แบงก์กรุงศรีได้ทุ่มเงินมากถึง 17,700 ล้านบาทในการเข้าซื้อหุ้น Home Credit ซึ่งดำเนินธุรกิจสินเชื่อฯ ในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศเองนั้นมีจำนวนประชากรรวมถึงเศรษฐกิจที่ยังเติบโต รวมถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ เนื่องจากประชาชนยังเข้าไม่ถึงสถาบันการเงินอีกจำนวนมาก
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ได้แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ได้มีมติอนุมัติการเข้าทำธุรกรรมและเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการเข้าซื้อกิจการให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคของ Home Credit ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์เพื่อช่วยสร้างการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของธนาคารในระยะยาว
โดยสถาบันการเงินรายนี้ได้ใช้เม็ดเงินมากถึง 17,700 ล้านบาท โดยซื้อหุ้นสัดส่วน 75% ของ Home Credit ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์จากผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวมาจากเงินทุนภายในของตัวธนาคารกรุงศรีอยุธยาเอง
Home Credit ประเทศอินโดนีเซีย เป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญในตลาดสินเชื่อผู้บริโภค Home Credit ในประเทศอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ได้เริ่มประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคแก่ผู้บริโภคในกลุ่ม Mass Market และ Upper Mass Market
สำหรับ Home Credit ของ 2 ประเทศนั้นมีเจ้าของคือ PPF ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนรายใหญ่ของสาธารณรัฐเช็ก โดยสำนักข่าว Reuters ได้รายงานว่าในช่วงที่ผ่านมาธุรกิจสินเชื่อของบริษัทนั้นประสบปัญหาขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งเกิดจากบริษัทขาดทุนจากการถอนธุรกิจจากรัสเซีย ทำให้บริษัทต้องการขายธุรกิจในต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุน
ข้อมูลเมื่อสิ้นปี 2564 ในอินโดนีเซีย Home Credit มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 11 ล้านรายและให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ากว่า 5 ล้านราย ขณะที่ในฟิลิปปินส์มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันกว่า 9 ล้านรายและให้บริการสินเชื่อแก่ลูกค้ากว่า 8 ล้านราย
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยังชี้ว่าการเข้าลงทุน Home Credit ในประเทศอินโดนีเซียและประเทศฟิลิปปินส์ จะทำให้ธนาคารเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการเงินของทั้ง 2 ประเทศ ด้วยความรู้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภคที่มีอยู่แล้ว ซึ่งดีลดังกล่าวนั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีหลังของปี 2566
นอกจากนี้สำนักข่าว Reuters ยังรายงานว่าผู้บริหารของ Mitsubishi UFJ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้นไม่ได้หยุดแค่การซื้อธุรกิจเกี่ยวข้องกับการเงินแค่ Home Credit แต่จะหาโอกาสใหม่ๆ ในการซื้อกิจการต่อไปหลังจากนี้ด้วย
ในช่วงที่ผ่านมาสถาบันการเงินไทยได้เข้าไปลงทุนในสถาบันการเงินในอินโดนีเซีย หรือแม้แต่ฟิลิปปินส์มากขึ้นตามลำดับ เนื่องจากโครงสร้างประชากรที่ดี อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่สูง รวมถึงประชาชนยังไม่เข้าถึงสถาบันการเงินได้มากนัก ซึ่งเป็นโอกาสของสถาบันการเงินไทยที่จะออกไปลงทุนตามสถาบันการเงินของประเทศเหล่านี้
Note: อัพเดต 15:40 เพิ่มข้อมูลจากสำนักข่าว Reuters