Warner Bros. Discovery – Positioning Magazine https://positioningmag.com Thailand's Leading Marketing Magazine Sat, 20 Dec 2025 08:40:19 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=5.6 167543101 มันจบแล้ว Paramount! ‘WarnerBros.’ ยืนกรานจะควบรวมกับ ‘Netflix’ เท่านั้น https://positioningmag.com/1552636 Sat, 20 Dec 2025 08:40:07 +0000 https://positioningmag.com/?p=1552636 กลายเป็นมหากาพย์ศึกชิงนาง ระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการฮอลลีวูดอย่าง Netflix และ Paramount ที่ต้องการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery โดย Netflix ได้เสนอดีลมูลค่าสูงถึง 8.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Paramount ได้ยื่นข้อเสนอมูลค่า 1.08 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยตรงกับผู้ถือหุ้นเพื่อหวังปาดหน้า Netfilx

จนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา Warner Bros. Discovery ได้ประกาศปฏิเสธข้อเสนอขอซื้อกิจการแบบไม่เป็นมิตร (Hostile Takeover) จากทาง Paramount ที่พยายามยื่นข้อเสนอที่สูงกว่าเพื่อสกัดแผนการของ Netflix ในการเข้าซื้อยักษ์ใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูดเป็นที่เรียบร้อย

โดย Warner Bros. ระบุในแถลงการณ์ว่า เงื่อนไขการควบรวมกิจการกับ Netflix นั้นดีกว่า และตอบโจทย์กว่า แม้ว่าทาง Paramount จะเสนอเงินมากกว่าก็ตาม

เนื่องจาก Netflix ขอซื้อแค่สตูดิโอ และบริการสตรีมมิ่ง อย่าง HBO เพื่อนำคอนเทนต์ดัง ๆ ของ Warner Bros. ไปเสริมแกร่งให้กับตัวเอง แต่ Paramount นั้น ขอซื้อทั้งกิจการ ซึ่งจะทำให้ได้ธุรกิจเคเบิลทีวีอย่างช่อง CNN ไปด้วย และนั่นอาจทำให้หน่วยงานกำกับดูแลสั่งเบรก เพราะ Paramount ทำธุรกิจเคเบิลทีวี และเป็นเจ้าของช่องทีวียักษ์ใหญ่อย่าง CBS อยู่แล้ว ทำให้อาจถูกมองว่า Paramount ควบคุมสื่อได้อย่างเบ็ดเสร็จ

นอกจากนี้ Warner Bros. มองว่าข้อเสนอของ Paramount มีความเสี่ยงเนื่องจาก แหล่งเงินทุนที่ตรวจสอบไม่ได้และไม่ชัดเจน (Revocable Trust) โดยเฉพาะเงินทุนต่างชาติถึง 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกองทุนความมั่งคั่งในตะวันออกกลาง ซึ่งอาจทำให้การตรวจสอบจากหน่วยงานรัฐยืดเยื้อ

ในขณะที่ Netflix ยืนยันว่าโครงสร้างดีลของตนนั้น สะอาดและแน่นอน โดยมีสถาบันการเงินชั้นนำสนับสนุน และไม่มีประเด็นเรื่องกองทุนต่างชาติหรือเงินกู้ส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง

อีกปัจจัยก็คือเรื่อง การเมือง เนื่องจาก Paramount อยู่ภายใต้การนำของ David Ellison ลูกชายของ Larry Ellison พันธมิตรของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐสหรัฐ ส่งผลให้ในท้ายที่สุด Warner Bros. จึงมั่นใจว่าดีลกับ Netflix จะสร้างมูลค่าที่แน่นอนและเหนือกว่าให้แก่ผู้ถือหุ้น

]]>
1552636
ชำแหละศึกชิง ‘Warner Bros.’ ระหว่าง ‘Netflix vs. Paramount’ ผู้ชนะจะสร้างผลกระทบอะไรให้ตลาดบ้าง? https://positioningmag.com/1551340 Sun, 14 Dec 2025 13:59:05 +0000 https://positioningmag.com/?p=1551340 ในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูด คงไม่มีประเด็นไหนจะร้อนแรงและสั่นสะเทือนวงการไปได้กว่าการเสนอควบรวมกิจการระหว่าง Netflix กับ Warner Bros. Discovery (WBD) โดยมีคู่แข่งสำคัญอย่าง Paramount/Skydance ที่ยื่นข้อเสนอเข้าชิง คำถามว่า ทางเลือกไหนจะสร้างผลกระทบในมิติไหนกันบ้าง โดยเฉพาะ คนดู อย่างเรา ๆ 

ทำไมใคร ๆ ก็อยากได้ WBD?

ถ้าใครเป็นแฟนหนังและซีรีส์ ก็คงจะรู้ว่า WBD เป็นค่ายใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1923 จนปัจจุบัน มี ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property – IP) ชื่อดังไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจักรวาล DC, จักรวาล Wizarding World: (Harry Potter), The Lord of the Rings, Game of Thrones เป็นต้น

แค่ IP ที่ WBD ถือครอง ก็ไม่น่าแปลกใจที่ใคร ๆ ก็อยากจะได้มาครอบครอง โดยเฉพาะกับ Netflix ที่เรื่องของ IP นับเป็น จุดอ่อน เมื่อเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน แน่นอนว่าที่ผ่านมา Netflix มีออริจินอลคอนเทนต์ของตัวเองมากมายที่ประสบความสำเร็จ เช่น Stranger Things, The Witcher แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ IP ที่ ขลัง หรือมีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลกเหมือนที่ WBD และ Disney มี

ดังนั้น การทุ่มเงิน 82,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery (เฉพาะส่วนสตูดิโอและสตรีมมิ่ง) ของ Netflix จึงเป็น ทางลัด สู่การเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีก เพราะการที่ได้ IP ชื่อดัง จะสามารถทำให้ Netflix สามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น เพราะ Netflix สามารถสร้างสินค้า, เกม และคอนเทนต์ภาคแยก (Spin-offs) จาก IP เหล่านี้ไปได้อีกนาน ช่วย ลดความเสี่ยง ในการสร้างคอนเทนต์ใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเอง

ขณะเดียวกัน Netflix ก็เหนื่อยน้อยลง เพราะถือเป็นการ ลดคู่แข่ง ไปอีกราย ซึ่งก็จะช่วยให้ Netflix มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจากจำนวนสมาชิก HBO Max มาอยู่กับ Netflix โดยเว็บไซต์ flixpatrol คาดการณ์ว่า บริการสตรีมมิ่ง Top 4 ของโลก ได้แก่ 

  • Netflix: (302 ล้านคน)
  • Amazon Prime Video: (200 ล้านคน)
  • Disney+: (131 ล้านคน)
  • HBO Max: (128 ล้านคน) 

นอกจากนี้ Netflix เชื่อว่าการควบรวมจะทำให้การทำงานดีขึ้น เนื่องจากการรวมบริการสตรีมมิ่งที่ทับซ้อนกัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถประหยัดต้นทุนการดำเนินงานได้สูงถึง 2-3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปีที่สามหลังปิดดีล

เช่นเดียวกับ Paramount Skydance ที่ก็ต้องการ IP ของ Warner Bros. เพื่อเสริมแกร่งให้สามารถแข่งขันกับผู้เล่นยักษ์ใหญ่รายอื่น เพราะอย่าง Disney ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งสุดแกร่ง เพราะมีทั้งเจ้าหญิงดิสนีย์, จักรวาล Marvel และ Star wars อยู่ในมือ ซึ่งนั่นทำให้ Paramount ถึงทุ่มเงินมหาศาลและตัดสินใจยื่นข้อเสนอแบบไม่เป็นมิตร (Hostile Bid) ในมูลค่าถึง 1.084 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อซื้อทั้งบริษัท (ไม่ได้ซื้อแค่เฉพาะส่วนสตูดิโอและสตรีมมิ่งเหมือน Netflix)

และที่ข้อเสนอของ Paramount คือ ซื้อทั้งบริษัท เป็นเพราะ Paramount ยังมองเห็นมูลค่าในสินทรัพย์สายเคเบิลของ WBD (เช่น CNN, Discovery Channel, TNT) อยู่ แม้ว่าธุรกิจนี้จะกำลังหดตัว แต่ยังคง สร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) ที่ดี ซึ่งจำเป็นต่อการสนับสนุนธุรกิจสตรีมมิ่งที่ยังต้องลงทุนสูง

นอกจากนี้ Paramount เชื่อว่าการซื้อทั้งหมดและบริหารจัดการสตูดิโอ, สตรีมมิ่ง, และเคเบิลไปพร้อมกัน จะช่วยให้เกิดการประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมได้มากกว่าการแยกธุรกิจเคเบิลออกไป

Warner Paramount

Netflix ได้ไปจะเกิดอะไรขึ้น

ความกังวลแรกหาก Netflix ได้ WBD ไปก็คือ ระยะเวลาฉายโรง แม้ว่า Netflix จะยืนยันว่าจะรักษาการดำเนินงานปัจจุบันของ Warner Bros ไว้ โดยเฉพาะการออกฉายภาพยนตร์ในโรง แต่ที่คนในอุตสาหกรรมกังวลก็คือ Windowing หรือระยะเวลาในการฉายหนังในโรงก่อนจะเข้าสู่ระบบสตรีมมิ่ง

เพราะที่ผ่านมา เครือข่ายโรงภาพยนตร์เคยร้องขอระยะเวลาขั้นต่ำไว้ที่ 45 วัน แต่หาก Netflix เข้ามามีบทบาท อาจบีบให้ระยะเวลาดังกล่าวสั้นลงเหลือเพียง 17 วัน ซึ่งผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์เกรงว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อรายได้

ในแง่ของ คนทำงาน คนในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่งรู้สึก สบายใจกว่า เพราะ Netflix เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเป็นหลัก ส่วน WBD เป็นสตูดิโอผู้ผลิตคอนเทนต์ การรวมกันจึงเป็นการ ต่อเติม กิจการ ไม่เกิดความซ้ำซ้อนของตำแหน่งงานมากนัก

ส่วน แฟนสตรีมมิ่ง กลุ่มนี้จะ ได้ประโยชน์สูงสุด เพราะคอนเทนต์จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ก็ยังไม่แน่ว่า ราคาจะสูงขึ้น หรือไม่ เพราะมีทางเลือกน้อยลง (หลัก ๆ ก็ Disney+, Prime Video และ Apple TV)

Paramount ได้ไปจะเกิดอะไรขึ้น

ถ้า Paramout ได้ไป เป็นสิ่งที่ คนทำงาน รู้สึกว่า น่ากังวลที่สุด เพราะทั้ง Paramount และ WBD ต่างเป็นสตูดิโอภาพยนตร์ที่ดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกัน การรวมกันจะทำให้เกิด การซ้ำซ้อน ของตำแหน่งงานอย่างมหาศาล ซึ่งคาดการณ์กันว่า หาก Paramount ควบรวมสำเร็จ จะสามารถประหยัดเงินได้ถึง 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ส่วนใหญ่มาจากการ ปลดพนักงาน ในตำแหน่งที่ซ้ำซ้อนทิ้งไป

อีกความกังวลก็คือ นัยทางการเมือง เนื่องจากข้อเสนอของ Paramount นำโดย เดวิด เอลลิสัน (David Ellison) ซึ่งถูกมองว่า ไม่โปร่งใส และมี นัยทางการเมืองสูง เพราะในขณะที่แหล่งเงินทุนของ Netflix มาจากเงินสด กับหุ้น Netflix ที่จะเอามาแลก แต่แหล่งเงินทุนของ Paramount มาจากกลุ่มเงินทุนจากซาอุดีอาระเบีย  กาตาร์ และกลุ่มกองทุนที่มีแนวคิดการเมืองขวาจัด นอกจากนี้ ยังมีการดึงตัว จาเร็ด คุชเนอร์ (ลูกเขยของโดนัลด์ ทรัมป์) เข้ามาช่วยล็อบบี้อีกด้วย

ทำให้นักวิเคราะห์ชี้ว่า เอลลิสันไม่ได้ต้องการแค่บริษัทผลิตภาพยนตร์ แต่ต้องการใช้ WBD เป็น เครื่องมือสร้างอิทธิพลและอำนาจสื่อ ในการต่อรองทางการเมือง และช่วยหาเสียงให้กับพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอเมริกันจำนวนมากกังวลว่าอาจส่งผลเสียต่อภูมิทัศน์สื่อโดยรวม

ในมุมของอุตสาหกรรมจ ลดความเสี่ยงการผูกขาดสตรีมมิ่ง เนื่องจาก Netflix เป็นผู้นำตลาดสตรีมมิ่งอยู่แล้ว การเข้าซื้อ HBO Max จะยิ่งทำให้ Netflix มีส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้น ขณะที่การรวม Paramount และ HBO Max ต่างก็เป็นบริการสตรีมมิ่งที่มีขนาดเล็กกว่า Netflix และ Disney+ ดังนั้น การรวมตัวกันของทั้งสองบริษัทจึงถูกมองว่าเป็นการ เพิ่มการแข่งขัน ในตลาด แทนที่จะเป็นการผูกขาด

อีก 2 ปีดีลถึงจะจบ

อย่างไรก็ตาม การควบรวมครั้งนี้ยังต้องรอดูผลภายในกรอบเวลาประมาณ 2 ปี (ก่อนปี 2027) รวมถึงต้องมาลุ้นกันว่าจะได้รับการอนุมัติจากฝั่งกำกับดูแลเรื่องการ ผูกขาด หรือไม่ เพราะถ้าเป็นฝั่ง Paramount อาจไม่น่ากังวลเท่ากับทาง Netflix 

แม้ว่าทาง Netflix จะพยายามย้ำว่า ไม่อยากให้มองว่า Netflix ต้องสู้แค่ในตลาดสตรีมมิ่ง แต่กำลังอยู่ในตลาด Media Consumer Market เพราะนอกเหนือจากแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งที่ลงทุนกันมหาศาลแล้ว ยังมีแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่มาแย่งชิงเวลา ไม่ว่าจะเป็น YouTube, TikTok และโซเชียลมีเดียอื่น ๆ อีก

แล้วแฟน ๆ เชียร์ให้ใครได้ WBD ระหว่าง Netflix หรือ Paramount 

AP / finance.yahoo / bbc / flixpatrol / latimes / truthonthemarket / theguardian

]]>
1551340
ลือ! ‘Netflix’ อาจร่วมวงซื้อค่าย ‘Warner Bros.’ เจ้าของลิขสิทธิ์ดังอย่าง Harry Potter และจักรวาล DC https://positioningmag.com/1539471 Wed, 24 Sep 2025 13:23:28 +0000 https://positioningmag.com/?p=1539471 อุตสาหกรรมบันเทิงฮอลลีวูดกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากมีบริษัทใหญ่ ๆ ถูกซื้อ ควบรวมกิจการ และจัดโครงสร้างใหม่อย่างรวดเร็ว ล่าสุดก็ถึงคิวของ Warner Bros. Discovery หนึ่งในสตูดิโอที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอลลีวูด ว่ามีหลายบริษัทที่สนใจจะยื่นซื้อ รวมถึงยักษ์ใหญ่ในตลาดสตรีมมิ่งอย่าง Netflix

ตามรายงานของ Puck News ที่อ้างอิงแหล่งข่าวในวงในฮอลลีวูด ได้เปิดเผยว่า Netflix กำลังพิจารณาการยื่นข้อเสนอซื้อ Warner Bros. Discovery ซึ่งปัจจุบันมี เดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav) เป็น CEO คนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันจากทั้งฝั่งของ Netflix และ Warner Bros. Discovery ถึงข่าวลือดังกล่าว

ไม่ใช่แค่ Netflix เท่านั้นที่สนใจจะซื้อ Warner Bros. Discovery เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่า เดวิด เอลลิสัน (David Ellison) เจ้าของ Skydance Media ซึ่งเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี แลร์รี เอลลิสัน (Larry Ellison) ผู้ร่วมก่อตั้ง Oracle ก็ต้องการซื้อสตูดิโอนี้เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ เอลลิสัน เพิ่งทำข้อตกลงมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อ Paramount Global เสร็จสิ้น แสดงให้เห็นว่าเขามีทั้งทรัพยากรและความทะเยอทะยานที่จะขยายต่อไป

อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery อาจไม่ได้ง่ายนัก เพราะผู้เชี่ยวชาญมองว่า ดีลดังกล่าวอาจเจออุปสรรคด้านกฎระเบียบ โดยเฉพาะกฎหายต่อต้านการผูกขาด เพราะ Warner Bros. Discovery เองมีแพลตฟอร์มสตีมมิ่งอย่าง HBO Max

ทั้งนี้ หนึ่งในปัจจัยที่อาจทำให้ Warner Bros. Discovery อาจต้องพิจารณาขายกิจการ มาจาก หนี้สินสะสม ของบริษัท โดยหลังจากที่ WarnerMedia ของ AT&T ควบรวมกับ Discovery ในปี 2022 ทำให้ Warner Bros. Discovery แบกรับภาระหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันมีรายงานว่าหนี้สินรวมอยู่ที่ประมาณ 35,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ ไตรมาส 2 ปี 2025) ทำให้บริษัทต้องหาทางลดหนี้อย่างเร่งด่วนเพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงิน

นอกจากนี้ ธุรกิจสตรีมมิ่งก็มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากผู้เล่นจำนวนมากในตลาด เช่น Netflix, Disney+, Amazon Prime Video, และ Apple TV+ ขณะเดียวกัน ธุรกิจหลักเดิมอย่างช่องเคเบิลทีวี (เช่น CNN, Discovery Channel) กำลังเผชิญกับยอดผู้ชมที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Warner Bros. Discovery กำลังพิจารณา เพื่อให้ธุรกิจสตูดิโอและสตรีมมิงที่กำลังเติบโตสามารถแยกตัวจากภาระหนี้สินของธุรกิจทีวีดั้งเดิม    ซึ่งจะทำให้แต่ละส่วนมีความยืดหยุ่นและน่าสนใจสำหรับนักลงทุนมากขึ้น

สำหรับ Warner Bros. Discovery ถือเป็นหนึ่งในสตูดิโอที่เก่าแก่และได้รับการยกย่องที่สุดของฮอลลีวูด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้ผลิตภาพยนตร์คลาสสิกจากทุกยุคของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ แต่ถ้าหาก Netflix ซื้อ Warner Bros. จริง แฟน ๆ เองก็มีความกังวลว่าภาพยนตร์อาจจะไม่เข้าฉายโรงฯ และไปสู่การสตรีมมิ่งโดยตรง

Source / Source

]]>
1539471
จัดไปอีกเจ้า! “Max” จ่อเข้ม “ห้ามแชร์พาสเวิร์ด” สตรีมมิ่งใหญ่รายที่สามที่ใช้นโยบายนี้ https://positioningmag.com/1465508 Thu, 07 Mar 2024 09:04:00 +0000 https://positioningmag.com/?p=1465508 สตรีมมิ่งดัง “Max” (ชื่อเดิม: HBO Max) เตรียมออกกฎ “ห้ามแชร์พาสเวิร์ด” ช่วงปลายปีนี้ กลายเป็นสตรีมมิ่งรายที่สามที่ใช้นโยบายนี้ต่อจาก Netflix และ Disney+

เจบี พาร์เรตต์ หัวหน้าแผนกสตรีมมิ่งและเกม Warner Bros. Discovery บริษัทแม่ของบริการสตรีมมิ่ง “Max” ประกาศแผนเตรียมออกนโยบาย “ห้ามแชร์พาสเวิร์ด” ช่วงปลายปี 2024 โดยยังไม่บอกรายละเอียดกฎเกณฑ์ แต่จะทยอยใช้นโยบายนี้เป็นวงกว้างขึ้นภายในปี 2025

“Max” จึงนับได้ว่าเป็นบริการสตรีมมิ่งเจ้าที่สามแล้วที่ออกกฎห้ามแชร์พาสเวิร์ด หลังจากหัวหอกหลัก “Netflix” ที่เริ่มนโยบายนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2023 เป็นเจ้าแรกที่สร้างแรงสะเทือนในวงการ

ขณะที่ “Disney+ และ Hulu” เป็นค่ายสตรีมมิ่งเจ้าที่สองที่มีแผนใช้นโยบายนี้แล้ว โดยทาง Disney เริ่มส่งอีเมลหาลูกค้าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า บริษัทกำลังจะเปลี่ยนเงื่อนไขการให้บริการ และการให้ข้อมูลล็อกอินกับผู้อื่นที่ไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกันจะถือเป็นการละเมิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2024

ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเจ้าของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่างเผชิญตลาดที่มีคู่แข่งมากขึ้น จนทำให้การเพิ่มจำนวนสมาชิกตามปกติทำได้ยาก พวกเขาจึงหาทางออกด้วยการบีบให้ลูกค้าต้องเลือกว่าบริการสตรีมมิ่งเจ้าไหนที่ต้องการใช้งานมากที่สุดและจ่ายได้

Netflix ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่กล้าเสี่ยงก่อนเผชิญกับความผันผวนในช่วงแรก แต่ยอดผู้สมัครสมาชิกก็ถีบตัวกลับขึ้นมาได้ พิสูจน์ว่าการออกกฎห้ามแชร์พาสเวิร์ดกลายเป็นผลดีต่อ Netflix จริงๆ

สำหรับ Disney+ ยังไม่มีปัญหาการเพิ่มจำนวนสมาชิกมากนัก แต่ที่หนักคือปัญหา “การทำกำไร” ทาง “บ็อบ ไอเกอร์” ซีอีโอของ Disney เคยคาดการณ์ไว้ว่าสตรีมมิ่งน่าจะเริ่มทำกำไรได้จริงภายในปี 2024 บริษัทจึงต้องหานโยบายต่างๆ เพื่อทำให้เป้าหมายนี้เกิดขึ้นจริง นอกจากการห้ามแชร์พาสเวิร์ดแล้ว Disney ยังออกแพ็กเกจเทียร์ใหม่ “แพ็กเกจแบบมีโฆษณาคั่น” มาช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจง่ายขึ้นด้วย

ขณะที่ทาง Max ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาเมื่อ “Warner Bros.” ควบรวมกิจการกับ “Discovery” ทำให้บริการสตรีมมิ่ง HBO Max กับ Discovery+ ได้รวมกิจการเช่นกัน แม้ว่าแฟนคลับของ HBO Max จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่การรวมกันนี้ทำให้ Warner Bros. Discovery สร้างผลกำไรจากธุรกิจสตรีมมิ่งสำเร็จ

คอนเทนต์ของ HBO Max นั้นมีหลายเรื่องที่เป็นคอนเทนต์สุดฮิต ตั้งแต่ซีรีส์อย่าง Game of Thrones และภาคแยก House of the Dragon รวมถึงซีรีส์ The Last of Us คอนเทนต์เหล่านี้ถูกนำไปปล่อยดูฟรี/ดาวน์โหลดเถื่อนติดอันดับต้นๆ ของโลก สะท้อนให้เห็นคอนเทนต์ระดับแม่เหล็กที่น่าจะเป็นตัวสร้างดีมานด์ให้ผู้ใช้ใหม่ยอมสมัครสมาชิกเข้ามาชม แม้ว่าจะไม่สามารถแชร์พาสเวิร์ดกันได้แล้วก็ตาม

Source

]]>
1465508
“Warner Bros. Discovery” กับ “Paramount” ระงับดีลควบรวมกิจการ คุยกันมา 2 เดือนยังไม่ลงตัว https://positioningmag.com/1464565 Thu, 29 Feb 2024 12:39:38 +0000 https://positioningmag.com/?p=1464565 ดีลควบรวมกิจการของ “Warner Bros. Discovery” กับ “Paramount Global” ไปไม่ถึงฝั่ง มีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายเลือกจะระงับการเจรจาไปก่อน ดับฝันการรวมแอป “Max” (HBO Max) เข้ากับแอป “Paramount+” อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สนใจซื้อรายอื่นตกเป็นข่าวอีกเพียบ

CNBC รายงานจากแหล่งข่าววงในว่า “Warner Bros. Discovery” ขอระงับการเจรจาการควบรวมกิจการ “Paramount Global” ไปก่อน หลังจากคุยกันมานานไม่ต่ำกว่า 2 เดือน

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สนใจซื้อรายอื่นที่ตกเป็นข่าวกับ Paramount Global เช่น “Skydance Media” บริษัทสตูดิโอผลิตรายการทีวีและภาพยนตร์ของ “เดวิด เอลลิสัน” ขณะนี้ยังคงเจรจาความเป็นไปได้ที่จะซื้อกิจการ

รวมถึง “ไบรอน อัลเลน” เจ้าของบริษัทสื่อ “Entertainment Studios” ก็มีข่าวยื่นข้อเสนอซื้อ Paramount Global ทั้งบริษัทไปเมื่อเดือนก่อนด้วยเม็ดเงิน 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ CNBC รายงานด้วยว่าอัลเลนเป็นนักธุรกิจที่มีประวัติเรื่องยื่นข้อเสนอซื้อสินทรัพย์ในวงการสื่อแต่ไม่ซื้อจริงหลายครั้ง

ที่ผ่านมา Paramount Global มีการตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นมา พร้อมแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินด้วย เพื่อเฟ้นหาและเจรจาการขายกิจการทั้งบริษัทหรือขายสินทรัพย์บางส่วนออกไป

รายชื่ออื่นที่เคยตกเป็นข่าวกับ Paramount Global เช่น “Comcast” บริษัทเจ้าของสื่อ CNBC ออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้สนใจซื้อสินทรัพย์ใดของบริษัท แต่สนใจที่จะเป็นพันธมิตรเชิงพาณิชย์ร่วมกันมากกว่า ซึ่งอาจจะเป็นการควบรวมหรือทำธุรกิจร่วมกันในกลุ่มบริการสตรีมมิ่งของสองบริษัท คือ Peacock กับ Paramount+ อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Paramount Global จะสนใจการเป็นพันธมิตรกันหรือไม่ เพราะดูเหมือนบริษัทสนใจที่จะขายบริษัทเลยมากกว่า

“เดวิด ซาสลาฟ” ซีอีโอของ Warner Bros. Discovery และ “บ๊อบ บาคิช” ซีอีโอ Paramount Global ตกเป็นข่าวว่ากำลังเจรจาขั้นต้นในการควบรวมกิจการกันเมื่อเดือนธันวาคม 2023 จากนั้นบริษัทเข้าสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2024 ก่อนที่จะมีข่าวระงับดีลกันเดือนนี้

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ราคาหุ้นของ Warner Bros. Discovery ตกลง 10% หลังผลประกอบการของบริษัทรอบล่าสุดไม่เป็นไปตามที่คาด เมื่อปี 2023 ราคาหุ้นบริษัทตกลง 47% และขณะนี้อยู่ในช่วงราคาตกต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์

ราคาหุ้นของ Paramount Global เองก็ตกต่ำมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับสถิติต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์เช่นกัน

ข่าวนี้อาจจะถือเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับสาวกสตรีมมิ่ง เพราะหากการควบรวมสำเร็จ เป็นไปได้ที่บริการสตรีมมิ่ง Max (ชื่อเดิม HBO Max) จะรวมคอนเทนต์เข้ากับ Paramount+ โดยฝั่ง Max นั้นมีรายงานว่าดึงยอดสมาชิกได้ถึง 98 ล้านคนแล้ว ส่วน Paramount+ ก็มีสมาชิกสตรีมมิ่งแตะ 67.5 ล้านคนในปีที่ผ่านมา

Source

]]>
1464565
ลือ! ซีอีโอของ ‘Warner Bros. Discovery’ ซุ่มคุยกับซีอีโอ ‘Paramount’ เกี่ยวกับการ ‘ควบรวมกิจการ’ https://positioningmag.com/1456705 Thu, 21 Dec 2023 07:31:18 +0000 https://positioningmag.com/?p=1456705 ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่การมาของแพลตฟอร์ม วิดีโอสตรีมมิ่ง ที่ทำให้วงการสื่อเปลี่ยนเเปลงไป ค่ายผู้ผลิตสื่อรายใหญ่ก็ต้องลงสู่ตลาดสตรีมมิ่ง ท่ามการการแข่งขันที่ดุเดือด โดยล่าสุด สื่อได้ออกข่าวว่าผู้บริหารระดับสูงของของค่าย ‘Warner Bros. Discovery’ ได้ไปเจรจากับค่าย ‘Paramount’ เกี่ยวกับการ ‘ควบรวมกิจการ’

CNN ได้รายงานว่า David Zaslav ซีอีโอของ Warner Bros. Discovery ได้พบกับ Bob Bakish ซีอีโอของ Paramount Global เมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ณ สำนักงานใหญ่ของ Paramount ในไทม์สแควร์ นิวยอร์กซิตี้ เพื่อพูดคุยถึงความเป็นไปได้ในการควบรวมกิจการระหว่างทั้งสองบริษัท อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว

แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าทั้งสองบริษัทจะตกลงควบรวมกิจการกัน แต่หลายคนมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากทั้งสองบริษัทจะควบรวมกัน เพราะการควบรวมนี้อาจอาจทำให้อุตสาหกรรมสื่อพลิกผันได้อีกครั้ง ขณะที่ Paramount ก็ต้องการพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอดในปัจจุบัน

เพราะต้องยอมรับว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในยุคสตรีมมิ่งนั้นสูงขึ้นเรื่อย ๆ และยังต้องใช้เงินมหาศาล เพราะต้องแข่งทั้งผู้เล่นที่แข็งแกร่งมาก ๆ อย่าง Netflix และ Disney ขณะที่ปัจจุบันทั้งสองบริษัทเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในสภาพแวดล้อมของสื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เรตติ้งทีวีลดลงเนื่องจากลูกค้ายกเลิกบริการเคเบิลทีวีมากขึ้น ส่วนตลาดโฆษณากำลังเปลี่ยนไปสู่การสตรีม นอกจากนี้ ต้นทุนการสร้างคอนเทนต์ก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ 

ดังนั้น หากทั้งสองบริษัทควบรวมกัน Warner Bros. Discovery ก็จะได้แพลตฟอร์มของ Paramount+ มาเสริมแกร่งให้กับบริการสตรีมมิ่งอย่าง HBO ขณะเดียวกัน Paramount ก็จะได้ช่องทางการขายในต่างประเทศเพื่อส่งเสริมแฟรนไชส์ต่าง ๆ ของค่าย

“ฉันคิดว่ามันบ่งบอกถึงความตื่นตระหนก เพราะอุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับอนาคตที่ท้าทายอย่างยิ่ง พวกเขาจะพยายามทำให้ตัวเองใหญ่ขึ้นเพื่อแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่ง” Rich Greenfield นักวิเคราะห์อุตสาหกรรม ผู้ร่วมก่อตั้ง LightShed Partners กล่าว

อย่างไรก็ตาม Warner Bros. Discovery จะไม่สามารถทำธุรกรรมกับ Paramount หรือหน่วยงานอื่นใดได้ในขณะนี้ จนกว่ากฎหมายภาษีอากรที่ห้ามไม่ให้บริษัทเข้าซื้อกิจการหรือการควบรวมกิจการเพิ่มเติมจนกว่าจะหลังเดือนเมษายน 2024 เนื่องจาก WarnerMedia เพิ่งซื้อ Discovery ไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมาในมูลค่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน Warner Bros. Discovery มีมูลค่าอยู่ที่ราว 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน Paramount มีมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ทางบริษัทกำลังเผชิญกับภาระหนี้ ทำให้อยู่ภายใต้ความกดดันที่จะหาพาร์ตเนอร์ด้านกลยุทธ์หรือผู้ซื้อกิจการต่อ ดังนั้น อาจต้องรอดูว่าทั้งสองบริษัทจะตกลงควบรวมกิจการกันได้หรือไม่

]]>
1456705