง การลดดอกเบี้ย ก็ตาม

ขณะที่เศรษฐกิจไทยปัจจุบันชะลอตัวลงมาก หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2 ออกมา แต่สุกิจมองว่าอนาคตมีความหวังจากความชัดเจนทางการเมืองและนโยบายกระตุ้นจากภาครัฐ ซึ่ง InnovestX คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2024 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้จากหลากหลายนโยบาย เป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น

กลยุธ์การลงทุนในหุ้นไทยหลังจากนี้ สุกิจมองเป้าดัชนีหุ้นไทยในปี 2023 ที่ 1650 จุด ขณะที่ปีหน้ามอง 1,750 จุด เขาให้เหตุผลจากจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ ขณะที่แนวรับหุ้นไทยที่น่าจะสะสมหุ้นได้อยู่ในช่วง 1,500 ถึง 1,550 จุด

InnovestX แนะนำให้นักลงทุนโฟกัสไปหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือทำจุดต่ำสุดแล้ว และสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เน้นหุ้นวัฏจักรที่มีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูงซึ่งจะได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฟื้นตัวของกำไร โดยหุ้นที่แนะนำ เช่น AOT BCH CRC KCE และ KTB

ทางด้านความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบหุ้นไทยที่ InnovestX มองคือ ผลกระทบจากการเกิดเอลนีโญระดับรุนแรงจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของเกษตรกร และเรื่องที่รัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการคลัง

ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศอย่าง เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ทาง InnovestX มองถึงเรื่องการเติบโตของชนชั้นกลางที่มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นในอีก 5-10 ปีข้างหน้า โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของประชากรคนชั้นกลาง เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ธนาคาร หรือบริการทางการเงิน เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งหุ้นเหล่านี้เติบโตเหมือนกับหุ้นกลุ่มดังกล่าในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา

]]>
1445465
Reuters รายงาน KBank กำลังพูดคุยเพื่อซื้อกิจการ Home Credit ในประเทศเวียดนาม สูงถึง 35,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจ https://positioningmag.com/1441957 Tue, 22 Aug 2023 10:44:10 +0000 https://positioningmag.com/?p=1441957 Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ธนาคารกสิกรไทยกำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อเข้าซื้อกิจการของ Home Credit สถาบันการเงินในประเทศเวียดนาม ด้วยมูลค่าสูงถึง 35,000 ล้านบาท เพื่อที่จะขยายธุรกิจไปในเวียดนามได้รวดเร็วขึ้น

สำนักข่าว Reuters รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า ธนาคารกสิกรไทย (KBank) ได้กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยเพื่อซื้อกิจการของ Home Credit Vietnam เป็นมูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 35,000 ล้านบาท

สถานการณ์ล่าสุดในตอนนี้ทาง KBank ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อที่จะเข้าซื้อกิจการ และข่าวดังกล่าวมาในช่วงที่เศรษฐกิจเวียดนามกำลังประสบสภาวะชะลอตัว รวมถึงปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้กระทบต่อสถาบันการเงินในประเทศเวียดนามด้วย

ถ้าหากดีลดังกล่าวกลายเป็นความจริงแล้วนั้น จะทำให้ดีลนี้กลายเป็นการซื้อกิจการสถาบันการเงินใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเวียดนามในปีนี้ รองจากดีลที่ Sumitomo Mitsui ซื้อกิจการของ VPBank ด้วยมูลค่ามากถึง 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราวๆ 52,500 ล้านบาท

แหล่งข่าวของ Reuters ได้ชี้ว่าการพูดคุยเพื่อซื้อกิจการดังกล่าวเนื่องจาก KBank ต้องการที่จะเป็นผู้เล่น 1 ใน 20 ของธนาคารรายใหญ่ในเวียดนามในแง่ทรัพย์สินภายในปี 2027

ก่อนหน้านี้ Home Credit Group ซึ่งเป็นผู้เล่นในตลาดสินเชื่อรายย่อยในหลายประเทศ และมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทลงทุนจากสาธารณรัฐเช็ก ได้ขายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ว่าจะเป็นในอินโดนีเซีย หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์ให้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยามาแล้ว เนื่องจากผลขาดทุนจากการที่ต้องถอนตัวจากรัสเซีย

Home Credit Vietnam ปัจจุบันได้ให้บริการลูกค้าในเวียดนามมากถึง 12 ล้านราย และมีพนักงานมากถึง 6,000 ราย ทำให้การซื้อกิจการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อ KBank ในการขยายธุรกิจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ล่าสุด KBank ได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในประเด็นข่าวดังกล่าวว่า ธนาคารแสวงหาโอกาสทางธุรกิจต่างๆ ในสาธารณัฐสังคมนิยมเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะส่งผลหรืออาจจะไม่ได้ส่งผลให้มีธุรกรรมเกิดขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากมีธุรกรรมเกิดขึ้น ธนาคารจะเปิดเผยข้อมูลตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเวลาที่เหมาะสม

Note: อัพเดต 23 สิงหาคม หลัง KBank ชี้แจงข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

]]>
1441957
KBTG เปิดตัวสำนักงานใหญ่ในเวียดนาม เตรียมปั้นเป็นฮับด้านเทคโนโลยีเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาค https://positioningmag.com/1435567 Tue, 27 Jun 2023 08:11:02 +0000 https://positioningmag.com/?p=1435567 KBTG ได้เปิดตัวสำนักงานใหญ่ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งผู้บริหารนั้นมองว่าประเทศเวียดนามนอกจากจะมีเศรษฐกิจเติบโตแล้ว ยังมีศักยภาพในเรื่องทรัพยากรบุคคล โดยเตรียมที่จะปั้นให้เป็นฮับด้านเทคโนโลยีเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 หลังจากนี้

KBTG ได้เปิดตัวสำนักงานใหญ่ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นสาขาที่ 3 ในทวีปเอเชีย ต่อจากประเทศไทย และประเทศจีน โดยตั้งเป้าเป็นฮับด้านเทคโนโลยีเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 หลังจากนี้ ในรูปแบบธนาคารดิจิทัล

ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย ได้กล่าวถึงประเทศเวียดนามว่ามีเศรษฐกิจโต มีประชากรจำนวนมาก รวมถึงคาดการณ์ภายในปี 2030 ระดับ GDP ต่อหัวจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ไม่เพียงเท่านี้เวียดนามยังมีการทำ FTA กับหลายประเทศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันของชาวเวียดนามส่งผลต่อธุรกิจธนาคาร และยังส่งผลดีต่อผู้ใช้งานในเวียดนาม

CEO ของธนาคารกสิกรไทยยังได้กล่าวเสริมว่าการก่อตั้ง KBTG Vietnam จะช่วยให้ประชาชนได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Mobile Banking หรือแม้แต่ Digital Lending นอกจากนี้ชาวเวียดนามยังมีความสามารถที่เก่ง ทำให้สามารถพัฒนาประเทศ และนอกประเทศได้ เธอมองว่าการเปิดสำนักงานที่นี่ถือเป็นก้าวใหม่ในการเดินทางของ KBTG ด้วย

นอกจากนี้ขัตติยายังวางเป้าหมายของธนาคารกสิกรไทยนั้นจะเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 พร้อมเป้าหมายการเป็น 1 ใน 20 ธนาคารที่ดีที่สุดในประเทศเวียดนามได้ภายในปี 2027

ทักษะคนเวียดนามถือว่าสูงมาก

วรนุช เดชะไกศยะ Executive Chairman ของ กสิกร บิซิเนส- เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ได้กล่าวถึง การที่แรงงานของไทยลดลง เวียดนามเพิ่มขึ้นในช่วงหลังจากนี้ และยังมีคนจบการศึกษาในสาขา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม คณิตศาสตร์ (STEM) ที่มีจำนวนสูงอันดับต้นๆ ในอาเซียน นอกจากนี้ทักษะการเขียนโปรแกรมของคนเวียดนามถือว่าดีอันดับต้นๆ ในภูมิภาค รวมถึงยังมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกับไทยด้วย

ผู้บริหารของ KBTG รายนี้ยังกล่าวว่าการที่ KBTG มีบุคลากรมากฝีมือทั้งในประเทศไทย ประเทศจีน รวมถึงประเทศเวียดนาม จะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน และยังสามารถดึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญในแต่ละส่วนมาประกอบกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคนิค รวมถึงทักษะด้านต่างๆ ที่สำคัญสำหรับองค์กรได้

ชูหลักการ 3S สำหรับสำนักงานในเวียดนาม

ธนุสศักดิ์ ธัญญสิริ Managing Director บริษัท KBTG Vietnam ได้กล่าวถึงหลักการ 3S โดยนำกรณีศึกษาในต่างประเทศหลายแห่งมาใช้ เพื่อที่จะสามารถส่งมอบงานด้านซอฟต์แวร์ให้กับ KBTG ซึ่งประกอบไปด้วย

  1. Speed เขาได้กล่าวถึงว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ KBTG Vietnam สามารถที่จะเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ซึ่งเขาได้ยกตัวอย่างการนำ AI มาช่วยในการเขียนโปรแกรม
  2. Scale การเพิ่มขนาดเพื่อรองรับการขยายธุรกิจหรือรองรับความต้องการทั้งด้านไอทีและองค์กร ธนุสศักดิ์ยังได้เล่าถึงการจ้างงานในประเทศเวียดนามเพื่อที่จะทำให้มีทรัพยากรเก่งๆ เข้ามาทำงาน การเปิดสำนักงานในกรุงฮานอยเพื่อรองรับการทำงาน หรือแม้แต่ความร่วมมือกับสำนักงานในประเทศจีน หรือในไทย เพื่อที่จะพัฒนาความสามารถของ KPlus รองรับการใช้งานของคนเวียดนาม
  3. Sustain ปัจจุบัน KBTG ได้พยายามลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือแม้แต่การพัฒนาบุคคลากร เพื่อที่จะตอบโจทย์ในเรื่องของความยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Positioning เก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดสำนักงานของ KBTG ในประเทศเวียดนาม

  • KBTG มีการออกแบบผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เหมาะกับคนเวียดนาม ซึ่งหลายอย่างไม่เหมือนในประเทศไทย เช่น ระบบไว้สำหรับไว้ซื้อขายของ โดยทีมงานจะสำรวจว่าคนในท้องที่ต้องการอะไร นอกจากนี้สำนักงานในเวียดนามนี้ยังมีพนักงานเป็นคนท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ มีคนไทยจำนวนไม่มากนัก
  • ธนาคารได้ตั้งเป้าหมายว่า KPlus Vietnam มีคนใช้งาน 8.4 ล้านคนในปี 2027 จากเป้า 1.3 ล้านคนในปี 2023 และผู้ใช้งาน KPlus รวมกันถึง 100 ล้านคน โดยมองเป็น Regional Digital Bank ไม่ใช่แค่ให้บริการแต่ในประเทศไทยอย่างเดียว
  • KBTG เริ่มหาพนักงานตามเมืองต่างๆ ในเวียดนามเพิ่มขึ้น ล่าสุดผู้บริหารได้กล่าวว่าเริ่มดูเมืองดานังไว้ด้วย หลังจากที่ได้ไปเปิดสำนักงานในกรุงฮานอยมาแล้ว และหลังจากนี้อาจมีการเปิดสำนักงานที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยมองถึงศักยภาพที่เหมือนกับประเทศเวียดนามเช่นกัน หลังจากที่ธนาคารกสิกรไทยได้ลงทุนในกิจการของธนาคารแมสเปี้ยน
]]>
1435567
Reuters รายงานกลุ่ม Central สนใจซื้อหุ้น Vincom Retail ค้าปลีกรายใหญ่ของเวียดนาม https://positioningmag.com/1425554 Thu, 30 Mar 2023 04:42:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1425554 สำนักข่าว Reuters ได้รายงานข่าวโดยอ้างอิงแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องว่า วินกรุ๊ป (Vingroup) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดของเวียดนามที่ประกอบธุรกิจหลากหลาย เตรียมที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่ในธุรกิจค้าปลีก ซึ่งดีลดังกล่าวนี้อาจกลายเป็นดีลการซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) ใหญ่สุดในเวียดนามในรอบหลายปี

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องของสำนักข่าวรายดังกล่าวถึง 5 รายได้กล่าวว่า ธุรกิจที่ Vingroup จะขายหุ้นออกมานั่นก็คือธุรกิจค้าปลีกวินคอม รีเทล (Vincom Retail) ค้าปลีกรายใหญ่ที่มีห้างในประเทศเวียดนามมากถึง 83 แห่ง ซึ่งทางกลุ่มได้นำธุรกิจค้าปลีกรายดังกล่าวเข้า IPO ในตลาดหุ้นเมื่อปี 2017

ปัจจุบันมูลค่าของ Vincom Retail อยู่ที่ 2,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 96,000 ล้านบาท และทาง Vingroup ถือหุ้นในธุรกิจค้าปลีกรายนี้ด้วยสัดส่วน 60% ซึ่งถ้าหากมีการซื้อหุ้นก้อนใหญ่ทั้งหมดจะใช้เม็ดเงินราวๆ 58,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย

ผู้ที่สนใจในการซื้อหุ้นสัดส่วนใหญ่ของ Vincom Retail แหล่งข่าวของ Reuters ได้รายงานว่ามี Central Group ของไทยรวมถึงผู้สนใจรายอื่นด้วย ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดกำลังอยู่ในการเจรจา และทาง Vingroup เองยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย

ในช่วงที่ผ่านมา Central Group ได้ขยายธุรกิจไปยังเวียดนามช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ผ่านหัวหอกหลักอย่าง Central Retail ไม่ว่าจะเป็นการซื้อกิจการของ Big C เวียดนาม (และได้รีแบรนด์ใหม่ในชื่อ GO!) ธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง Nguyen Kim และตั้งเป้าขยายธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่มี GDP สูง

ไม่เพียงเท่านี้ Vingroup เองยังมีข่าวว่าเตรียมที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่าง Vinhomes ให้กับบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จากสิงคโปร์ CapitaLand Group ด้วย เพื่อที่จะระดมทุนจำนวนมาก คาดว่าเม็ดเงินที่ได้มานั้นบริษัทจะนำไปลงทุนเพิ่มเติมกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเวียดนามอย่าง VinFast

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Vingroup หรือธุรกิจหลายแห่งต้องขายหุ้นออกมานั้นเกิดจากสถานการณ์ปัญหาสินเชื่อตึงตัวในเวียดนาม สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มที่จะลดการปล่อยสินเชื่อลง ทำให้หลายธุรกิจได้ตัดสินใจที่จะขายหุ้นในธุรกิจที่ตัวเองถืออยู่เพื่อที่จะระดมทุนก้อนใหญ่เป็นเงินทุนหมุนเวียน หรือนำเม็ดเงินไปช่วยธุรกิจอื่นที่มีปัญหา

ล่าสุดในวันที่ 31 มีนาคม ณนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ได้ส่งเอกสารชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สอบถามมายังบริษัท และขอให้บริษัทชี้แจงถึงประเด็นเกี่ยวกับข้อมูลที่ปรากฏในข่าว เรื่อง CRC เป็นแกนนำในการลงทุนใน Vincom Retail ประเทศเวียดนาม บริษัทขอชี้แจงว่า บริษัทไม่ได้มีการดำเนินการตามข่าวดังกล่าว

Note: อัพเดตเมื่อ 31/03/2023 เมื่อ 17:31 เพิ่มข้อมูลที่ทาง CRC ได้ชี้แจงกับตลาดหลักทรัพย์ฯ 

]]>
1425554